Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวเชียงใหม่ฤดูฝน ตอนที่ 1 เช่ามอเตอร์ไซต์ขับไปตามรอยโครงการหลวง ชมพุ่มพวงดอกไม้งาม กลางฝนพรำ เย็นฉ่ำใจ

บล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนตุลาคม 2560 ทริปเชียงใหม่ในฤดูฝน สวยสุขล้นตามรอยโครงการหลวง ดูพุ่มพวงดอกไม้งาม อร่ามจับตาคณานับ
ขอกราบสวัสดี๊ดี สวีดั๊ดดัดเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผองชาวไทยและชาวเน็ตที่น่ารักและคึกคักอยู่บนโลกออนไลน์ อันไร้สายไร้พรมแดน สุดแสนจะเริ่ดสะแมนแตนอยู่ ณ ขณะนี้นะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน ขอมาเว้าวอนออนซอน ต้อนรับท่านเข้าสู่เว็ปบล็อกแนะนำที่พัก รีวิวท่องเที่ยว ให้ท่านได้ขับเคี้ยวอ่านกันจนปวดหัว ระรัวสมอง ประลองปัญญา จะได้เป็นคน(บ้า)เที่ยวไปด้วยกันนะค่ะ ถือว่ามาอ่านบล็อกฆ่าเวลา ส่วนตัวดิฉันเองก็ได้มาเขียนบล็อกเป็นงานอดิเรกหลังเลิกงานประจำไปค่ะ

ก็กลับมาอีกครั้งนะค่ะ สำหรับรีวิวบล็อกท่องเที่ยวประจำเดือนตุลาคมนี้ แหม่..หายไปเป็นเดือนเลยค่ะ ตอนแรกเดี๊ยนกะว่า เดือนนี้คงจะไม่ได้มาเคาะแป้นพิมพ์ เขียนรีวิวบล็อกท่องเที่ยวสไตล์บ้าๆบอๆประจำเดือนนี้เสียแล้วนะค่ะ  เพราะว่างานการในบริษัท ค้างอยู่บนโต๊ะทำงานเต็มไปหมด กว่าจะเคลียเสร็จก็เอาแทบเมื่อยเลยค่ะ แต่เผอิญมีเจ้านายใจดีค่ะ ยินยอมเซ็นใบลาให้ดิฉันได้ลางานไปสำราญพักผ่อนทุกๆเดือนนะค่ะ ดิฉันเลยก็ต้องทำทั้งงานประจำ และงานอดิเรกให้เกิดความสมดุลกันให้ได้ค่ะ เพราะถ้าไม่มีงานประจำ ก็ไม่มีเงินออกมาตะแล๊ดแต๊ดแต๋เที่ยวเป็นแน่แท้ค่ะ

ตามที่กล่าวไป เดือนนี้ดิฉันเลยโชคดีได้มีโอกาสไปเที่ยวอีกครั้ง เพื่อจะได้มีเรื่องมีราวโน้นนี้นั้น มาเขียนลงไว้ในเว็ปบล็อกนี้ จะได้เป็นบันทึกไดอารี่เรื่องคนชอบเที่ยวแบบบ้าๆบอๆ ทำไปเรื่อยเปื่อยค่ะ เอาไว้อ่านตอนแก่ๆ และได้เผื่อแผ่ให้ทุกท่านได้คลิ๊กเข้ามาจุ๊กกรูเปิดสไลด์ดูภาพด้วยค่ะ ถึงแม้รูปภาพอาจไม่สวยนักนะค่ะ เพราะไม่ได้ตกแต่งผ่าน Photoshop อะไรเลย เนื่องจากเวลามีเวลาจำกัดมากค่ะ ก็เลยเอาภาพตามมีตามเกิดที่ถ่ายมาเนี่ยแหละค่ะ ภาพดิบๆเอาลงใว้ในบล็อก สอดแทรกเนื้อหาสาระบ้างเล็กๆน้อย จะได้เกิดประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านด้วย ถึงแม้จะพิมพ์ผิดๆตกๆหล่นไปบ้าง ยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ

สำหรับรีวิวท่องเที่ยวท่องเที่ยวประจำเดือนตุลาคมนี้ ดิฉันได้มีโอกาสไปเที่ยวเชียงใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้แวะไปเที่ยวจังหวัดนี้เสียนานเลยค่ะ จำได้ว่าดิฉันเคยเขียนรีวิวเที่ยวเชียงใหม่ล่าสุดเมื่อต้นปีที่แล้ว เป็นทริปรีวิวปั่นจักรยานไหว้พระ 9 วัดรอบเมืองเชียงใหม่กระมังค่ะ ก็นานเป็นปีแล้วค่ะ แต่การมาเที่ยวเชียงใหม่รอบนี้ พอดีเกิดแรงบันดาลใจจากการได้ดูสารคดีตามทีวีและอินเตอร์เนตต่างๆ ที่ได้นำเสนอเรื่องราวดีๆของโครงการหลวง ที่ดูแล้วก็อยากไปตามรอย แวะศึกษาและเที่ยวชมสักครั้งค่ะ
การมาเชียงใหม่รอบนี้ ดิฉันเลยขอมาเที่ยวตามรอยโครงการหลวง ถึงแม้จะว่าการเดินทางท่องเที่ยวไปตามสถานที่อาจจะมีอุปสรรคไปด้วยสายฝนที่โปรยปรายตลอด แต่ก็ไม่ทำให้ตัวดิฉันไหวหวั่นแต่อย่างใด เพราะด้วยแรงปณิธานอันแรงกล้าที่เป็นคนชอบเที่ยว ชอบเดินทาง ถึงแม้ว่าจะมีเวลาจำกัดแค่น้อยนิด แต่ยังไงดิฉันก็ขอทำหน้าที่เป็นนักเดินทางท่องเที่ยว เพื่อจะได้นำเรื่องราวที่ได้มาแบ่งปันให้ท่านได้อ่านหรือดูภาพ จะได้ออกไปท่องเที่ยว ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ชุมชนเกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ด้วยค่ะ

โดยทริปเที่ยวเชียงใหม่ในเดือนนี้ ดิฉันไปเที่ยว 3 วัน 2 คืนค่ะ จริงๆแล้วก่อนหน้านี้วางแผนไป 4 วัน 3 คน แต่ด้วยวันสุดท้ายติดงานนัดลูกค้าที่บริษัท ก็เลยลาต่อไมได้ค่ะ ทริปนี้เลยจัดไป 3 วันค่ะ โดยได้ไปเที่ยววันที่ 17-19 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านนี้เองค่ะ

ทริปลุยเดี่ยว เช่ามอเตอร์ไซต์ขับแวะไปตามสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ 3 แห่งดังนี้ค่ะ
1.ไปตามรอยโครงการหลวงบนดอยอินนทนนท์
2.ไปนอนตามน้ำค้างกลางสายฝน ชมนาขั้นบันใด ที่บ้านป่าปงเปียง อำเภอแม่แจ่ม
3.ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่บ้านแม่กำปอง หมู่บ้านที่ใครๆก็แวะไปกัน เลยอยากไปเทียวบ้างค่ะ

เอาล่ะค่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลามากไปกว่านี้  ในบล็อกบทความตอนที่ 1 นี้ ดิฉันมารีวิวตะลุยคนเดียว ขับมอเตอร์ไซต์ไปตามรอยเที่ยวชมโครงการหลวงบนดอยอินทนนท์กันเลยค่ะ เผื่อใครยังไม่เคยแวะไป ลองไปกันดูนะค่ะ เพราะแว๊นๆแวะไปกันดูนะค่ะ เพราะสวยงามอร่ามจับตาไปด้วยมวลดอกไม้และพืชผักนานาพันธ์ให้ได้เดินสุขสันต และลิ้มลองรสชาติกันอย่างสำราญใจ

การเดินทางไปโครงการหลวงดอยอินนนท์ เดินทางไปได้อย่างไร?
- ดิฉันตัดสินใจเช่ามอเตอร์ไซต์จากสถานีขนส่งอาเขตในเมืองเชียงใหม่ขับไปบนดอยค่ะ คือสะดวกสุดๆแล้วค่ะ อาจจะดูโหดหน่อยนะค่ะ แต่ไปได้ทั่วสะดวกดีค่ะ
- ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ วันละ 200 บาท เช่า 3 วันค่ะ รวม 600 บาทค่ะ
- ค่าเช่าหมวกกันน๊อค 100 บาท
- กรณีที่ใครไม่อยากขับมอเตอร์ไซต์แบบดิฉัน ก็เลือกนั่งรถโดยสารจากเชียงใหม่มาลงที่จอมทอง จากนั้นเหมารถเหลืองขึ้นมาบนดอยอินทนนท์ได้ค่ะ

พักค้างที่ใหนดี ?
- ดิฉันไปนอนพักกางเต็นท์ที่บ้านป่าปงเปียงในอำเภอแม่แจ่ม เนื่องจากเป็นทุ่งนาขั้นบันใดวิวสวยดีค่ะ ราคาคืนละ 400 บาทค่ะ รวมอาหารเช้า-เย็น
- ส่วนใครที่แวะมาเที่ยวดอยอินทนนท์ไม่อยากมาพักไกลถึงแม่แจ่มนะค่ะ ก็แนะนำพักที่บ้านแม่กลางหลวงได้ค่ะ เพราะมีทุ่งนาขั้นบันใดสวยๆให้นอนพักสบายเหมือนกัน
- หรือจะพักที่โครงการหลวง หรือพักที่บ้านพักอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ก็ได้ค่ะ 
 การเดินทางไปเชียงใหม่ของดิฉันในครั้งนี้ เลือกโดยสารรถบัสค่ะ เพราะราคาถูกดีค่ะ ตอนแรกจะนั่งเครื่องบินมาเนี่ยแหละค่ะ แต่ไปเช็คดูตั๋วเครื่องบินแล้ว เดี๊ยนสู้ราคาไม่ไหวจริงๆค่ะ  เลยเลือกนั่งนครชัยแอร์เนี่ยแหลค่ะ 551 บาท จะได้มีตังเก็บไว้ไปทำอย่างอื่นด้วยค่ะ 
นั่งรถบัสจากนครชัยแอร์จากกรุงเทพตอน 3 ทุ่ม ถึงสถานีขนส่งเชียงใหม่เวลา 7 โมงกว่าเลยนะค่ะ โอ้ย.. นั่งจนเมื่อยตูด เมื่อยหลังไปหมดเลยค่ะ

