แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวเหมียวทามะสุดน่ารัก ไปเดินพักชมปราสาทวาคายามะ สวยระย้าเลิศเว่อร์ |
ก็กลับมาอีกครั้งสำหรับรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน กรกฎาคม ปี 2560 สำหรับในบล็อกตัวดิฉันเอง ต้องขอลดปริมาณใช้คำว่า "เดี๊ยน"ลงไปสักพักนะค่ะ พอดีอิชั้นโดนเจ้าคุณแม่กระซวกมาค่ะ ไม่รู้ว่าคุณแม่ของอิชั้นจะมาสำรวจ ตรวจเซอเวย์ เว็ปบล็อกกากๆของเดี๊ยนทำไมนะค่ะ เพราะบล็อกของดิฉันก็ไม่ค่อยจะมีอะไรมากมายนักค่ะ แค่มีคุณผู้อ่านเข้ามาทักทายหรือเปิดอ่านดูบล็อกของดิฉันแค่1-2 คนต่อวัน เดี๊ยนก็ดีใจเลิศสะแมนแตนมากๆแล้วค่ะ ถือว่าเป็นงานเสริมเขียนบล็อกฆ่าเวลาหลังงานประจำไปนะค่ะ
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาบทความอันบ้าคลัง บัลลังก์พินาศ ดิฉันขอมาพร่ำเพร้อก่อนค่ะ พอดีว่าในช่วงวันที่ 11-24 ก.ค.ที่ผ่านมา ดิฉันเองได้มีโอกาสเดินทางจัดทริปอันใหญ่โตโอฬาร ร้าวรานถึงทรวงใน แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นมาค่ะ 14 วันค่ะ ถือเป็นการเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ของตัวดิฉันค่ะ ซึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วนะค่ะ ดิฉันก็มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูหนาวค่ะ เป็นฤดูที่หนาวและปวดรวดร้าวระบ่ม ทุกข์ตรมหมองไหม้มากค่ะ เพราะหนาวแบบสุดขั่ว หิมะก็ตกหนัก ขาวโพลนไปหมดค่ะ มาครั้งนี้เลยขอมาจัดความเบ่งบานแบบสีสันช่วงฤดูร้อนดีกว่าค่ะ หน้าจะสวยอีกแบบค่ะ
เป็นการวางแผนไปเที่ยวแบบกระทันหันมากค่ะ เพราะเจ้านายพึ่งจะเซ็นใบลาพักร้อนให้เดี๊ยนช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้เองค่ะ ดิฉันเลยต้องวางแผนเปิดกางแผนที่ในประเทศญี่ปุ่นดูว่าในช่วง 14 วันนี้ ตัวดิฉันจะไปตะแล๊ดแต๊ดแต๋เที่ยวเมืองใหนบ้าง และใหนๆก็ได้วันลาพักร้อนมาล่ะ เลยจัดเต็ม ขอจัดทริปลุยๆแบบสายโหด เที่ยวแบบชะโงกทัวร์ไล่ตั้งแต่ ภาคใต้ สู่ ภาคเหนือค่ะ โดยการเดินทางครั้งนี้ ดิฉันซื้อตั๋ว JR Pass แบบ 14 วัน จากเมืองไทยไปค่ะ แล้วเอาแบกเป็นบัตร เพื่อเดินทางด้วยรถไฟ ท่องเที่ยวไปยังเมืองต่างๆค่ะ
โดยทริปรีวิวแบกเป้เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อน 14 วันนี้นะค่ะ ดิฉันได้จองตั่วเครื่องบินตรงทั้งไป-กลับของแอร์เอเชียค่ะ เนื่องจากเช็คราคาดูแล้ว ถูกกว่าสายการบินอื่น แถมไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องค่ะ เพราะบินตรงทั้งไปและกลับค่ะ ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมด เดี๊ยนจะสรุปรวมอีกครั้งในตอนสุดท้ายค่ะ เพราะตอนนี้ใบเสร็จกองสุ่ม มะรุมมะตุ่มกันอยู่เลยค่ะ ยังไม่แยกออกมาเลยค่ะ ยังไงรอติดตามเข้าแอบส่องดูในบล็อกกันนะค่ะ
- จุดมุ่งหมายของทริปแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวของดิฉันในครั้งนี้นะค่ะ เดินทางด้วยรถไฟไปสุดปลายทางที่ฟาร์มทุ่งดอกไม้ Tomita หลากสีสันอันใหญ่โตโอฬาร สวยสดงดงาม ร้าวรานดวงใจที่เมืองฟูราโน่ และปั่นจักรยานเฮโลชมท้องฟ้าและฟาร์มข้าวที่เมืองบิเอ๊ะค่ะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวหน้าร้อนยอดนิยมที่ใครมาญี่ปุ่นต้องชื่นชมให้สุขสมกันครั้งครา จะได้เต็มอิ่มอุราให้ถึงทรวงในค่ะ
แผนการเดินทางในญี่ปุ่น 14 วันค่ะ ช่วงฤดูร้อน |
วางแผนจองตั๋วเครื่องบินไม่ถึงเดือนค่ะ ดิฉันเลือกใช้สายการบินแอร์เอเชียค่ะ เพราะเช็คราคาแล้ว ถูกกว่าสายการบินอื่นค่ะ เลือกแบบบินตรงเลยค่ะ
- ขาไป บินตรงลงโอซาก้าค่ะ 10 ก.ค.60 ราคา 4,490 บาท จองตั๋วเครื่องบินเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2560
เที่ยวขาไป ราคา 4,490 บาท |
ค่าโหลดกระเป๋าขาไป 900 บาท
ค่าโหลดกระเป๋าขากลับอีก 900 บาท รวม 1800 บาท (ค่าโหลดกระเป๋าแพงมากๆค่ะ และพอเสียเงินไป พึ่งมารู้ว่าตัวเองมีบัตรโหลดกระเป๋าฟรีจากแอร์เอเชียส่งมาให้นะค่ะ อยากสมน้ำหนักตัวมากๆค่ะ กรี๊ดดังๆกับความเอ๋อ)
รวมค่าใช้จ่ายเฉพาะตั๋วเครื่องบินไป-กลับทั้งหมด 11,140 บาท (รวมค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตแล้วค่ะ)
เที่ยวบินขากลับ ราคา 4,670 บาท |
เอาล่ะค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการสาเวเลีย และเสียเวลาไปมากกว่า ดิฉันขอมาลั๊นลา ร่ายบทความรีวิวพร้อมรูปภาพให้ท่านได้สไลด์รูดปื๊ดเปิดดู และอ่านกันดูนะค่ะ เผื่อใครอยากจะตามรอย อ้อยสร้อยไปเที่ยวตามก็ไม่ว่ากันค่ะ หากเนื้อหาบทความผิดพลาดยังไง เดี๊ยนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ
โดยบทความในเว็ปบล็อกทั้งหมด เดี๊ยนขอแบ่งเป็นทั้งหมด 15 ตอนค่ะ โดยแต่ละตอนจะเป็นรีวิวเที่ยวในแต่ละเมืองค่ะ อีกอย่างจะได้มีบล็อกให้เขียนหลังเลิกงานด้วยค่ะ จะได้ฟุ้งซ่านค่ะ
รวมรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นทุกตอนค่ะ
ตอนที่ 1 : รีวิวเที่ยวเมืองวาคายาม่า ไปลั๊ลลานั่งรถไฟแมวเหมียวทามะสุดน่ารัก คลิ๊กดูที่เว็ป khunnaiver.blogspot.com/2017/07/1.html
ตอนที่ 2 : รีวิวเที่ยวเมืองคาโกชิม่า นั่งรถไฟลั๊นลาไปอบทรายร้อน งามออนซอนแท้เด้ คลิ๊กดูที่เว็ป khunnaiver.blogspot.com/2017/07/2.html
ตอนที่ 3 : รีวิวท่องเที่ยวเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะในฤดูร้อน งามอรชร หาดทรายสวย รวยเสน่หา คลิ๊กดูที่เว็ป http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/3.html
