รีวิวเที่ยวอุบลราชธานี ไปชมงานแห่เทียนพรรษา ขับมอเตอร์ไซต์ลั๊นลาไปโขงเจียม |
สำหรับบล็อกบทความในวันนี้ ก็ไม่ได้มาเขียนแนะนำที่พักเวิ้นเวิ้อแต่อย่างใดนะค่ะ วันนี้เดี๊ยนก็เลยอยากจะมาบอกกล่าวเล่าเรื่องราวการเดินทางที่ได้ไปเยือนมา พร้อมรูปถ่ายกากๆ ไม่สวยเอาเสียเลย แต่ก็ได้รูปมาลงในเว็ปบล็อก เพื่อไม่ให้บล็อกร้างไปค่ะ.....พอดีเมื่อช่วงวันหยุดเข้าพรรษาที่ผ่านมา ซึ่งทางรัฐบาลระกาศให้หยุดยาวติดต่อกันถึง 5 วันเลยนะค่ะ หลายๆท่าน ก็คงได้มีโอกาสไปลั๊นลาท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ ไหว้พระทำบุญมาแล้วใช่ใหม๊ค่ะ ในส่วนของเดี๊ยนเองก็ได้มีโอกาสวางแผนไปเที่ยวตะแล๊ดแต๊ดแต๋ ลั๊นลาตามประสาคนบ้าเที่ยวเหมือนกันนะค่ะ เรียกว่าได้เที่ยวเมื่อไหร่ ใจฮึกสู้ พร้อมลุยทันทีค๊า
โดยในเดือนกรกฏาคม ปี 2559 นี้ เดี๊ยนเองก็เลยขอเก็บเสื้อผ้าเก่าๆเก่าๆเซ่อๆ ยัดใส่กระเป๋าเป้ แล้วก็ตีตั๋วจากกรุงเทพเมืองฟ้าอมรรัตนโกสินทร์ นั่งเรือบินลอยละล่องท่องไปเบิกเนตร เบิกกาย ถวายชีวา เพื่อเปิดหู เปิดตา ท่องเที่ยวไทย ไปเยือนงานประเพณีที่เลืองลือกระบือไกล นั้นก็คือ งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาของจังหวัดอุบลฯนั้นไซร้ งานประจำปีที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่ เว่อร์วังอลังการสะท้านโลกา ทั้งชาวไทยและชาวฝรั่งมังข้ายังต้องมาเชยชม สวยสมกับความงดงามเริ่ดสะแมนแตนของขบวนแห่เทียนพรรษาที่เกาะสลักเป็นหมู่เทพไท้เทวา ประดิษประดอยออกมาอย่างประณีตวิจิตรบรรจง สมประสงค์ความตั้งใจของเดี๊ยน ที่ได้มาเดินวนเวียนเมืองอุบล ไปยลตระกานทานหมูยอ ที่ต้องร้องอ๋อ อร่อยแซ่บอีหลีเด้อ แล้วมานั่งเอ๋อเร๋อดู นางรำ เซิ้งกันมวลคั๊ก แอบไปทักทายผู้บ่าวหล่อ ผู้สาวสวยๆ เกล้าผมมวย แถมรวยน้ำใจ มาเด้อ มาแอ๋วเมืองอุบลนั้นไซร้ แสนจะสุขสราญเบิกบานฤทัย นั่งกินลาบส้มตำร้อยเม็ด เผ็ดๆไป ชนะเลิศเว่อร์เอย
ซึ่งเดี๊ยนเองได้มีโอกาสลาพักร้อนไปด้วยค่ะ โดยการเดินทางไปเที่ยวจังหวัดอุบลในครั้งนี้ เดี๊ยนได้ลาพาร้อนต่อไปด้วยค่ะ โดยเริ่มต้นเดินทางออกจากกรุงเทพ เมื่อตอนเย็นวันที่ 19 ก.ค.เพื่อมาชมงานแห่ในวันที่ 20 ก.ค.ซึ่งเป็นวันงานใหญ่ค่ะ ถือว่าเป็นการมาเยือนชมงานประเพณีแห่เทียนพรรษาของเมืองอุบลอีกครั้งนะค่ะ.... จำได้ว่าไม่ได้มางานแห่เทียนเมืองอุบลนานเกือบ 20 ปีได้แล้วกระมังค่ะ โอ้ยนานมากๆค่ะ สมัยนั้นมากับครอบครัว ค่ะ ไม่ต้องบอกอายุเลยค่ะ ตอนนี้เดี๊ยนก็แก่มากแล้วค๊า..... การมาเยือนเที่ยวงานแห่เทียนครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 เพื่อจะได้รำลึกถึงความหลัง ของความแตกต่างงานแห่เทียนในอุบลยุค 90 กับยุคปัจจุบัน โอ้โฮ้..
