Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 รีวิวเที่ยวโตเกียว 1 วัน นั่งรถไฟสุขสันต์ไปไหว้พระใหญ่คามากุระ เดินจิ๊จ๊ะกินขนมหวาน ร้าวรานถึงทรวงใน

บล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวโตเกียวใน 1 วัน นั่งรถไฟสุขสันต์ไปไหว้พระใหญ่เมืองคามากุระ เดินจิ๊จ๊ะทานขนมหวาน ร้าวรานจับใจ
ก็ขอสวัสดี๊ดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผองชาวไทยที่น่ารักทุกๆคน ที่กำลังเปี่ยมล้น ค้นหาข้อมูลเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทย ไปไกลทั่วทีปทั่วแดน สุดแสนจะเริ่ดสะแมนแตนกันอยู่ ณ ขณะเสี้ยววินาทีนี้นะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน บล็อกเกอร์สมัครเล่นแนวๆกากๆ โกโรโกโส ขอมาเฮลโหล จ๊จ๋า ดี๊ด๊า บ้าบอๆ ต้อนรับท่านเข้าสู่เว็ปบล็อกแนะนำที่พัก รีวิวท่องเที่ยว เขียนไปเรื่อยเปื่อยๆ หาสาระดีๆไม่ค่อยจะมี ให้ท่านได้ฉิมพลีอ่านฆ่าเวลากันไปอีกครั้งนะค่ะ และอีกอย่างเดี๊ยนเองก็ได้มาเขียนบล็อกฆ่าเวลาหลังเลิกงาน ถือเป็นงานอดิเรกไปจ้า

สำหรับบทความในเว็ปบล็อกวันนี้ ขอมาเขียนรีวิวท่องเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อนต่อนะค่ะ ตอนนี้เข้าสู่ตอนที่ 13 แล้วค่ะ หลังจากที่เขียนมาแรมเดือน ใกล้จะจบแล้วค่ะ ถือเป็นการเดินทางท่องเที่ยว 14 วันเป็นทริปที่ยาวนาน และก็ได้นำเรื่องราวการเดินทางที่ได้ไปประสบพบเจอมาเล่า มาเขียนบันทึกเป็นไดอารี่ไว้ในเว็ปบล็อกนี้ เพื่อให้ทุกๆท่านได้อ่านกันค่ะ ถึงแม้จะมีจำนวนน้อยนิดแค่วันละ 1 คน เดี๊ยนก็สุขใจและเปี่ยมล้นด้วยพลังแล้วนะค่ะ

และอีกอย่างไรได้เปิดประสบการณ์ในต่างประเทศไม่น้อย โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่เจริญไปด้วยเทคโนโลยี อันทันสะหมอก ทันสมัย และงามวิไลไปด้วยธรรมชาติหลากสีสัน หลากฤดูกาลให้ไปเที่ยวสำราญกันอย่างเบิกบานใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนค่ะ

เอ้าละค่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้นะค่ะ ดิฉันขอมารีวิวเที่ยวญี่ปุ่นต่อค่ะ โดยรีวิวในเว็ปบล็อกนี้ก็เป็นการเดินทางเที่ยวในเมืองหลวงโตเกียวและไปเดินเที่ยวไหว้พระใหญ่ที่เมืองคามากุระ เป็นทริปเดินทางแบบง่ายๆ เที่ยวสบายๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยๆ เมื่อยก็นั่งพักค่ะ

สรุปทริปการเดินทาง 22 ก.ค.2560 (ตอนบ่าย เดินทางจากฮาโกดาเตะมาโตเกียว)
- เดินทางออกจาเมืองฮาโกดาเตะ เกาะฮอกไกโดตอนบ่าย 2 เดินทางถึงเมืองหลวงโตเกียวตอน 1 ทุ่ม
- นั่งรถไฟ Jr จากสถานีโตเกียว มาที่สถานี JR อากิฮาบาร่า เพื่อมาเปลี่ยนนั่งรถไฟใต้ดินเอกชนไปลงที่สถานี Asakusa เพือเช็คอินน์เข้าที่พักค่ะ ไปนอนพักที่โรงแรม ข้าวสารโตเกียวซามูไร่ 1 คืน
สรุปการเดินทางท่องเที่ยวในวันที่ 23 ก.ค.2560 (เที่ยวโตเกียว-คามากุระ)
- เช็คเอาท์ออกจากที่พัก ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมข้าวสารโตเกียวซามูไรก่อน บ่ายค่อยกลับมาเอาค่ะ
- ตอนเช้าไปไหว้พระที่วัดอาซากุสะ
- ตอนสายๆเดินทางไปเมืองคามากุระ เพื่อไหว้พระใหญ่ที่วัดโกโตะกุค่ะ
- ตอนบ่ายเดินทางกลับมาเอากระเป๋าที่โรงแรม เดินทางจากเมืองโตเกียว ไปเมืองคาวากุชิโกะ เพื่อไปชมวิวภูเขาไฟฟูจิในช่วงฤดูร้อนค่ะ จบทริปค่ะ
เอ้าล่ะค่ะเพื่อให้สาเวเลีย และเสียเวลาไปมากกว่านี้ เดี๊ยนขอไม่บ่นพร่ำทำเพลง ขอมาบรรเลงเขียนรีวิวพาทุกๆท่านมาสไลด์ดูภาพทริปท่องเที่ยว และหากใครมีเวลาก็อ่านรีวิวในเว็ปบล็อกนี้ก็จะดีมากค๊า อ่านแล้วจะได้เป็นคนบ้าเที่ยวไปด้วยกันค่ะ และเพื่อไม่ให้สับสนและงวยงงกับรีวิวในเว็ปบล็อกนี้ เพื่อนๆทุกคนสามารถไปอ่านรีวิวบล็อกก่อนหน้านี้ได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Hakodate-travel-review.html
(ต่อจากรีวิวตอนที่ 12) ขอท้าวความเดิมก่อนค่ะ หลังจากที่เมื่อวานนี้ดิฉันได้พาทุกท่านไปเที่ยวเมืองฮาโกดาเต้ ชมสถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือนสุดเก๋ไก๋ น่ารักมุ้งมิ้ง สุดสวิงริงโก้กันไปแล้วนะค่ะ

