Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 7 รีวิวการเดินทางไปเจแปนแอลป์ด้วยตัวเองมาฝาก ภูเขาทาเตยาม่าสวยงามมาก กระชากใจเริ่ดเว่อร์

รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อนตอนที่ 7 แบกเป้คนเดียวเดินเที่ยวบนหลังคาญี่ปุ่น Japan Alpine เจแปนแอลป์ ภูเขาทาเตยามะ เขื่อนคุโรเบะ สวยเป๊ะปัง อลังการสะท้านโลกา ชื่นฉ่ำอุราถึงทรวงใน งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนจ้า
ขอกราบสวีดัด สวัสดี๊ดี เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ผองชาวไทยที่กำลังตะลุยล่องท่องอยู่บนโลกออนไลน์ อันงามไฉไลสุดเก๋ นั่งเอ้เล้สไลด์โทรศัพท์มือถืออันทันสะหมอกทันสมัย หาข้อมูลท่องเที่ยวทั่วไทย ไปไกลทั่วทีปทั่วแดน สุดแคว้นแว่นฟ้า บ้าๆบอๆกันอยู่ ณ ขณะนี้นะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน บล็อกเกอร์สมัครเล่น แนวๆกากๆ โกโรโกโส ขอมาเฮลโหลทักทายและรายงานตัวกับคุณผู้อ่านอันแสนปราดเปรืองได้มาชำเลืองอ่านเนื้อหาแบบมั่วๆ ซั่วๆเพื่อให้ท่านได้ปวดหัวปวดสมอง ประลองปัญญา จะได้เป็นคนบ้าเที่ยวไปด้วยกันจ้า
 
ในที่สุดก็เขียนบล็อกรีวิวท่องเที่ยวญี่ปุ่นแบบมั่วๆมาจนถึงครึ่งทางแล้วค่ะ เป็นมหากาพย์การเขียนบล็อกที่ใช้เวลาไปครึ่งเดือนแล้วจ้า ถ้าเขียนครบ 14 ตอนต้องครบ 1 เดือนแน่นอนเลยค๊า  โดยในบล็อกนี้ก็เข้าสู่เนื้อหาบทความรีวิวเที่ยวญีปุ่นช่วงฤดูร้อน ตอนที่ 7 แล้ว หลังจาก 6 ตอนที่แล้ว ดิฉันเองได้พาทุกๆท่านไปลัดเลาะแวะเที่ยวตามหัวเมืองต่างในญี่ปุ่น ตั้งแต่ภาคใต้ จรดมาถึงเมืองในภาคกลาง ซึ่งแต่ละเมืองก็สวยงาม ร้าวรานใจดิฉันจริงๆค่ะ เพราะได้เรียนรู้วิถีชีวิต ได้ชมธรรมชาติ สังคม และประเพณีที่ในเมืองไทยเราไม่มี ได้เปิดโลกทัศน์ มุมมองใหม่ๆ ทำให้รู้สึกว่า ชีวิตนี้มีชีวา น่าจะออกไปลั๊ลลาจริงๆจ้า 
โดยทริปในวันนี้นะค่ะ ดิฉันอยากจะขอเอาใจคนรักในธรรมชาติ และชอบเดินป่า ชมเขา ชมนก ชมไม้ และชมวิวภูเขาน้ำแข็งละลายที่งามพร่างพรายดุจสายน้ำทิทพย์ กับการไปเดินย้ำบนหลังคาญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในนาม Japan alpen route ค่ะ หรืออีกชื่อที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า การไปเดินชมเขาทาเตยาม่า-เขื่อนคุโรเบะค่ะ 

สำหรับตัวดิฉันเองเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของยอดเขาแห่งนี้มาเนิ่นนาน อยากจะมาเดินเผาพลาญพลังงานในร่างกายบนยอดเขาแห่งนี้สักครั้ง เลยจัดทริปแบบเป๊ะปังในช่วงฤดูร้อน เดือนกรกฏาคม ขอมาเยือนเส้นทางภูเขาอันสวยงาม ร้าวรานทรางในแห่งนี้สักครั้งค่ะ และการมาเที่ยวในทริปนี้ก็ไม่ได้ผิดหวังนะค่ะ เพราะภูเขาสวยงามเว่อรวังอลังการสะท้านโลกา คุ้มค่ากับการได้ไปเยือน แถมได้ประสบการณ์ เปิดโลกทัศน์ให้กว้างไกล งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักค่ะ
 

และเพื่อให้รีวิวในเว็ปไซต์บล็อกนี้มีประโยชน์มากขึ้นนะค่ะ เดี๊ยนเลยคิดว่า ขอมารีวิววิธีการเดินทางไปเที่ยวเจแปนแอลป์มาฝากให้เพื่อนๆ พี่ๆและน้องๆทุกท่าน ที่เป็นขาลุยๆรักการท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็คให้ท่านได้อ่านกัน เผื่อว่าจะมีประโยชน์และเป็นแนวทางให้ท่านได้ออกมาเปิดประสบการณ์มุมมองใหม่ๆ ลองแวะมาเที่ยวดูของจริงสิว่า จะเหมือนในรูปใหม๊ค่ะ

ลองเข้าไปอ่านรีวิวกันดูนะค่ะ เนื้อหาในรีวิวอาจจะงงๆ สับสนไปบ้างนะค่ะ เพราะอธิบายไม่ค่อยเก่งค่ะ โดยปกติก็เป็นคนงงๆเอ๋อๆอยู่แล้ว พอได้มาเขียนบล็อกรีวิว ก็อธิบายได้งงไปกันใหญ่เลยค่ะ พิมพ์ๆตกๆหล่นๆ ยังไงเดี๊ยนต้องขออภัย และให้ท่านประติประต่อเรื่องกันอีกทีนะค่ะ555

เอาล่ะค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา และสาเวเลียไปมากกว่านี้ ขอมารีวิววิธีการเดินทางไปเที่ยวเจแปนแอลป์ ให้ท่านได้อ่านกันเลยค่ะ  อ้อ...และเพื่อไม่ให้งวยงง หรือสับสนไปมากกว่านี้นะค่ะ คุณผู้อ่านสามารถไปอ่านบทความรีวิวก่อนหน้าได้ค่ะ
ตอนที่ 1 : รีวิวเที่ยวเมืองวาคายาม่า ไปลั๊ลลานั่งรถไฟแมวเหมียวทามะสุดน่ารัก คลิ๊กดูที่เว็ป khunnaiver.blogspot.com/2017/07/1.html

ตอนที่ 2 : รีวิวเที่ยวเมืองคาโกชิม่า นั่งรถไฟลั๊นลาไปอบทรายร้อน งามออนซอนแท้เด้ คลิ๊กดูที่เว็ป khunnaiver.blogspot.com/2017/07/2.html

ตอนที่ 3 : รีวิวท่องเที่ยวเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะในฤดูร้อน งามอรชร หาดทรายสวย รวยเสน่หา คลิ๊กดูที่เว็ป http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/3.html

ตอนที่ 4 : รีวิวท่องเที่ยวเมืองฮิโรชิม่า เดินลั๊นลาตามรอยระเบิดเคลียร์ ไปนั่ทักเปียผม ชมนกไม้ พร่างพรายดูสะพาน 5 โค้ง คลิ๊กดูที่เว็ป :http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/4.html

ตอนที่ 5 : รีวิวเดินเที่ยวเมืองโอคายาม่า ไปเดินย้อนเวลาสมัยเอโดะที่เมืองเก่าคุราชิกิ ชื่นชมใบไม้ผลิสีแดง ร้อนแรงใจ คลิ๊กดูได้ที่เว็ป : http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/5.html

ตอนที่ 6 : รีวิวเดินเที่ยวเมืองทาคาย่าม่า เดินชมตลาดเช้าทาคายาม่า ชมวิวทุ่งนาที่ชิราคาวาโก งามไฮโซ เฮโลเริ่ดเว่อร์ :http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Shirakawagoreview.html

ตอนที่ 8 : รีวิวนั่งรถไฟไปชมศิลปะนาข้าวที่อินาคาดาเตะ อาโอโมริ คลิ๊กดูรีวิวที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Inakadatericepaddyart.html

ตอนที่ 9 : รีวิวเที่ยวเมืองซับโปโรในช่วงฤดูร้อน คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Sapporotravelreview.html

ตอนที่ 10 : รีวิวปั่นจักรยานไปชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่เมืองฟูราโน่ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Furanotravel.html

ตอนที่ 11 : รีวิวขี่จักรยานชมไร่ข้าวบาร์เลย์สีทองอร่ามที่เมืองบิเอะ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Bieitravelreview.html

ตอนที่ 12 : รีวิวเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะ เมืองท่าแสนโรแมนติค ศิลปะชิคๆเก๋ๆ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์  http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Hakodate-travel-review.html

ตอนที่ 13 : รีวิวเที่ยวเมืองโตเกียว นั่งรถไฟไปเที่ยวไหว้พระใหญ่คามากุระ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/09/Tokyo-travel-review.html

ตอนที่ 14 : รีวิวนั่งรถไฟไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งชมทะเลสาบคากูชิโกะ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/09/fujimountain-travel-review.html

ตอนที่ 15 : ตอนจบ สิ้นการเดินทางแสนไกล แวะซื้อของฝากในโอซาก้า คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/09/Osaka-travel-review.html
 
แผนการเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อน 14 วัน

ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาภาพรีวิวการเดินทางนะค่ะ ดิฉันขอมาอธิบายเกี่ยวเส้นทางเจแปนแอลป์คร่าวๆให้คุณผู้อ่านทุกท่านทราบก่อน ดังนี้ค่ะ
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาในรีวิวนะค่ะ ขอมาอธิบายเกี่ยวเส้นทางเจแปนแอลป์คร่าวก่อนดังนี้ค่ะ 

สำหรับเส้นทางชมหลังคาญีุ่่น หรือ เจแปนแอลป์ งชมเขาทาเตย่าม่า และเขื่อนคุโรเบะ เป็นอีกหนึ่งทริปเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากค่ะ สำหรับคนรักการท่องเที่ยวชมธรรมชาติค่ะ
โดยเสน่ห์ของการเดินทางไปพิชิตยอดเขาทาเตยาม่านั้นก็คือ การข้ามเขาโดยใช้กระเช้าไฟฟ้าและยานพาหนะต่างๆที่ไม่ซ้ำกัน เพื่อเชื่อมต่อไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆในแต่ละสถานีค่ะ 

และในแต่ละจุดที่รถหยุดให้นักท่องเที่ยวชมก็จะมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามแตกต่างกัน อาทิ ชมเทือกเขาทาเตยามะสูงถึง 3,015 เมตร, พบสนพันปี, น้ำตกสูงกลางหุบเขา,พืชบนที่ราบสูงที่เจริญเติบโตในช่วงฤดูร้อน, บึงสีหยก,ชมใบไผ้ผลัดสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือในช่วงกลางเดือน เม.ย.ชมกำแพงหิมะสูง 20 เมตรอันเย็นเฉียบ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ต่างปักหมุดกันมาเยือนที่เทือกเขาแห่งนี้สักครั้ง รับรองว่าสวยเป๊ะปังอลังการเว่อร์จริงๆค่ะ  

ซึ่งไฮไลท์ในการเที่ยวหลังคาญี่ปุ่นนี้ที่ได้รับความนิยมสุดๆ ก็คงไม่พลาดต้องแวะยังสถานีมูโรโด เพื่อไปเดินไปชมเขาทาเตย่ามา หรือนั่งกระเช้าไฟฟ้าไปเขื่อนคุโรเบะค่ะ เอาแบบว่าไปได้จนครบทุกสถานีเลยค่ะ
โดยเส้นทางท่องเที่ยวเจแปนแอลป์นี้นะค่ะ จะมีช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวดังนี้ค่ะ
1.ช่วงเวลาเปิดเส้นทางให้บริการทุกเส้นทาง (เด็นเทสึโทยาม่า – ชินาโน่โอมัตจิ) 15 เมษายน 2017 – 30 พฤศจิกายน ช่วงฤดูร้อน ไปจนถึงช่วงฤดูใบไม้ผลัดสีค่ะ
2.ช่วงเวลาเปิดเส้นทางให้บริการบางส่่วน (เด็นเทสึโทยาม่า – มิดางะฮาระ) 10 เมษายน 2017 – 14 เมษายนปิด โดยทริปยอดนิยมคือไปชมกำแพงหิมะยูคิโนโอตานิ
***และปิดเส้นทางทั้งหมดตั้งแต่ เดือนธันวาคม ถึงต้นเดือนเมษายน เป็นช่วงฤดูหนาวหิมะตกหนักค่ะ

และไฮไลท์ในการเที่ยวหลังคาญี่ปุ่นนี้ คงไม่พลาดต้องแวะยังสถานี มูโรโด เพื่อไปชมเขาทาเตย่ามา และนั่งกระเช้าไฟฟ้าไปเขื่อนคุโรเบะค่ะ