มันช่างต่างกันลิปลิ่วมากๆค่ะ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ที่เห็นจะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ และดูโดดเด่น ตราตรึงประทับซึ้งอยู่ในทรวงในของเดี๊ยนนั้นก็คือ ขบวนนางรำที่เซิ้งกันมวลคั๊กของแต่ละชุมชม เป็นขบวนที่สร้างสีสันให้งานนั้นมีความสมบูรณ์แบบเพคเฟ๊คอยู่ไม่น้อย และอีกหนึ่งคือความประณีตวิจิตรบรรจงของขบวนแห่ต้นเทียนแต่ละขบวน ของช่างแกะสลักเมืองอุบล ที่ช่างมีความละเมียดละไมใส่ใจทุกรายละเอียดในแกะลลักเป็นต้นเทียน รูปต่างๆ โดยนำชีวประวัติของพระพุทธศาสนา มาแกะสลักแทรกไว้ในขบวนต้นเทียนเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เริ่ดสะแมนแตนสุดๆเลยค่ะ โดยที่เห็นเด่นชัดที่สุดก็คงจะเป็นหมู่เทพไท้เทวา ที่ช่างแกะสลักออกมา ประดุจดั่งเสมือนว่าหุ่นนั้นมีชีวิตชีวาเคลื่อนไหวได้ก็คงจะดีกระมัง ถือเป็นต้นเทียนพรรษาที่มีสีเหลืองรองเรืองรองผุดผ่องอำไพ สว่างสดใส ขจรขจายดั่งไพรพฤดั่งไพรพฤกษาล้ำเลิศ เจิดจรัสแพรวพราว สุขสกาวรุ่งโรจน์ ช่วงโชติชัชวาล แผ่กว้างไกลสุดไพศาล สุดแสนจะเว่อร์วังอลังการล้านแปดเอย
ต้องขอบอกว่ามางานในครั้งนี้ ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ ถือเป็นงานช้าง งานยักษ์ ของเมืองอุบล ที่ดึงดูดเอานักท่องเที่ยวทั่วทุกสารทิศ ทั้งโลกล้าโลกาลัย ให้มาเยือนเมืองอุบลแห่งนี้กันแน่นถนัดตา จนรถราติดกันไปทั้งเมืองเลยค่ะ โรงแรมที่พักที่ผุดกันขึ้นเป็นดอกเห็นก็ถูกจองเต็มกันทุกหนแห่ง ผู้คนทั้งชาวไทยและชาวฝรั่งมังข้าต่างก็หอบเสือผ้า จูงลูก จูงเหลน กระเตงหลาน นั่งรถอีแต๋น และรถซาเล้ง มาเยือน มาชมกับความสวยสดงดงามเว่อร์วังอลังการสะท้านโลกา ของขบวนต้นเทียนแต่ละขบวนที่เสกสรร บรรจงสร้างประดิดฐ์ประดอยกันข้ามวันข้ามปี เพื่อมานำมายลโฉมให้ นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้มาชม ถ่ายรูปกันอย่างละลานตา
และหลังจากที่เดี๊ยนได้เที่ยวงานแห่เทียนพรรษาของเมืองอุบลเสร็จ เดี๊ยนเองก็ได้เดินทางไปเที่ยวที่อำเภอโขงเจียมต่อค่ะ ขับมอเตอร์ไซต์ จากโขงเจียม เพื่อไปนอนพักค้างแรมริมแม่น้ำโขง ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า แล้วขับมอเตอร์ไซต์ขึ้นไปเดินชมภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ที่ผาแต้ม และเดินทางไปชมน้ำตกสร้อยสวรรค์ ซึ่งเป็นน้ำตกที่อยู่ไม่ไกลจากผาแต้มมากนัก ก่อนจะเดินทางกลับมาในเมืองอบุล เพื่อนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพค่ะ
สำหรับรายละเอียดทริปการเดินทางเที่ยวเมืองอุบล 3 วัน 2 คืน ที่เดี๊ยนพึ่งได้เดินทางไปมา เดี๊ยนขอมารีวิวสรุปการเดินทางดังนี้ค่ะ
19 ก.ค. 2559
18.00 น.ตีตั๋วเครื่องบินจากดอนเมือง เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองอุบลค่ะ
