Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

แบกเป้ไม่ลุยเดี่ยวเที่ยวเกาะกูด 4 วัน นอนสุขสันต์ริมชายหาด สวยสะอาดน้ำทะเลใส อาหารรสจี๊ดจ๊าดแสนถูกใจ งามวิไลเลิศสะแมนแตน

บล็อกรีวิวท่องเที่ยวสงท้ายปี เดือนธันวาคมนี้ กับรีวิวเที่ยวเกาะกูด 4 วัน 3 คืน สุดจะรืนรมย์ฤทัย เช่ารถมอเตอร์ไซต์ตะลอนไปทั่วเกาะ
สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผองชาวไทยที่น่ารักสดใสกันทุกๆคนนะค่ะ
กลับมาอีกครั้งสำหรับรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนธันวาคมนี้
เป็นรีวิวเที่ยวเดือนสุดท้ายของทริปปี 2017 นี้แล้วค่ะ เดือนนี้ไม่ใกล้ไม่ไกล
แวะมาไฉไลที่จังหวัดตราด ขอมาเดินซัดซาดริมชายหาดในเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ

สำหรับเนื้อบทความในเว็ปบล็อกวันนี้ เป็นบล็อกรีวิวท่องเที่ยวตอนที่ 2 แล้วจ้า
เพื่อไม่ให้งง..สามารถเข้าไปดูบทความรีวิวก่อนหน้านี้ได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/wwHCEV

ตามที่เกริ่นไปในบล็อกก่อนหน้านี้นะค่ะ ว่าทริปนี้ดิฉันมีโอกาสอันดีงาม
เพราะไม่ได้แบกเป้ลุยเดี่ยวเหมือนกับทริปเที่ยว 11 เดือนที่ผ่านมาแล้ว
เนื่องจากทริปนี้มีเพื่อนร่วมเดินทางมาด้วย 1 คน ทำให้การท่องเที่ยวประจำเดือนธันวาคมนี้
ก็เลยดี๊ด๊า ลั๊ลลาและเป็นใยบ้ามากกว่าเดิม และเพิ่มเติมคือความสุข สนุกครืนเครง บรรเลงจับใจ
เพราะมีเพื่อนมาเมาส์มอยกันตลอดการเดินทางจ้า

โดยเกาะกูดเป็นอีกหนึ่งในจุดหมายปลายทางของดิฉันที่ได้วาดฝันปั้นหมาย สะหยายผมโป่งมาเนิ่นนาน
ในที่สุดได้นิมิตรหมายอันดี ที่ได้จรลีหนีจากงานประจำ
เพราะเจ้านายใจไม่ดำ ย้ำให้ลางานไปพักร้อนบ้าง
ทริปนี้เลยมาเที่ยวเกาะกูด แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะสวาท หาดสวรรค์
งดงามดุจอำพัน ดั่งสวรรค์ชั้นฟ้ามาลาดิน เพราะความฟินอยู่ที่บรรยากาศ
และน้ำทะเลที่ใสฟรุ้งฟริ้งเป็นสีฟ้าคราม ตามด้วยสีเขียวมรกต จรดผืนทราย พร่างพรายดุจสายทิพย์

มาเที่ยวเกาะกูดครั้งนี้ ไม่ผิดหวังจริงๆ
เพราะอาหารทะเลก็สด รสชาติก็ดุเดือด กินแล้วเลือดซ่าน ร้าวรานถึงทรวงใน อร่อยไฉไลอย่างแท้จริง
ส่วนกิจกรรมท่องเที่ยวบนเกาะก็มีให้ทำครบทุกอรรถรส ไม่ว่าจะเป็น พายเรือ ดำน้ำ ดูปะการัง หรือจะไปนั่งดูทะเล เดินโซซัดโซเซ ไปเดินป่า ชมหน้าผา และน้ำตก ก็สวยสะทกสะท้านหวั่นไหวไม่แพ้กัน พร้อมที่พักอันแสนจะเงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจเลย ไม่มีเซ่เว่นอีเลฟเว่น มีแต่ร้านชำนั่งเล่นก็พอใจ ไม่มีมีผับบาร์เสียงดังให้รำคาญใจ
เรียกว่าเที่ยวในเกาะเดียว ก็สวยได้ไฉไล...เริ่ด...เชิ่ดเว่อร์จริงๆค๊า

มาม๊ะวันหยุดลาพักร้อนปีนี้ ไม่รู้จะจรลีหนีงาน ไปสุขสำราญที่ใหนดี
เดี๊ยนขอเชิญน้องพี่ มาเดินฉิมพลีกันที่เกาะกูดเอย

...เอ้าล่ะค่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลา หากพร่ำเพร้อพรรณาไปกว่านี้ เกรงจะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าหรือเป็นคนบ้าอยู่โรงพยาบาลศรีธัญญาไปเสียก่อนนะค่ะ เพราะตอนนี้ก็เป็นบ้าอยู่แล้วจ้า555

หลังจากที่เมื่อวานนี้ ดิฉันกับเพื่อนร่วมทางได้เดินทางจากกรุงเทพ ไปเดินย้ำเมืองเก่า นั่งคลอเคล้าความหลังที่คลองบางพระในเมืองตราด ก็นั่งเรือผงาดมาถึงเกาะกูดตอนบ่ายๆ พร้อมนอนพักที่โรงแรม อนาเลย์ รีสอร์ท ไป 1 คืนค่ะ
เช้าวันใหม่ในเกาะกูด วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการเดินทางแล้วค่ะ

เช้าวันใหม่ในเกาะกูด วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการเดินทางแล้วค่ะ
ดิฉันกับเพื่อนพากันตื่นแต่เช้าตรู่ รีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ เพื่อจะได้เช็คเอาท์ออกจากที่พักโรงแรม analay resort ค่ะ

Tip : แนะนำเพื่อนที่มาเที่ยวเกาะกูด อย่าลืมพกสิ่งนี้มาด้วยค่ะ ??

- แว่นกันแดด เพราะแสงสะท้อนลงผิวน้ำค่อนข้างแรงมาก ให้พกรุ่นที่ใส่แล้วตัวเองได้สวยที่สุดค่ะ
- โลชั่นกันแดด เอามาทาผิวจะได้กันทั้งแดด และทำให้ผิวนั้นเข้มดูดี
- หมวกใบสวยๆ ยิ่งหมวกงอบสานใบลานใหญ่เว่อร์วังอลังการได้ก็ยิ่งดี เอากันแดดได้ค่ะ
- ชุดว่ายน้ำสวยๆ หากจะลงว่ายน้ำ เพราะจะได้ถ่ายรูปคู่กับน้ำทะเลใสๆ แต่ถ้าไม่มี ให้เอาผ้าซิ่นมากระโจมอกแล้วพกถือกับขันใส่สบู่ มาถูเนื้อถูตัวก็ไม่ว่ากัน
- ยาสามัญประจำบ้านเอามาด้วย เผือเกิดเป็นลมเป็นแล้ง หรือเกิดทานอาหารได้รับพิษรุนแรง จะได้ทานยาบรรเทาไว้ก่อนค่ะ
- ขนมขบเคี้ยว จะพกมาทานด้วยก็ได้ เพราะอาหารบนเกาะนี้ ราคาค่อนข้างสูงทีเดียว และอีกอย่างบนเกาะนี้ไม่มี 7-11 นะค่ะ มีแต่ร้านขายของชำ
- พกแผ่นพับท่องเที่ยวเกาะกูดมาด้วย เพราะจะได้ไป Check in ได้ถูกว่าจะไปเที่ยวใหนบ้าง
- อย่าลืม power bank เอามาด้วยนะค่ะ เพราะเกิดกำลังถ่ายรูปอยู่ แบตโทรศัพท์หมดกลางทาง เดียวอารมณ์จะเสียเอาค่ะ

บรรยากาศในเช้าวันนี้อากาศแจ่มใสดีมากค่ะ
แดดแรงพอสมควร แดดอย่างนี้แหละที่จะทำให้สีผิวดำขึ้นมากกว่าเดิม
เพราะตอนนี้ก็ดำอยู่แล้วจ้า มาเที่ยวทะเลคราวนี้ มาเพื่อสิ่งนี้เลยค่ะ
เราเดินออกจากห้องพักมาทานอาหารเช้ากันก่อนค่ะ
อาหารเช้าที่ analay resort ก็เป็นอาหารบุปเฟ่ต์ค่ะ
มื้อเช้านี้ จัดไปเบาๆก่อนค่ะ เดียวตอนเที่ยงจัดหนักกว่านี้
อาหารเช้าที่ตักมา ก็ดูไม่ค่อยน่าทานเอาเสียเลยนะค่ะ
เดินตักมาทีเดียว เพราะขึ้เกี้ยจเดินหลายรอบ ก็เลยราดมาเป็นข้าวจานแมวซ่ะเลย

ทานแล้วรสชาติอร่อยสุด ก็คงจะเป็น ผัดม่าม่าค่ะ นอกนั้นธรรมดา
หลังจากที่ได้ทานข้าวเช้าแค่พออิ่มไปแล้วนะค่ะ
ดิฉันกับเพื่อนก็ทำการเช็คเอาท์ ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนจะกลับมาเอา
จากนั้นก็เดินเนินนาว มาเร้าอารมณ์ริมทะเลยามเช้าค่ะ
ถึงแม้ห้องพักที่อะนาเลยจะเก่า แต่ทะเลที่รีสอรทแห่งก็สวยมากๆ เพราะน้ำทะเลใสกิ้ง
น่าลงไปเล่นจริงๆค่ะ
โดยเฉพาะทางเดินสะพานไม้ที่ยื่นไปยังมหาสมุทรสุดแค้นรักแห่งนี้
ก็งดงามกิ๊บเก๋ดูดีทีเดียว เรียกว่าหากใครมาเที่ยวเกาะกูดไม่ได้ถ่ายรูป
กับทางเดินสะพานไม้ ถือว่ามาไม่ถึงเกาะกูดเลยจ้า
อยากให้ดูเลยค่ะ ว่าน้ำใสแค่ใหน ใสกิ้งจนอยากจะกระโดดลงไปเล่นเลยค่ะ
อยากให้ดูเลยค่ะ ว่าน้ำใสแค่ใหน ใสกิ้งจนอยากจะกระโดดลงไปเล่นเลยค่ะ
ถ้าไม่ติดเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมนะ เดี๊ยนจะกระโจมอกใส่ผ้าถุง กระโดนไปคลุมโป่งเล่นสบายใจเฉิบล่ะ

คือมองไปทางใหนก็สวยงาม มีเสียงคลื่นซัดซาด กระชากถึงหู
มองดูทะเลก็น้ำใสราวกระจก ส่วนท้องฟ้าก็สดแจ่มใส งามวิไลเริ่ดเว่อร์จริงๆ
เราเดินมายังสะพานไม้เพื่อมากินบรรยากาศ ก็พบพ่อลูกหน้ารัก
กำลังทำกิจกรรมให้อาหารปลาอยู่ค่ะ
น้ำทะเลใสมากๆค่ะ มองเห็นหมู่มัจฉา ปลาตัวเล็กตัวน้อยออมาแหวกว่ายน้ำ
กำลังแย่งกันกินอาหารที่เจ้าหนูน้อยโยนให้กินอยู่กระมัง

 เราเดินมาตามทางไม้เลาะเลียบฝั่งริมชายทะเลของรีสอร์ทต่อค่ะ
ทะเลแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นโขดหินซ่ะมากกว่า
แต่ก็งามสวยงามลั๊ลลาไม่น้อยค่ะ
Koh kood sea rock and clearing beach
 มองเดินมาอีกฝั่งก็ยับยั้งช่างใจไม่ค่อยอยู่
เพราะมีเรือยนต์พ่นไอน้ำ ก็กำลังขับแล่นพานักท่องเที่ยวไปที่ใหนสักแห่ง
แผนที่ท่องเที่ยวในเกาะกูด (Map of Koh Kood)
ก่อนจะเข้าสู่รีวิวภาพนะค่ะ เรามารู้จักเกาะกูดกันดีกว่าค่ะ 
ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเกาะกูด ??? 