ตอนบ่ายของวันที่ 22 ก.ค. ดิฉันนั่งรถไฟ JR จากเมือง Hakodate มาลงที่สถานี  shin-hakodate เพื่อนั่งรถไฟชินกันเซนจากฮาโกดาเตะลงมายังเมืองหลวงโตเกียวค่ะ ซึ่งเป็นเมืองถัดไปค่ะ
ตามรายละเอียดในตั๋วเดินทาง ออกจากสถานีชินฮาโกดาเตะ เวลา 14.22 น. ถึงเมืองโตเกียว 19.10 น.เรียกว่าใช้เวลาไปครึ่งค่อนวันเลยจ้า
โชดคีค่ะที่ได้ทำการจองที่นั่งไว้แล้ว และนั่งที่นั่งริมหน้าต่าง เพราะที่นั่งริมหน้าต่างจะมีปลั๊กให้เสียบชารต์แบตหรือเปิดโน๊ตบุ๊ค ทำงาน เปิดเน็ต ฟังเพลงแก้เหงาไปเรื่อยค่ะ แต่ข้อเสียของการใช้อินเตอร์เน็ตบนรถไฟความเร็วสูงก็คือว่า อินเตอร์เน็ตไม่ค่อยเสถียรเลยค่ะเพราะเวลารถวิ่งเข้าถ้ำ เข้าอุโมงซึ่งบางครั้งใช้เวลา เน็ตก็จะหลุดไปดึ้อๆ เรียกว่าใช้การไม่ได้เลยค่ะ

ทำให้เวลาทำงานอยู่ก็ไม่สามารถจะส่งอีมง อีเมลล์อะไรได้เลยค่ะ แต่พอรถออกมาก็ใช้เน็ตได้เหมือนเดิม แต่เน็ตก็ไม่ได้เร็วอะไรมากนักค่ะ พอถูๆไถๆไปได้ค่ะ
 ยามที่อินเตอร์เน็ตหลุดใช้งานไม่ได้นะค่ะ เดี๊ยนก็เลยมองวิวทิวทัศน์ริมหน้าต่างไปแทนค่ะ ก็ช่วยฆ่าเวลาไปได้ค่ะ

 และหลังจากที่นั่งชมวิวและทำงานอยู่บนรถไฟชินกันเซนรวม 5 ชั่วโมง ก็เดินทางถึงเมืองหลวงโตเกียว ตามเวลาเป๊ะเลยค่ะ รถไฟตรงเวลามากๆ 
 ขบวนรถไฟที่นั่งเป็นคันนี้ค่ะ เป็นรถไฟ shinkansen hayabusa
เมื่อมาถึงเมืองโตเกียวแล้ว เดี๊ยนก็ยังไม่ได้เดินทางไปโรงแรมนะค่ะ ขอออกเดินผ่อนคลายที่สถานีรถไฟแห่งนี้ก่อนค่ะ

เนื่องจากว่าช่วงเวลาดังกล่าวที่มาถึงก็ประมาณ 1 ทุ่ม ซึ่งยังเป็นเวลาเร่งด่วนที่คนทำงานในญี่ปุ่นกำลังจะเลิกงานกันกลับบ้าน เดี๊ยนว่าถ้าเข้าไปนั่งบนรถไฟ ต้องอัดเป็นปลากระป๋องแน่เลยค่ะ เพราะจำได้ว่ามาเที่ยวเมื่อสองปีที่แล้วเนี่ยะแหละค่ะ นั่งรถไฟช่วงเวลาเริ่งด่วยแทบจะหายใจไม่ออก แถมเดินออกก็อยาก เพราะกระเป๋าใหญ่มาก ลำบากสุดๆ ครั้งนี้เลยขอมาถอนหายใจ เดินชิลๆพักที่สถานีรถไฟนี้ก่อนค่ะ
 ดิฉันเลยเดินแบกเป้ออกมาจากสถานีรถไฟโตเกียวค่ะ แต่กว่าจะเดินออกหาประตูทางออกได้เนี่ยนะค่ะ เดินจนปวดหลัง เมื่อยขาไปหมดเลยค่ะ เพราะหลงทางและงงกับเส้นทางนะคะ ทั้งที่มีป้ายบอกทางค่ะ
เดินออกมาตอนแรกกะว่าจะเดินไปให้ถึงพระราชวังอิมพีเรียลค่ะ แต่ดูสภาพตัวเองแล้ว เดี๊ยนไม่ไหวแน่ๆค่ะ ก็เลยมานั่งชิลๆอยู่หน้าสถานีรถไฟถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยค่ะ
สถานีรถไฟโตเกียว
เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกมีสาระมากกว่านี้ เดี๊ยนเลยขอมานำเสนอเนื้อหาแบบวิชาก๊าน วิชาการ มานำเสนอให้ท่านไห้อ่านกันค่ะ

เกี่ยวกับสถานีรถไฟโตเกียว
สถานีรถไฟโตเกียว เป็นสถานีรถไฟหลักของกรุงโตเกียว ตั้งอยู่ในย่านมะรุโนะอุชิ (Marunouchi) แขวงชิโยะดะ หนึ่งในแขวงพิเศษของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น อยู่ใกล้กับพระราชวังหลวง และย่านกินซ

โดยสถานีรถไฟโตเกียวให้บริการรถไฟระหว่างเมือง รถไฟท้องถิ่น และรถไฟชิงกันเซ็ง (รถไฟความเร็วสูง) ของกลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น (Japan Railway Group) และรถไฟฟ้าใต้ดินของโตเกียวเมโทร (Tōkyō Metoro) 1 ใน 2 ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินของกรุงโตเกียว
ซึ่งสถานีรถไฟโตเกียวเป็นสถานีที่มีจำนวนรถไฟระหว่างเมืองเข้าออกคับคั่งมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น (มากกว่า 3,000 เที่ยวต่อวัน) และมีผู้คนสัญจรผ่านมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของภาคตะวันออกของญี่ปุ่นและสถานีรถไฟโตเกียวยังเป็นต้นทางและชุมทางของรถไฟชิงกันเซนมากขบวนที่สุด เรียกว่าเป็นศูนย์กลางของการเดินทางไปยังเมืองต่างๆได้ทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นค่ะ

ขอบพระคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/สถานีรถไฟโตเกียว
และสถานีรถไฟโตเกียวก็ถือเป็นสถานีรถไฟที่สวยงามติดอันดับโลกด้วยค่ะ เนื่องด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามของรูปทรงอาคารที่ถูกอนุรักษ์ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

สถานีรถไฟเปิดดำเนินตั้งแต่ปี 2457 มาจนถึงปัจจุบัน
บรรยากาศโดยรอบก็แวดล้อมไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้า ถ้าถล่มลงมาก็ปวดร้าวน่าดูนะค่ะ กับอาคารสถานีรถไฟเก่าแก่สีน้ำตาลที่สวยงามเก๋ไก๋ไม่เบาค่ะ
สถานีรถไฟโตเกียว
และข้างหน้าสถานีรถไฟก็มีการก่อสร้างอะไรไม่รู้นะค่ะ มีการสร้างรั่วกำแพงสีขาวล้อมรอบเต็มไปหมดค่ะ คงจะสร้างต้อนรับงานโอลิมปิกเกมกระมังค่ะ
ส่วนอากาศในเมืองโตเกียวในช่วงหัวค่ำนั้น ร้อนไม่แพ้ในเมืองไทยเลยค่ะ อากาศร้อนที่ญี่ปุ่น ร้อนรุ่มเร้าดั่งไฟเผาทรวงจริงนะค่ะ เล่นเอาเหงื่อไหลหยดเป็นกะละมังเลยค่ะ
สถานีรถไฟโตเกียวในอดีต
และหลังจากที่เดี๊ยนได้เดินสปอยล์ ชิลๆ นั่งรับวิวอยู่หน้าสถานีรถไฟโตเกียวแล้วนะค่ะ เวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆก็ได้เวลาเดินทางไปยังโรงแรมที่พักแล้วค่ะ โดยที่พักคืนนี้ พักย่านอาซากุสะค่ะ เนื่องจากมีโรงแรมชิคๆเก๋ๆ ราคาถูก ประหยัดให้เลือกพักเยอะ และอยู่ใกล้ย่านของกิน ใกล้วัดอาซากุสะ ใกล้แม่น้ำ รวมทั้งถือเป็นย่านสำหรับนักเดินทางแบกเป้จากทั่วทุกมุมโลกก็มาพักค้างกันที่นี้ด้วยค่ะ
เข้ามาในสถานีรถไฟโตเกียวก็ต้องเหลียวสังเกตุป้ายบอกทางตลอดค่ะ  แต่บางครั้งก็หลงนะค่ะ หลงเพราะป้ายเยอะเกิน ชี้ไปทางโน้น ชี้ไปทางนี้ เดี๊ยนงงค่ะ
แต่ส่วนใหญ่เมื่อถึงประตูทางเข้าสถานี เดี๊ยนก็จะเข้าไปถามเจ้าหน้าที่เพื่อความแน่ใจค่ะว่าจะไปอาซากุสะ ต้องไปขึ้นสถานีใหน ทางเจ้าหน้าที่ก็จะบอกหมายเลขมาให้ค่ะ บลาๆๆ 

อย่างเช่นของดิฉันไปย่านอาซากสะทางเจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปลงที่สถานี Akihabara จากนั้นก็เปลี่ยนไปนั่งรถไฟใต้ดิน Tsukaba express เป็นรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Asakusa เสียตังต่างหากค่ะ
ทางเจ้าหน้าที่ให้ดิฉันไปขึ้นรถไฟ JR ที่ชานชลาหมายเลข 4 เป็นเส้นทางรถไฟสาย Yamanote Line ก็เดินไปตามป้ายเลยนะค่ะ จะมีหมายเลขบอกค่ะ
เมื่อมาถึงก็มารอรถไฟค่ะ ช่วงที่นั่งรถไฟ JR รอบเมืองคนก็ยังมีอยู่เรื่อยๆค่ะ แต่ก็ไม่ได้แน่นมากแล้วค่ะ ค่อยยังชั่วนะค่ะ ตอนแรกคิดว่าคนยังแน่นเป็นปลากระป๋องอยู่
นั่งรถไฟมาไม่นานนักไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงที่สถานีรถไฟ Akihabara ค่ะ เมื่อมาถึงสถานีรถไฟนี้แล้วนะค่ะ ดิฉันก็ต้องเดินออกจากสถานีรถไฟ JR เพื่อไปต่อรถไฟใต้ดินค่ะ แต่เวลายังเหลือ ขอมาเดินชิลๆชมย่านอากิฮาบาร่าหน่อยค่ะ
สำหรับย่านอากิฮาบาร่าถือเป็นย่านรวมสินค้าเกี่ยวอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งในเมืองโตเกียว เรียกว่ามีโทรศัทพ์มือถง มือถือ ทีวง ทีวี เทคโนโลยีอันสะหมอก ทันสมัยให้ได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจค่ะ
หากเดินออกจากสถานีมาก็เจอห้างสรรพสินค้าขายเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าล้วนๆค่ะ ห้าง Yodobashi-Akiaba
เป็นห้างสรรพสินค้าที่รวมเอาสินค้าอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ทุกรูปแบบรวมเอาไว้ในห้างนี้ค่ะ  ดิฉันเองแบกเป้เข้าไปเดินด้านในไม่เท่าไหร่ก็เดินออกมาค่ะ เพราะคนเยอะมากๆนะค่ะ เกรงจะไปเกะกะทางเดินเค้าค่ะ เดียวถ้าเดินในห้างนั้นนานๆมีหวังเกิดกิเลส อยากได้โน้น อยากได้นี้ มีเสียตังอีกแน่นอนค่ะ เพราะสินค้าแต่ละอย่างก็ล้ำยุคทุกสมัย งามไฉไลสุดเก๋ เทห์ซ่ะเบาเชียวค่ะ สินค้าบางตัวก็เป็นตุ๊กตุ๋นตุ๊กตาน่ารัก น่าซื้อมากๆ
และหลังจากไปเดินดูสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในห้างโยโดบาชิไม่นานนะค่ะ ดิฉันก็ลงมาที่สถานีรถไฟใต้ดิน Akihabara คราวนี้ได้เสียตังแล้วค่ะ เพราะบัตร JR ใช้ไม่ได้แล้ว เพราะรถไฟดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเครือ JR ดังนั้นใช้บัตร JR ไม่ได้ค่ะ