19.00 น.นั่งเครื่องบิน ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ก็ถึงเมืองอุบลฯ ค่ะ จากนั้นก็นั่งแท็กซี่ เข้าไปพักที่โรงแรม ที่เดี๊ยนได้จองและมัดจำไว้แล้ว ชื่อโรงแรม หกสิบเอ็ด ค่ะ ราคาห้องคืนละ 600 บาท เป็นโรงแรมพึ่งเปิดใหม่ เดี๊ยนเลยขอมาประเดิมมาเจิมพักดูสิว่าดีแค่ใหนค่ะ โดยเลือก พักค้างแรมที่นี้ 2 คืนค่ะ
20 ก.ค.2559
7.00 น. เดี๊ยนตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะ กระเพาะอาหารเริ่มร้องแล้ว รู้สึกหิวมากๆ จะลงแดงแล้วค่ะ เดี๊ยนเลยเดินออกไปหาอะไรทานใกล้ๆที่พัก มีร้านข้าวราดแกงอยู่ เลยไปช่วยอุดหนุนหน่อยค่ะ กลิ่นแกงโชยมาเต๊ะจมูกแล้วช่างหอมหวน เย้ายวนน่ากินเสียกระไร ติดป้ายไว้ เดี๊ยนเลยเข้าไปอุดหนุน ลองทานดูแล้ว ขอบอก อร่อยแซ่บเว่อร์อีหลีเด้อ แถมราคาถูกด้วยค่ะ คุณป้าบอกว่าช่วยประชาสัมพันธ์ให้ด้วยนะค่ะ เดี๊ยนเลยขอมาบอกเล่าเก้าสิบต่อ เผื่อว่าใครมาพักแถวนั้นก็แวะมาทานร้านป้าได้ค่ะ ชื่อร้าน ครัวคุณต๊อด รสชาติอาหารอร่อยแซ่บหลายๆเด้อค๊า
8.00 น. ติดต่อเช่ามอเตอร์ไซต์ กับเจ้าของที่พัก ให้เช่าวันละ 200 บาท เนื่องจากวันนั้นร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ใหญ่ในเมืองอบุล ถูกเช่าเต็มหมดทุกที่ค่ะ โชคดีจริงๆค่ะที่ทางเจ้าของให้เช่าค่ะ
9.30 น.เดินทางไปที่ทุ่งศรีเมือง เพื่อไปชมขบวนแห่เทียนพรรษา ต้องขอบอกว่าขับมอเตอร์ไซต์มาสะดวกสุดๆแล้วค่ะ เพราะในช่วงวันงานนั้น ใครที่เอารถยนต์ส่วนตัวมา จะเดินทางลำบากมาก เพราะรถจะไปติดหนึบอยู่ในเมืองค่ะ
10.00-12.00 น. เดินยืนชมขบวนแหเทียนพรรษาของแต่ละวัด แต่ละอำเภอที่แตะขบวนเคลื่นอตัวมาอวดโฉม สวยสดงดงามเว่อร์วังอลังการสะท้านโลกา ทั้งนางรง นางรำ ก็เซิ้งกันมวลคั๊กอีหลีจริงๆค๊า ท่ามกลางแสงแดดและอากาศที่ร้อนอบอ้าวอย่างแรก และผู้คนที่เนืองแน่นกันถนัดตา
12.00-13.00 น.ขับรอมอเตอร์ไซต์ออกจากงานแห่เทียนมา กว่าจะออกมาได้ หลงทางอยู่นาน เพราะเส้นทางก็ทำเป็น วันเวย์ เดี๊ยนก็เลยมัวแต่หลงทางขับไปเส้นโน้น เส้นนี้ จนเครื่องนำทางแบบจีพีอาร์เอสช่วยเดี๊ยนแทบไม่ได้เลย
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ทานก๋วยจั๊บริมทาง รสชาติไม่อร่อยเลยถูกปากเดี๊ยนเลยค่ะ แต่ก็ทานหมดชามนะค่ะ
14.00.น.ขับมอเตอร์ไซต์ไปสถานสงเคราะห์คนพิการเมืองอุบล เพื่อทำทานช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในสถานสงเคราะห์ค่ะ
15.30.น.เดินทางกลับเข้าที่พักโรงแรม เพื่อกลับไปอาบน้ำและพักผ่อน (มาเที่ยวก็ไม่พ้นเรื่องงานเลยค่ะ ต้องมาเคลียให้เสร็จ)
20.00 น.ออกไปหาอะไรทานตอนเย็น และไปชมงานขบวนแห่เทียนพรรษาตอนกลางคืน เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่มีทั้งแสง สี เสียง งดงามอร่ามจับตา คณานับค่ะ