การเริ่มต้นเดินทางไปท่องเที่ยวเจแปนแอลป์นี้ มี 2 เส้นทางหลักๆดังนี้ค่ะ 

1.เริ่มต้นที่เมืองโทยาม่า และมาสิ้นสุดที่ เมืองนากาโน่
2.หรือเริ่มต้นที่เมืองนากาโน่า แล้วมาสิ้นสุดที่ เมืองโทยาม่าค่ะ  


*ส่วนราคาบัตรโดยสารพาหนะในการเดินเจแปนแอลป์มีดังนี้ะ
-ผู้ใหญ่ราคาแพ็คเกจ 9000 เยนค่ะ เที่ยบเป็นเงินไทย x 0.30= 2,700 บาทค่ะ (จากราคาเต็ม 12,090 เยน)
-ส่วนเด็กลดครึ่งราคาค่ะ
เป็นราคาที่สามารถไปเที่ยวเดียว หรือ ไปกลับได้ค่ะ
บัตรโดยสารมีอายุใช้ได้ 5 วัน นับตั้งแต่วันที่ซื้อค่ะ

โดยจะมีสถานีหลักเป็นสถานีเปลี่ยนยานพาหนะที่แตกต่างกันไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ดังนี้ค่ะ
ดูรายละเอียดตามรูปค่ะ แต่รูปที่เดี๊ยนภาพมาอาจะไม่ชัดค่ะ เลยขออธิบายเพิ่มดังนี้ค่ะ 
ระยะเวลาทั้งหมดในการเดินทางด้วยพาหนะของเส้นทางทาเตยามะ-คุโรเบะ  
หากเริ่มต้นเข้าทางสถานีทาเตยามะ (โทยามะ ทิศตะวันตก)>>>>ไปสุดที่สิ้นสุดที่โองิซาวะ ทิศตะวันออก แบบไปกลับใช้เวลาทั้งหมด 8-9 ชั่วโมงค่ะ

1.เริ่มต้นนั่งรถไฟจากสถานีเดนเทซึ โทยาม่า มาลงที่สถานีรถไฟทาเตย่ามา (Toyama Chiho Railway)
2.สถานีทาเตยาม่าเคเบิ้ลคาร์  (Tateyama cable car )
3.สถานีที่ราบบิโจไดรา  (Tateyama cable car )
4.สถานีมิดางะฮาระ  (Tateyama Highland Bus)
5.สถานีที่ราบเทนงูไดรา (Tateyama Highland Bus)
5.มูโรโด (ภูเขาทาเตยามะ)  (Tateyama Tunnel Trolley Bus)
6.ไดกันโบ (Tateyama Tunnel Trolley Bus)
7.ที่ราบคุโรเบะไดระ  (Tateyama Ropeway)
8.เขื่อนคุโรบะ (Kurebo Kable Car)
9.โองิซาวะ (KandenTunnel Trolley Bus)
10.ชินาโน่โอมัตจิ (Express Bus)
11.สิ้นสุดโดยการนั่งรถบัสจากชินาโน่โอมัตจิไปลงที่ สถานีรถไฟ นากาโน่ (Express Bus) 
**โดยในการเดินทางด้วยพาหนะแต่ละแบบจะใช้ระยะเวลาในการเดินทางที่แตกต่างกันค่ะ 

*หรือหากใครที่จะเดินทางเริ่มต้นจากนากาโน่ ก็นั่งรถบัสจากสถานีรถไฟนากาโน่ มาที่ลงชินาโน่โอมัตจิได้ค่ะ 
ยังไงดูตารางเวลาของจุดเชือมต่อไปยังสถานีแต่ละแห่งได้ดีนะค่ะ จะได้ไม่พลาดและรอรถนานค่ะ

วิธีการซื้อบัตรโดยสาร
(หากในภาพไม่ชัด หรือเล็กไป ไม่ไปไรค่ะ เดียวเดี๊ยนบรรยาย ร่ายลงเป็นบทความให้อ่านค่ะ)
- สามารถซื้อบัตรโดยสารเด็นเทสึโทยาม่า โองิซาวะ ซื้อได้ที่สถานีโทยาม่า, เด็นเทสึโทยาม่า, สถานีรถไฟทาเตยาม่า,สถานีโองิซาวะหรือแวะซื้อได้ที่แต่ละสถานีระหว่างเดินทางก็ได้  
แต่แนะนำให้ซื้อจากสถานีต้นทางเลยก็ดีค่ะ
- บัตรเดรดิตใช้ได้เฉพาะที่สถานีเด็นเทสึโทยาม่า,สถานีทาเตยามะ และสถานีโองิซาวะเท่านั้นค่ะ
- ตอนที่ซื้อบัตรโดยสาร(เทาเตยามะเคเบิ้ลคาร์/รถรางไฟฟ้าอุโมงค์คันเด็น)จากเครื่องขายตั๋วเดินทางในวันแรกอาจต้องระบุเวลาขึ้นรถเอาไว้ด้วยค่ะ เข้าใจง่ายๆคือ ถ้าเริ่มต้นใช้บัตรโดยสารวันแรก เจ้าหน้าที่จะมาถามว่าจะเริ่มนั่งจากสถานีรถรางกี่โมง เพื่อระบุเวลาและจำนวนผู้โดยสารได้ถูกค่ะ
- ต้นเดือนเมษายน,พฤษภาคม,กลางเดือนสิงหาคม,ต้นเดือนตุลาคม  วันยุ่งๆของอาทิตย์สิ้นเดือนต่างๆ อาจจะไม่ได้ขึ้นรถตามเวลาที่ระบุไว้ก็ได้
- บัตรโดยสารมีอายุใช้ได้ 5 วัน
- ไม่สามารถใช้บัตร Japan Rail Pass ได้

สำหรับดิฉันเดินทางนั่งรถบัสจากหมู่บ้านชิราคาวาโก่มาถึงสถานีโทยาม่าในช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ค. ก็ยังงงๆ ก็เลยไปขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ แนะนำว่าสามารถซื้อบัตรโดยสารแบบแพ็คเกจ
โดยการชำระเงินสามารถชำระเป็นเงินสด บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตก็ได้ค่ะ ส่วนดิฉันใช้บัตรเครดิตชำระค่ะ  ซึ่งพอชำระเสร็จนะค่ะ ก็จะได้บัตรโดยสารจะได้เป็นใบสีฟ้าๆ คล้ายๆบัตรจองที่นั่งรถไฟชินกันเซนค่ะ เพราะเป็นที่ขายบัตรเจ้าเดียวกันค่ะ เก็บบัตรโดยสารให้ดีๆนะค่ะ เพราะจะต้องนำไปแสดงการเดินทางไปยังจุดเชื่อมต่อต่างๆในแต่ละสถานีค่ะ
- บัตรโดยสารมีอายุใช้ได้ 5 วัน
 เมื่อซื้อบัตรนี้มาแล้วนะค่ะ จะได้โบว์ชัวร์ 1 แผ่นแบบหน้าหลัง แสดงตารางเวลาของพาหนะโดยสารที่มารับส่งแต่ละสถานีค่ะ  (แผ่นสีเขียว แสดงเวลาเริ่มต้นจากเมือง Toyama ไปสิ้นสุดเมือง Nagono ค่ะ) ยังไงวางแผนเวลาเรื่องการเดินทางไปเที่ยวยังจุดต่างๆให้ดีนะค่ะ
(แผ่นสีน้ำเงิน แสดงเวลาเริ่มต้นจากเมือง Nagono ไปสิ้นสุดเมือง Toyamaค่ะ) ยังไงวางแผนเวลาเรื่องการเดินทางไปเที่ยวยังจุดต่างๆให้ดีนะค่ะ


สำหรับเรื่องต่อไปนะค่ะ ก็เป็นเรื่องสำคัญอีกอย่างสำหรับนักเดินทางแบกเป้ค่ะ นั้นก็คือ สัมภาระกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่อุตสาห์แบกมาเที่ยวด้วยนะค่ะคงจะต้องลำบากแน่ๆค่ะ หากจะแบกกระเป๋าเป้ใบใหญ่ขึ้นไปเที่ยวด้วย 
คงจะต้องลำบากแน่ๆค่ะ หากจะแบกกระเป๋าเป้ใบใหญ่หอบขึ้นไปเที่ยวด้วยนะค่ะ เพราะบนเขาก็ไม่ได้มีตู้ล๊อกเกอร์ให้เราฝากของใบใหญ่ได้ค่ะ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ ใช้บริการขนส่งสัมภาระค่ะ อันนี้สำคัญมากๆค่ะ ตอนแรกๆดิฉันเองก็กังวลอยู่ว่า เค้ามีบริการตู้ล๊อกเกอร์ หรือจัดส่งสัมภาระหรือเปล่า แต่มาดูข้อมูลในโบว์ชัวร์แล้วก็หมดหวงค่ะ  You will make sure forward baggae to your next destination on the same day.

ตามข้อมูลใบชัวร์ มีบริการขนส่งสัมภาระให้ค่ะไปยังจุดต่างๆดังนี้ค่ะ
- สถานีโทยาม่าเด็นเทสึ - เมืองนากาโน่
- ศูนย์ประชาสัมพันธ์สถานีทาเตยามะ - สถานี JR ชินาโนะโอมัตจิ
- สถานีโทยาม่าเด็นเทสึ - ที่พักแรมน้ำพุร้อนโอมัตจิ
- น้ำพุร้อนอิมัตซุกิ - โรงแรมทาเตยาม่าและโรงแรมทุ่งมิดางะฮาระ

หากใครที่แบกเป้ใหญ่มาเดินเที่ยวเจแปนแอล์แบบดิฉัน จะเดินทางจากเมืองโทยาม่าไปยังเมืองนากาโน่ หรือว่าเดินทางจากเมืองนากาโน่ ไปเมืองโทยาม่า แนะนำให้ใช้บริการขนส่งสัมภาระค่ะ เพราะช่วยลดภาระและความลำบากได้เยอะค่ะ แนะนำหากกระเป๋าใบใหญ่มาก เลือกใช้บริการเถอะค่ะ  โดยฝากกระเป๋าก็ไปฝากได้เลย ไม่ต้องจองค่ะ

ราคาขนส่งสัมภาระจากเมืองโทยาม่า ไป เมืองนากาโน่อยู่ที่ 2200 เยนค่ะ ต่อกระเป๋า 1 ใบค่ะ เค้าจะไม่ชั่งน้ำหนักนะค่ะ คิดต่อใบ ต่อชิ้นเลยค่
หากใครที่เอากระเป๋ามา 2-3 ใบ แนะนำ ทำกระเป๋า2-3ใบ ยัดไปในกระเป๋าเป้ให้เหลือใบเดียวค่ะ เพราะค่าจัดส่งกระเป๋าคิดราคาเป็นต่อใบค่ะ จะได้ประหยัดสตางค์ เพราะค่าจัดส่งเมื่อเทียบเป็นเงินไทยแล้ว ราคาก็แพงโข่พอควรค่ะ แต่ข้อดีคือ เค้าจะไม่ชั่งน้ำหนักนะค่ะ คิดต่อชิ้นเลยค่ะ
แผนที่รับฝาก-ขนส่งสัมภาระกระเป๋าที่สถานีเด็นเทสึเมืองโทยาม่าค่ะ หากจะติดต่อให้ติดต่อเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟเลยนะค่
แผนที่ไปรับฝาก-ขนส่งกระเป๋าสัมภาระที่สถานีรถไฟ นากาโน่ อยู่ห้างมิดอริค่ะชั้น 2F ค่ะ ตอนที่ดิฉันไปรับกระเป๋าที่ที่ห้างมิโดริในสถานีรถไฟ Nagono ก็งงและสับสนอยู่นาน เพราะที่ร้านรับฝากกระเป๋าห้างเป็นเหมือนร้านขายเครื่องเขียนอะไรสักอย่างค่ะ ไม่มีป้ายติดไว้นะค่ะว่าเป็น Baggage Serviceค่ะ จะต้องสังเกตุร้านให้ดี อยู่หัวมุมสุดทางในห้างเลยค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------
ต่อไปเป็นภาพรีวิวการเดินทางไปเที่ยวเจแปนแอลป์ ทาเตยาม่า-คุโรเบะ เริ่มต้นจากเดินทางเมือง Toyama ไปจนสุดเมืองปลายทางเมือง Nagonoค่ะ

แผนการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่น 14 วัน
เมื่อคืนนี้พักค้างที่โรงแรม เกสต์เฮาส์ เอะนิชิ ที่พักราคาถูกหลักร้อยในเมือง Toyama ดูรายละเอียดห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/AVQBkB
เช้าตรู่วันที่ 17 ก.ค.2560 ดิฉันตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะ เพื่อมาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าและเอาทุกอย่างยัดใส่กระเป๋าเป้ใบใหญ่ให้เหลือใบเดียวค่ะ โดยวันนี้ดิฉันจะขอมารีวิวพาทุกๆท่านไปเที่ยวชมหลังคาญี่ปุ่นค่ะ อีกหนึ่งทริปท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนที่สวยงามและดึงดูดตาตราตรึงใจผู้คนให้มายลโฉมไม่น้อยค่ะ

หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้เดินทางเที่ยวเมืองทาคายาม่าและไปชมทุ่งนาที่หมู่บ้านมรดกโลกชิรากาวาโกมาแล้ว

ก่อนจะเดินทาง ขอเติมพลังด้วยอาหารเช้า เป็นของเหลือจากเมื่อวานนี้ค่ะ แช่ตู้เย็นเอาไว้ เพราะทานไม่หมด เช้านี้เลยเอามาอุ่นทานต่อไม่ให้เหลือซากค่ะ
เกสต์เฮาส์ เอะนิชิ ที่พักราคาถูกหลักร้อยในเมือง Toyama ดูรายละเอียดห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/AVQBkB
เมื่อทานอาหารเช้าอิ่มเรียบร้อย กระเป๋าพร้อม เดี๊ยนก็เช็คเอาท์ออกจากที่พักค่ะ ขอบ๊าย..บาย...เจ้าของเกสต์เฮ้าส์ผู้น่ารัก บริการดี พูดภาษาอังกฤษเป๊ะเว่อร์ ยังไงหากมีโอกาสจะแวะมาพักอีกนะค่ะ

สำหรับเพื่อนท่านใดที่วางแผนจะแบกเป้ลุยเดียว หรือจะมาแบบหมู่คณะ มองหาที่พักราคาถูกหลักร้อย มานอนพักค้างที่นี้ ก็ดีไม่เบา เพราะราคาถูก แต่เสียอย่างอยู่ไกลจากสถานีรถไฟ JR ไปหน่อย เพราะต้องนั่งรถไฟเข้ามาอีก แต่เทียบราคากับโรงแรมอื่นแล้ว ถือว่าถูกและประหยัดดีค่ะ
เข้าไปดูรายละเอียดโรงแรม Guesthouse Enishi ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/AVQBkB
 
 ดิเดินจากที่พักมาประมาณ 500 เมตร มารอขึ้นรถรางไปสถานีรถไฟ Toyama ค่ะ
เมื่อมาถึงสถานีโทยาม่าแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เดินทางมาที่ชานชลา สถานีรถไฟเดนเทสึโทยามะค่ะ (Dentesu Toyama) ซึ่งเป็นสถานีที่จะเดินทางไปยังเทือกเขาทาเตย่ามะค่ะ  
 เข้ามาก็ในสถานีรถไฟเด็นเทสึ ก็เจอแต่ป้ายตุ๊กตาน่ารักมุ้งมิ้งเชียวค่ะ
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟะ เดี๊ยนงงมากๆค่ะ เพราะว่าไปถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บอกว่าจะมีป้าย บริการรับฝากสัมภาระกระเป๋า Baggage service ติดเอาไว้ แต่เดี๊ยนเดินหาอยุ่ตั้งนานก็ไม่เจอ พอไปถามเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีป้ายใหญ่ติดไว้ มีแต่ป้ายตามภาพที่เห็นค่ะ โอ้ย..ป้ายเล็กนิดเดียวใครจะหาเจอค่ะ เดี๊ยนล่ะปวดกบาลค่ะ หากใครมาเที่ยวแบบเดี๊ยน สังเกตุป้ายตามภาพนี้นะค่ะ จะได้แบกสัมภาระกระเป๋ามาได้ถูกค่ะ
เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟ ก็จะให้เขียนรายละเอียด ชื่อ เบอร์โทร ลงไปในแบบฟอร์มค่เและ ชำระเงินสด จำนวน 2200 เยนค่ะต่อกระเป๋าสัมภาระ 1 ใบค่ะ

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่รถไฟ ก็จะอธิบายแผนที่สำหรับไปรับกระเป๋าปลายทางบลาๆๆ  และบอกให้ดิฉันเก็บใบนี้ไว้ให้ดีๆ เพื่อนำไปแสดงตอนรับกระเป๋าที่สถานีรถไฟ Nagano ค่ะ.....แต่เดี๊ยนงวยงงตอนกรอกเบอร์โทรมากค่ะ เพราะตอนกรอกข้อมูลเดี๊ยนไม่ได้ใส่เบอร์โทรลงนะค่ะ  แต่ทางเจ้าที่บอกว่า ยูต้องใส่เบอร์โทรไปด้วยนะ เดี๊ยนเลยอธิบายไปว่าโทรศัพท์ดิฉันเป็นซิมเนตอย่างเดียว โทรเข้าโทรออกไม่ได้ แต่ทางเจ้าหน้าที่รถไฟรู้สึกจะงงกับภาษาอังกฤษของเดี๊ยน ที่ฟังแล้วยิ่งเอ๋อไปกันใหญ่ เดี๊ยนเลยใส่เบอร์โทรเมืองไทยลงไปเลย...จบค่ะ555
ตั๋วรถรางไฟฟ้า Tateyama cable car เจ้าหน้าที่จะออกให้ที่สถานี Dentetsu Toyama เลยค่ะ
และเมื่อได้ชำระเงินฝากกระเป๋าสัมภาระเสร็จแล้วนะค่ะ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมาถามว่าเมื่อนั่งรถไฟไปถึงสถานีทาเตยาม่า จะนั่งรถรางไฟฟ้า Tateyama Cable Carรอบกี่โมง เพื่อจะได้ออกตั๋วเวลาให้พร้อมเลยค่ะ

โดยแสดงบัตรโดยสารแพ็คเจ 9000 เยนที่ได้สั่งซื้อมาให้เจ้าหน้าที่ทราบค่ะ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็จะออกตั๋วรถรางไฟฟ้า Tateyamar Cable Car ให้ที่สถานีรถไฟเดนเทสึเลยค่ะ ตามภาพค่ะดิฉันล๊อกเวลาที่ 10.20 ค่ะ
ได้เวลาเดินทางออกจากสถานี เด็นเทสึ โทยาม่าแล้วค่ะ นั่งรถไฟสีเขียวเหลืองเนี่ยแหล่ะค่ะ เป็นรถไฟท้องถิ่นไปสุดปลายทางที่สถานีรถไฟเทือกเขาทาเตยามะค่ะ
ระหว่างนั่งรถไฟ ก็ชมวิวภูเขา แม่น้ำ สายลม และแสงแดดไปเรื่อยค่ะ
 บรรยากาศในรถไฟท้องถิ่นกำลังมุ่งหน้าไปสู่ เทือกเขาทาเตยาม่าค่ะ
 ผ่านทุ่งนาสีเขียว งดงามยิ่งนักเชียวค่ะ เพราะมองไปก็เห็นวิวภูเขาและทุ่งนา ต้นข้าวสูงราวเสมอกันตลอดเส้นทางระหว่างนั่งรถไฟปู๊นๆไปเรื่อยๆค่ะ
 ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำ ไมู่รู้ว่าแม่น้ำอะไรนะค่ะ ดูใหญ่โตโอฬาร ร้าวรานทรวงในจริงๆค่ะ
 นั่งรถไฟมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงสถานีเทเตยาม่าแล้วค่ะ จากนั้นก็รอ
 จากนั้นก็เรียงแถวเข้าคิวเพื่อเดินไปชานชลา เพื่อขึ้นรถรางไฟฟ้าเคเบิ้ลคาร์ค่ะ
เนื่องด้วยวันที่ 17 ก.ค.นี้นะค่ะ เป็นวันหยุดประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เดินทางไปเที่ยวที่ภูเขาแห่งนี้ค่ะ แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นทัวร์นักท่องเที่ยวจีนเยอะมากกว่าค่ะ เยอะกว่าคนญี่ปุ่นเสียอีกนะค่ะ
 ขึ้นมาในรถรางไฟฟ้ารอบเวลา 10.20 น.แทบไม่มีที่นั่ง ต้องยืนนะค่ะ ดูนักท่องเที่ยวคับคั่งเต็มรถราง และมีเสียงพูดโช้งเช้งโช้งเช้งดังมากๆค่ะ  รู้เลยว่าเป็นภาษาจีน
 นั่งรถรางมาได้ 7 นาที ก็ถึงสถานีใบโจไดราแล้วค่ะ
 ถึงสถานีบิโจไดรา ใช้เวลาไป 7 นาที ตามเวลาเป๊ะค่ะ
รถรางไฟฟ้าของเค้าก็น่ารักมุ้งมิ้งมากนะค่ะ
พอมาถึงสถานีบิโจไดรานะค่ะ ก็มีเจ้าหน้าที่มาสอบถามดิฉันค่ะว่า จะนั่งรถบัสไปที่สถานีมูโรโดเลยใหม๊ ดิฉันเลยตอบตกลงค่ะ เพราะดูเวลาในข้อมือแล้ว ตอนนี้ก็ปาจะ 11 โมงเช้าแล้วค่ะ  ตอนแรกกะว่าจะมาเดินชมต้นไม้ยักษ์บนจุดท่องเที่ยวที่ 1 คือ สถานีพื้นที่ราบบิโจไดราก่อน แต่ดูเวลาแล้วยังไก็ไม่ทันค่ะ เลยเลือกนั่งรถบัสจากสถานีแห่งนี้ ไปมูโรโดเลยค่ะ
ภายในรถบัส Tateyama Highland Bus เป็นรถบัสวิ่งตรงไปมูโรโด ไม่ได้จอดแวะระหว่างทางค่ะ มีนักท่องเที่ยวเต็มคันรถเลยค่ะ แเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน เยอะจริงๆนะค่ะ คนญี่ปุ่นน้อยมากๆ รวมทั้งเอเชียอุษาคเนย์แบบอิชั้นก็เป็นคนแปลกถิ่นที่นี้ด้วยค่ะ เดี๊ยนเข้ามาเป็นสุดท้าย ได้ที่นั่งเบอะหลังสุดเลยค่ะ
 ระหว่างนั่งรถบัสนะค่ะ ก็จะวิ่งไต่ตามเนินเขาไปเรื่อยผ่านน้ำตก
นั่งรถบัสมาอีก หูเริ่มจะอื้อแล้วคะ เพราะเริ่มไต่ระดับความสูงมาเรื่อย เริ่มเห็นความตะลึงตึงตึงเขาภูเขาทาเตยาม่าที่ใกล้เข้ามาทุกขณะค่ะ  ดิฉันก็กดชัตเตอร์กล้องตลอดทางค่ะ จนคุณลุงที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง เริ่มจะรู้สึกรำคาญเดี๊ยนแล้วนะค่ะ ไม่รู้จะถ่ายอะไรนักหนานะค่ะ
 ดิฉันกดชัดเตอร์ลั่นตลอดทางค่ะ เพราะรถก็ขับวนไต่ไปเรื่อย ก็จะเห็นภูเขากับหิมะสีขาวกำลังจะลายค่ะ
 ระหว่างก็เห็นน้ำแข็งสีขาวโพลนอยู่บ้างตัดกับสีเขียวก็ดอกไม้  ใบหญ้าที่กำลังจะมางอกแทนที่ค่ะ
นั่งรถผ่านกำแพงหิมะนะค่ะ ดูท่าอากาศที่นี้น่าจะเย็นมากนะค่ะ
นั่งรถบัสมาประมาณ 50 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ สถานีมูโรโดค่ะ ลงจากรถบัสมา อากาศเย็นดีมากๆค่ะ ไม่ร้อนและก็ไม่หนาวจนเกินไปค่ะ แต่ก็ถือว่าเย็นนะค่ะ อุณหภูมิบนเทือกเขาน่าจะประมาณสัก 18-20 องศาได้ค่ะ หากมาเที่ยวบนยอดเขานี้ เอาเสื้อคลุมมาด้วยนะค่ะ
มาถึงสถานีตอนนี้ก็เวลาเที่ยงพอดีค่ะ เดินออกมาจะเห็นวิวภูเขาทาเตย่ามากำลังภาพน้ำแข็งสีขาวโพลน ที่กำลังละลายดุจไอศครีมเลยนะค่ะ มีเมฆหมอกปกคลุมยอดภูเขาอยู่ยังไม่สลายตัว สภาพอากาศท้องฟ้าแจ่มใส สลับกับเฆมที่ลอยคละคลุงฟุ้งกระจายไปทั่วค่ะ มีลมพัดโชยให้เย็นๆ อากาศดีมากๆค่ะ ไม่ร้อนเลย

ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาค่ะ มารู้จักชินเกียวทาเตยามะกันก่อนค่ะ

บริเวณที่สูงสุดของเส้นทางเจแปนแอลป์ (หลังคาญี่ปุ่น) ทาเตยามะคุโรเบะ 2,450 เมตร เป็นจุดเดินชมวิวที่เต็มไปด้วยสมบูรณภาพอันสวยงามในช่วงฤดูร้อนของภาพหิมะบนภูเขาที่ยังหลงเหลือให้เห็น เช่นอ่างน้ำมิกุริกะ,บ่อน้ำร้อนที่ลงแช่ได้ และตาน้ำสะอาดบริสุทธิ์สามารถดื่มได้