เอ้ทำไมนานจังเลย จากที่เคยนั่งเมื่อก่อนตี 5 ครึ่งก็ถึงแล้วนะ แต่ไปถามเจ้าหน้าที่บนรถบอกว่า ปัจจุบันรถบัสโดยสาร ขับเร็วเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว
 ดิฉันแบกกระเป๋าเป้เดินออกจากสถานีขนส่งนครชัยแอร์ ใกล้ๆมีร้านโจ๊กอยู่ใกล้ เลยแวะทานรองท้องไปก่อนค่ะ จัดไปมื้อแรกค่าเสียหาย 35 บาทค่ะ รสชาติไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่นัก
 พอทานข้าวอิ่มแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็เดินมาที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ใกล้ๆสถานีขนส่งอาเขตค่ะ มีร้านมอเตอร์ไซต์ให้เช่าหลายร้านเลยค่ะ แต่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเช่ากันก็จะเป็นร้าน Bikky ค่ะ ร้านใหญ่ประจำเมืองเชียงใหม่ แถมมีสาขาหลายแห่งเลยค่ะ
 สำหรับดิฉันครั้งแรกเลยนะค่ะ ที่มาติดต่อเช่ามอเตอร์ไซต์ขับจากที่นี้ เพราะปกติมาเที่ยวเชียงใหม่ ก็จะเช่ารถจากโรงแรมค่ะ แต่ครั้งนี้นั้งรถโดยสารมาลงที่สถานีขนส่งอาเขต เลยไปค้นหาข้อมูลในเนต เห็นของ bikky น่าจะโอเคสุดล่ะ
ดิฉันเลือกเช่ามอเตอร์ไซต์แบบเกียร์ค่ะ เพราะไม่ค่อยถนัดออโต้เท่าไหร่ พอดีเป็นคนโบราณค่ะ ชอบขับรถรุ่นเก่า เลยเลือกเช่ามอเตอร์ไซต์รุ่นที่ถูกที่สุด

ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ วันละ 200 บาท
เช่า  3 วัน ดอยอินทนนท์- บ้านป่าปงเปียง- แม่กำปอง รวม 600 บาท
ค่าเช่าหมวกกันน็อคแบบมีกระบังหน้าอีก 100 บาท
รวมค่าเสียหาย 700 บาท
ได้มอเตอร์ไซต์มาแล้วก็พร้อมลุยเลยค่ะ Let's go ไชโยโฮฮิ้ว แต่ฮิ้วไม่ออกแล้วค่ะ เพราะวันนั้นที่ไปก็มืดฟ้ามัวดินไปหมดคิดว่าฝนคงตกแน่นอนค่ะ

และอุปกรณ์นำทางในการช่วยนำทางคงหนีไม่พ้น GPS ในมือถือของแผนที่ใน Google map ที่พอจะช่วยนำทางได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยเสมอไปค่ะ เพราะมันไม่ค่อยเป๊ะเท่าไหร่ค่ะ บางครั้งก็หลงทางมาหลายครั้งแล้วค่ะ 555
ดิฉันขับมอเตอร์ไซต์ออกจากสถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่มาประมาณ 10 กว่ากิโลได้ค่ะ แวะที่สถานสงเคราะห์บ้านเด็กกำพร้าปิยวัฒน์ แต่กว่าจะมาถึงก็สับสนและงวยงงกับเส้นทางพอสมควรนะค่ะ เพราะไม่รู้ว่าสถานสงเคราะห์แห่งนี้อยู่ตรงใหนค่ะ แต่ก็ขับมาดูตามป้ายไปเรื่อย แวะถามชาวบ้านบ้างจนเจอค่ะ

โดยบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ ตั้งอยู่ในอำเภอสารภี อยู่ใกล้ๆกับเวียงกุมกาม แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ชื่อดังอีกแห่งของเชียงใหม่ค่ะ

จุดประสงค์จงใจ ที่ดิฉันมาที่นี้เพื่อร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กกำพร้าในบ้านแห่งนี้ค่ะ ขอเป็นส่วนหนึ่งและส่วนเล็กๆในการช่วยเหลือสังคมค่ะ
ดิฉันขับมอเตอร์ไซต์ เข้ามาด้านในบ้านปิยวัฒนโดยไม่ได้โทรนัดล่วงหน้าเลยค่ะ เข้ามาในบ้านก็เงียบสงัดเชียวค่ะ
พอเข้ามาก็มีคุณพี่ปรีชา ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเด็กกำพร้าปิยวัฒน์มาให้การต้อนรับอย่างดีเลยค่ะ โดยดิฉันก็ได้มอบเงินจำนวนนึงให้กับทางบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ค่ะ ถึงแม้จะไม่มากแต่ก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเด็กในบ้านหลังนี้ค่ะ 
หากท่านใดที่แวะมาเที่ยวเชียงใหม่ ยังไงแวะมาร่วมบริจาคสิ่งของหรือเงินตามสถานสงเคราะห์ต่างในจังหวัดเชียงใหม่ได้ค่ะ ยังมีอีกหลายแห่งเลยค่ะ

เกี่ยวกับบ้านเด็กกำพร้า (Piyawat Orphan House)
บ้านเด็กกำพร้าปิยวัฒน์ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2551 โดยเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของครอบครัว "คุณปรีชา จ้าวเจริญ" ที่ได้สูญเสียลูกชายคนเล็กคือ น้องแม๊กกี้หรือ เด็กชายปิยวัฒน์ เจ้าเจริญ อันเกิดจากกระบังลมไม่แข็งแรง แม๊กกี้ได้จากโลกนี้ไป เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2551 ปัจจุบันบ้านเด็กกำพร้าปิยวัฒน์ให้การอุปการะแก่เด็กกำพร้าทั้งหมด 39 คน โดยเป็นเด็กชาย 20 คน และหญิง 16 คน และเป็นลูกค้าเจ้าหน้าที่อีก 3 คน รวมทั้งหมด 39 คน ซึ่งเด็กที่รับอุปการะเป็นเด็กชาวไทยภูเขาเผ่าม้งทั้งหมด ที่มีปัญหาพ่อแม่แยกทางกัน พ่อแม่เสียชีวิต และมาจากครอบครัวที่ยากจนขาดคนดูแล ด้วยเหตุนี้บ้านเด็กกำพร้าปิยวัฒน์จึงได้ก่อตั้งขึ้น

วัตถุประสงค์บ้านเด็กกำพร้าปิยวัฒน์ 

1.เพื่อให้เด็กกำพร้าที่ยากจนและได้รับความบอบช้ำด้านร่างกายและจิตใจ ให้ได้รับการรักษาและปกป้องทางความรัก
2.เพื่อให้เด็กกำพร้าที่ยากจนมีที่พักอาศัยในสังคม และสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรพร้อมอาหาร 3 มื้อ
3.เพื่อให้เด็กกำพร้าที่ยากจนได้มีอนาคตและความหวังดโยได้เข้าโรงเรียนและเรียนหนังสือ

โดยทางคุณปรีชาได้แจ้งว่า ยังมีเด็กชาวเขาอีกเยอะมากที่อยู่บนดอย ที่เป็นเด็กกำพร้า และครอบครัวมีปัญหา ทำให้เด็กเหล่านั้น ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ทางคุณปรีชาเองก็ไม่สามารถที่จะรับเด็กเหล่านั้นมาอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ได้ เนื่องด้วยงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดจึงไม่สามารถรับเด็กมาเพิ่มภาระได้

หากท่านใดที่แวะมาเที่ยวเชียงใหม่อยากจะมาร่วมบริจาคสิ่งของเครื่องอุปโภคที่จำเป็น สามารถติดต่อบ้านเด็กกำพร้าได้ที่คุณปรีชา โทร 053-816002 หรือ 081-0232074 ที่อยู่บ้านเด็กกำพร้าปิยวัฒน์ 69/1 ม.11 ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ 

และไม่ไกลนักจากบ้านเด็กกำพร้าปิยวัฒน์ ดิฉันก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์มายังวัดช้างคำ เพื่อมาดูจุดค้นพบเวียงกุมกามค่ะ
 เข้ามาด้านในวัด บรรยากาศดูร่มรื่น อากาศเย็นสบายๆ ภายในดูเงียบสงบ สยบความครึนเครงดีเหลือเกินค่ะ  เดินเข้าลอดซุ้มต้นไม้วัดไปก็จะมีเป็นซากโบราณสถานที่ค้นพบว่าเป็นเวียงกุมกามให้ได้ชมและศึกษากันค่ะ ถือได้ว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์อย่างดีทีเดียว
สาระน่ารู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวัดกานโถม หรือวัดช้างคำ

สำหรับโบราณสถานวัดกานโถมนั้นประกอบไปด้วยวิหาร หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ด้านหลังมีอาคารเชื่อมต่อออกไปมีลักษณะเป็นมณฑป หลังวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพงศาวดารโยนก ระบุไว้ว่าพระยามังรายโปรดให้สร้างวัดกานโถมในราวปี พ.ศ.1831 มีเจดีย์ฐานกว้าง  12 เมตร สูง 18 เมตร ทำซุ้มคูหาสี่ทิศ ซ้อนเป็นสองชั้น ชั้นล่างไว้พระพุทธรูปนั่ง 4 องค์ ชั้นบนไว้พระพุทธรูปยืนหนึ่งองค์ มีรูปอัครสาวกพระโมคคัลลานะ สารีบุุตร และรูปพระอินทร์กับทางธรณีด้วย นอกจากนี้ในบริเวณวัดกานโถมยังมีต้นศรีมหาโพธิ์ ที่ได้อัญเชิญมาจากเมืองลังกาในสมัยพญามังราย ซึ่งเป็นหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญอีกด้วย

นอกจากพระพิมพ์ดินเผาสกุญช่างหริภูญไชยจำนวนหนึ่งแล้ว ยังพบจารึกหินทรายใช้อักษร 1 แบบคือ
1. อักษรมอญ เป็นอักษรที่เก่าแก่ที่สุด อายุที่จารึกอยู่ในราว พ.ศ.1750-1850
2.อักษรที่มีลักษณะระหว่าง อักษรมอญกับอักษรไทย เป็นอักษรไทยเป็นอักษรร่วมสมัยกัน ลักษณะอักษรแสดงวิวัฒนาการในช่วงเวลาที่คนไทยยืมอักษรมอญมาเปลี่ยนแปลงเป็นอักษรไทยใหม่ เพื่อใช้เขียนเป็นภาษาไทย อายุที่จารึกอยู่ในราว พ.ศ.1820-1860
3.อักษรสุโขทัยและอักษรฝักขามรุ่นแรกอายุที่จารึกอยู่ในราวช่วงก่อนปี พ.ศ. 1940 โดยทางกรมศิลปากรดำเนินการขุดแต่งและบูรณะในปี พ.ศ.2527 
 และภายในวัดก็มีหอพญามังรายให้เข้าไปสักการะกันด้วยค่ะ
 ร่องรอยของโบราณสถานเวียงกุมกามที่ยังหลงเหลือให้เห็นอยู่เป็นเพียงซากโบราณสถานค่ะ อายุอาณาหลายร้อยปีเลยค่ะ
ใกล้ๆกันก็มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่มากค่ะ มีไม้ค้ำสะหลี หรือไม้ค้ำต้นโพธิ้วางค้ำรายล้อมรอบต้นโพธิ์ค่ะ

สาระน่ารู้เกี่ยวกับไม้ค้ำโพธิ์ หรือภาษาเหนืออู้กันว่า ไม้ค้ำสะหลี คืออาหยัง? 
ไม้ค้ำโพธิ์ เป็นความเชื่อของชาวล้านนาที่สืบทอดกันมายาวนาน โดยเรียกเป็นภาษาพื้นเมืองว่า ไม้ค้ำสะหลี ความเชื่อที่ว่านั้นคือ ไม้ใหญ่มักจะมีเทพเทวาสถิต โดยเฉพาะต้นไม้ที่มีอยู่ในพุทธประวัติ ซึ่งถือกันว่ามีความเป็นมงคลยิ่ง
หลังจากที่ดิฉันเดินโบราณสถานที่เวียงกุมกามแล้วนะค่ะ จากนั้นดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์ออกจากเวียงกุมกามในอำเภอสารภี มุ่งหน้าสู่ดอยอินทนนท์ค่ะ ระหว่างทางขับรถมาออกจากอำเภอหางดง ฝนฟ้าก็เริ่มไม่เป็นใจ ปล่อยสายน้ำจากฟากฟ้าให้เย็นซ่าไปทั่วทุกพื้นที่ค่ะ ดิฉันเลยต้องหยุดชะงักจอดระหว่างทาง มาเปิดกระเป๋าเอาเสื้อกันฝนใส่ขับมุ่งตรงไปยังอำเภอจอมทองค่ะ