เดี๊ยนก็เลยต้องเตรียมสะตังไปซื้อตั๋วรถไฟที่เครื่องจำหน่ายบัตรอัตโมมัติค่ะ
ราคาเดินทางจากสถานี Akihabara ไปยังสถานี Asakusa อยู่ที่ 220 เยนค่ะ หรือประมาณ 66 บาทค่ะ
นั่งรถไฟมาลงที่Asukusa Station สายรถไฟ Tsukuba Express
นั่งรถไฟใต้ดินจากอากิฮาบาร่ามาไม่นาน แป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ ย่านอาซากุสะ แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันโด่งดังไปทั่วทั้งโลกา  และเป็นแหล่งรวมที่พักของโรงแรมแนวโฮสเทลแบบแบ็คแพ็ค ราคาถูก ประหยัด ไม่แพง หลักร้อย ใ ห้ได้เลือกกันมากมายหลายแห่งค่ะ เอาใจคนงบน้อยๆนะค่ะ
ย่านนี้ก็จะเป็นถนนคนเดินช๊อปปิ้ง เป็นเส้นทางไปวัดอาซากุซะค่ะ เดียวพรุ่งนี้ค่อยไปดีกว่าค่ะ เพราะอยู่ใกล้ๆกันค่ะ
ใกล้ๆสถานีรถไฟ asakusa ก็เป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่ มีร้านอาหาร ร้านค้า มากมายค่ะ
โรงแรมที่พักคืนนี้ Khaosan Tokyo Samurai Capsule โรงแรมในเมืองโตเกียว ราคาหลักร้อย
ดิฉันเดินแบกเป้ พร้อมเปิด GPS หาโรงแรมในมือถืออยู่ไม่นานก็เจอโรงแรมแล้วค่ะ  Khaosan Tokyo Samurai Capsule โรงแรมที่พักคืนนี้เป็นที่พักแนวโฮสเทล ห้องแบบสไตล์แคปซูล ห้องน้ำรวม ราคาห้องพักตกคืนละ 600 บาทค่ะ
เดินเข้ามาด้านในเป็นเคาว์เตอร์ต้อนรับลูกค้าและทำการ Check in ค่ะ
เข้ามาด้านในก็ตกแต่งเรียบๆแนวชิคๆกิ๊บเก๋ดีนะค่ะ เข้ากับตีมของชื่อโรงแรมได้ดีค่ะ เป็นโรงแรมแบบซามูไร
คืนนี้ พักค้างที่ Khaosan Tokyo Samurai Capsule ดูรายละเอียดห้องพักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/FwTrVa
เข้ามาดิฉันก็ทำการเช็คอินน์เพื่อเข้าที่พักค่ะ หลังจากนั้นไม่นาก็มีนักท่องเที่ยวแบกเป้รายอื่นๆก็เริ่มทยอยมาเช็คอินน์เข้าที่พักเรื่อยๆเลยค่ะ  
ห้องครัว และ Space area นั่งทานข้าวอยู่คนละชั้นกันค่ะ แต่ก็มีป้ายบอกชัดเจนดี
 ก่อนจะขึ้นห้องพักนะค่ะ ก็มีจะมีชั้นสำหรับเข้าไปทานข้าว ดิฉันเลยขอมาทานข้าวที่ Space area ซึ่งมีที่ทำกับข้าว ที่ล้างจาน และนั่งทานข้าว นั่งพักผ่อนหรือทำงานก็มานั่งมุมนี้ค่ะ
สภาพโดยรวมถือว่าดีเยี่ยมเลยค่ะ ยังใหม่เอี่ยมอ่องทีเดียว หากใครที่สนใจพักที่นี้ เข้าไปดูรายละเอียดที่พักได้ที่เว็ปไซต์ https://goo.gl/FwTrVa
อาหารค่ำมื้อนี้ หนีไม่พ้น เซเว่นหรือ lawsan ค่ะ คือแบบง่ายและราคาถูกสุดล่ะ
อาหารมื้อเย็นนี้จัดอีกเหมือนเดิมค่ะ อาหารกล่องจากร้านสะดวกซื้อ เพราะราคาถูกและประหยัดสุดๆแล้วค่ะ
สภาพห้องพักแนวโฮสเทล เตียงนอนรวม แต่สะอาดสะอ้านมากค่ะ ดูไม่วุ่นวายดี ดูรายละเอียดห้องพักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/FwTrVa
และหลังจากทานข้าอิ่มแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็ไม่ได้ออกไปตะแล็ดแต๊ดแต๋ที่ใหนต่อเลยค่ะ เพราะรู้สึกปวดเมื่อยหลังมากๆ เพราะเดินแบกเป้มาโดยตลอดค่ะ
ห้องพักเล็กๆ ราคาหลักร้อย ดูรายละเอียดห้องพักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/FwTrVa
พอทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อย ดิฉันก็เข้าสู่ตู้ห้องพักแคปซูล นอนหลับฝันร้ายและดีเคลาคลีไปตลอดคืนค่ะ จบทริปวันที่ 22 ก.ค.2560
----------------------------------------------------------------------------------------------
รีวิววันต่อมา
เช้าวันที่ 23 ก.ค.2560 ดิฉันตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะ รีบมาทำภารกิจส่วนตัวให้เสร็จ เพราะวันนี้ช่วงเช้าๆกะไปไหว้พระที่วัดเซนโซ หรือวัดอาซากุสะค่ะ ก่อนช่วงสายๆเดินทางไปเมืองคามากุระค่ะ
 หลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้เรียบร้อยนะค่ะ ดิฉันก็เดินออกไปร้านสะดวกซื้อ ซึ่งใกล้ๆที่พักมีร้านเซเว่นอยู่ค่ะ ก็ซื้ออะไรมาทานค่ะ
 ซื้อขนมนมเนยที่ห้องนั่งทานอาหารค่ะ
สภาพโดยรวมถือว่าดีเยี่ยมเลยค่ะ ยังใหม่เอี่ยมอ่องทีเดียว หากใครที่สนใจพักที่นี้ เข้าไปดูรายละเอียดที่พักได้ที่เว็ปไซต์ https://goo.gl/FwTrVa
 บรรยากาศช่วงเช้าที่โรงแรม เงียบสงบดีมากค่ะ
 และหลังจากทานขนม นมเนย นมไปจนอิ่มแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เช็คเอาท์ออกจากที่พัก แต่กระเป๋าเป้ใบใหญ่ฝากไว้ที่โรงแรมอยู่ค่ะ เดียวตอนบ่ายๆค่อยกลับมาเอาค่ะ 
 เดินออกจากที่พักข้ามทางม้าลายมาเพื่อไปไหว้พระที่วัดเซนโซค่ะ ระหว่างเห็นดอกไม้เสี้ยวกำลังผลิดอกบานพุ่มเป็นพวงชมพู สวยเชิดชู
 สภาพอากาศและท้องฟ้าในเมืองโตเกียววันที่ 23 ก.ค.นี้นะค่ะ ค่อนข้างครึมหน่อยค่ะ ฟ้าไม่ค่อยสดใสเลย แต่อากาศก็ค่อนข้างร้อนพอสมควรค่ะ
ออกเดินเท้าจากที่พักมาไม่ไกลค่ะ เดินตามเส้นทางมาเรื่อยก็ถึงแล้วค่ะ วัดเซนโซจิ โดยในย่านนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงที่ยังคงบรรยากาศความเก่าแก่ มีผู้คนเดินมาสักการะ
 มีความรู้วิชาก๊าน วิชาการมาให้อ่านกันอีกแล้วค่ะ
เกี่ยวกับอาซากุซะ
สำหรับย่านอาซะกุซะตั้งอยู่ในเขตไทโต ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว อยู่สุดทางด้านตะวันออกของรถไฟใต้ดินโตเกียวเมโทรสายกินซะ ใกล้แม่น้ำสุมิดะ (Sumida-gawa river)