ตอนที่ 4 : รีวิวท่องเที่ยวเมืองฮิโรชิม่า เดินลั๊นลาตามรอยระเบิดเคลียร์ คลิ๊กดูที่เว็ป :http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/4.html
ตอนที่ 5 : รีวิวเดินเที่ยวเมืองโอคายาม่า ไปเดินย้อนเวลาสมัยเอโดะที่เมืองเก่าคุราชิกิ ชื่นชมใบไม้ผลิสีแดง ร้อนแรงใจ คลิ๊กดูได้ที่เว็ป : http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/5.html
ตอนที่ 6 : รีวิวเดินเที่ยวเมืองทาคาย่าม่า เดินชมตลาดเช้าทาคายาม่า ชมวิวทุ่งนาที่ชิราคาวาโก งามไฮโซ เฮโลเริ่ดเว่อร์ :http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Shirakawagoreview.html
ตอนที่ 7 : รีวิวแบกเป้ไปตามเส้นทางเดินเขาทาเตยาม่า Japan Alpen คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ https://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/japan-alpine-review.html
ตอนที่ 8 : รีวิวนั่งรถไฟไปชมศิลปะนาข้าวที่อินาคาดาเตะ อาโอโมริ คลิ๊กดูรีวิวที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Inakadatericepaddyart.html
ตอนที่ 9 : รีวิวเที่ยวเมืองซับโปโรในช่วงฤดูร้อน คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Sapporotravelreview.html
ตอนที่ 10 : รีวิวปั่นจักรยานไปชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่เมืองฟูราโน่ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Furanotravel.html
ตอนที่ 11 : รีวิวขี่จักรยานชมไร่ข้าวบาร์เลย์สีทองอร่ามที่เมืองบิเอะ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Bieitravelreview.html
ตอนที่ 12 : รีวิวเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะ เมืองท่าแสนโรแมนติค ศิลปะชิคๆเก๋ๆ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Hakodate-travel-review.html
ตอนที่ 13 : รีวิวเที่ยวเมืองโตเกียว นั่งรถไฟไปเที่ยวไหว้พระใหญ่คามากุระ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/09/Tokyo-travel-review.html
ตอนที่ 14 : รีวิวนั่งรถไฟไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งชมทะเลสาบคากูชิโกะ คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/09/fujimountain-travel-review.html
ตอนที่ 15 : ตอนจบ สิ้นการเดินทางแสนไกล แวะซื้อของฝากในโอซาก้า คลิ๊กดูรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/09/Osaka-travel-review.html
--- :---- เริ่มตอนที่ 1 นี้ เดี๊ยนขอมารีวิวพาทุกๆท่าน ไปเที่ยวยังเมืองวาคายาม่ากันค่ะ(Wakayama City) ก่อนเลยนะค่ะ เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวอีกแห่ง ที่อยู่ไม่ไกลจากโอซาก้า (Osaka) นั่งรถไฟลั๊ลลามาแค่ ชั่วโมงนิดๆ ก็ได้สะกิดความงาม ร้านรานจับใจแล้วค่ะ แถมอยู่ใกล้สนามบินคันไซด้วยค่ะ
วันที่ 10 ก.ค.2560 ดิฉันมารอเช็คอินน์ที่สนามบินดอนเมืองล่วงหน้าก่อนเครื่องออก 1 ชั่วโมงเลยค่ะ เพราะเกรงว่าเดี่ยวจะทัน จะตกเครื่องบินค่ะ
กระเป๋าแบ็คแพ็ค พาสปอร์ต สะตุ้งสะตัง ตั่วเจอาร์ ใบจองห้องพัก แผนการเดินทาง เตรียมพร้อมลุยค่ะ
แบ็คแพ็คไปเที่ยวญี่ปุ่นรอบนี้ เดี๊ยนเลือกใช้บริการสายการบินแอร์เอเชียค่ะ บินตรงลงโอซาก้า ทั้งขาไปและขากลับค่ะ เป็นการวางแผนไปเที่ยวแบบกระชันชิดมากนะค่ะ เพราะจองล่วงหน้าไม่ถึงเดือนเองค่ะ แต่ราคาพอรับไหวค่ะ 9,340 บาท
เนื่องจากเป็นการเดินทางที่ควบเวลาช่วงหัวค่ำ และบินตรงยาวนานกว่า 5 ชั่วโมง เกรงจัดหิวใส้กิ่ว เดี๊ยนเลยจัดข้าวกล่องของแอร์เอเชียวไปทานพออิ่ม ถามว่าอิ่มไหม๊ค่ะ ไม่อิ่มเลยค่ะ แต่ทานไปพอประทังท้อง หากไม่ทานเดียวจะเป็นโรคกระเพาะเอาค่ะ
ในที่สุดก็ถึงแล้วค่ะ สนามบินคันไซ นั่งเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองออกเวลาบ่าย 2 โมงกว่า มาถึงสนามบินคันไซ เมืองโอซาก้าประมาณ 4 ทุ่มครึ่งเลยค่ะ ใช้เวลาไปประมาณ 5 ชั่วโมงเลยนะค่ะ ออ่..เวลาที่ญี่ปุ่นจะเร็วกว่าที่ไทย 2 ชั่วโมงค่ะ พอมาถึงก็ต้องปรับเวลาทั้งในมือถือ และนาฬิกาข้อมือให้ตรงกันด้วยนะค่ะเนี่ย
วันที่ดิฉันมาเที่ยว มีนักเดินทางนั่งเครื่องบินมาเกือบเต็มลำเลยค่ะ ช่วงที่มาถึงโอซาก้านี้ก็ดึกแล้วนะค่ะ แต่ที่ด่าน ตม.ก็ใช้เวลาพอสมควรค่ะ เพราะมีนักท่องเที่ยวเยอะมากค่ะ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเมืองจีน เยอะจริงๆค่ะ
กว่าจะต่อคิวจะด่าน ตม.ออกมาได้ก็ปาไปเกือบ 5 ทุ่มครึ่งเลยค่ะ จะนำตั๋ว JR Pass ที่ซื้อมาจากเมืองไทยแลกเป็นบัตร JR จะได้ไม่ต้องไปซื้อตั๋วตามตู้ คงไม่ทันแล้วค่ะ เพราะ Office เค้าปิดไปแล้ว
เดี๊ยนเลยรีบไปที่เครื่องขายตั๋วรถไฟเจอาร์แทนค่ะ เพื่อซื้อตั๋วนั่งเข้าไปโรงแรมที่พักในโอซาก้าค่ะ
เครื่องซื้อตั๋วเป็นแบบนี้นะค่ะ ตอนแรกๆ เดี๊ยนก็งงๆ ไม่รู้จะเริ่มยังไง เพราะไม่ได้ใช้นานค่ะ เดี๊ยนก็ลืมเหมือนกัน เห็นมีปุ่มกดภาษาอังกฤษ เลยทำมั่วๆไป เดียวก็ได้เองค่ะ
ในเครื่อง ดิฉันใช้เงิน 10000 เยน ซื้อตั๋วโดยสารค่ะ ได้แบงค์ย่อยแลกออกมาไช้ด้วยค่ะ
ได้ตั๋วโดยสารแล้วค่ะ ราคาตั๋ว 1060 เยนเลยค่ะ เทียบเป็นเงินไทยก็ 300 กว่าบาทเลยค่ะ (อัตราแลกเปลี่ยน 0.30) โดยคืนแรกนี้ ดิฉันตัดสินใจเลือกนอนโรงแรมในเมืองโอซาก้าอยู่ใกล้สถานีรถไฟเทนโนจิค่ะ เนื่องจากที่พักราคาถูกไม่แพง ตอนแรกจะไปพักใกล้สถานีรถไฟโอซาก้า แต่ที่พักราคาหลักร้อย ก็ถูกจองเต็มหมดแล้วค่ะ