ช่วงขับรถมอเตอร์ไซต์ก็ขับเร็วไม่ค่อยได้ค่ะ ขับไปเรื่อยๆ เมื่อยก็หยุดพักค่

พอถึงอำเภอจอมทองก็แวะปั้มน้ำมัน ปตท.ค่ะ เพื่อไปเข้าเซเว่นหาซื้อของกินยัดใส่กระเป๋าไปทานในมื้อเย็นนี้ค่ะ


ข้อแนะนำดีๆสำหรับการขับมอเตอร์ไซต์เที่ยวในช่วงหน้าฝนนะค่ะ
1.เตรียมเสื้อกันฝนพกไปด้วยค่ะ เพราะจะต้องใส่
2.ระหว่างขับมอเตอร์ไซต์ตอนฝนตก อย่าขับรถเร็วนะค่ะ เพราะถนนลื่นมากๆโดยเฉพาะระหว่างขับรถขึ้นหรือลงดอย ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษค่ะ
3.เตรียมร่มไปด้วยค่ะ
4.พกอีแตะหรือรองเท้าแตะไปด้วยค่ะ
5.ยาแก้ปวดทง ปวดท้อง หรือยาพารง ยาพารา ก็พกลั๊ลลาใส่กระเป๋าไปด้วยนะค่ะ เผื่อเกิดไม่สบงไม่สบายขึ้นมาจะได้กินยาช่วยบรรเทาอาการได้ค่ะ
หลังจากได้แวะเพื่อเติมน้ำมันที่ปั๊ม ปตท.และแวะอ้อล้อซื้อของกินใส่กระเป๋าแล้ว ดิฉันก็แว๊นๆมอเตอร์ไซต์ขับไฉไลสุดดอยอินทนนท์ค่ะ ระหว่างทางขับรถมา ฝนก็หยุดบ้างตกบ้าง สองข้างทางก็เขียวชะอุ่มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้างดงามอร่ามจับตาคณานับยิ่งนักค่ะ คือแบบว่าอากาศดีมากๆค่ะ แต่ต้องขับรถก็ต้องระวังมากด้วยเช่นกัน เพราะถนนลื่นเอาเสียมากๆค่ะ
 ขับรถมาถึงด่านจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน
เสียค่าธรรมเนียม 50 บาท
ค่ายานพาหนะ 20 บาท รวมเป็น 70 บาท ต้องเก็บไว้ตอนแสดงตั๋วตอน
 ขัมรถมอเตอร์ไซต์ขึ้นดอยมาเรื่อยๆ ก็รู้สึกเริ่มเมื่อยหลัง เมื่อยตูดเลยแวะหยุดพักที่น้ำตกสิริธารค่ะ เนื่องจากเป็นน้ำตกที่เดินไปไม่ไกล แวะมาชมน้ำตกนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วค่ะ จำได้ว่ามาชมน้ำตกนี้ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2548 หรือ 11 ปีมาแล้วค่ะ ครั้งนี้ขอมาเดินรำลึกความหลังดูหน่อยสิ ว่าน้ำตกแห่งนี้สวยขึ้นมากใหม๊
บรรยากาศทางเดินลงก็ชุ่มฉ่ำไปด้วยละอองสายฝน และความเขียวชะอุ่มของผืนป่าค่ะ ได้ยินเสียงน้ำตกร้องคระครี้มอยู่แต่ใกล้ๆ
 เดินลงมาก็เห็นสายน้ำตกโหมกระหน่ำถาโถมจากหน้าผาสูงชัน ตกกระแทกสู่หินชั้นล่างเกิดเสียงประเคาะกระโคมดังโหมกระหน่ำไปทั่วผืนป่าพนารี ให้ได้ฉิมพลีกันอย่างออนซอนเชียว
 น้ำตกสิริธาร น้ำตกสูงประมาณ 40 เมตรเกิดจากห้วยแม่กลางมีน้ำไหลตลอดทั้งปี ต้นน้ำอยู่บนยอดดอยอินทนนท์ สภาพป่าโดยรอบเป็นป่าดิบเขาและป่าสนเขา
สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จทอดพระเนตร เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2545 และ 24 มีนาคม 2547 พระราชทานนามว่า "สิริธาร"
เห็นน้ำตกแล้วก็ชุ่มฉ่ำบานใจเหลือเกินค่ะ เพราะละอองก็สายน้ำตกก็ลอยฟุ้งคละคลุ้งมาถึงลานชมน้ำตกค่ะ บรรยากาศโดยรอบและรายล้อมไปด้วยป่าเขาสีเขียว อากาศก็สดชื่น โอโซนก็สดใส ไฉไลเริ่ดเว่อร์จริงๆค่ะ
 เดินมาที่ลานจอดก็จะเป็นป่าสนต้นสูงใหญ่ เรียงรายเป็นทิวไม้เอียงเอนให้เห็นกันอยู่เต็มตา
 หลังจากที่ได้พักผ่อน อรชร อ๊อนแอ๊น ชมน้ำตกที่แสนสวยสะทกสะท้านหวั่นไหวถึงดวงหฤทัย ประดุจดั่งไฟบรรลัยกัลป์แล้วนะค่ ดิฉันก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ขับต่อไปเพื่อให้ถึงที่หมายค่ะ
 ระหว่างทางขับรถออกมา ก็จอดชะงัดหยุดลั๊ลลาแวะชมทุ่งนาสีเขียวขจี ฉวีผ่องเป็นยองใยของทุ่งนา แม่กลางหลวงก่อนค่ะ เพราะสวยงามเหลือเกิน ถึงแม้สายฝนจะโปรยปราย แต่บรรยากาศก็ช่างดีงามแสนเหลือหลายให้พร่างพราย พักสายตาช่ะช่ะช่าหัวใจค่ะ
มีดอกดาวเรืองปลูกแซมแรมเรือง อยู่ริมถนนให้ชำเลืองดูกันอย่างอร่ามจับตาค่ะ 
 ทุ่งนาข้าวสีเขียวของแม่กลางหลวงแห่งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ในหลวงทรงพระราชดำริให้แก่ชาวบ้านบนยอดดอยแห่งนี้ได้ปลูกข้าวไว้ทาน แต่ปัจจุบันทุ่งนาขั้นบันใดที่แม่กลางหลวงแห่งนี้ก็ถือเป็นจุดชมวิว และมีที่พักมาเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวได้แวะมาพักผ่อนกันค่ะ
ข้าวออกรวงแตกเป็นสีเขียวเหลืองเริ่มจะแก่ ใกล้ที่พร้อมจะเก็บเกี่ยวแล้วค่ะ
หลังจากที่ขับรถมอเตอร์ไซต์ออกจากเมืองเชียงใหม่แต่เช้า แวะไปพักสกาวตรงโน้น ตรงนี้ ในที่สุดก็ถึงสักทีนะค่ะ โครงการหลวงดวงอินนทนนท์ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายตลอดเส้นทางค่ะ ข้อดีของการเทียวหน้าฝนคือ เย็นฉ่ำสบาย ไม่ร้อนค่ะ แต่เฉอะแฉะ เปียกปอนไปหน่อยค่ะ 

จากแต่ก่อนที่เคยแวะมาดอยอินทนนท์ มาชมยอดดอยอย่างเดียว แต่มาครั้งนี้ดิฉันถือโอกาศแวะมาเที่ยวชมโครงการหลวงด้วยค่ะ เพราะจะได้ลิ้มลองรสชาติผักสดที่ได้ขบเคี้ยวและกรุบกรอบและกรุบกริบจนต้องไปกระซิบบอกต่อค่ะ นอกจากนี้ยังมีดอกไม้งามให้เดินชมกันตามใจชอบและศึกษาหาความรู้กันค่ะ
สายฝนยังคงโปรยปรายไม่หยุดค่ะ ตกหลงเป็นช่วงๆ หนักบ้าง เบาบ้าง ตามจังหวะจะโคนแล้วตามอารมณ์ของพระพิรุณจะปล่อยสายน้ำลงมาจากท้องฟ้าค่ะ
เข้ามาในโครงการก็เสียค่าธรรมเนียม 20 บาทค่ะ

พอเข้ามาในโครงการหลวงด้านในนะค่ะ ดิฉันรีบเดินไปที่ร้านอาหารในโครงการเลยค่ะ เพราะว่ากระเพาะร้องหาอาหารมาก ขับรถจากเชียงใหม่ มาถึงดอยอินทนนท์ก็เที่ยงครึ่งพอดีค่ะ
ร้านอาหารในโครงการหลวงคนก็เยอะพอสมควรค่ะ เนื่องจากเป็นช่วงเที่ยงพอดีค่ะ ที่เห็นโต๊ะโล่งนี้ๆนะค่ะ เป็นโต๊ะที่จองไว้แล้วสำหรับกรุ๊ปทัวร์ชาวต่างชาติค่ะ
มาเปิดเมนูลิ้มลองรสชาติอาหารในโครงการหลวงดูสิว่ามีอะไรกินบ้างค่ะ
ดูเมนูอาหารแต่ละอย่างก็น่าทานทั้งนั้นค่ะ แต่ราคาเดี๊ยนคงจะสู้ไม่ไหวกระมังค่ะ
มาเที่ยวคนเดียว เลยขอสั่งอาหารจานเดียวมาทานแล้วกันค่ะ น่าจะเร็วดีค่ะ
สั่งน้ำดื่มมาทาน เป็นน้ำพีชปั่น รสชาติหวานกลมกล่อมกำลังดีค่ะ
สั่งอาหารไปรอเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาแล้วค่ะ เพราะวันนั้นมีกรุ๊ปนักท่องเที่ยวต่างชาติมาทานด้วย ทางพนักงานเสริฟเลยแจ้งดิฉันว่า อาหารอาจมาช้าหน่อย เพราะพ่อครัวแม่ครัวต้องทำอาหารบุฟเฟ่ต์ค่ะ
- อาหารมื้อนี้สั่งไปเป็นอาหารจานเดียว ข้าวผัดดอยคำ
- ส่วนอีกเมนูเป็นผัดป๊วยเล้งน้ำมันหอย
ข้าวผัดดอยคำ ดูคล้ายๆข้าวผัดเบคอนนะค่ะ  ตั้งชื่อซ่ะน่าทานเชียว ตอนแรกเดี๊ยนคิดว่าน่าจะเป็นผลไม้ดอยคำอะไรสักอย่างเอามาผัดกับข้าวแล้วตั้งชื่อเป็นข้าวผัดดอยคำ ที่ใหนได้ เป็นข้าวผัดเบคอนดีนี้เอง แหม่...ช่างตั้งชื่อให้หลงไหลมาสั่งทานจังนะค่ะ