สำหรับเทือกเขาทาเตยามะถูกเชื่อกันมาว่าเป็นภูเขาที่มีเทพเจ้าสิ่งสถิตย์อยู่ ภูเขาไฟบริเวณเชิงเขาที่มีทัศนียภาพธรรมชาติที่ไม่เหมือนใครนี้ ถูกจินตนาการว่าเป็นพื้นที่คล้ายกับ "นรก" ตามความเชื่อของชาวพุทธ ชื่อสถานที่ในบริเวณพื้นที่นี้ มีชื่อเกี่ยวกับ "การอยู่ในอเวจี" หลายแห่งเช่น คากิโนเด็น ทุ่งผีเปรต, จิโกกุดานิ หุบเขาอเวจี, ชิโนะอิเคะ หุบเขาสีเลือดเป็นต้น 
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่มีภูเขาทาเตยามะ, ภูเขาไฟฟูจิ,ชิรายาม่านั้น เป็นที่รู้จักกันดีตั้งแต่สมัยก่อนในศตวรรษที่ 17-19 ว่าเป็นเส้นทางมาเยือนของผู้แสวงบุญเป็นจำนวนมาก ความเชื่อว่าการได้ชมโลกแห่งนรกที่มีน้ำร้อนพุ่งขึ้นมาที่จิโกกุดะนิแล้วก็ปรารถนาที่จะไปให้ถึงแดนสุขาวดีคือทาเตยามะด้วยค่ะ

ขอบพระคุณข้อมูลดีๆจาก โบว์ชัวร์ท่องเที่ยวทาเตยามะ คุโรเบะ (ภาษาไทย) 
 โดยจุดท่องเที่ยวแรกที่เดินออกจากสถานีมูโรโดมาจะเป็นลานบ่อตาน้ำอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเทือกเขาแห่งนี้ค่ะ สามารถดื่มได้ค่ะ
ลานบ่อตาน้ำอันศักดิ์สิทธิ์บนบนเทือกเขา Tate  ก็จะมีนักท่องเที่ยวมานั่งพักผ่อนกันเป็นครอบครัว คู่บ่าวสาว
เค้าบอกว่าหากมาถึงที่นี้ แล้วต้องไม่พลาด มาลิ้มลองดื่มด่ำ ชิมรสชาติตาน้ำบริสุทธิ์บนเทือกเขาแห่งนี้ ก็จะช่วยบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บได้ค่ะ  ดิฉันลิ้มลองแล้วน้ำเย็นมากๆค่ะ ชิมดูยังไม่รู้รส เพราะรู้สึกชาลิ้นมากกว่าค่ะ หากใครแวะมาเที่ยวที่เขาแห่งนี้ ก็อย่าลืมแวะมาลิ้มลองนะค่ะ
พอได้ลิ้มลองดื่มตาน้ำอันศักดิ์แล้วนะค่ะ ก็ได้เวลามาเดินชิวๆรอบบึงมิกุระแล้วค่ะ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางยอดนิยมของการมาท่องเที่ยวชมวิวภูเขากับอากาศอันแสนจะเย็นสบายในฤดูร้อนแห่งนี้ะ
ระหว่างเดินไปก็จะเห็นหิมะน้ำแข็งสีขาวโพลนเรียงรางอยู่ริมไหล่ทางค่ะ งดงามพร่างพรายดุจสายน้ำทิพย์จริงๆค่ะ ถ้าพกน้ำหวานเฮลบลูบอยมาด้วยก็คงจะดีนะค่ะ ตักน้ำแข็งขึ้นมาแล้วโรยหน้าน้ำแดงหวานฉ่ำ คงจะอิ่มหน่ำสำราญตลอดทางค่ะ 555
เดินผ่านกำแพงน้ำแข็งตรงทางเดินสีขาวโพลน กำลังโล้นละลายกลายเป็นสายน้ำอันเยือกเย็นค่ะ

ถ้าพกน้ำหวานเฮลบลูบอยมาด้วยก็คงจะดีนะค่ะ ตักน้ำแข็งขึ้นมาแล้วโรยหน้าน้ำแดงหวานฉ่ำ คงจะอิ่มหน่ำสำราญตลอดทางค่ะ 555
น้ำแข็งกำลังจะละลาย มองไปไกลๆก็เห็นไอหมอกลอยละลอง พัดลมเย็นๆมาปะทะที่ใบหน้า ชาไปหมดเลยค่ะ
เดินชิวๆชมวิวไปเรื่อยๆค่ะ เดินไปก็รู้สึกเหมือนภูเขาอยู่ใกล้มากขึ้น แต่พอเดินไปเรื่อยๆแล้ว ทำไมอยู่ไกลจังนะค่ะ
น้ำแข็งกำลังละลายค่ะ แต่เมฆบนยอดเขาเริ่มจะสลายตัวไปแล้วค่ะ ท้องฟ้าเริ่มจะสดใสขึ้นเรื่อยๆนะค่ะ
ทางเดินเห็นวิวภูเขาอันสวยสดงดงาม ร้าวรานดวงใจ งามไฉไลสุดเก๋ เท่ห์ซ่ะไม่เบาเชียวค่ะ ท้องฟ้าก็เป็นสีฟ๊า ภูเขาก็เขียวไร้เงาต้นไม้มีหิมะน้ำแข็งกำลังไหลเป็นเส้นทางดูคล้ายไอศครีมกำลังละลายเป็นสายน้ำทิทย์ ระยิบระย้าไปทั่วผืนฟ้านภากาศ ศิวิลาศวิไล ดวงไฟพระอาทิตย์ก็เจิดจรัส ทอแสงสู่นัยตา ให้บ้าคลั่งเอย.....

ถ้าใครชอบเที่ยวแนวนี้ ชอบเดินเขา trekking ชมนก ชมไม้ ชมป่าดง พฤกษาพนาไพร ต้องไม่พลาดจัดทริปพาคู่รักฮันนีมูน หรือครอบครัวไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตาคุณยาย มาเดินพร่างพรายกินลมชมวิว นั่งสยิวกิ๊วกิ๊ว กับอากาศอันจะชิลลๆ แสนจะบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองไงที่เทือกเขาแห่งนี้สักครั้งนะค่ะ เดี๊ยนรับรองว่าสวยเป๊ะปังอลังการเว่อร์อย่างแน่นอนจ้า
เดินมาเรื่อยๆก็จะพบดอกม้ง ดอกไม้ริมทาง ขนาดกะจิ๋วหลิ๋วเล็กกะติ๊วลิดให้ได้เพลินตา จนต้องหยิบกล้องมาถ่ายเอาไว้ดูให้เบิกบานตา เย็นซ่าถึงดวงใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนมากๆค่ะ
ระหว่างทางก็จะเห็นดอกไม้บนภูเขา เป็นพืชจำพวกอัลไพน์ต้นเล็กๆน่ารักกำลังผลิดอกออกบานสะพรั่ง ประดุจบัลลังค์วังสีทอง ผุดผ่องเป็นยองใย ให้ได้ไฉไลชื่นกันอย่างสำราญเบิกบานตาคณานับค่ะ
 ดอกไม้บนยอดเขาแห่งนี้ กำลังผลิดอกออกบานสะพรั่งมีดอกงามๆค่ะ
ดอกไม้เล็กๆขนาดกะจิ๋วลิ๋ว น่ารักมากๆนะค่ะ
โดยพืชส่วนใหญ่ที่เจริญเติบโตบนเทือกเขาแห่งนี้นะค่ะ ก็จะเป็นพืชจำพวกอัลไพน์ เป็นดอกไม้เล็กๆมุ้งมิ้งสวยสดใส ฟรุ้งฟรุิ้ง งดงามวิ้งๆดุจอำพรรณ ดั่งสวรรค์ชั้นฟ้ามาลาดินจริงๆค่ะ 
ดอกม้ง ดอกไม้บนเทือกเขาแห่งนี้ ก็ช่วยเพิ่มสีสัน และบรรยากาศการเดินทางให้งดงามเบิกบานใจไม่น้อยเลยนะค่ะ เพราะเดินไปทางใหนก็เต็มไปด้วยดอกไม้ตะมุตะมิ ละลานตาไปหมดค่ะ 
อากาศบนยอดเขาแห่งก็สดชื่นเย็นดีเหลือเกินค่ะ
ดอกไม้บนเทือกเขาอันเยือกเย็น กำลังเจริญเติบโตชูก้านกิ่งผลิดอกออกบานสะพรั่งรับแสงแดด ต้อนรับผู้มาเยือนตลอดในช่วงฤดูร้อนนี้ ก่อนที่จะฉิมพลีเหี่ยวลงในช่วงฤดูหนาว
ดอกไม้สีเหลืองเล็กๆกะจิ๋วหลิวต้นนี้ ดอกอะไรไม่รู้นะค่ะ ในโบว์ชัวร์ไม่ได้บอกไว้
 ดอกไม้บนยอดเขาแห่งนี้ส่วนใหญ่ เป็นดอกไม้ในกลุ่มพืชอัลไพน์ ทำให้มีขนาดเล็กมุ้งมิ้งและน่ารักสวยงามมากๆ
 แต่ดอกไม้นี้ น่ารักดี ชื่อดอกไม้นี้คือ ดอกชินกุรุมะ ชื่อน่ารักเชียวค่ะ ลักษณะใบคล้ายๆใบผักชีนะค่ะ ส่วนกลีบดอกเป็นสีขาวนวลผ่องมี 5 แฉก เกสรสีเหลือง
ดอกชินกุรุมะ ดอกเล็กๆในกลุ่มพืชอัลไพน์เติบโตได้เฉพาะบนยอดเขาสูง เส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 2 ซม. สีขาวน่ารักบานสะพรั่งอยู่เป็นจำนวนมาก ตลอดทางเส้นทางบนเทือกเขาทาเตยาม่านี้ค่ะ 

 ส่วนดอกชนิดนี้ ดอกอะไม่รู้ แต่ในโบว์ชัวร์ข้อมูลที่ได้มา ดูคล้ายดอกคุโระยูริ แต่ลักษณะดอกเล็กมากๆนะค่ะ กะติ๊ดลิ๊ดกว่าดอกชินกุรุมะอีกนะค่ะ มุ้งมิ้งมากๆค่ะ

ส่วนใหญ่เจอแต่ดอกนี้ค่ะ ดอกไม้สีเหลืองทอง งามเรือง ผุดผ่องเป็นยองใย ไปทั่วลานหญ้าแห่งนี้ค่ะ 
 ตลอดเส้นทางเดินชมวิว จะมีป้ายบอกเส้นทาง จะได้ไม่หลงค่ะ 
 เดินมาสักพัก ก็ถึงจุดแวะพัก มีที่นั่งสำหรับนักผ่อน ชมวิวเทือกเขาทาเตยามะค่ะ
มานั่งพักทานข้าวที่ตรงนี้ค่ะ เป็นสถานที่สำหรับคู่รักมานั่งชมวิว พักผ่อนกันค่ะ
โดยลานชมวิวแห่งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับเส้นทางไปปีนเขาทาเตยาม่าที่อยู่ตรงหน้าค่ะ
 ก่อนจะไปปีนเขานะค่ะ ขอเติมพลังก่อนค่ะ อาหารมื้อเช้าย่อยไปหมดแล้วนะค่ะ และดูนาฬิกาในข้อมือก็ปาไปจะบ่ายโมงแล้วนะค่ะ อาหารเที่ยงมื้อนี้ ไม่มีข้าวกล่องเบนโตะค่ะ มีแต่ข้าวเกรียบที่อยู่ในกระเป๋าเป้ใบเล็ก หอบมาด้วย เอามาทานแก้หิวค่ะ

พอได้ลิ้มลองรสชาติข้าวเกรียบที่ซื้อมาจากทาคายาม่าแล้ว ก็อยากจะเขวียงทิ้งค่ะ แต่ก็เสียดาย คือข้าวเกรียบไม่อร่อยเอาเสียเลยนะค่ะ แบบว่าโนคาโนเนชั่น ไม่มีรส ไม่มีชาติเอาเสียเลยนะค่ะ เดี๊ยนว่าอยู่ทำไมราคาถูกจัง  รู้งี้น่าจะซื้อข้าวกล่องมาตั้งแต่โทยาม่าก็ดีค่ะ  ก็เอาเหอะค่ะ มีข้าวเกรียบให้ทานไว้เติมพลังดีกว่าไม่มีค่ะ
จุดแวะพักสำหรับนักเดินทางไต่เขาค่ะ
พอทานข้าวเกรียบอิ่มแล้วนะค่ ก็ได้เวลาเตรียมพร้อมไปเดินเลาะตามเส้นทางไต่เขาแล้วค่ะ 

