รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อน 14 วัน ตอนที่ 2 เดินเลาะชิวๆชมวิวเมืองคาโกชิม่า ก่อนจะไปลั๊ลลาอบทรายร้อนเมืองอิบูซูกิ ดอกไม้ผลิบาน ร้าวรานใจ |
สรุปแผนการเดินทาง รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อน 14 วัน |
เพื่อไม่ให้งง ดูรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนตอนที่ 1 ได้ที่เว็ป http://khunnaiver.blogspot.com/2017/07/1.html
ดิฉันเดินทางจากรถไฟ Tennoji มาลงที่สถานี Osaka จากนั้นก็นั่งรถไฟจาก Osa ka มาที่สถานี Shin-osaka เพื่อเดินทางอันยาวไกลไปสู่ทางใต้ค่ะ
โดยจุดมุ่งหมายเมืองท่องเที่ยวถัดไปคือเมือง Kagoshima ค่ะ เมืองสวยงามทางใต้ที่รายล้อมด้วยภูเขาไฟให้ไปยวนยีกันค่ะ
เวลาประมาณ 1 ทุ่มเป๊ะๆ ตรงเวลามากๆ รถไฟชินกันเซนก็แล่นมารับผู้โดยสารที่สถานี Shinosaka ค่ะ
รถไฟเดินทางออกจากสถานี Shin osaka เวลา 19.04 น. ถึงสถานี Kagoshima chuo เวลา 23.23 น.ค่ะ ระยะทางไกลพอสมควร แถมใช้เวลานานมากๆค่ะ
อาหารเย็นมื้อนี้ไม่พ้นร้านสะดวกซื้อตามเคยค่ะ ข้าวปั้นทานกับเนื้อไก่ทอดและบร๊อคโคลี่นิดๆหน่อยค่ะ
หลังจากนั้นก็เดินไปยังโรงแรมที่พัก ที่ได้จองไว้แล้วค่ะ โชคดีมาทานก่อนเที่ยงคืนค่ะ เพราะโรงแรมเปิดให้ Check in ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น ซึ่งโรงแรมที่ดิฉันจองไว้อยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ ชื่อโรงแรม Little Asia Guest house ค่ะ
ที่พักคืนนี้เป็นที่พักแบบโฮสเทล ห้องนอนและห้องน้ำรวมเหมือนเดิมค่ะ ราคาถูกมากๆค่ะ 1500 เยนเองค่ะ เอาแค่พอซุกหัวนอนค่ะ
ที่นอนคืนนี้ โชคดีหน่อยค่ะ ไม่มีเสียงคนนอนกรน เลยนอนหลับสบายค่ะ อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยจากการเดินทางเที่ยวในเมืองวาคายาม่าทั้งวันก็ได้ค่ะ เลยหลับจนเพลินเลยค่ะ
-----------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันถัดมา เดี๊ยนตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะ
อากาศในเมืองคาโกชิม่าในเช้าวันนี้ ดูครึมทั้งวันเลยค่ะ อากาศไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไรเลยค่ะ อากาศตอนเช้าไม่เย็น รู้สึกร้อนอบอ้าวหน่อยๆค่ะ
ได้เวลาทานอาหารเช้า ใกล้ๆที่พักก็มีร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ๆค่ะ หาอะไรทานค่ะ
เช้านี้ทานซุปค่ะ ดูไม่ค่อยหน้าทานเท่าไหร่ แต่รสชาติอร่อยดี ทานรองท้องไปก่อนค่ะ
สวนโรงแรมที่พักก็มี โซน Space are ห้องทานอาหาร
มีคอมพิวเตอร์ให้ใช้ด้วยนะค่ะ
ดูเป็นเกสต์เฮ้าส์เล็กๆง่ายๆดีค่ะ
ห้องพักก็เป็นประมาณนี้ค่ะ อันนี้น่าจะเป็นห้องส่วนตัว นอนได้ 2 คน ห้องน้ำรวมค่ะ
และหลังจากที่ดิฉันได้ทานซุปผักเป็นอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วนะค่ะ ก็ได้เวลาออกเดินทางท่องเที่ยวแล้วค่ะ โดยได้ทำการเช็คเอาท์และฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเรียบร้อยค่ะ
ก่อนจะเข้าสู่รีวิวบล็อก ดิฉันขอมาแนะนำเมือง Kagoshima ให้ทุกๆท่านได้รู้จักก่อนนะค่ะ เผื่อใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นอยากวางแผนมาเมืองนี้
เกี่ยวกับเมือง คาโกชิม่า
