บทความบล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนพฤศจิกายน 2017 ขอมารีวิวพาทุกท่านไปเที่ยวเมืองแม่ฮ่องสอน ขับมอเตอร์ไซต์ไปชมทุ่งดอกบัวตองค่ะ |
และแล้วก็กลับมาอีกครั้งค่ะ สำหรับรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนค่ะ เดี๊ยนรู้สึกว่าแป๊บๆก็จะสิ้นปีแล้วนะค่ะ เร็วจังเลยค่ะ โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้ เดี๊ญนเองได้มีโอกาสลาพักร้อนจากงานที่บริษัท แบกเป้ลุยเดียวไปท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาค่ะ วันนี้ก็เลยขอมาบอกเล่าเก้าสิบ บันทึกรีวิวไดอารี ท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนให้ท่านได้ไปเที่ยวออนซอนกันสักครั้งค่ะ เผื่อว่าใครยังไม่เคยไปก็ลองแวะไปกันสักครั้งค่ะ รับรองว่าสวยงามเป๊ะปัง อลังการสะท้านโลกา ช่ะช่ะช่าหัวใจจริงๆจ้า
โดยการเดินทางไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนในครั้งนี้ เดี๊ยนเองก็ลุยเดียวอีกเช่นเดิมค่ะ พอดีได้ลาพักร้อนวันธรรมดามาทั้งหมด 4 วันค่ะ จริงแล้วได้วันลาพักร้อนแค่ 3 วัน แต่ได้ Extra ชดเชยวันหยุดมาเพิ่มอีก 1 วัน ก็เลยรวมเป็น 4 วัน และตอนแรกกะจะมีเพื่อนกระเตงมาเที่ยวด้วย 1 คนนะค่ะ แต่นางก็ติดนัดลูกค้ารายใหญ่ ก็เลยไม่ได้มาด้วยล่ะ เดี๊ยนเลยขอไปเทียวคนเดียวอีกเหมือนเดิมค่ะ เป็นทริปปกติไปเสียแล้ว ถ้าไม่ได้มาเที่ยวเนี่ยนะค่ะ เกรงว่าเดือน พ.ย.2560 นี้คงไม่มีบล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนนี้เป็นแน่แท้ค่ะ
โอ้..บ่นมาเยอะล่ะ เอาล่ะค่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลาขอมาพรรณนา ร่ายบทความรีวิวท่องเที่ยวตามรูปภาพให้ให้ท่านสไลด์ดูกันเลยเลยจ้า
แม่ฮ่องสอน..เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวดึงดูดตาและตราตรึงใจ ประทับซึ้งอยู่ในห้วงดั่งดวงหฤทัยของใครหลายๆคนที่อยากมายลโฉมประโลมความงามตามสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ ที่สวยสดงดงาม แวดล้อมไปด้วยหุบเขาเหลาดอยสีเขียว และมีประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิต รวมทั้งอาหารการกินที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นสง่า ให้ต้องแวะมาสัมผัสและดูกันให้เต็มตาสักครั้งค่ะ
โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่เมืองนี้ จะเต็มไปด้วยสายหมอก และอากาศที่หนาวเย็นสบาย และในต้นเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนธันวาคมของทุกปี ฤดูกาลท่องเที่ยวที่ยอดฮิตที่สุดคงหนีไม่พ้น การมาชมทุ่งดอกบัวตอง ซึ่งจะบานเหลืองเรืองรองผุดผ่องเป็นยองใย รับนักท่องเที่ยวมาชมทุกปี ทำให้เศรษฐกิจในเมืองนึ้คึกคักไม่น้อย เดี๊ยนเลยขอไปติดตามสอยดูทุ่งดอกไม้นี้สักครั้งค่ะ
ไปเที่ยวแม่ฮ่องสอน จะเลือกเดินทางด้วยวิธีใดดีน๊า???
1.รถบัสโดยสาร มีรถโดยสารจากกรุงเทพมาถึงแม่ฮ่องสอนทุกวัน นั่งต่อเดียวถึง ราคาถูก ประหยัดดี แต่นั่งรถนานหน่อนนะค่ะ นั่งจนรากงอกออกจากตูดเลยค่ะ และต้องปรับตัวเวลานั่งบนรถด้วย เพราะอาจะไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนขึ้นเขา รถโค้งบัดสลบโยกเยกไปมาหลายพันโค้ง แต่ได้อรรถรสของการนั่งรถบนดอย ที่น้อยครั้งจะได้สัมผัสค่ะ
- ข้อดี ประหยัด นั่งจากกรุงเทพต่อเดียวถึงเลยค่ะ
- ข้อเสีย ใช้เวลานาน นั่งรถตูดบานไปเลย หากใครที่อาการเมารถอยู่แล้ว เตรียมอ้วกได้เลยจ้า
เลือกนั่งรถบัสโดยสารของสมบัติทัวร์
2.เครื่องบิน ต้องนั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่มาลงที่แม่ฮ่องสอน มีเที่ยวบินของสายการบิน Bangkok Airway บินทุกวันค่ะ เครื่องบินลำเล็กๆนั่งแป๊บเดียวก็ถึง เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากนั่งรถนานๆ แต่ราคาก็แพงเอาการอยู่นะค่ะ เหมาะสำหรับคนที่กะตัง และซื้อเวลาการเดินทางได้รวดเร็วจังเลย
- ข้อดี รวดเร็ว ทันใจ แถมสะดวกสบาย ไฉไลเริ่ดเว่อร์
- ข้อเสีย ราคาสูง ต้องไปนั่งต่อเครื่องที่เชียงใหม่มาลงที่แม่ฮ่องสอน
สำหรับตัวดิฉันเดินทางมาแม่ฮ่องสอน เลือกนั่งรถบัสโดยสารค่ะ ตอนแรกกะว่าอยากนั่งเครืองบิน แต่ไปดูราคาแล้ว ไม่ไหวค่ะ โปรโมชั่นก็หมดแล้วด้วย ก็เลยเลือกเอารถทัวร์โดยสารเนี่ยแหละค่ะ เพราะราคาถูก ประหยัดดี เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนงบน้อยๆแบบเดี๊ยนก็ต้องเที่ยวตามงบที่มีค่ะ
และหากใครที่เป็นคนเมารถ หากจะนั่งรถทัวร์โดยสารมาแม่ฮ่องสอน แนะนำพกยาแก้เมารถมาทานด้วยนะค่ะ ไม่งั้นเวลานั่งบนรถตอนขึ้นดอย รถโค้งไปมาหลายพันโค้งเลยค่ะ อาจเกิดอาการบัดสลบและเมารถ อ้วยแตกอ้วกแตนได้นะคะ เดียวจะพาลไม่สบายเอาค่ะ
มาม๊ะ วันหยุดพักร้อนประจำปีนี้ ไม่รู้จะจลีไปใหนดีขอเชิญน้องพี่ แวะมาฉิมพลี สัมผัสวิถึชีวิตที่เมืองแห่งสายหมอก แม่ฮ่องสอนนี้สักครั้งนะค่ะ Let's go
วันแรกของการเดินทางค่ะ
เดี๊ยนยอมยอมอด ยอมทนหลับเพื่อนั่งรถทัวร์โดยสารจากกรุงเทพมาถึงเมืองแม่ฮ่องสอนค่ะ เพราะเป็นการเดินทางที่ต่อเดียวถึงและประหยัดที่สุดแล้วค่ะ
ตอนแรกจะนั่งเครื่องบินไปลงเชียงใหม่ แล้วเช่ามอเตอร์ไซต์ขับมานะค่ะ แต่เกรงจะมีอาการปวดหลังเหมือนครั้งตอนไปเชียงราย เดี๊ยนเลยตัดสินใจนั่งรถทัวร์โดยสารเนี่ยแหละค่ะ
นั่งรถบัสโดยสารของสมบัติทัวร์มาค่ะ
