รีวิวเที่ยวเกาะฮอกไกโดในช่วงฤดร้อน เดินตะล่อนชมเมืองซับโปโรครึ่งวัน นั่งรถไฟไปสุขสันต์ที่คลองโอโตรุตอนบ่ายๆ งามพร่างพรายดุจสายน้ำทิพย์ |
สวัสดี๊ดี สวีดั๊ดดัดเพื่อนพี่น้องผองชาวไทยที่น่ารักกันทุกๆคน กำลังสุขเปี่ยมล้น ค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวทั่วไทย ไปไกลทั่วทีปทั่วแดน สุดแสนจะเริ่ดสะแมนแตนกันอยู่ ณ ขณะนี้นะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน บล็อกเกอร์สมัครเล่นแนวๆ กากๆ สับปะรังเค ขอมาเฮฮา ลั๊ลลา บ้าๆบอๆ ต้อนรับท่านเข้าสู่เว็ปบล็อกแนะนำที่พัก รีวิวท่องเที่ยว เขียนไปเรื่อยเปื่อย มั่วๆซั่วๆ ให้ท่านได้ระรัวอ่านกันจนปวดหัว ปวดสมอง ประลองปัญญา จะได้เป็นคนบ้าเที่ยวแบกเป้เฮโล ไปไชโยกันทุกทิศทั่วไทย ไปไกลทั่วโลกกันนะค่ะ
สำหรับเนื้อหาบทความในเว็ปบล็อกกากๆในวันนี้ เดี๊ยนขอมาเขียนรีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อนต่อค่ะ หลังจากที่บทความรีวิวบล็อกครั้งที่แล้ว คือตอนที่ 8 ซึ่งดิฉันได้พาทุกๆท่านไปชมศิลปะบนนาข้าวอินาคาดาตะ สุดสร้างสรรค์แห่งเมืองอาโอโมริกันไปแล้วนะค่ะ มาบล็อกนี้ดิฉันจะพาทุกๆท่านย่างกราย เข้าสู่เกาะฮอกไกโด เกาะที่ใครนิยมชมชอบ ต้องมาจอดแวะเที่ยวกันสักครั้งค่ะ เนื่องจากมีหุบเขา ป่าไม้ ลำธาร และน้ำตก ที่แสนจะสวยสะทกสะท้านหวั่นไหว และยิ่งในช่วงฤดูร้อนด้วยแล้วนะค่ะ เกาะแห่งนี้อากาศดี๊ดีๆ สมคำล่ำลือ เพราะอากาศไม่ค่อยร้อนเลยค่ะ มีลมพัดเย็นสบายดีเริ่ดมากๆค่ะ โดยอุณหภูมิสูงสุดก็น่าจะอยู่ประมาณ 25 องศาค่ะ ต่ำสุดก็ 17-18 องศา ประมาณเนี่ยแหละค่ะ แต่ก็มีฝนฟ้าคึกคะนองบ้าง แต่ก็ไม่เยอะมาก
และถือเป็นการเดินทางครั้งที่ 2 ของดิฉันค่ะ ที่ได้มาเยือนเกาะฮอกไกโดแห่งนี้อีกครั้ง แต่มาคนละฤดูค่ะ เมื่อหลายปีก่อน มาฤดูหนาว ที่เกาะนี้หนาวแบบสุดขั่วจนติดลบหลายองศาค่ะ คราวนี้ได้จรลี ฉิมพลีมาฤดูร้อน เป็นฤดูที่ตอบโจทย์ดิฉันได้ดีเหลือเกินค่ะ เพราะอากาศดีจริงๆ แถมมีดอกม้ง ดอกไม้หลากสีสัน งดงามดุจอำพรรณ ดั่งสวรรค์ชั้นฟ้ามาลาดิน ไม่สูญสิ้นความงาม ให้ร้าวรานถึงทรวงในจริงๆจ้า
สำหรับเนื้อหาบทความในเว็ปบล็อกกากๆในวันนี้ เดี๊ยนขอมาเขียนรีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อนต่อค่ะ หลังจากที่บทความรีวิวบล็อกครั้งที่แล้ว คือตอนที่ 8 ซึ่งดิฉันได้พาทุกๆท่านไปชมศิลปะบนนาข้าวอินาคาดาตะ สุดสร้างสรรค์แห่งเมืองอาโอโมริกันไปแล้วนะค่ะ มาบล็อกนี้ดิฉันจะพาทุกๆท่านย่างกราย เข้าสู่เกาะฮอกไกโด เกาะที่ใครนิยมชมชอบ ต้องมาจอดแวะเที่ยวกันสักครั้งค่ะ เนื่องจากมีหุบเขา ป่าไม้ ลำธาร และน้ำตก ที่แสนจะสวยสะทกสะท้านหวั่นไหว และยิ่งในช่วงฤดูร้อนด้วยแล้วนะค่ะ เกาะแห่งนี้อากาศดี๊ดีๆ สมคำล่ำลือ เพราะอากาศไม่ค่อยร้อนเลยค่ะ มีลมพัดเย็นสบายดีเริ่ดมากๆค่ะ โดยอุณหภูมิสูงสุดก็น่าจะอยู่ประมาณ 25 องศาค่ะ ต่ำสุดก็ 17-18 องศา ประมาณเนี่ยแหละค่ะ แต่ก็มีฝนฟ้าคึกคะนองบ้าง แต่ก็ไม่เยอะมาก
และถือเป็นการเดินทางครั้งที่ 2 ของดิฉันค่ะ ที่ได้มาเยือนเกาะฮอกไกโดแห่งนี้อีกครั้ง แต่มาคนละฤดูค่ะ เมื่อหลายปีก่อน มาฤดูหนาว ที่เกาะนี้หนาวแบบสุดขั่วจนติดลบหลายองศาค่ะ คราวนี้ได้จรลี ฉิมพลีมาฤดูร้อน เป็นฤดูที่ตอบโจทย์ดิฉันได้ดีเหลือเกินค่ะ เพราะอากาศดีจริงๆ แถมมีดอกม้ง ดอกไม้หลากสีสัน งดงามดุจอำพรรณ ดั่งสวรรค์ชั้นฟ้ามาลาดิน ไม่สูญสิ้นความงาม ให้ร้าวรานถึงทรวงในจริงๆจ้า
เอ้าล่ะค่ะ เพื่อไม่ให้สาเวเลีย และเสียเวลากับการบ่นของเดี๊ยนไปมากกว่านี้นะค่ะ เกรงจะทำให้ท่านเบื่อเดี๊ยนไปเสียก่อน อุตสาห์คลิ๊กเข้ามาดูนะค่ะเดี๊ยนขอมาบรรเลงรีวิวพาท่านไปลัดเลาะชมวิวเกาะฮอกไกโดกันค่ะ หากผิดพลาดยังไงต้องขออภัยด้วยค่ะ แค่มีคนมาเปิดอ่านดูวันละ 1 คนก็ดีเริ่ดแล้วค่ะ เดี๊ยนถือว่ามาเขียนบันทึกไดอารี่ แบ่งปันให้ทุกๆท่านได้อ่านกันค่ะ
และเพื่อไม่งวยงง และสันสนกับเนื้อหารีวิวท่องเที่ยวญี่ปุ่นแนวๆกากๆของดิฉันนะค่ะ คุณผู้สามารถไปอ่านบทความรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อนก่อนหน้านี้ได้ค่ะ โดยแบ่งเป็นตอนๆ เป็นมหากาพย์ดังนี้ค่ะ
ตอนที่ 1 : รีวิวเที่ยวเมืองวาคายาม่า ไปลั๊ลลานั่งรถไฟแมวเหมียวทามะสุดน่ารัก คลิ๊กดูที่เว็ป khunnaiver.blogspot.com/2017/07/1.html
ตอนที่ 2 : รีวิวเที่ยวเมืองคาโกชิม่า นั่งรถไฟลั๊นลาไปอบทรายร้อน งามออนซอนแท้เด้ คลิ๊กดูที่เว็ป khunnaiver.blogspot.com/2017/07/2.html
ตอนที่ 3 : รีวิวท่องเที่ยวเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะในฤดูร้อน งามอรชร หาดทรายสวย รวยเสน่หา คลิ๊กดูที่เว็ป http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/3.html
ตอนที่ 4 : รีวิวท่องเที่ยวเมืองฮิโรชิม่า เดินลั๊นลาตามรอยระเบิดเคลียร์ ไปนั่งทักเปียผม ชมนกไม้ พร่างพรายดูสะพาน 5 โค้ง คลิ๊กดูที่เว็ป :http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/4.html
ตอนที่ 5 : รีวิวเดินเที่ยวเมืองโอคายาม่า ไปเดินย้อนเวลาสมัยเอโดะที่เมืองเก่าคุราชิกิ ชื่นชมใบไม้ผลิสีแดง ร้อนแรงใจ คลิ๊กดูได้ที่เว็ป : http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/5.html
ตอนที่ 6 : รีวิวเดินเที่ยวเมืองทาคาย่าม่า เดินชมตลาดเช้าทาคายาม่า ชมวิวทุ่งนาที่ชิราคาวาโก งามไฮโซ เฮโลเริ่ดเว่อร์ :http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Shirakawagoreview.html
ตอนที่ 7 : รีวิวเดินทางไปสัมผัสความหนาวบนเทือกเขาทาเตยาม่า สวยระย้าหิมะกำลังละลายในฤดูร้อน งามอรชรดีเลิศเว่อร์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/japan-alpine-review.html
ตอนที่ 8 : รีวิวนั่งรถไฟไปชมศิลปะนาข้าวที่อินาคาดาเตะ อาโอโมริ คลิ๊กดูรีวิวที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Inakadatericepaddyart.html