คะโงะชิมะ เป็นเมืองศูนย์กลางและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดคะโงะชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ทางทิศตะวันตกฉียงใต้ของเกาะคิวชู คะโงะชิมะมีชื่อเล่นอีกชื่อว่า "เนเปิลส์แห่งตะวันออก" ด้วยลักษณะภูมิศาสตร์ของอ่าวที่มีส่วนคล้ายกัน อากาศที่ร้อน และมีภูเขาไฟซะกุระจิมะตั้งอยู่ใกล้เมือง ซึ่งสามารถนั่งเรือข้ามฟากไปได้ไม่ไกลค่ะ
ส่วนสภาพอากาศของเมืองนี้คะโงะชิมะตั้งอยู่ในเขตอากาศร้อนชื้น ฤดูหนาวอากาศแห้ง, อบอุ่น, อากาศชื้นในฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูฝนและหนาว, มีฝนตกชุกในช่วงเดือน มกราคม - กรกฎาคม
ประวัติเมืองคะโงะชิมะในอดีตนั้น เคยเป็นศูนย์กลางของซามูไรตระกูลชิมะสึมาหลายศตวรรษ เป็นเมืองท่าที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยยุคกลางจนถึงสมัยเอะโดะ จากนั้นก็กลายเป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของแคว้นซัตสึมะ หนึ่งในแคว้นไดเมียวที่ทรงอำนาจที่สุดและมั่งคั่งที่สุดในสมัยเอะโดะ แม้ว่าการค้าระหว่างประเทศจะถูกกีดกัน ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นอาณาจักรขุนนางกึ่งอิสระของอาณาจักรริวกิวด้วย คะโงะชิมะยังเป็นศูนย์กลางกิจกรรมสำคัญของศาสนาคริสต์ในญี่ปุ่น ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึง 17
ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/คะโงะชิมะ_(เมือง)
และสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงเช้าแรกของวันนี้นะค่ะ ดิฉันขอพาทุกท่านเดินจากสถานีรถไฟไปชมวิวทิวทัศน์เมืองคาโกชิม่าที่ ชิโรย่ามาพาร์ค อีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นภูเขาไฟซะกุระจิมะและตึกรางบ้านช่องของเมืองนี้ค้ะ
สำหรับวิธีการเดินทางไป ชิโรยาม่า พาร์ค (Shiroyama Park) มี 2 วิธีนะค่ะ
1.เดินไปค่ะ
2.นั่งรถบัสโดยสารจากสถานีรถไฟ
สำหรับดิฉันเช้านี้ขอเลือกเดินไปค่ะ ดูในแผนที่เหมือนจะไม่ไกลมากค่ะ เลยขอเดิน และก็เดิน ออกกำลังกายค่ะ
ตามรูปในโบว์ชัวร์ท่องเที่ยวเมืองนี้ ภาพภูเขาไฟซากุระจิมะดูสวยงามเชียวค่ะ เพราะฟ้าเปิด แต่ดูท่าวันนี้คงไม่เป็นตามภาพนี้แน่ค่ะ
เดินไป เดินมา ฝนก็โปรยปรายเล็กน้อย มาจากท้องฟากฟ้า
เดินงงๆมาเรื่อย เพราะไม่มี Pocket Wifi ใช้ค่ะ เดินข้ามแม่น้ำในเมืองนี้ ดูสะอาดสะอ้าน ทัศนีภาพสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อยตามแบบฉบับญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น
เดินมาสักพักก็เห็นเนินเขาแล้วค่ะ แต่ไม่รู้จะขึ้นตรงใหนดี เดี๊ยนแล้วไปถามคนแถวนั้นค่ะ สื่อสารด้วยการใช้ภาษากาย เพราะถ้าพูดภาษาอังกฤษ คนญี่ปุ่นไม่เข้าใจค่ะ อิชั้นเลยเอามือชี้ๆเอาค่ะ
ในที่สุดก็หาทางขึ้นจนเจอค่ะ เพราะงงๆอยู่นานกับป้ายบอกทางค่ะ
ทางขึ้นไม่ชันพอสมควรค่ะ และบรรยากาศดีเงียบเหงาและวังเวงมากค่ะ เพราะไม่ค่อยมีคนเดินขึ้นกัน ส่วนใหญ่ก็นั่งรถเมลล์ค่ะ
ดิฉันเดินไต่บันใด วนขึ้นเขา ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้า และป่าไม้ อันเขียวชะอุ่ม อากาศที่ร้อนรุ่มเร้าดั่งไฟเผาทรวงค่ะ
ระหว่างเดินขึ้นก็เห็นผลไม้อะไรไม่รู้ ดูคล้ายๆมะเดื่อนะค่ะ แต่ก็ไม่ได้พร่ำเพรื้อแกะดูค่ะ เพราะเกรงถ้าแกะแล้วเกิดมีกลิ่นยาพิษโชยออกมา สูดดมเข้าไปแล้ว เกิดเป็นลมนอนฟูบลงตรงนี้แล้ว ไม่มีใครช่วยอิชั้นค่ะ
เดินบันใดขึ้นมานอกจากได้เหงื่อแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย สลายไขมันด้วยค่ะ
ในที่สุดก็ถึงแล้วค่ะ ทางเข้า Shiroyama observatory