ลิ้มลองข้าวผัดแล้วรสชาติอร่อยดีค่ะ ข้าวผัดจริงๆ ข้าวไม่แฉะเป็นน้ำ ผัดข้าวแห้งๆกินเบคอนเค็มๆเข้ากันดีนะค่ะ
ส่วนอีกเมนูผัดป๊วยเล้ง ลิ้มลองแล้ว รสชาติเค็มไปหน่อยค่ะ ทานแล้วไตทำงานดี๊ดีนะค่ะ เดี๊ยนไม่ทานเค็มค่ะ น่าจะลดเกลือสักหน่อยค่ะ หรือเต็มน้ำลดเค็มอีกสักหน่อย จะกลมกล่อมเชียวค่ะ
รวมค่าเสียหายมื้อนี้หมดไป 240 บาทค่ะ 
หลังจากที่ทานอิ่มแล้วนะค่ะ ก็รอให้ฝนหยุดตกหรือฝนค่อยซาลงหน่อยค่ะ แต่ดูท่าทางแล้วคงไม่แล้วค่ะ เพราะฝนยิ่งตกกระหน่ำลงมาหนักกว่าเดิม สงสัยพระพิรุณจะพิโรธเลยจัดหนักเทน้ำจากฟ้าลงมาสู่พื้นพสุธาซ่ะเย็นฉ่ำเชียวค่ะ
ดิฉันรออยู่เกือบ 40 กว่านาทีฝนคงไม่หยุดตกแน่ หากนั่งอยู่เฉย มีหวังไม่มีภาพจากโครงการหลวงมาลงในบล็อกเป็นแน่ เดี๊ยนเลยตัดสินกางร่มใบกะจิ๋วหลิว มาเดินรับวิว ถ่ายรูปดอกไม้งาม ท่ามกลางฝนพร่ำเนี่ยแหล่ะค่ะ ได้บรรยากาศไปอีกแบบค่ะ 
 เดินกางร่ม ท่ามกลางฝนพร่ำๆ มาท่องเที่ยวชมสวนดอกไม้ด้านหน้าที่ทำการค่ะ
ก่อนจะไปเดินดูมุมดอกไม้ในสวน 80 พรรษานะค่ะ
ดิฉันขอมาบอกเล่าสาระดีๆเกี่ยวกับสถานีเกษตรหลวงแห่งนี้่ให้ทุกท่านได้อ่านกันก่อนค่ะ

จากพระราชดำรัสของในหลวงกล่าวไว้ว่า "เรื่องที่จะช่วยชาวบ้านและโครงการของชาวเขานั้น มีประโยชน์โดยตรงกับชาวเชา เพื่อจะส่งเสริมหรือสนับสนุนให้ชาวเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถที่จะเพาะปลูกสิ่งที่เป็นประโยชน์และรายได้ของเขาเอง ที่มีโครงการนี้จุดประสงค์อย่างหนึ่งก็คือ มนุษยธรรม หมายถึง ให้ผู้ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารสามารถที่จะมีความรู้และพยุงตัว มีความเจริญก้าวหน้าได้อีกอย่างหนึ่งก็เป็นเรื่องช่วยในทางที่ทุกคนเห็นว่าควรจะช่วยเพราะปัญหาใหญ่คือ ปัญหาเรื่องยาเสพติด ถ้าสามารถช่วยชาวเขาปลูกพืชที่เป็นประโยชน์บ้าง เขาจะเลิกปลูกยาเสพติด คือฝิ่น ทำให้นโยบายการระงับการปราบปรามการปลูกฝิ่นและการค้าฝิ่นได้ผลดี อันนี้ก็เป็นประโยชน์อย่างหนึ่ง

ผลอีกอย่างหนึ่งซึ่งสำคัญมากก็คือ ชาวเขาตามที่รู้เป็นผู้ที่ทำการเพาะปลูกโดยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ถ้าพวกเราทุกคนไปช่วยชาวเขาก็เท่ากับช่วยบ้านเมืองให้มีความดี มีความกินดี อยู่ดี และปลอดภัยได้อีกทั่วประเทศ เพราะถ้าสามารถทำโครงการนี้ได้สำเร็จ ให้เขาอยู่เป็นหลักแหล่ง สามารถที่จะมีความอยู่ดีกินดีพอสมควารและสนับสนุกสโยบายที่จะรักษาป่า รักษาดินให้เป็นประโยชน์ต่อไป ประโยชน์อันนี้จะยั่งยืนมาก"

 เดินชมน้ำตกเล็กในโครงการค่ะให้ชื่นชมกันอย่างเย็นฉ่ำทีเดียวค่ะ
เดินขึ้นมาหลบฝนด้านบนจะเป็นบ้านหลังเล็กๆมุ้งมิ้ง เรียกว่าบ้านหม่อมเจ้าค่ะ มีต้นเฟิร์นหรือต้นปรงไม่รู้นะค่ะ งอกอยู่บนหลังคาดูสดชื่นเชียวค่ะ
 ขึ้นมาก็จะเห็นวิวทิวทัศน์ของโครงการหลวงค่ะ
 มาเดินหลบฝนรอบๆบ้านจะมีภาพของในหลวงเสด็จมาเยือนที่นี้ให้ชมกันด้วยค่ะ แต่เข้าไปด้านในบ้านไม่ได้นะค่ะ
 ภาพแรกเป็นภาพที่อธิบายเกี่ยวกับบ้านหม่อมเจ้าค่ะ

บ้านหลังนี้คือบ้านทรงงาน ณ โครงการหลวงดอยอินทนนท์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2523 โดยเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จเยี่ยมราษฎรและชาวโครงการหลวงอินทนนท์ในปี พ.ศ.2532 และ พ.ศ.2534 พระองค์ได้ใช้บ้านหลังนี้เป็นที่ประทับทรงงาน นอกจากนี้ บ้านหลังนี้ยังได้เป็นสถานที่ทรงงานของพระบรมวงศานุวงศ์อีกด้วย ปัจจุบันเรียกวา "บ้านหม่อมเจ้า" เนื่องจากเคยเป็นที่ประทับและที่ทำงานของหม่อมเจ้าภีคเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง
 ภาพในหลวงเสด็จทรงงานในโครงการหลวงดอยอินทนนท์
ภาพนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ และสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จโครงการหลวงดอยอินทนนท์เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2530
หลังจากที่ได้แวะชมบ้านหม่อมเจ้าแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เดินกางร่มลงมาเดินชมสวนดอกไม้ต่อค่ะ 
 ใกล้เป็นอ่างน้ำเล็กๆในโครงการหลวง มีหงสีดำปากแดงกำลังว่ายน้ำอยู่ในอ่างน้ำค่ะ
 เวลาเดินเข้ามาใกล้ หงส์เหล่านี้จะพยายามเข้ามาหาดิฉันใกล้ๆค่ะ รู้สึกเหมือนมันจะมาขออาหารหรือจะมาจิ๊กดิฉันไม่รู้นะค่ะ เวลาเดินเลาะอ่างไปทางใหน เจ้าหงส์ก็จะว่ายน้ำตามไปด้วยค่ะ
 ดูคอมันโค้งสง่าสวยงามดีเหลือเกินนะค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับหงส์..ปักษาผู้สง่างาม ว่ามาจากใหนกันเอ่ย?

หงส์เป็นนกน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในสกุล Cygnus ในวงศ์ Anatidae อันเป็นวงศ์เดียวกับเป็ดและนกเป็ดน้ำ มักรวมฝูงในบึงน้ำเพื่อกินพืชน้ำและสัตว์น้ำขนาดเล็ก พบในทวีปเอเชียทางเหนือ ยุโรปทางเหนือ อเมริกาและออสเตรเลีย โดยปกติแล้วจะไม่พบในประเทศไทย
หงส์ที่ท่านเห็นอยู่บริเวณนี้ มีทั้งหงส์ขาวและหงส์ดำ โดยหงส์ขาวมีขนสีขาวทั้งตัว จะงอยปากสีเหลืองส้มและมีปุ่มสีดำที่ฐานของปาก และหงส์ดำ ซึ่งมีขนทั่วตัวสีดำอมเทา ยกเว้น ขนปีกสำหรับบินเส้นยาวเท่านั้นที่เป็ฯสีขาว ซึ่งตัดกับลำตัวอย่างเด่นชัดสะดุดตา นัยน์ตาสีแดงเข้ม จะงอยปากสีแดงแต่มีแถบขาวที่ปลายปาก ขา และเท้าสีดำ
 เวลาว่ายน้ำลำคอหงส์จะมีลักษณะเป็นรูปตัวเอส มีลำคอที่ยาวระหง รูปร่างสวยงาม และสะโอดสะองนี้เองจึงมักถูกเปรียบเทียบว่าเหมือนหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานและสุภาพ ตามความเชื่อของคนจีนจะถือว่าหงส์เป็นสัตว์สิริมงคลและศักดิ์สิทธิ์ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ทรงพลัง มีอำนาจต่อรอง  อีกทั้งยังเป็นเครื่องหมายแห่งคุณงามความดีด้วยค่ะ
 จากนั้นก็เดินชมสวน 80 พรรษาค่ะ

สาระน่ารู้เกี่ยวกับสวน 80 พรรษา
โดยสวนแห่งนี้ จัดขึ้นในปี พ.ศ.2550 เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ภายในสวนนำพรรณไม้เมืองหนาวนานาชนิด ที่ได้จากงานวิจัยของนักวิชาการ มาจัดแสดงในรูปแบบของการตกแต่งภูมิทัศน์และการจัดสวนเพื่อให้เป็นสถานที่ศึกษาดูงานสำหรับนักศึกษาและผู้สนใจ ตลอดจนเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์แห่งนี้ด้วย
 ดอกไม้นี้ น่าจะเป็นดอกเยอบีร่านะค่ะ ดูค้นๆค่ะ หรือถ้าชื่อดอกไม้ไม่ถูกต้องต้องขออภัยค่ะ
 ดอกสีขาวนี้ดอกอะไรไม่รู้ไม่มีชื่อบอกค่ะ
 ดอกพวงๆที่เป็นสีชมพูนี้น่าดอกอะไรไม่รู้ เดี๊ยนเดินหาป้ายชื่อไม่เจอ แต่ส่งกลิ่มหอมคละคลุ้งฟุ้งกระจายไปทั่วเลยค่ะ คือแบบหอมมากๆ แตหากดมนานก็พาลเอาเป็นลมได้นะค่ะ
กลีบดอกสีชมพูเรียงราย กลิ่มหอมฟุ้งกระจายน่าเด็ดดม เอาไปต้มยำทำแกงยิ่งนักเชียว

ส่วนดอกไม้ชนิดนี้คือดอก อะกาแพนทัสค่ะ ดูคล้ายดอกพลับพลึงนะค่ะ แต่ดอกนี้ดูสีสวยสะพรึงตะลึงตึงตึงกว่าเยอะเลยค่ะ
มีข้อมูลบ่งชี้ลักษณะของดอกอะพาแทนทัสให้อ่านด้วยค่ะ : 

มีต้นกำเนิดมาจากทางตอนใต้ของทวีปแอฟฟริกาเป็นดอกไม้ล้มลุกมีอายุหลายปี มีหัวอยู่ใต้ดิน
ลำต้นอวบน้ำ มีทั้งดอกขาวและสีน้ำเงินอมม่วง โดยจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคม ถึง เดือนพฤษภาคม