ตอนที่ 10 : รีวิวปั่นจักรยานไปชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่เมืองฟูราโน่ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Furanotravel.html
ตอนที่ 11 : รีวิวขี่จักรยานชมไร่ข้าวบาร์เลย์สีทองอร่ามที่เมืองบิเอะ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Bieitravelreview.html
ตอนที่ 12 : รีวิวเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะ เมืองท่าแสนโรแมนติค ศิลปะชิคๆเก๋ๆ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Hakodate-travel-review.html
ตอนที่ 13 : รีวิวเที่ยวเมืองโตเกียว นั่งรถไฟไปเที่ยวไหว้พระใหญ่คามากุระ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/09/Tokyo-travel-review.html
ตอนที่ 14 : รีวิวนั่งรถไฟไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งชมทะเลสาบคากูชิโกะ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/09/fujimountain-travel-review.html
ตอนที่ 15 : ตอนจบ สิ้นการเดินทางแสนไกล แวะซื้อของฝากในโอซาก้า คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/09/Osaka-travel-review.html
(ต่อจากตอนที่ 8 ค่ะ) หลังจากที่ได้ไปเดินเพลินๆ ชมความเริ่ดสะแมนแตนของทุ่งนาข้าวที่อินาคาดาเตะแล้วนะค่ะ ตามเว็ปไซต์ลิงค์ : http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Inakadatericepaddyart.html
ดิฉันนั่งรถไฟชินกันเซนจากเมืองซับมาได้ประมาณชั่วโมงกว่าๆก็ถึงสถานี ฮาโกดาเตะ โฮกุโตะ(Hakodate hokuto shinkansen) ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของรถไฟชินกันเซนแล้วค่ะ นั่งรถไฟข้ามทะเล ข้ามมาถึงเกาะฮอกไกโดแล้วค่ะ
จากนั้นก็รถขึ้นรถไฟ Super Hokuto จาก hakodate Hokuto Shin ไปลงที่เมือง Sapporo ซึ่งเป็นเมืองปลายทางที่จะไปนอนคืนนี้ค่ะ
รู้สึกอากาศเย็นดี สีสมร อรชร อ๊อนแอ๊นดีเหลือเกินค่ะ รู้สึกว่าพอได้ก้าวเท้าลงเดินมาสู่สถานี hakodate hokuto แล้วอากาศเย็นสบายดีมาก เรียกว่าหนาวเลยค่ะ
รอรถไฟเที่ยวเวลา 18.11 น. เพื่อเดินทางไปยังเมืองซับโปโร
ระหว่างที่รอก็เดินไป เดินมา ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยค่ะ
ระหว่างเดินออกมานั่งรอเพื่อขึ้นรถไฟ อากาศบนเกาะฮอกไกโดรู้สึกเย็นเป็นพิเศษเลยนะค่ะ
อากาศที่ฮาโกดาเตะเย็นสบาย ต่างกันกับอากาศที่เมืองอาโอโมริโดยสิ้นเชิงเลยค่ะ
รถไฟมาถึงแล้วค่ะ ก็ได้ที่นั่งริมหน้าต่างเลยค่ะ แต่เสียดายรถไฟ JR รุ่นนี้ไม่มีเหมือนรถไฟชินกันเซน ซึ่งมีที่เสียบปลั๊กไฟสำหรับที่นั่งริมหน้าต่างค่ะ ทำให้ดิฉันต้องหาหนังสือมาอ่าน หรือไม่ก็ชมวิวริมทางไปแทนค่ะ เพราะเวลาเดินทางจากฮาโกดาเตะไปซับโปโร ก็ใช้เวลานานพอสมควรค่ะ
ระหว่างนั่งรถไฟก็ผ่านทะเลสาบโอนุม่าด้วยค่ะ (Lake Onuma)
ได้เวลาทานอาหารเย็นแล้วค่ะ อาหารเย็นมื้อนี้ ก็คืออาหารเหลือเมื่อตอนเที่ยงค่ะ พอดีทานไม่หมด เลยยัดใส่กระเป๋าไว้ ตอนแรกคิดว่าจะบูดแล้วนะค่ะ แต่ก็ไม่บูด เลยเอามาทานต่อเป็นมื้อเย็นรองท้องไปก่อนค่ะ ระหว่างนั่งรถไฟค่ะ
แผนการเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อน 14 วัน |
ถึงตามเวลาเป๊ะค่ะ 21.35 น.
เดินออกจากสถานีรถไฟมา เดี๊ยนแทบช๊อคค่ะ เพราะอากาศมันเย็นมากๆ จนเดี๊ยนต้องรีบเปิดกระเป๋าหาเสื้อคลุมมาใส่ด่วนเลยค่ะ
เห็นคนที่นี้ไม่ค่อยสะทกสะท้านกับอากาศเลย สงสัยจะชินแล้วนะค่ะ
ดิฉันเดินออกจากสถานีรถไฟ เพื่อเดินทางไปยังโรงแรมที่ได้จองไว้แล้วค่ะ โดยระยะทางจากสถานีรถไฟซ้บโปโรไปยังที่พักแถวซูกาโน่ ก็ไม่ได้ใกล้ๆเลยนะค่ะ แต่ด้วยอยากประหยัดเงินเลยขอเดินไปดีกว่า จะได้แวะโน้น แวะนี้ด้วยค่ะ เผื่อจนของอยากทาน จะได้เดินร้าวรานเข้าไปทานลิ้มลองดูค่ะ
ข้ามทางม้าลายมา เจอป้ายบอกอุณหภูมิอยู่ที่ 19 องศาค่ะ
อากาศเย็นดีจริงๆค่ะ คิดถึงตอนมาหน้าหนาวที่ฮอกไกโดเมื่อหลายปีก่อน โอ้ยหนาวจนปวดเท้า ปวดขา และชาไปทั้งตัวคือมาจนไม่อยากจนหิมะแล้วค่ะ มันทรมานร่างกายเหลือเกินค่ะ
อันนี้ขนาดฤดูร้อนนะค่ะ อยู่ที่ 19 องศา ถ้าเป็นในเมืองไทยเราอุณหภูมิ 19 องศาคงเป็นฤดูหนาวค่ะ แต่พอเดินมาสักพักก็เริ่มร้อนแล้วค่ะ เพราะแบกเป้ใบใหญ่ มืออีกข้างก็หิวเป้ ด้านหน้าสะพานเป้เล็ก ด้านหลังสะพายเป้ใหญ่ เป็นใยเพิงพะรุงพะรังมากๆค่ะ เดินไปก็หยุดไปนะค่ะ เพราะเริ่มปวดหลัง
เดินไปสักพัก 1 กิโลก็ถึงสวนโอโดริแล้วค่ะ มองเห็นซับโปโรทาวเวอร์กำลังเล่นแสงสีอยู่ค่ะ
เดินผ่านย่านการค้า แหล่งช๊อปปิ้ง เดินมาเริ่มเหนื่อยค่ะ ทำไมโรงแรมอยู่ไกลจังเลยน๊า
เดินไปเรื่อย ผ่านย่านการค้าย่านซูกาโน่
เดินมาถึงอีกแหล่ง ตรงนี้จำได้เคยมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
เคยมาหลงทางตรงนี้ เนี่ยแหละค่ะ สี่แยก Sukano ตอนที่มาช่วงนั้นหลงทางในย่านนี้
หาทางออกไม่เจอ แทบจะร้องให้ และอีกอย่างหิมะก็ตกหนัก คิดถึงสมัยนั้น ไม่รู้มาได้ไง
แต่ก็ท้าทายไฉไล รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ค่ะ
แยกซูกาโน่ แหล่งช๊อปปิ้งย่านใจกลางเมืองซัปโปโรเลยค่ะ
สำหรับในย่านนี้ถือเป็นแหล่งสำหรับคนรักการท่องเที่ยวในยามกลางคืนของเมืองนี้
หากใครที่ชอบเดินช๊อปปิ้งก็มาเดินถ่ายรูปสวยๆ ฟรุ้งฟริ้งให้สุดสวิงริงโก้ได้ที่ย่านนี้เลยค่ะ
เพราะมีทั้งร้านอาหารและห้างสรรพสินค้าให้ได้เดินลั๊ลลากันได้ไม่มีเบื่อค่ะ
ดิฉันเดินเปิดมือถือดู GPS ตามเส้นทางมาเรือย ผ่านชิงช้าสวรรค์
ถึงสักทีค่ะที่พักคืนนี้ พักผ่อนที่ โรงแรม 365 โฮสเทล หลักร้อย สำหรับคนเงินน้อย คลิ๊กดูรายละเอียดห้องพักค่ะ>> |
รวมระยะทางเดินแบกเป้จากสถานีซัปโปโรมาที่นี้ รวมแล้วประมาณ 3 กิโลได้ค่ะ เล่นเอาเดี๊ยนหอบกิน เหงื่อท่วมตัวค่ะ รู้งี้นั่งรถไฟใต้ดินมาก็ดีค่ะ