ออกจากกรุงเทพเวลา 18.00 น. ถึง แม่ฮ่องสอน 8.30 น.ค่ะ ใช้เวลาเดินทางกว่า 14 ชั่วโมงค่ะ ยอมอดหลับค่ะ เพราะยังไม่ไงก็นอนไม่หลับ ตั้งแต่รถมาถึงอำเภอฮอด ขับขึ้นเขา ขึ้นดอยสูง โค้งเยอะเหลือเกินค่ะ รถเหวี่ยงไปมา รู้สึกเวียนหัวจะอาเจียน อ้วกออกมา แต่ก็เกรงใจคนในรถจะเหม็นอ้วกของเดี๊ยนเอาค่ะ เลยทน ตาสว่างโล่ห์ มาเฮโลถึงเมืองแม่ฮ่องสอนค่ะ
พอมาถึงสถานีขนส่งพอลงจากรถ ก็ตั้งหลักก่อนเลยค่ะ เข้าไปที่ห้องน้ำ ห้องท่า ล้างหน้าสักหน่อย แต่ก็ไม่อาเจียนนะค่ะ ไม่รู้เป็นไง สงสัยตื่นเต้นจะได้เที่ยว
หลังจากล้างหน้ารับ ความสดชื่นของเช้าวันใหม่ ทั้งที่ไม่ได้หลับมาทั้งคืน เดียวค่อยไปนอนพักที่โรงแรมเอาค่ะ
สักพักก็มีพี่วินมอเตอร์ไซต์มาทัก ว่าแม่หนูจะไปใหนค่ะ เดี๊ยนเลยตอบว่า จะไปร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ค่ะ
เดี๊ยนเลยแบกเป้ใส่หลัง ใช้บริการพี่วินนั่งไปร้านเช่ามอเตอร์ไซต์อยู่ในเมืองค่ะ เดี๊ยนเองก็ไม่รู้ว่าร้านใหนนะค่ะ แต่ก็ให้พี่วินขับมอเตอร์ไซต์ไปส่งค่ะ เพราะเป็นพาหนะเดียวที่เดี๊ยนถนัดและขับไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆได้ในงบที่จำกัดค่ะ
สำหรับราคาบริการวินมอเตอร์ไซต์จากสถานีขนส่งไปยังร้านเช่ามอเตอร์ไซตฺ์ในแม่ฮ่องสอนอยู่ที่ 40 บาทค่ะ
ถึงร้านเช่ามอเตอร์ไซต์แล้วค่ะ ชื่อร้านเช่ามอเตอร์ไซต์พีอาร์ PR อยู่ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ใกล้กับหนองจองคำเลยค่ะ
ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ในเมืองแม่ฮ่องสอน อยู่ใกล้ๆหนองจองคำเลยค่ะ เห็นมีอยู่ร้านเดียวนะ |
ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ในเมืองแม่ฮ่องสอน แม้จะเก่าหน่อย แต่ก็มีมอเตอร์ไซต์ให้เช่า หลากหลายราคา ร้านเช่าอยู่ใกล้หนองจองคำ |
ร้านเช่าอยู่ใกล้ๆหนองจองคำเลยค่ะ
สภาพร้านเช่าก็มีมอเตอร์ไซต์อยู่หลายคันให้เลือกค่ะ
รถส่วนใหญ่เป็นรถรุ่นเก่าๆสไตล์ honda wave รถไม่ค่อยใหม่เท่าไหร่ค่ะ แต่น่าจะแรงเอาการอยู่เหมือนกันค่ะ
มีราคาให้เลือกเช่าแบบวันละ 250 บาท และวันละ 180 บาท มัดจำ 1000 บาทพร้อมบัตร ปปช.ค่ะ
ที่ร้านเช่ารถก็มีแผนที่พร้อมเบอร์โทรติดต่อให้ด้วยนะค่ะ จะได้ไม่หลงทิศหลงทาง อ้างและเดียวดายจนเกินไป |
โดยเดี๊ยนติดต่อเช่ามอเตอร์ไซต์ 3 วัน
เลือกเช่ารถมอเตอร์ไซต์แบบธรรมดา ราคาเช่าวันละ 180 บาท
มีค่ามัดจำรถ 1000 บาทค่ะทางร้านยึดบัตร ปปช.เอาไว้ค่ะ
นอกจากนี้ทางเจ้าของร้าน ก็มีแผนที่แนะนำแหล่งท่องเที่ยวให้ด้วยนะค่ะ
เดี๊ยนตัดสินใจเช่ารถ 3 วันค่ะ
รวมค่าใช้จ่าย 540 บาท
ส่วนอีก 1 วันสุดท้ายจะเดินทางด้วยรถตู้ไปอำเภอปายค่ะ
หมวกกันน๊อคก็มีให้นะค่ะ แต่หมวกค่อนข้างเก่ามากๆ น่าจะผ่านการใช้งานมาแล้วหลายเศียรเกล้าเลย กลิ่นหัวใครไม่รู้ต่อหัวใคร ดมกันเอาค่ะ |
แต่ก็ต้องใส่ป้องกันความปลอดภัยไว้ก่อนนะค่ะ เผื่อขึ้นดง ขึ้นดอย เกิดพลาดท่าหัวขมัมฟาดพื้น ไถล่ลื่นลอยดอย 98 ล้านชั้น เดียวจะแย่เอานะค่ะ
มอเตอร์ไซต์ที่ดิฉันเลือกเช่าวันนี้ หนีไม่พ้นรถรุ่นเก่าๆ เหมาะสำหรับคนเก่าๆแต่ใจไม่เก่านะค่ะ ยังมัวเมาอยู่เสมอ |
พร้อมลุย เช่ามอเตอร์ไซต์วันละ 250 บาท |
หลังจากได้เช่ารถมอเตอร์ไซต์ แล้วก็ขับมา check in ที่ Lakeside garden Guesthouse คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/xWcJ2E |
ที่พักคืนแรกนี้ เดี๊ยนแวะนอนพักค้างที่ Lakeside Garden Guesthouse ที่พักแบบเกสต์เฮ้าส์ สไตล์ Backpacker แนวห้องพักหลักร้อย ราคาไม่แพงอยู่ใกล้หนองจองคำ
เข้ามานั่งด้านใน รอเช็คอินน์ค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/xWcJ2E |
เนื่องจากตอนที่ดิฉันเข้ามาเช็คอินน์เป็นช่วงเช้า ทางเจ้าของที่พักก็เลยแจ้งให้รอสักพักนึง เพราะต้องทำความสะอาดห้องพักก่อนค่ะ
ปกติแล้วเวลาเข้ามาโรงแรมต้องเช็คอินน์ตอนบ่ายค่ะ แต่ด้วยเดี๊ยนไม่ไหวเลยขอทางที่พัก เข้าพักก่อนค่ะ
เดินขึ้นมาที่ห้องพัก เจอแขกกำลังนั่งฟินอยู่ริมระเบียงค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/xWcJ2E |
ห้องพักคืนนี้ ห้องพักราคาหลักร้อย มีหน้าต่างเปิดไปเห็นหนองจองคำ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/xWcJ2E |
ภาพห้องพักคืนนี้ ห้องมีห้องน้ำในตัวนะค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/xWcJ2E |
เตียงนอนนิ่มดีนะค่ะ แต่หมอนแบบเรียบไปกับที่นอนเลยค่ะ ไม่ไหวจะเคลีย ขอเปลี่ยนหมอนได้ใหม๊ ไม่ต้องหมอนขนเป็ดก็ได้ ขอพองๆหน่อยก็ดีค่ะ
มีห้องน้ำในตัว ห้องดูแคบไปหน่อย แต่ก็โอเคค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/xWcJ2E |
ห้องพักไม่มีเครื่องปรับอากาศนะค่ะ เป็นห้องพัดลมจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/xWcJ2E |
พักค้างที่ Lakeside Garden Guesthouse ห้องพักหลักร้อย สำหรับ Bacpacker คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/xWcJ2E |
ดิฉันขับมอเตอร์ไซต์ออกจากที่พักมาไม่ไกลค่ะ แวะมาในย่านใจกลางเมือง บรรยากาศในเมืองก็ดูเงียบๆ ไม่วุ่นวายเลยค่ะ นานๆจะเห็นรถผ่านสักคันค่ะ
เมืองแม่ฮ่องสอน เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักมุ้งมิ้งมากๆค่ะ ตัวเมืองไม่พลุ่กพล่านและไม่ค่อยวุ่นวาย ทำให้ใครก็ตามที่ได้มาเมืองนี้ ต่างก็ตกหลุมรักในเสน่ห์ของเมืองนี้ไม่น้อยค่ะ ถึงแม้วันที่ไปแดดจะร้อนอบอ้าว แต่ท้องฟ้าก็สีสันสวยงาม สุขสกาวไม่เบาค่ะ
ใหนๆแวะมาถึงเที่ยวเมืองแม่ฮ่องสอนทั้งที เรามารู้จักจังหวัดแม่ฮ่อนสอนกันค่ะ