22.00 น. ขับมอเตอร์ไซต์กลับเข้าที่พักโรงแรมหกสิบเอ็ด นอนพักคืนสุดท้ายแล้วค๊า
21 ก.ค.2559
7.00 น. เดี๊ยนตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะ เพื่อขับมอเตอร์ไซต์จากที่พักเข้าไปในตัวเมือง เพื่อหาของอร่อยทาน โดยไปแวะทานก๊วยจั๊บอร่อย ที่ร้าน เจ๊เรียน ก๋วยจั๊บอร่อยเริ่ดเว่อร์
8.00 น. ขับมอเตอร์ไซต์ตะลอนเมืองอุบลยามเช้า แวะไปไหว้ศาลหลักเมือง ที่ทุ่งศรีเมือง ชมแม่น้ำมูล
9.00 น. เดินทางกลับที่พัก เพือมานั่งเคลียงานของบริษัทค่ะ (มาเที่ยวก็ไม่พ้นเรื่องงานเลยค่ะ ต้องมาเคลียให้เสร็จ)
11.00 น.เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพื่อทำการเช็คเอาท์ ออกจากโรงแรม หกสิบเอ็ดค่ะ
12.00.น.แวะทานข้าวราดแกงอร่อยๆของร้านครัวคุณต๊อด ก่อนเดินทางไปสถานีขนส่ง
13.00.น. ตีตั๋วรถตู้โดยสารจากขนส่งอุบล เดินทางมุ่งหน้าไป อำเภอโขงเจียม ระยะทาง 75 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาทีค่ะ
15.00.น. เดินทางถึงโขงเจียม เดินทางไปที่ร้านสเต๊ะ ณ โขงเจียม ซึ่งเดินตรงไปไม่ไกลนักจากท่ารถตู้ ประมาณ 250 เมตร มีร้านเช่ามอเตอร์แห่งเดียวในอำเภอโขงเจียม ให้เช่าค่ะ ค่าเช่ารถวันละ 300 บาท เดี๊ยนเลยตัดสินใจเช่า 1 วันค่ะ
15.30 น. ขับมอเตอร์ไซต์จากอำเภอโขงเจียม มุ่งหน้าไปที่โรงแรมผาแต้ม แก่งพิศสมัยริเว่อร์ไซดค่ะ
16.00 น.เข้าเช็คอินน์โรงแรมผาแต้มแก่งพิศสมัย คืนละ 1000 บาท แต่พอดีเดี๊ยนมาคนเดียว ทางโรงแรมลดให้ 10% จ่ายเพียง 900 บาท เป็นบ้านพักหนึ่งหลังมีระเบียงมองเห็นวิวแม่น้ำโขงค่ะ
17.00-19.00.น.นั่งชิวริมแม่น้ำโขง เพื่อรอพระอาทิตย์ตกดินค่ะ
19.00 น.รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม เป็นอาหารอีสานแกงปลาแม่น้ำโขง รสชาติอร่อยแซ่บเว่อร์ค่ะ
20.00 น.กลับเข้าห้องพักเพื่อพักผ่อน นอนหลับบรรทมฝันดีค่ะ
22 ก.ค. 2559
6.00 น. เดี๊ยนตื่นแต่เช้าตรู่ค่ะ เพื่อตื่นรอรับอรุณรุ่งแสงแดดแรกยามเช้าริมฝั่งโขง และเดินออกกำลังเล่นริมฝั่งโขง
8.00 น. ทานอาหารเช้าที่โรงแรม เป็นก๋วยจั๊บรสชาติแซ่บอีหลีเด้อค่ะ มีไข่ดาวให้ด้วยค่ะ ทานคู่กับขนมปังแครกเกอร์ และน้ำชาร้อน ทานไปชมวิวแม่น้ำโขงไป แสนจะสดชื่นรื่นรมย์ฤดียิ่งนักแลค่ะ
10.00น.เช็คเอาท์ออกจากที่พักค่ะ ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม เพื่อขับมอเตอร์ไซต์ เดินทางมุ่งหน้าไปที่ผาแต้ม ซึ่งระยะทางจากที่พักไปผาแต้มประมาณ 7 กิโลเมตรค่ะ
10.20-12.00 น. เดินลัดเลาะที่ผาแต้ม ชมภาพเขียนก่อนยุคประวัติศาสตร์ รวมระยะทางทั้งสิ้น 4.35 กิโลเมตร เดินลัดเลาะตามเส้นทาง ถือเป็นการเผาพลาญแคลลอรี่ได้ดีที่เดียวค่ะ โดยเฉพาะการไปเดินชื่นชมภาพเขียน และชมธรรมชาติกับหมู่มวลแมกไม้ของป่าเตงรัง ชมวิวผาหมอน ตามรอยเสด็จ ถือแม้อากาศจะร้อนอบอ้าว เหงื่อไหลไคลย้อยโชกตัว แต่ก็เริ่ดสุดค่ะ