แนะนำหากใครที่แบกกระเป๋าเป้มา 17 กิโล พร้อมห้อยโน๊ตบุ๊คมาด้วยแบบเดี๊ยนแนะนำค่ะ นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานีรถไฟ sapporo มาดีที่สุ๊ดจ้า เพราะเหนื่อยและปวดหลังมากๆ แถมต้องมาเดินคลำหาที่พักอีก ว่าอยู่แถวใหน สนุกตอนที่พักเนี่ยแหละค่ะ ถ้าหาไม่ได้คงนอนริมทางเลยค่ะ
มีป้ายติดด้านหน้าที่พัก อยู่ติดกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเลยค่ะ สะดวกหาของกินง่ายดี |
Social hostel 365 sapporo at Hokkaido ภาพล๊อบบี้ด้านล่าง |
ramen shingen sapporo |
ramen shingen sapporo |
ramen shingen sapporo |
เห็นลูกค้าทานที่ร้านนี้แล้ว น่าจะอร่อยนะค่ะ เพราะแต่ละคน ซดทานกันแบบสุดฤทธิ์ สุดเด็ด ซดทั้งน้ำทั้งเส้นเสียงดังฟังชัดเชียวค่ะ ถ้าเป็นในเมืองไทย ทานอาหารเสียงดังแบบนี้ คงดูจะไม่งามแน่ๆนะค่ะ แต่ที่นี้ญี่ปุ่นค่ะ หากมาทานราเมง ที่บ้านเค้าบอกให้ซดเสียงดังๆค่ะ แต่ดูท่าคนทานในร้านแล้ว น่าจะซดดังไม่ได้ค่ะ เพราะเห็นฝรั่งมังค่าที่นั่งทานแล้ว น่าจะร้อนลวกปากเลยกระมังค่ะ
ramen shingen sapporo |
เดี๊ยนทานราเมงมื้อนี้เป็นมื้อดึกตอน 5 ทุ่มค่ะ ค่าเสียหาย 760 เยนค่ะ
บันใดที่ขึ้นโรงแรม Social Hotels 365 sapporo คลิ๊กดูรายละเอียดห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/9fxBWE |
สภาพห้องพักเป็นแบบแคปซูลเตียงนอนเล็กๆ |
เตียงที่พักสำหรับคืนนี้ค่ะ ถึงแม้ห้องจะเล็ก แต่ก็อบอุ่นดีค่ะ |
365 Hostel sapporo at Hokkaido คลิ๊กดูรายละเอียดห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/9fxBWE |
สำหรับลูกค้าท่านใดที่จะแบกเป้มาเที่ยวเกาะฮอกไกโด และมีงบประมาณจำกัด แวะมานอนพักที่โรงแรม Social 365 Hostel ได้ค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/9fxBWE
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้ เดี๊ยนเองก็ไม่ได้แวะไปเที่ยวใหนไกลๆเลยค่ะ เนื่องจากในช่วงเช้านั่งเคลียงาน ตอบอีเมลล์ลูกค้าไปครึ่งค่อนวัน พอช่วงบ่ายเลยขอเดินเที่ยวชิวๆชมวิวเมืองซับโปรโร ก่อนที่ช่วงบ่ายจะไปเดินเฮโลที่คลองโอตารุ และช่วงเย็นๆก็เดินทางไปเมืองฟูราโน่ ซึ่งเป็นเมืองปลายทางของทริปนี้แล้วค่ะ
มุมนี้เป็น Space Area สำหรับนั่งทำงานค่ะ |
มุมนี้เป็น Space Area สำหรับนั่งทำงานค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/9fxBWE |
นั่งทำงานที่ห้องนั่งเล่นตั้งแต่เช้า จนถึง 10 โมง |
มุมนี้เป็น ห้องทานข้าวด้านล่างค่ะ |
ระหว่างนี้ก็เลยได้แต่นั่งรอไปสักพักค่ะ สงสัยเจ้าหน้าที่คงเข้าห้องน้ำอยู่นะค่ะ
ตรงร้านอาหารด้านล่าง ตกแต่งแนวๆชิคๆเก๋ๆ น่ารักดี |
พอฝากสัมภาระเรียบร้อย ก็เตรียมตัวออกไปลุยเที่ยวเมืองซับโปโรกันค่ะ
ไปเดินชิลๆ รับวิวบรรยากาศเมืองนี้ดูสิ ว่าช่วงฤดูร้อน มันสวยออนซอนแค่ใหน
ด้านหน้าที่พัก อยู่ติดกับร้านสะดวกซื้อเลยค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/9fxBWE |
โบว์ชัวร์ แผ่นพับแผนที่ท่องเที่ยวเมืองซัปโปโร มีแจกฟรีที่สถานีรถไฟ JR ค่ะ |
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหารีวิว ดิฉันขอมาแนะนำความรู้เกี่ยวกับเกาะฮอกไกโดสักหน่อยนะค่ะ บทความจะมีสาระหน่อยค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเกาะฮอกไกโด
ฮอกไกโด สำหรับชื่อจังหวัดนี้ในชาวไทยนั้นนิยมเรียกว่า "ฮอกไกโด" เสียมากกว่า แต่สำหรับชื่อจริงของจังหวัดนี้คือ "ฮกไกโด"เป็นชื่อจังหวัดและเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศญี่ปุ่น รองจากเกาะฮนชู แต่มีอุโมงค์ใต้ทะเลเซกังเชื่อมถึงกัน นอกจากนี้ฮกไกโดยังเป็นเขตการปกครอง ซึ่งประกอบไปด้วยหมู่เกาะ โดยมีเกาะฮกไกโดเป็นศูนย์กลาง และเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเขต คือ ซัปโปะโระ
ฮอกไกโดเป็นเขตที่มีคนอาศัยอยู่เบาบาง มีประชากรทั้งเกาะประมาณ 5 ล้านคน คนส่วนใหญ่ย้ายมาจากเกาะฮนชูเมื่อราว 100 กว่าปีก่อน โดยเป็นแหล่งที่ซามูไรแพ้สงครามจึงต้องหนีมาอยู่ที่เกาะนี้ ความจริงแล้วที่เกาะนี้มีชนพื้นเมืองอาศัยอยู่มานานแล้ว คือ ชาวไอนุ แต่โดนกลืนชนชาติไป ปัจจุบันหลงเหลืออยู่น้อยมากและมีชีวิตเช่นชาวญี่ปุ่นทั่วไป
ในฮอกไกโดเป็นเขตพื้นที่ ที่มีอากาศหนาวเย็นโดยเฉลี่ยจะมีหิมะท่วมอยู่ทั่วไปประมาณ 4-6 เดือน ในถดูหนาวจะมีอุณหภูมิ -20 ถึง 5 องศาเซลเซียส ในหน้าร้อนจะมีอุณหภูมิ 15 ถึง 30 องศาเซลเซียส ในด้านภูมิประเทศเป็นภูเขาเป็นส่วนใหญ่ ในบริเวณที่ราบลุ่มก็จะเป็นเมืองที่คนอาศัย โดยจะหนาแน่นในบริเวณเมืองซัปโปะโระ ซึ่งมีอากาศอุ่นกว่าบริเวณต่าง ๆ ของเกาะ แต่ก็ยังหนาวกว่าเมืองอื่น ๆ ในเกาะฮนชูฮกไกโดเป็นเกาะที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ชาวญี่ปุ่นจากส่วนอื่น ๆ ของประเทศจึงนิยมมาตากอากาศหรือย้ายมาอยู่อาศัยและทำงานเป็นจำนวนมาก
ความรู้เกี่ยวกับเมืองซับโปโร
ซัปโปะโระถือ เป็นศูนย์กลางความเจริญของเกาะแห่งนี้ และใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ ถือเป็นหนึ่งในเมืองใหม่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยมีประชากรประมาณ 2 ล้านคน แต่เมื่อปี ค.ศ. 1857 (พ.ศ. 2400) มีประชากรยุคบุกเบิกเพียง 7 คน ในช่วงต้นของยุคเมจิ ขณะนั้นเพิ่งเริ่มก่อตั้งเขตการปกครองฮกไกโด และซัปโปะโระถูกเลือกเป็นศูนย์กลางการจัดการและพัฒนา ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา ทำให้ซัปโปะโระถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานแบบอเมริกาเหนือ จึงมีการสร้างระบบถนนแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้ามาจนถึงปัจจุบัน ทำให้บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย จัดการได้ง่าย เดินทางได้สะดวกสบาย
ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีเทศกาลหิมะซัปโปะโระ ซึ่งเป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงมากของซัปโปะโระ ในบริเวณสวนสาธารณะโอะโดะริ, บางส่วนของซุซุกิโนะ (เทศกาลน้ำแข็งซุซุกิโนะ) ,บางส่วนของมะโกะมะไนในในเขตมินะมิ ซึ่งรูปปิ้นหิมะและรูปแกะสลักน้ำแข็งส่วนใหญ่ในเทศกาลฯถูกสรรค์สร้างโดยกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่น
และในเดือนมิถุนายน ของทุกปี จะมีเทศกาลโยะซะโกะอิ โซะรัง จัดขึ้นภายในใจกลางสวนสาธารณะโอะโดะริ และถนนสู่ซุซุกิโนะ ภายในเทศกาลนี้จะมีทีมนักเต้นรำจำนวนมากที่สวมเครื่องแต่งกายแบบ จะพิเศษเต้นรำไปกับทำนองเพลงแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น คือ โซรังบุชิ ในปี ค.ศ. 2006 เทศกาลนี้มีทีมเข้าร่วมกว่า 350 ทีมด้วยจำนวนนักเต้นรำกว่า 45,000 คน ซึ่งสร้างสีสันและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ ให้มาเยือนเมืองนี้ได้ไม่น้อยเลย
ขอบพระคุณเนื้อหาดีๆจากเครดิตเว็ปไซต์ : https://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดฮกไกโด
และขอบขอบพระคุณเนื้อหาดีจากๆ https://th.wikipedia.org/wiki/wiki/ซัปโปะโระ
อากาศในช่วงกลางวันของเมืองซับโปโรในวันนี้ ท้องฟ้าแจ่มใส งามไฉไลสุดเก๋ดีมากๆค่ะ แม้แสงแดด จะทอแสงให้ผิวเร้ารุ่มร้อนไปหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับร้อนมากๆ พอสู้ไหวค่ะ
เดินมาจากโรงแรมมาได้สัก 1 กิโลก็มาถึงแยก Sukano แล้วค่ะ บรรยากาศต่างจากเมื่อตอนกลางคืนที่ผ่านมาเลยนะค่ะ รู้สึกเมื่อตอนกลางคืน ที่แยกนี้คึกคักและตึ๊กๆตั๊กๆมากๆค่ะ
ดิฉันเปิดดูโบว์ชัวร์ในแผนที่มาเรื่อยๆ เดินมาถึงที่เที่ยวจุดแรก เป็นถนนคนเดินทานุคิโคจิค่ะ ถือเป็นช๊อปปิ้งสตรีทเก่าแก่อีกแห่งในเมืองซับโปโร ที่ใครๆก็ต้องมาเฮโลเดินช๊อปปิ้งร้านขายสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ประจำเมืองนี้ค่ะ
เดินเข้าในถนนคนเดินนี้ บรรยากาศค่อนข้างเงียบไม่ค่อยคึกคัก ตึ๊กๆตั๊กๆ เท่าไหร่นะค่ะ ได้แค่แวะผ่านชมเท่านั้น
หลังจากนั้นก็เดินตามฟุตบาตมาเรื่อยค่ะ แต่ก็ต้องระมัดระวัง จักรยานด้วยนะค่ะ เดียวจะโดนซอยเอาค่ะ แต่ส่วนใหญ่เวลาเดินในญี่ปุ่นเนี่ยนะค่ะ จักรยานจะหลบไปเองค่ะ
เดินชมเมืองไปเรื่อยๆค่ะ บ้านเมืองเค้าดูสะอาดสะอ้านดีนะค่ะ มองไปทางใหนก็เจริญหู เจริญตาค่ะ เดี๊ยนเองเคยแวะมาช่วงหน้าหนาว มองไปที่หิมะขาวโพลนไปทั้งเมือง คือมันหนาวมากๆค่ะ แต่มาฤดูร้อน คิดถูกที่มาฤดูนี้ เพราะมีสีสันและอากาศดีมากค่ะ
เดินผ่านมาเห็นหนูน้อยอยู่ในรถเข็น น่ารักมุ้งมิ้งเชียวค่ะเดินตามทางเท้ามาเรื่อย ก็ผ่านสวนสาธาระโอโดริแล้วค่ะ ถึงเป็นจุดท่องเที่ยวอยู่ในย่านใจกลางเมือง ที่ใครเดินแวะผ่านไป ผ่านมาก็ต้องมาลั๊ลลาถ่ายรูปกันสักแช๊ะ สองแช๊ะค่ะ
ถือเป็นสวนสาธารณะใจกลางเมือง ที่มีหอคอยทีวีซับโปโรทาวเว่อร์ เด่นตระหง่านเป็นแลนด์มาร์ค แหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดตาและตราตรึงใจอีกแห่งของการมาเที่ยวเมืองซับโปโรค่ะ
ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับสวนโอโดริปาร์ค
สวนสาธารณะโอโดริ ถือเป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองของนครซัปโปโรแห่งนี้ ถือว่าเป็นเมืองเอกของจังหวัดฮอกไกโด ในประเทศญี่ปุ่น โดยคำว่า "โอโดริ" ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า "ทางเดินที่กว้าง" สวนสาธารณะโอโดริ มีความยาวถึง 1.5 กิโลเมตร ผ่านอาคารกว่า 12 ช่วงตึก ( โชเมะ) มีพื้นที่รวมทั้งหมด 78,901 ตารางเมตร
ซึ่งแต่ในนอดีตนั้นนะค่ะ เมื่อครั้งเริ่มวางผังเมืองได้ถูกวางแผนไว้ให้เป็นทางเดินสายใหญ่ใจกลางเมือง ก่อน ที่จะกลายเป็นสวนสาธารณะในเวลาต่อมา โดยในแต่ละปี จะมีงานมากมายมาจัดที่สวนสาธารณะแห่งนี้ อาทิ เทศกาลดอกไลลักซัปโปะโระ, เทศกาลหิมะซัปโปะโระ ปลายสุดของสวนสาธารณะแห่งนี้ ยังเป็นที่ตั้งของ ซัปโปะโระทีวีทาวเวอร์ และใกล้เคียงยังมีสถานที่ที่น่าสนใจ อาทิ พิพิธภัณฑ์จดหมายเหตุนครซัปโปโรค่ะ
ขอบพระคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/สวนสาธารณะโอโดริ
ดิฉันเดินมาถึงจุดนี้แล้วก็เลยขอนั่งพักให้เมื่อย ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยสักหน่อยค่ะ ที่สวนโอโดริในช่วงฤดูร้อนนี้ก็ถือว่า สวยไม่เบาเลยนะค่ะ เพราะมีดอกม้ง ดอกไม้ ประดับประดาไปทั่ว กำลังผลิดอก ออกบานสะพรั่ง ประดุจบัลลังก์วังสีทอง งามผุดผ่องเป็นยองใย แสนจะสดใสเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักทีเดียวค่ะ
ในสวนก็มีน้ำพุกำลังพวยพุ่ง เต้นระบำให้ได้ชื่นฉ่ำบานใจเพื่อคลายร้อนค่ะ
ดอกม้ง ดอกไม้ในสวนนี้ก็ถูกจัดเรียงราย สะหยายไปทั่วสวย ดั่งมวลมาลีเปล่งสีฉวีผ่องเป็นยองใย ไฉไลสุดเก๋ เท่ห์ซ่ะไม่เบาเชียว มีทั้งดอกบานและดอกเหี่ยว ให้เฟี้ยวฟ้าวฟรุ้งฟริ้ง สุดสวิงริงโก้กันหลายดอกเลยค่ะ
แต่ดอกก็น่ารักมุ้งมิ้ง สุดสวิงริงโก้มากๆนะค่ะ ดูคล้ายๆดอกไม้ในการ์ตูนอะไรประมาณนั้นค่ะ
เห็นดอกไม้แล้วสดชื่น รื่นรมย์ฤทัย งามไฉไลสุดเก๋ เทห์ซ่ะไม่เบาเชียวนะค่ะ เพราะแต่ละดอกทั้งดอกสีบานฉ่ำ หรือดอกระบำสีทอง ก็สวยผุดผ่องเป็นยองใยยิ่งนักค่ะ
บอกดอกก็น่ารัก ดูตึ๊กๆตั๊กๆ อยากจะหักมาเด็ดเอาทัดที่ใบหู คงจะสวยจุ๊กกรูไม่เบานะค่ะ
ดิฉันเองชอบถ่ายรูปดอกไม้มากค่ะ เห็นดอกไม้ ไม่ค่อยได้มันสวยบาดใจ งามไฉไลสุดเก๋
เดินไปทางใหนก็มีดอกไม้ ประดับประดา ไปทั่วสวน ดอกลิลลี่กำลังผลิดอกเบ่งบานให้ร้าวรานทรวงในเสียจริงๆนะค่ะ เคยเห็นแต่อยู่ในกระตู้จก ร้านจัดดอกไม้ ไม่คิดว่าจะเห็นต้นจริงๆ จะสวยงามพร่างพราย ดั่งสายน้ำทิพย์ ระยิบระย้าลั๊ลลาสุขใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนจริงๆนะค่ะ