 ส่วนดอกไม้สีชมม่วงนี้มีชื่อว่าดอกดาเลียค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับดอกดาเลีย 
ลักษณะ : ดอกดาเลียเป็นไม้ดอกเมืองหนาวที่นำพันธ์ุจากต่างประเทศมาทดลองปลูกบนพื้นที่สูงของประเทศไทย พบว่ามีการเจริญเติบโตได้ดีในฤดูฝนและฤดูหนาว ดาเลียชอบสภาพแสงเต็มที่อุณหภูมิประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส พื้นที่สูงตั้งแต่ 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไป สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ชอบดินร่วนปนทราย ขยายพันธุ์โดยการปลูกด้วยหัวหรือตัดกิ่งชำ ซึ่งดอกดาเลียในสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์  จะออกดอกช่วงเดือนกันยายน ถึง เดือนกุมภาพันธ์
 มองทางใหนก็มีแต่ดอกไม้งามๆ แซะตามไปด้วยหยดน้ำจากสายฝนค่ะ
 กลิ่นของดอกไม้บางชนิดของส่งกลิ่นหอมฟุ้งเตะจมูกให้เคลิบเคลิ้มหลงไหลไปในบรรยากาศสวนแห่งนี้ค่ะ
 ถึงแม้ฝนจะตกหลงมาพร่ำๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวหลายรายต้องช๊อกช้ำ เพราะยังไงก็กางร่มออกมาเดินเต้นระบำชมดอกไม้สวยๆ สีสันคมขำดูแล้วดื่มด่ำเบิกบานใจยิ่งนักค่ะ
สำหรับดอกไม้ชนิดนี้ มีชื่อว่า ดอกแมกโนเลียค่ะ
 ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับดอกไม้แมกโนเลีย
ลักษณะ : แมกโนเลียเป็นพืชดอก ในวงศ์จำปี ที่มีด้วยกันทั้งหมด 210 ชนิด ศูนย์กลางถิ่นฐานของพืชชนิดนี้อยูทางตอนกลางของเอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกา แมกโนเลียเป็นไม้โบราณ มีวิวัฒนาการขึ้นมาก่อนจะมีผึ้ง รูปทรงของดอกจึงเป็นทรงที่ล่อให้ด้วงมาช่วยผสมพันธุ์
มองไปบนท้องฟ้าฝนก็ยังตกพร่ำไปมีทีท่าว่าจะหยุดหย่อน ให้เดินออนซอนต่อเลยแม้แต่น้อย แต่อากาศก็ค่อยเย็นลง พร้อมกับสายหมอกสีขาวพราวเสน่ห์ ดูแล้วกิ๊บเก๋ยูเรก้ายิ่งนัก
 ไปเดินชมโรงเรือนรวบรวมการจัดแสดงเฟินต่อค่ะ
 สาระน่ารู้เกี่ยวกับเฟิน
โดยโรงเรือนแห่งนี้ได้รวบรวมเฟินทั้งของไทยและของต่างประเทศไว้ไม่น้อยกว่า 50 สกุล 200 กว่าชนิด ประกอบด้วยเฟินที่หายากหลากหลายพันธ์ บางชนิดใกล้สูญพันธ์ หลายชนิดมีความสำคัญทางด้านพืชสวนและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมี "เฟินรัศมีโชติ" เฟินลูกผสมพันธ์ใหม่ของประเทศไทยได้มาจากการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ระหว่างกูดดอยนิวคาลิโคเนียกับกูดดอยบราซิล และได้รับพระราชทานนามอันเป็นมงคลยิ่งจากสมเด็ดจพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตามพระนามพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชคิอีกด้วย
 เดินเข้ามาชมในสวนเฟินแล้วชุ่มชื่นชุ่มฉ่ำเหลือเกินค่ะ เพราะมองไปทางใหนก็เขียวชะอุ่มไปหมดค่ะ
 ดูต้นเฟินและใบเฟินบางสายพันธุ์ก็คล้ายกับใบกระถิ่นเหลือเกิน
ส่วนเฟินบางต้นมีเกสรใหญ่เท่างวงช้าง ดูน่ากลัวจังเลยค่ะ

 หลังจากนั้นดิฉันก็เดินมาชมดอกไม้ต่อในโรงเรือนจัดแสดงพันธุ์ไม้ดอกค่ะ คราวนี้ไม่ต้องกางร่มแล้วค่ะ

 โดยโรงเรือนดังกล่าวจัดแสดงพรรณไม้ดอก ไม้ประดับซึ่งเป็นไม้ที่ไม่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมโดยทั่วไปได้ และพันธุ์ไม้ที่ต้องการได้รับการดูแลเป็นพิเศษค่ะ
 ดอกแรกมีชือว่าดอกปิกิเนียค่ะ
ลักษณะ : มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียและอเมริกา เป็นไม้อวบน้ำ อายุยืน มีเหง้าอยู่ใต้ดิน นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ บิโกเนียเป็นพืชสกุลใหญ่ มีทั้งบิโกเนียที่เป็นรากฝอยและบิโกเนียที่เป็นหัวค่ะ
 เดินมาในโรงเรือนที่อยู่ติดๆกันก็จะเป็นโรงเรือนพรรณกล้วยไม้ชนิดต่างๆค่ะ แต่ไม่ได้อธิบายว่าสายพันธุ์อะไรบ้างนะค่ะ เพราะสวยงามไปหมดค่ะ
 มีทั้งกล้วยไม้สีชมพู
 กล้วยไม้สีชมพูอ่อนค่ะ
 กล้วยไม้สีชมพูเข้ม
และกล้วยไม้พันธุ์ที่เราคุ้นชินกันดีกับกล้วยไม้สำหรับจัดเป็นช่อถวายใส่บาตรพระ หรือจัดใส่แจกันบนหิ้งพระพระค่ะ 
 ส่วนกล้วยไม้พันธ์นี้ที่งอกมาจากดิน น่าจะเป็นกล้วยไม้พันธุ์รองเท้านารีเป็นแน่แท้ค่ะ
 ส่วนดอกไม้ชนิดนี้ไม่รู้ดอกอะไรแต่สีสันแดงฉ่ำบานร้าวรานใจดีเหลือเกินนะค่ะ
 มีทั้งดอกขาว ดอกเหลือ ดอกแดง และดอกชมพูค่ะ
 และดอกสีส้มอ่อน ไม่รู้ว่าดอกไม้ชนิดนี้ชื่ออะไร จะเป็นดอกเบญจมาศก็ไม่ใช่ จะใคร่เป็นดอกเยอบีร่า หรือมะลิลาก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าดอกไม้นี้สวยดีค่ะ
 เดินไปถ่ายรูปไปก็เพลิดเพลินใจดีนะค่ะ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวให้วุ่นวายด้วยค่ะ บรรยากาศเงียบสงบ สยบความครืนเครงดีจริงๆค่ะ เพราะฝนตกพร่ำ ก็เลยต้องเป็นยายดำออกมากางร่มค่ะ
พืชตระกูลเลื้อยก็มีค่ะ จัดใส่กระถางวางเรียงรายสวยงามเชียวค่ะ แต่ไม่รู้ว่าต้นอะไร เดี๊ยนล่ะหาป้ายไม่ค่อยจะเจอเลยค่ะ
ดอกกุหลาบก็มีให้ชื่นชมค่ะ เห็นมีหลากหลายสายพันธุ์เลยนะค่ะ ทั้งสีส้ม สีชมพู สีเหลือ สีขาว ก็สวยสกาว หอมหวนน่าชวนชมให้เด็ดดมมาถัดไปใบหู คงสวยจุ๊กกรูไม่เบาค่ะ

และเนื่องด้วยสายฝนที่โปรยปรายลงมาตลอดทำให้ดิฉันไม่ได้ไปถ่ายรูปสวนผักในโครงการหลวงเลยค่ะ เดินถ่ายรูปเพลินๆจนเวลาปาไปบ่าย 3 โมงครึ่ง ได้เวลาต้องเดินทางต่อแล้วค่ะ
ดิฉันขับมอเตอร์ไซต์ออกจากโครงการหลวงดอยอินทนนท์มายังน้ำตกแม่ปาน เพื่อมานอนพักกางเต็นที่บ้านป่าปงเปียงค่ะ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ค่ะ

โดยระยะทางจากโครงการหลวงมา ขับมาอีก 20 กว่ากิโลเมตรค่ะ ตอนขับรถมอเตอร์ไซต์ต้องระมัดระวังมากค่ะ เพราะถนนลื่นสุดๆ อีกอย่างทางก็แคบด้วยค่ะ
วิธีการเดินทางไปบ้านป่าปงเปืยง เพื่อชมทุ่งนาขั้นบันใด ที่งามวิไลไม่แพ้ที่บาหลี และที่เวียดนามเลยค่ะ
สำหรับใครที่ขับรถมอเตอร์ไซต์มา หรือรถยนต์ตรงมาเรื่อยๆ พอขับมาถึงสักระยะ
สังเกตุป้ายน้ำตกแม่ปาย จากนั้นเลี้ยวขวาลงตามทางแยกนี้เลยค่ะ ขับตรงไปเรื่อยเลยค่ะ เส้นทางจะขระขระแบบลุยๆ ธรรมชาติหน่อยค่ะ

โดยระยะทางจาก 3 แยกเลี้ยวซ้ายเข้าไปยังที่ทำการน้ำตกด้านในน่าจะประมาณสัก 5 กิโลเมตรได้ค่ะ 
ขับมาถึงก็เอารถมอเตอร์ไซต์ไปจอดไว้ที่ทำการน้ำตกห้วยทรายเหลืองด้านในค่ะ
เนื่องจากว่าเส้นทางจากน้ำตกห้วยทรายเหลือง-ไปยังบ้านป่าปงเปียงในช่วงหน้าฝน เส้นทางค่อนข้างลำบากมากๆ ทางที่พักเลยแนะนำให้ใช้บริการรถโฟว์วิลค่ะ หากขับมอเตอร์ไซต์มีหวังติดหล่มแน่ๆ ดิฉันเลยติดกับทางที่พักให้เอารถมารับดีกว่าค่ะ

- สำหรับค่าบริการรถเหมาไปบ้านป่าปงเปียงอยู่ที่ 700 บาททั้งขาไปและกลับค่ะ(หากมาเที่ยวกันหลายคนก็สามารถแชร์ค่ารถไปได้ค่ะ เพราะรถคิดแบบเหมาทั้งคน ไม่ได้คิดต่อคนค่ะ)

- แต่ถ้ามาเที่ยวช่วงที่ไม่ใช่ฤดูฝน เส้นทางก็จะพอขับไปได้ค่ะ แต่ถ้าหน้าฝนตกกระหน่ำแบบนี้ แนะนำให้ใช้บริการรถของทางหมู่บ้านโดยสารเข้าไปดีกว่าค่ะ
ดิฉันมารอรถริมศาลาหน้าที่ทำการค่ะ ช่วงที่รอนั้นคงอีกสักพัก ดิฉันเลยตัดสินใจเดินไปชมน้ำตกห้วยทรายเหลืองซึ่งอยู่ใกล้ๆค่ะ