12.00 น.ขับมอเตอร์ไซต์ออกจากผาแต้ม มุ่งหน้าไปน้ำตกสร้อยสวรรค์ น้ำตกสวยอีกแห่ง อยู่ไม่ไกลจากผาแต้ม ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตรค่ะ
12.20 น.เดินทางถึงน้ำตกสร้อยสวรรค์ ขอแวะทานอาหารเที่ยงก่อนค่ะ กับอาหารสิ้นคิดข้าวผัดกะเพรา รสชาติไม่ค่อยอร่อยเลย แต่ก็ทานจะหมดเกลี้ยง เพราะหิวมากๆ เนื่องจากใช้พลังงานในการเดินชมผาแต้มไปเสียหมดเลยค่ะ
13.00 น. แวะชมน้ำตกสร้อยสวรรค์ แอบผิดหวังเล็กน้อยค่ะ เพราะน้ำตกไม่ค่อยมีน้ำเลยค่ะ ไหลกะปิดกะปอยมากๆนะค่ะ เดี๊ยนก็เลยไม่ได้นั่งดูน้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาเท่าที่ควรค่ะ ถ่ายรูปพอกะเทินสักแช๊ะ สองแช๊ะ
14.00 น.เดินทางกลับที่พัก เพื่อไปเอากระเป๋า และขับรถมอเตอร์ไซต์เข้าอำเภอโขงเจียม
14.30 น.เดินทางไปไหว้พระ ทำบุญ ที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์
15.00 น.นำรถมอเตอร์ไซต์ที่เช่ามาคืนที่ร้านสเต๊ะ ณ โขงเจียม พอมาคืนแล้ว ทางเจ้าของร้านก็ใจดีนะคะ ขับมาส่งเดี๊ยนที่สามแยก ท่ารถตู้ในอำเภอค่ะ
15.45 น.นั่งรถตู้ จากโขงเจียมมุ่งหน้ากลับเมืองอุบลค่ะ
17.20 น.เดินทางถึงเมืองอุบล เดี๊ยนรีบเรียกแท็กซี่ เพื่อรีบเดินทางไปยังสนามบินในเมืองอุบลค่ะ เพราะเกรงจะตกเครื่องบิน เดียวไม่ทัน Boading time ค่ะ
19.00. น. นั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
จบทริปเที่ยวเมืองอุบล 3 วัน 2 คืน สุดจะรื่นรมย์ฤดี สุขเกษมเปรมปรี เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวเมืองอุบลนี้ แสนสุขขีจังเลยเอย
เดี๊ยนขอมาประมวลภาพเที่ยวเมืองอุบลในช่วงวันที่ 20 -22 ก.ค. มาให้ทุกท่านได้ชมกันนะค่ะ รูปภาพอาจจะสวยแบบสะพรึงๆหน่อยนะค่ะ เพราะไม่ได้เก่งไก่กาอะไรนักหนา ถ่ายรูปไปก็เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระทึก เอาไว้ดูยามดึก จะได้นอนให้หายสะอึกสะอื้น แถมชื่นฤทัยเอย
ตอนเย็นวันที่ 19 ก.ค.เดี๊ยนมารอขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองเพื่อเดินทางไปเมืองอุบลค่ะ
เวลาเครื่องบินออก 18.00 น.ค่ะ
ใช้เวลาเดินทาง1 ชั่วโมงก็เดินทางถึงสนามบินอุบลราชธานี ต่อจากนั้นเดี๊ยนก็นั่งรถแท๊กซี่ไปที่โรงแรม ที่ได้จองไว้ค่ะ
ถึงแล้วค่ะ โรงแรมในเมืองอบุล ที่พักที่เดี๊ยนต้องพักค้างคืนนี้ และคืนพรุ่งนี้เป็นจำนวน 2 คืนค่ะ พอมาถึงที่นี้ก็ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากมายนะค่ะ แค่แจ้งชื่อเข้าพัก ทางเจ้าของที่พักก็ยื่นกุญแจให้ เพื่อเข้าเช็คอินน์และเข้าพักได้เลย โอ้..ง่ายมากๆค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะมีการจ่ายค่ามัดจำกุญแจสักอีก แต่ที่นี่ไม่ต้องค่ะ เริ่ดมากๆ