ดูเส้นทางไปเดินไต่ยอดเขาทาเตย่าม่าแล้ว น่ามาลองสักครั้งค่ะ เพราะเส้นทางเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน สวยงามและน่าจะลื่นสไลด์น่าดูนะค่ะ เห็นนักท่องเที่ยวแบกเป้มาแต่ไกลค่ะ

สำหรับเส้นทางไปบนยอดเขาทาเตย่าม่า ซึ่งมีศาลเจ้าอยู่บนยอดเขา ความสูงที่ 3,030 เมตรพร้อมวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ได้สัมผัสเมฆหมอก เป็นอีกเส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่รักการปีนเขาค่ะ ใครที่รักการท่องเที่ยวแบบนี้ต้องไม่พลาด
ใหนก็มาทั้งที เดี๊ยนเลยตัดสินใจ เดินไปยังเส้นทางไต่เขาทาเตยาม่าค่ะ แต่คงไปไม่ถึงยอดภูเขาค่ะ เพราะจริงกะว่าจะมาเดินชมวิวอย่างเดียว แต่ใหนก็มาทั้งที ขอมาสัมผัสเส้นทางนี้สักหน่อยค่ะ เผื่อทริปหลังได้มีโอกาสมาคุณปู่คุณย่าคุณตา คุณยายมาเดิน Trekking ที่เขาแห่งนี้สักครั้งค่ะ

โดยตลอดเส้นทางเดินที่เดี๊ยนมาเที่ยวในเดือนกรกฎาคมนี้ ก็ยังคงมีหิมะและน้ำแข็งอยู่ และทางเดินไปก็ค่อนข้างลื่นพอสมควรค่ะ ดูภาพก็รู้ค่ะ ว่าจะลื่นแค่ใหน ต้องระวังเลยนะค่ะ เชือกไต่ตามทางก็ไม่มี ถ้าไถลลื่นลงเขาไป คงบาดเจ็บเล็กน้อยน่าดูนะค่ะ

เวลาเดินต้องระมัดระวังมากๆนะค่ะ เพราะมันลื่นมากๆค่ะ ตอนเดินต้องค่อยๆขยับค่ะ
เส้นทางเดินไปยังมีหิมะขาวโพล่นอยู่ตลอดแนวค่ะ  เวลาเดินย้ำทางเดินหิมะแบบนี้ ต้องระวังค่ะ
เวลาเดินต้องระวังแบบสุดๆค่ะ เดี๊ยนลื่นไปทีนึง หัวแทบจิ้มลงหิมะค่ะ ดีนะค่ะที่ไม่ร่อนตกลงเขาไปค่ะ ดูคุณพี่ท่านนี้ แกเตรียมพร้อมมากๆนะค่ะ เตรียมไม้เท้าเดินป่ามาด้วย ทำให้ช่วยพยุงแรงขาได้เยอะ
 ดิฉันค่อยเดินเลาะตามเส้นทางที่เค้าเดินกันไปเรื่อยๆค่ะ เมื่อยก็หยุดพักค่ะ เดินเร็วไม่ได้นะค่ะ เพราะลื่นมากๆ
 ตอนขึ้นก็ว่ายากแล้วนะค่ะ เห็นตอนเค้าลง ลำบากกว่ามากค่ะ เพราะต้องระมัดระวังมากๆนะค่ะ
 แต่พอเดินขึ้นมาถึงบ้างช่วงที่ไม่มีน้ำแข็ง ก็ค่อยยังชั่วค่ะ
แต่บางเส้นทางก็ต้องไต่หินขาว ราวกับขึ้นบันใดสูงค่ะ ต้องใช้กำลังขาเยอะพอสมควรนะค่ะ เล่นเอาเหนื่อยหอบมากๆค่ะ
 แต่พอเดินทางมาเรื่อยๆก็เริ่มเจอดอกไม้ริมทาง สีขาวแพรวพราวสกาวรุ่งโรจน์ สวยงาม
เจอดอกไม้นี้กำลังบานสะพรั่งอยู่ริมทางเดิน  ช่วยให้เพลิดเพลินตาไม่น้อยค่ะ มันคือดอกอิโวโชค่ะ
เป็นพืชที่ขึ้นอยู่บริเวณที่มีหิมะมากบนที่สูง เป็นดอกไม้น่ารักบานหันขึ้นด้านบน ดอกสีขาวใบไม้รูปทรงเฉพาะตัวเป็นที่น่าสังเกตุและต้องมนต์ดูเพลิดเพลินตาและชื่นใจ แต่เสียดายน่าจะมีกลิ่นหอม ให้ดอมด้วยคงจะดีไม่น้อยนะค่ะ 
 ดอกอิโวโช ลักษณะเป็นกลีบ 5 ใบเรียงเดียว มีเกสรกะมิดกะเมี๊ยนอยู่ตรงกลาง บานเล็กน้อย  เป็นพืชที่ขึ้นอยู่บริเวณที่มีหิมะมากบนที่สูง เป็นดอกไม้น่ารักบานหันขึ้นด้านบน ดอกสีขาวใบไม้รูปทรงเฉพาะตัวเป็นที่น่าสังเกตุและต้องมนต์ดูเพลิดเพลินตาและชื่นใจ แต่เสียดายน่าจะมีกลิ่นหอม ให้ดอมด้วยคงจะดีไม่น้อยนะค่ะ
เดินมาก็เจอดอกนี้อีกแล้วนะค่ะ แม่ดอกหัวคว่ำลงดิน สีชมพูอ่อนฉ่ำ ดอกเล็กมากๆค่ะ เป็นหนึ่งในดอกไม้กลุ่มอัลไพน์ เห็นเจริญเติบโตและแทรกตัวชอนไชอยู่กับดอกอิโวโชค่ะ มีขาว มีชมพู แต่ดอกอิโวโชดูต้นใหญ่กว่าค่ะ

เดินตามทางเดินชมวิว แบบชิลๆ ออกกำลังกายมาเรื่อยๆค่ะ บางจุดก็ชันพอสมควร เล่นเอาเมื่อยขาไปพักใหญ่เลยค่ะ
เดินไต่ตามเดินมาเรื่อยก็ถึงเส้นทางหฤโหดแล้วค่ะ เป็นการเดินไต่ตามโขดหินเพื่อยังจุดชมวิวบนยอดเขาค่ะ ดูตามภาพเหมือนไม่ค่อยสูงนะ แต่ของจริงๆสูงมากๆค่ะ
 เมื่อเดินมาถึงจุดนี้นะค่ะ ขอพักชมวิวสักสักหน่อยค่ะ โดยอากาศบนจุดนี้ ลมพัดแรงสุดๆ ทำเอาหน้าเดี๊ยนชาไปเลยค่ะ น้ำมูกก็เริ่มไหล เพราะมันเย็นจริงๆนะค่ะ ต้องเอาผ้าโพกหัวมาปิดไว้ค่ะ
 แต่เห็นคุณพี่ผู้หญิงทันนึง แบกเป้ใบใหญ่เพื่อเดินไต่หินขึ้นไปสู่ยอดเขาอันศักดิ์ค่ะ
 ดิฉันเห็นเส้นทางเดินนี้แล้วทรหดจริงๆค่ะ เป็นหินล้วนเลยนะค่ะ เวลาเดินขึ้นต้องค่อยจับหินและเดินไต่ไปให้ดีๆนะค่ะ เพราะไม่มีเชือกให้ไต่ขึ้นแบบสวยๆนะค่ะ ต้องใช้กำลังขาล้วนๆค่ะ เล่นเอาเหนื่อยหอบไปสักพัก แล้วค่อยขยับเดินต่อค่ะ
ระหว่างเดินทางก็เจอศาลเจ้าค่ะ
เดินมาไม่กี่ก้าวก็หยุดค่ะ เพราะลมแรงมากๆนะค่ะ อากาศก็เย็นเจี๊ยบเชียวค่ะ มองไปด้านล่าง วิวสวยๆมากๆ แต่เดี๊ยนรู้สึกว่าจะเริ่มทรมานขาแล้วค่ะ เริ่มล้าอ่อนแรงค่ะ 
ดิฉันเดินมายังไม่ถึงครึ่งทาง แหงนดูนาฬิกาในข้อมือ เวลาปาไปบ่าย 2 โมงกว่าแล้วค่ะ ดูท่าแล้วคงจะใช้เวลาอีกเป็นชั่วโมงแน่ๆค่ะ กว่าจะถึงยอดเขาค่ะ เลยขอบ๊ายๆ เดินลงเขาดีกว่าค่ะ จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมานะค่ะ แต่เห็นเค้าเดินมากัน เดี๊ยนเลยเดินตามเค้ามา น่าจะท้าทายดีค่ะ แต่ก็ท้าทายร่างกายจริงๆนะค่ะ

หากใครจะมาเดินปีนสู่ยอดเขาทาเตยาม่าแนะนำ ให้มานอนค้างที่นี้สักคืนค่ะ แต่เผอิญเดี๊ยนจองโรงแรมที่เมืองนากาโน่และชำระเงินไปแล้ว อีกอย่างกระเป๋าสัมภาระก็ถูกส่งไปเมืองนากาโน่แล้ว มาถึงแค่นี้ก็ดีใจแล้วค่ะ เดียวรอบหน้าพาคุณปู่ คุณย่า หรือคนรักมาฮันนีมูนจูงมือกันเดินปีกเขาแห่งนี้ ค่อยมานอนค้างคืนที่เทือกเขานี้แล้วกันนะค่ะ
ได้เวลาเดินลงแล้วค่ะ อากาศและวิวทิวทัศน์บนนี้สุดยอดค่ะ สวยงามสุโค่ยมากๆค่ะ
 ตอนเดินขึ้นว่ายากแล้วนะค่ะ เพราะใช้กำลังขาเยอะ แต่ตอนลงยากกว่าค่ะ เพราะต้องๆค่อยหาทางเดินไต่แล้วใช้มือจับก้อนหิน ค่อนๆพยุงตัวเองเดินลงไปเรื่อยๆค่ะ 
ดิฉันเห็นคนญี่ปุ่นก็พาครอบครัว พาเด็กๆมาเดินไต่เขานี้ด้วยนะค่ะ เป็นการฝึกเด็กให้มีความกล้า ได้มาออกกำลังกายที่นี้ เป็นภูเขาอนุบาลสำหรับฝึกหัดปีนเขาอย่างแท้จริงๆค่ะ
เป็นการปีนและไต่เขาที่ใช้กำลังขาพอสมควรค่ะ ตอนจะลงต้องระวังมากๆค่ะ พยายามหาก้อนหินยึดจับเวลาเดินตามทางเดินลงไปสู่พื้นด้านล่างค่ะ
เดินลงมาถึงก็ขอนั่งพักชมวิวสักหน่อยค่ะ
 มองไปด้านบนก็เห็นดอกไม้น่ารัก ก็กำลังเบ่งบานละลานตาเชียวนะค่ะ
บางดอกก็แทรกตัวอยู่บนโขดหินดินทราย งามพร่างพรายดุจสายน้ำทิพย์เชียวค่ะ
 ดอกไม้บนยอดเขาสูง
 นั่งพักสักแป๊บแล้วค่อยเดินทางต่อค่ะ
 ได้เวลาเดินทางกลับแล้วค่ะ เพราะเข็มนาฬิกาก็ขยับเวลาไปเรื่อยๆ
 ดิฉันเดินกลับเส้นทางเดิมค่ะ แต่เพิ่มเติมคือเพื่อนร่วมทางค่ะ โดยตลอดเส้นทางระหว่างที่เดินมานะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวญี่ปุ่น ก็จะพูดและทักทายกันตลอดว่า คนนิจิวะ ตั้งขบวนเดินเป็นทิวแถว
ตอนขึ้นมาว่าใช้เวลาแล้วนะค่ะ ตอนลงก็ยากกว่ามากเลยค่ะ เพราะหิมะลื่นมากๆค่ะ และอันตรายด้วยนะค่ะ เชือกไต่ก็ไม่มีค่ะ ตอนจะเดินลงต้องระวังสุดๆค่ะ หากใครที่มาเที่ยวช่วงนี้ พยายามเน้นพื้นรองเท้าแบบดอกยางที่เกาะดีๆหน่อยนะคะ
 เดินตามทางเดินหิมะลงมา ก็เจอน้ำตกเล็กอยู่ติดกับตรงทางเดิน น้ำใสเชียว
 น้ำตกที่ไหลจากการละลายของน้ำแข็ง
น้ำใสยังราวใบกระจกสุดๆค่ะ และก็เย็นมากๆด้วยนะคะ
เจอดอกอิโวโชอีกแล้วค่ะ บางสะพรั่งอยู่บนเนินเขา ละลานตาเชียวล่ะ
เดินลงเขากับวิวบรรยากาศสวยๆ หากได้เดินบนทางเดินธรรมดาที่ไม่มีหิมะก็ค่อยยังชั่วนะค่ะ แต่ระหว่างข้ามไปอีกเส้นทางก็จะมีหิมะให้ต้องผจญภัยตลอด
 รวมเวลาเดินไต่เขาที่นี้ ใช้เวลาพอสมควรเลยนะค่ะ อุปสรรคคงเป็นหิมะที่จะต้องค่อยขยับเวลาเดิน เพราะถ้าไม่ระวังจะลื่นไถลตกเขาได้ค่ะ แถมไม่มีเชือกให้จับด้วยนะคะ
แต่ระหว่างทางเดินก็งดงามราวกับภาพวาดนะค่ะ เพราะเป็นภูเขาหิมะที่กำลังละลาย คล้ายไอศกรีมน่ากินเชียวค่ะ
 โฮ้....ในที่สุดก็เดินมาถึงสักทีค่ะ คราวหลังหากจะไปเดินไต่เขา คงต้องเผื่อเวลาไว้ให้มากกว่านี้ หรือไม่ก็ไปค้างคืนข้างบนเลยค่ะ
พอมาถึงจุดเริ่มต้นที่เดิม ดิฉันก็ขอมาเดินรับลม ชมวิวรอบบึงมิกุริกะดีกว่าค่ะ เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่ไปเช้าเย็นกลับ ก็จะเดินชมวิวรอบบึงนี้นะค่ะ
เดินตามเส้นทางเดินรอบบึงมิกุริกะ เป็นเส้นทางที่ไม่ค่อยขรุขระและทรหดเหมือนเส้นทางเดินที่ผ่านมาค่ะ เส้นทางเดินสำหรับคนรักความชิลๆ เดินชมวิว ชมดอกไม้ ไปเรื่อยเปื่อยค่ะ 
ตลอดทางเดินก็จะมีที่นั่งให้ พักกันเป็นระยะๆค่ะ 
 เดินตามทางเดินมาไม่ไกลนักก็ถึงแล้วค่ะ บึงน้ำขนาดเล็กๆค่ะ ถ้าน้ำเยอะกว่านี้ จะเห็นภาพสะท้านของภูเขางดงามมากๆค่ะ อันนี้น้ำแข็งยังละลายไม่หมดค่ะ
เดินมาก็ชมวิวทิวทัศน์  มีดอกไม้ริมทางเดินให้เพลินตา ดูดอกไม้ริมทางอันนี้ ไมรู้ดอกอะไร ลักษณคลับคล้ายคลับคลากับดอกคะน้านะค่ะ ไม่รู้พันธ์เดียวกับดอกคะน้าหรือเปล่า ถ้าใช่ จะได้เอามีดมาตัดยอดดอกเอาไปทำผัดยอดคะน้าน้ำมันหอย อร่อยเชียวค่ะ
ดูดอกไม้ริมทางอันนี้ ไมรู้ดอกอะไร ลักษณคลับคล้ายคลับคลากับดอกคะน้านะค่ะ ไม่รู้พันธ์เดียวกับดอกคะน้าหรือเปล่า ถ้าใช่ จะได้เอามีดมาตัดยอดดอกเอาไปทำผัดยอดคะน้าน้ำมันหอย อร่อยเชียวค่ะ
ท้องฟ้าบนเทือกเขาแห่งนี้ มีฟ้าก็ฟ๊าฟ้านะค่ะ ฟ้าใสสดจริงๆค่ะ สดแบบไม่ต้องเอาไปแต่งต่อเลยค่ะ ปกติดิฉันถ่ายรูปก็ไม่ค่อยจะเอาไปแต่งนะค่ะ เพราะไม่ค่อยมีเวลา แค่ได้เอารูปมาลงบรรยายในรีวิวก็ใช้เวลาเยอะแล้วค่ะ
มองไปไกลๆเห็นเค้ากำลังมุงอะไรกันอยู่ค่ะ 
ดิฉันไม่รีรอ ขอตามไปดูค่ะ เอ้เค้ามุงอะไรกันน๊า เลยแอบไปส่องดูจนต้องร้องอ๋อ เค้าแอบถ่ายรูปนกค่ะ 
เค้ากำลังถ่ายรูปนกกันค่ะ เป็นนกไรโจ เป็นนกประจำถิ่นบนยอดเขาแห่งนี้ค่ะ  แต่ก็ไม่ได้เป็นนกที่พบเห็นได้ง่ายนัก เพราะมีอยู่ประมาณ 240 ตัวเท่านั้น โดยกระจายอยู่บนเทือกเขาแห่งนี้ค่ะ