ระหว่างทางเข้าก็จะเป็นร้านขายของฝากค่ะ แต่บรรยากาศในวันนี้ ดูเงียบเหงาเหลือเกิน สงสัยคนขายนะค่ะ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเลยค่ะ
บนเขา Shiroyama มีต้นไม้เรียงราย ดูร่มรืนย์ ลดพัดเย็นกายสบายอุราดีมากค่ะ
ตลอดสองข้างทางก็จะมีต้นม้ง ต้นไม้ใหญ่เรียงรายเป็นตับ สลับสับเหวี่ยง สีเขียวชะอุ่มชุ่มชื่นรืนกายา ลั๊ลลาจับใจ งามไฉไลสุดเก๋ เทห์ซ่ะเบาเชียวค่ะ
ถึงแล้วค่ะ จุดชมวิว
โอ้โฮ้..ถ้าฟ้าเปิดคงสวยกว่านี้นะค่ะ ภูเขาที่อยู่ตรงหน้าคือ ภูเขาไฟซากุระจิมะ และอ่าวคินโกเบย์ค่ะ (Sakurajima Valcon) and Kinkon Bay
ซูมกล้องได้สูดแค่นี้ค่ะ ภูเขาไฟซากุระจิมะ โดนเมฆเอาไปกินชั่วคราวค่ะ หากฟ้าเปิด มีแสงแดดทอแสงคงสวยร้อนแรงน่าดูค่ะ
บรรยากาศและทัศนียภาพบนนี้สวยงามมากค่ะ ลมพัดเย็นๆ ภาพที่เดี๊ยนถ่ายไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ถ้ามาเห็นจริงๆ อลังการล้านแปดมากๆนะค่ะ
ถ้าฟ้าเปิดก็จะเหมือนในรูป คงสวยงามน่าดูค่ะ
มีข้อดีๆให้อ่านกันด้วยค่ะ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของภูเขาไฟซะกุระจิมะ
ทัศนียภาพบนเนินชมวิว
รอบร่มรืนย์ไปด้วยต้นไม้สีเขียว มีเฟินและมอสเกาะเต็มไปหมดเลยค่ะ เห็นแล้วนึกถึงบรรยากาศของภูเขาบนดอยสูงในเมืองไทยเราเลยนะค่ะ งดงามร้าวรานจับใจไม่แพ้กันค่ะ
เนื่องจากที่นี้เป็นเขตร้อนชื้น ก็จะมีพืชตระกูลมอส และเฟิรน์ออกมาเพลิดเพลินกันค่ะ
ดูเส้นทางสายนี้ต้นไม้ใหญ่เรียงรายริมทาง สวยงามเชียวค่ะ
หลังจากที่ได้ชมทัศนียภาพและวิวอันสวยงามของเมืองคาโกชิม่าแล้วนะค่ะ ดิฉันก็นั่งรถเมลล์โดยสารจากShiroyama Parkไปยังท่าเรือเพื่อข้ามไปยังเกาะซะกะรุจิมะค่ะ ค่ารถจำไม่ได้แล้วค่ะว่าเท่าไหร่ ประมาณ 200 เยนเนี่ยแหละค่ะ
มาถึงท่าเรือแล้วค่ะ
ค่าโดยสารเรือข้ามฟ้าไปยังฝั่งภูเขาไฟซะกุระจิมะ ราคา 160 เยนค่ะ ต้องเตรียมเหรียญไว้จ่ายต้องขาไปถึงนะค่ะ คือไม่เหมือนในเมืองไทยเรา ต้องจ่ายตังก่อนขึ้นเรือ แต่ที่นี้คือ เรือไปถึงเกาะแล้วค่อยจ่ายค่ะ แถมตอนจ่ายไม่มีพนักงานมา ทอนเงินให้เรานะค่ะ ต้องเตรียมเหรียญไปให้พร้อมค่ะ
เรือโดยสารข้ามฟากที่จะไปยังเกาะซะกุระจิมะค่ะ
เรือโดยสารลำใหญ่มากๆค่ะ เหมือนเรือสำราญอะไรประมาณนั้นค่ะ แต่ขนาดเล็กกว่านะค่ะ
ไม่นานนัก เรือโดยสารก็ค่อยๆออกจากท่าเรือค่ะ
ประวัติความเกาะซะกุระจิมะ(Sakurajima)
เกาะซะกุระ (ญี่ปุ่น: 桜島 Sakura-jima) เป็นชื่อท้องที่ในจังหวัดคะโงะชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกรวยภูเขาไฟสลับชั้นมีพลัง และเดิมเป็นเกาะ แต่เมื่อภูเขาไฟกลางเกาะปะทุขึ้นใน พ.ศ. 2457 ทำให้ลาวาไหลเชื่อมเกาะเข้ากับแผ่นดินใหญ่บริเวณคาบสมุทรโอะซุมิ
ปัจจุบันภูเขาไฟนี้ยังคงมีพลัง โดยปล่อยเถ้าธุลีออกมาตกลงบนพื้นที่โดยรอบ การปะทุครั้งก่อน ๆ ได้ก่อให้เกิดพื้นที่สูงจากทรายขาวขึ้นในภูมิภาค ซึ่งเกาะซะกุระเป็นภูเขาสลับชั้น มียอดเขาสามลูก ได้แก่ ยอดคิตะ (ยอดทิศเหนือ) ยอดนะกะ (ยอดกลาง) และยอดมินะมิ (ยอดทิศใต้) ซึ่งเป็นยอดที่ยังคงมีพลังอยู่ในปัจจุบัน
โดยยอดคิตะเป็นยอดที่สูงที่สุดของเกาะซะกุระ โดยสูง 1,117 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ภูเขาตั้งอยู่ในอ่าวคะโงะชิมะส่วนที่เรียกว่า อ่าวคิงโค พื้นที่ที่เคยเป็นเกาะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมืองคะโงะชิมะ คาบสมุทรที่ตั้งภูเขาไฟมีพื้นที่ประมาณ 77 ตารางกิโลเมตร