นั่งรถไฟจากสนามบินคันไซ มุ่งหน้าโอซาก้า
ใช้เวลาไปประมาณ 50 กว่านาทีก็ถึงสถานีรถไฟเทนโนจิค่ะ
จากนั้นก็เดินหาโรงแรมที่พักค่ะ ที่เหนื่อยสุดก็คงจะรู้สึกถึงการแบกเป้ อันหนักหน่วงเพื่อเดินหาโรงแรม ท่ามกลางอากาศอันอบอ้าว และเร้าร้อนรุ่มดั่งไฟสุ่มทรวงจริงๆค่ะ
เจอแล้วค่ะ โรงแรมที่พักคืนนี้ โรงแรมข้าวสารเวิลด์ เทนโนจิค่ะ กว่าเดี๊ยนจะหาโรงแรมเจอนะค่ะก็ปาไปเกือบตี 1 แล้วค่ะ แถมทำดิฉันเสียเหงื่อและพลังงานไปเยอะพอสมควรค่ะ
เพราะยังงงกับถนนหนทางที่นี้อยู่รอบทิศ ตอนแรกมั่นใจมากค่ะ ว่าเดี๊ยนมาถูกแน่ แต่พอมาถึงจริงๆก็ไม่ใช่อย่างง่ายอย่างที่คิดนะค่ะ เพราะ Wifi อิชั้นก็ไม่ได้ซื้อพกมาเลยค่ะ เลยมาเดินดุ่มๆหาเอา แต่ก็มีชาวญี่ปุ่นที่กำลังปั่นจักรยานอยู่ ก็ใจดีพาดิฉัน
มาถึงยังดีที่โรงแรมยังเปิดทำการค่ะ มีเจ้าหน้าที่ให้บริการค่ะ เพราะโรงแรมนี้เปิดให้บริการ check in ถึง ตี 2 ค่ะ เจ้าหน้าที่เป็นผู้ชาย หน้าตาหน้ารัก พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคลวดีนัก จนเดี๊ยนต้องยอมแพ้พักยกไปเลยค่ะ
บรรยากาศโรงแรมดูใหม่เอี่ยมอ่อง ดูแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นนะค่ะ
ที่พักคืนนี้ราคาคืนละ 612 บาทจองก่อนมาพักที่นี้เพียง 1 วันค่ะ ตอนแรกกะจะนอนที่สนามบินนะค่ะ แต่เกรงจะนอนไม่หลับ เพราะมีเครื่องทำความสะอาดในสนามบินดังตลอดเวลาค่ะ เดี๊ยนเลยเลือกมาพักในเมืองโอซาก้าดีกว่าค่ะ จะได้นอนหลับพักอิ่มให้สบายค่ะ
เริ่มต้นก็ได้สัมผัสกับที่พักแบบห้องนอนรวม หรือ Sharebath room อีกครั้งค่ะ เตียงแบบหอพักค่ะ รู้สึกไม่ได้นอนนานแล้วนะค่ะ ปกติอยู่นอนพักโรงแรมในเมืองไทย ราคา 612 บาทเป็นห้องน้ำส่วนตัวอย่างดี มาอยู่นี้ ต้องจูนปรับความคิดใหม่ค่ะ ว่าเรามาเที่ยว เมืองที่มีค่าครองชีพสูง คืนละ 612 บาทนี้ถือว่าถูกและประหยัดแล้วค่ะ
ที่นอนเป็นแบบเตียง 2 ชั้น ดิฉันโชคร้ายค่ะ ได้เตียงชั้นบน โอ้ย!!...ขึ้นลงลำบ๊าก ลำบากค่ะ ต้องจองที่พักออนไลน์ก็ระบุนะค่ะว่าขอเตียงชั้นล่าง ไหงได้ชั้นบนค่ะ เพราะว่าต้องหอบกระเป๋าเป้อันใหญ่ เอาขึ้นไปบนที่นอนด้วยค่ะ เกรงถ้าเอากระเป๋าเป้ไว้ด้านล่างจะเกะกะทางเดินเค้าค่ะ แต่พอเข้ามานะค่ะ แขกอื่นก็นอนหลับฝันละเมอแล้ว เหลือแต่เดี๊ยนนี้แหละค่ะ ยังพะรุงพะรัง อีรุงตุงหนัง มั่วหยิบเสื้อผ้า เครื่องสำอง เครื่องสำอาง ผ้าขุนนง ผ้าขุนหนู เพื่อไปอาบน้ำค่ะ
ห้องน้ำ สะอาดสะอ้านพอสมควรค่ะ แต่ก็เล็กๆกะจิดลิ๊ด กะทัดรัดตามแบบฉบับญี่ปุ่นที่มีพื้นที่ใช้สอยอย่างจำกัดค่ะ
ภาพที่พักในห้องนอนรวม ห้องกว้างขวางนะค่ะ แต่เตียงแบบ 2 ชั้น แบ่งซอยๆนอนชิดๆติดกันค่ะ อิชั้นก็โชคร้ายซ้ำสองนะค่ะ ได้เตียงชั้นบนไม่พอ แถมเตียงที่นอนติดๆกับดิฉันเนี่ย นางกรนเสียงดังมากๆค่ะ ดังมาถึงหนวกแก้วหูชั้นในค่ะ แต่ทำไงได้ค่ะ ต้องยอมทนค่ะ พอหัวลงหมอน ก็นอนหลับปุ๋ยค่ะ เพราะเหนื่อยจากการเดินหาโรงแรมเนี่ยแหละค่ะ
***ข้อดีของที่พักแบบโฮสเทล ห้องนอนรวม คือราคาถูก ประหยัด แถมได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมเดินทางที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
****ข้อเสียคือ ห้องน้ำห้องท่าต้องต่อคิวนะค่ะ ถ้าเกิดปวดฮึ ปวดฉี่ ปวดขี้ขึ้นมา ต้องอั้นไว้ค่ะ เพราะห้องน้ำ ห้องส้วมมีจำกัดค่ะ แถมตอนนอนถ้าโชคร้าย ก็ต้องยอมทนฟังแขกอื่นนอนเสียงกรนดังไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้าเลยค่ะ เป็นสิ่งที่ต้องอดทนของเหล่าแบ็กแพ็คค่ะ
ว้าว..เช้าวันใหม่ของวันที่ 11 ก.ค.2560 เดี๊ยนตื่นสายประมาณ 8 โมงครึ่งได้ มองหน้าต่างห้องพักออกมา เห็นตึกราง บ้านช่อง และท้องที่เมืองโอซาก้า ดูแจ่มใส งามวิไลสวยงาม อร่ามจับใจเชียวค่ะ
แต่อากาศร้อนไม่แตกต่างจากเมืองไทยเลยค่ะ เผลอๆร้อนกว่าด้วยซ้ำนะค่ะ เพราะที่นี้ฝนไม่ค่อยตก มรสุม ลมฟ้าพายุ ไม่ได้มาตะลุมพุเหมือนบ้านเราเลยค่ะ เดี๊ยนเดินออกจากที่พักแป๊บเดียว เหงื่อก็แตกซ่านแล้วค่ะ ยังไงเตรียมน้ำดื่ม และผ้าเช็ดเหงื่อได้เลยค่ะ
ดิฉันตื่นมา รีบทำภาระกิจให้เสร็จ เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เตรียมเช็คเอาท์ออกจากที่พักค่ะ
ลงมาเช็คเอาท์ออกจากที่พัก แต่กระเป๋ายังฝากไว้ที่นี้ค่ะ มีที่เก็บกระเป๋าให้ค่ะ เป็นตู้แบบกรงๆเนี่ยแหละค่ะ จะได้ไม่ต้องเสียตัง ฝากไว้ เดียวพอไปเที่ยวเสร็จ เย็นๆค่อยกลับมาเอาค่ะ
ห้องครัวก็มีให้บริการค่ะ เอาไว้ทำกับข้าว หรือจะอุ่นก็ตามใจชอบค่ะ
อาหารเช้ามื้อนี้ เดี๊ยนจัดไปง่ายๆค่ะ เริ่มต้นมื้อแรกที่ญี่ปุ่นในเมืองโอซาก้า ก็มาลั๊ลลากินข้าวปั้น ราคา 120 เยนค่ะ กับขนมปัง ทานพอประทังท้อง เดียวตอนเที่ยงนี้ค่อยจัดเต็มค่ะ
บรรยากาศที่พักที่ห้องล็อบบี้ ตกแต่งเรียบๆสไตล์ญี่ปุ่น หน้าพักดีค่ะ ดูไม่รกรุงรังค่ะ
แถมที่พักก็มีที่นั่งสไตล์ญี่ปุ่นให้ด้วยนะค่ะ ตกแต่งสวยงาม เค้ากับบรรยากาศญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นค่ะ
พอออกมาหน้าตึกก็เป็นแบบนี้ค่ะ เหมือนตึกอ๊อฟฟิศเลยนะค่ะ ดูไม่เหมือนโรงแรมเลยค่ะ แต่ราคาที่พักก็พอรับได้ ไม่แพงมาก ยังอยู่ในราคาหลักร้อยค่ะ แถมเจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษเป๊ะเว่อร์ สำนง สำเนียง เสียงดีเลิศ บริการความช่วยเหลือดีเลิศ เอาไปเลยค่ะ คะแนนความพึงพอใจ 4 ล้านดาวค่ะ