แม่ฮ่องสอน ถือเป็น เป็นจังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย มีความโดดเด่นหลายลักษณะ โดยเฉพาะสภาพภูมิประเทศ ความหลากหลายด้านวัฒนธรรม และความหลากหลายของประชากรจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ นับเป็นจังหวัดที่สถิติน่าสนใจหลายอย่าง เช่น มีประชากรเบาบางที่สุดในประเทศ และมีประชากรน้อยมากเป็นอันดับ 5 ในขณะที่มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 8 ของประเทศ
แม่ฮ่องสอนได้ชื่อว่าเป็น เมืองสามหมอก เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน สภาพอากาศมีหมอกปกคลุมตลอดเวลาส่วนใหญ่ของปี นอกจากนี้แม่ฮ่องสอนยังนับเป็นพื้นที่ปลายสุดด้านตะวันตกของประเทศ คือที่เส้นแวง 97.5 องศาตะวันออกในเขตอำเภอแม่สะเรียง (ตะวันออกสุดของประเทศ อยู่ที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ที่ 105.5 องศาตะวันออก)แม่ฮ่องสอนได้รบการสถาปนาขึ้นเป็นเมือง เมื่อปี พ.ศ. 2417 โดยพระเจ้าอินทรวิชยานนท์ พระเจ้านครเชียงใหม่ เจ้าเมืองประเทศราชแห่งสยามประเทศ
https://th.wikipedia.org/wiki/แม่ฮ่องสอน
เดินเลาะตลาดในเมืองแม่ฮ่องสอน หรือตลาดสายหยุดในช่วงตอนสายๆใกล้เที่ยง แต่ก็มียังมีผู้คนมาเดินแวะเวียนกันตลอดนะค่ะ
แวะมาเดินด้านในตลาด ยังมีพ่อค้าแม่ค้าขายของกันอยากคึกคักเลยค่ะ ไม่ได้หยุดตามชื่อเลยนะค่ะ
เดินมาถนนในเมืองนี้ก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆ สไตล์คลาสสิค ผสมความเป็นบูติคและเก๋ๆอยู่หลายมุมค่ะ หากใครที่ถ่ายรูปเก่ง และมีกล้องสวยๆก็มาเดินถ่ายรูปให้เพลินเอาไปลงในเฟสบง เฟสบุ๊ค ไอจง ไอจีนะค่ะ
เจอน้องเหมียวนั่งทำตาแบ๋วๆ อยู่หน้าร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์ใกล้ตลาดสายหยุด ดูน่ารักมุ้งมิ้งเชียวค่ะ
เดี๊ยนพยายามจะเดินอ้อมร้าน มันก็เดินตามเดี๊ยนมานะค่ะ ไม่รู้มันโกรธหรือเปล่าที่เดี๊ยนไม่เข้าไปซื้อของในร้านค่ะ
และใกล้ๆกับตลาดก็มีพิพิธภัณฑ์ชีวิต เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินน์ที่เดี๊ยนดูรีวิวบล็อกของท่านอื่นๆ แนะนำให้มาที่นี้ค่ะ เพราะที่นี้มีข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหารอร่อยๆ ถือเป็นศูนย์ประสานงานเพื่อใช้รวบรวมข้อมูลต่างๆของเมืองนี้ด้วยค่ะ
เข้ามาบรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์ชีวิต ก็ดูคลาสสิคกิ๊บเก๋ไม่เบาเลยนะค่ะ
เจ้าหน้าที่ในศูนย์แห่งนี้ก็แนะนำร้านอาหาร ให้มีแผ่นพับข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์มีชีวิตให้ด้วยค่ะ
ข้อมูลน่าเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ชีวิตแม่ฮ่องสอน มาลองอ่านกันดู ได้ความรู้ดีเว่อร์ค่ะ
สำหรับเมืองแม่ฮ่องสอนนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์ทางด้านวัฒนธรรม มีภาพประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านช่วงเวลาอันยาวนาน ซึ่งสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน ผ่านวัฒนธรรมการแต่งกาย ภาษา อาหาร และประเพณีที่สือทอดจากรุ่น ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์ครบดังยุคก่อน แต่ยังคงรักษาภาพเก่าในอดีตไว้เป็นอย่างดี แม่ฮ่องสอนจึงถือเป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ของความเป็นตัวตน สัมผัสได้ถึงความเป็นท้องถิ่นและมีดุลยภาพระหว่างสภาพธรรมชาติกับสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น ในรูปแบบโบราณสถาน โบราณวัตถุ และวิถีชีวิตชุมชน ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์
อย่างไรก็ตาม การอนุรักษ์ที่สัมฤทธิ์ผล จะต้องดำเนินควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงการโดยใช้แนวทางของการพัฒนาที่ไม่ทำให้เมืองสูญเสียรากเหง้าทางวัฒนธรรม ซึ่งจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสม สอดคล้องต่ออัตลักษณ์เมือง และวิถีการดำเนินชีวิตของคนในชุมชน
พิพิธภัณฑ์มีชีวิต จึงถือได้ว่าเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง ในการอนุรักษ์และพัฒนาให้ทั้งเมืองและผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล มุ่งสร้างกลไกที่ผลักดันเศรษฐกิจชุมชนด้วยการส่งเสริมให้คนในชุมชนเคารพและตระหนักถึงแก่นแท้และความเป็นตัวตนทางวัฒนธรรมของเมือง โดยมีพื้นฐานจากความเข้าใจว่า ทำไมเราจึงต้องอนุรักษ์ และเผยแพร่สิ่งเหล่านี้ ชุมชนต้องร่วมมือกันสร้างกฎระเบียบสำหรับการเป็นเมืองมรดกทางวัฒนธรรมมีข้อกำหนดและแนวทางของชุมชนที่ชัดเจนหรือส่งต่อให้คนรุ่นหลัง เพื่อให้แม่ฮ่องสอนเป็นเมืองอนุรักษ์ที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตดั้งเดิมผสมผสานกลมกลืนได้กับแนวคิดสมัยใหม่ ซึ่งก็คือการพัฒนาที่ยั่งยืน
ขอขอบพระคุณข้อมูลจากแผ่นพับความรู้ พิพิธภัณ์ชีวิตแม่ฮ่องสอน
ในเมืองนี้ก็มีร้านอาหารอร่อยเริ่ด ให้ไปเปิปทานลงกระเพาะอยู่หลากหลายร้านเลยค่ะ
มื้อเช้ายังไม่ได้ทานอะไรเลยค่ะ ใกล้ๆกับตลาดสายหยุด ดิฉันเลยเดินแวะมาที่ร้านข้าวแกงป้าศรีบัว เป็นร้านอาหารใตแบบไทยใหญ่พื้นเมืองของแม่ฮ่องสอน ที่เปิดมานานหลายสิบปีค่ะ
ตั้งอยู่ใกล้ตลาดสายหยุด อยู่ฝั่งเดียวกับพิพิธภัณฑ์
ร้านป้าศรีบัวขายอาหารพื้นเมืองของชาวไตมานานหลายสิบปีจนคนในพื้นที่รู้จักกันดี เริ่มเปิดขายตั้งแต่เวลาประมาณ 7.30 น.ถึงช่วงสายๆกับข้าวบางอย่างที่ขายดีๆก็จะหมดไป จนบางครั้งต้องทำเพิ่มรอบสองค่ะ