ในปี พ.ศ. 2559 เกิดการปะทุขึ้นอีกครั้งในเช้าของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 หลังจากมีการปะทุเรื่อยมาตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2558 นับจากการปะทุในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ยังคงมีการปะทุแบบอ่อนๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยในช่วงหลังๆ มีบันทึกไว้ว่าเถ้าภูเขาไฟพุ่งสูงถึง 5-10000 ฟุต (1.5-3 กิโลเมตร)และกล้องจับความร้อนยังบันทึกไว้ว่าบริเวณปากปล่องภูเขาไฟมีรังสีความร้อนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย โดยภาพถ่ายรังสีความร้อนของปล่องภูเขาไฟ Sakurajima (Kita-Dake, L, และ Showa ,R) ระหว่างวันที่ 2 ธันวาคม 2015 (ล่าง) และ 6 กุมภาพันธ์ 2016 (บน) แสดงให้เห็นของอุณหภูมิที่สูงขึ้นในปล่อง Showa: ภาพโดย(JMA)
ขอขอบพระคุณข้อมูลดีๆจากเว็ปไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/เกาะซะกุระ
เกาะซะกุระมีความเคลื่อนไหวเด่นชัดมากขึ้นใน พ.ศ. 2498 และปะทุอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ละปีเกิดการระเบิดขนาดเล็กนับพันครั้ง พ่นเอาเถ้าธุลีลอยขึ้นสูงเหนือภูเขาไฟ 2-3 กิโลเมตร หอสังเกตการณ์ภูเขาไฟเกาะซะกุระก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2503 เพื่อเฝ้าสังเกตการปะทุเหล่านี้[5]การเฝ้าสังเกตภูเขาไฟและการทำนายการปะทุขนาดใหญ่มีความสำคัญมาก เนื่องจากภูเขาไฟตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น โดยเมืองคะโงะชิมะซึ่งมีผู้อยู่อาศัย 680,000 คน อยู่ห่างจากภูเขาไฟเพียงไม่กี่กิโลเมตร ทางเมืองได้จัดการซ้อมแผนอพยพเป็นประจำ และได้สร้างที่หลบภัยจำนวนหนึ่งที่ประชาชนสามารถหลบจากเศษหินภูเขาไฟที่ตกลงมาได้
ระหว่างนั่งเรือลมพัดโชดเย๊น เย็นค่ะ บรรยากาศดี บนเรือนักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก เงียบสงบ ไม่วุ่นวายค่ะ
มองเห็นวิวภูเขาไฟที่เมฆยังคลุมปากปล่องอยู่ค่ะ
โดยในพื้นที่ในเกาะแห่งนี้ก็มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายเลยค่ะโดยไฮไลท์อีกอย่างสำหรับผู้ที่มาเที่ยวที่นี้ต้องไม่พลาดมาแช่เท้ากับน้ำพุร้อนค่ะ
ถึงเกาะซะกุระจิมะแล้วค่ะ ต้องเตรียมเหรียญไว้จ่ายนะค่ะ
ซึ่งถ้าใครพกเงินแบงค์มา ที่นี้ก็มีตู้แลกเหรียญให้ค่ะ เริ่ดจังเลยนะค่ ะ
ตั๋วไม่สามารถใช้ได้ Please pay in cash only at the gate ต้องจ่ายเงินสดเท่านั้นค่ะ
และหลังจากได้ชำะเงินค่าเรือโดยสารแล้วนะค่ะ ไม่ไกลจากท่าเรือ เดินมาประมาณ 800 เมตรค่ะ ก็จะเป็น Sakurajima Visitor center ค่ะ และเป็นจุดแช่เท้าอันมีชื่อเสียง Yogan Nagisa Park Footbath ค่ะ
ก่อนจะไปแช่เท้ากับน้ำพุร้อนออนเซน ที่นี้ก็มีเส้นทางเดินเรียนรู้เกียวกับดินภูเขาไฟให้ศึกษากันค่ะ
ก็จะเป็นทางเดินเข้าไปด้านในค่ะ อารมณ์ประมาณ เดินศึกษาธรรมชาติตามป่าชายเลนเหมือนในบ้านเราแหละค่ะ แต่ของเค้าเป็นดินภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ตลอดเวลาค่ะ ดูน่ากลัว แต่ก็สวยงามค่ะ
ระหว่างก็จะเห็นดินภูเขาไฟและน้ำพุร้อน มีกลิ่นหน่อยๆค่ะ
บางจุดก็ใหญ่โตเชียวค่ะ มีกลิ่นกำมะถันหน่อยนะค่ะ
มีทางเดินขึ้นไปชมวิวด้านบน
ขึ้นมาเป็นต้นไม้จำพวกพืชทนร้อนค่ะ
เดินมาจะเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองคาโกชิม่าค่ะ ท้องฟ้ายังมืดครึ้ม เหมือนฝนจะตกโปรยปรายเลยค่ะ แต่อยู่บนเกาะนี้ อากาศเย็นสบายดีค่ะ เพราะลมพัดโชยดีเยี่ยมเลยค่ะ เป็นเพราะลมทะเลกระมังค่ะ
เดินมาจะเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองคาโกชิม่าค่ะ ท้องฟ้ายังมืดครึ้ม เหมือนฝนจะตกโปรยปรายเลยค่ะ แต่อยู่บนเกาะนี้ อากาศเย็นสบายดีค่ะ เพราะลมพัดโชยดีเยี่ยมเลยค่ะ เป็นเพราะลมทะเลกระมังค่ะ
เดินมาจะเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองคาโกชิม่าค่ะ ท้องฟ้ายังมืดครึ้ม เหมือนฝนจะตกโปรยปรายเลยค่ะ แต่อยู่บนเกาะนี้ อากาศเย็นสบายดีค่ะ เพราะลมพัดโชยดีเยี่ยมเลยค่ะ เป็นเพราะลมทะเลกระมังค่ะ
เดี๊ยนเดินวนกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ที่นี้ก็จะเป็นจุดสำหรับแช่เท้าค่ะ ถือเป็นไฮไลท์สำหรับคนรักความชิว อยากบำบัดสุขภาพเท้ามาที่นี้เลยค่ะ น้ำที่นี้ก็จะเป็นน้ำพุร้อน แต่ไม่ร้อนมาก ร้อนกำลังดี 98ดีกรี เอาอยู่ค่ะ
ใหนมาถึงทั้งที ก็ต้องมาฉิมพลีมาแช่เท้าบำบัดให้หายเมื่อยหน่อยค่ะ
ระหว่างนั่งก็มีเด็กฝรั่งตัวน้อยๆ รู้สึกจะง่อนคุณแม่นะค่ะ นางเดินออกมาซ่ะห่างเชียว
Yogan Nagisa Park Footbath เป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาแช่เท้าที่นี้ค่ะ
มองเห็นเรือโดยสารเฟอรี่ ลำใหญ่ๆนะค่ะ
หมู่เมฆอันหนาทึกยังกลืนกินยอดปากปล่องภูเขาไฟอยู่ค่ะ ยังไม่คลายออกมาเลย
พอแช่เท้าจนพุพองเต็มที่แล้วนะค่ะ หลังจากนั้นก็ได้เวลาทานข้าวแล้วค่ะ
ข้าวมื้อแรกที่เมืองนี้ ไม่พ้นข้าวกล่องในร้าน lawsan ค่ะ เพราะราคาถูกสุดล่ะ จัดไปค่ะ ข้าวกล่อง 450 เยนค่ะ
หลังจากทานข้าวอิ่ม เดินมาแค่ 100 เมตร ใกล้ท่าเรือก็เป็นศาลเจ้า เดี๊ยนเลยขอขึ้นไปสักการะกราบไหว้หน่อยค่ะ
เป็นทางเนินขึ้นมานะค่ะ
ด้านบนก็เป็นศาลเจ้าค่ะ ชื่อศาลเจ้าอะไรไม่รู้จำไม่ได้แล้วค่ะ ลืมถ่ายป้ายชื่อไว้ค่ะ
แต่เป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เดินขึ้นมาได้ไม่ไกลมากนักค่ะ
บันใดทางเนินลงเขาสวยดี มองเห็นวิวทะเลค่ะ
ใครที่มาที่นี้ไม่อยากนั่งรถเมลล์ ก็มีรถจักรยานให้ปั่นเช่านะค่ะ ราคาชั่วโมงละ 300 เยนค่ะ
ได้เวลาเดินทางกลับไปยังฝั่งเมืองคาโกชิม่าแล้วค่ะ ตอนขาจะกลับ ก็ต้องจ่ายตั้งแต่อยู่บนเกาะนี้นะค่ะ ราคาเหมือนเดิมค่ะ 160 เยนค่ะ
กลับเรือลำเดิม สีชมพูหวานแหว๋วเชียวค่ะ
มองไปอีกฝั่ง เห็นเรืออีกลำจอดเทียบท่า รอร่า รอรี ไม่รู้จะฉิมพลีอะไรนะค่ะ
มองไปอีกฝั่ง เห็นเรืออีกลำจอดเทียบท่า รอร่า รอรี ไม่รู้จะฉิมพลีอะไรนะค่ะ
ตอนขากลับจะเข้าฝั่ง รู้สึกอากาศเย็นดี กว่าตอนขามาค่ะ
ภาพเมืองคาโกชิม่าในวันที่อากาศมืดครืมค่ะ
ในที่สุดเรือก็จอดเทียบท่าแล้วค่ะ
หลังจากที่ดิฉันได้อิ่มหน่ำ สำราญ ช่วงเช้าไปเดินชิวชมวิวเมืองคาโกชิม่าและ นั่งเรือไปแช่เท้าลั๊ลลาที่เกาะซากุระจิม่ะแล้วนะค่ะ ช่วงบ่ายก็ได้เวลาเดินทางไปยังอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีชื่อเสียงเรื่อง การนอนอบทรายร้อนค่ะ นั้นก็คือ เมืองอิบูซึกิ (Ibusuki)
หลังจากที่ดิฉันได้อิ่มหน่ำ สำราญ ช่วงเช้าไปเดินชิวชมวิวเมืองคาโกชิม่าและ นั่งเรือไปแช่เท้าลั๊ลลาที่เกาะซากุระจิม่ะแล้วนะค่ะ ช่วงบ่ายก็ได้เวลาเดินทางไปยังอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีชื่อเสียงเรื่อง การนอนอบทรายร้อนค่ะ นั้นก็คือ เมืองอิบูซึกิ (Ibusuki)