สำหรับเกาะกูดเป็นเกาะที่อยู่ท้ายสุดทางทิศตะวันออกของประเทศไทยในน่านน้ำทะเลตราด และมีความใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเกาะช้างในจังหวัดตราด หรือเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ4 ของประเทศ ระยะทางห่างจากตัวเมืองตราด 80 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 105 ตารางกิโลเมตร โดยมีความยาวของเกาะ 25 กิโลเมตร และขนาดความกว้าง 12 กิโลเมตร
ลักษณะโดยทั่วไปของเกาะ ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ โดยมีภูเขาและที่ราบสันเขาซึ่งเป็นต้นกำเนิดลำธาร สายน้ำ ทำให้เกาะกูดมีน้ำตกหลายแห่ง ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ ตั้งแต่อ่าวตาติ้น หาดคลองยายกี่ แหลมหินดำ หาดคลองเจ้า หาดงามโข่ แหลมบางเบ้า หาดอ่าวพร้าว ไปจนสุดปลายแหลมเทียน

และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางฝั่งตะวันออกที่น่าสนใจ ได้แก่ อ่าวสัปปะรด แหลมศาลา อ่าวยายเกิด ล้วนแต่เป็นหาดที่มีความสวยงามและน้ำทะเลใส มีธรรมชาติสงบเงียบ รื่นร่มด้วยทิวมะพร้าวริมหาด นอกจากนี้บนเกาะกูดยังมีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ แนวปะการังนานาชนิดและปลาทะเลสีสันสวยงาม ในบริเวณทะเลด้านในของตัวเกาะรวมทั้งเกาะแรดและเกาะไม้ซี้ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเกาะกูด

ชนพื้นถิ่นดั้งเดิมของเกาะกูดส่วนใหญ่เป็นคนไทยและคนคนเขมรในเกาะกงที่อพยพเข้ามาเมื่อเมืองปัจจันตคีรีเขตตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสเมื่อปี 2447 หมู่บ้านคลองมาดเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุด ปัจจุบันชาวเกาะยังดำรงชีพด้วยเกษตรกรรม ทั้งทำสวนยางพารา สวนมะพร้าว สวนผลไม้เพียงเล็กน้อยและทำประมงชายฝั่ง บนเกาะมีสถานที่พักตากอากาศสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
Motorbike for rent at Koh kood 200 baht per day
หลังจากได้เดินชมทะเลสวยที่รีสอร์ทแล้วนะค่ะ
เราก็เดินออกจากที่พักมาที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ซึ่งอยู่ใกล้กับที่พัก

เนื่องจากเกาะกูดเป็นเกาะขนาดเล็ก ไม่มีรถสองแถวให้บริการเหมือนแหล่งท่องเที่ยวใหญ่
ดังนั้นการเดินทางคมนาคมที่สะดวกที่สุดบนเกาะนี้ก็คือ การเช่ามอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวรอบเกาะกูดจะสะดวกที่สุดค่ะ

ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์เริ่มต้นที่วันละ 200 บาทค่ะ หากเป็นมอเตอร์ให้เช่าตามโรงแรมก็น่าจะตกวันละ 300 บาทค่ะ อันนี้ทางเราเลือกร้านเช่าใกล้ๆกับที่พัก ราคาก็เลยถูกกว่าอยู่ในโรงแรมค่ะ

ดิฉันกับเพื่อนเช่าคนละคัน ค่าเช่าวันละ 200 บาท มัดจำรถ 1000 บาท
โดยทางเราจะยึดบัตร ปปช หรือใบขับขี่เราไว้ด้วยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าหากเช่าที่โรงแรม
ก็คงไม่ได้ยึดบัตร หรือมัดจำมากนักนะค่ะ
เพราะก็ขับอยู่บนเกาะ คงไม่สามารถขโมยรถออกนอกเกาะได้ค่ะ

 ได้มอเตอร์ไซต์มาแล้วค่ะ เป็นรถมอเตอร์ไซต์แบบออโต้
รู้สึกขับไม่ค่อยถนัด เพราะถนัดแบบรุ่นเก่า แบบเอาขาเตาะเกียร์มากกว่านะค่ะ
ดูทรงๆรถมอเตอร์ไซต์ค่อนข้างจะเก่าน่าดู
แต่ลองขับดูแล้วก็แรงใช้ได้
ได้รถมอเตอร์ไซต์มาแล้วก็ได้เวลาไปลุย...Let's go

ส่วนสภาพถนนก็เป็นทางแบบคอนกรีต ทางขึ้นเขาค่อนข้างลาดชัดบางจุด ต้องระมัดระวังค่ะ 

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่เราขับมอเตอร์ไซต์แวะมาเยือน
ก็คืออ่าวพร้าวค่ะ อีกหนึ่งชายหาดที่สวยงามที่สุด จนต้องหยุดเวลาเอาไว้ที่หาดแห่งนี้ค่ะ
การเดินทางไม่ใกล้ไม่ไกลและไม่ต้องกลัวหลงนะค่ะ
เพราะถนนแห่งนี้ ก็มีอยู่เส้นเดียวค่ะ ถ้าเลี้ยวไปก็เข้าป่าละเมาะ
เราขับรถมอเตอร์ไซต์มาตามป้ายบอกทางมาเรื่อยก็ถึงแล้วค่ะ อ่าวพร้าว
มีต้นมะพร้าว สูงสกาวเรียงราย สะยายตัวอยู่ริมหาดค่ะ
บรรยากาศโดยรอบชายหาดอ่าวพร้าว
ช่างสวยสกาวน่าพักจริงๆค่ะ ตอนแรกพวกเรากะว่าอยากจะมาพักที่ชายหาดนี้ค่ะ
แต่ด้วยที่พักถูกจองเต็มหมดแล้ว ก็เลยต้องไปพักแถวอื่นแทน
สำหรับชายหาดอ่าวพร้าวตั้งอยู่ใกล้แหลมเทียนทางทิศใต้ของเกาะกูด
มีชายหาดทางด้านทิศตะวันตกของเกาะกูด หาดทรายขาว น้ำทะเลใส และเรียงรายไปด้วยต้นมะพร้าวและเป็นชายหาดที่ยาวที่สุดของเกาะกูดอีกด้วยค่ะ

โดยความพิเศษของชายหาดแห่งนี้คงเป็นความเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านและไม่วุ่นวาย เนื่องจากเป็นชายหาดอยู่ทางด้านใต้สุด นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวจีนไม่ค่อยนิยมมากันมากนัก
โรงแรมที่พักมีค่อนข้างน้อย ทำให้หาดแห่งนี้เหมาะสำหรับพักผ่อนอย่างแท้จริง
หาดอ่าวพร้าว (Phra Bay Beach) เกาะกูด

สะพานไม้และน้ำทะเลที่ใสเป็นสีฟ้าอ่อนแห่งนี้ ทำให้เราอยากจะกระโดดลงไปจริงค่ะ
ต่างจากน้ำทะเลเมื่อเช้าที่อะนาเลยซึ่งน้ำทะเลเป็นสีเขียวมรกต
แต่น้ำทะเลที่หาดอ่าวพร้าว ค่อนข้างจะหมดจดกว่า เพราะใสวิ้ง ฟรุ้งฟริ้งน่าลงไปเล่นมาก
หาดอ่าวพร้าว (Phrao Bay Beach) อีกหนึ่งชายหาดสวย รวยด้วยมนต์เสน่ห์และความเงียบสงบ
แดดตอนเช้าๆยังไม่แรงมากนัก
ทำให้เหมาะกับการเดินย่องๆ มองท้องฟ้าและทะเล
เดินไปก็เห็นฝรั่งมังค่า ออกมาลั๊นลาริมชายหาดกับชุดว่ายน้ำสีสันสดใส
เห็นแล้วก็อิจฉา อยากได้หุ่นเหิ่นแบบนี้บ้างจัง
หาดอ่าวพร้าว (Phrao Bay Beach) ชายหาดสวยๆ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับนอนพักผ่อนในลาพักร้อน

น้ำทะเลใสจริงๆค่ะ
ใสแบบมองเห็นก้นบึ้งของพื้นทรายด้านล่าง
งามสะพร่างดั่งสายน้ำทิพย์
หากใครที่รักทะเล ยังไม่เคยมาเยือนเกาะนี้
แนะนำให้มานอนอาบแดด เดินถ่ายรูปสวยๆ กับวิวชายหาดที่เกาะนี้สักครั้งนะค่ะ
รับรองว่าสวยปัง อลังถึงใจอย่างแน่นอนค่ะ
อีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมสำหรับครอบครัวชาวต่างชาติที่แวะมาพักผ่อนที่หาดแห่งนี้ คือการได้แช่น้ำทะเลใส กับพายเรือคายัค
เกาะกูด เกาะสวยน้ำทะเลใส พักผ่อนในวันธรรมดา ลาพักร้อนมานอนได้สบายๆ
เรือลอยเคว้งอยู่ริมชายหาด
คลืนก็ซัดซาดขึ้นเข้าฝั่ง อากาศก็แสนจะดีจัง วิวสวยปังสุดๆเลย
เกาะกูด หาดอ่าวพร้าว (Phrao Bay Beach)
ดูน้ำทะเลสิค่ะ ใสกิ้ง ฟรุ้งฟริ้งไปถึงทรายที่อยู่ด้านล่าง
งามสะพร่างยิ่งนัก
หากใครที่รักทะเลใสๆ ต้องแวะมาเที่ยวเกาะกูดไวๆนะ
เกาะกูด หาดอ่าวพร้าว (Phrao Bay Beach)
มองไปไกลๆก็เห็นผู้ใหญ่วัยกลางคน
กำลังพายเรือคายัคท่ามกลางทะเลที่แสนจะเงียบสงบ สยบความครืนเครง
ส่วนไกลไปอีกลิ่บๆ ของเห็นเรือลำกระจิ๊บ อยู่กลางท้องทะเล
น่าจะหันเหไปใหนสักแห่ง
มองไปอีกด้านก็เห็นเรืออีกลำ กำลังเริงระบำอยู่กลางทะเล
ดูแล้วว้าเหว่หัวใจยิ่งนักเอย
หาดอ่าวพร้าว (Phrao Bay Beach)
หาดอ่าวพร้าว (Phrao Bay Beach)
พวกเราเดินลัดเลาะเลียบชายหาดอ่าวพร้าวมาเกือบสุดปลายทาง
ก็มานั่งพักตรงต้นโกงกางต้นนี้
วิวสวยดีไม่น้อยค่ะ เพราะน้ำทะเลก็ยังใสสด
มองจรดไปสุดอ่าวก็ยังพราวไปด้วยสีฟ้าคราม