ภายในร้านก็มีอาหารไตพื้นเมืองให้เลือกหลายรายการเลยค่ะ อาทิ แกงฮังเล จิ้นลุง ตุ๋นไก๋ อุ๊บไก่ อุ๊บไข่่ อุ๊บเครื่องใน แกงโฮะ น้ำพริกคั่ว แคบหมู และอีกหลายอย่างเช่น ผัดผักหวาน อาหารแบบคนเหนือเจ้า แวะมาทั้งทีต้องลิ้มลอง
แวะเข้ามาแม่ฮ่องสอน ทานอาหารมื้อแรก เป็นอาหารไตพื้นเมืองเหนือ จัดไปค่ะ ข้าวราดแกงฮังเล รสชาติอร่อยเริ่ดลำขน๊าดนักเจ้า ราคาเบาๆบ่แพงเน้อเจ้า จานละ 40 บาทค่ะ
หลังจากทานอาหารอิ่มท้องแล้วนะค่ะ ใกล้ๆกับร้านขายข้าวแกง ก็มีร้านขนมพื้นเมืองของชาวไทยใหญ่ ชื่อร้านป้ามณี ให้ได้ลิ้มลองกันกันด้วยค่ะ ใหนแวะมาทั้งทีต้องไม่พลาดซื้อมาทานค่ะ
แค่ชื่อขนมก็ชนะเลิศแล้วค่ะ เป็นภาษาไทยใหญ่ มีขนมอาละหว่า-จุ่ง ส่วยทะมิน และขนมอะไรอีกอย่างไม่รู้ จำชื่อไม่ได้ค่ะ เพราะไม่ได้ถ่ายติดกล้องมาด้วย
ดูหน้าตาขนามแล้ว คลับคล้ายคลับคลากับกาแฟคาปูชิโน่โรยด้วยผงโก้ๆ อะไรประมาณนั้นค่ะ หน้าทานจังค่ะ ต้องลิ้มลองค่ะ
คุณป้าบอกว่าขนมทำทุกวัน จะโรยหน้าด้วยกะทิแล้วเอาไปเอากับเต่าทาน จะได้หน้าขนมที่มีสีน้ำตาลไหม้หน่อยๆ จะทำให้กะทิทีกลิ่นหอมและรสชาติดีเมื่อทานกับเนื้อขนมด้านใน จะได้อร่อยไฉไลเว่อร์ค่ะ
ดิฉันเลยขอซื้อมาลิ้มลอง 2 ชิ้นค่ะ คือขนมอาล่ะหว่า-จุง ชื่อนี้ออกเกาหลีหน่อย กับขนมส่วยทะมิน ชื่อนี้ออกเป็นทาสเบื้องล่างยังไงเป็นรู้
ลองตักทานแล้ว รสชาติหอมหวาน นุ่มลิ้น ฟินไม่แพ้ขนมไทยเลยล่ะค่ะ รสชาติแบบโรยหน้าด้วยกะทิหอมๆรสออกเค็มๆหน่อย คล้ายขนมไทยเลยค่ะ โดยเฉพาะขนมส่วยทะมิน เหมือนข้าวเหนียวผสมสังขยาอะไรประมาณนั้นเลย อร่อยเริ่ดสะแมนแตนค๊า
และหลังจากที่ดิฉันได้อิ่มหน่ำสำราญ ทานอาหารพื้นเมือง และขนมหวานอร่อยเริ่ดไปแล้วนะค่ะ ตอนบ่ายก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ เตรียมขับไปดอยแม่อูคอ ระยะทางไม่ใกล้เลยค่ะ ไกลพอสมควรค่ะ
เพราะใหนๆก็อุตสาห์ตั้งใจมาแม่ฮ่องสอนทั้งที เดี๊ยนมาเพื่อจะได้ชมทุ่งดอกบัวตองแห่งนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต เคยได้แต่ยลโฉมดูในอินเตอร์เน็ต ในเว็ปท่องเที่ยวที่เค้าได้ถ่ายรูปมาแล้ว มันสวยบาดตา บาดใจเหลือเกิน ยังไงต้องไปให้ได้ เลยเช่ามอเตอร์ไซต์ไปซ่ะเลยค่ะ
สำหรับใครที่จะเช่ามอเตอร์ไซต์ขับไปดอยแม่อูคอ เตรียมร่างกายให้พร้อม และยอมทนเมื่อยสักหน่อยนะค่ะ
ระยะทางจากเมืองแม่ฮ่องสอนไป ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอประมาณ 90 กิโลเมตรค่ะ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถ้าขับรถก็ 2 แต่ถ้าเอื่อย เฉื่อยๆแบบเดี๊ยนขับไป 3 ชั่วโมงกว่าค่ะ ถ้าเมื่อยก็แวะพัก
แต่ถ้าใครที่ไม่อยากขับรถมอเตอร์ไซต์ให้เมื่อยตูด ก็เช่ารถยนต์ไปเลยจ้า
ระหว่างทางขับรถไต่ขึ้นเขามาได้สัก กม.ที่17 ก็แวะพักอ้วกที่จุดชมวิวผาบ่องค่ะ
แวะมาพักอ้วกที่จุดชมวิวผ่าบองค่ะ ตามป้ายเขียนไว้ว่า 1864 โค้ง แต่เดี๊ยนไม่ได้นับเลยค่ะว่ากี่โค้ง รู้ว่าโค้งเยอะมากๆ แทบอ้วกจริงๆค่ะ
ขับรถมอเตอร์ไซต์กำลังจะลงเขาค่ะ ขับรถตามทหารต้อยๆมา ฝนก็โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ก็เลยต้องหยุดให้ฝนซาลงสักหน่อยค่ะ
ยังดีที่ซื้อน้ำดื่มมาระหว่างทาง ไม่งั้นต้องเอามือรองดื่มน้ำฝนกลางทางเป็นแน่แท้ค่ะ
หลังจากฝนหยุดแล้ว ดิฉันก็มุ่งมั่นขับรถต่อไปอีก 30 กิโลค่ะ ตอนนี้ขับมาได้ 60 กิโลแล้วค่ะ รู้สึกว่ามันไกลเหลือเกิน มันไกลเพราะทางโค้ง ถ้าทางไม่โค้งคงถึงตั้งนานแล้วกระมัง
ขับมาเรื่อยเริ่มเห็นดอกบัวตอง อยู่ริมทาง กำลังผลิดอกเบ่งบานเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวค่ะ
เส้นทางไปดอยแม่อูคอก็เป็นเนินเขาชันไม่น้อยค่ะ เวลาขับต้องค่อยๆขับ ไม่เกียร์ 1 ก็เกียร์ 2 ค่ะ
เพราะถนนทางค่อนข้างลื่น เนื่องจากฝนตกค่ะ
ขับขึ้นเนินเขามา เห็นท้องฟ้าเริ่มจะก่อตัวมืดครึม ดูท่าฝนจะตกอีกครั้งค่ะ
ขับรถไต่เขามาเมื่อยหลังมากๆ แวะหยุดให้มอเตอร์ไซต์ได้พักเครื่องสักหน่อยค่ะ ก็แวะพักระหว่างทาง ชมดอกไม้สวยๆ จะได้ไม่มอดม้วยมรณานะค่ะ ดอกไม้สีชมพูสวยดี ไม่รู้ดอกอะไร จำชื่อไม่ได้แล้วค่ะ
นั่งดื่มน้ำชมความงามวิวทิวทัศน์ของหุบเขาเหลาดอยสีเขียวและมวลพฤกษา บุปผชาติหลากหลายพันธุ์ให้ได้ชื่มชมกันอยากเพลิดเพลินใจค่ะ
มีดอกไม้สีชมพูหวานฟรุ้งฟริ้งงดงามจริงๆค่ะ หากจะเข้าไปถ่ายภาพด้านใน ก็มีค่าธรรมเนียมเข้าไปนะค่ะ เสียค่าเข้าไปถ่ายแค่ 10 บาทค่ะ
บางครั้งขับรถก็เกรงว่าจะไถล่ลื่นลงจากถนนเหมือนกันนะค่ะ เพราะบางเส้นทางชันเหลือ แต่ได้เห็นดงดอกไม้สีเหลืองริมทางแล้วก็ชื่นใจ หายเหนื่อยค่ะ
ขับมาถึงสักทีค่ะ ดูมอเตอร์ไซต์คันเก่าๆแบบนี้ แต่ก็แรงดีไม่ใช่น้อยนะค่ะ ถึงแม้แรงม้าจะน้อยก็ตามค่ะ ก็ขับได้เรื่อยๆมาจนถึงที่หมาย แต่ก็เล่นเอาซ่ะเมื่อยตูดเลยค่ะ พอมาถึงเห็นทุ่งดอกบัวตองก็หายเหนื่อยจริงๆค่ะ งดงามล้ำค่าสมที่ได้ตั้งเป้าหมายขับรถมาไกลจริงๆค่ะ
เดินขึ้นมาบนเนิ่นก็สวยงาม เป็นทุ่งดอกไม้ผลิบานเป็นสีเหลืองอร่ามเรืองรอง ผุดผ่องเป็นยองใย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนจริงๆค่ะ
มีมุมชมวิวและมุมถ่ายรูปมหาชน ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายกันอย่างไม่ขาดสาย เนี่ยขนาดวันธรรมดานะค่ะ คนยังมากันเยอะเชียว ถ้าเสาร์อาทิตย์ เดี๊ยนว่ารถไม่ติดที่ปลายดอยเลยเหรอ
ภายในทุ่งดอกบัวตองแห่งนี้ก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆ หลายจุด หลายมุมเลยค่ะ เรียกว่ามองไปทางใหนก็สวยงาม เบิกบานตาจริงๆค่ะ
เกี่ยวกับทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ ????
ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอในอำเภอขุนยวม อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งในเมืองไทย ที่ดึงดูดตาและตราตรึงใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต้องมาผงาด ถ่ายรูปชมความงามบนดอยแห่งนี้สักครั้ง เพราะดอกไม้จะเบ่งบานเฉพาะในช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น
โดยจะบานในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ถึง กลางเดือนธันวาคมทุกปี ทำให้เส้นทางไปสู่ดอยแห่งดอกไม้แห่งนี้ คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศเพื่อมายลโฉมประโลมความงามของมวลดอกบัวตอง ที่งามผุดผ่องเป็นยองใยไปทั่วผืนดอย
คำเตือนหากมาเที่ยวชมทุ่งดอกบัวตองแห่งนี้ ขอความกรุณาห้ามเด็ดดอกไม้ค่ะ
ท้องฟ้าในช่วงยามบ่ายแก่ๆ ก็ยังมีสีฟ้าตัดกับสีหม่นของก้อนเฆมอยู่บ้างค่ะ
เดินไปชมทุ่งดอกไม้ด้านบนค่ะ จะเป็นศาลาที่ประทับ และจุดชมวิวค่ะ
เดินขึ้นมาบนจุดชมวิวด้านบน อากาศเย็นสบายดีเหลือเกินค่ะ แม้บางครั้งท้องฟ้าจะมืดหม่นไปบ้าง หรือสว่างบ้าง แต่ลมก็พัดเย็นดี แถมไม่หนาวจนเกินไปค่ะ
ขึ้นมาบนดอย ก็เห็นดอกบัวตองเอนเอียงไปตามสายลม
มองไปก็เป็นวิวทิวทัศน์ของหุบเขาเหลาดอย และดงดอกไม้สีเหลือบานอร่ามจับตาคณานับจริงๆค่ะ
ไฮไลท์ที่นี้หากใครมาเยือน นอกจากดอกไม้สีเหลืองทองอร่ามแล้ว คงจะเป็นแสงออร่าที่เปล่งฟุ้งกระจ่าย สลายตัวมาจากฟากฟ้า ทอสาดแสงส่องลงมาดูสวยงามชื่นอุรายิ่งนักเชียวค่ะ คือแบบว่าสวยมากๆ เดี๊ยนชอบจริงๆ แต่ก็แต่งภาพให้สวยกว่านี้ไม่ได้แล้ว เอาภาพดิบๆมาลงเลยค่ะ เพราะถ้าแต่งเดียวภาพดูสวยเว่อร์เกินไปค่ะ
มองไปทางใหนก็เหลืออร่ามสวยงามจับตาคณานับเหลือเกินค่ะ ถ่ายรูปเพลินดีค่ะ แต่ก็ถ่ายอยู่มุมนี้มุมเดียวนะค่ะ ไม่ได้เดินไปใหนเลยค่ะ
ไฮไลท์ที่นี้หากใครมาเยือน นอกจากดอกไม้สีเหลืองทองอร่ามแล้ว คงจะเป็นแสงออร่าที่เปล่งฟุ้งกระจ่าย สลายตัวมาจากฟากฟ้า ทอสาดแสงส่องลงมาดูสวยงามชื่นอุรายิ่งนักเชียวค่ะ คือแบบว่าสวยมากๆ เดี๊ยนชอบจริงๆ แต่ก็แต่งภาพให้สวยกว่านี้ไม่ได้แล้ว เอาภาพดิบๆมาลงเลยค่ะ เพราะถ้าแต่งเดียวภาพดูสวยเว่อร์เกินไปค่ะ
หากใครมาก็ไม่พลาดต้องถ่ายรูปคู่กับดงดอกไม้สีเหลืองทอง ที่บานอร่ามไปทั่วผืนดอยค่ะ
ดอกไม้ส่วนใหญ่จะมีน้ำหวานอยู่ในเกสรดอกไม้ ทำให้มีผึ้งตัวน้อย ออกมาบินว่อนตอมอยู่ในเกล็ดเกสรดอกไม้นี้ คงได้น้ำหวานชั้นดีไปผลิตน้ำผึ้งแท้ๆดีไม่ใช่น้อยเลยค่ะ
ดูผึ้งตัวนี้ซี เดี๊ยนพยายามกดชัดเตอร์ลั่นแรงๆ
มั่นก็ยังมั่นคงเก็บหอมรอบริบ น้ำหวานในเกสรของแม่ดอกบัวตองนี้อยู่
ไม่ยอมจรลีบินหนีไปใหนเลยค่ะ
ทุ่งดอกบัวตอง ต.แม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน
มีความความสูงอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1600 เมตรค่ะ
หากใครที่แวะมาคงไม่พลาดต้องแชะภาพถ่ายรูปได้หลายร้อย หลายพันภาพเลยนะค่ะ เพราะสวยสดงดงาม ธรรมชาติสรรสร้างได้ดีเริ่ดสะแมนแตนจริงๆค่ะ
หรือหากใครที่อยากได้ซึมซับบรรยากาศความหนาวเย็น ก็ขับรถพกเต็นท์ขึ้นมากางนอนชมดอกไม้บนดอยแห่งนี้ได้นะค่ะ ดูน่าจะได้ฟิลลิ่งไม่น้อยเลยค่ะ เพราะงามอ้อยสร้อยไปด้วยดอกไม้สีเหลืองบานไปทั่วดอยค่ะ
และหลังจากที่ดิฉันได้ชื่นชมทุ่งดอกบัวตองจนอิ่มหน่ำสำราญอุราจนถึงเวลาเกือบ 5 โมงเย็นกว่า ก็ได้เวลาที่จะต้องขับมอเตอร์ไซต์ แว๊นกลับไปเมืองแม่ฮ่องสอนแล้วค่ะ ขับมอเตอร์ไซต์ขึ้นลงหุบเขาเหลาดอย ท่ามกลางความมืด ระหว่างขับรถไปก็ดูป้ายกิโลเมตรไปค่ะ นับ 123 ในใจเมื่อไหร่จะถึงสักทีน้อ
เดี๊ยนใช้เวลาขับมอเตอร์ไซต์บิดคันเร่ง แว๊นมาใช้เวลา 2.30 ชั่วโมงก็ถึงเมืองแม่ฮ่องสอนอย่างปลอดภัยค่ะ พอมาถึงเมืองแม่ฮ่องสอน ก็ไปเดินเพลินๆ แวะหาอะไรทานก่อนเลยค่ะ โดยในวันที่เดี๊ยนมาเที่ยวเดินในถนนคนเดินแห่งนี้ เป็นวันธรรมดา ก็มีนักท่องเที่ยวไม่เยอะมากนัก แต่ถ้าเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์คงคึกคักไปด้วยนักเดินทางที่มาเดินช๊อปที่ตลาดแห่งนี้ไม่น้อย
ถนนคนเดินเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นอีกแหล่งช๊อปปิ้งและถนนขายของที่น่ารักที่สุดอีกแห่งหนึ่ง โดยจะคึกคักเป็นพิเศษในช่วงฤดูท่องเที่ยว มีระยะทางสั้นๆไปสุดที่หน้าวัดจองกลางริมหนองจองคำค่ะ