ดิฉันนั่งรถไฟเจอาร์ จากสถานีรถไฟ Kagoshimaeki mea ซึ่งอยู่ใกล้ท่าเรือข้ามฟ้า โดยนั่งมาลงที่ Kagoshima chuo เพื่อเปลี่ยนชานชลา นั่งรถไฟไปเมือง Ibusuki ต่อค่ะ
รถขึ้นรถไฟเที่ยวช่วงบ่ายนี้ มุ่งหน้าไปยังเมือง Ibusuki ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกับอีก 28 นาทีค่ะ
ระหว่างทางนั่งรถไฟ jr ไปยังเมืองอิบูซูกิ ก็จะผ่านหมู่บ้านชุมชนเมือง
ถือเป็นเส้นทางรถไฟที่สวยงามอีกแห่งค่ะ วิ่งเลียบทะเล โอ้ละเฮ่เลชา ลั๊ลลาจับใจเชียวค่ะ
นั่งรถไฟเลียบชายฝั่ง จะเห็นทะเลและถนนหนทางที่สวยงามค่ะ
นอกจากนี้ยังผ่านหุบเขา ใบไม้และใบหญ้า ผ่านทุ่งนาสีเขียว ก็งดงามยิ่งนักเชียวค่ะ
ระหว่างทางที่นั่งรถไฟนะค่ะ จะได้เห็นวิวภูเขาและทะเล และรถไฟสายนี้จะหยุดทุกสถานี เพื่อจอดรถและส่งผู้โดยสารค่ะ
รถไฟวิ่งใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาทีเป๊ะ ก็ถึงแล้วค่ะ เมือง IBUSUKI ค่ะ เมืองตากอากาศยอดนิยมที่มีชื่อเสียงมาเนิ่นนานค่ะ
เกี่ยวกับเมือง IBUSUKI
เมือง Ibusuki (อิบูซึกิ) ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองเล็กๆ อยู่ทางใต้สุดของญี่ปุ่น มีชายหาดและทะเลที่สวยงาม และเมืองนี้ก็ยังมีภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่อย่างเช่นภูเขาไฟ Kaimondake ดังนั้นพื้นที่ใต้ดินลึกลงไปจึงมีน้ำร้อนตามธรรมชาติที่สะสมไว้เป็นเวลานานไหลเวียนอยู่ และถูกถ่ายเทขึ้นมาด้านบนพื้นดินบริเวณชายหาดของเมือง หาดทรายที่นี่จึงมีความร้อนต่างจากที่อื่น โดยในIbusuki มีชื่อเสียงในเรื่องของการอบทรายร้อน เพื่อรักษาโรคต่างๆมาเป็นเวลานาน การอบทรายร้อนช่วยในการไหลเวียนของโลหิตที่มีผลดีต่อสุขภาพและผิวพรรณ สืบทอดมาตั้งแต่สมัยเอโดะเลยค่ะ
โดยสถานที่อบทรายร้อนและแช่ออนเซ็น ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเดินไปได้ ประมาณ 30 นาทีค่ะ ชื่อ Ibusuki Sanamshi Onsen ค่ะ
สถานีรถไฟ IBUSUKI
ใกล้ๆก็จะมีที่ให้แช่เท้าอีกแล้วค่ะ พึ่งแช่เท้ามา สงสัยจะได้แช่เท้าอีกค่ะ เพราะเท้าเริ่มเน่าแล้วค่ะ
สถานีรถไฟ Ibusuki ตกแต่งสวยงามไปด้วยมวลมหา ประชาดอกไม้หลากสีสันค่ะ
มีที่แช่เท้าออนเซ็นฟรีค่ะ
น้ำร้อนจริงๆนะค่ะ
ดอกไม้สีชมพู ผลิดอกเบ่งบาน งดงามค่ะ
ดอกไม้สีชมพู ผลิดอกเบ่งบาน งดงามค่ะ
ที่สถานีรถไฟก็มีเจ้าหน้าที่บริการเรื่องการท่องเที่ยวให้ค่ะ โดยจุดอบทรายร้อนเมืองนี้คือที่ Ibusuki Sanamshi Onsen
ระหว่างเดินไปยังที่อบทรายร้อนของเมืองนี้ บรรยากาศโดยรอบของเมืองดูเงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจเลยค่ะ อาจเป็นเพราะว่าวันที่เดี๊ยนมาเที่ยวมานี้ เป็นธรรมดากระมังค่ะ
เมืองน่าอยู่ สะอาด สะอ้าน เป็นระเบียบ เรียบร้อยค่ะ
เดินมาสักพักก็ถึงแล้วค่ะ ที่อบทรายร้อนและแช่ออนเซ็น
เข้ามาด้านใน ไม่เงียบเลยนะค่ะ เสียงนักท่องเที่ยวดังชงเช้ง ชงเช้งเลยค่ะ
สำหรับราคาอบทรายร้อนและแช่ออนเซ็นที่นี้อยู่ที่ 1200 เยนค่ะ
ออกมาด้านนอกก็จะเป็นหาดทราย ที่อบทรายร้อนค่ะ ดิฉันเลยขอเดินลงไปดูเค้าอบหน่อยค่ะ ว่าจะสุกใหม๊ค่ะ 555
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กำลังเพลิดเพลินใจกับการอบทรายร้อนเลยค่ะ อากาศก็ร้อนอยู่ อบทรายร้อนยิ่งร้อนไปกันใหญ่เลยค่ะ