และหลังจากที่ได้ทำการเช็คเอาท์ และฝากกระเป๋าไว้กับที่พักเรียบร้อย ดิฉันก็เดินทางด้วยรถไฟจากสถานีเทนโนจิ มุ่งหน้าไปสถานีโอซาก้า เพื่อนำตั๋ว JR Pass ที่ซื้อมาไปแลกเป็นบัตรแข็ง หรือบัตรเบ่ง ที่เค้านิยมเรียกและใช้กันค่ะ
นั่งรถไฟจากเทนโนจิ ไปลงสถานีโอซาก้า ก็เสียตังอีกประมาณ 200 เยนค่ะ
พอดึงสถานีโอซาก้า ดิฉันก็เดินหาที่แลกตั่วเจอาร์ค่ะ เจอแล้วค่ะ เนี่ยแหละค่ะ ป้ายเบอเริ่มเท้อมเลยค่ะ ที่แลกตั๋วรถไฟเจอาร์พาส
ด้านในมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการ แถมพูดภาษาอังกฤษได้ สำเนียงญี่ปุ่น ฟังดูแล้ว อบอุ๊น อบอุ่นค่ะ นำตั่วที่ซื้อมาจากเมืองไทยให้เจ้าหน้าที่พักพร้อม Passport ค่ะ เดียวเจ้าหน้าที่จะถามเราว่าเริ่มใช้วันใหน สำหรับตัวเดี๊ยนเอง เริ่มใช้เลยค่ะ
ในที่สุดก็ได้มาแล้วค่ะ ตั๋วรถไฟ JR Pass แบบ 14 วัน เป็นบัตรที่สำคัญไว้เดินทางด้วยรถไฟ JR และชินกันเซนค่ะ ถือเป็นบัตรอาญาสิทธิ์ แค่แสดงบัตรกับเจ้าหน้าที่ ก็จะผ่านด่านประตูออกและเข้าสถานีรถไฟ JR และ Shinkansen ได้อย่างงายดายค่ะ
ด้านหน้าบัตรค่ะ รู้สึกเปลี่ยนไปจากแบบเดิม สวยใสขึ้นนะค่ะ ปกติที่เคยได้ใช้จะเป็นแบบภาพภูขาไฟฟูจิสีดำๆเข้มและมีรูปคลืนน้ำทะเลซัดทาโทมโหมกระหน่ำให้ช๊อกช้ำระกำทรวงค่ะ
เป็นบัตรที่สำคัญไว้เดินทางด้วยรถไฟ JR และชินกันเซนค่ะ ถือเป็นบัตรอาญาสิทธิ์ แค่แสดงบัตรกับเจ้าหน้าที่ ก็จะผ่านด่านประตูออกและเข้าสถานีรถไฟ JR และ Shinkansen ได้อย่างงายดายค่ะ
ด้านหลังบัตรค่ะ จะระบุรายละเอียดวันเริ่มต้นใช้ ถึงวันที่สิ้นสุด ของดิฉันเริ่มใช้วันที่ 11 ก.ค.สิ้นสุดวันที่ 24 ก.ค.2017 ค่ะ รวมทั้งหมด 14 วันพอดีเป๊ะค่ะ ถ้าใครได้บัตรนี้แล้ว ใช้เดินทางท่องเที่ยวให้คุ้มค่านะค่ะ ใหนมาญี่ปุ่นทั้งก็เดินทางแบกเป้ ตะลุยล่องท่องเที่ยวให้สุขสมฤดี ฉิมพลีความงาม ให้ร้าวรานถึงทรวงใน งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนเลยค่ะ
ใกล้ๆติดกับที่แลกบัตร JR Pass ก็จะมีศูนย์ให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวค่ะ เข้าไปหยิบโบชัวร์ และสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ด้านในได้ค่ะ
และหลังจากที่ได้บัตร JR Pass เป็นบัตรอาญาสิทธิ์ไว้เดินทางทั่วประเทศญี่ปุ่นแล้วนะค่ะ ก็ได้เวลาเดินทางไปท่องเที่ยวแล้วค่ะ สำหรับเมืองแรกของทริปในวันนี้นะค่ะ ดิฉันวางเป้าหมายไปเที่ยวเมือง วาคายาม่าค่ะ เมืองท่องเที่ยวอีกแห่งอยู่ติดกับน่านฟ้าอาณาเขตเมืองโอซาก้า แถมมีบรรยากาศ วิวภูเขา ทิวท้องทะเล และทุ่งนาสีเขียว จรดผืนทราย ให้ได้พร่างพรายกันสวยไม่น้อยเลยค่ะ
จังหวัดวาคายามะ หรือ วะคะยะมะ แล้วแต่จะเรียกค่ะ
ตั้งอยู่บริเวณภาคคันไซของญี่ปุ่น มีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองวะกะยะมะ อยู่ไม่ไกลจากสนามบินคันไซและเมืองโอซาก้า เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดตาและตราตรึงใจนักท่องเที่ยวทั่วสารทิศ
- ระยะทางนั่งรถไฟ JR จากเมืองโอซาก้า ไปเมือง วาคายามะ ประมาณ 72.3 กิโล
- สามารถนั่งรถไฟ JR โดยตรงจากโอซาก้ามาได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
นั่งรถไฟจากโอซาก้า มาเที่ยวเมืองโอคายาม่า ก็ผ่านทุ่งนาสีเขียว ท่ามกลางแสงแดดแผ่แสงรังสี งามฉิมพลีไปด้วยท้องฟ้าอันแจ่มใส
นั่งรถไฟมาได้สักประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงสถานีรถไฟเมือง Wakayama แล้วค่ะ เมืองเล็กติดชายทะเลน่าไปเที่ยวค่ะ
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่จะไปเดินยวนยี และชื่นชมกันนี้คือ ปราสาทวาคายาม่าค่ะ หนึ่งในปราสาทสวยงามอยู่ในย่านใจกลางเมือง ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าค่ะ
เดี๊ยนตัดสินใจเลือกนั่งรถบัสโดยสารค่ะ เพราะอยากรู้เส้นทางว่าใกล้ๆจริงพอจะเดินกลับมาได้หรือเปล่านะค่ะ โดยเสียค่าโดยสารรสบัส 190 เยนค่ะ
นั่งรถบัสโดยสารออกจากสถานีรถไฟ วาคายาม่าไม่นานก็ถึงแล้วค่ะ ปราสาทวาคายาม่า ปราสาทสวยงาม ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง
ทางเดินเข้าไปในในเขตรั่วน่านฟ้า ปราสาทมีต้นบอนไซ สวยงามเชียวค่ะ
มีแผนที่ให้อ่านดูกันด้วยนะค่ะ เดินเข้ามาผ่านประตูทางเข้าแบบญี่ปุ๊น ญีปุ่นๆค่ะ
บรรยากาศโดยรอบด้านในเงียบสงบ มีต้นไม้ปลุกเรียงราย ร่มรื่น ลมพัดเย็นสบายช่วยคลายร้อนค่ะ
ต้นไม้แต่ละต้นดูท่าจะมีอายุนานโขโบราณพอสมควร เพราะมีพืชจำพวกเฟินและมอสมาเกาะตามกิ่งก้าน ดู แล้วสดชื่นยิ่งนักค่ะ
ตัวปราสาทตั้งอยูบนเนินเขาค่ะ ต้องเดินลัดเลาะขึ้นไป
เดินไต่ตามเดินขึ้นเนินมาเรื่อย ก็จะเห็นคูน้ำลอมรอบเขตปราสาทวาคายาม่า เห็นวิวเมืองที่เต็มไปด้วยตึกรางบ้านช่อง ที่ไม่ได้สูงเสียดฟ้ามากนัก แต่น่ามานอนพักสักคืนค่ะ
เดินมาแป๊บเดียวไม่นานก็ถึงแล้วค่ะ ปราสาทวาคายาม่าค่ะ ตามข้อมูล ปราสาทที่เห็นอยู่นี้นะค่ะ เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นใหม่ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งยังคงสัญญลักษณ์ของเมืองวาคายาม่าไว้อย่างดีค่ะ
ประวัติความเป็นมาของปราสาทวาคายาม่า :
สำหรับปราสาทแห่งนี้สร้างภายใต้การดูแลของท่าน โตโยโตมิ ฮิเดนากะและน้องชายท่าน โตโยโตมิ ฮิเดโยชิ และภายหลังได้รับการช่วยเหลือจาก โทโด ทาคาโทโร ในเวลาต่อมา ในปี 1600 ขุนนาง อาซาโน โยชินากะ ได้ครอบครองปราสาทนี้ อยู่ภายใต้การปกครองของโชกุน Tokugawa Ieyasu เอกิกาว่า เออิยาซุ.