โดยเสน่ห์ของเมืองแม่ฮ่องสอน ยามเย็นก็คงจะหนีไม่พ้น ถนนคนเดินริมหนองจองคำ ที่มีเสน่ห์กิ๊บเก๋ไม่เบาค่ะ ยานถนนคนเดินแห่งนี้ ก็มีร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น กระเป๋า รองเท้า และผลิตภัณฑ์แฮนเมดหลากหลายแบบให้เลือกซื้อค่ะ
ความงดงามของพระธาตุในวัดจองคำในยามค่ำคืนที่สวยสดงดงาม แสงสว่างของไฟที่ประดับประดาบนเจดีย์ก็ช่วยเพิ่มความสวยงามให้ถนนคนเดินแห่งนี้มีความอลังการและมีเสน่ห์ชวนให้หลงไหลไม่น้อยค่ะ
ภายในตลาดก็มีสินค้าจำพวกสินค้าในพื้นถิ่น แบบงานทำมือ ดูน่ารักฟรุ้งฟริ้ง น่าซื้อเอาไปเป็นของฝากจริงๆค่ะ
และที่พลาดไม่ได้หากแวะมาถนนคนเดิน คงต้องมาเลือกสรรหาของกินอร่อยในย่านตลาดถนนคนเดินแห่งนี้ค่ะ ซึ่งก็มีร้านขายอาหารทั้งคาว หวานให้เลือกทานหลากหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นปิ้ง ย่าง ต้มยำ ทำแกง ก๋วยเตี่ยว เส้นหมี่ ผัดอบ โอ้ยสาระพัด สาระเพ แล้วแต่จะเลือกทานค่ะ
ดูอย่างเช่นอันนี้ เป็นข้าวปุกงาดำ ของกินภาคเหนือที่ในกรุงเทพก็ไม่ค่อยจะหาทานได้ง่ายเท่าไหร่นักค่ะ ถ้าอยากทานก็ต้องแวะเวียนมาทางภาคเหนือเลยค่ะ
เดินไป เดินมา กระเพาะเริ่มร้องได้เวลาหาอะไรมาลงท้องแล้วค่ะ เพราะใช้พลังงานกับการแว๊นขับมอเตอร์ไซต์ไปซ่ะไกลเชียวค่ะ รวมไปกลับ 180 กิโลเมตรค่ะ มามื้อเย็นนี้ที่แม่ฮ่องสอส ขอจัดเต็มแบบเพิ่มแคลโลรี่เป็น 1800 ไปเลยค่ะ
และถ้าจะให้ดีนะค่ะ แนะนำซื้ออาหารมานั่งทานริมหนองจองคำ ได้บรรยากาศแบบเริงระบำสำราญใจที่สุดแล้วค่ะ นั่งทานอาหารเย็นไป ดูบรรยากาศยามค่ำคืนของเจดีย์วัดจองคำที่ส่องสะท้อนสู่หนองน้ำ ก็งดงามจับใจยิ่งนักค่ะ
มารู้จักหนองจองคำกันค่ะ ???
หนองจองคำถือเป็นศูนย์กลางของเมืองแม่ฮ่องสอนในฐานะสวนสาธารณะอยู่ใจกลางเมือง
สภาพเป็นหนองน้ำซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
โดยชาวชาวเมืองใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
และนักท่องเที่ยวก็พลอยได้อาศัยชมเมืองเป็นที่เดินเล่น
ถ่ายรูปและชมเมืองไปด้วย โดยมีวัดจองกลาง และวัดจองคำ
ตั้งตระหง่ายอยู่ริมหนองน้ำแห่งนี้ กลายเป็นจุดเช็คอินน์
และถ่ายภาพที่สวยงามอีกแห่ง โดยจะมีเจดีย์สีทองอร่ามเรืองรอง
สะท้อนกับเงาในหนองน้ำ
ทำให้ภาพนี้งามบาดใจนักท่องเที่ยวและนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก
และยามเย็นที่ถนนเส้นนี้ยังถูกเนรมิตให้เป็นถนนคนเดินแสนน่ารักเป็นที่สุด
และทั้งหมดก็อยู่ล้อมรอบหนองจองคำ ล้วนได้มีส่วนช่วยเพิ่มเติมเสริมเสน่ห์
กิ๊บเก๋ยูเรก้าและสีสันให้กับเมืองแม่ฮ่องสอน
ซึ่งเปรียบได้ดั่งอัญมณีล้ำค่าที่คู่ควรกับเมืองแห่งสายหมอกนี้อย่างแท้จริง
จบทริปไป 1 วัน ขับมอเตอร์ไซต์สุขสันต์ไปชมทุ่งดอกบัวตองสมใจอยาก เพราะสวยงามมาก กระชากใจเริ่ดเว่อร์ค่ะ ถ้ามีโอกาสมาอีก ขอคนช่วยขับรถได้ยิ่งดีค่ะ เพราะเดี๊ยนไม่ไหวจะเพลียกับทางโค้งจริงๆค่ะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------
วัดถัดมาก็มีแขกมานั่งมุมนี้อีกแล้วค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/xWcJ2E |
ดิฉันตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะ เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายถัดไปค่ะ
เปิดประตูห้องพักออกมา ก็เห็นคู่บ่าวสาว ชาวต่างชาติกำลังนั่งชมวิวอยู่ที่ระเบียงค่ะ
เช้าในวันที่ 2 ของการเดินทางนี้ เดี๊ยนก็เดินจากที่พัก มาฝากท้องไว้ที่ร้านแม่ศรีบัวอีกครั้งค่ะ เพราะเป็นอาหารพื้นเมืองเหนืออร่อยถูกปากดีค่ะ
มื้อเช้านี้จัดไปเบาๆ ตุ๋นใก่ใส่ดอกไม้จีน รสชาติออกเปรี้ยวๆหวานๆ แตกต่างจากที่เคยกินในกรุงเทพค่ะ รสอร่อยดีค่ะ พึ่งจะเคยทานค่ะ ค่าเสียหายมื้อเช้านี้ 40 บาทแวะมาเดินย่อยอาหารมาที่หน้าตลาดสายหยุดอีกครั้ง แต่ยามเช้าที่นี้คึกคักมาก ต่างจากเมื่อวานที่เดี๊ยนมาเดิน ค่อนข้างเงียบเหงา แต่ตลาดที่นี้ก็เปิดขายของทั้งวันค่ะ
ตลาดสายหยุด ถือเป็นตลาดที่รวบรวมความเป็นแม่ฮ่องสอนไว้ในที่นี้แห่งเดียว เริ่มตั้งแต่เวลาเช้ามืด พอสายๆคนก็จะว่างตามชื่อตลาดค่ะ แต่ปัจจุบันตลาดแห่งนี้ก็เปิดขายทั้งวัน
และหลังจากที่ได้ทานข้าว เดินย่อยกระเพาะแล้วนะค่ะ ดิฉันก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ขับไปยังวัดคู่บ้านคู่เมืองอีกแห่งในแม่ฮ่องสอน นั้นก็คือ วัดพระธาตุดอยกองมูค่ะ
สาระน่ารู้ เกี่ยวกับวัดพระธาตุดอยกองมู ????
พระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่ สร้างเมื่อจุลศักราช 1222 ตรงกับ พ.ศ.2403 โดยศรัทธาผู้สร้างชื่อ จองต่องสู่ และผู้เป็นภรรยา ซึ่งบรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะ พระอัครสาวกเบื้องซ้าย ซึ่งนำมาจากเมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า
พระธาตุองค์เล็ก สร้างเมื่อจุลศักราช 1236 ตรงกับ พ.ศ.2417 โดยศรัทธาผู้สร้าง "พญาสิงหนาทราชา" เจ้าผู้ครองเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก บรรจุพระธาตุของพระสารีบุตร พระอัครสาวกเบื้องขวา ซึ่งนำจากเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
โดยคำว่า "กองมู" เป็นภาษาไทใหญ่แปลว่า "พระเจดีย์"
พระเจดีย์ 2 องค์นี้เป็นที่รวบรวมจิตใจของชาวแม่ฮ่องสอนตลอดมา ถ้าไปถึงแม่ฮ่องสอนแล้ว แต่ไม่ขึ้นนมัสการพระธาตุดอยกองมู ก็เหมือนไปไม่ถึงแม่ฮ่องสอนค่ะ เมื่อถึงช่วงเทศกาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งวันสงกรานต์วันขึ้นปีใหม่ วันออกพรรษา ประชาชนและพระภิกษุสามเณรในเมืองและตำบลใกล้เคียง ต่างพากันไปนมัสการ บูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน พระธาตุดอยกองมู นอกจากจะเป็นที่สักกาะแล้ว ยังเป็นที่ประสานความสามัคคีของชาวเมืองได้เป็นอย่างดี บริเวณรอบๆ พระธาตุเป็นที่ตากอากาศ และที่ชมวิวทิวทัศน์มองผังเมืองที่ดีที่สุดอีกแห่งของเมืองแม่ฮ่องสอนนี้ด้วย
ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ มากราบไหว้หลวงพ่อเทพทันใจค่ะ ใครอยากขอพรอะไรมาแวะกราบสักการะขอพรกันได้ค่ะ
อีกหนึ่งมุมถ่ายรูปและจุดชมวิวที่สวยงาม ซึ่งเป็นทางเดินบันใดค่ะ
บรรยากาศในยามเช้า มองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองแม่ฮ่องสอนค่ะ ท้องฟ้าแจ่มใสดีมากๆ แต่ก็ร้อนกระชากใจไม่เบาค่ะ ยังดีที่มีลมพัดโชยมาเบาๆ ช่วยคลายร้อนไปได้บ้าง
จากนั้นก็เข้าไปกราบสักการะที่วิหารหลวงพ่อเทพทันใจค่ะ
ภายในวิหารหลวงพ่อเทพทันใจ
แวะเดินมารับอรุณที่จุดชมวิวอีกแห่ง จริงๆแล้วก็มีจุดนั่งพักชมวิวหลากหลายมุมเลยนะค่ะ สวยงามดีมาก
หลังจากได้แวะกราบพระธาตุดอยกองมูแล้วนะค่ะ ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์ แว๊นลงจากดอยมาก็ผ่านอนุสาวรีย์พญาสิงหนาทราชาค่ะ เจ้าเมืองคนแรกของแม่ฮ่องสอน
มารู้จัก พญาสิงหนาทราชากันค่ะ ว่าท่านเป็นใคร???
“ พญาสิงหนาทราชา ” เป็นพ่อเมืองคนแรก และยกฐานะหมู่บ้านแม่ฮ่องสอนขึ้นเป็นเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นเมืองหน้าด่านต่อไป และยกเมืองปาย เมืองขุนยวมเป็นเมืองรอง
พญาสิงหนาทราชา ได้ปกครองเมืองและพัฒนาเมืองแม่ฮ่องสอนให้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการขุดคูเมืองและสร้างประตูเมืองขึ้นอย่างมั่นคง จนถึง พ.ศ. 2427 พญาสิงหนาทราชาได้ถึงแก่กรรม เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ได้แต่งตั้งเจ้านางเมี๊ยะผู้เป็นภรรยาของพญาสิงหนาทเป็นเจ้านางเมวดีขึ้นปกครองแทน ชาวแม่ฮ่องสอนเรียกเจ้านางเมวดีว่า “ เจ้านางเมี๊ยะ ” โดยให้ปู่โทะ (พญาขันธเสมาราชานุรักษ์) เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ต่อมา พ.ศ. 2434 เจ้านางเมี๊ยะถึงแก่กรรม พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ปกครองนครเชียงใหม่ จึงแต่งตั้งพญาขันธเสมาราชานุรักษ์ เป็นพญาพิทักษ์สยามเขต ให้ปกครองเมืองแม่ฮ่องสอน จนถึงพ.ศ. 2433 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระยาศรีสหเทพปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจราชการพื้นที่หัวเมืองมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือจึงจัดระบบการปกครองใหม่เป็น รวมเมืองแม่ฮ่องสอน เมืองขุนยวม เมืองปาย และเมืองยวม (แม่สะเรียง) เป็นหน่วยเดียวกันเรียกว่า “ บริเวณเชียงใหม่ตะวันตก ” ตั้งที่ว่าการแขวง (เทียบเท่าเมือง) ที่เมืองขุนยวม
โดยแต่งตั้งนายโหมดเป็นนายแขวง (แจ้งความเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 11 กรกฎาคม ร.ศ. 119 ) และในปีเดียวกันนี้เมืองเชียงใหม่ได้แต่งตั้งขุนหลู่บุตรของพญาพิทักษ์สยามเขต เป็นพญาพิศาลฮ่องสอนบุรี พ.ศ. 2446 ได้ย้ายที่ว่าการแขวงจากเมืองขุนยวม ไปตั้งที่เมืองยวมแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “ บริเวณพายัพเหนือ ” จนถึง ปี พ.ศ. 2556 พญาพิทักษ์สยามเขตถึงแก่กรรม เมืองเชียงใหม่จึงแต่งตั้ง พญาพิศาลฮ่องสอนบุรีขึ้นปกครองเมืองแทน พ.ศ. 2453 รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ตั้งเมืองจัตวาขึ้นกับมณฑลพายัพ ย้ายที่ว่าการแขวงจากเมืองยวมมาตั้งที่แม่ฮ่องสอนให้ชื่อว่า “ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ” แล้วโปรดเกล้าฯให้พระศรสุรราช (เปลื้อง) มาปกครองเมืองแม่ฮ่องสอน ถือว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนคนแรก
ขอบคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดแม่ฮ่องสอน
หลังจากนั้นดิฉันก็ขัมอเตอร์ไซต์แว็นมาทำบุญ กราบไหว้พระที่วัดหนองจองคำค่ะ อีกหนึ่งวัดที่สวยงามโดดเด่นไม่แพ้พระธาตุดอยกองมูค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับวัดจองคำ มีประวัติความเป็นมาอย่างไร นำมาให้อ่านกันค่ะ
วัดจองคำ อำเภอเมือง แม่ฮ่องสอน เป็นวัดที่มีความสำคัญอีกวัดหนึ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เหตุที่ได้ชื่อว่าวัดจองคำ เนื่องจากมีการประดับด้วยทองคำที่เสาวัด จนเหลืองอร่ามเหมือนเสาทองคำ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2370 โดยพระยาสีหนาท เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนและแม่เจ้านางเมียะ
นับว่าเป็นวัดคู่เมืองที่สร้างเป็นวัดแรกของจังหวัด เป็นศิลปะแบบไทยใหญ่ ช่างฝีมือชาวไทยใหญ่ หลังคาวัดเป็นรูปราสาท เพราะเชื่อกันว่า ปราสาทเป็นของสูง โดยผู้ที่ประทับอยู่ในปราสาทควรเป็นกษัตริย์หรือตัวแทนของพระพุทธศาสนา ภายในประดิษฐานหลวงพ่อโต สร้างเมื่อปี พ.ศ.2469 โดยช่างฝีมือพม่า และพระประธานเป็นพุทธรูปขนาดใหญ่ซึ่งจำลองมาพระศรีศากยมุนีที่วัดสุทัศน์ และที่หน้าวัดมีหนองน้ำคู่บ้านคู่เมืองชื่อ หนองจองคำ
เข้ามากราบพระด้านในศาลาค่ะ
เป็นพระพุทธรูปทำจากไม้ไผ่สานทั้งองค์ ดูสวยงามแปลกตาดีค่ะ
และใกล้ๆกับวัดจองคำ ก็เป็นวัดจองกลางค่ะ