ดูต้นไม้ที่สวนแห่งนี้ เบินบานรับฤดีฉวีผ่องกับท้องฟ้าดีเหลือเกินนะค่ะ แม่ดอกลิลลี่สีขาว ก็สวยสกาวน่าเด็ดดอมดม สวนแม่ดอกลิลลี่สีชมพูเข้มแดง ก็ร้อนแรงจับใจ น่าจะเด็ดเอามาทัดประดับคู่กับใบหู คงจะสวยจุ๊กกรูไม่น้อยเลยนะค่ะ
ใกล้ๆลานน้ำพุ ก็มีข้าวโพด ของอร่อยของดีประจำเมืองนี้ ที่ใครแวะจรลีมา ก็ไม่พลาดต้องมาลิมลองทานกันค่ะ
นอกจากนี้ ยังมีไอตง ไอติมใหได้ทานกันอย่างสำราญบานใจค่ะ
ดิฉันวนเวียนวอยู่ในสวนนี้ ก็นั่งชิวๆ ถ่ายรูปวิว รูปดอกไม้ไปเรื่อยเปื่อยค่ะ ชิวๆมากๆค่ะ
หลังจากที่ได้นั่งพักเหนื่อย ถ่ายรูปไปเรื่อยที่สวนโอโดริแล้วนะค่ะ ไม่ไกลนัก เดินตามแผนที่มาเรื่อยก็ถึงแลนมาร์คอีกแห่งของเมืองนี้ค่ะ นั้นก็คือ ทำเนียบรัฐบาลเก่าซับโปโร อาคารสีแดงสไตล์ยุโรปตะวันตก เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามอีกแห่งในเมืองซับโปโร ที่ใครเดินเฮโลมาไชโยทีนี้ ต้องไม่พลาดมายวนยี ถ่ายรูปกันสักครั้งค่ะ โดยระยะทางก็ไม่ไกลจากสวนโอโดริและสถานีรถไฟมากนักค่ะ เดินแป๊บเดียวก็ถึงค่ะ
เข้ามาในทำเนียบเก่า ก็มีนักท่องเที่ยวมาทยอยถ่ายรูปที่หน้าอาคารแห่งนี้ไม่น้อย เนื่องจากมีการจัดแต่งและประดับไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน งดงามดุจอำพรรณ ให้สนุกสุขสันต์ ถ่ายทำการอย่างสุขใจ จนต้องเรียงคิวกันถ่ายเลยจ้า
ศาลาว่าการเก่าฮอกไกโด หรือทำเนียบเก่าเมืองซับโปโร |
ศาลาว่าการเก่าฮกไกโด ถือเป็นอาคารว่าการเก่าของเกาะฮกไกโดในสมัยจักรวรรดิญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในนครซัปโปะโระ
อาคารสร้างในปี 1873 ในรัชสมัยเมจิ ใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมโคโลเนียลแบบอเมริกัน เมื่อแรกสร้างเสร็จเป็นหนึ่งในอาคารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยแรกใช้เป็นที่ทำการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาฮกไกโด (ไคตะกุชิ)
และต่อมาอาคารได้ถูกเพลิงไหม้ในปี 1879 ภายหลังยุบไคตะกุชิในปี 1882 แล้ว เกาะฮกไกโดก็ถูกรวมเข้าเป็นจังหวัดเดียว และจึงมีการตั้งสำนักบริหารฮกไกโดขึ้น ในปี 1886 โดยได้ซ่อมแซมอาคารหลังเก่าที่ถูกไฟไหม้ และใช้การได้ในปี 1888 โดยการซ่อมแซมใหม่นี้ ได้ใช้อิฐแดง มาปูผหนังจลอดจนโดมกลางของอาคารมาจนถึงปัจจุบัน
โดยปัจจุบันอาคารแห่งนี้ ได้เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเข้าไปเรียนรู้ได้ฟรีค่ะ
ใหนก็แวะมาทั้งทีแล้วนะค่ะ ก็ไม่พลาดจะแวะเข้าไปชมด้านในค่ะ เป็นตึกแดงสวยงาม สไตล์ตะวันตก สวยสะท้กสะท้านหวั่นไหว งามไฉไลสุดเก๋ดีนะค่ะ
เข้าไปชมด้านในฟรี ไม่ต้องเสียเงินค่ะ
ด้านในสามารถถ่ายรูปได้ค่ะ แต่ดิฉันก็ถ่ายเฉพาะตรงทางเดินบันใดค่ะ ไม่กล้าถ่ายเข้าไปในห้องข้างในค่ะ เพราะเสียงกดชัตเตอร์ของเดี๊ยนมันดังค่ะ
เข้ามาก็จะเป็นทางเดินบันใด เป็นพรมแดงเดินขึ้นสวยงามเชียวค่ะ
มีสแตมป์ตราประทับ สำหรับประทับระลึกไว้ในความทรงจำที่ได้มาเยือนอาคารแห่งนี้ค่ะ
เดินออกมาก็เป็นสวนต้นไม้ร่มรืนย์ ชื่นบานตาดีเหลือเกินค่ะ ท้องฟ้าก็สดใส ไร้เงาความมืดดีจังนะค่ะ
รอบบริเวณริมทางเดินก็มีการออกบูท จำหน่ายสินค้าในชุมชนให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเลือกหากันค่ะ
เดินมาได้กลิ่นร้านขายพายแอปเปิ้ล กลิ่นหอมหวน ตะหลบอบอวน ชวนให้น่าทานจริงๆค่ะ เลยไม่พลาดซื้อมาทานสักกล่องค่ะ ดูท่าน่าจะอร่อยนะค่ะ เพราะเห็นแม่ค้ากำลังนวดแป้งทำขนมเอาเข้าเตาอบเลยค่ะ ของสดทำร้อนแบบนี้น่าทานค่ะ
พอซื้อขนมมาแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็ไปนั่งแวะพักในริมหนองน้ำในสวนค่ะ มีที่นั่งเงียบให้นั่งค่ะ เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวเดินเข้ามาค่ะ
นั่งดูต้นไม้ใบสีแดงๆกำลังเปล่งสีร้อนแรง งดงามทะแยงดวงตาเสียจริงนๆค่ะ
ใบไม้ออกสีน้ำตาลเข้มๆแดง ร้อนแรงเข้ากับช่วงฤดูนี้เสียจริงๆค่ะ บางครั้งก็คิดว่าเหมือนเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนะค่ะ ดิฉันพึ่งมาทราบว่า จริงๆแล้วต้นและใบมันเป็นแบบนี้ค่ะ ใบก็แดงทั้งต้นเลยนะค่ะ
นั่งทานขนมริมบึงในสวนทำเนียบเก่า บรรยากาศเงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจจริงๆนะค่ะ
ดิฉันนั่งริมบึงตรงนี้เสียนานเลยค่ะ ถ่ายรูปใบไม้สีแดงนี้ไปเรื่อยๆเปื่อยๆ
เดี๊ยนเองก็มัวแต่ถ่ายรูปใบไม้ สะหยายผมโป่งอยู่นะค่ะ มองไปด้านหลัง เห็นอีกากำลังเดินป๊วนเปี๊ยนเวียนวน อยู่ใกล้ๆเดี๊ยนค่ะ ดูมันไม่กลัวใครเลย อีกาตัวใหญ่มากค่ะบางครั้งก็น่ากลัวจนเดี๊ยนต้องกราบล่ะค่ะ
หลังจากที่ดิฉันได้มาเดินชมสวนโอโดริและทำเนียบรัฐบาลเก่าแห่งเมืองซับโปโรแล้วนะค่ะ ก็เดินมาที่สถานีรถไฟซับโปโรค่ะ
มาที่สถานีรถไฟซับโปโร เพือนั่งรถไฟไชโย ไปเดินเฮโลชมคลองโอตารุในช่วงฤดูร้อน ว่าจะงามออนซอนแค่ใหนนะค่ะ
วิธีการเดินทางไปโอตารุ ก็ไม่ได้ยากเลยค่ะ
ขึ้นรถไฟ JR จากสถานีรถไฟซับโปโร มาลงที่สถานีรถไฟโอตารุใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็ถึงค่ะ
เมื่อถึงสถานีรถไฟโอตารุแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เข้าไปสอบถามการเดินทางกับเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ให้ดิฉันร่วมด้วยช่วยเข้าไปตอบแบบฟอร์มในแอป Yakpaihokkaido และทางเจ้าหน้าที่ก็ให้แฟ้มใส่เอกสารมา 2 ใบค่ะ ดีเลิยค่ะ กำลังอยากใช้อยู่พอดีค่ะ เดินจากสถานีรถไฟไปคลองโอตารุค่ะ
ระหว่างทางก็เจอย่านการค้าช๊อปปิ้งเก่าแก ขอแวะดูสักหน่อย แต่บรรยากาศมันเงียบมากๆค่ะ
เดินมาอีกนิดก็จะเจอเส้นทางรถไฟสายเก่า ที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนรักการถ่ายรูปค่ะ
ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ระบุไว้ว่า
โอะตะรุเคยเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวไอนุ และเชื่อกันว่าชื่อ"โอะตะรุ"มีที่มาจากภาษาไอนุ ซึ่งอาจหมายถึง "แม่น้ำที่ไหลผ่านหาดทราย" ถ้ำเทะมิยะซึ่งหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยในปัจจุบันมีภาพเขียนผนังถ้ำตั้งแต่ยุคโซกุ-โจมง หรือประมาณ พ.ศ. 943(400) ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2408(1865) รัฐบาลเอะโดะได้ยกสถานะโอะตะรุเป็นหมู่บ้าน และเมื่อ พ.ศ. 2423 ทางรถไฟสายแรกในฮกไกโดได้เปิดให้บริการวันละเที่ยวระหว่างโอะตะรุกับซัปโปะโระ ต่อมาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2465(1922) โอะตะรุได้รับการยกสถานะให้เป็นเมือง
มีป้ายติดไว้ welcome to Otaru ค่ะ หากใครที่ชอบเที่ยวไป ถ่ายรูป แวะไปเที่ยวที่นี้ได้นะค่ะ เส้นทางรถไฟชัดเจนมากค่ะ ถ้ามาช่วงหน้าหนาวหิมะตกหนักก็อาจจะไม่เห็นค่ะ แต่ถ้ามาหน้าร้อนก็จะได้เห็นเส้นทางรถไฟนี้ค่ะ
เดินมาอีกนิดก็ถึงแล้วค่ะ คลองโอตารุ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม บรรยากาศในเมืองโอตารุวันนี้ ท้องฟ้ามืดครึมหน่อยค่ะ เหมือนฝนจะตกยังไม่รู้นะค่ะ
แต่ก็ก็ยังพอมีลมพัดโชยเย็นๆบ้างค่ะ
ความรู้เกี่ยวกับเมืองโอตารุ
โอตารุ เป็นเมืองท่าที่สำคัญอีกแห่งในจังหวัดฮอกไกโด ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครซัปโปะโระ ตัวเมืองหันหน้าออกสู่อ่าวอิชิกะริ และเป็นเมืองท่าหลักของอ่าวมาเป็นเวลานาน มีอาคารเก่าแก่มากมาย จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น และเนื่องจากใช้เวลานั่งรถยนต์จากซัปโปะโระเพียง 25 นาที ในระยะหลังเมืองจึงพัฒนาเป็นย่านที่พักอาศัย
โดยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองโอตารุ มีคลองไหลผ่านกลางเมือง และประดับตกแต่งด้วยโคมไฟถนนแบบวิคตอเรียน เวลากลางวันบริเวณนี้จะเป็นแหล่งรวมกิจกรรมต่างๆ และมีศิลปินมาแสดงความสามารถเฉพาะตัวตามถนนเลียบคลอง โอะตะรุจัดว่าเป็นเมืองที่สวยงามดั่งภาพวาดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น บริเวณใกล้เคียงตัวเมืองมีธรรมชาติที่สวยงาม และมีชายหาดที่สวยงามอยู่ใกล้เมือง บางหาดน้ำทะเลจะใสมาก เช่น หาดรันชิมะ และ Sunset Beach ที่เซะนิบะโกะ (บนเส้นทางไปยังซัปโปะโระ) มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและรัสเซียเดินทางมาท่องเที่ยวโอะตะรุเป็นจำนวนมาก
ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/โอะตะรุ
เมืองโอตารุยังมีชื่อเสียงในการทำเบียร์ด้วยค่ะ ซึ่งที่ผลิตอยู่ในเมืองเป็นภัตตาคารชื่อดังที่ตกแต่งแบบตะวันตก โดยตั้งอยู่ติดกับคลองโอตารุ นอกจากนี้แล้วยังมีซุชิที่มีชื่อเสียงด้านความสดใหม่ มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกเรียงรายอยู่มากมายค่ะ
เดินมาสักพักเริ่มหิวค่ะ เลยหยิบพายแอปเปิ้ลที่เหลือมาทานค่ะ สรุปตอนเที่ยงนี้ไม่ได้ทานข้าวเลยค่ะ เพราะทานแต่ขนมก็อิ่มล่ะ
ดิฉันเดินชมวิวไปเรื่อยๆเปื่อยค่ะ บรรยากาศโดยรอบคลองโอตารุก็มีนักท่องเที่ยวมาชมอยู่เรื่อยๆ แต่ที่เห็นมาเป็นกรุ๊ปใหญ่มาเป็นคันรถเลย ก็คงจะเป็นนักท่องเที่ยวจากชาวจีน มากันเยอะจริงๆนะค่ะ ดูคนญี่ปุ่นแทบจะไม่มีเอาเสียเลย
ริมคลองโอตารุ ก็มีจะร้านขายของที่ระลึก ให้ได้ซื้อเอาไปเก็บไว้ให้ระทึกกึกก้องกันด้วยนะค่ะ ของน่ารักทั้งนั้นค่ะ มีรูปศิลปะสวยว่าจากงานฝีมือก็น่าซื้ออยู่ไม่น้อย เห็นคุณลุงท่านนี้ กำลังวาดรูปอยู่ สวยงามไม่เบาเลยค่ะ
เดินไปที่ท่าเรือโอตารุ อยู่ติดริมทะเล ลมพัดเย็น บรรยากาศดี๊ดีค่ะ
แวะเดินมาก็พุ่มดอกไม้เรียงราย ให้เดี๊ยนถ่ายรูปอีกแล้วค่ะ ปลูกแซมเติมแต่งอยู่ริมทาง งามสะพร่างดุจสายน้ำทิพย์ สวยระยิบระย้าไปหมดเลยนะค่ะ
ดอกไม้เล็กๆดูกะมุ้งกะมิ้ง กระจิ๊ดลิ๊ดน่ารักดีค่ะ มีสีสันเติมความสดใสให้ใจชื่นบาน ร้าวรานไปถึงทรวงในเลยจ้า
และหลังจากที่ได้ไปเดินชมบรรยากาศชิวๆที่คลองโอตารุแล้วนะค่ะ ดิฉันก็นั่งรถไฟ JR กลับมายังเมืองซับโปโร เพื่อจะเดินกลับไปเอากระเป๋าเป้ที่โรงแรมค่ะ ระหว่างก็เห็นคนกำลังมุงดูอะไรกันอยู่ เลยแวะไปดูด้วยคนค่ะ อ๋อ กำลังมีการแสดงการบรรเลงดนตรีอยู่ค่ะ
ระหว่างทางเดินยังพอมีเวลา เดี๊ยนเลยขอแวะไปดูหอนาฬิกาอันเก่าแก่ของเมืองนี้ค่ะ ระหว่างเดินทางมาก็งงๆนะค่ะ ไม่รู้ว่าอยู่ตรงใหน เลยเปิด GPS และแผนที่ดูไปพร้อมกันค่ะ
ถึงแล้วค่ะ อาคารหอนาฬิกาเก่าเมืองซับโปโร ถือเป็นสมบัติวัฒนธรรรมที่สำคัญของชาติเลยค่ะ และเป็นจุดท่องเที่ยวสำหรับคนรักการถ่ายรูป ต้องมาเช็คอินน์กันที่นี้ด้วยค่ะ
โดยในโบว์ชัวร์ข้อมูลได้ระบุไว้ว่า
หอนาฬิกานี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1878 ในอดีตเคยเป็นโรงฝึกทหารของวิทยาลัยการเกษตรซับโปโร ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการ ประวัติความเป็นมาของหอนาฬิกา และมีการจัดแสดงนาฬิการุ่นเดียวกับที่ติดตั้งไว้ที่หอนาฬิกาด้วยค่ะ
อาคารหอนาฬิการ สถาปัตยกรรมสวยงาม บรรยากาศโดยรอบก็ร่มรืนย์ไปด้วยต้นไม้ค่ะ แต่ก็รายล้อมไปด้วยตึกสูงใหญ่สุดแสนทันสมัย ล้อมอาคารเก่าแห่งนี้ไว้ ทำให้หอนาฬิกาเก่าแห่งนี้ดูโดดเด่นเป็นพิเศษค่ะ หากมาช่วงหน้าหนาวก็จะขาวโพลน ดูโรแมนติกไปอีกแบบค่ะ แต่ถ้ามาหน้าร้อน ก็ตามภาพที่เห็น เขียวชะอุ่มชุ่มชื่นทีเดียวค่ะ
และแหล่งท่องเที่ยวถัดมา เดี๊ยนก็เดินวนมาที่สวนโอโดรินี้อีกครั้ง เพราะยังไงก็ต้องเดินผ่านเพื่อยังโรงแรมอยู่แล้วค่ะ และมีเวลาเหลืออีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ ใหนๆก็มาเที่ยวเมืองซับโปโรทั้งที ขอขึ้นไปยลโฉมวิวสวยๆของเมืองนี้สักหน่อยค่ะ
เดินมายังใต้หอคอยซับโปโรทีวีทาวเวอร์ค่ะ ดูใหญ่โตโอฬารมากนะค่ะ