เกี่ยวกับนกไรโจ เป็นนกสายฟ้า (ptermigan)
อาศัยอยู่เฉพาะแถบภูเขา เพราะสมัยก่อนถูกให้ความสำคัญในฐานะเป็น "นกส่งสารของเทพเจ้า" ทำให้แม้มีคนเข้าไปใกล้ก็จะไม่หนี นอกจากจะผลัดสีขนต่างกัน โดยสิ้นเชิงในฤดูร้อนกับฤดูหนาว
เป็นนกที่ดำรงพันธ์มาได้ตั้งแต่สมัยยุคน้ำแข็งเพราะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงได้รับการกำหนดให้เป็นอนุสรณ์ที่พิเศษเชิงธรรมชาติ  นกชนิดนี้อาศัยอยู่ประมาณ 240 ตัว บริเวณมูโรโด ถ้าโชคดีก็จะเห็นนกไรโจสีน้ำตาลได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่ยังมีหิมะขาวเหลืออยู่บ้าง ระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง เดือนมิถุนายน
โฮ้..แต่ละคนนำกล้องมา มีแต่แบบโปรทั้งนั้นเลยค่ะ เห็นซูมกล้องถ่ายกันใหญ่ เดี๊ยนเลยจัดกับเค้าบ้าง แต่กล้องของดิฉันมันกากและเก่าแล้วค่ะ ซูมได้แค่ 20mm เองค่ะ เลยได้ภาพไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ค่ะ แถมนกก็ตัวไม่ใหญ่มาก
 และจากจุดที่เค้าถ่ายรูปนกกันนะค่ะ ก็เดินตามทางเนินลงเขาไปเรื่อยๆค่ะ
เดินมาเรื่อยก็จะเป็นทางเดินไปยังบ่ออาบน้ำแร่ธรรมชาติที่สูงที่สุดในมูโรโดแห่งนี้ค่ะ  ที่เห็นเป็นควันลอยคลุงไปทั่วนั้นก็คือ ควันของภูเขาไฟที่พุ่งออกค่ะ ส่งกลิ่นกำมะถันฉุนมากๆเลยค่ะ กลิ่นเหมือนส้วมแตกอะไรประมาณนั้นเลยค่ะ ยิ่งควันลอยมาเตะจมูก เดี๊ยนแทบจะเป็นลม ต้องทนดอมดมให้ชื่นใจต่อไปค่ะ
 เดินมาสักพัก เดี๊ยนเริ่มจะไม่ไหวแล้วค่ะ ว่าจะไปยังบ่ออาบน้ำแร่ธรรมชาติสักหน่อย ก็ถอยดีกว่าค่ะ และดูเวลาแล้วก็ไม่น่าจะพอด้วย เพราะทางเดินขึ้นลงเป็นบันใดค่อนข้างชัน แถมต้องทนสูดดมกลิ่นของควันจากภูเขาไฟที่ลอยละคลุงไปทั่วค่ะ
ที่เห็นเป็นควันลอยคลุงไปทั่วนั้นก็คือ ควันของภูเขาไฟที่พุ่งออกค่ะ ส่งกลิ่นกำมะถันฉุนมากๆเลยค่ะ กลิ่นเหมือนส้วมแตกอะไรประมาณนั้นเลยค่ะ ยิ่งควันลอยมาเตะจมูก เดี๊ยนแทบจะเป็นลม ต้องทนดอมดมให้ชื่นใจต่อไปค่ะ
แต่ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาอาบน้ำแร่ธรรมชาติบนยอดเขาแห่งนี้ไม่น้อยเลยนะค่ะ 

 เดินมาอีกหน่อยก็จะเห็นบึงน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำแข็งหิมะรายล้อมอยู่โดยรอบ คือบึงมิกุริกะค่ะ เป็นบึงน้ำสีฟ้าใสเหมือนบูลลากูนเลยนะค่ะ
มองไปในแอ่งน้ำ เป็นสีน้ำเงินเข้มใสแจ๋ว น่าลงไปเล่นมากๆนะค่ะ ดูคล้ายๆกับแอ่งน้ำบลูลากูน แถวๆทะเลฝั่งอันดามันในเมืองไทยเราเลยค่ะ

ข้อมูลเกี่ยว บึงมิกุริกะ 
ด้วยทัศนียภาพงดงามเป็นเหมือนตัวแทนของมูโรโดที่ปล่องภูเขาไฟทาเตยามะ บริเวณทะเลสาบจะเป็นสีน้ำเงินเข้ม สะท้านให้ภาพภูเขาทาเตยามะ โดดเด่นบนผืนน้ำอย่างงดงาม บ่อแห่งนี้ มีชื่อว่า คามิซามะ โนะทาเมโนะ โชวเบ โนะอิเคะ ค่อนข้างอ่านยากนิดนึงนะค่ะ แปลว่าครัวเพื่อเทพเจ้าค่ะ โดยในสมัยก่อนเชื่อกันว่าใช้น้ำจากบ่อแห่งนี้นำไปปรุงอาหารเพื่อถวายแด่เทพเจ้า และในป่าสนแห่งนี้ก็ยังมีนกไรโจ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก บริเวณแห่งนี้จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธ์ไม้ป่าบริเวณภูเขาสูง ซึ่งเหมาะแก่การเดินเล่นและพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง
 เดินชมวิวต้นไม้ริมทางไปเรื่อยเปื่อยๆค่ะ
 บรรยากาศสองข้างทาง ก็จะเป็นต้นไม้ ดอกไม้ริมทางเฉพาะถิ่นบนเขาแห่งนี้ มีหิมะกำลังละลาย และต้นไม้กำลังเจริญเติบโตในช่วงฤดูร้อน
 บรรยากาศทุ่งหญ้ากับดอกไม้กลีบเล็กกลีบน้อยดูแล้วสดชื่นรื่นกายยาดีเหลือเกินค่ะ

 เพราะจะมองไปทางใหนก็ผลิดอกออกบานละลานตาไปหมดค่ะ 
 เดินมาก็พึ่งสังเกตุเห็นป้ายข้อมูลเกี่ยวกับนกไรโจค่ะ มีแต่ภาษาญี่ปุ่นเลยนะค่ะ
แหงนดูนาฬิกาเวลาก็ปามาถึง 4โมงเย็นแล้วนะค่ะ ดูท่าจะได้เวลาต้องร่ำลาถิ่นภูผาอันศักดิ์สิทธิ์แห่งน้ เพื่อเดินทางกลับแล้วค่ะ ดิฉันเลยเดินเท้ากลับมายังอาคารสถานีมูโรโดเดิม เพื่อเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวต่อไปค่ะ 
เมื่อแวะมาถึงอาคารผู้โดยสาร ได้กลิ่นหอมหวานของซาลาเปา แต่คนขายบอกว่าเหลือแต่ไส้ถั่วหวาน กำลังจะปิดร้านพอดีค่ะ เลยซื้อมากระแทกปากแก้หิวหน่อยนะค่ะ เพราะข้าวเกรียบที่ทานไปเมื่อช่วงเที่ยงก็ย่อยไปหมดแล้วค่ะ
ซาลาเปาไส้ถั่วหวานๆ ทานไปพอประทังท้องแก้หิวไปก่อน เดียวไปถึงเมืองนากาโน่
หลังจากนั้นไม่นาน เวลา 16.30 น.ก็นั่งรถบัสลอดอุโมงภูเขาทาเตยาม่า ซึ่งเป็นรถเที่ยวสุดท้ายจริงๆค่ะ โดยพนักงานบอกว่าดิฉันโชคดีมากนะค่ะ ที่เดินกลับมาก่อนเวลา 4 โมงครึ่ง ไม่งั้นมีหวังได้พลาดรถโดยสาร และได้นอนค้างที่ยอดเขานี้นอนค่ะ  เพราะมัวแต่เอ้อระเหยลอยลมสุขสมอุราอยู่กับวิวและบรรยากาศบนยอดเขานี้ จนลืมดูตารางเวลากลับค่ะ