โดยปันจุปันปราสาทได้ปรับปรุงได้สะท้อนเป็นเงางามโดยท่านโตกุกาว่า โยริโนบุ ซึ่งลุกชายคนที่10ของ โตกุกาว่า อิเอะยาสุ ในสตวรรษที่ 17 สมัยยุกต์เมจิปราสาทได้ถูกทิ้งให้ร้างลงกลายเป็นสวนพักผ่อนในที่สุด และในช่วงสงครามโลกครั้งที่2ได้ถูกไฟเผาทำลาย และต่อมาทำการซ่อมปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างที่ได้ปรากฏให้เห็นอย่างเช่นในปัจจุบันนี้ค่ะ
เวลาเปิดทำการ จันทร์-อาทิตย์ เวลา 9.00-17.30 น.ค่ะ
ตัวอาคารปราสาทเป็นปราสาทสีขาว จนเรียกปราสาทนี้อีกชื่อว่า ปราสาทสีขาวค่ะ
ด้านข้างปราสาทเดินมาจะเห็นวิวทิวทัศน์ ม่านฟ้าของอีกฝั่งของเมืองวาคาย่าม่าที่สวยระย้าไม่เบาเลยค่ะ เป็นเมืองติดทะเลที่สวยงามร้าวรานจับใจ น่ามาเที่ยวอีกแห่งค่ะ ใครที่วางแผนมาโอซาก้า ไม่พลาดแวะมาเที่ยวเมืองวาคายาม่าดูนะค่ะ
มองผ่านจากปราสาทวายาม่า ก็เห็นตึกรางบ้านช่องของเมือง Wakayama ค่ะ
ตอนแรก ดิฉันเองก็กะว่าจะเข้าไปชมด้านในค่ะ แต่เกรงจะเดินเพลินค่ะ เลยเดินชมอบปราสาทค่ะ ถือว่ามาแค่นี้ ก็ใด้เห็นเป็นบุญตา วิริสมาหราแล้วค่ะ
ปราสาทสีขาวแห่งนี้ ดูแล้วใหญ่โตโฮฬารไม่แพ้ปราสาทในเมืองโอซาก้สเลยค่ะ แถมบรรยากาศโดยรอบก็เป็นสวนร่มรื่น เงียบสงบ เหมาะสำหรับมาเดินชิวๆรับวิวลมสวยๆที่สุดค่ะ
บรรยากาศรอบๆเงียบสงบๆมากค่ะ นักท่องเที่ยวไม่ค่อยจะเดินมาที่ปราสาทนี้เท่าไหร่นักค่ะ อาจะเป็นเพราะอยู่ไกลจากสถานีรถไฟพอสมควรค่ะ
เดี๊ยนเดินรับลมชมวิว ทิวทัศน์ ท่ามกลางลมพัดเย็นๆ พอช่วยคลายร้อนไปได้บ้างค่ะ
อ่ะ..เดินมาเห็นฝาท่อ สวยกิ๊บเก๋ยูเรก้าเชียวค่ะ
ในสวนหย่อมเล็ก ยังพอมีดอกไฮเดรนเยีย บานสะพรั่งให้เห็นพอชุ่มชื่นบานฤทัยค่ะ
ภายในสวนก็มีศาลเจ้าเล็กๆ ให้ไปสักการะและไหว้กันค่ะ
มีรูปปั้นสัตว์อยู่ด้วยค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร เป็นแมว หรือเป็นเสือไม่รู้นะค่ะ ดิฉันไม่ทราบแน่ชัด เพราะอาจภาษาญี่ปุ่นไม่ออก แถมไม่มีภาษาอังกฤษติดไว้ด้วย เลยเดาเอาค่ะ
เดินมาเจอมุมถ่ายรูปการตูนแบบญี่ปุ่นแนวๆน่ารักอีกแล้วค่ะ
บรรยากาศโดยรอบในเมืองนี้ ดูเงียบสงบ น่าอยู่มากๆนะค่ะ ทั้งถนนหนทาง ทางดง ทางเดินก็ดูสะอาดสะอ้าน รถราไม่ค่อยเยอะ ดูแล้วเจริญหูเจริญตาจริงๆค่ะ
มีแม่น้ำไหลผ่าน บรรยากาศสวยงดงาม อลังการสะท้านโลกามากๆค่ะ
ถึงแม้ช่วงกลางวัน อากาศจะร้อนเร้านะค่ะ แต่ก็มีลมพัด ลมเพ โอ้ละเห่เลชา ช่วยให้หายความบ้าคลั่งไปได้ค่ะ
เดินมาก็มีร้านคง ร้านค้าน่ารัก มุ้งมิ้งเชียวค่ะ รถราก็เล็กๆกะปุ๊กลุ๊กค่ะ
มีดอกม้ง ดอกไม้ริมทางก็สวยงามออกดอกเบ่งบานเชียวค่ะ ดูอันนี้คลับคล้ายคลับคลาเหมือนดอกเสี้ยวในเมืองไทย งามวิไลเริ่ดเชียวค่ะ
ดิฉันเดินมาได้สักประมาณ 1 กิโลเมตรได้กระมังค่ะ ก็ได้เวลาทานอาหารเที่ยงแล้วค่ะ เห็นร้านอาหารนี้แล้วน่าจะอร่อยนะค่ะ เพราะพ่อครัวกำลังผัดอาหารอันโอช่ะ เสียงดังโช้งเช้งโช้งเช้งอยู่ ส่งกลิ่นหอมหวน รันจวนจิต รันจวนใจ ตะไลไปถึงน้ำย่อยในกระเพาะอาหารให้อยากทานจริงๆค่ะ
ภายในร้านอาหารเป็นร้านเล็กๆ ดูท่าจะเป็นร้านอาหารสำหรับคนญี่ปุ่นจริงๆค่ะ เมนูอาหารภาษาญี่ปุ่นล้วนเลยค่ะ แต่ยังดีที่มีรูปถ่ายติดไว้ อยากทานอันใหนก็ชี้ๆเอาค่ะ แต่ในร้านก็พี่ผู้หญิงมารับอาหาร น่าตายิ้มแย้มแจ่มใส ค่อยรับออเดอร์
เมนูแต่ละอย่างดูน่าทาน และคนทำอาหารเป็นผู้สูงอายุ แต่ยังแข็งแกร่ง ฝีมือน่าจะอร่อยค่ะ
ดิฉันสั่งอาหารไป 1 อย่าง ดูกับข้าวที่ร้านนี้ไม่แพงเลยนะค่ะ ราคาจานละ 500 เยนค่ะ ถือว่าไม่แพงเลยนะค่ะ ถ้าเทียบกับร้านอาหารอื่นๆในญี่ปุ่น
อาหารมื้อนี้ชื่ออะไรไม่รู้ เดี๊ยนจำไม่ได้แล้ว ดูใหญ่โต ดูเหมือนไม่เยอะนะค่ะ แต่จัดมาเต็มมากค่ะ เป็นไข่ทอดด้านในเป็นหมูสไลด์หันบางๆ ราดด้วยซอสรสจัดจ้าน มีข้าวโพด หอมใหญ่ ทานแล้วอร่อยมากๆค่ะ อร่อยจริงๆค่ะ ดูหน้าตาอาจจะดูเหี่ยวๆไม่น่าทานนัก แต่พอตักข้าวปากแล้วต้องร้อง ว้าว ว้าว โออิชิสุโค่ยค่ะ
ทานอิ่มแล้ว สักแป๊ปมีพี่ผู้หญิงคนเดิม มาเก็บจานแล้วเอาโอเลี้ยงเย็นๆมาเสริฟให้ฟรีค่ะ อร่อยอีกแล้วค่ะ ขมหว่านฉ่ำชื่นเชียว
มีนมให้เต็มด้วย รสชาติกลมกล่อมแบบอูมามิขึ้นมาทันทีค่ะ
คนทำอาหารเป็นคุณลุงผู้มากฝีมือ กำลังโช้งเช้งโช้งเช้งทำอาหารอยู่อย่างกระหวัดกระเหวี่ยนค่ะ
ราคาอาหารมื้อนี้จัดไป 500 เยนค่ะ ถือว่าเป็นร้านริมทางที่ถูกมากๆค่ะ บรรยากาศในร้านถึงจะเล็กแต่ก็อบอุ่นค่ะ หลังจากที่ดิฉันทานไม่นาน ก็มีลูกค้าเข้ามาเต็มร้านเลยนะค่ะ
ชื่อร้านอะไรไม่รู้ แต่ดูแต่ภาพเลยค่ะ เพราะไม่มีภาษาอังกฤษบอกค่ะ รู้แต่ว่าร้านริมทาง ก่อนถึงสถานีรถไฟประมาณ 1 กิโลค่ะ เป็นร้านที่เปิดมานานกว่า 30 ปีแล้วค่ะ ใครแวะไปเที่ยววาคายาม่า ก็อย่าลืมลั๊นลา แวะไปอุดหนุนลิ้มลองรสชาติอันปราศเปรืองของคุณลุงที่ร้านนี้นะค่ะ รับรองว่าอร่อยเริ่ดค่ะ
และหลังจากที่ได้อิ่มหน่ำสำราญ อร่อยกับอาหารญี่ปุ่นสไตล์ผัดไปแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เดินกลับมาที่สถานีรถไฟ wakayama ค่ะ
สถานีรถไฟ Wakayama ในช่วงกลางวัน กับแดดอันร้อนเร้า ที่ยังไม่ลมผัดเบาๆช่วยคลายร้อนค่ะ
โดยช่วงบ่ายวันนี้จะไปนั่งรถไฟทามะเดนฉะ ไปเยี่ยมบ้านน้องเหมียวทามะกันที่สถานีคิชิค่ะ
สำหรับใครที่มาเที่ยวเมืองวาคายาม่า หนึ่งในทริปสุดน่ารัก พรุ้งพริ้ง ต้องไม่พลาดมานั่งรถไฟทามะเดนฉะ นั่งรถไฟสายน่ารัก ไปสุดสถานี Kishi ที่พักบ้านน้องเหมียว ต้นกำเนิดสถานีรถไฟแมวที่โด่งดังไปทั่วโลกค่ะ ที่ดึงดูดเงินตราจากนักท่องเที่ยวทั่วทุกสารทิศ ต้องมาเช็คอินน์ ถ่ายรูปกันสักครั้งค่ะ ดิฉันเองก็พึ่งเคยมาเนี่ยแหละค่ะ
และปัจจุบันถึงแม้เจ้าแมวเหมียทามะ จะเสียชีวิตไปแล้ว เมื่อปี 2015 นะค่ะ แต่ก็ยังมีอนุสรณ์ ทั้งรูปปั้น และสถานีแมวเหมียวที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนอย่างไม่ขาดสายเลยค่ะ ใครที่รักและชอบแมวเหมียวต้องไม่พลาดแวะมาถ่ายรูปเช็คอินน์กันค่ะ
โดยการเดินทางด้วยรถไฟสายท้องถิ่นนี้นะค่ะ ไม่สามารถใช้บัตร JR Pass ได้นะค่ะ จะต้องเสียค่าเงินค่ารถไฟต่างหากค่ะ ซึ่งชานชลาไปสถานีรถไฟทามะ ก็อยู่ในสถานีรถไฟ วาคายาม่าเลยค่ะ เข้ามาจะมีป้ายบอกทางค่ะ