ด้านล่างหอคอยก็เป็นร้านขายอาหาร ขายเครื่องดื่ม ให้นั่งทานชิวๆกันค่ะ
มีโบว์ชัวร์ข้อมูลเป็นภาษาไทยเกี่ยวกับ หอคอยซับโปโรทีวีทาวเวอร์ให้ด้วยนะค่ะ
พอดีว่าดิฉันพอหนังสือเว็ปการท่องเที่ยวมาด้วย เพื่อเอามาเป็นส่วนลดค่าเข้าชมค่ะ ก็เลยมาใช้ซื้อบัตร ได้สวนลดไป 20% ค่ะ โดยพนักงานจะตัดคูปองออกไป
ราคาบัตรขึ้นไปเข้าชมปกติ ผู้ใหญ่ปกติอยู่ที่ 720 เยนค่ะ ลดไป 20% ก็จ่ายเพียง 576 เยนค่ะ
พอได้บัตรนี้มาก็ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรงประตูลิฟท์ค่ะ
พอเข้ามาก็จะมีเจ้าหน้าที่พนักงานหญิงน่าตา น่ารักมากๆนะค่ะ พาขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับซับโปโรทีวีทาวเวอร์
ถือเป็นแลนด์มาร์คอันโดดเด่นตั้งอยู่ในใจกลางเมือง โดยเป็นหอกระจายสัญญาณโทรทัศน์ในนครซัปโปะโระ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ก่อสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2497 ด้วยความสูง 142.7 เมตร มีชั้นมวิวสูงสุดที่ความสูง 90.38 เมตรตั้งอยู่ปลายสุดของสวนสาธารณะโอโดริทางทิศตะวันออก
เวลาทำการ ช่วงฤดูร้อน 9.00-22.00 น.
ช่วงฤดูหนาว 9.30-21.30 น.
เดินออกจากลิฟท์มาที่ความสูง 90.38 เมตรก็จะเป็นจุดชมวิวเดินชมได้ 360 องศา ถ่ายรูปลั๊ลลาแบบพาโนราม่าเห็นไปทัวเมืองเลยค่ะมองลงไปด้านล่างจะเห็นสวนสาธารณะโอโดริ และวิวทิวทัศน์ ตึกรางบ้านช่องและภูเขาอยู่แต่ไกลโพนเลยค่ะ
มองไปก็เห็นชิงช้าสวรรค์ที่เดินผ่านเมื่อคืนนี้ค่ะ
มุมถ่ายรูปด่านทิศตะวันตกซึ่งเป็นมุมยอดนิยมค่ะ
มุมทางด้านตะวันออกค่ะ มุมทางด้านทิศตะวันออกค่ะ
มุมด้านทิศใต้ค่ะ ไม่รู้ว่าทิศใหนแล้วค่ะ บางครั้งเดี๊ยนก็งงนะค่ะ เพราะเป็นหอคอยเดินวน 360 ค่ะ
ตรงจุดชมวิวก็ยังมีของที่ระลึกเป็นรูปตุ๊กตาคุณปู่ซับโปโรทีวีทาวเวอร์ขายด้วย น่ารักดีค่ะ
หลังจากที่ดิฉันได้ไปชื่นชมวิวเมืองซับโปโรอยู่ได้สักพักนะค่ะ แหงนดูนาฬิกาก็ต้องรีบเดินทางกลับไปเอากระเป๋าเป้ที่โรงแรมค่ะ หลังจากนั้นก็เดินทางจากโรงแรม มายังสถานีรถไฟ Jr ซับโปโรค่ะ เนื่องจากระยะทางจากโรงแรมอยู่ใกลพอสมควรค่ะ ตอนขาจะกลับคือเดินไม่ไหวแล้วค่ะ เพราะแบกเป้เดินไป 3 กิโลกว่าคงเป็นลมพอดี เดี๊ยนเลยนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินจากสถานี Sukano มาลงที่ สถานี Saporo เลยค่ะ
พอมาถึงสถานีซับโปโรก็ไปจองที่นั่งจากเมืองซับโปโร เพื่อเดินทางไปยังเมืองปลายทางถัดไปคือเมือง Furano ค่ะ ถือเป็นจุดหมายปลายทางของทริปนี้แล้วค่ะ
วิธีการเดินทางคือ นั่งรถไฟจาก Saporo มาลงที่เมือง Takikawa จากนั้นก็เปลี่ยนชานชลามานั่งเป็นรถไฟ JR ท้องถิ่นธรรมดาค่ะ
พอถึงเมือง Takikawa เปลี่ยนมานั่งเป็นรถไฟ JR ท้องถิ่นธรรมดาค่ะ เพื่อเดินทางไปยังเมือง Furano
ระหว่างทางนั่งรถไฟ สองข้างทางก็เป็นวิวทุ่งนา และฟาร์มปลูกพัก ผลหมาก รากไม้ให้ได้พบเห็นกันอย่างเย็นชื่นฉ่ำกันค่ะ
นั่งรถไฟไปสักพักก็เริ่มหิวแล้วค่ะ ทานขนม คอร์นช๊อตโกแลตดีกว่าค่ะ ของฝากอร่อยขึ้นชื่อที่ลิ้มลองแล้ว ต้องฝากไปซื้อคนที่บ้านและที่ทำงานทุกครั้งค่ะ ราคาไม่แพงด้วยค่ะ ถุงละ 360 เยนค่ะ
ขนมรสชาติ หอมหวาน อร่อย ทำจากข้าวโพดเคลือบด้วยช๊อตโกแลต กินแล้วไขมันขึ้นทันที เพราะรสชาติหวานกำลังดี จนต้องแกะมากินอีกทีค่ะ
นั่งรถไฟไปเรื่อยๆ รถไฟท้องถิ่นไปยังฟูราโน่ ก็จอดเกือบทุกสถานีเลยนะค่ะ
ในที่สุดก็มาถึงเมือง Furano แล้วค่ะ เดินทางมาตั้งแต่บ่าย 4 โมงกว่าๆ ถึงเมืองนี้ก็เกือบ ทุ่มนึงพอดีนะค่ะ
เป็นเมืองปลายทางแห่งฝันของใครๆหลายคน ที่รักและชื่นชอบดอกไม้ ต้องมาย่างกรายชมสักครั้งค่ะ เพราะได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม ของทุ่งดอกไม้หลากสีสันที่เห็นตามเว็ปท่องเที่ยวค่ะ
Furano Station |
สำหรับอากาศในช่วงยามพลบค่ำของเมืองนี้ อากาศเย็นทีเดียวค่ะ เดินออกจากรถไฟมาเนี่ยนะค่ะ หน้าแทบชาค่ะ ลมพัดเย็นมากนะค่ะ
Furano Station |
ซึ่งโรงแรมที่พักสำหรับคืนนี้ มีชื่อว่า ล็อคยูการิเกสต์เฮ้าส์ ( Log Yugari guest house ) เป็นที่พักแนวโอสเทล ห้องนอนรวม แบบราคาถูกสุดๆแล้วค่ะ เน้นนอนอย่างเดียว ไม่เน้นหรูหรา เอาแค่ซุกหัวนอนหลับคาเตียงก็พอค่ะ ราคาห้องพักคืนละ 450 บาท หรือคืนละ 1500 เยนค่ะ ถือว่าราคาถูกมากๆนะค่ะ เน้นแค่นอนจริงๆค่ะ
โดยทางโรงแรมจะมีเจ้าหน้าที่ขับรถมารับที่สถานีรถไฟค่ะ ซึ่งทั้งนี้ดิฉันเองก็ได้ระบุเวลาที่จะให้ทางโรงแรมมารับให้ชัดเจนค่ะ และทางโรงแรมจะตอบเมลล์กลับมาค่ะ โดยทางโรงแรมส่งเมลล์บอกมาว่าให้รอที่ตรงตู้โทรศัพท์ หน้าสถานีรถไฟค่ะ
ในอีเมลล์ของโรงแรมบอกว่าให้มายืนรถรถของโรงแรมมารับที่ตู้โทรศัพท์ หน้าสถานีรถไฟค่ะ.... ดิฉันก็มารอรถรับส่งของโรงแรมมารับที่มุมตรงนี้แหละค่ะ แม้จะอยู่ในฤดูร้อน แต่อากาศที่นี้ก็เย็นมากๆ บางครั้งก็เข้าไปหลบในตู้โทรศัพท์นะค่ะ เพราะสู้อากาศเย็นไม่ไหวจริง หน้าชาไปหมดเลยค่ะ
บรรยากาศยามเย็นในเมืองฟูราโน่ เงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจจริงๆค่ะ ไม่รู้ว่าคนที่นี้ ไม่ออกมาช๊ะช๊ะช่ากันหรือกันหรืออย่างไร ดูไร้สีสันมากๆค่ะ
ระหว่างรถรถโรงแรมมารับ สงสัยจะมาตอน 2 ทุ่มเป๊ะค่ะ ดิฉันเลยทิ้งกระเป๋าไว้ที่ตู้โทรศัพท์นั้นแหละค่ะ คงไม่มีใครจะมาขโมยแบกไป ขอแวะมาร้านสะดวกซื้อหาอะไรทานค่ะ
ใกล้สถานีรถไฟ Furano ก็ไม่มีเซเว่น หรือลอซันนะค่ะ มีแต่ร้านขายของชำ เดินกลับมาที่สถานี มาหยิบโบชัวร์ท่องเที่ยวดูข้อมูลการเดินทางไปยังทุ่งดอกไม้ลาเวนเดอร์พรุ่งนี้ ว่าจะไปยังไงค่ะ
อยู่รออยู่ |
โรงแรมที่พักคืนนี้พัก Log yukari guest house Furano review เป็นโรงแรมที่ถูกที่สุดแล้ว ห้องพักหลักร้อย |
สภาพบ้านพักดูเป็นแนวกระท่อมกลางป่า ดูเก่าไปหน่อยค่ะหรือดูรีวิวและรายละเอียดได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/8KTCio |