 น้ำทะเลใสฟรุ้งฟริ้ง ยิ่งกว่ากระจกคันฉ่องส่องใบหน้า
สวยระย้าไปด้วยเม็ดทรายที่ขาวราวดุจผงแป้ง
หากใครที่ได้แวะมาคงต้อง นอนตะแคงไม่ยอมตื่นอย่างแน่นอน
เราเดินเลียบชายหาดกลับมา
ก็เห็นหนูน้อยตาน้ำข้าว
กำลังจะลากเรือคายักไปพายตึ๊กตั๊กในทะเล
เด็กน้อยตัวเล็กแต่แรงเยอะน่าดู
ลากเรือคายัคลำเบ้อเริ่มเทิ่มเอาลงทะเล
 ส่วนริมหาดทรายก็เห็นเด็กน้อยกลอยใจ
กำลังใฉไลอยู่กับการขึ้นชิงช้า
เพราะหมุนติ้วๆไปๆมา
ไม่รู้จะได้ขึ้นชิงช้าตอนใหนเอย
หนูน้อยนั่งไกวชิงช้า
ลั๊ลลาริมชายหาด
สวยสะอาดน้ำทะเลใส
งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนจ้า
คุณลุงพายเรือยังไม่ไปใหนเลยค่ะ
พายไปพายมาอยู่ที่อ่าวพร้าวเนี่ยแหละ
สงสัยจะหาทางขึ้นฝั่งไม่ได้กระมัง
แสงแดดจากพระอาทิตย์
เริ่มจะสถิตฉ่อง ส่องผิวน้ำ
เคลื่อนไหวไปตามคลื่นทะเล
งดงามโอละเห่ไม่เบา
หาดอ่าวพร้าว (Phrao Bay Beach)
เดินไป เดินมาก็ได้เวลาร่ำลาหาดนี้แล้ว
คงไม่แคล้วได้พบกันใหม่
เพราะทะเลสีสวย สะอาดสดใส
งามวิไลยิ่งนักเอย
หลังจากที่เราได้ไปเดินสัมผัสน้ำทะเลใสสีฟ้าครามที่หาดอ่าวพร้าวแล้วนะค่ะ
ดิฉันกับเพื่อนก็ขับมอเตอร์ไซต์แว๊นไปยังสถานที่ท่องเที่ยวถัดไปค่ะ

ระหว่างขับรถมอเตอร์ไซต์ก็แสนจะชิวเว่อร์มาก
เพราะไม่ค่อยมีรถราวิ่งมากนัก อาจจะเป็นเพราะเรามาเที่ยววันธรรมดาด้วยกระมัง
โดยแหล่งท่องเที่ยวถัดไปที่เราแวะก็คือชุมชนประมงอ่าวใหญ่
ระหว่างก็แวะนั่งพักศาลาริมทาง เพื่อถ่ายรูปวิวทิวทัศน์อ่าวแห่งนี้ค่ะ
ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับอ่าวใหญ่

เป็นชุมชนอยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะกูด บริเวณนี้เป็นแหล่งขนส่งและจำหน่ายสินค้าทางการประมง อาทิ กุ้ง หอยปูปลา และของฝากจากทะเล เช่น กุ้งแห้ง ปลาเค็ม ปลาหมึกแห้ง และเป็นแหล่งผลิตน้ำปลาชั้นดีที่มาจากปลาหัวอ่อนแท้ และยังเป็นที่ตั้งของศาลหลวงพ่อดำ อันที่เคารพบูชาของชาวประมงและชาวบ้านบนเกาะกูกอีกด้วย
ถึงแล้วค่ะ บ้านอ่าวใหญ่
หมู่บ้านชุมชนชาวประมง ที่ยังคงวิถีชีวิตเดิมๆ แต่เพิ่มเติมคือความสุข
หากแวะมาที่หมู่บ้านนี้ต้องไม่พลาด ทานอาหารทะเลค่ะ 
เราขับรถแวะเดินที่สะพานปลา
บรรยากาศเงียบสงบ ลมทะเลก็พัดเย็นดีเหลือเกิน
น้ำทะเลก็สีเขียวใสสด
งดงามมากๆค่ะ
เรือประมงอัปปางอยู่ริมสะพาน
ท่ามกลางน้ำใส คงเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าปลาไปแล้วกระมัง
ใกล้ๆกับสะพานปลา
ก็มีทางไปศาลกรมหลวงชุมพร
หรือศาลเสด็จเตี่ยค่ะ
ใหนๆแวะทั้งที เราเลยไม่รอรีแวะเดินเข้าไป
 ระยะทางเดินเข้ามาไม่ไกลมากนัก
เดินลัดเลาะเลียบฝั่งมาแป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ
มาถึงก็จุดธูป จุดเทียน กราบสักการะ เสด็จเตี่ย
เพื่อความเป็นสิริมงคล
ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่ชุมชนบ้านอ่าวใหญ่
หากท่านใดที่แวะมา ก็อย่าลืมแวะมากราบสักการะกันค่ะ
หลังจากที่ได้ไหว้เสด็จเตี่ยแล้วนะค่ะ
เราก็เดินมาที่ชุมชนอ่าวใหญ่ค่ะ
เพื่อชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี้ค่ะ
แต่บรรยากาศในช่วงใกล้ๆเที่ยงวันนี้
ก็ยังไม่เห็นชาวบ้านมากนักค่ะ
 เดินตามทางเดินมาก็เห็นจะพบเด็กหญิงตัวน้อย
กำลังอ้อยสร้อยนั่งตกปลาอยู่ค่ะ
น้องก็น่ารัก หันหน้ามาทักทายรับซีนในกล้องด้วยค่ะ
ไม่นานนักก็ได้ปลามาอีก 1 ตัวล่ะ
ดิฉันกับเพื่อนยืนดูอยู่แค่แป๊บเดียว
น้องก็ตกปลาได้มาแล้วค่ะ ดูปลาสิหลายตัวเลยค่ะ
ถ้านั่งตกไปถึงเย็น คงจะได้ปลาไปเป็นถังๆเลยกระมัง

เรียกว่าไม่ต้องไปซื้อปลากินที่ใหนเลย
มาตกเอาที่นี้ก็ได้ปลาไปกินที่บ้านแล้ว
หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา มานั่งตกปลากิน อิ่มอร่อยเริ่ดเว่อร์
แวะมาทานมื้อเที่ยง ที่ร้านอาหารนุชชี่ ซีฟู้ด อ่าวใหญ่
เดินเที่ยวชิวๆ
แป็บเดียวก็เที่ยงแล้วค่ะ
เราเดินมาหยุดสต๊อปที่ร้านขายอาหารทะเลในชุมชนอ่าวใหญ่ค่ะ
กะว่ามื้อนี้ฝากท้องไว้ที่ร้านนี้แล้วกันค่ะ
ปูและกั้งอยู่ในถังอ๊อกซีเจน
เพราะอาหารทะเลที่นี้สดๆ
ขนมาจากทะเลเลย ดูน่าทานมากค่ะ
ดูสิค่ะปูตัวเป็นๆ นั่งเล่นอยู่ในน้ำ
รอคนมาสั่งเอาไปทานอยู่นะ
 หลังจากที่ได้ดูเมนูอาหารแล้ว
ก็เลยเข้ามานั่งทานอาหารด้านในร้านดีกว่าค่ะ
มื้อนี้เราฝากไว้ท้องไว้ที่ร้านอาหาร นุชชี่ ซีฟู้ด
มาลองทานดูสิว่า อาหารจะอร่อยเริ่ดแค่ใหนค่ะ
ร้านอาหารอร่อยบนเกาะกูดมื้อเที่ยงนี้ เราแวะที่ร้านอาหารนุชชี่ ซีฟู้ด
สำหรับอาหารทะเลมื้อแรกแบบอลังๆ ที่เกาะกูดของเราในมื้อเที่ยงนี้
สั่งกั้งนึง+น้ำจิ้มซีฟู้ด
และปลาต้มส้มทะเลตัวใหญ่
สั่งมาทาน 2 อย่างค่ะ
เพราะถ้าสั่งเพิ่มเดียวจะทานไม่หมด
กั้งนึงตัวใหญ๊ๆ ในจานมีประมาณ 6 ตัวค่ะ
เห็นแล้วน้ำลายใหล อยากจะเฉาะเนื้อมาแทะกิน
ให้โดนลิ้นกลืนลงคอ รสชาติน่าจะอร่อยไม่น้อย
 ส่วนต้มส้มปลาทะเลอันนี้ ดูเมนูแบบบ้านๆ
แต่รสชาติร้าวรานไม่น้อย เพราะต้มใส่ใบกระเพรา
ซดทานแล้วชุ่มคอ ผสมความเผ็ด เด็ดไปด้วยความร้อนทีเดียว
รสชาติอาหารที่ร้านอร่อยบนเกาะกูดแห่งนี้ แวะทานที่ร้านนุชชี่
เราให้ผ่านค่ะ เพราะอาหารทะเลสด รสชาติอร่อยถูกปาก ส่วนของฝากก็ถูกใจ
รับไปเลย 5 ล้านดาวค๊า


สรุปค่าเสียหายมื้อเที่ยงนี้
อาหาร 2 อย่าง ข้าว 2 จาน น้ำ 1 ขวด
รวมทั้งหมด 480 บาทค่ะ
อร่อยอิ่มแปล้ไปเลย
หลังจากที่ได้ทานอาหารอิ่มแล้วนะค่ะ
เราก็เดินออกกำลังย่อยอาหารกันต่อค่ะ
โดยการเลาะเดินชมในชุมชนนี้ต่อค่ะ
 กุ้งทะเลกำลังถูกแปรรูปเป็นกุ้งตาก
ส่งกลิ่นฉุนโชยเตะจมูก
หากใครที่ไม่เคยได้กลิ่นกุ้งตาก อาจจะยังไม่ชิน
เพราะกลิ่นเหม็นคาว แต่ถ้าหากได้ลิ้มลองรสชาติสักคราว
รับรองรองว่าหนาวอร่อยถึงใจ
เดินผ่านมาเจอน้องหมา 2-3 กำลังอยู่นอนอยู่ในบ้านกลางน้ำ
ไม่รู้ว่าน้องหมาจะเดินออกมาทานอาหารได้ยัง เดี๊ยนละสงสัยจัง
 หลังจากที่ได้แวะทานอาหารที่ชุมชนอ่าวใหญ่แล้วนะค่ะ
เราก็สตาร์ทรถมอเตอร์ขับไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่อไปค่ะ
ระหว่างทางขับรถก็ต้องระวัง เพราะเส้นทางเขาค่อนข้างลาดชันค่ะ
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวต่อไปที่เราแวะไปชมในช่วงบ่ายวันนี้ นั้นก็คือ เขาเรือรบค่ะ
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครแวะมาเกาะกูด
ต้องแวะมาชมความแปลกของประติมากรรมจากธรรมชาติที่สรรสร้างออกมาเป็นรูปเรือ
โดยการเดินทางมาเที่ยวชมเขาเรือรบก็ ขับมอเตอร์ไซต์มาได้ไม่ยาก
เพราะมีป้ายบอกทางตลอดค่ะ

เราจอดรถมอเตอร์ไซต์ไว้ที่ปากทางจากนั้นก็เดินเข้าไปชมด้านใน
โดยระยะทางจากที่จอดรถมอเตอร์ไซต์ เดินเข้าไปก็ไม่ไกลนักค่ะ
เดินมาแป๊บเดียวจากที่จอดรถเดินมา น่าจะประมาณ 50 เมตรได้ค่ะ
ก็ถึงแล้วค่ะ เขาเรือรบ เป็นรูปคล้ายกับเรือจริงๆค่ะ

ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเขาเรือรบ
เขาเรือรบเป็นประติมากรรมธรรมชาติที่เกิดขึ้นผ่านช่างเวลาหลายพันปี
มีลักษณะคล้ายเรือรบ 3 ลำ จอดเรียงกันตระหง่านบนหน้าผา
ปัจจุบันได้ประดิษฐานเสด็จเตี่ยและท่านปูสุขไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เดินขึ้นมาเดินบนเป็นที่ประดิษฐานเสด็จเตี่ย
เพื่อให้คนที่มาเที่ยว ได้กราบสักการะกันค่ะ
เมื่อเช้าเราเองก็พึ่งไหว้ไปแล้วค่ะ มาที่นี้ก็ได้ไหว้อีกครั้ง
 และหลังจากที่ได้ชมเขาเรือรบแล้วนะค่ะ
 เราก็ขับมอเตอร์ไซต์แว๊นๆลงตามเส้นทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวถัดไปนั้นก็คือ
น้ำตกคลองเจ้าค่ะ
โดยระยะทางจากเขาเรือรบมาน้ำตกคลองเจ้าอยู่ไม่ไกลมากนักค่ะ
ถึงแล้วค่ะ น้ำตกคลองเจ้า น้ำตกสวยในเกาะอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร
เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวเช็คอินน์ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
ต่างต้องแวะเวียนมาสัมผัสสายน้ำแห่งนี้กันค่ะ 
ถึงแม้ว่าจะเลยฤดูฝนไปแล้วนะค่ะ
แต่น้ำตกแห่งนี้ก็ยังมีสายน้ำลดหลั่นให้พบเห็นเป็นบุญตาค่ะ
แม้น้ำจะไม่ได้แรงมาก แต่ก็สวยงามไม่น้อยทีเดียว
เราเดินลัดเลาะหาที่นั่งพักค่ะ
ดิฉันเองก็อุตสาห์หอบขาตั้งกล้องมาด้วย
แต่คงไม่ได้ใช้แล้วค่ะ เพราะดูเกะกะเหลือเกิน
ก็เลยถ่ายกับมือนี้แหลค่ะ หรือไม่ก็วางไว้กับก้อนหินเอา
 นักท่องเที่ยวหลายคนกำลังสนุกสนานอยู่กับการเล่นน้ำ
เห็นแล้วก็อยากลงไปเล่นด้วยนะค่ะ
เพราะท่าทางน่าจะสนุกไม่น้อย
บ้างก็กระโดดจากหน้าผาหิน บ้างก็กระโดนจากต้นไม้
เห็นคุณพี่สองคนนี้ กำลังเตรียมตัวจะกระโดนเล่นน้ำ
 เดี๊ยนกดชัตเตอร์กล้องแทบไม่ทันค่ะว่ากระโดดไปตอนใหน
หายไป 1 คน เมื่อกี้ยังเห็นสองคนอยู่เลยนะค่ะ

สาระน่ารู้เกี่ยวกับน้ำตกคลองเจ้า

เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีทั้งหมด 3 ชั้น โดยชั้นบนมีลักษณะเป็นลำธาร ส่วนชั้นล่างเป็นลำธารจากน้ำตกขนาดใหญ่เป็นแอ่งกว้าง ซึ่งเหมาะแก่การเล่นน้ำอย่างมาก น้ำตกแห่งนี้ถือว่าเป็นน้ำตกประวัติศาสตร์คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยประพาสเมื่อ พ.ศ. 2454 ทรงพระราชทานนามว่า "้น้ำตกอนัมกั๊ก" เพื่อเป็นที่ระลึกถึงองค์เชียงสือ กษัตริย์ญวนที่เคยเข้ามาลี้ภัยจากการจราจลในสมัยรัชกาลที่ 1
คืนที่ 2 และคืนที่ 3 นี้พักค้างที่โรงแรมเกาะกูด พาราไดซ์ บีช รีสอร์ท (Koh kood paradise beach resort)
 และหลังจากที่เราได้สัมผัสความชุ่มฉ่ำของสายน้ำตกคลองเจ้าแล้วนะค่ะ
เราก็ขับมอเตอร์ไซต์กลับไปยังที่ Analay resort เพือไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ จากนั้นก็ขับรถมาเช็คอินน์ ที่โรงแรมเกาะกูด พาราไดซ์ รีสอร์ท (Koh kood paradise beach resort) เพื่อนอนพักค้างที่โรงแรมนี้อีก 2 คืน รวมทั้งหมดพักที่เกาะกูด 3 คืนค่ะ

โดยราคาที่พักแห่งนี้ เราพักห้อง Superior ตกคืนละ 2,560 บาท ราคาค่อนข้างสูงพอสมควร
เนื่องจากเป็นราคาช่วง High season พัก 2 คืนก็ 5,120 บาทค่ะ

เป็นโรงแรมที่พักที่เดี๊ยนพักแพงที่สุดแล้ว ตั้งแต่ทริปที่ได้ไปเที่ยวพัก
ปกติก็จะพักแนวโฮสเทล หรือไม่ก็เกสต์เฮ้าส์ ห้องธรรมดา
แต่ทริปนี้จัดพิเศษสุด ส่งท้ายปี จากนี้คงอีกนานล่ะ กว่าจะได้พักโรงแรมแพงๆนะ
 เดินทามาเช็คอินน์ที่ล็อบบี้ หน้าโรงแรมเกาะกูดพาราไดซ์ รีสอร์ท
 บรรยากาศโดยรวมถือว่าตกแต่งสวยงามดี
ล็อบบี้โอ่โถ่งใหญ่โตสมราคาที่จ่ายไปค่ะ 
มีที่นั่งพักรอเช็คอินน์
ส่วนเดินใกล้ๆที่เป็นอาคารเรือนไทยนั้นก็เป็นห้องฟิสเนสค่ะ
เดียวต้องเดินมาออกกำลังกายที่นี้ค่ะ
ระหว่างรอเช็คอินน์ ก็ไปเดินดูสระว่ายน้ำซึ่งอยู่ติดทะเลค่ะ
สระว่ายน้ำสีส้มแป๊ดเชียว
ถ้าเป็นสีฟ้าคงจะดีไม่น้อย เพราะดูสบายตากว่าค่ะ
 สระว่ายน้ำและร่มผ้าใบสีส้มสดใส
มองไปก็ร้อนแรงตาเหลือเกิน
แต่บรรยากาศโดยรอบก็ลมพักเย็นสบายดีนะค่ะ
 หลังจากที่ได้ทำการเช็คอินน์ และได้กุญแจมาเรียบร้อยแล้ว
พนักงานก็พาเรามายังที่พัก ซึ่งอยู่อีกอาคารค่ะ
โดยอยู่ถัดมาจากด้านหน้าล๊อบบี้อีกทีค่ะ
 อาคารหลังนี้ น่าจะเป็นห้องจัดเลี้ยง
หรือเอาไว้ประชุมสัมมนากระมัง ดิฉันเองก็ลืมถามเจ้าหน้าที่ไปค่ะ
อาคารที่พักสำหรับคืนนี้
ส่วนติดทะเลจะเป็นที่พักแบบวิลล่าเป็นหลังๆ ราคาแพงขึ้นไปอีกค่ะ
 ทางเดินเข้าห้องพักก็ยังดูใหม่เอี่ยม
สะอาดสะอ้านดีค่ะ บรรยากาศเงียบสงบ
 ห้องพักสำหรับพักคืนนี้ค่ะ
ถือว่าโอเคนะ ห้องพักไม่แคบจนเกินไป
เป็นห้อง Superior Twin bed room นอน 2 คนค่ะ
มีระเบียงหน้าห้องพักให้ด้วย มองเห็นวิวทะเลบางส่วนและ
เห็นวิลล่าเป็นหลังๆ ซึ่งจะอยู่ใกล้ทะเลกว่า
และเห็นรถแบ็คโฮกำลังปรับปรุงพื้นที่ น่าจะมีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นอีก
ส่วนอาคารที่ดิฉันพักอยู่ลึกมาด้านในนี้ ก็ถือว่าโอเคนะค่ะ

แต่สภาพแวดล้อม ต้นม้งต้นไม้ การจัดสวนหย่อมยังไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก น่าจะมีไม้ประดับหรือไม้ดอกเยอะกว่านี้จะดีมากค่ะ 
 มาดูกันสิว่าในห้องมีอะไรให้บ้าง
 ในห้องก็มีทีวี โต๊ะสำหรับวางของ กระจก ถังขยะ
 มีที่นั่งติดริมหน้าต่าง
 มีตู้เย็นขนาดเล็ก มีกาต้นน้ำร้อน
มีชากาแฟ เครื่องดื่มในห้องพัก
 มีเสื้อคลุมอาบน้ำ ไดร์เป่าผม และตูเซฟนิรภัยให้
ถือว่าโอเคนะค่ะ
ห้องน้ำในตัว เป็นแบบกระจกกั้น ด้านในสะอาดสะอ้านดี
มีสบู่เหลวและแชมพูให้ครบ
นอกจากนี้ยังมี หมวกคลุมผม มีคอตต้อนบัด
สภาพโดยรวมภายในห้องพักถือดีสะอาดสะอ้าน เตียงนอนก็นิ่มกำลังดีค่ะ
ไม่แข็งหรือนิ่มจนเกินไป
 มุมอ่างล้างหน้า แปรงฟัน
มีแก้วน้ำ สบู่เหลวล้างมือ
หมวกคลุมผมอาบน้ำ คอตต้อนบัดให้
ที่พักแบบบ้านพัก บังกะโลเป็นหลังๆ
ราคาก็จะสูงกว่าห้องที่เราพักกันอยู่ค่ะ
และหลังจากที่ได้ทำการเช็คอินน์ที่พักและรีวิวห้องพักในโรงแรมเกาะกูด พาราไดซ์ รีสอร์ท(koh kood paradise beach resort) ไปแล้วนะค่ะ

ดิฉันกับเพื่อนก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์
แว๊นๆออกจากที่พักมานั่งชิลๆรับวิวลมทะเลต่อค่ะ ที่ร้านอาหาร Good View Resort Coffee
ร้าน Coffee Shop สไตล์บ้านๆ แต่วิวสวยหลักล้าน บรรยากาศดี
เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อน ดื่มน้ำชา รับลมเย็นๆ และวิวทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลอลังการล้านแปดค่ะ
นั่งดื่มโก้โก้เย็นๆ ทานขนมเค้กเล่นๆ รับวิวทะเลและลมเย็นๆที่ Good View Resort and Coffee
มีร่มกางกันแดดไว้ด้วย แต่ช่วงแดดแก่ๆยามนี้
คงจะกันไม่ได้แล้วค่ะ
อาหารว่างช่วงบ่ายนี้
มาเติมพลังเพิ่มไขมันในเส้นเลือด
ด้วยการทานขนมเค้กมะพร้าว คู่โก้โก้เย็นๆ
นั่งเล่นๆชมวิวทะเล เม้ามอยกับเพื่อนไปเรื่อยเปื่อยค่ะ
มองจากวิวด้านบนก็เห็นคู่เลิฟกำลังพากันเสริฟความรัก
ด้วยการพายเรือคายัค ลอยละล่องอยู่กลางทะเล
ดูสวยงามโอ้ละเห่เลชา ช่ะช่ะช่าหัวใจไม่เบาค่ะ
ถือเป็นการมาจัดทริปฮันนีมูน
เพิ่มพูนความสุข สนุกครืนเครง บรรเลงจับใจได้ดีทีเดียว
เพราะเกาะกูดมีที่เที่ยวครบทุกรสชาติ 
หลังจากเราได้แวะนั่งดื่มชิลๆ
รับวิวลมทะเลที่ร้านคาเฟ่ ค๊อฟฟี่ช๊อปแล้วนะค่ะ
ก็เดินมารับแสงแดดตอนบ่ายแก่ๆที่ชายหาดคลองเจ้าค่ะ
อีกหนึ่งชายหาดสวย รวยไปด้วยมนต์ กิ๊บเก๋ยูเรก้า ช่ะช่ะช่าหัวใจ
 มีน้องหมาหน้าเก่าๆ กำลังมาคลอเคล้าพวกเราอยู่
ก็เลยจัดกดชัดเตอร์ไปสัก 1 ช็อตค่ะ
และไม่ไกลนักจากหาดคลองเจ้า
ใหนแวะมาที่นี้ทั้งที เลยอยากพายเรือคายัคสักหน่อยค่ะ
โดยหากใครที่แวะมาเกาะกูดต้องไม่พลาด มาพายเรือคายัค
ชมบรรยากาศป่าชายเลนที่ริมน้ำคลองเจ้าค่ะ
เช่าเรือคายัคจากแมงโกรฟ บังกะโล เพื่อชมป่าชายเลนและไปชมพระอาทิตย์ตกดินให้สุดฟินที่ปากอ่าวหาดคลองเจ้า
เราขับมอเตอร์ไซต์มาที่รีสอร์ท แมงโกรฟบังกะโล
ซึ่งเป็นที่พักที่อยู่ติดกับริมน้ำคลองเจ้า
เพื่อติดต่อขอเช่าเรือคายัค พายชมความงามของป่าชายเลนยามเย็นค่ะ
โดยค่าเช่าเรือคายัคอยู่ชั่วโมงละ 150 บาทค่ะ
พายได้ 2 คนค่ะ
ดิฉันกับเพื่อนมาพายเรือคายัค
เพื่อชมบรรยากาศยามเย็นๆของป่าชายเลน
ที่คลองน้ำแห่งนี้ค่ะ
สำหรับกิจกรรมพายเรือคายัค
ชมป่าชายเลนนั้น ถือเป็นกิจรรมยอดนิยมอีกอย่างหนึ่ง
ที่นักเดินทางทุกคนต้องแวะมาทำกัน เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่สร้างความเพลินเพลินใจ
แถมได้ออกกำลังกายไปด้วย เรียกว่าดีทีเดียวค่ะ
 ระหว่างพายเรือไปก็ไม่ต้องห่วงนะค่ะว่าจะมีแค่เรือของเราพายอยู่
เพราะอีกลำดิฉันก็เห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นพายเหมือนกันค่ะ
ดูสองหนุ่มนี้ซี แจวเรือพายใหญ่ ไม่รู้จะรีบไปใหน
พายเรือไป พายเรือมา
ก็มองเห็นดวงอาทิตย์เริ่มจะบ่ายคลอย
ลอยลงต่ำ จนคลองน้ำแห่งนี้เป็นสีมืดเงาดำไปหมดแล้วค่ะ
เราเร่งเรือพายเรือคายัคไปที่ปากอ่าวคลองเจ้า 
เพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่นั้นค่ะ
แต่ก็ต้องเผื่อเวลาเอาไว้ด้วย เพราะเช่าเรือมาแค่ 1 ชั่วโมง
พายเรือลอดใต้สะพานมา
ก็ถึงปากอ่าวคลองเจ้าแล้วค่ะ
ระยะทางไม่ไกลนักและบรรยากาศยามเย็นที่ปากอ่าวแห่งนี้ก็สวยงามยิ่งนัก
เพราะดวงอาทิตย์เริ่มจะอัสดงแล้วแลลับจากขอบฟ้าแล้ว