โรงแรมที่จองชื่อโรงแรมหกสิบเอ็ด เป็นโรงแรมพึ่งเปิดใหม่ ราคาคืนละ 600 บาทต่อคืนค่ะ ดีนะค่ะที่เดี๊ยนจองและมัดจำไว้แล้ว เพราะในช่วงวันนั้นห้องเต็มที่ห้องเลยค่ะ เข้ามาในห้องพัก เป็นห้องพักกว้างขวาง สะอาดสะอ้าน ดูใหม่ ตกแต่งมีดีไซน์ แนวๆเก๋ น่าจะถูกใจคนชอบที่พักที่ราคาไม่แพงมากนักค่ะ
เปิดประตูเข้ามาในห้อง เป็นห้องกว้างขวาง ตกแต่งแนวๆเรียบๆเก๋ๆ สะอาดสะอ้านดูดีมากๆค่ะ
เตียงนอนเป็นเตียงดูเอ้ นิ่มดีค่ะ ไม่แข็งจนเกินไป เดี๊ยนให้ผ่านค่ะ
มีมุมโต๊ะสำหรับวางของหรือนั่งเขียนหนังสือค่ะ
ภายในห้องน้ำค่ะ ก็มี amenities ต่างให้ครบค่ะ
หลังที่เดี๊ยนได้เข้าเช็คอินน์เรียบร้อย ก็ออกไปหาอะไรทานน่าปากซอย ก่อนจะกลับเข้านอนหลับบรรทมเอาแรง เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปดูงานแห่ต้นเทียนพรรษาค่ะ-------------------------------------------------------------------------------
20 ก.ค.2559 (วันเข้าพรรษา งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาจังหวัดอุบล ประจำปี 2559)
7.00 น. เดี๊ยนตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะ กระเพาะอาหารเริ่มร้องแล้ว รู้สึกหิวมากๆ จะลงแดงแล้วค่ะ เดี๊ยนเลยเดินออกไปหาอะไรทานใกล้ๆที่พัก มีร้านข้าวราดแกงอยู่ เลยไปช่วยอุดหนุนหน่อยค่ะ กลิ่นแกงโชยมาเต๊ะจมูกแล้วช่างหอมหวน เย้ายวนน่ากินเสียกระไร ติดป้ายไว้ เดี๊ยนเลยเข้าไปอุดหนุน ลองทานดูแล้ว ขอบอก อร่อยแซ่บเว่อร์อีหลีเด้อ แถมราคาถูกด้วยค่ะ คุณป้าบอกว่าช่วยประชาสัมพันธ์ให้ด้วยนะค่ะ เดี๊ยนเลยขอมาบอกเล่าเก้าสิบต่อ เผื่อว่าใครมาพักแถวนั้นก็แวะมาทานร้านป้าได้ค่ะ ชื่อร้าน ครัวคุณต๊อด รสชาติอาหารอร่อยแซ่บหลายๆเด้อค๊า
เดินออกจากทีพักออกไปหาอาหารเช้าทานค่ะ ใกล้มีร้านข้าวแกงอยู่ เลยเข้าไปช่วยอุดหนุนสักหน่อยค่ะ
ภายในร้านครัวคุณต๊อดค่ะ
อาหารราดแกงส่วนใหญ่ที่ร้านนี้เป็นแนวสไตล์อาหารภาคกลางค่ะ ข้าวแกงที่ดูน่าทานทั้งนั้นเลยค่ะ มีทั้งพะโล้ แกงเขียวหวาน แกงมัสมัน แกงสัปปะรด ผัดวุ้นเส้นใส่ไข่
เดี๊ยนเห็นกับข้าวแล้ว แล้วกลิ่นนี้โชยมาแต่ไกล หอมครุกรุ่นกลิ่นเตะจมูกน่าทานทั้งนั้นเลยค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะเป็นอาหารอีสานซ่ะอีก แต่อาหารที่นี้เข้ามา คนภาคกลางก็ทานได้ค่ะ สะอาดสะอ้าน คุณป้าเจ้าของร้านอัธยาศัยดีกับลูกค้ามากๆค่ะ เดี๊ยนชอบมากๆค่ะ เริ่ดสะแมนแตนสุดๆเลย
เดี๊ยนสั่งไส้กรอกอีสานมาทาน 10 บาท จัดใส่จานมาซ่ะสวยเชียว ยังกับจานละ 50 เลยค่ะ ที่ใหนได้ 10 บาทค่ะ
มื้อเช้าเดี๊ยนทานอาหารเบาๆ มีหมกหน่อไม้ไก่เป็นอาหารอีสาน ทานกับผัดวุ้นเส้นใส่ใข่และใส้กรอก พอตักเข้าปากก็เคี้ยวกรุบกริป รสชาติอร่อยเริ่ดมากค่ะ