โดยในIbusuki มีชื่อเสียงในเรื่องของการอบทรายร้อน เพื่อรักษาโรคต่างๆมาเป็นเวลานาน การอบทรายร้อนช่วยในการไหลเวียนของโลหิตที่มีผลดีต่อสุขภาพและผิวพรรณ สืบทอดมาตั้งแต่สมัยเอโดะเลยค่ะ
นักท่องเที่ยวจากทัวร์นี้ กำลังมีความสุขกับการอบทรายร้อน นอนเรียงรายกันเป็นตับเชียวค่ะ โดดเด่นไปด้วยร่มหลากสี เป็นเอกลักษณ์มากๆค่ะ
โดยในIbusuki มีชื่อเสียงในเรื่องของการอบทรายร้อน เพื่อรักษาโรคต่างๆมาเป็นเวลานาน การอบทรายร้อนช่วยในการไหลเวียนของโลหิตที่มีผลดีต่อสุขภาพและผิวพรรณ สืบทอดมาตั้งแต่สมัยเอโดะเลยค่ะ
ดูภาพไอลอยฟุ่ง คลุงขจายสลายเหนือผืนทราย พร่างพรายด้วยความเร้าร้อน จนต้องเอาเชือกมากั้นน่านฟ้า อาณาเขตไม่ให้คนเดินเข้าไป ดูแล้วต้องร้อนจริงๆค่ะ
ดูภาพไอลอยฟุ่ง คลุงขจายสลายเหนือผืนทราย พร่างพรายด้วยความเร้าร้อน จนต้องเอาเชือกมากั้นน่านฟ้า อาณาเขตไม่ให้คนเดินเข้าไป ดูแล้วต้องร้อนจริงๆค่ะ
สัญลักษณ์อันสวยงามของการมาอบทรายร้อน คงเป็นร่มหลากสีสัน กับคนที่กำลังนอนอบทรายกันอย่างหย่อนใจ ช่วยสร้างบรรยากาศและสีสันให้ชายหาดแห่งนี้ไม่น้อยนะค่ะ
สัญลักษณ์อันสวยงามของการมาอบทรายร้อน คงเป็นร่มหลากสีสัน กับคนที่กำลังนอนอบทรายกันอย่างหย่อนใจ ช่วยสร้างบรรยากาศและสีสันให้ชายหาดแห่งนี้ไม่น้อยนะค่ะ
ดิฉันจับทรายร้อนดูแล้ว ร้อนสมชื่อค่ะ
สีสันและชื่อเสียงของการมาอบทรายทราย คงขาดไม่ได้ ถ้าขาดร่มหลากสีสันค่ะ
ใหนๆมาทั้งที ต้องมาสัมผัสการอบทรายร้อนสักครั้งค่ะ สำหรับการอบทรายร้อนใช้เวลาไม่นาน แต่ที่จะนานก็การมานั่งแช่ออนเซ็นเนี่ยแหละค่ะ
แช่ออนเซ็นเสร็จ ก็มาทานขนมกับน้ำชาเขียวร้อนๆ ซึ่งบริการให้ฟรีค่ะ ส่วนขนม เดี๊ยนซื้อเองค่ะ
แช่ออนเซ็นเสร็จ ก็มาทานขนมกับน้ำชาเขียวร้อนๆ ซึ่งบริการให้ฟรีค่ะ ส่วนขนม เดี๊ยนซื้อเองค่ะ
และหลังจากที่ได้แช่ออนเซ็นอย่างสบายใจเฉิบแล้วนะค่ะ ดิฉันก็ต้องเดินทางกลับมายังเมืองคาโกชิม่าค่ะ เพื่อเดินทางไปยังเมืองต่อไปค่ะ
เดินทางถึงเมืองคาโกชิม่า เดินไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ ณ ที่พักค่ะ โชคดีที่จองที่พักใกล้สถานีรถไฟ ไม่งั้นอยู่ไกล เดินเหนื่อยแน่เลยค่ะ
ช่วงเย็นในเมืองคาโกชิม่า ผู้คนก็คึกคักไม่เบาเลยค่ะ
เดินทางมายังสถานี Kagoshima-Chuo สถานีใหญ่และเป็นสุดปลายทางของรถไฟชินกันเซนค่ะ
ขนมของฝากที่ซื้อมาจากเมืองอิบูซูกิค่ะ อยากรู้ว่าอร่อยใหม๊
แกะออกมาแล้ว ลองทานดู มันคือไดฟูกุเลยค่ะ ใช่เลย เคลือบหน้าด้วยผงช๊อตโกแลตค่ะ รสชาติหวานเจี๊ยบเชียวค่ะ ทานแล้วเลี๊ยนมากๆ ต้องทานคู่กับชาร้อนๆนะค่ะ
ได้เวลาเดินทางต่อไปยังเมืองท่องเที่ยวต่อไปแล้วค่ะ สำหรับเมืองถัดไปคือเมือง ฟูกุโอกะ ค่ะ เมืองใหญ่สวยงามอีกแห่งในภาคใต้ของญี่ปุ่นค่ะ
รถไฟออกจากที่นี้ 19.33 น.ค่ะ นั่งรถไฟชินกันเซนใช้เวลา 80 นาทีค่ะ
ระยะทางจากเมือง kagoshima ไป ยังเมืองฟูกุโอกะ 288 กิโลเมตรค่ะ นั่งรถไฟชินกันเซนใช้เวลา 80 นาทีค่ะ
นั่งรถไฟมาได้ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้วค่ะ สถานีรถไฟ Hakata แห่งเมืองฟูกุโอกะสถานีรถไฟใหญ่โตโอฬารมากค่ะ เดินออกมาผู้คนก็ยังเดินก็อย่างขวักไขว่ ดูเป
รถราในเมืองใกล้ห้างศูนย์การค้าก็ยังคึกๆคักๆ ตึ๊กตึ๊ก ตั๊กตั๊กๆมากๆค่ะ เป็นเมืองแห่งสีสัน งดงามดุจอำพรรณ น่าไปลั๊ลลาจริงๆค่ะ
เดินออกจากสถานีรถไฟ ไปยังที่พักค่ะ ซึ่งที่พักจองไว้ ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 1 กิโลกับอีก 300 เมตรค่ะ