เป็นที่ตั้งของวัดเซนโซจิ (Sensō-ji) ที่มีชื่อเสียง วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตว์กวนอิม หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า "คันนง" (Kannon) อันเป็นที่เคารพบูชาของชาวญี่ปุ่นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีงานเทศกาลประจำปีที่มีชื่อเสียงระดับประเทศด้วย โดยจะมีถนนนากามิเสะที่เป็นถนนยาวเข้าสู่พื้นที่ภายในวัดที่จะเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย
สำหรับชื่อจริงๆของวัดนี้ก็คือวัดเซนโซจิ แต่ส่วนใหญ่ผู้คนจะเรียกวัดนี้ว่า วัดอาซากุสะ หรือว่าวัดโคมแดงไปแล้ว เพราะซุ้มประตูคะมะนะริมง (ประตูสายฟ้า) อันโด่งดัง ตั้งอยู่หน้าวัดเซนโซ
ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเมื่อประมาณปี 628 สองพี่น้องได้ออกเรือไปหาตกปลา และเกิดไปตกรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิมได้ที่แม่น้ำสุมิดะ  และแม้ว่าพวกเขาจะพยายามทิ้งรูปปั้นกลับลงสู่แม่น้ำเท่าไหร่ก็ตาม แต่แล้วรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมก็จะกลับมาหาพวกเขาอยู่เสมอ จึงได้มีการสร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม วัดนี้ก่อสร้างเสร็จในปี 645 จึงถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองโตเกียวค่ะ
 และเสน่ห์ของการเดินทางมาเที่ยววัดแห่งนี้ ก็คงหนีไม่พ้น การเดินช๊อปปิ้งบนถนนนากามิเสะ ซึ่งเป็นถนนยาวเข้าสู่พื้นที่ภายในวัดที่จะเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายให้เลือกซื้อ เลือกหากันค่ะ
เดินไปตามถนนก็จะเป็นร้านขายของฝาก ที่ระลึกมากมายค่ะ และขนมอร่อยๆน่าทานหลายอย่างเลยค่ะ
 บรรยากาศในช่วงประมาณ 9 โมงเช้าค่ะ ผู้คนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่วัดแห่งนี้ ก็คึกคักมากๆค่ะ
ขนมใส่ตู้ไว้น่าทานมากๆค่ะ
 ดูขนมร้านนี้ ทำกันให้เห็นแบบสดๆ จนมีลูกค้าเข้าแถวเรียงคิวซื้อทำกันแทบไม่ทันค่ะ
 เจอรถลากสุดคลาสสิคและกิ๊บเก๋อีกเสน่ห์ของการเดินทางมาเที่ยวในญี่ปุ่น ก็จะพบเห็นอยู่หลายแห่ง ตามแหล่งท่องเที่ยวค่ะ

หลังจากได้เดินเข้าไปไหว้พระที่วัดเซนโซจิย่านอาซากุสะ เรียบร้อยแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เดินทางด้วยรถไฟไปยังเมืองคามากุระต่อค่ะ 
 นั่งรถไฟ JR มาดูแยกชิบูย่า ซึ่งเป็นแยกที่ผู้คนเดินข้ามถนนมากที่สุดในโลก หากใครที่แวะมาเที่ยวเมืองโตเกียวครั้งแรก ต้องไม่พลาดค่ะ มาเดินดูความเจริญและความทันสมัยของเมืองที่ทันสมัยติดอันดับโลกค่ะ กับสี่แยกที่ผู้คนสัญจรเดินผ่านไปมามากที่สุดในโลกค่ะ
จุดถ่ายรูปฟรี คงหนีไม่พ้นเส้นทางเดินบนห้างสรรพสินค้าซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟ JR ชิบูย่าค่ะ แต่ถ้าใครที่มีกะตังหน่อย ก็ไปนั่งชิวๆดื่มชา กาแฟ นั่งทานขนมบนตึกที่ติดกับแยกชิบูย่าก็จะได้ภาพที่สวยเริ่ด และถ้าช่วงที่คนเยอะจริงต้องช่วงเย็นๆ ช่วงเลิกงาน ผู้คนจะเดินข้ามผ่านกันเยอะมากๆค่ะ
หลังจากนั้นดิฉันก็นั่งรถไฟ JR จากสถานีชิบูย่ามาที่เมืองคามากุระค่ะ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองโตเกียวค่ะ ห่างจากเมืองโตเกียวประมาณ 50 กิโลเมตร
โดยเมืองคามากุระเป็นอีกหนึ่งท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองโตเกียวค่ะ 
สำหรับวิธีการเดินทาง แนะนำให้นั่งรถไฟสะดวกที่สุดค่ะ
 ดิฉันนั่งรถไฟ JR จากโตเกียวมาเกือบ 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะ สถานีรถไฟ Kamakura
 เมื่อถึงสถานีเมืองคามากุระแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เดินไปขอแผนที่โบว์ชัวร์ท่องเที่ยวที่ เคาวเตอร์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว เพื่อสอบถามข้อมูลและการเดินทางไปยัง
ได้โบว์ชัวร์แผนที่การเดินทางมาแล้วค่ะ