ระหว่างทางเดินไปชานชลาทามะ แค่ทางเดินก็น่ารักมุ้งมิ้งเชียวค่ะ เป็นฝ่าเท้าแมว
ตลอดทางก็จะมีรูปการ์ตูนเจ้าทามะ ติดตามป้ายให้ได้ถ่ายรูปความน่ารักตลอดค่ะ
เจ้าแมวเหมียวทามะตามรูปค่ะ |
แมวชื่อทะมะ (ในภาษาญี่ปุ่น: たま ?;
เกิดเมื่อวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1999
และเสียชีวิต ในวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 2015)
ทามะเป็นแมวสามสีเพศเมียซึ่งเป็นนายสถานีรถไฟของสถานีคิชิ เมืองคิโนะกะวะ จังหวัดวะกะยะมะ ประเทศญี่ปุ่น
โดยในเดือนเมษายน ค.ศ. 2006 บริษัทรถไฟฟ้าแขวงวะกะยะมะได้ปรับปรุงสถานีทั้งหมดบนเส้นทางคิชิกะวะจากแบบที่ใช้คนควบคุม เป็นแบบที่ไม่ต้องใช้คนควบคุม เพื่อลดค่าใช้จ่าย นายสถานีของสถานีรถไฟเหล่านี้จะเลือกมาจากลูกจ้างของธุรกิจท้องถิ่นที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานีนั้น ๆ สำหรับสถานีคิชิ ผู้ได้รับเลือกเป็นนายสถานีคือ โทะชิโกะ โคะยะมะ เจ้าของร้านขายของชำที่อยู่ใกล้เคียง โคะยะมะได้เลี้ยงแมวทะมะเอาไว้ รวมถึงแมวจรจัดอื่น ๆ อีกหลายตัว โดยไปให้ข้าวพวกมันกินที่บริเวณสถานี
และเดือนมกราคม ค.ศ. 2007 บริษัทเดินรถไฟได้ประกาศให้เจ้าแมวเหมียวทะมะ เป็นนายสถานีรถไฟอย่างเป็นทางการในฐานะนายสถานี หน้าที่ของทะมะคือการต้อนรับผู้โดยสาร ตำแหน่งนี้มาพร้อมกับหมวกประจำตำแหน่งนายสถานี ทะมะได้รับเงินเดือนเป็นอาหารแมวจากบริษัทรถไฟโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ผลจากการประกาศแต่งตั้งทะมะ ทำให้อัตราการโดยสารรถไฟเพิ่มขึ้นทันที 17% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม ค.ศ. 2006 เมื่อถึงเดือนมีนาคม ค.ศ. 2007 อัตราการโดยสารรถไฟก็ยังสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 10% ผลจากการศึกษาประมาณว่า ชุมชนโดยรอบสถานีรถไฟของทะมะมีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น 1,100 ล้านเยนในเดือนมกราคม ค.ศ. 2008 ทะมะได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็น "ซูเปอร์นายสถานีรถไฟ" (super station master) ในงานเฉลิมฉลองครบรอบปี โดยมีประธานบริษัทเดินรถไฟและนายกเทศมนตรีมาร่วมงาน ผลจากการเลื่อนขั้นครั้งนี้ทำให้ทะมะได้เป็น "ผู้หญิงเพียงคนเดียวในตำแหน่งบริหาร" ของบริษัทเดินรถไฟแห่งนั้น ตำแหน่งใหม่นี้มี "สำนักงาน" ประจำด้วย โดยดัดแปลงจากห้องจำหน่ายตั๋ว และติดตั้งถาดทรายแมวเอาไว้ จากนั้นต่อมาในเดือนมกราคม ค.ศ. 2014 ทะมะก็ได้รับการเลื่อนขั้นเป็น "อุลตร้านายสถานีรถไฟ" (ultra station master) ส่วนตำแหน่งเดิม "ซูเปอร์นายสถานีรถไฟ" นิทามะที่ประจำอยู่สถานีอิดะคิโซะเป็นผู้รับช่วงต่อแทน
ทีมงานของทะมะประกอบด้วยผู้ช่วยนายสถานีสองตัว คือ จิบิ (เกิด 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2000) และ มีโกะ (เกิด 3 ตุลาคม ค.ศ. 1998) ทะมะได้ปรากฏตัวในสารคดีเกี่ยวกับแมว ชื่อ La Voie du chat ในภาษาฝรั่งเศส และ Katzenlektionen ในภาษาเยอรมัน สร้างโดยนักสร้างภาพยนตร์ชาวอิตาลี Myriam Tonelotto ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ยุโรป ARTE ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2009
เส้นทางรถไฟสายคิชิกะวะได้ประกาศเปิดตัวตู้ขบวนใหม่ ชื่อ "ทะมะเดนฉะ" (รถไฟของทะมะ) ซึ่งตกแต่งเป็นลวดลายการ์ตูนเกี่ยวกับทะมะทั้งขบวน เริ่มเปิดให้บริการในฤดูใบไม้ผลิ ปี ค.ศ. 2009
เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2015 ทะมะต้องหยุดพักงานรักษาตัวเนื่องจากมีอาการโพรงจมูกอักเสบ และต่อมาในวันที่ 22 มิถุนายนปีเดียวกัน ทะมะก็เสียชีวิตลงด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน รวมอายุได้ 16 ปี (เทียบเท่ากับคนอายุ 80 ปี)
(ขอขอบพระคุณข้อมูลเครดิตดีๆจาก สารานุกรมเสรีวิกิพีเดีย https://th.wikipedia.org/wiki/ทะมะ_(แมว)
พอมาถึงก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ค่ะ เพื่อซื้อตั๋วค่ะ โดยตั่วโปรโมชั่นแบบไปกลับ ราคาอยู่ที่ 840 เยนค่ะ
เวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ รถไฟทามะก็มาถึงสถานีแล้วค่ะ น่ารักมากๆค่ะ
รถไฟสีขาว ตกแต่งด้วยรูปการ์ตูนน้องแมวเหมียว น่ารักเชียวค่ะ
เจ้าแมวทามะ หลายท่าทาง หลายอริยาบท น่ารัก น่าเอาฟัดมากๆค่ะ
เข้ามาด้านในก็ตกแต่งด้วยการตูนแมวเหมียวอีกแล้วค่ะ
ทั้งประตง ประตู หน้าต่าง มีรูปเจ้าทามะทั้งนั้นเลยค่ะ
ที่นั่งในรถไฟ ก็ตกแต่งลายแมวค่ะ
การตกแต่งภายใน ดูเค้าทุ่มทุ่นสร้าง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาที่นี้ไม่น้อยเลยนะค่ะ
นอกจากแมวเหมียวทามะ ยังมีเจ้าโดราเอม่อนด้วยนะค่ะ
มุมอ่านหนังสือก็มีค่ะ ดูพรุ้งพริ้งสุดสวิงริงโก้เชียวค่ะ
อีกฝั่งก็จะเป็นที่นั่งคล้ายๆกันค่ะ
นั่งรถไฟผ่านมาก็จะมีรถไฟสตอเบอรี่ค่ะ เส้นทางรถไฟสายนี้ ดูสร้างรายได้ที่ดีเยี่ยมไม่น้อยเลยค่ะ
ระหว่างทางก็ผ่านทุ่งนา สีเขียว กับท้องฟ้าอันแจ่มใสเชียวค่ะ
เจ้าทามะกำลังจะกระโดดเอาอะไรสักอย่างนะค่ะ
ขบวนรถไฟมาถึงสถานีคิชิไม่นาน ก็มีนักท่องเที่ยวรอมาขึ้นกันเต็มเลยค่ะ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวส่วนใหญ่ เห็นจะเป็นนักท่องเที่ยวจากเมืองจีนค่ะ เยอะมากๆนะค่ะ
ถึงแล้วค่ะ สถานีรถไฟ kishi สถานีรถไฟบ้านของเจ้าทามะ รูปอาคารก็ยังออกแบบให้เป็นรูปแมว น่ารักเชียวค่ะ
เดินเข้ามาด้านในก็จะเป็น พิพิธภัณฑ์ Tama ค่ะ
จะมีน้องแมวเหมียวอีกตัว ชื่ออะไรไม่รู้ เดี๊ยนจำไม่ได้แล้วค่ะ แต่กำลังนอนมุดตัวนอนอยู่ในห้องกระจก น่ารักเชียวค่ะ เป็นแมวอีกตัว ที่เป็นนายสถานีมาเป็นตัวแทน เจ้าทามะ ที่เสียชีวิตไปค่ะ
แค่แมวตัวเดียว สร้างได้มหาศาลเลยนะค่ะ มีนักท่องเที่ยวมากันอย่างไม่ขาดสายเลยค่ะ
สงสัยมันคงรำคาญ คนกดชัดเตอร์กระมังค่ะ มันตื่นแล้วค่ะ ดูเจ้าแมวตัวนี้ น่าจะเป็นแมวเปอร์เซียค่ะ
รถตู้ของสถานีแห่งนี้ก็ยังเป็นรูปแมวทามะนะค่ะ ตกแต่งซ่ะน่ารัก ยังกะรถของเล่นเด็กเลยค่ะ ไม่รู้จะน่ารักไปใหนนะค่ะ มุ้งมิ้งสุดสวิงริงโก้มากๆค่ะ