โดยที่วัดจองกลางภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์จำลองปิดทองเหลืองอร่ามไปทั้งองค์ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจคือ ตุ๊กตาแกะสลักด้วยไม้เป็นรูปคนและสัตว์ เกี่ยวกับพระเวชสันดรชาดก ฝีมือแกะสลักของชาวพม่า จำนวน 33 ตัว ซึ่งนำมาจากพม่าตั้งแต่ พ.ศ.2400 โดยตุ๊กตาแต่ละตัวมีก็ความงดงาม เหมือนมีชีวิตจริงๆ เข้ามากราบพระในวิหารค่ะ
ร่วมทำบุญทำทานในวัด ลดล่ะความตระหนี่ถี่เหนี่ยว โดยในวัดก็มีตู้บริจาคเงินให้ร่วมทำบุญ ทำทานหลายจุดเลยค่ะ
หลังจากไหว้พระในวัดแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เดินออกมาที่หน้าวัด มาให้อาหารปลาก็ร่วมด้วยช่วยกันอุดหนุนคนขายอาหารปลาด้วยค่ะ ทำบุญช่วยเหลือคนพิการ ซื้ออาหารปลาขนมปังถุงละ 20 บาทค่ะ
มาให้อาหารปลาที่หนองจองคำ มีปลาน้ำจืดหลากหลายพันธ์ ออกมาเริงระบำรอทานอาหารค่ะ
เวลาให้อาหารปลาต้องค่อยๆบิ ขนมปังทีละน้อยค่ะจะได้แบ่งให้ปลาทานได้ทุกตัวค่ะ เพราะแต่ละตัวน่าจะทานจุกทีเดียว เพราะตัวใหญ่มากๆค่ะ
หลังจากให้อาหารปลาเสร็จแล้วนะค่ะ ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์แว๊นมาที่วัดพระนอน วัดนี้อยู่ใกล้ทางขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู ตอนขาลงจากวัดพระธาตุกองมูก็ลืมแวะมาค่ะ
เข้ามาทำบุญทำทาน แวะกราบกรานวัดพระนอน
สาระน่ารู้เกี่ยวกับวัดพระนอน
สร้างขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2418 โดยพญาสิงหนาทราชา เจ้าเมืององค์แรกของแม่ฮ่องสอน ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5
ช่วงเช้านี้แวะไปตามวัด ตามวา ดูเข็มนาฬิกา
ก็ได้เวลามาถึงเที่ยงกว่าแล้วค่ะ
ใกล้ๆกับวัดพระนอนมีร้านขายข้าวซอยขึ้นชื่ออีกแห่งของแม่ฮ่องสอนด้วยค่ะ
และแวะไปทานที่ร้านเข้าซอยป้าสมบุญ
สำหรับร้านข้าวซอยป้าสมบุญเป็นร้านข้าวซอยเล็กๆ ตั้งอยู่ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เปิดมานานกว่า 50 ปี เป็นร้านอาหารชื่อดังประจำถิ่น ด้วยพริกข้าวซอยสูตรพิเศษและผงมะสร่าสูตรพม่า จึงทำให้ข้าวซอยป้าสมบุญมีรสชาติอร่อยและมีเอกลักษณฺ์ไม่เหมือนใคร จนใครที่แวะเวียนมาที่นี้ ต้องมาลิ้มลองรสชาติของข้าวซอยที่ร้านนี้สักครั้งค่ะ
และหลังจากที่ได้ทานอาหารมื้อเที่ยวงอิ่มแล้วนะค่ะ ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไปเอากระเป๋าและเช็คเอาท์จากที่พัก เพื่อเดินทางต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวถัดไปค่ะ เดียวจะมาเขียนต่อในบล็อกตอนที่ 2 นะค่ะ
สำหรับบทความรีวิวท่องเที่ยวแม่ฮ่อสงสอนตอนที่ 1 ก็ขอจบเพียงเท่านี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด เดี๊ยนเองต้องขออภัยคุณผู้อ่านและผู้ชมทุกท่านที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามาสไลด์ดูภาพกันค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
----------------------------------------------------------------------
แนะนำบทความบล็อกรีวิวเที่ยวเดือนละ
1 ครั้ง มีดังนี้คะ (จะทยอยอัพเดทเรื่อยๆ เว็ปบล็อกจะได้ไม่ร้างไปค่ะ)รีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤศจิกายน แบกเป้ไปล่องท่องเมืองปาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวปางอุ๋ง-บ้านรักไทย งามวิไลไร่ชา เดินลั๊ลลากินสตอเบอรี่ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
บล็อกรีวิวเที่ยวเดือนตุลาคม นอนที่บ้านป่าปงเปียง กินโอเลี้ยงอร่อยเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
บล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนตุลาคม ไปตามรอยโครงการหลวง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เปิดโลกกว้างเที่ยวเมืองเซลอัมซี (Zell am See) เมืองนี้ มีที่เที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวมิวเซียมสยาม แหล่งเรียนรู้สุดเก๋ไก๋ มีอะไรอัพเดทใหม่บ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวขอนแก่น สุดสะแนนแสนชิล ไปถ่ายรูปวิวสวยงาม คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
รีวิวเที่ยวเมืองอุดร เช่ารถขับตะลอนไปชมสถานที่ต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อ>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเวียงจันทร์ 1 วัน ไป-กลับ ขยับเดินชมตามที่เที่ยวต่างๆ มีอะไรบ้าง>>> |
แบ่งปันรีวิวแบกเป้เที่ยวหนองคาย เมืองนี้มีอะไรมากมายให้ชมจริงๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวจ้า>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเมืองอินสบรูค 2 วัน 1 คืน มีที่เที่ยวอะไรให้ชมบ้าง ตามไปดูกันค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวเดินทางไปชมปราสาทน็อยชวานสไตน์ด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวพาชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลย>> |
หรือดูรายละเอียดที่ : http://bit.ly/2l05FdT
รีวิวเที่ยวเมืองมิวนิค เดินชิคๆไปชมสถานที่สวยงามต่างๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
รีวิวเช่ารถมอเตอร์ไซต์ไปเที่ยวเมืองปราจีนบุรี ต้องไปฉิมพลีกันสักครั้งครา คลิ๊กดูรีวิว>> |
เที่ยวนครนายกไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวไปทั่วได้ด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิว>> |
รีวิวพาไปเที่ยวเมืองอูล์ม เมืองน่ารักที่ไม่เป็นแค่ทางผ่าน คลิ๊กดูสถานที่ท่องเที่ยวจ้า>> |
แบ่งปันรีวิวพาไปชมเมืองสตุทการ์ท มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปกันเลย>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักยานไปชมดอกลาเวนเดอร์บานๆ อลังการเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 8 ชมศิลปะทุ่งนาข้าวผลิหลากสีสวยงาม คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 7 รีวิวการเดินทางไปหลังคาญี่ปุ่นด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 3 ท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะ งามเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 2 นั่งไฟออนซอนไปอบทรายร้อนที่อิบูชูกิ คลิ๊กดูค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวทามะ แวะพักชมปราสาทสวย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวนครพนม เม.ย.60 ขับมอเตอร์ไซต์ไปมูลนิธิคนชราที่ท่าอุเทน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น