เกี่ยวกับเมืองคามากุระ

คามากุระ (ญี่ปุ่น:Kamakura-shi ) ถืือเป็นเมืองในจังหวัดคะนะงะวะ ประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 50 กิโลเมตร จากโตเกียว แม้ในปัจจุบันเมืองคามากุระจะเป็นเพียงเมืองขนาดเล็กในจังหวัดคะนะงะวะ แต่ในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นแล้ว เมืองนี้เคยเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางการปกครองญี่ปุ่นในสมัยโชกุน เรียกว่ายุคคะมะกุระ

ปัจจุบันคะมะกุระเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญไม่ไกลจากโตเกียว สถานที่ที่มีชื่อเสียง เช่น วัดโคโตะกุ ศาลเจ้าสึรุงะโอะกะ ฮะจิมัง วัดโชจุจิ วัดเอ็งงะกุจิ วัดโจเมียวจิ วัดจุฟุกุจิ หาดยุอิงะฮะมะ

ตามข้อมูลที่ได้มา ทางเจ้าหน้าที่ท้องเที่ยวก็วงกลมสถานีรถไฟปลายทาง ที่สามารถเดินไปวัดโคโตะกุ หรือวัดพระใหญ่ได้ค่ะ โดยแนะนำให้ลงที่สถานี Hase station ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้วัดมากที่สุดค่ะ ซึ่งรถไฟท้องถิ่นดังกล่าวไม่สามารถใช้บัตร JR ได้ค่ะดังนั้นต้องซื้อตั๋วโดยสารต่างหากค่ะ  
 สำหรับราคาบัตรโดยสารไปยังสถานี Hase อยู่ที่ราคาเที่ยวละ 190 เยนค่ะ พอได้ตั๋วมาก็ไปขึ้นรถไฟคันสีเขียวๆนี้แหละค่ะ
เนื่องด้วยวันที่ดิฉันเดินทางมา เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศทั้งคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ เดินทางมาเที่ยวเมืองนี้กันอย่างคึกคักเลยค่ะ  รถไฟแน่นกันทุกขบวนเลยค่ะ
นั่งรถไฟจากสถานี kamakura มาไม่นานก็ถึงสถานี Hase จากนั้นก็เดินตรงเลียบไปตามทางเดินฟุตบาทอย่างเดียวค่ะ ทางเดินไปวัดโคโตะกุ หรือวัดพระใหญ่
 ซึ่งระหว่างทางเดินไปยังวัดก็จะเป็นร้านขายอาหาร ขายของที่ระลึกริมทาง ของแต่ละอย่างก็ชวนให้น่าซื้อทั้งนั้นเลยค่ะ
นักท่องเที่ยวมากันเยอะมากๆนะค่ะ เนื่องจากเป็นวันหยุดสัปดาห์ ส่วนสภาพอากาศก็ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่แล้วค่ะ มาเมืองนี้ยังพอมีลมพัดลมเพ โอ้ละเห่เลชาช่วยให้หายบ้า หายร้อนไปได้บ้างค่ะ 
 เดินมาไม่ไกลก็ถึงแล้วค่ะ วัดโคโตะกุค่ะ ตั้งอยู่บนเชิงเนินเขาเลยค่ะ
 เมื่อเดินเข้ามาแล้วก็เสียค่าธรรมเนียมเข้าไปด้านในวัดค่ะ
 โดยค่าธรรมเนียมประตูผ่านเข้าไปยังด้านในวัดโคโตะคุผู้ใหญ่อยู่ที่ 200 เยน ส่วนเด็ก 150 เยนค่ะ
 เมื่อเสียเงินแล้ว ก็จะได้บัตรผ่านประตูมาแบบนี้ค่ะ
เมื่อเข้ามาด้านในวัดแล้วนะค่ะ ต้องมาล้างมือก่อนเข้าไปด้านในค่ะ โดยล้างมือซ้ายก่อนแล้วตามด้วยมือขวา ถือเป็นธรรมเนียมที่ปฎิบัติกันเวลาเข้าไปด้านในวัดค่ะ
 เมื่อได้ทำการล้างมือเรียบร้อยก็เดินมาอีกนิดก็จะเห็นพระใหญ่ไดบุสึ เด่นตระหง่านเห็นอยู่ใกล้ๆเลยค่ะ บรรยากาศโดยรอบก็ร่มรืนย์เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชะอุ่ม และมีนักท่องเที่ยวมากราบสักการะกันมากมายค่ะ
มีความรู้วิชาก๊าน วิชาการมาให้อ่านกันอีกแล้วค่ะ
มีความรู้วิชาก๊าน วิชาการมาให้อ่านกันอีกแล้วค่ะ

เกี่ยววัดโคโตะกุ

วัดโคโตะกุ หรือ โคโตะกุอิง (Kōtoku-in) (แปลว่าที่พักอันมีความดีอันสูงส่ง) เป็นวัดพุทธในเมืองคะมะกุระ จังหวัดคานางาวะ ประเทศญี่ปุ่น 