อากาศที่เมืองคิชิในวันนี้นะค่ะ แดดร้อนเปรี้ยงปร้างมากๆค่ะ
นอกจากสถานีรถไฟน้องแมวเหมียวแล้วนะค่ะ ที่นี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆรอบ ให้ไปเดินชมกันด้วยค่ะ
ดิฉันเลยเดินออกจากสถานีรถไฟ เดินลัดเลาะลงตามถนนหนทางมาค่ะ
เดินมาไม่ไกลจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำในหมู่บ้าน บรรยากาศดี สวยงามเชียวค่ะ
ท้องฟ้าดูสดใสเชียวค่ะ บรรยากาศเงียบสงบ
แม่น้ำไหลผ่านยาม บ่ายแก่ๆค่ะ ที่เมืองคิชิก็สวยงามไม่เบาค่ะ มีวิวภูเขาและท้องฟ้าสดใสเชียวค่ะ
เดินมาก็เห็นฝ่ายกันน้ำกำลังทะยอยล้นมาจากเขื่อนค่ะดิฉันเดินรับลมชมวิวที่นี้ไม่นาน ก็เดินกลับสถานีรถไฟค่ะ ระหว่างรอรถไฟเที่ยวถัดไปมารับนะค่ะ ก็แวะไปเข้าร้านกิ๊ปช๊อปค่ะ
ที่สถานีมีร้านของของที่ระลึกของเจ้าแมวเหมียนี้ให้เลือกซื้อ เลือกหาอยู่ค่ะ
มีพวงกุญแจ ก็น่ารักเชียวค่ะ
ตุ๊กตาหุ่นจำลองตัวจริงเจ้าทามะ
โมเดมรถไฟของที่ระลึก
ขนมนมเนยก็เอามาทำเป็นบรรจุภัณฑ์เจ้าทามะ ก็จำหน่าย ขายดีทีเดียวค่ะ
สำหรับตัวดิฉันเอง ตอนนี้ เริ่มกระหายน้ำแล้วค่ะ หลังจากน้ำในขวดประปาที่เต็มมาจากโรงแรมหมดไป
เลยหยอดเหรียญซื้อน้ำแร่จากธรรมชาติมาดื่มค่ะ ราคาขวดขวดละ 130 เยน ประมาณ 39 บาทไทยค่ะ
ได้เวลาเดินทางกลับวาคายาม่าแล้วค่ะ รถไฟมาพอดีค่ะ รถไฟรอบนี้ไม่มีตัวการตูนนะค่ะ เป็นรถไฟธรรมดาค่ะ
ข้างในเรียบง่าย มีผู้โดยสารไม่กี่คนเองค่ะ เงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีเสียงบรรเลงให้กวนใจ อยู่ในตู้รถไฟแอร์ก็เย๊น เย็นนะค่ะ น่านอนมากค่ะ ส่วนข้างหน้าอากาศก็ร้อนมากๆค่ะ
ระหว่างทางก็นั่งชมวิวทุ่งนาสีเขียวค่ะ ทุ่งนาที่นี้เขียวชะอุ่มจริงๆค่ะ ดูแล้วสดใส เพลินใจบานตาค่ะ
หลังจากมาถึงสถานีรถไฟ Wakayama ดิฉันก็นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีรถไฟ Tennoji
เดินจากสถานีรถไฟ Tennoji เพื่อกลับมาเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรมค่ะ จากนั้นก็รีบทำเวลาเลยค่ะ เพราะช่วงเย็นแบบนี้ คนญี่ปุ่นกำลังเลิกงาน รถไฟแน่นมากๆนะค่ะ
ดิฉันเดินทางจากรถไฟ Tennoji มาลงที่สถานี Osaka จากนั้นก็นั่งรถไฟจาก Osa ka มาที่สถานี Shin-osaka เพื่อเดินทางอันยาวไกลไปสู่ทางใต้ค่ะ
โดยจุดมุ่งหมายเมืองท่องเที่ยวถัดไปคือเมือง Kagoshima ค่ะ เมืองสวยงามทางใต้ที่รายล้อมด้วยภูเขาไฟให้ไปยวนยีกันค่ะ
เวลาประมาณ 1 ทุ่มเป๊ะๆ ตรงเวลามากๆ รถไฟชินกันเซนก็แล่นมารับผู้โดยสารที่สถานี Shinosaka ค่ะ
รถไฟเดินทางออกจากสถานี Shin osaka เวลา 19.04 น. ถึงสถานี Kagoshima chuo เวลา 23.23 น.ค่ะ ระยะทางไกลพอสมควร แถมใช้เวลานานมากๆค่ะ
อาหารเย็นมื้อนี้ไม่พ้นร้านสะดวกซื้อตามเคยค่ะ ข้าวปั้นทานกับเนื้อไก่ทอดและบร๊อคโคลี่นิดๆหน่อยค่ะ
จบทริปการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นในวันแรกค่ะ
มาต่อตอนที่ 2 : รีวิวเที่ยวเมืองคาโกชิม่า นั่งรถไฟลั๊นลาไปอบทรายร้อน งามออนซอนแท้เด้ คลิ๊กดูที่เว็ป khunnaiver.blogspot.com/2017/07/2.html
สำหรับรีวิวท่องเที่ยวในเมืองวาคายาม่าที่ดิฉันได้นำเสนอในวันนี้ คงมีประโยชน์และเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่รักการเดินทางท่องเที่ยว ออกไปเปิดหู เปิดตา เปิดประสบการณ์มุมมองใหม่ๆในต่างแดนไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากข้อมูลดังกล่าวมีข้อผิดพลาด ชื่อ อักขระ พิมพ์ๆผิดๆ ตกๆหล่นๆ ประการใด เดี๊ยนเองต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ขอบพระคุณทุกๆท่านที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านและเปิดดูภาพกันค่ะ หวังว่าจะติดตามกันต่อในบล็อกถัดไปนะค่ะ หากใครมีข้อสงสัยการเที่ยวและเดินทางในญี่ปุ่นอย่างไร ก็ส่งข้อความมาทาง Facebook ได้ค่ะ เดี่ยวดิฉันจะทยอยตอบหลังเลิกงานประจำค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
แนะนำจ้า ที่พักเกียวโต ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
แนะนำโรงแรมในซัปโปโร ห้องนอนคู่ดูโอ้ ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
----------------------------------------------------------------
รวมบทความบล๊อกเที่ยวเดือนละ 1 ครั้ง เป็นรีวิวเดินทางท่องเที่ยว ภูเขา ทะเล ป่า น้ำตก โบราณสถาน ประเพณี สังคม วัฒธรรม บลาๆๆๆ มีดังนี้ค่ะ(จะทยอยอัพเดทเรื่อยๆค่ะ บล็อกจะได้ไม่ร้างค่ะ)
รีวิวท่องเที่ยวเดือน สิงหาคม 2560 รีวิวเที่ยวเมืองเก่าอยุธยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว นั่งรถไฟไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
10 ที่พักโอซาก้า ราคาถูกสุดๆ ใกล้สถานีรถไฟ JR คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 12 เดินชิลเมืองท่าเรือสุดแสนโรแมนติก ริมทะเล คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมไร่นาเมืองบิเอะ สวยเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักยานไปชมดอกลาเวนเดอร์บานๆ อลังการเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 9 เดินชิลชมเมืองซับโปโรครึ่งวัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 8 ชมศิลปะทุ่งนาข้าวผลิหลากสีสวยงาม คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 7 รีวิวการเดินทางไปหลังคาญี่ปุ่นด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 6 เดินตลาดเช้าทาคายาม่า แวะดูทุ่งนาชิราคาวาโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาดูเมืองเก่าคุราชิกิ ชมใบไม้ผลิสวยเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 4 ตามรอยระเบิดเมืองฮิโรชิม่า ไปลั๊นลาเกาะมิยาจิมะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 3 ท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะ งามเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 2 นั่งไฟออนซอนไปอบทรายร้อนที่อิบูชูกิ คลิ๊กดูค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวทามะ แวะพักชมปราสาทสวย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
วิธีการวางแผนเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองมาฝาก คลิ๊กดูค่ะ>> |
ล่องเรือไทยในภาคกลาง งามสะพร่างดุจสายน้ำทิพย์ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
10 อันดับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองไทย คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
รวมอุทยานแห่งชาติยอดนิยมในเมืองไทย ต้องตามไปชมให้ชื่นใจ คลิ๊กดูค่ะ>> |
รวมเขื่อนยอดนิยมในเมืองไทย ที่ต้องไปชมสักครั้ง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
7 ที่เที่ยวช่วงหน้าฝนปีนี้ น่าจรลี หนีงานไปร้าวรานสุดๆค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวนครพนม เม.ย.60 ขับมอเตอร์ไซต์ไปมูลนิธิคนชราที่ท่าอุเทน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
บล็อกสุขสันต์วันสงกรานต์ประจำปี 2560 มาให้ทุกท่านได้อ่านกันค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวระยอง มี.ค. 60 ท่องเกาะเสม็ด นั่งกินเห็ดอร่อยเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวเพชรบุรี ก.พ.60 ไปฉิมพลีที่เขาวัง รำลึกความหลังหาดเจ้าสำราญ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแอบเที่ยวเมืองโฮจิมินห์ครึ่งวัน นั่งสุขสันต์ริมแม่น้ำไซ่ง่อน คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>> |
รวมภาพงานเที่ยวเมืองไทยปี 2560 ณ สวนลุมพีนี เริ่ดสะแมนแตนอีหลีเด้อจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวสุพรรณบุรี ปั่นจักรยานแสนสุขขีไปบึงฉวาก คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>> |
รวมไหว้พระ 9 วัดในเมืองเก่าเชียงใหม่ เอาใจคนชอบทำบุญค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
แนะนำวัดในเมืองเก่าเชียงใหม่ เอาใจคนอยากไปไหว้พระทำบุญ 9 วัด ปั่นจักรยานใกล้ๆรอบเมืองเชียงใหม่ แสนสุขใจเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดวัดและแผนที่ค่ะ>>
รวมสถานที่ท่องเที่ยวเมืองเชียงราย มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูข้อมูลท่องเที่ยวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวสงขลา-หาดใหญ่ ขับสองล้อท่องไป ไฉไลเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวสงขลา หาดใหญ่ เดือน พ.ย.2559 ขับมอเตอร์ไซต์ไปทำทานที่มูลนิธิคนชรา แวะไปลั๊นลาไหว้พระที่เขาคอหงส์ ชมอาทิตย์อัสดงลงงามชนะเลิศ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
ฮวมสถานที่แอ่วดอยอินทนนท์ งามแต้ๆเจ้า คลิ๊กดูข้อมูลท่องเที่ยวค่ะ>> |
รวมสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตบนดอยอินทนนท์ ไปแอ่วกี่หน บ่เก้ยบ่นว่าเบื่อเลยเจ้า ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะค่ะ คลิ๊กดูข้อมูลท่องเที่ยวดอยอินทนนท์ค่ะ>>
พิพิธภัณฑ์เรียนรู้ในกรุงเทพ เสพแล้วดีเว่อร์ คลิ๊กดูพิพิธภัณฑ์ค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวเมืองเลย แวะไปเดินชมเชยที่เชียงคาน ยลตระการยอดภูกระดึง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวภูกระดึง 4-6
ต.ค.2559 รำลึกความหลังครั้งวันวาน
แวะผ่านไปค้างที่เมืองเลย ก่อนไปนั่งรำเพยที่เชียงคาน คลิ๊กดูภาพรีวิวเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวปัว-น่าน ขับมอเตอร์ไซต์แว๊นไปดอยภูคา คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวปัว-น่าน วันที่ 21-23 ก.ย.59 นอนพักชมทุ่งนาเขียวสดสีงามวิไล ขับมอเตอร์ไซต์แว๊นไปที่ดอยภูคา จิบน้ำชาชมวิวเบิกฟ้า สวยเลอค่ายิ่งนักเอย คลิ๊กดูรีวิวการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวอุทัยธานี เลาะริมน้ำสะแกกรัง นั่งดูวิถีชีวิตสุดชิวเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>> |
รีวิวทริปเที่ยวอุบล ยลตระการงานแห่เทียนพรรษา ไปลั๊นลาที่ผาแต้ม คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>> |
รีวิวทริปเที่ยวตรัง 3 วัน 2 คืน ขับมอเตอร์ไซต์ตะล่อนทัวร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวจันทบุรี 2 วัน 1 คืน เดินลัดเลาะชุมชนเก่าริมฝั่งน้ำ คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวอัมพวา เดินย้ำตลาดน้ำ ชมตลาดร่มหุบแม่คลอง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวเกาะเกร็ดครึ่งวัน เพราะเดี๊ยนนั้นอยากกินข้าวแช่ คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>> |
บล๊อกสุขสันต์วันสงกรานต์ประจำปี 2559 มาให้ทุกท่านได้อ่านกันค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวหัวหิน วันที่ 19-20 มี.ค.2559 คลิ๊กดูรีวิวตามภาพเดินทางค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวเกาะสีชัง แวะรำลึกความหลังหาดบางแสน เดือน ก.พ.59 คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ |
รีวิวเที่ยวเกาะสีชัง
เดือน ก.พ.59 แวะรำลึกความหลังที่หาดบางแสน
ทำบุญไหว้พระแสนอิ่มอุรา คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเชียงใหม่ ม.ค.59 ไหว้พระ 9 วัด คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>> |
ประมวลภาพงานเที่ยวเมืองไทยปี 2559 คลิ๊กดูภาพค่ะ >> |
รีวิวเที่ยวเชียงราย ธ.ค.2558 ขับมอเตอร์ไซต์ไปดอยตุงคลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวสุโขทัย ตอนที่ 2 (ตอนจบ) ปั่นจักรยานเที่ยวรอบอุทยานเมืองเก่า ได้ความรู้ดีเว่อร์ เหมือนย้อนวัยมาเรียนสังคมศึกษาอีกครั้ง คลิ๊กอ่านรีวิวค่ะ>>
เดินลัดเลาะเที่ยวสุโขทัย ตอนที่ 1 งานลอยกระทงในคืนเดือนเพ็ญ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวหัวหิน เดือน พ.ย. 58 เยือนอุทยานราภักดิ์ คลิ๊กดูรีวิวตามภาพเดินทาง>> |
รีวิวเที่ยวศรีสะเกษ ไปงานแห่ต้นดอกไม้ของเผ่าสวย คลิ๊กดูประเพณี>> |
รีวิวเที่ยวแบกเป้ ปีกเขาช้างเผือกด้วยตัวเอง ที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ คลิ๊กอ่านรีวิวค่ะ>
0 ความคิดเห็น