เดินไปได้ไม่ไกลค่ะ บรรยากาศสองข้างทางก็เต็มไปด้วยป่าไม้เขียวชะอุ่ม ชุ่มชื่นเบิกบานใจยิ่งนัก อากาศก็ดี๊ดีเสียเหลือเกิน
ระยะทางจากปากทางเดินเข้ามาไม่ไกลประมาณ 50 เมตรก็ถึงแล้วค่ะ

น้ำตกสวยมากๆ น้ำไหลแรงสุด แค่เดินเข้าไปใกล้ๆ ละอองของน้ำก็กระเด็นกระดอน กระเจือกกระจ่อน ทำให้เสื้อผ้าเปียกปอนของเดี๊ยนเปียกปอนไปหมดเลยค่ะ

ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับน้ำตกห้วยทรายเหลือง

เป็นน้ำตกสูงประมาณ 60 เมตร มีต้นกำเนิดมาจากยอดยอดกิ่วแม่ปาน ลำห้วยมีน้ำใสและไหลตลอดปี สภาพป่าโดยรอบเป็นป่าดิบเขาผสมไม้สน มีทั้งสนสองใบ  Pinus Merkusii และสนสามใบ Pinus Kesiya โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนินีนาถ เสด็จทอดพระเนตรน้ำตกแห่งนี้เมื่อปี 2528

จากนั้นไม่นานนัก ก็มีโทรศัพท์กริ๊งกร๊าง จากคนขับโทรเข้ามา ดิฉันก็เลยต้องรีบเดินออกจากน้ำตกแห่งนี้ เพื่อรีบจรลีไปขึ้นรถกระบะที่กำลังรอรับอยู่ตรงที่ทำการน้ำตกค่ะ

พอดีช่วงขาจะไปบ้านป่าปงเปียงนั้น โชคดีมีนักท่องเที่ยวแวะมาพักที่หมู่บ้านนี้ด้วยอีกคน ดิฉันเลยมีคนช่วยแชร์ค่าโดยสารเหมารถไปค่ะ 
ดูเส้นทางระหว่างไปบ้านป่าปงเปียงแล้ว เดี๊ยนเพลียจริงๆค่ะ เพราะเส้นทางนี้โหดจริงๆค่ะ เต็มไปด้วยโคลนลึกมากๆค่ะ เวลานั่งในรถเนี่ย ลำใส้โยคย้ายส่ายสะบัดดีเหลือเกินค่ะ เพราะเอนไปเอนมา บางครั้งเดี๊ยนก็รู้สึกเสียวสันหลัง กลัวรถจะตกไหล่ทาง ไถล่ลงเขาไปค่ะ เห็นภูเขาแล้วสูงชันเหลือเกินค่ะ

ขับรถมาไม่นานน่าจะสักประมาณ 6-7 กิโลได้ค่ะ ก็ถึงแล้วค่ะ บ้านป่าปงเปียง บรรยากาศดีมากๆเลยนะค่ะ มีทุ่งนาขั้นบันใดงามวิไลเริ่ดสะแมนแตนสมค่ำล่ำลือค่ะ ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายและเปอะแปะอยู่ตลอดค่ะ
ตอนแรกจะพักที่บ้านระเบียงนา แต่บ้านระเบียงนาเต็มค่ะ ดิฉันเลยเลือกมานอนพักเต็นท์แล้วกันค่ะ
โดยทางคนขับรถมาส่งดิฉันถึงที่พักเลยค่ะ โดยที่พักคืนนี้มานอนเต็นท์ของคนในหมู่บ้านนี้ค่ะ ราคาเต็นท์ละ 400 บาท รวมอาหารเช้าและเย็นให้ค่ะ  

ข้อแนะนำการเตรียมตัวมาพักโฮมสเตย์ที่บ้านป่าปงเปียง เพื่อชมวิวทุ่งนาและอากาศที่สดชื่สุขอุรายิ่งนัก

- ที่พักไม่มีผ้าขนหนูให้นะค่ะ ยังไงเตรียมมาด้วย
- ที่พักไม่มีสบู แชมพู ครีมนวด ให้นะค่ะ ยังไงเตรียมมาด้วยค่ะ
- ที่พักไม่มีพัดลมหรือแอร์ให้นะค่ะ แต่ไม่ต้องเตรียมมาค่ะ เพราะอากาศดีมากค่ะ
- ที่พักไม่มีไฟฟ้าให้นะค่ะ มีแต่สายจากดวงจันทร์กรณีฟ้าเปิด พกไฟฉายมาด้วยก็ดี หากเอาโทรศัพท์มือถือมา พก Power bank มาด้วยค่ะ  
- มาพักที่นี้มีสัญญาณอินเตอร์อยู่นะค่ะ
- หากมาหน้าฝน พกร่ม เสื้อกันฝนมาด้วยค่ะ
- พกรองเท้าแตะมาด้วยค่ะ 
และสักพักทางเจ้าของที่พักก็ออกมาต้อนรับ พร้อมนำปิ่นโตอาหารพร้อมเทียน และไฟนีออนแบบหมุนมาให้ค่ะ เนื่องจากที่พักในหมู่บ้านนี้ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปาเข้าถึงค่ะ ดังนั้นทุกอย่างจะต้องอยู่แบบธรรมชาติที่สุดค่ะ การนอนพักคืนนี้เลยเน้นนอนพักชมธรรมชาติค่ะ
อาหารเย็นมื้อนี้เป็นอาหารใส่ปิ่นโตมาให้ทานค่ะ ดูเข้ากันดี๊ดีกับบรรยากาศในท้องไร้ท้องนาค่ะ
แถมมีเทียนมาให้จุดทานชมบรรยากาศกันด้วยนะค่ะ

ส่วนห้องน้ำก็อยู่ไม่ไกลจากเต็นที่พักมากนัก แต่ก็เล่นเอาเมื่อยขาเหมือนกันค่ะ เพราะต้องลงเนินไปอีกสักหน่อยค่ะ ใครปวดฉี่บ่อยคงเดินขาลากค่ะ โดยต้องจะเดินลงไปห้องน้ำห้องท่าก็ต้องระวังนะค่ะ เพราะจะหัวขมัมเอาค่ะ บันใดก็เป็นบันใดดินค่ะ เวลาจะเดินเนี่ยนะค่ะ เดี๊ยนต้องเดินเอียงเฉียงๆสักหน่อยค่ะ เดินแบบนางงามลงจากเวทีอะไรประมาณนั้นค่ะ เพราะทางเดินค่อนข้างชันและแคบมาก ถือว่ามาเปลี่ยนรับบรรยากาศใหม่ งามวิไลเริ่ดเว่อร์ค่ะ

หากเป็นตอนกลางคืน ต้องใช้ไฟฉายส่องดีๆนะค่ะ เพราะจะมีกบ มีเขียด ออกมากระโดดโลดแล่น ให้กรี๊ดกราดกันอย่างสนุกสนานค่ะ เดี๊ยนชอบตรงห้องน้ำเนี่ยแหละค่ะ  โดยในห้องน้ำก็แยกเป็นห้องอาบน้ำ ส่วนห้องส้วมก็เป็นแบบส้วมซึมแบบนั่งยองๆ อาจจะเมื่อยขาหน่อย แต่สีทนได้ค่ะไม่ต้องคิดอะไรมาก ใช้ชีวิตเรียบง่าย ผ่อนคลายสบายเริ่ดเว่อร์ค่ะ
อาหารมื้อเย็นที่ทางเต็นท์ที่พักจัดให้ มียำปลากระป๋อง  หมูผัดถั่วฝักยาว และข้าวสวยกำลังร้อนๆค่ะ หากใครจะสั่งหูฉลาม หรืออาหารหรูระดับภัตตาคาร 5 ดาวไม่มีนะค่ะ ที่นี้มีแต่ภัตตาคารอาหารบ้านทุ่งจ้า เน้นแบบง่ายๆ
เอาล่ะค่ะหลังจากไม่นานนักนะค่ะ เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ก็เข้าสู่เวลาพลบค่ำ ได้เวลาทานอาหารค่ำแล้วค่ะ ไม่มีแสงไฟนีออนนะค่ะ มื้อนี้ต้องกินข้าวใต้แสงเทียนค่ะ บรรยากาศก็หนาวเย็นดีเหลือเกิน ฝนก็ตกไม่หยุดสักกะที เย็นฤดีชื่นฤทัย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนเสียจริงๆจ้า
ทานข้าวอิ่มแล้ว ดิฉันก็กระโจมอกเดินไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำ ต้องถือไฟฉายไปส่องทางด้วยนะคะ เดียวเจองู เจอสิงห์ เจอกระทิง เจอแรด จะได้หนีได้ทัน
หลังจากอาบน้ำท่ามกลางธรรมชาติเสร็จเรียบร้อย ดิฉันก็เข้านอนแต่หัวค่ำเลยค่ะ หลังจากที่ขับมอเตอร์ไซต์ตะแล๊ดแต๊ดแต๋มาทั้งวันค่ะ สำหรับทริปในวันนี้ ถือว่าได้มาตามรอยโครงการหลวง แวะไปชมไม้ดอกไม้ประดับหลากหลายพันธุ์ แต่เสียดายไม่ได้เข้าไปดูผักอินทรีย์สดๆนะค่ะ เพราะฝนตกตลอดเลยค่ะ

จบทริปรีวิวเที่ยวเชียงใหม่ในหน้าฝนตอนที่ 1 ค่ะ เดี่ยวทริปตอนที่ 2 ดิฉันจะพาทุกท่านไปเดินลัดเลาะนาขั้นบันใดดูความศิวิไลของสายหมอกสีขาว และนาข้าวที่กำลังแตกรวงข้าวในบ้านป่าปงเปียง เพราะมาแนะนำที่พักในหมู่บ้านแห่งนี้ให้ทุกท่านได้แวะเวียนมาพักกันค่ะ ชาวบ้านที่นี้จะได้มีรายได้จากการท่องเที่ยว ถือเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่นที่นี้ค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
-------------------------------------------------------------------------------
รวมบทความรีวิวบล็อกท่องเที่ยวเดือนละ 1 ครั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ค่ะ (จะทยอยอัพเดทเรื่อยๆค่ะ บล็อกจะได้ไม่ร้างค่ะ)

รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 10 ตามรอยเมืองวัยเยาว์ในหลวง ร.9 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ตอนที่ 10 แวะเมืองเจนีวา-โลซาน ยลตระการศาลาไทย ตามรอยในหลวง ร.9 คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2N0X57i
รีิวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลังครั้งวันวาน งามอลังการยิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพและรีวิวบทความค่ะ>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/7ZB3pt
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน เม.ย.นี้ แวะไปเที่ยวสิงห์บุรีมาค่ะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวสิงห์บุรี 1 วัน เช่ามอเตอร์ไซตขับไปไหว้พระนอนจักรสีห์ เดินสุขขีที่ตลาดบ้านระจัน อาหารอร่อยๆทั้งนั้นเลย คลิ๊กดูภาพและรีวิวบทความค่ะ>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eL6fHw
รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน เม.ย.2018 ล่องเรือไหว้แม่น้ำเจ้าพระยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวกรุงเทพ 1 วัน เสพสุขสันต์เย็นซ่า ล่องเรือไหว้พระตามลำน้ำเจ้าพระยา สุขอุราชื่นบานยิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวค่ะ>>>
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/HrLddq
วิธีวางแผนเดินทางตามรถไฟสายยุโรปด้วยตัวเองแบบง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
ขอแนะนำทิปเด็ดๆ กับวิธีวางแผนเดินทางเที่ยวตามเส้นทางสายรถไฟ Eurail pass ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ประหยัดค่าใข้จ่าย ต้องทำอย่างไรบ้างนะ คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
หรือเข้าไปดูเนื้อหาบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/4nwkke
จัดมารีวิวเที่ยวสัตหีบ 2 วัน 1 คืน เดือน มี.ค.61 ไปที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
บล็อกรีวิวเที่ยวประจำเดือน มี.ค.61 แวะเที่ยวสัตหีบ ไปนอนงีบที่เกาะแสมสาร ทะเลสวยหวาน ร้าวรานจับใจ คลิ๊กดูภาพและรายละเอียดรีวิวค่ะ>> 
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/YV4FbW
รวมเด็ด 7 โบราณสถานเด็ดเมืองอยุธยา มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวมเด็ดกับ 7 โบราณสถานเด็ดในเมืองเก่าอยุธยา ที่ต้องไปชมให้ได้สักครั้งครา มีที่ใหนบ้างหนา คลิ๊กดูกันเลยจ้าค่ะ>> 
จัดมารวมประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรม คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
จัดมาให้ค่ะ ประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรม ที่ยังไงก็จำเป็นต้องใช้ มีประโยคอะไรบ้างล่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>>
หรือดูเนื้อหาบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/uBCnFK
บล็อกรีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคม 2017 เยือนตราด-เกาะกูด ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองตราด ธ.ค.2017 เดินย่องท่องชุมชนเก่า บอกเล่าความหลัง นั่งเรือไปเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวปางอุ๋ง-บ้านรักไทย งามวิไลไร่ชา เดินลั๊ลลากินสตอเบอรี่ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รีวิวเที่ยวแม่ฮ่องสอนตอนที่ 2 ขับมอเตอร์ไซต์ไปออนซอนที่บ้านรักไทย งามวิไลปางอุ๋ง สวยจูงเบย คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
บล็อกรีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤศจิกายน แบกเป้ไปแม่ฮ่องสอน คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวแม่ฮ่องสอนตอนที่ 1 สวยตราตรึงทุ่งดอกบัวตอง งามผุดผ่องพระธาตุกองมู วิวสวยหรูดีเลิศเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
บล็อกรีวิวเที่ยวแม่กำปอง ต้องลองมาสักครั้ง อากาศดีปังเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวเชียงใหม่ฤดูฝน ตอนที่ 3 ทำไมใครๆก็หลงไหลในแม่กำปอง เลยต้องลองไปพักสักครั้ง คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
บล็อกรีวิวเที่ยวเดือนตุลาคม นอนที่บ้านป่าปงเปียง กินโอเลี้ยงอร่อยเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน ตอนที่ 2 นอนพักชมนาขั้นบันใด และแนะนำที่พักโฮมสเตย์บ้านป่าปงเปียงมาฝากค่คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
จัดมา 9 เพลงเทิดพระเกียรติ ฟังทีไร ก็นึกถึงในหลวง คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
ร่วมกันฟัง 9 เพลง ฟังทีไรก็นึกถึงพ่อหลวงของไทยค่ะ คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
มาร่วมตามรอย ธรรมราชาในดินแดนภาคอีสาน คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
มาร่วมตามรอยธรรมราชาในภาคอีสานกันค่ะ คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
ข้อดีของการออกไปเที่ยวคนเดียวมีอะไรบ้างนะ คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
ข้อดีของการออกไปเที่ยวคนเดียวมีอะไรบ้างนะ คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
10 ข้อแนะนำไปพิชิตภูกระดึง ต้องเตรียมตัวอะไรไปบ้าง คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
10 ข้อแนะนำไปพิชิตภูกระดึงต้องเตรียมตัวเอาอะไรบ้าง คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
รีวิวท่องเที่ยวเดือนกันยายน ลุยเดียวเช่ามอเตอร์ไซต์ขับไปเขาใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเขาใหญ่ในฤดูฝน เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับไปชมน้ำตก เดินป่าดูนกในดงพนาไพร งามวิไลเลิศเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวท่องเที่ยวเดือน สิงหาคม 2560 รีวิวเที่ยวเมืองเก่าอยุธยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวอยุธยาครึ่งวัน ขี่จักรยานสุขสันต์ตามโบราณสถาน ย้อนวันวานภูมิหลัง งามอลังการชนะเลิศเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
 รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวตอนที่ 15 (ตอนจบ) สิ้นสุดการเดินทางอันยาวไกล แวะไปซื้อของฝากเมืองโอซาก้า คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 ไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งดูวิวทะเลสาบคาวากูชิโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งริมทะเลสาบคาวากูชิโกะ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว นั่งรถไฟไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 13 เที่ยวโตเกียวใน 1 วัน นั่งรถไฟสุขส้นต์ไปเมืองคามากุระ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 12  เดินชิลเมืองท่าเรือสุดแสนโรแมนติก ริมทะเล คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 12 แวะเดินชิลๆเมืองฮาโกดาเตะ สุดแสนโรแมนติก ชิคๆน่ารัก คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมไร่นาเมืองบิเอะ สวยเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็ครีวิวญี่ปุ่นญี่ปุ่น ตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมทุ่งนาข้าวบาร์เลย์เมืองบิเอะตอนบ่าย งามพร่างพรายสวยเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักยานไปชมดอกลาเวนเดอร์บานๆ อลังการเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้คนเดียวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 10 ปั่นจักรยานไปชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์บานตอนเช้าๆ สวยแพรวพราวน่ารักเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 9 เดินชิลชมเมืองซับโปโรครึ่งวัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แบ็คแพ็ครีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 9 เดินชิลๆชมเมืองซับโปโร ไปเดินเฮโลที่คลองโอตารุ สวยทะลุสู่ยอดฟ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 8 ชมศิลปะทุ่งนาข้าวผลิหลากสีสวยงาม คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 8 แวะผ่านอาโอโมริ ไปชมศิลปะทุ่งนาข้าวผลิหลากสีที่ อินาคาดาเตะ งามเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 7 รีวิวการเดินทางไปหลังคาญี่ปุ่นด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 7 รีวิววิธีการเดินทางไปเจแปนแอลป์ด้วยตัวเองมาฝาก ภูเขาสวยงามมาก กระชากใจเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 6 เดินตลาดเช้าทาคายาม่า แวะดูทุ่งนาชิราคาวาโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 6 เดินตลาดเช้าทาคายาม่า แวะไปชมทุ่งนาที่ชิราคาว่าโก สวยโอฬาร งามเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาดูเมืองเก่าคุราชิกิ ชมใบไม้ผลิสวยเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาดูเมืองเก่าสมัยเอโดะที่คุราชิกิ ชื่นชมใบไม้ผลิสีแดง แรงเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 4 ตามรอยระเบิดเมืองฮิโรชิม่า ไปลั๊นลาเกาะมิยาจิมะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 4 ตามรอยระเบิดนิวเคลียร์เมืองฮิโรชิม่า นั่งรถไฟลั๊ลลาไปสะพานคินไตเคียว คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 3 ท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะ งามเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 3 เดินย่องท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะในหน้าร้อน งามอรชรดีเริ่ด คลิ๊กดูบทความรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 2 นั่งไฟออนซอนไปอบทรายร้อนที่อิบูชูกิ คลิ๊กดูค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 2 ลัดเลาะเนินเขาชมวิวคาโกชิม่า นั่งรถไฟลั๊ลลาไปอบทรายร้อนอิบูซูกิ คลิ๊กดูบทความรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวทามะ แวะพักชมปราสาทสวย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวเหมียวทามะสุดน่ารัก แวะเดินพักชมปราสาทวาคายามะ คลิ๊กดูบทความรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
 10 ที่พักโอซาก้า ราคาถูกสุดๆ ใกล้สถานีรถไฟ JR คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวมที่พักโอซาก้าราคาถูกหลักร้อย ใกล้สถานีรถไฟ JR เดินไปได้ใกล้ๆ สะดวกสุดๆ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักค่ะ>> 
วิธีการวางแผนเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองมาฝาก คลิ๊กดูค่ะ>>
อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี มีวิธีการวางแผนเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองมาฝากค่ะ คลิ๊กอ่านบทความค่ะ>>

รีวิวเที่ยวพิษณุโลก นั่งชะโงกกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ไปลั๊นลาบ้านรักไทย งามวิไลเนินมะปราง สวยสะพร่างแก่งโสภา คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
ล่องเรือไทยในภาคกลาง งามสะพร่างดุจสายน้ำทิพย์ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
จัดมาให้ค่ะ ล่องเรือไทยสไตล์ภาคกลาง แวะไปใหนบ้างมาดูกันค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียค่ะ>>

10 อันดับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองไทย คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
ไปดูกันค่ะว่า 10 อันดับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองไทย ที่ไปกันมากที่สุด มีที่ใหนบ้างค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>
รวมอุทยานแห่งชาติยอดนิยมในเมืองไทย ต้องตามไปชมให้ชื่นใจ คลิ๊กดูค่ะ>>
จัดให้ค่ะ รวมอุทยานแห่งชาติยอดนิยมในเมืองไทย ต้องตามไปชมให้ชื่นใจ คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
รวมเขื่อนยอดนิยมในเมืองไทย ที่ต้องไปชมสักครั้ง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวม 9 เขื่อนยอดนิยมในเมืองไทย ที่ต้องไปชมสักครั้ง รับรองว่าสวยเป๊ะปัง คลิ๊กดูบทความค่ะ>>>
7 ที่เที่ยวช่วงหน้าฝนปีนี้ น่าจรลี หนีงานไปร้าวรานสุดๆค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
เข้าหน้าฝนปีนี้ แนะนำ 7 ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ คลิ๊กดูรายละเอียค่ะ>>

รีวิวเที่ยวสวนผึ้ง ราชบุรี นอนยวนยีชมแกะน้อย งามหยดย้อยอุทยานหินเขางู สวยจุ๊กกรูเมืองโอ่งมังกร  งามอรชรดีเริ่ดสะแมนแตน คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวนครพนม เม.ย.60 ขับมอเตอร์ไซต์ไปมูลนิธิคนชราที่ท่าอุเทน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวนครพนม นั่งเรือรับลมชมสองฝั่งโขง เชื่อมโยงไทยลาว สวยสกาวองค์พระธาตุ เด่นผงาดสูงเสียดฟ้า นั่งกินปลาร้าอร่อยเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>