วัดนี้เป็นที่รู้จักจากพระพุทธรูปไดบุสึ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปอมิตาภะองค์ใหญ่หล่อจากบรอนซ์ตั้งอยู่กลางแจ้ง เป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่างหนึ่งของญี่ปุ่น พระพุทธรูปองค์นี้สูง 13.35 เมตร หนักประมาณ 93 ตัน เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่เป็นอันดับสองในญี่ปุ่น รองจากพระพุทธรูปในวัดโทได จังหวัดนะระ
ประวัติของพระพุทธรูปอาจย้อนหลังไปถึงเมื่อปี พ.ศ. 1795(ค.ศ. 1252) ในสมัยคะมะกุระ โดยบันทึกของทางวัดมีการบันทึกไว้ว่ามีการสร้างพระพุทธรูปบรอนซ์ขึ้น แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะเป็นพระพุทธรูปองค์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้หรือไม่ ตามบันทึกนั้น พระพุทธรูปถูกสร้างขึ้นในโบสถ์ไม้ แต่อาคารโบสถ์ได้พังทลายลงเนื่องจากถูกคลื่นสึนามิซัด ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งในสมัยมุโระมะจิ ปลายศตววรษที่ 15 แต่พระพุทธรูปยังคงอยู่
เชื่อกันว่า พระพุทธรูปนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1795(ค.ศ. 1252) ตามประสงค์ของพระโจโค ซึ่งเป็นผู้รวบรวมเงินบริจาคเพื่อการก่อสร้าง ส่วนช่างแกะสลักคือ โอะเนะ โกะโระเอะมอง และทันจิ ฮิซะโตะโมะ
หลังจากที่โบสถ์พังทลายลงจากคลื่นสึนามิ พระพุทธรูปนี้ก็ตั้งอยู่กลางแจ้งมาตั้งแต่นั้น และในปี 1960-1961 ได้มีการบูรณะพระพุทธรูปให้มีความคงทนมากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้พังทลายจากเหตุแผ่นดินไหว
ขอบพระคุณข้อมูลดีๆจากเว็ปไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/วัดโคโตะกุ
บรรยากาศด้านในก็ร่มรืนย์เต็มไปด้วยต้นไม้ และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาสักการะ ใหว้พระขอพรกันอย่างต่อเนื่องค่ะ 
 หลังจากที่ได้ไปไหว้พระใหญ่ไดบุสึไปแล้วนะค่ะ ก็ได้เวลาออกไปหาอะไรทานแล้วค่ะ
 ซึ่งระหว่างทางเดินก็มีร้านอาหารริมทางให้เลือกหลายร้าน เหลือบไปเห็นร้านขายทาโกะยากิกำลังทำสด ร้อนเลยค่ะ แต่ป้ายเขียนไว้ไม่ใช่ทาโกะยากิค่ะ มันคือ จาโคยากิค่ะ
ตามรายละเอียดเค้าบอกว่า จาโคยากิคือ เป็นอาหารว่างที่ทำจากแป้ง ไข่และผสมหลายอย่างรวมกันและโรยหน้าด้วยปลาซาดีนแห้ง  โดยส่วนผสมหลายอย่างก็เป็นวัตถุดิบที่หาได้จากในท้องถิ่นค่ะ
ลองลิ้มลองรสชาติแล้ว รสชาติออกเค็มๆมีรสกลมกล่อมหน่อยๆค่ะ อร่อยดีค่ะ ทานไปก็แล้วก็คล้ายกับทาโกะยากิเลยนะค่ะ
 หลังจากทานจาโคยากิไปแล้วนะค่ะ เดินมาอีกไม่ไกลอยู่ใกล้ๆกัน ก็เห็นคนเรียงคิวแถวยาวเลยค่ะ และกลิ่นหอมโชยเตะจมูกน่าทานมากๆค่ะ เป็นเครปปลาหมึกค่ะ ใหนๆก็แวะมาทั้งทีแล้ว ขอลิ้มลองทานสักหน่อยค่ะ
ดูท่าทางน่าจะอร่อยจริงนะค่ะ เพราะทำให้ทานแบบสดๆเลยค่ะ เดี๊ยนเห็นเค้ากำลังเอาปลาหมึกสดๆที่ผสมกับแป้งและเครื่องปรุง นำไปวางกับเครื่องบดทับความร้อนค่ะ
และเวลาซื้อขนมนี้ก็ไม่เหมือนขนมอื่นนะค่ะ เพราะต้องชำระเงินผ่านตู้อัตโนมัติเท่านั้นค่ะ และเมื่อชำระเงินออกมาก็จะได้บัตรคิว ก็ยื่นบัตรคิวให้คนขาย จากนั้นก็รอคนขายทำขนมให้ทาน และจะเรียกตามคิวค่ะ 
ดิฉันใช้เวลารอขนมนี้อยู่นานเกือบ 20 กว่านาทีได้กระมังคะ ในที่สุดก็ได้มาแล้วค่ะ เครปปลาหมึก ร้อนๆ กลิ่นหอมน่าทานมากค่ะ
พอได้ลิ้มลองแล้ว รสชาติไม่ได้หวานเหมือนขนมเครปทั่วไปนะค่ะ  แต่เครปนี้รสชาติออกเค็มๆค่ะ  กินไปแล้วไตทำงานดี๊ดีค่ะ เป็นเครปแผ่นบางๆแต่ไม่บางมาก ใช้มือหักทานหรือกัดกินก็ได้ แต่ส่วนใหญ่ถ้าจะให้งามแบบหญิงไทย ก็ใช้มือหักแล้วกัดกินแบบพอดีคำ ทานไปแล้วก็ต้องทานน้ำตามค่ะ
 และรอบเมืองคามากุระเองก็มีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งเลยค่ะ ส่วนใหญ่เป็นโบราณสถาน วัดวาอารามเก่าแก่อีกหลายแห่งให้แวะไปเยือนกันค่ะ
 มีของเล่นญี่ปุ่นแบบโบราณขายด้วยนะค่ะ ดูน่ารักมุ้งมิ้งเชียวค่ะ
และหลังจากที่ดิฉันได้ไปไหว้พระใหญ่ไดบุสึที่เมืองคามากุระแล้วนะค่ะ ช่วงประมาณบ่าย 2 ก็เดินทางออกจากเมืองคามากะรุ นั่งรถไฟกลับมายังเมืองโตเกียว เพื่อไปเอากระเป๋าเป้ที่โรงแรมย่านอาซากุสะ

จากนั้นก็เดินทางมาที่สถานีรถไฟโตเกียว เพื่อนั่งรถไฟจากเมืองโตเกียวไปยังเมืองคาวากุชิโกะไปชมฟูจิซังช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสุดท้ายของทริปนี้แล้วค่ะ หลังจากที่แรมรอนเที่ยวมานานถึง 13 วัน
จบทริปเที่ยวเมืองโตเกียว แวะเลี้ยวไปคามากุระค่ะ... สำหรับรีวิวในตอนต่อไป เป็นรีวิวเที่ยวชมฟูจิซังที่คาวากุชิโกะค่ะ เป็นเมืองท่องเที่ยวสุดท้ายแล้ว อย่าลืมติดตามกันนะค่ะ