พอทานอิ่มแล้ว รสชาติอาหารอร่อยแซ่บเว่อร์ เริ่ดสะแมนแตนสุดๆเลยค่ะ มื้อเช้านี้หมดไปแค่ 50 บาทค่ะ ข้าวราดแกง 30 ห่อหมก 10 บาท ไส้กรอก 10 บาท โอ้มายกอกดอาหารถูกเว่อร์ค่ะ ถูกใจเดี๊ยนเอาไปเลยค่ะ 5 ล้านดาวค่ะ
อาหารเค้าก็ทำสดๆเลยนะค่ะ จัดไปเลยค่ะ คุณพี่กำลังทำกับข้าว ตั้งรับกับกล้องถ่ายรูปกากของเดี๊ยนซ่ะสวยเชียวค่ะ
เจ้าของร้านครัวคุณต๊อดค่ะ ก็ถ่ายรูปสวยๆคู่กับอาหารเช้าๆ หอมครุกรุ่นเช้งกะเด๊ะ สวยเป๊ะเว่อร์ค่ะ
กลับเข้าที่พัก เพื่อไปติดต่อกับที่พัก เรื่องเช่ามอเตอร์ไซต์ค่ะเนื่องจากวันนั้นเป็นวันงาน ร้านเช่ามอเตอร์ในตัวเมืองถูกเช่าเต็มหมดทุกร้าน ทางเจ้าของที่พักก็ใจดีสุด ยอมให้เดี๊ยนเช่ามอเตอร์ของโรงแรมค่ะ ค่าเช่าวันละ 200 บาทค่ะ จริงๆแล้วไม่ได้ปล่อยให้เช่านะค่ะ เพราะทะเบียนรถก็หักไปครึ่งนึง ถ้าโดนตำรวจเรียกขึ้นมาละซวยแน่ๆเลย แต่รถก็ต่อทะเบียนอะไรครบนะค่ะ แต่วันนั้นเป็นวันงาน เลยไม่ค่อยเคร่งครัดอะไรมากมายค่ะ
ได้เวลาไปแว็นออกเดินทางจากที่พักไปที่ทุ่งศรีเมืองแล้วค่ะ
เดี๊ยนขับรถมาถึงเส้นทางก็เจอขบวนแห่พอดีค่ะ เลยต้องวนหาที่จอดรถค่ะ
9.30 น.เดินทางไปที่ทุ่งศรีเมือง เพื่อไปชมขบวนแห่เทียนพรรษา ต้องขอบอกว่าขับมอเตอร์ไซต์มาสะดวกสุดๆแล้วค่ะ เพราะในช่วงวันงานนั้น ใครที่เอารถยนต์ส่วนตัวมา จะเดินทางลำบากมาก เพราะรถจะไปติดหนึบอยู่ในเมืองค่ะ
10.00-12.00 น. เดินยืนชมขบวนแหเทียนพรรษาของแต่ละวัด แต่ละอำเภอที่แตะขบวนเคลื่นอตัวมาอวดโฉม สวยสดงดงามเว่อร์วังอลังการสะท้านโลกา ทั้งนางรง นางรำ ก็เซิ้งกันมวลคั๊กอีหลีจริงๆค๊า ท่ามกลางแสงแดดและอากาศที่ร้อนอบอ้าวอย่างแรก และผู้คนที่เนืองแน่นกันถนัดตา
เข้ามาในงาน ก็มีทั้งเสียงดนตรีและการฟ้อนรำ เซิ้งของแต่ละชุมชนในเมือง และผู้คนนักท่องเที่ยวที่มาชมในงานที่ขนาบสองข้างทางกันหนาแน่นอย่างละลานตา พร้อมขบวนแห่ต้นเทียนแต่ละวัดที่สุดจะสวยสดงดงามเว่อร์วังอลังการสะท้านโลกาจริงๆค่ะ
เข้ามาในงาน ก็มีทั้งเสียงดนตรีและการฟ้อนรำ เซิ้งของแต่ละชุมชนในเมือง
และผู้คนนักท่องเที่ยวที่มาชมในงานที่ขนาบสองข้างทางกันหนาแน่นอย่างละลานตา
พร้อมขบวนแห่ต้นเทียนแต่ละวัดที่สุดจะสวยสดงดงามเว่อร์วังอลังการสะท้านโลกา
จริงๆค่ะขบวบรถนางงามเมืองอุบลเคลื่อนขบวนมา เดี๊ยนเห็นแล้วมีกำลังใจ คงต้องลดใขมัน และปฎิวัติตัวเองยกใหญ่แน่เลยค่ะ เพราะเดี๊ยนเองก็หุ่นสะบึ้มอ้วนไขมันไปทั่วร่าง คงจะสวยสู้นางไม่ได้ค่ะ เพราะแต่ละนางสวยจริงๆค่ะ
ขบวบรถนางงามเมืองอุบลเคลื่อนขบวนมา เดี๊ยนเห็นแล้วมีกำลังใจ คงต้องลดใขมัน และปฎิวัติตัวเองยกใหญ่แน่เลยค่ะ เพราะเดี๊ยนเองก็หุ่นสะบึ้มอ้วนอั๋นไขมันไปทั่วร่าง คงจะสวยสู้นางไม่ได้ค่ะ เพราะแต่ละนางสวยจริงๆค่ะ