เราแจวเรือคายัคมาจอดเกยท่าไว้ที่หาดทราย
จากนั้นก็เดินพร่างพรายรับดวงตะวันยามเย็น
 เดินออกมาก็พบคู่รักกำลังถ่ายรูปคู่ดวงตะวันที่จะลาลับขอบฟ้า
ที่ชายหาดคลองเจ้าแห่งนี้ค่ะ
เพื่อนของดิฉันวิ่งออกไปที่ชายหาด
เพื่อไปรับคลื่นทะเลที่ซัดซาดเข้าฝัง
เพราะวิวพระอาทิตย์นั้นสวยปัง จนยั้งใจไม่อยู่
ต้องถ่ายภาพเก็บไว้ดูสักครั้ง ว่าครั้งหนึ่งได้เคยมาเยือนเกาะแห่งนี้แล้ว
หากใครที่แวะเวียนมาเที่ยวเกาะกูด
ก็อย่าลืมมาชะลูดใจ พายเรือคายัคกับคลองน้ำใสๆ
แวะมาเดินไฉไลชมพระอาทิตย์ตกดิน กับบรรยากาศสุดฟินที่หาดคลองเจ้าแห่งนี้นะค่ะ
เดี๊ยนรับรองว่าสวยงามเป๊ะปัง อลังการสะท้านโลกาอย่างแน่นอนค่ะ
และหลังจากที่ได้ชมพระอาทิตย์อัสดงลงและลับสู่ขอบฟ้าแล้วนะค่ะ
เราก็รีบเร่งเคร่งพายเรือคายัค มาส่งเรือให้ถึงที่พักริมคลองค่ะ

ระหว่างที่กำลังจะส่งเรือ ดิฉันได้ก้าวขึ้นบันใดก็พลาดท่าลื่นตกน้ำ
ตัวเดี๊ยนจมไปครึ่งนึง รวมกล้องถ่ายรูปและกระเป๋าเป้ใบเล็กด้วย
ทำให้กล้องถ่ายรูปและกระเป๋าเปียกปอนไปหมด จนไม่สามารถถ่ายรูปต่อได้ค่ะ
เดี๊ยนก็เลยต้องยุติกิจกรรมการถ่ายรูปไว้เพียงเท่านี้
เพราะต้องรีบจรลีกลับที่พัก เอากล้องและมือถือไปเช็ดทำความสะอาดให้แห้งโดยด่วนค่ะ

จบทริปเที่ยวเกาะกูดไปอีก 1 วัน กับเช้าแสนสวย บ่ายสดใส แต่ตอนเย็นพลบค่ำแสนปวดใจ
เพราะกล้องถ่ายรูปนั้นไซร์ตกน้ำไปแล้วเอย  สงสัยจะต้องได้ซื้อกล้องและมือถือใหม่แล้วแน่ๆค่ะ 555
---------------------------------------------------------------------------------------
เข้าสู่เช้าวันที่ 3 ของการเที่ยวเกาะกูดแล้วค่ะ
ดิฉันตื่นแต่เช้าตรู่ขึ้นมา พร้อมความหวังว่าจะได้กล้องถ่ายรูปมาใช้ถ่ายรูปได้
หลังจากที่เมื่อวานนี้ตอนหัวค่ำ หลังจากที่พายเรือคายัคเกิดพลาดท่าตกน้ำ
ก็เลยต้อง รีบกลับมาที่โรงแรมเพื่อเช็ดทำความสะอาดกล้องด่วน

แต่โชดดีค่ะ เช้านี้ลองกล้องแล้วก็ถ่ายรูปได้ปกติ
ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์เหมือนเดิม แต่ก็ยังดีที่ใช้งานได้
ถ้าไม่มีกล้องถ่ายรูป คงไม่มีรูปภาพมาลงรีวิวบันทึกไว้ใน Diary Blog นี้แน่นอนค่ะ
ดิฉันเลยเดินออกจากห้องพักมาลองถ่ายรูปทะเลที่ชายหาดหน้าโรงแรมเกาะกูด พาราไดซ์ รีสอร์ทค่ะ
บรรยากาศยามเช้าในวันนี้ดูสดใส และสดชื่นยิ่งนัก
เดินซัดโซเซ ฟังเสียงคลื่นทะเล พัดชาชาที่ใบหน้าก็สุขอุรายิ่งนักเอย
หรือจะนั่งที่ชิงช้าหน้าโรงแรม ก็สวยเริ่ดสะแมนแตนไม่ใช่น้อย
เพราะมุมและทำเลนั้นสวยฟิน เหมาะกับการมานั่งเล่นและถ่ายรูปทีเดียวค่ะ
แนะนำให้มาตอนเช้าๆนะค่ะ เนื่องจากน้ำทะเลสีจะสดและใสมากๆ
และเมื่อได้เดินชมทะเลที่หน้าชายหาดแล้วนะค่ะ
ดิฉันก็เดินมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารในโรงแรมค่ะ ลองมาดูสิว่าไลน์อาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรมเกาะกูดพาราไดซ์มีอะไรให้ทานบ้าง
อาหารเช้าที่นี้ก็มีหลายอย่างให้เลือกทานค่ะ
มุมนี้เป็น Salad บาร์
เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ ที่ชอบกินผักกินหญ้า งดกินกา งดกินไก่ค่ะ
เพราะมีน้ำสลัดให้เลือกทานหลายอย่างค่ะ
 ส่วนมุมนี้ก็เป็นมุมซีเรียลและขนมปังปิ้ง
ซึ่งขนมปังที่นี้ก็เป็นขนมปังทำเองด้วยนะค่ะ
เป็นขนมปังแข็งสไตล์ฝรั่งเศส โดยเดี๊ยนลิ้มลองแล้วไม่ชอบเท่าไหร่
เพราะขนมปังบันแข็งมากๆ ฝรั่งน่าจะชอบ แต่เดี๊ยนคงกัดไม่ไหวค่ะ
และมุมนี้เป็นอาหารร้อน
น่าจะถูกใจคนไทยที่ไปทานค่ะ
เพราะมีทั้งอาหารเอเชียแบบผัดๆ ต้มเป็นแกงๆ ให้เลือกทาน
 บรรยากาศภายในห้องอาหารไม่ค่อยมีแขกนั่งเท่าไหร่
ส่วนใหญ่แขกที่มาพักก็ไปนั่งด้านนอกกันค่ะ
ส่วนเมนูไข่ก็สั่งแล้วรอได้เลย
เพราะมีให้เลือกครบเกือบทุกแบบ ยกเว้นไข่น้ำหรือ poached egg
ซึ่งที่นี้ไม่มี สงสัยจะย่งยากพ่อครัวแน่ๆค่ะ เพราะแค่โอมเลทกับไข่ดาว
ก็ทำแทบไม่ทันล่ะ
สำหรับมื้อนี้ของดิฉัน
เริ่มต้นทานแอพพิไทเซอร์เรียกน้ำย่อยก่อน
แล้วค่อยตามด้วยอาหารหลักแบบมูมมาม
ตามไปด้วยขนมหวานร้าวรานใจค่ะ

 หลังจากทานอาหารอิ่มแล้วนะค่ะ
ดิฉันกับเพื่อนก็มาเดินย่อยอาหารริมชายทะเลต่อค่ะ
ต้นเตยทะเล กับผลสีส้มคล้ายสัปปะรดนี้ สรรพคุณนั้นเหลือหลาย มากมายหลายอย่าง
ต้นเตยทะเลสีส้ม เป็นมัครีผลสีสวยงาม
ผลดูน่าทาน คล้ายกับสัปปะรดค่ะ เป็นพืชที่มีประโยชน์ไม่น้อยทีเดียวค่ะ

สาระน่ารู้เกี่ยวกับต้นเตยทะเล มารู้จักกันสักหน่อยค่ะ

ต้นเตยทะเลเป็นพืชท้องถิ่นในไทย มาเลเซีย ออสเตรเลียตะวันออก และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นไม้ยืนต้น สูง 4-8 เมตร[1] มีหนามสั้นๆทู่ๆ ที่ผิวของลำต้น ที่โคนต้นมีรากค้ำจุน ใบเดี่ยว ผิวใบเรียบเป็นมัน ดอกเป็นดอกช่อ แยกเพศแยกต้น ดอกตัวผู้เป็นช่อดอกยาว 30 - 60 ซม. มีใบประดับที่ช่อดอกย่อย สีขาว กลิ่นหอม ดอกตัวเมียเป็นช่อออกที่ปลาย เกาะกันคล้ายผล เกือบกลม

ผลเตยทะเลเป็นผลกลุ่ม ผลย่อยยึดกันแน่นจนมองเหมือนผลเดี่ยว คล้ายผลสับปะรด พบตามบริเวณชายหาดหรือป่าชายเลน ใบใช้ทำเครื่องจักสาน โดยเฉพาะชนพื้นเมืองในมหาสมุทรแปซิฟิกรากเป็นยา แก้ไข้ ขับปัสสาวะ รากอากาศเป็นยาแก้หนองในและนิ่ว สารสกัดหยาบจากลำต้นใต้ดินสามารถยับยั้งการเจริญของไมยราบยักษ์ ถั่วผี ถั่วเขียวผิวดำ ผักกาดหอมได้