โดยรถโดยสารเป็นรถบัสลอดใต้อุโมงค์ภูเขาไปยังสถานีไดกันโบค่ะ
 นั่งรถบัสมาได้ประมาณ 10 นาทีเป๊ะ ดิฉันชอบจับเวลาเค้ามากนะค่ะว่าเค้าจะตรงเวลาตามที่แจ้งไว้ในโบว์ชัวร์ท่องเที่ยวใหม๊ ต้องบอกว่าคนญี่ปุ่นเค้าตรงเวลาจริงๆ
 พอมาถึงสถานีไดกันโบ จะเป็นกระเช้าไฟฟ้าเพื่อข้ามไปยังสถานีรถรางไฟฟ้า คุโรเบะไดราค่ะ
บรรยากาศในกระเช้าไฟฟ้า โล่งมากๆค่ะ
ภายในตู้กระเช้าไฟฟ้ามีนักท่องเที่ยวอยู่แค่ ดิฉันกับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นอีก 2 คน และพนักงาน 1 คน รวมเป็น 4 คนค่ะ เป็นกระเช้าไฟฟ้ารอบสุดท้ายแล้วค่ะ
แต่ข้อดีของนักท่องเที่ยวคือไม่วุ่น วายและได้มองเห็นวิวบรรยากาศนั่งกระเช้าลอยฟ้าเต็มๆค่ะ
มองไปด้านล่างที่เห็นเป็นสีเขียวๆนั้นก็คือ เขื่อนคุโรเบะค่ะ ตอนนั่งกระเช้าลอยฟ้าก็กลัวหน่อยนะค่ะ เพราะเวลาลมพัดมาแรง เหมือนจะเขย่าให้ตะแกรงตู้หล่นไปด้านล่างค่ะ 
กระเช้าลอยไฟฟ้ากำลังไต่ระดับลงไปสู่สถานีด้านล่าง กับวิวทิวทัศน์ยามเย็นสวยงามเชียวค่ะ
 มาถึงแล้วค่ะ สถานีคูโรเบะไดราค่ะ พอมาถึงสถานีนี้ เดินออกจากกระเช้ามาไม่ไกลนัก ก็เป็นรถรางไฟฟ้าเพื่อเดินทางไปยังสถานีต่อไปค่ะ
 นั่งรถรางไฟฟ้า คุโรเบะเคเบิ้ลคาร์ค่ะ
บรรยากาศในรถรางก็ไม่เหมือนขามานะค่ะ เงียบมากๆค่ะ เงียบจริงๆ มีผู้โดยสารรวมตัวดิฉันแล้ว 3 คนค่ะ
นั่งรถราง Kurobe Cable car ไม่นานก็ถึงสถานีเขื่อนคุโรเบะ โดยพอมาถึงสถานีนี้แล้ว จะต้องเดินเท้าข้ามสันเขื่อนไปอีกประมาณ 15 นาทีค่ะ 
 เดินจากสถานีคุโรเบะโกมาก็จะเป็นสันเขื่อนค่ะ พอเดินออกมาตามสันเขื่อน ดิฉันก็ตะลึงตึงตึงกับเขื่อนที่นี้ไม่น้อย เพราะเป็นเขื่อนที่สร้างได้ใหญ่โตโอฬาร ร้าวรานทรวงในมากๆนะค่ะ
น้ำในเขื่อนเป็นสีเขียวมรกตใสสดจริงๆค่ะ แต่บางครั้งก็ดูน่ากลัว ถ้าตกลงไปสู่น้ำในเขื่อนไม่รู้จะเป็นยังไง เป็นเขื่อนที่ดูกว้างใหญ่ไพศาลอลังการล้านแปดมากค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับเขื่อนคุโรเบะ

เขื่อนคุโรเบะมีความสูง 1500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ความสูงตัวเขื่อน 186 เมตรเป็นเขื่อนคอนกรีตแบบโค้งที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ประมาณการระบายน้ำ ต่อ 10 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปริมาณการเก็บกักน้ำ 2 พันล้านลูกบาศก์เมตร และปริมาณผลิตกระแสไฟฟ้าต่อปี 1 หมื่นล้าน Kwh
พอมองไปอีกฝั่งก็จะเห็นน้ำจากเขื่อนพุ่งออกมาอย่างแรง

การสร้างเขื่อนคุโรเบะ
ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศญี่ปุ่นได้มีการฟื้นฟูเศรษฐกิจรวดเร็วมาก ทำให้เกิดการขาดแคลนพลังงงานไฟฟ้า จึงได้มีการสร้างแหล่งผลิตพลังงานกระแสไฟฟ้าพลังน้ำชดเชย ใช้เวลาในการสร้างรวม 7 ปี ค่าใช้จ่าย 51.3 ล้านล้านเยน และจากคนงานทั้งหมด 10 ล้านคน มีผู้ที่เสียชีวิตจากการสร้างเขื่อนถึง 171 คน สิ่งที่ยากลำบากที่สุดคือ การขุดอุโมงค์เพื่อการก่อสร้างรถบัสรางไฟฟ้าอุโมงคันเด็น ที่ใช้วิ่งในปัจจุบัน เพราะเป็นพื้นที่มีน้ำใต้ดินและทรายจำนวนมหาศาลผุดขึ้นมาวินาทีละ 660 ลิตร การขุดเจาะลงไปเพียง 80 เมตร ต้องใช้เวลาถึง 7 เดือน การสร้างเขื่อนคุโรเบะถูกนำไปสร้างเป็นละครเล่าเหตุการณ์จากการสร้างเขื่อน คล้ายเรื่องฟีเว่อร์ดั๊มของอเมริกา

เวลายามเย็นๆที่เขื่อนคุโรเบะ อากาศลมพัดดีมากๆค่ะ
 มองจากสันเขื่อนไปก็มองเห็นภูเขาทาเตยาม่าอยู่ค่ะ
 น้ำในเขื่อนนี้พุ่งออกมาแรงมากๆนะค่ะ ดั่งสนั่นหวั่นไหวเชียวค่ะ
 ตรงริมน้ำสันเขื่อนก็มีไม้จำนวนมาก มาลอยแพติดอยู่ค่ะ
เดินมามุมนี้เป็นอนุสรณ์สำหรับผู้เสียชีวิตจากการสร้างเขื่อนคุโรเบะค่ะ 
และจากที่ได้เดินชมวิวเขื่อนคุโรเบะไม่นานนักนะค่ะ ก็ต้องรีบเดินลอดอุโมงเพื่อไปขึ้นรถบัสที่สถานีคุโรเบะแดมคะ
 รถบัสคันเด็น แจ้งเวลารถรอบสุดท้ายค่ะ  17.35 น.
ก่อนจะขึ้นรถบัสโดยสารค่ะ มีตราให้ประทับเพื่อรำลึกถึงการทอ่งเที่ยวค่ะ ดิฉันพึงมาประทับเอาที่นี้ค่ะ ที่สุดท้ายค่ะ 
พอขึ้นรถบัสคันเด็น (KandenTunnel Trolley Bus) มีผู้โดยสารเยอะกว่าตอนนั่งกระเช้าไฟฟ้าค่ะ

นั่งรถบัสลอดอุโมงมาไม่นาน รถก็มาจอดที่สถานีโองิซาวะค่ะ
หลังจากนั้นดิฉันก็เดินมาขึ้นรถบัส Hight Land Express ตามภาพค่ะ เพื่อนั่งรถบัสจากสถานีโองิซาวะ ไปยังสถานีรถไฟนากาโน่ เมืองปลายทางของทริปนี้ค่ะ
ขึ้นมาในรถบัส Highland มีผู้โดยสาร 3 คนค่ะ รถคันสุดท้าย รอบสุดท้ายของวันนี้ค่ะ 
นั่งรถบัสออกจากสถานีโองิซาเวลา 18.05 น.ถึงเมืองนากาโนค่ะ เวลา 19.50 น.
และแล้วนาทีระทึกก็มาถึงค่ะ ดิฉันรีบเดินลงจากรถบัสโดยสาร เพื่อวิ่งไปหาร้านที่รับฝากกระเป๋าซึ่งส่งมาจากเมืองโทยาม่าค่ะ เค้าบอกว่าอยู่ในห้างมิดอริในสถานีรถไฟนากาโน่ โดยร้านที่รับฝากจะปิดเวลา 2 ทุ่มนะค่ะ โอ้แม่เจ้าเป็น 10 นาทีสุดท้ายที่ดิฉันงวยงงกับสถานีนี้มาก เพราะเดินหาเท่าไหร่ ก็หาร้านไม่เจอ

จนไปเจอประชาสัมพันธ์นำใบเสร็จรับกระเป๋าให้เค้าดู เพราะแผนที่ เค้าบอกว่าอยู่ชั้นล่างและอยู่ปลายทางสุด เป็นคล้ายๆร้านขายเครื่องเขียนอะไรประมาณ ไม่มีป้ายติดไว้ว่าเป็นร้าน Baggage Service นะค่ะ ไปถึงก็เฉียดเส้นยาแดง ร้านเค้ากำลังจะเลื่อนประตูปิดค่ะ ดิฉันเลยรีบนำใบเสร็จไปยื่นเพื่อรับกระเป๋าค่ะ
หลังจากใจระทึกกับการเดินหาร้านรับฝากกระเป้าเป้แล้ว ก็ไม่ไหวแล้วคะ ก่อนจะเดินไปโรงแรมที่พัก ขอแวะหาอะไรทานก่อนนะค่ะ   ระหว่างเดินแบกเป้อันใหญ่โต ก็เริ่มจะหมดแรงแล้วค่ะ เพราะโรงแรมก็เดินไปอีกเป็นกิโลค่ะ เหลียวไปเห็นร้านขายข้าวผัดน่าทานและราคาไม่แพงมาก พอที่มนุษย์เงินเดือนแบบอิชั้นจะสู้ไหว ขอไปทานเติมพลังสักหน่อยค่ะ
 แบกกระเป๋าเป้มาพนักงานในร้านอาหารตกใจ คิดว่าอิชั้นมาผิดที่นะค่ะ เพราะกระเป๋าของเดี๊ยนก็เปลืองพื้นที่เสียเหลือเกิน เลยวางเอาไว้ใกล้หน้าประตู ใครจะแบกเป้อิชั้นไปก็เชิญค่ะ ส่วนดิฉันขอมาเปิดเมนูอาหารสั่งทานมื้อเย็นดีกว่าค่ะ
เมนูมื้อเย็นนี้จัดดีนะค่ะ ปกติจะเข้าแต่ร้านลอซัน แต่มื้อนี้อยากกินอะไรมันๆ เลยขอทานข้าวผัดดีกว่าค่ะ...ได้ลิ้มลองรสชาติข้าวผัดร้านนี้แล้ว ไม่ผิดหวังที่แวะมา อร่อยจริงๆนะค่ะ ข้าวผัดคือข้าวผัดแบบผัดแห้ง ไม่แฉะ ทานกับน้ำซุป 
 ยังไม่อิ่มค่ะ ทานราเมงต่อค่ะ น้ำซุปร้อนๆ รสชาติอร่อยแซ่บเว่อร์ค่ะ
ที่พักคืนนี้ พักค้างที่โรงแรม Smail Hotel nagano ที่พักราคาถูกอยู่ใกล้สถานีรถไฟสุดล่ะ ดูรายละเอียดได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/JWc3cS
หลังจากที่ทานข้าวจนอิ่มแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็เดินแบกเป้เปิด GPS เดินมายังโรงแรมที่พักสำหรับคืนนี้ค่ะ คือโรงแรม Smile Hotel Nagano ค่ะ โรงแรมที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าและราคาที่สุดที่เช็คมาแล้วค่ะ ห้องพักคืนนี้คืนละ 1200 บาทรวมอาหารเช้า ห้องพักแบบ Single Room สำหรับนอนคนเดียว

จริงมีโรงแรมที่ถูกกว่านี้นะค่ะ แต่ถูกจองเต็มหมดแล้วค่ะ
ที่พักคืนนี้ พักค้างที่โรงแรม Smail Hotel nagano ที่พักราคาถูกอยู่ใกล้สถานีรถไฟสุดล่ะ ดูรายละเอียดได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/JWc3cS
 เข้าไปเช็คอินน์เพื่อเข้าไปในห้องพักค่ะ และตรงข้ามโรงแรมก็มีร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ๆค่ะ
แม้จะราคาสูงไปนิด แต่ก็ไม่ได้แพงมากนัก แถมอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Nagano ด้วย แนะนำหากใครที่จะแวะมาเที่ยวญี่ปุ่น ก็แวะมาพักค้างที่นี้ได้ มีอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ให้ทานด้วยค่ะ
ห้องน้ำในตัวนะค่ะ โดยรวมถือว่าดีทีเดียวค่ะ สะอาดสะอ้านมากๆ ดูรายละเอียดได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/JWc3cS
ขึ้นลิฟท์มาห้องพักอยู่ชั้น 5 ค่ะ สภาพห้องพักคืนนี้ ต่างจาก 6 คืนที่พักมาตลอดนะค่ะ เพราะเป็นโรงแรมจริงๆค่ะ ไม่ได้เป็นแบบโฮสเทลเหมือนที่ได้พักมาค่ะ ห้องพักเป็นห้องเตียงเดียว นอนคนเดียวนะค่ะ มีห้องน้ำในตัว มีแอร์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้อย่างดีค่ะ