สำหรับรีวิวเที่ยวในเว็ปไซต์นี้ น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณผู้อ่านและนักเดินทางทุกๆท่านไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากข้อมูลในรีวิวดังกล่าวมีข้อผิดพลาด อักขระพิมพ์ๆผิดๆ ตกๆหล่นๆ ประการใด ดิฉันเองต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ และต้องขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่เสียสละเวลาอันมีค่า คลิ๊กเข้ามาอ่านและสไลด์ดูภาพกันนะค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกในบล็อกถัดไปค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
---------------------------------------------
บทความอื่นๆ มีดังนี้  
แบ่งปันเที่ยวฟูจิปีนี้ พักแถวใหนดีกับโซนยอดฮิต ที่คู่รักมาพิชิตนอนกัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แบ่งปันทริปเที่ยวฟูจิ พักแถวใหนดี? กับ 3 โซนยอดฮิต ในเมืองคาวากุชิโกะ ราคาถูก บ้านสไตล์เรียวกัง วิวสวยๆ สำหรับคู่รักและครอบครัว คลิ๊กดูรายชื่อที่พัก+เบอร์โทรติดต่อค่ะ>>>
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/340RSFu

แนะนำโรงแรมโตเกียวเปิดใหม่ สำหรับคู่รัก คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แนะนำโรงแรมโตเกียวเปิดใหม่วิวสวยๆ สำหรับคู่รักฮันนีมูน ราคาสุดประหยัด ใกล้สถานีรถไฟอีกด้วย คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักค่ะ>>  
หรือดูข้อมูลได้ที่บล็อก : http://bit.ly/2L3Nivv
แนะนำจ้า ที่พักเกียวโต ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
คัดมา 15 ที่พักเกียวโต สไตล์เรียวกัง ราคาถูก ใกล้สถานีรถไฟ สำหรับคู่รักและครอบครัวค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> 
แนะนำโรงแรมในซัปโปโร ห้องนอนคู่ดูโอ้ ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวมที่พักซับโปโร ห้องพักนอนคู่ดูโอ้ ราคาถูก เน้นใกล้สถานีรถไฟ JR เดินลั๊ลลาได้ชิวเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> 
---------------------------------------------------------------------------------------
รวมบทความรีวิวบล๊อกท่องเที่ยวเดือนละ 1 ครั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ค่ะ (จะทยอยอัพเดทเรื่อยๆค่ะ บล็อกจะได้ไม่ร้างค่ะ)
 รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวตอนที่ 15 (ตอนจบ) สิ้นสุดการเดินทางอันยาวไกล แวะไปซื้อของฝากเมืองโอซาก้า คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 ไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งดูวิวทะเลสาบคาวากูชิโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งริมทะเลสาบคาวากูชิโกะ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 12  เดินชิลเมืองท่าเรือสุดแสนโรแมนติก ริมทะเล คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 12 แวะเดินชิลๆเมืองฮาโกดาเตะ สุดแสนโรแมนติก ชิคๆน่ารัก คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมไร่นาเมืองบิเอะ สวยเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็ครีวิวญี่ปุ่นญี่ปุ่น ตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมทุ่งนาข้าวบาร์เลย์เมืองบิเอะตอนบ่าย งามพร่างพรายสวยเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักยานไปชมดอกลาเวนเดอร์บานๆ อลังการเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้คนเดียวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 10 ปั่นจักรยานไปชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์บานตอนเช้าๆ สวยแพรวพราวน่ารักเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 9 เดินชิลชมเมืองซับโปโรครึ่งวัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แบ็คแพ็ครีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 9 เดินชิลๆชมเมืองซับโปโร ไปเดินเฮโลที่คลองโอตารุ สวยทะลุสู่ยอดฟ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 8 ชมศิลปะทุ่งนาข้าวผลิหลากสีสวยงาม คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 8 แวะผ่านอาโอโมริ ไปชมศิลปะทุ่งนาข้าวผลิหลากสีที่ อินาคาดาเตะ งามเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 7 รีวิวการเดินทางไปหลังคาญี่ปุ่นด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 7 รีวิววิธีการเดินทางไปเจแปนแอลป์ด้วยตัวเองมาฝาก ภูเขาสวยงามมาก กระชากใจเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 6 เดินตลาดเช้าทาคายาม่า แวะดูทุ่งนาชิราคาวาโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 6 เดินตลาดเช้าทาคายาม่า แวะไปชมทุ่งนาที่ชิราคาว่าโก สวยโอฬาร งามเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาดูเมืองเก่าคุราชิกิ ชมใบไม้ผลิสวยเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาดูเมืองเก่าสมัยเอโดะที่คุราชิกิ ชื่นชมใบไม้ผลิสีแดง แรงเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 4 ตามรอยระเบิดเมืองฮิโรชิม่า ไปลั๊นลาเกาะมิยาจิมะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 4 ตามรอยระเบิดนิวเคลียร์เมืองฮิโรชิม่า นั่งรถไฟลั๊ลลาไปสะพานคินไตเคียว คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 3 ท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะ งามเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 3 เดินย่องท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะในหน้าร้อน งามอรชรดีเริ่ด คลิ๊กดูบทความรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 2 นั่งไฟออนซอนไปอบทรายร้อนที่อิบูชูกิ คลิ๊กดูค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 2 ลัดเลาะเนินเขาชมวิวคาโกชิม่า นั่งรถไฟลั๊ลลาไปอบทรายร้อนอิบูซูกิ คลิ๊กดูบทความรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวทามะ แวะพักชมปราสาทสวย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวเหมียวทามะสุดน่ารัก แวะเดินพักชมปราสาทวาคายามะ คลิ๊กดูบทความรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
 10 ที่พักโอซาก้า ราคาถูกสุดๆ ใกล้สถานีรถไฟ JR คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวมที่พักโอซาก้าราคาถูกหลักร้อย ใกล้สถานีรถไฟ JR เดินไปได้ใกล้ๆ สะดวกสุดๆ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักค่ะ>>

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น