ขอบคุณข้อมูลดีจากเว็ป https://th.wikipedia.org/wiki/เตยทะเล
น้องหมานองซมอยู่บนกองทราย ใต้ต้นเตยทะเล
ใต้ต้นเตยทะเล
ก็พบน้องหมา น้องแอ่งแม๊งอยู่บนชายหาด
สงสัยจะหลับเพลิน เพราะบรรยากาศริมทะเลนี้ก็เย็นดีเหลือเกินค่ะ
พวกเราเดินมาที่ท่าเรือสะพานน้ำลึก
มีป้ายเมืองตราดวางอยู่ก็เลยถ่ายไว้สักหน่อยค่ะ
แต่ดูป้ายบอร์ดนี้น่าจะน่าแล้วกระมัง เพราะทั้งผุ ทั้งพังไปหมดแล้ว
ส่วนมองไปอีกด้านก็จะเป็นรีสอร์ท ที่พักของอีกแห่ง
พร้อมกับน้ำทะเลสีฟ้าคราม สวยอย่างแรงค่ะ
แผนที่ท่องเที่ยวเกาะกูด
หลังจากที่ได้เดินย่อยอาหารแล้วนะค่ะ
เราก็เดินกลับมายังห้องพักเพื่อเตรียมตัวออกไปแว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์
แวะชมสถานที่ท่องเที่ยวในเกาะกูดต่อค่ะ
ระหว่างขับรถมอเตอร์ไซต์ออกมา
ก็พบเจ้าลิงจ่อ กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ใต้ต้นมะพร้าว
ดิฉันต้องแอบตีเนียนถ่ายอยู่ไกล
เพราะเจ้าของลิงตัวนี้ มันไม่ค่อยชอบถ่ายรูปค่ะ
น้องลิงกำลังนั่งพักผ่อนจากการเก็บลูกพะพร้าว สงสัยจะเหนื่อยและหนาวจากการปีนป่าย พร่างพรายบนยอดมะพร้าวสูง
น้องลิงสงสัยจะเหนื่อยจากการเก็บลูกมะพร้าวนะค่ะ
เพราะแต่ละวันต้องขึ้นไปเก็บกี่ต้นไม่รู้เนอะ
ดูท่าทางวันนี้ น้องลิงจะเหนื่อยนะค่ะ
เพราะดูหน้าตาไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสเอาเสียเลย
 และจุดท่องเที่ยวแห่งแรกสำหรับการเที่ยวเกาะกูดวันที่ 3 นี้
เราจะไปชมต้นมะค่ายักย์ และไปดื่มด่ำรับความเย็นที่น้ำตกห้วงน้ำเขียวค่ะ
อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนรักน้ำ รักป่าและธรรมชาติ
เพราะบรรยากาศการเดินทางไปชมสถานที่แห่งนี้ ไม่ทำให้เราผิดหวังเลยค่ะ
เนื่องจากแวดล้อมไปด้วย ต้นไม้สองข้างทางที่เขียวขจี
อากาศก็เย็นดีเหลือเกินค่ะ

สำหรับการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ก็ไม่ได้ไกลมาก
มีแผ่นที่และป้ายบอกการเดินทางตลอด แต่ว่าบรรยากาศหากมาคนเดียวในวันธรรมดาก็จะเงียบหน่อย
เนื่องจากเต็มไปด้วยป่าไม้เขียวขจี สภาพถนนดีนะ แต่ดีไม่สุดทางค่ะ
เพราะบางช่วงจะเป็นลูกรังไปตลอด โดยเฉพาะการไปน้ำตกห้วงน้ำเขียว
เพื่อนดิฉันชูนิ้วขึ้นฟ้า ให้สัญญาณว่าพร้อมลุยแล้วจ้า นางจะไปก่อนเดี๊ยนตลอด เพราะนางสวย
สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่เรียงราย
บรรยากาศเหมือนไปอยู่บนเขาใหญ่อะไรประมาณนั้นเลยนะค่ะ
เพราะต้นไม้แต่ละต้นก็ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์พันเกี่ยวเลี้ยวลดเสียเหลือเกิน
 ระยะทางขับจากที่พักมาน่าจะประมาณ 7-8 กิโลได้ค่ะ
ขับมาสุดปลายทางถนนคอนกรีต
ก็เข้าสู่เส้นทางถนนลูกรัง ที่บรรยากาศสองข้างทาง
เต็มไปด้วยป่าไม้เขียวชะอุ่ม อากาศเย็นสดชื่นมาก
 ในที่สุดก็ถึงแล้วค่ะ
ต้นมะค่ายักษ์ ต้นไม้ใหญ่โต
ที่ต้องเดินทางเฮโลมาเช็คอินน์ ให้ฟินกระจายกันสักครั้ง
เนื่องจากต้องดั้นด้นขับรถ บุกป่า ฝ่าดงเข้ามาเลยนะค่ะ
ต้นมะค่ายักษ์

ต้นมะค่ายักษ์ เป็นต้นไม้เก่าแก่ที่มีอายุหลายร้อยปี ยืนตั้งตระหง่านอยุ่ในป่าที่อุดมสมบูรณ์บริเวณเขาดินแดง ดูในรูปเหมือนไม่ใหญ่นะค่ะ แต่เดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วตัวเราเล็กนิดเดียว
และไม่ไกลนักจากต้นมะค่ายักษ์
เราก็ขับมอเตอร์ไซต์ ตามป้ายบอกทางมากอีก 1.5 กิโล
ลัดเลาะมาตามเส้นทางถนนลูกรัง เข้าไปยังป่าดงดิบเพื่อไปยังน้ำตกห้วงน้ำเขียว
เดี๊ยนชอบเรียกน้ำตกวังน้ำเขียว เพราะชื่อคล้ายกันนะค่ะ คือแบบเขียวๆเหมือนกัน
ถึงน้ำตกห้วงน้ำเขียว
ลองไปดูสิว่าน้ำตกจะสวยและเสียวแค่ใหน
โดยน้ำตกแห่งนี้ แทรกตัวอยู่ในป่าลึกเหมือนในหนังดึกดำบรรพ์
น้ำตกห้วงน้ำเขียว เกาะกูด
เดินลงตามป้ายบอกทางจากเนินเขาลงมายังน้ำตกน่าจะประมาณ 50 เมตรได้ค่ะ
ก็ถึงตัวน้ำตกแล้วค่ะ สวยงามท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร และหมู่นกปักษาที่ร้องร่ำเจรจา
หาหมู่นกกาด้วยกัน
ดูสายน้ำตกเหมือนจะน้ำน้อย แต่ก็ไหลแรงพอสมควร  และค่อนข้างจะสวยมากด้วย เพราะแวดล้อมไปด้วยป่าเขาเขียวขจี


เป็นอีกหนึ่งน้ำตกสวย ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวแวะมาเยือนมานัก
เพราะเส้นทางก็ลูกรังเข้ามา แต่ดิฉันกับเพื่อนรู้สึกชอบน้ำตกแห่งนี้มากกว่าน้ำตกคลองเจ้า
แม้น้ำจะน้อยนิดกะจิ๊ดลิ๊ดก็ตาม
เนื่องจากบรรยากาศที่เงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจ
นักท่องเที่ยวก็ไม่ค่อยมี อากาศก็ดีมากด้วย 
ถ้าฤดูฝนน้ำหลาก น้ำตกนี้น่าจะน้ำเยอะมากๆน่าดูเลย
เพราะดูเส้นทางสายน้ำและลำธารแล้ว
เต็มไปด้วยโขดหินใหญ่น้อย เรียงร้อยตามทางเดิน
 สาระน่ารู้เกี่ยวกับน้ำตกห้วงน้ำเขียว

เป็นน้ำตกแห่งใหม่บนเกาะกูดที่มีความสวยงามมาก
ตั้งอยู่บริเวณใก้ล้เคียงกับต้นมะค่ายักษ์และต้นไทรใหญ่เป็นต้นไทรใหญ่
เป็นน้ำตกขนาดกลางประมาณ 3 ชั้น
น้ำตกห้วงน้ำเขียว เกาะกูด
และหลังจากที่ได้ดื่มด่ำชมน้ำตกสวยๆท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ที่น้ำตกห้วงน้ำเขียวแล้วนะค่ะ
เราก็ขับมอเตอร์ไซต์มาไกลที่บ้านอ่าวสลัด
เพื่อแวะมาเดินชมชุมชนชาวประมงที่นี้ มาดูสิว่ามีอะไรน่าสลัด สะบัด สะบัดบ้าง
ชุมชนอ่าวสลัด
เราแวะมาเดินชมชุมชนอ่าวสลัดแห่งนี้
ค่อนข้างเงียบสงบ ไม่แพ้ที่อ่าวใหญ่เลยค่ะ
แต่ที่อ่าวนี้จะคึกคักกว่าเพราะเป็นอ่าวที่มีท่าเรือมาจอดรับ และส่งนักท่องเที่ยว
ที่นั่งมาจากแหลมศอก หรือมาจากเกาะช้างค่ะ
วิถีชีวิตชุมชนอ่าวสลัด กำลังสะบัดสลัดสะบัด
เราเดินแวะมาเจอร้านขายกล้วยปิ้ง ปิ้งกันข้างในเลยนะค่ะ
เพื่อนของดิฉันอยากทาน นางเลยเดินแวะเข้าไปอุดหนุนคุณป้าคนขาย
ส่วนคุณป้าก็ชมใหญ่เลยค่ะ เพราะขนาดตั้งร้านอยู่ด้านใน ไม่มีคนเห็นยังแวะมาซื้อเลย
สงสัยเป็นเพราะกลิ่นกล้วยปิ้งกระมัง
บรรยากาศในชุมชนแห่งนี้ก็มีโฮมสเตย์
เปิดบริการให้นอนพักค้างกันด้วยนะค่ะ
ปลาหมึกแดดเดียว กำลังถูกกลมเกลียวตากแดดอยู่ในกระด้ง
ก็ส่งกลิ่นคละคลุ้ง ฟุ้งขจรกลอนไกลไปทั่วอาณาบริเวณ
ใครได้กลิ่นครั้งแรกคงจะเหม็นคาวไม่น้อย
แต่ถ้าหากได้ลิ้มลองรสชาติแล้ว ก็จะถูกอกถูกใจเป็นแน่แท้ 
เดินก็มีมุมหน้าต่างบานเก๋ๆ และมุมถ่ายรูปสวยๆให้ถ่ายหลายมุมค่ะ
แต่เดี๊ยนเดินจนเมื่อยแล้วค่ะ รู้สึกหิวอยากทานข้าวล่ะ เมื่อเช้าก็ทานไปเยอะนะ
แต่ไปเหนื่อยตอนเดินขึ้นจากน้ำตกเนี่ยแหละค่ะ
แวะทานอาหารทะเลรสแซ่บที่ร้านอาหารกัปตันน้อง ซีฟู้ด ชุมชนอ่าวสลัด มาแล้วต้องสะบัดสะบัดสะบัด
มื้อเที่ยงนี้เราเลยทานอาหารในหมู่บ้านอ่าวสลัด
แวะทานข้าวที่ร้านอาหาร กัปตันน้องซีฟู้ด แอนด์ โฮมสเตย์ (Captain Nhong Seafood and Homestay) หมู่บ้าน
เมนูอาหารที่ร้านกับตันน้อง ก็มีอาหารที่เรียกน้ำย่อย แบบสลัดสะบัดสะบัดไม่น้อย
มีทั้งแบบจานเดียวและไม่ใช้จานเดียว จะทานสองจานก็ได้ค่ะ
โดยมื้อเที่ยงนี้ เราประชุมมติกันเลือกทานอาหาร 3 อย่างค่ะ
มีต้มยำกุ้ง ที่ไม่มียอดตำลึงใส่ลงไปนะ
ปลาอินทรีย์ฉูฉี่ ดูสีสันรสชาติดีไม่น้อย
และกุ้งทอดกระเทียม ที่ไม่ต้องไปทอดให้ใหม้เกรียมนัก รสชาติคึกคักใช่ย่อย
ทานอาหารมื้อเที่ยงที่บ้านอ่าวสลัดนี้ กินกันแบบสะบัดมากๆค่ะ
เพราะสามอย่าง เน้นกินแต่กับข้าว รสชาติอาหารก็จัดจ้านมาก
โดยเฉพาะกุ้งทอดกระเทียม แทะกินกันจนมืดหงิกเลย
และหลังจากที่ได้ทานอาหารอิ่มแล้ว
ตอนแรกกะจะไปเที่ยวชมน้ำตกและหาดคลองยายกี่ต่อ
แต่พวกเราเริ่มจะไม่ไหวแล้วค่ะ เลยขอขับมอเตอร์ไซต์กลับที่พัก
มานอนพักเอนกาย ให้สบายชิวๆที่โรงแรมดีกว่าค่ะ