ห้องน้ำก็มีอ่างอาบน้ำ มีหวี มีสบู่ มีแปรงสีฟัน ยาสีฟันให้ครบค่ะ
ภาพห้องพักในโรงแรม Smile Hotel Nagano ถือว่าดีทีเดียวค่ะ ห้องไม่คับแคบและอึดอัดเกินไป โดยรวมให้ผ่านค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดห้องพัก: https://goo.gl/JWc3cS
หลังจากเข้าเช็คอินน์เสร็จ ดิฉันก็ทำธุระส่วนตัว และเข้านอนพักผ่อนไปตลอดคืน เพราะเมื่อยล้าจากการเดินทาง และกินอาหารหนักมากที่จัดเต็มไปมื้อเย็น กระเพาะเลยตึง หัวลงหมอน นอนหลับไม่รู้ตัวเลยค่ะ
***จบทริปเดินทางเที่ยวเจแปนแอลป์ค่ะ

สำหรับใครที่วางแผนมาเที่ยวเมืองนากาโน่ และมองหาที่พักราคาถูก ประหยัด ไม่แพง มีอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ให้ทานด้วย ก็มาพักที่นี้ได้ค่ะ โดยเข้าไปดูรีวิวและรายละเอียดห้องพักได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/JWc3cS

***สรุปสำหรับการเดินทางทริปนี้ ได้วิวสวยและได้เดินออกกำลังขา ไต่หาความเมื่อยล้าให้ร่างกาย ได้พร่างพรายวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ตื่นตาและตื่นใจไม่เคยพบมาก่อน ได้พบเพื่อนร่วมทางและได้เปิดโลกทัศน์ประสบการณ์การเดินทางใหม่ๆค่ะ แต่สิ่งที่สำคัญในการเดินทางนี้ ก็คือ อย่ามั่วเอ้อระเหยลอยลมกับธรรมชาติบนเทือกเขาแห่งนี้ จนลืมเวลาเดินทางไปยังสถานีต่างๆต่อนะค่ะ ไม่งั้นจะเหมือนดิฉันค่ะ เส้นยาแดงผ่าแปด ได้นั่งรถเที่ยวสุดท้าย รอบสุดท้าย และต้องมิวายมาวิ่งหาร้านรับฝากกระเป๋าที่เมืองปลายทาง เพื่อจะได้กระเป๋าสัมภาระคืนค่ะ

สำหรับรีวิววันถัดไปเป็นรีวิวตอนที่ 8 เขียนเสร็จแล้วค่ะ เข้าไปเปิดดูภาพได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Inakadatericepaddyart.html

สำหรับทริปการเดินทางในเว็ปบล็อกนี้ ดิฉันเองหวังว่าคงมีประโยชน์ต่อนักเดินทางทุกๆท่านไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากมีข้อผิดพลาด อักขระพิมพ์ๆ ผิดๆ ตกๆหล่นๆ ก.ไก่ไม่มีขา ป.ปลาไม่แขน ฮ.นกฮู้ไม่ร้องเริ่ดสะแมนแตนประการใด เดี๊ยนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด่วยนะค่ะ ขอบพระคุณทุกๆท่านที่เสียสละเวลาอันมีค่าเข้ามาลั๊ลลา สไลด์มือถือเปิดดูเว็ปบล็อกแนวๆกากๆของดิฉันค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
----------------------------------------------------------------------------------------
แนะนำบทความอื่นๆ และรีวิวท่องเที่ยวไปเรื่อยเปื่อยตามเมืองต่างๆ มีดังนี้ (จะทยอยเขียนเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกนี้ร้างไปค่ะ)
แบ่งปันเที่ยวฟูจิปีนี้ พักแถวใหนดีกับโซนยอดฮิต ที่คู่รักมาพิชิตนอนกัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แบ่งปันทริปเที่ยวฟูจิ พักแถวใหนดี? กับ 3 โซนยอดฮิต ในเมืองคาวากุชิโกะ ราคาถูก บ้านสไตล์เรียวกัง วิวสวยๆ สำหรับคู่รักและครอบครัว คลิ๊กดูรายชื่อที่พัก+เบอร์โทรติดต่อค่ะ>>>
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/340RSFu

แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองเกียวโต ต้องแวะไปถ่ายรูปกัน คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
รวมเด็ด 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกียวโต ที่ใครๆก็ต้องแวะถ่ายรูปกันให้ได้ ไม่งั้นมาไม่ถึง มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูบทความข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>

แนะนำที่พักหมู่บ้านชิราคาวาโกะ วิวสวยๆ โฮมสเตย์ เรียวกัง นอนสบายๆ คลิ๊กดูที่พัก>>
รวมข้อมูลที่พักหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ราคาประหยัด โฮมสเตย์ บ้านพักสไตล์เรียวกัง วิวทุ่งนาสวยๆ คลิ๊กดูรายชื่อที่พัก+เบอร์โทรติดต่อ>>
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2mj3bI1
เมืองท่องเที่ยวญี่ปุ่นแสนสวย กับจุดชมดอกซากุระบาน ที่ใครๆก็ตามไปถ่ายรูปกัน>>>
แนะนำ 8 เมืองญี่ปุ่น จุดชมดอกซากุระบาน ที่คนนิยมตามไปถ่ายรูปภาพกัน มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ>> 
หรือดูข้อมูลที่เที่ยวที่เว็ป : http://bit.ly/2kx5Ddf 
เที่ยวนครนายกไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวไปทั่วได้ด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิว>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวนครนายก ไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวไปทั่วได้ใน 1 วันแบบชิลๆ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวจ้า>>>
มาม๊ะ มาเที่ยวในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี แวะไปฉิมพลีที่เที่ยวต่างๆ ตามไปกันเลย>>
มาม๊ะ..มาเที่ยวในเมืองสุราษฎร์ธานี เช่ารถมอเตอร์ไซต์หนีไปตามที่เที่ยวต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>
แบ่งปันวิธีการเดินทางไปเที่ยวชมสวนดอกไม้ Hamamatsu ไม่ยากเลยจ้า คลิ๊กดูการเดินทาง>>
แบ่งปันรีวิววิธีการเดินทางไปเที่ยวชมสวน Hamamatsu flower Park ด้วยตัวเองมาฝาก ไม่ยากเลยจ้า คลิ๊กดูรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
ทริปสั้นๆ รีวิวแบกเป้นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองนีกาตะยามเย็น คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
ทริปสั้นๆ รีวิวนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองนีกาตะยามเย็น เดินเล่นชมเมือง กับเวลาอันน้อยนิด ไปดูสิมีอะไรให้ชมบ้าง คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
รีวิวเที่ยวเมืองมัตสึโมโต้ เมืองน่ารักที่ไม่ได้มีแค่ปราสาทเท่านั้น คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองมัตสึโมโต้(Matsumoto)ในวันเหงาๆ อากาศหนาวเว่อร์ เมืองเล็กน่ารักที่ไม่ได้มีแค่ปราสาทเท่านั้น คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเกียวโตยามสนธยา แวะไปลั๊ลลาเมืองฮิเมจิ คลิ๊กดูรีวิวการเดินทางจ้า>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเกียวโตยามสนธยา วะไปช่ะช่ะช่าเมืองฮิเมจิ ไปดูสิว่ามีอะไรให้ชื่นชมบ้าคลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
แบกเป้ไปเกาะชิโกกุ เที่ยวทะลุเมืองทามัตสึ มีแต่อันปังแมนน่ารัก คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
แบกเป้ไปเกาะชิโกกุ แวะเที่ยวทะลุเมืองทาคามัตสึ ไปดูสิว่ามีอะไรน่าเที่ยวบ้าง Let's go คลิ๊กดูภาพรีวิวและการเดินทางค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวนาโกย่า รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมือง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวนาโกย่า ไปลั๊ลลาชมดอกซากุระ รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟไปยังสถานที่ท่องเที่ยว คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>
เก็บตกรีวิวเที่ยวอำเภอชุมแสง สวยมาแรงตลาดเก่า100ปี แวะมาที่นี่ให้ได้สักครา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
เก็บตก รีวิวเที่ยวชุมแสง งามร้อนแรงบึงบอระเพ็ด สวยเด็ดตลาดเก่า100ปี ต้องแวะมาฉิมพลีสักครั้งครา คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวงานแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช นอนตากอากาศที่คีรีวง คลิ๊กดูรีวิว>>
รีวิวพาคุณแม่แห่ผ้าขึ้นธาตุเมืองนคร นอนที่บ้านคีรีวง ชมวิถีชาวประมงที่ปากพนัง ต้องมาเที่ยวอีกครั้งให้ได้เลยเชียว คลิ๊กดูภาพที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>
รวมข้อมูลโรงแรมในเมืองซัปโปโร สำหรับครอบครัวนอนหลายๆคน คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
รวมเด็ด 12 โรงแรมในซัปโปโร เน้นสำหรับครอบครัวนอนหลายๆคน ใกล้สถานีรถไฟ JR ใกล้สวนโอโดริ คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>>
หรือดูข้อมูลได้ที่เว็ปบล็อก : http://bit.ly/2Ey10Z0
แนะนำโรงแรมในนาโกย่า ใกล้สถานีรถไฟ ราคาสุดประหยัด คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>>
รวมข้อมูลที่พักเมืองนาโกย่า เน้นใกล้สถานีรถไฟ ห้องราคาถูก สำหรับพักคู่และครอบครัว คลิ๊กดูรายชื่อที่พักค่ะ>>
แนะนำโรงแรมโตเกียวเปิดใหม่ สำหรับคู่รัก คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แนะนำโรงแรมโตเกียวเปิดใหม่ วิวสวยๆ สำหรับคู่รักฮันนีมูน ราคาสุดประหยัด ใกล้สถานีรถไฟอีกด้วย คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักค่ะ>>  
หรือดูข้อมูลได้ที่บล็อก : http://bit.ly/2L3Nivv

 แบ่งปันที่พักทาคายาม่า เน้นใกล้สถานีรถไฟ เดินไปได้สบายสุดๆ คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
แบ่งปันข้อมูลที่พักในเมืองทาคายาม่า ราคาถูก ประหยัด ใกล้สถานีรถไฟ JR เดินไปได้ใกล้ๆสุดๆ คลิ๊กดูรายชื่อที่พักค่ะ>>
หรือดูข้อมูลที่พัก+เบอร์โทรติดต่อที่เว็ปไซต์ :
https://goo.gl/2ukd4r

รีวิวเที่ยวเดือนมกราคม แบกเป้ไปกินลมชมเมืองประจวบฯ 3 วัน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
มาม๊ะ..มาเที่ยวเมืองประจวบ 3 วัน 2 คืน ชื่นบานใจ ไปใช้ชีวิตแบบช้าๆ งามระย้าเมืองสาวอ่าว ต้องก้าวย่างมาสักครา คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>

แบ่งปันการเดินทางในเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดจ้า>>
รีวิวแบกเป้ตอนที่ 25 แบ่งปันวิธีการเดินทางเที่ยวเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองมาฝาก ไม่ยากเลยจ้า ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะคะ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2p5eQZf 
รีวิวตอนที่ 20 เที่ยวกรุงโรม ไปจู่โจมอาณาจักรโรมันสักครั้งสิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 20 แบกเป้เที่ยวกรุงโรม แวะไปจู่โจมอาณาจักรโรมัน มีที่เที่ยวอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2BI8ckL
รีวิวตอนที่ 18 แบกเป้ลุยเดี่ยวเมืองเวนิชครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 18 เที่ยวเมืองเวนิช นอนแนบชิดติดริมน้ำ เดินตามหาของกินอร่อยในซอกซอยเล็กๆ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2KQvnsh
แนะนำโรงแรมในซัปโปโร ห้องนอนคู่ดูโอ้ ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวมที่พักซับโปโร ห้องพักนอนคู่ดูโอ้ ราคาถูก เน้นใกล้สถานีรถไฟ JR เดินลั๊ลลาได้ชิวเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> 
แนะนำจ้า ที่พักเกียวโต ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
คัดมา 15 ที่พักเกียวโต สไตล์เรียวกัง ราคาถูก ใกล้สถานีรถไฟ สำหรับคู่รักและครอบครัวค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> 
ที่พักเมืองโตเกียว เอาใจขาเที่ยวงบน้อยๆ คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
แนะนำโรงแรมในโตเกียว ราคาหลักร้อย ประหยัด ใกล้สถานีรถไฟ JR เดินทางได้ใกล้ๆค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักค่ะ>>
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 ไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งดูวิวทะเลสาบคาวากูชิโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งริมทะเลสาบคาวากูชิโกะ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว นั่งรถไฟไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 13 เที่ยวโตเกียวใน 1 วัน นั่งรถไฟสุขส้นต์ไปเมืองคามากุระ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 12  เดินชิลเมืองท่าเรือสุดแสนโรแมนติก ริมทะเล คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 12 แวะเดินชิลๆเมืองฮาโกดาเตะ สุดแสนโรแมนติก ชิคๆน่ารัก คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

แสดงความคิดเห็น

1 ความคิดเห็น

  1. Share great information about your blog , Blog really helpful for us . We read your blog , share most useful information in blog . Thanks for share your blog here .เบอร์โทรรถสไลด์

    ตอบลบ