บล็อกสุขสันต์วันสงกรานต์ประจำปี 2560 มาให้ทุกท่านได้อ่านกันค่ะ>>
ขอส่ง E-card สุขสันต์วันสงกรานต์ ประจำปี 2560 (2017) บทอวยพรสุขสันต์วันสงกรานต์จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน มาอวยพรให้ทุกๆท่านอ่านกันค่ะ คลิ๊กดูบทความบล๊อกค่ะ>> 
รีวิวเที่ยวระยอง มี.ค. 60 ท่องเกาะเสม็ด นั่งกินเห็ดอร่อยเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวระยอง งามผุดผ่องเขาแหลมหญ้า ไปเดินลั๊นลาที่เกาะเสม็ด นั่งกินเห็ดที่หาดแม่รำพึง อร่อยตะลึงตึงตึง ตราตรึงเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวเที่ยวระยองค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเพชรบุรี ก.พ.60 ไปฉิมพลีที่เขาวัง รำลึกความหลังหาดเจ้าสำราญ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองเพชรบุรี เดินฉิมพลีที่งานเขาวัง แวะรำลึกความหลังที่หาดเจ้าสำราญ งามอลังการถ้ำเขาหลวง นั่งกินมะม่วงอร่อยเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

รีวิวแอบเที่ยวเมืองโฮจิมินห์ครึ่งวัน นั่งสุขสันต์ริมแม่น้ำไซ่ง่อน คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
ลุยอาเซียน!! รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน ม.ค.2560 รีวิวเที่ยวเวียดนาม ไปสำราญนครโฮจิมินห์ครึ่งวัน นั่งสุขสันต์ริมแม่น้ำไซ่ง่อน กินบั๋นแบ๋วรสออนซอน คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
วมภาพงานเที่ยวเมืองไทยปี 2560 ณ สวนลุมพีนี เริ่ดสะแมนแตนอีหลีเด้อจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
ประมวลภาพงานเที่ยวเมืองไทยปี 2560 ณ สวนลุมพินี ไปเดินยวนยี เริ่ดสะแมนแตนอีหลีเด้อค๊า คลิ๊กดูบล็อกรวมภาพรีวิวงานค่ะ>>

รีวิวเที่ยวสุพรรณบุรี ปั่นจักรยานแสนสุขขีไปบึงฉวาก คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวสุพรรณบุรี ประจำเดือน ธ.ค.2559 แวะไหว้พระที่วัดป่าเลไลย์ ปั่นจักรยานบุกไปบึงฉวาก ชมหมู่มัจฉาสวยงามมาก เดินย้ำซื้อของฝากตลาดสามชุก คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวสงขลา-หาดใหญ่ ขับสองล้อท่องไป ไฉไลเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวสงขลา หาดใหญ่ เดือน พ.ย.2559 ขับมอเตอร์ไซต์ไปทำทานที่มูลนิธิคนชรา แวะไปลั๊นลาไหว้พระที่เขาคอหงส์ ชมอาทิตย์อัสดงลงงามชนะเลิศ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
ฮวมสถานที่แอ่วดอยอินทนนท์ งามแต้ๆเจ้า คลิ๊กดูข้อมูลท่องเที่ยวค่ะ>>
รวมสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตบนดอยอินทนนท์ ไปแอ่วกี่หน บ่เก้ยบ่นว่าเบื่อเลยเจ้า ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะค่ะ คลิ๊กดูข้อมูลท่องเที่ยวดอยอินทนนท์ค่ะ>>
พิพิธภัณฑ์เรียนรู้ในกรุงเทพ เสพแล้วดีเว่อร์ คลิ๊กดูพิพิธภัณฑ์ค่ะ>>
ขอแนะนำ พิพิธภัณฑ์เรียนรู้ในกรุงเทพ เสพแล้วดีเว่อร์ รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ใกล้สนามหลวง ลองกันดู ได้ความรู้ดีเริ่ดค๊า คลิ๊กดูพิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองเลย แวะไปเดินชมเชยที่เชียงคาน ยลตระการยอดภูกระดึง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>

รีวิวเที่ยวภูกระดึง 4-6 ต.ค.2559 รำลึกความหลังครั้งวันวาน แวะผ่านไปค้างที่เมืองเลย ก่อนไปนั่งรำเพยที่เชียงคาน คลิ๊กดูภาพรีวิวเดินทางค่ะ>>

รีวิวเที่ยวปัว-น่าน ขับมอเตอร์ไซต์แว๊นไปดอยภูคา คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวปัว-น่าน วันที่ 21-23 ก.ย.59 นอนพักชมทุ่งนาเขียวสดสีงามวิไล ขับมอเตอร์ไซต์แว๊นไปที่ดอยภูคา จิบน้ำชาชมวิวเบิกฟ้า สวยเลอค่ายิ่งนักเอย คลิ๊กดูรีวิวการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวอุทัยธานี เลาะริมน้ำสะแกกรัง นั่งดูวิถีชีวิตสุดชิวเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองอุทัยธานี วันที่ 24-25 ส.ค.2559 ปั่นจักรยานเลาะริมน้ำสะแกกรังแสนสุขี ดูวิถีชีวิตแสนเรียบง่าย แสนสบายเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวเดินทางค่ะ>>
รีวิวทริปเที่ยวอุบล ยลตระการงานแห่เทียนพรรษา ไปลั๊นลาที่ผาแต้ม คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองอุบล วันที่ 20-22 ก.ค.2559 ยลโฉมงานแห่เทียนพรรษา ก่อนจะไปลั๊นลาที่ผาแต้มโขงเจียม สุดจะเปี่ยมล้นฤดี แสนสุขีจังเลยเอย คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>
รีวิวทริปเที่ยวตรัง 3 วัน 2 คืน ขับมอเตอร์ไซต์ตะล่อนทัวร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวทริปเที่ยวเมืองตรัง วันที่ 22-24 มิ.ย.2559 เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับไปทำทานที่มูลนิธิคนชรา ก่อนจะไปลั๊นลาที่น้ำตกโตนเต๊ะ นั่งกินเค้กรสเป๊ะอร่อยเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวจันทบุรี 2 วัน 1 คืน เดินลัดเลาะชุมชนเก่าริมฝั่งน้ำ คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวจันทบุรี วันที่ 19-20 พ.ค.2559 พักชุมชนเก่าฝั่งริมน้ำ เย็นซ่าบซ่านน้ำตกพลิ้ว ลมพัดลิ่วที่หาดเจ้าหลาว คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวอัมพวา เดินย้ำตลาดน้ำ ชมตลาดร่มหุบแม่คลอง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวอัมพวา 23-24 เมษายน 2559 เดินย้ำตลาดน้ำ ไปตลาดรุ่มหุบแม่กลอง ชมวิถีชีวิตริมคลองแสนสุขอุรา คลิ๊กดูภาพรีวิวเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเกาะเกร็ดครึ่งวัน เพราะเดี๊ยนนั้นอยากกินข้าวแช่ คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเกาะเกร็ด 15 เม.ย.59 ไปทำบุญที่มูลนิธิเด็กอ่อนปากเกร็ด เสร็จแล้วก็แวะไปนั่งกินข้าวแช่ต่อ อร่อยเริ่ด คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>> 
บล๊อกสุขสันต์วันสงกรานต์ประจำปี 2559 มาให้ทุกท่านได้อ่านกันค่ะ>>
ขอส่ง E-card สุขสันต์วันสงกรานต์ ประจำปี 2559 (2016) บทอวยพรสุขสันต์วันสงกรานต์จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน มาอวยพรให้ทุกๆท่านอ่านกันค่ะ คลิ๊กดูบทความบล๊อกค่ะ>>
รีวิวเที่ยวหัวหิน วันที่ 19-20 มี.ค.2559 คลิ๊กดูรีวิวตามภาพเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวหัวหิน วันที่ 19-20 มี.ค.2559 แวะไปทำบุญทำทานที่บ้านน้องหมา ก่อนไปลั๊นลาที่เขาเต่า คลิ๊กอ่านรีวิวและภาพเดินทางค่ะ>>
http://khunnaiver.blogspot.com/2016/02/2-1.html
รีวิวเที่ยวเกาะสีชัง แวะรำลึกความหลังหาดบางแสน เดือน ก.พ.59 คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ

รีวิวเที่ยวเกาะสีชัง เดือน ก.พ.59 แวะรำลึกความหลังที่หาดบางแสน ทำบุญไหว้พระแสนอิ่มอุรา คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>

http://khunnaiver.blogspot.com/2016/01/2-1-9-1.html
รีวิวเที่ยวเชียงใหม่ ม.ค.59 ไหว้พระ 9 วัด คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเชียงใหม่ ปั่นจักรยานไหว้พระ 9 วัด แบบเกินๆ ขับมอเตอร์ไซต์ไปดอยสุเทพ-ดอยปุย ไหว้พระทำบุญไป แสนสุขใจชีวิตสดใสเริ่ดเว่อร์ค่ะ คลิ๊กอ่านตามภาพรีวิวค่ะ>>
ประมวลภาพงานเที่ยวเมืองไทยปี 2559 คลิ๊กดูภาพค่ะ >>
รีวิวประมวลภาพงานเที่ยวเมืองไทยปี 2559 ยกของดีทั้ง 4 ภาค มาไว้ ณ สวนสาธารณะใจกลางเมืองกรุงเทพ คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>> 
http://khunnaiver.blogspot.com/2015/12/blog-post_29.html
รีวิวเที่ยวเชียงราย ธ.ค.2558 ขับมอเตอร์ไซต์ไปดอยตุงคลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเชียงรายด้วยตัวเอง ไปพระตำหนักดอยตุง กางเต็นท์นอนที่ดอยช้างมูบ ชมดอกไม้สวยงามเว่อร์วังอลังการค่ะ คลิ๊กอ่านดูรีวิวเดินทางค่ะ>> 
รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวสุโขทัย ตอนที่ 2 (ตอนจบ) ปั่นจักรยานเที่ยวรอบอุทยานเมืองเก่า ได้ความรู้ดีเว่อร์ เหมือนย้อนวัยมาเรียนสังคมศึกษาอีกครั้ง คลิ๊กอ่านรีวิวค่ะ>>
http://khunnaiver.blogspot.com/2015/11/1.html
เดินลัดเลาะเที่ยวสุโขทัย ตอนที่ 1 งานลอยกระทงในคืนเดือนเพ็ญ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวลุยเดี่ยวท่องเที่ยวสุโขทัย ตอนที่ 1 เที่ยวงานลอยกระทง วันที่ 21 พ.ย.2558 เดินตลาดย้อนยุคแลกเบี้ย ซื้อของกินอร่อยเว่อร์จ้า  คลิ๊กอ่านรีวิวค่ะ>> 
รีวิวเที่ยวหัวหิน เดือน พ.ย. 58 เยือนอุทยานราภักดิ์ คลิ๊กดูรีวิวตามภาพเดินทาง>>
รีวิวเที่ยวหัวหิน ชะอำ ปราณบุรี เดือน พ.ย. 58 เยือนอุทยานราชภักดิ์ ไหว้พระทำบุญ กิมลม ชมวิว หาแต่ของกินแซ่บเว่อร์ คลิ๊กอ่านรีวิวค่ะ >>
http://khunnaiver.blogspot.com/2015/11/blog-post.html
รีวิวเที่ยวศรีสะเกษ ไปงานแห่ต้นดอกไม้ของเผ่าสวย คลิ๊กดูประเพณี>>
รีวิวเที่ยวศรีสะเกษ ไปงานออกพรรษา แห่ต้นดอกไม้ แห่กันหลอนของเผ่าสวยที่จังหวัดศรีสะเกษ คลิ๊กอ่านรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวแบกเป้ ปีกเขาช้างเผือกด้วยตัวเอง ที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ คลิ๊กอ่านรีวิวค่ะ>

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น