ดิฉันเดินแบกเป้มาจนปวดหลังค่ะในที่สุดก็ถึงสักทีค่ะ ที่พักคืนนี้ของดิฉัน Fukuoka Backpacker hostel ราคาที่พัก คืนละ 800 บาทค่ะ ที่พักแนวโฮสเทล ห้องนอนรวมค่ะ
พอมาถึงอิชั้นจัดเต็มเลยค่ะ หิวหนักมากๆ มีร้านลอซันอยู่ใกล้ๆที่พัก เดินไปซื้อของกินได้สะดวกดีค่ะ
ในห้องครัว และห้องนั่งเล่น มีแขกที่กำลังนั่งแปรงฟันอยู่ที่โซฟา เพราะรอคิวเข้าห้องน้ำค่ะ
หลังจากทานข้าวอิ่ม อาบน้ำเสร็จ ดิฉันก็เข้านอน บรรทมหลับไปตลอดคืนเลยค่ะ สำหรับห้องพักคืนนี้โชคร้ายได้เตียงชั้นบน แต่โชดดีที่ไม่มีใครนอนกรนให้ผวาค่ะ ตกลงคืนหลับลึกตลอดคืนค่ะ แต่รู้สึกปวดหลังๆมากๆค่ะ เพราะแบกเป้ใบใหญ่เดินจากรถไฟมาที่โรงแรมระยะทางไม่ได้ใกล้เลยค่ะ
จบทริป 1 วันเที่ยวเมือง kagoshima แวะไปลั๊ลลาเมือง Ibusuki ค่ะ กับสภาพอากาศที่ครึมเมฆทั้งวันเลยค่ะ เป็นอีกหนึ่งเมืองเงียบสงบ ไม่วุ่นวายมากนัก สภาพอากาศเหมือนเมืองไทยเราเลยค่ะ หากใครที่อยากแช่ออนเซ็น ลองมาปลีกวิเวกเที่ยวเมืองนี้ดูนะค่ะ
สำหรับรีวิวท่องเที่ยวในเมืองวาคายาม่าที่ดิฉันได้นำเสนอในวันนี้ คงมีประโยชน์และเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่รักการเดินทางท่องเที่ยว ออกไปเปิดหู เปิดตา เปิดประสบการณ์มุมมองใหม่ๆในต่างแดนไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากข้อมูลดังกล่าวมีข้อผิดพลาด ชื่อ อักขระ พิมพ์ๆผิดๆ ตกๆหล่นๆ ประการใด เดี๊ยนเองต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ขอบพระคุณทุกๆท่านที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านและเปิดดูภาพกันค่ะ หวังว่าจะติดตามกันต่อในบล็อกถัดไปนะค่ะ หากใครมีข้อสงสัยการเที่ยวและเดินทางในญี่ปุ่นอย่างไร ก็ส่งข้อความมาทาง Facebook ได้ค่ะ เดี่ยวดิฉันจะทยอยตอบหลังเลิกงานประจำค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
-------------------------------------------------------
แนะนำบทความอื่นๆที่น่าสนใจ และรีวิวเที่ยวเมืองต่างๆ มีดังนี้ค่ะ
เที่ยวเทศกาลฮานามิ และรีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมืองมาฝากจ้า คลิ๊กดูรีวิว>> |
แนะนำโรงแรมโตเกียวเปิดใหม่ปี 2108 สำหรับคู่รัก คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลได้ที่บล็อก : http://bit.ly/2L3Nivv
โรงแรมในเมืองฮาโกดาเตะ สุดน่ารัก แถมราคาถูกอีกด้วย คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>> |
แนะนำโรงแรมในซัปโปโร ห้องนอนคู่ดูโอ้ ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว นั่งรถไฟไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
10 ที่พักโอซาก้า ราคาถูกสุดๆ ใกล้สถานีรถไฟ JR คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 4 ตามรอยระเบิดเมืองฮิโรชิม่า ไปลั๊นลาเกาะมิยาจิมะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 3 ท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะ งามเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 2 นั่งไฟออนซอนไปอบทรายร้อนที่อิบูชูกิ คลิ๊กดูค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวทามะ แวะพักชมปราสาทสวย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
วิธีการวางแผนเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองมาฝาก คลิ๊กดูค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น