ช่วงบ่ายนี้เราเลยมานอนพักผ่อน นอนอาบแดดที่ชายหาดและว่ายน้ำในโรงแรม
บรรยากาศช่วงบ่ายวันนี้ ก็แดดแรงดีไม่ใช่น้อยเลย มองไปรอบๆก็มีแต่ฝรั่งมังข้า
นอนพักบนเตียงผ้าใบ  
ดิฉันเลยเดินไปไฉไลนั่งใต้ต้นเตยทะเล
ที่ไม่รู้เมื่อไหร่ผลสีส้มจะหล่นลงมาทับที่หัว
เดินกลับที่เตียงผ้าใบริมสระว่ายน้ำ
น้องหมาก็ตามมาเล่นด้วยอีกตัว

อากาศเริ่มจะร้อน
ขอไปออนซอน แช่น้ำให้หายร้อนในสระว่ายน้ำแล้วกัน
น่าเสียดายที่รีสอร์ทไม่ให้กระโจมอกใส่ผ้าถุงลงสระ
เพราะเกรงฝรั่งเค้าจะผงะตกใจหนีกระเจิงไปค่ะ
บรรยากาศยามเย็น
ว่ายน้ำเล่นในสระว่ายน้ำของโรงแรม
ขับมอเตอร์ไซต์มาเหนื่อยๆ เลยมาแก้เมื่อยด้วยการมาว่ายน้ำ พักผ่อนอาบแดดริมชายหาดที่ Koh Kood paradise resort ดีกว่าค่ะ
หากใครที่แวะมาเที่ยวเกาะกูด
อยากจะนอนพักตากอากาศริมชายหาด
ก็สามารถเลือกที่พักติดริมทะเลได้ค่ะ
เพราะที่เกาะนี้ก็มีโรงแรมและที่พักเปิดบริการให้เลือกหลายแห่งเลยค่ะ
เวลาช่วงบ่ายๆแก่ใกล้จะพลบค่ำ
กับต้นมะพร้าวเรียงกันเป็นทิวแถวรอบรีสอร์ที่พัก
บรรยากาศดีเหมาะสำหรับพักผ่อนยิ่งนักค่ะ
เมื่อได้ว่ายน้ำเสร็จแล้วนะค่ะ
เราก็เดินเลาะเลียบชายหาดเพลินๆในช่วงยามเย็น
มองเห็นพระอาทิตย์สาดแสงกระเซ็นลงสู่ทะเล
งดงามโอ้ละเห่เลชา ช่ะช่ะช่าหัวใจไม่เบาเลย
ตกเย็นตอนหัวค่ำ
เราไม่ได้แวะออกไปใหน เพราะเอามอเตอร์ไปคืนร้านเช่าแล้ว
ทางร้านก็มาส่งเราที่โรงแรมค่ะ
เราเลยตัดสินใจมานั่งดื่มชิวๆที่โรงแรมดีกว่าค่ะ
โดย Dinner พิเศษในคืนสุดท้ายที่เกาะกูดมื้อนี้
เราไม่ได้จัดหนักมากมาย
แต่ขอนั่งพักผ่อนสบายๆริมชายหาดทะเล
กับลมพัดเย็นๆ นั่งเล่นและเมาส์มอยไปเรื่อยเปื่อย ตามประสาคนแก่ค่ะ

หลังจากที่ไดันั่งดื่มคอกเทลเย็นๆ แล้ว
เราก็เดินกลับเข้าห้องพักเพื่อพักผ่อนที่โรงแรมนี้เป็นคืนสุดท้ายค่ะ
หลังจากที่ขับมอเตอร์ไซต์ ล่องท่องเที่ยวเกาะกูดไปเต็มๆ
จบทริปไปอีก 1 วัน รวม 3 วัน สุขสันต์ลั๊ลลายิ่งนักเอย
--------------------------------------------
วันที่ 4 ของการเดินทางเที่ยวเกาะกูด วันสุดท้ายแล้วค่ะ 
วันที่ 4 วันสุดท้ายของทริปเที่ยวเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ น้ำทะเลใสยิ่งนักเอย
เช้าตรู่ของวันที่ 4 ในทริปเที่ยวเกาะกูดส่งท้ายปี 2017 นี้
เราตื่นขึ้นมาก็รีบลั๊ลลาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้
เพื่อจะเตรียมตัวเช็คเอาท์ออกจากที่พัก เดินทางกลับกรุงเทพค่ะ
ต้องได้ลั๊ลลาเกาะกูดแล้วหนา โอกาสคงได้พบกันใหม่
เราเดินแบกเป้มาที่หน้าล็อบบี้โรงแรม
เพื่อทำการคืนกุญแจและเช็คเอาท์ออกจากที่พักค่ะ
จากนั้นก็ไปทานอาหารเช้ากัน มาดูสิว่ามื้อเช้านี้
ที่โรงแรมนี้มีอะไรให้น่าทานบ้าง 
บรรยากาศห้องอาหารยามเช้ามื้อนี้
มีนักท่องเที่ยวมาเยอะเป็นพิเศษกว่าเมื่อวาน
เพราะเป็นช่วงใกล้วันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาพักมากขึ้น
มองไปด้านนอกห้องอาหาร
เห็นหนูน้อยกำลังทานอาหารมื้อเช้ากับคุณแม่คนสวยอยู่ค่ะ
ดูน่ารักน่าชังและอบอุ่นจริงๆ 
มื้อเช้าสุดท้ายที่โรงแรมเกาะกูด พาราไดซ์ รีสอร์ท
ดิฉันจัดไปเบาๆค่ะ ข้าวราดแกง และทะแยงต่อด้วยไข่ต้ม
รสชาติอร่อยดีค่ะ โดยเฉพาะผัดปลาพริกไทยอ่อน
ส่วนขนมมัฟฟินนั้นรสหวานจัดไปหน่อย
จัดมาต่ออีกแบบเบาๆ แต่ก็เคล้าความหนัก
ด้วยข้าวต้มร้อนๆ ออนซอนทานกับไข่ต้ม
ช่วยเพิ่มแคลลอรี่ในเส้นเลือด
และพลังงานได้ไม่น้อยทีเดียว ทั้งที่วันนี้ไม่ได้ใช่พลังงานมาก
แต่รู้สึกว่าอยากทานให้อิ่ม จนพุงปลิ้นไปเลยค่ะ
เราเลือกโดยสารเรือบุญศิริ เวลา 9 โมงเช้า ค่าเสียหายคนละ 500 บาท เพื่อจะได้เดินทางไปให้ทันขึ้นเครื่องบินเวลาบ่ายโมงค่ะ
หลังจากที่ได้ทานข้าวเช้าแล้วนะค่ะ
พนักงานก็เดินมาเรียกให้เรา รีบไปขึ้นรถที่มารับหน้าล็อบบี้
รถมารับเวลา 8 โมงเช้าเป๊ะพอดีค่ะ
เพื่อมาส่งเราที่ท่าเรืออ่าวสลัด
เราเลือกโดยสารเรือบุญศิริ เวลา 9 โมงเช้า ค่าเสียหายคนละ 500 บาท เพื่อจะได้เดินทางไปให้ทันขึ้นเครื่องบินเวลาบ่ายโมงค่ะ
สำหรับการเดินทางกลับในวันสุดท้ายนี้
เราเลือกเดินทางของเรือบุญศิริค่ะ
เวลาเรือออกจากที่ท่าเรืออ่าวสลัดเกาะกูด เวลา 9 โมงเช้า
และเป็นเรือโดยสารเที่ยวแรกที่ออกจากเกาะกูดไปยังแหลมศอก
ราคาตั่วโดยสารตกคนละ 500 บาท
ที่เราเลือกโดยสารเที่ยวนี้ เพราะจะต้องเดินทางไปให้ทัน
เที่ยวบินที่ออกจากสนามบินตราดเวลาบ่ายโมงค่ะ
โดยเราจะต้องไปเช็คอินน์ที่สนามบินเวลาเที่ยง ดังนั้นเราเลยต้องพากันนั่งเรือรอบเช้าเลย
เวลา 9 โมงเช้าตรงเป๊ะ เรือโดยสารก็ค่อยๆขยับลำ ออกจากท่าเรืออ่าวสลัด มุ่งหน้าไปสะบัดสลัดสะบัดที่แหลมศอกต่อค่ะ
เวลา 9 โมงเช้าตรงเป๊ะ
เรือโดยสารก็ค่อยๆขยับลำ ออกจากท่าเรืออ่าวสลัด มุ่งหน้าไปสะบัดสลัดสะบัดที่แหลมศอกต่อค่ะ
ซึ่งใช้เวลาเดินทางโดยเรือลำนี้ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
บ๊าย..บาย เกาะกูด เธอสวยชะลูดบาดใจจริงๆ อาหารก็สด รสก็แซ่บ สะเดิดเปิดเปิง บันเทิงเริงใจยิ่งนัก
บ๊าย..บาย เกาะกูด เธอสวยชะลูดบาดใจจริงๆ
โดยเฉพาะน้ำทะเลนั้นใสฟรุ้งฟริ้ง
อาหารก็สดรสก็แซ่บ สะเดิดเปิดเปิง บันเทิงเริงใจยิ่งนัก
มีโอกาสต้องแวะมาพักผ่อน มาผ่อน มาออนซอนอีกแน่นอนค่ะ
นั่งรถสองแถวจากแหลมศอก ไปยังสนามบินตราด โดยต่อรองราคากั
นั่งเรือได้มาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงท่าเรือแหลมศอก
จากนั่งก็นั่งรถสองแถวบริการฟรีของบริษัทเรือเข้าตัวเมืองตราด

ซึ่งตอนนี้เองเราเลยขอเจรจาสอบถามราคากับคนขับเพื่อไปส่งเราที่สนามบิน
โดยตอนแรกคุณลุงคนขับเสนอเรามาเหมาไปส่งที่ 600 บาท
แต่เราขอต่อคุณลุงลดให้อีกได้ใหม๊ คุณลุงลดให้เหลือ 500 บาท เราก็เลยโอเค
ลุงบอกถ้าลดกว่านี้ไม่ไปแล้ว ให้ไปหาเอาเอง เราเลือกตกลงเลือก
เพราะถ้าไม่เอาเดียวจะเสียเวลา และตกเครื่องบินจะเจ็บทั้งตัวและเสียเงินฟรีค่ะ