Kitchen and Living room at Log Yugari Guest House read review and more detail at : https://goo.gl/8KTCio |
Review Log yugari guest house at Furano city : sushi dinner |
Room for sleeping at Log yugari Guest house read more review detail at https://goo.gl/8KTCio |
สำหรับใครที่วางแผนมาเที่ยวฟูราโน่ มองหาที่พักราคาถูกๆอยู่ ไม่รู้พักใหนดี แนะนำมาพักที่นี้ได้ค่ะ เจ้าของใจดีค่ะ คลิ๊กดูรีวิวและรายละเอียดที่พักได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/8KTCio
จบทริปรีวิวเที่ยวเมืองซับโปโรครึ่งวันค่ะ เดียวรีวิวถัดไป ดิฉันจะพาทุกๆท่านปั่นจักรยาน 9 กิโลเมตร จาเมืองฟูราโน่ไปเฮโลชมดอกไม้สวยๆ ที่ทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วง และนั่งรถไฟเต่าสุดน่ารักไปปั่นจักรยานชมทุ่งนาข้าวบาเล่ย์ที่เมืองบิเอะค่ะ
ตอนที่ 10 เขียนเสร็จแล้วค่ะ : รีวิวปั่นจักรยานไปชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่เมืองฟูราโน่ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Furanotravel.html
สำหรับรีวิวเที่ยวเกาะฮอกไกโด เยือนเมืองซับโปโรในช่วงฤดูร้อนในเว็บบล็อกครั้งนี้ ดิฉันก็ขอจบเพียงเท่านี้ หวังเป็นอย่างยิ่งนะค่ะ ว่ารีวิวบทความดังกล่าวนี้ คงมีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านทุกๆท่านไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากบทความเนื้อหาในรีวิว ที่ดิฉันได้นำเสนอไปนี้ มีข้อผิดพลาด รูปภาพ ชื่อ อักขระพิมพ์ๆ ผิดๆ ตกหล่นไร้ซึ่งความหมายประการใด เดี๊ยนเองก็ต้องขอขอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกในบทความบล็อกถัดไปนะค่ะ ขอบพระคุณทุกท่านที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามาเปิดสไลด์ดูภาพกันค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
-------------------------------------------------------------------------------
แนะนำบทความอื่นๆ และบล็อกรีวิวท่องเที่ยวเมืองต่างๆมีดังนี้ค่ะ (จะทยอยเขียนเพิ่มเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกร้างไปค่ะ)
เก็บตกรีวิวเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ ดำน้ำดูปะการังใน 1 วัน ไปที่ใหนบ้าง ตามไปชมกันค่ะ>>> |
แบ่งปันเที่ยวฟูจิปีนี้ พักแถวใหนดีกับโซนยอดฮิต ที่คู่รักมาพิชิตนอนกัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/340RSFu
รวมข้อมูลโรงแรมในเมืองซัปโปโร สำหรับครอบครัวนอนหลายๆคน คลิ๊กดูที่พักค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลได้ที่เว็ปบล็อก : http://bit.ly/2Ey10Z0
แนะนำโรงแรมในเกาะฮอกไกโด แช่ออนเซ็น เห็นวิวสวยๆ คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก>> |
แนะนำโรงแรมในนาโกย่า ใกล้สถานีรถไฟ ราคาสุดประหยัด คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>> |
โรงแรมในเมืองฮาโกดาเตะ สุดน่ารัก แถมราคาถูกอีกด้วย คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลได้ที่เว็ปบล็อก : http://bit.ly/2EMob0W
แนะนำโรงแรมโตเกียวเปิดใหม่ปี 2108 สำหรับคู่รัก คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลได้ที่บล็อก : http://bit.ly/2L3Nivv
แบ่งปันทริปรีวิวเที่ยวเมืองเก่าซาลซ์บูร์ก 1 วัน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เปิดโลกกว้างเที่ยวเมืองเซลอัมซี (Zell am See) เมืองนี้ มีที่เที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเวียงจันทร์ 1 วัน ไป-กลับ ขยับเดินชมตามที่เที่ยวต่างๆ มีอะไรบ้าง>>> |
แบ่งปันวิธีการเดินทางไปเที่ยวชมสวนดอกไม้ Hamamatsu ไม่ยากเลยจ้า คลิ๊กดูการเดินทาง>> |
มาม๊ะ..แวะมาเที่ยวเมืองสุรินทร์ ชมถิ่นช้างใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวตอนที่ 18 แบกเป้ลุยเดี่ยวเมืองเวนิชครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2KQvnsh
รีวิวตอนที่ 17 แบกเป้ไปเที่ยวเมืองมิลาน มีอะไรให้ชมบ้างนะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2AWC1xk
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 16 ไปเดินลั๊ลลาไปชมน้ำตกไรน์-ซูริค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2MiG5cz
เที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะนั่งพักตากอากาศริมหาดที่เมืองนีซ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/dLDKAX
รีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคม เที่ยวเกาะกูด 4 วัน นอนชิวๆ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักยานไปชมดอกลาเวนเดอร์บานๆ อลังการเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แนะนำโรงแรมในซัปโปโร ห้องนอนคู่ดูโอ้ ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
รีวิวท่องเที่ยวสิงหาคม ชมวิวเที่ยวเมืองเก่าอยุธยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 ไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งดูวิวทะเลสาบคาวากูชิโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
10 ที่พักโอซาก้า ราคาถูกสุดๆ ใกล้สถานีรถไฟ JR คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 12 เดินชิลเมืองท่าเรือสุดแสนโรแมนติก ริมทะเล คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมไร่นาเมืองบิเอะ สวยเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 8 ชมศิลปะทุ่งนาข้าวผลิหลากสีสวยงาม คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 7 รีวิวการเดินทางไปหลังคาญี่ปุ่นด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>> |
0 ความคิดเห็น