เราเลยตกลงจ่ายคุณลุงคนขับรถสองแถวไปคนละ 250 บาท
เพื่อเหมารถไปส่งเรา 2 คนที่สนามบินตราด ในอำเภอเขาสมิงค่ะ
แต่ถ้ามากันหลายๆคนราคาแชร์ค่าโดยสารก็น่าจะถูกลงค่ะ
คุณลุงคนขับ หมุนพวงมาลัยรถมาอย่างรวดเร็ว
มาส่งเราถึงสนามบินตราดเร็วกว่าที่คิดไว้ค่ะ
bangkok airway lounge at Trat Airport
จากนั้นเราก็ทำการ Checkin โหลดกระเป๋า
และเข้ามานั่งทานอาหารเที่ยงที่ bangkok airway lounge ด้านในอาคารผู้โดยสารขาออกสนามบินตราดค่ะ
โดยสายการบินมีบริการอาหารว่างไม่กีอย่าง แต่ก็อิ่มหน่ำสำราญได้ไม่น้อยทีเดียสว
มีขนมปังเป็นมัฟฟินและพายไก่
ผลไม้ก็มีแตงโม เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยวก็มีด้วย
เรียกว่าเลือกทานกันจนอิ่มท้องค่ะ ทานได้ไม่อั้น แต่ก็อย่าได้ทานเหลือนะค่ะ
เพราะเสียดายของจ้า
bangkok airway lounge at Trat Airport
จะดื่มน้ำเย็น หรือ ดื่มร้อนก็มีให้เลือก
นอกจากนี้ยังมีข้าวต้มมัด ให้ซัดทานกันด้วย
ดิฉันเลยไม่รีรอ หยิบมาลองทานสักชิ้นนึง
ขนมปังและของว่างที่ทางสายการบินนี้เลือกมา
รสชาติค่อนข้างอร่อยค่ะ โดยเฉพาะข้าวต้มมัด
มัดเป็นคำเล็กพอดีคำ ไม่ใหญ่จนเกินไป 
ส่วนพายไก่และมัฟฟินก็อร่อยถูกลิ้นดี แต่ก็ไม่กล้าทานเยอะ
เพราะจะต้องไปทานบนเครื่องบินอีกครั้ง
bangkok airway lounge at Trat Airport
เวลาใกล้จวนจะบ่ายโมง เจ้าหน้าที่สนามบินก็ประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครืองบิน
ได้เวลาต้องจากถิ่นเมืองตราด ไปผงาดทำงานเก็บตังต่อที่กรุงเทพแล้วล่ะค่ะ
อากาศในช่วงเที่ยงที่สนามบินตราดนี้
ค่อนข้างร้อนมากๆตอนเข้าแถวต่อขึ้นเครื่อง ตัวแทบจะสุกค่ะ
เนื่องจากพื้นสนามบินเป็นลาดยางปล่อยไอความร้อนได้ดีทีเดียว
พอเข้ามาในตัวเครื่องบินก็ค่อยยังชั่ว
เพราะได้ไอความเย็นระรัว ช่วยบรรเทาให้หายร้อน
โดยในวันนี้ผู้โดยสารนั่งมาเกือบเต็มลำเลยนะค่ะ
Food and Beverage in Bangkok airways Plane from Trat airport to suvarnabhumi airport bangkok
เมื่อตอนอยู่ที่ Lounge สนามบินตราด ก็กินไปแล้วค่ะ
พอขึ้นเครื่องบินก็มีของให้กินอีก
มื้อนี้ต่างจาก มื้ออาหารตอนเที่ยวบินที่เดินทางมาตราด
ขากลับเป็นชีสไก่ ทานกับคู่กับผักแก้เลี่ยน
ใครทานไม่เป็น คงจะต้องทำใจค่ะ เพราะไม่มีผัดกระเพราะไข่ดาวมาเสริฟนะค่ะ

เป็นอาหารฝรั่ง ทานฝึกไว้เพราะยังไงต้องเดินทางไปเที่ยวต่างแดนแน่นอนค่ะ
ส่วนขนมเค้กเค้าอร่อยดีค่ะ
หลังจากทานอาหารอิ่มท้องแล้ว
ดิฉันก็นั่งพักผ่อนดูท้องฟ้าริมหน้าต่าง
ในขณะที่เครื่องบินก็ลอยลำอยู่เหนือน่านฟ้านภากาศ
กับก้อนเฆมที่ผงาดตัวเป็นสีขาว ราวปุยนุ่น ตัดกับท้องฟ้าสีสด
ดูแล้วก็งดงามใจเหลือเกิน เพราะนานจะได้ขึ้นเครื่องบินลำเล็กๆแบบนี้
นั่งบนเครืองบินใช้เวลาประมาณ 40 นาทีได้
เครื่องบินก็บินถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพค่ะ
จบทริปการเดินทางประจำเดือนธันวาคม 2017 และเป็นทริปหรูส่งท้ายปีเก่า 
และมีเพื่อนมาแจมเที่ยวด้วยอีก 1 คน ทริปเดือนหน้าคงได้แบกเป้ไปเที่ยวคนเดียวอีกเหมือนเดิม
แต่เพิ่มเติมขึ้นความสุข สนุกครืนเครง บรรเลงจับใจ งามวิไลเลิศสะแมนแตนจ้า

สรุปค่าใช้จ่ายการเดินทางเที่ยวตราด-เกาะกูด 4 วัน 3 คืน เดือนธันวาคม 2017 

ค่าตั๋วเครื่องบิน Bangkok Airwayไปกลับกรุงเทพ-ตราด รวม 2280 บาท
ค่าที่พักโรงแรม Koh kood paradise beach resort ค้าง 2 คืน รวม 5,120 บาท 
ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์วันละ 200 บาท เช่า 2 วัน 400 บาท 
ค่ารถบัส limousine bus จากสนามบินตราดมาในเมือง คนละ 350 บาท
ขากลับค่าเหมารถสองแถวจากเมืองตราดไปสนามบิน คนละ 250 บาท
ค่ากินอาหารมื้อเที่ยง-เย็น 1,870 บาท 
รวมค่าเสียหายจากการเที่ยวทริปนี้ทั้งหมด 10,270 บาทค่ะ 
(ส่วนค่าที่พักคืนแรกพักที่ Analay resort เพื่อนเป็นคนจ่ายค่ะ)



ยังไงในการเขียนบล็อกรีวิวท่องเทียวส่งท้ายปีนี้ ดิฉันก็ขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุข และสนุกไปกับการเดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงและร่ำๆรวยๆถูกหวยกันทุกๆคนนะค่ะ สำหรับบล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนนี้ ก็ขอจบเพียงเท่านี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด เดี๊ยนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ หวังว่าจะได้พบกับใหม่ในเว็ปบล็อกถัดไปค่ะ  
จากคุณนายเวอร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน 
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
--------------------------------------------------------------------------------
รวมบทความบล็อกเที่ยวเดือนละ 1 ครั้ง เป็นรีวิวเดินทางท่องเที่ยว ภูเขา ทะเล ป่า น้ำตก โบราณสถาน ประเพณี สังคม วัฒธรรม บลาๆๆๆ มีดังนี้ค่ะ(จะทยอยอัพเดทเรื่อยๆ เว็ปบล็อกจะได้ไม่ร้างไปค่ะ)
อัพเดทที่พักตราด อยู่ทะเล วิวสวยๆ ราคาประหยัด คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>>
อัพเดทล่าสุด 15 ที่พักตราด อยู่ติดทะเล ติดชายหาด ราคาประหยัด นอนพักสบาย สำหรับพักคู่และครอบครัวหมู่คณะ คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก+เบอร์โทรติดต่อค่ะ>>>
หรือดูข้อมูลภาพห้องพักได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2DcvPTk
บล็อกรีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคม 2017 เยือนตราด-เกาะกูด ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองตราด ธ.ค.2017 เดินย่องท่องชุมชนเก่า บอกเล่าความหลัง นั่งเรือไปเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 22 แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเมือง Sorrento คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 22 แวะทอดน่องที่เมืองซอเรนโต้ยามเย็น เดินเล่นแบชิลๆ มาดูสิว่าเมืองนี้มีวิวอะไรให้ชมบ้างนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2C4PTGF 

10 สิ่งที่ชาวต่างชาติ นึกถึงกรุงเทพฯมากที่สุด มีอะไรบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
10 สิ่งที่ชาวต่างชาตินึกถึงกรุงเทพมากที่สุด มีอะไรบ้าง จัดมาให้อ่านกันแบบเพลินๆ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤศจิกายน แบกเป้ไปล่องท่องเมืองปาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองปาย สไตล์ชิคๆ แวะกุ๊กกิ๊กถนนคนเดิน เช่ามอเตอร์ไซต์ขับเพลินๆ ดีเลิศสะแมนแตน คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวปางอุ๋ง-บ้านรักไทย งามวิไลไร่ชา เดินลั๊ลลากินสตอเบอรี่ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รีวิวเที่ยวแม่ฮ่องสอนตอนที่ 2 ขับมอเตอร์ไซต์ไปออนซอนที่บ้านรักไทย งามวิไลปางอุ๋ง สวยจูงเบย คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
บล็อกรีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤศจิกายน แบกเป้ไปแม่ฮ่องสอน คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวแม่ฮ่องสอนตอนที่ 1 สวยตราตรึงทุ่งดอกบัวตอง งามผุดผ่องพระธาตุกองมู วิวสวยหรูดีเลิศเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

บล็อกรีวิวเที่ยวแม่กำปอง ต้องลองมาสักครั้ง อากาศดีปังเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวเชียงใหม่ฤดูฝน ตอนที่ 3 ทำไมใครๆก็หลงไหลในแม่กำปอง เลยต้องลองไปพักสักครั้ง คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
บล็อกรีวิวเที่ยวเดือนตุลาคม นอนที่บ้านป่าปงเปียง กินโอเลี้ยงอร่อยเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน ตอนที่ 2 นอนพักชมนาขั้นบันใด และแนะนำที่พักในบ้านป่าปงเปียงมาฝากค่คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
บล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนตุลาคม ไปตามรอยโครงการหลวง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเชียงใหม่ในฤดูฝนตอนที่ 1 สวยสุขล้นตามรอยโครงการหลวง ชมพุ่มพวงดอกไม้งามเบิกบานใจ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
แนะนำโรงแรมในซัปโปโร ห้องนอนคู่ดูโอ้ ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวมที่พักซับโปโร ห้องพักนอนคู่ดูโอ้ ราคาถูก เน้นใกล้สถานีรถไฟ JR เดินลั๊ลลาได้ชิวเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>  
มาร่วมตามรอย ธรรมราชาในดินแดนภาคอีสาน คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
มาร่วมตามรอยธรรมราชาในภาคอีสานกันค่ะ คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
รีวิวท่องเที่ยวเดือนกันยายน ลุยเดี่ยวเช่ามอเตอร์ไซต์ขับไปเขาใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเขาใหญ่ในฤดูฝน เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับไปชมน้ำตก เดินป่าดูนกในดงพนาไพร งามวิไลเลิศเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวท่องเที่ยวเดือน สิงหาคม 2560 รีวิวเที่ยวเมืองเก่าอยุธยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวอยุธยาครึ่งวัน ขี่จักรยานสุขสันต์ตามโบราณสถาน ย้อนวันวานภูมิหลัง งามอลังการชนะเลิศเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
ที่พักเมืองโตเกียว เอาใจขาเที่ยวงบน้อยๆ ห้องพักหลักร้อย คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
แนะนำโรงแรมในโตเกียว ราคาหลักร้อย ประหยัด ใกล้สถานีรถไฟ JR เดินทางได้ใกล้ๆค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักค่ะ>>
 รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวตอนที่ 15 (ตอนจบ) สิ้นสุดการเดินทางอันยาวไกล แวะไปซื้อของฝากเมืองโอซาก้า คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 ไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งดูวิวทะเลสาบคาวากูชิโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งริมทะเลสาบคาวากูชิโกะ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว นั่งรถไฟไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 13 เที่ยวโตเกียวใน 1 วัน นั่งรถไฟสุขส้นต์ไปเมืองคามากุระ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 12  เดินชิลเมืองท่าเรือสุดแสนโรแมนติก ริมทะเล คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 12 แวะเดินชิลๆเมืองฮาโกดาเตะ สุดแสนโรแมนติก ชิคๆน่ารัก คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
แนะนำจ้า ที่พักเกียวโต ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
คัดมา 15 ที่พักเกียวโต สไตล์เรียวกัง ราคาถูก ใกล้สถานีรถไฟ สำหรับคู่รักและครอบครัวค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>  
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมไร่นาเมืองบิเอะ สวยเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็ครีวิวญี่ปุ่นญี่ปุ่น ตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมทุ่งนาข้าวบาร์เลย์เมืองบิเอะตอนบ่าย งามพร่างพรายสวยเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักยานไปชมดอกลาเวนเดอร์บานๆ อลังการเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้คนเดียวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 10 ปั่นจักรยานไปชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์บานตอนเช้าๆ สวยแพรวพราวน่ารักเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น