ขบวบรถนางงามเมืองอุบลเคลื่อนขบวนมา เดี๊ยนเห็นแล้วมีกำลังใจ คงต้องลดใขมัน และปฎิวัติตัวเองยกใหญ่แน่เลยค่ะ เพราะเดี๊ยนเองก็หุ่่นสะบึ้มอ้วนไขมันไปทั่วร่าง คงจะสวยสู้นางไม่ได้ค่ะ เพราะแต่ละนางสวยจริงๆค่ะ
12.00-13.00 น.ขับรอมอเตอร์ไซต์ออกจากงานแห่เทียนมา กว่าจะออกมาได้ หลงทางอยู่นาน เพราะเส้นทางก็ทำเป็น วันเวย์ เดี๊ยนก็เลยมัวแต่หลงทางขับไปเส้นโน้น เส้นนี้ จนเครื่องนำทางแบบจีพีอาร์เอสช่วยเดี๊ยนแทบไม่ได้เลย
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ทานก๋วยจั๊บริมทาง รสชาติไม่อร่อยเลยถูกปากเดี๊ยนเลยค่ะ แต่ก็ทานหมดชามนะค่ะ
14.00.น.ขับมอเตอร์ไซต์ไปสถานสงเคราะห์คนพิการเมืองอุบล เพื่อทำทานช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในสถานสงเคราะห์ค่ะ หลังจากก็เดินทางไปวัดหนองบัวค่ะ
15.30.น.เดินทางกลับเข้าที่พักโรงแรม เพื่อกลับไปอาบน้ำและพักผ่อน (มาเที่ยวก็ไม่พ้นเรื่องงานเลยค่ะ ต้องมาเคลียให้เสร็จ)
20.00 น.ออกไปหาอะไรทานตอนเย็น และไปชมงานขบวนแห่เทียนพรรษาตอนกลางคืน เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่มีทั้งแสง สี เสียง งดงามอร่ามจับตา คณานับค่ะ
22.00 น. ขับมอเตอร์ไซต์กลับเข้าที่พักโรงแรมหกสิบเอ็ด นอนพักคืนสุดท้ายแล้วค๊า
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
21 ก.ค.2559
7.00 น. เดี๊ยนตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะ เพื่อขับมอเตอร์ไซต์จากที่พักเข้าไปในตัวเมือง เพื่อหาของอร่อยทาน โดยไปแวะทานก๊วยจั๊บอร่อย ที่ร้าน เจ๊เรียน ก๋วยจั๊บอร่อยเริ่ดเว่อร์
15.30 น. ขับมอเตอร์ไซต์จากอำเภอโขงเจียม มุ่งหน้าไปที่โรงแรมผาแต้ม แก่งพิศสมัยริเว่อร์ไซดค่ะ
16.00 น.เข้าเช็คอินน์โรงแรมผาแต้มแก่งพิศสมัย คืนละ 1000 บาท แต่พอดีเดี๊ยนมาคนเดียว ทางโรงแรมลดให้ 10% จ่ายเพียง 900 บาท เป็นบ้านพักหนึ่งหลังมีระเบียงมองเห็นวิวแม่น้ำโขงค่ะ
17.00-19.00.น.นั่งชิวริมแม่น้ำโขง เพื่อรอพระอาทิตย์ตกดินค่ะ
19.00 น.รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม เป็นอาหารอีสานแกงปลาแม่น้ำโขง รสชาติอร่อยแซ่บเว่อร์ค่ะ
20.00 น.กลับเข้าห้องพักเพื่อพักผ่อน นอนหลับบรรทมฝันดีค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
22 ก.ค. 2559
6.00 น. เดี๊ยนตื่นแต่เช้าตรู่ค่ะ เพื่อตื่นรอรับอรุณรุ่งแสงแดดแรกยามเช้าริมฝั่งโขง และเดินออกกำลังเล่นริมฝั่งโขง
10.00น.เช็คเอาท์ออกจากที่พักค่ะ ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม เพื่อขับมอเตอร์ไซต์ เดินทางมุ่งหน้าไปที่ผาแต้ม ซึ่งระยะทางจากที่พักไปผาแต้มประมาณ 7 กิโลเมตรค่ะ
10.20-12.00 น. เดินลัดเลาะที่ผาแต้ม ชมภาพเขียนก่อนยุคประวัติศาสตร์ รวมระยะทางทั้งสิ้น 4.35 กิโลเมตร เดินลัดเลาะตามเส้นทาง ถือเป็นการเผาพลาญแคลลอรี่ได้ดีที่เดียวค่ะ โดยเฉพาะการไปเดินชื่นชมภาพเขียน และชมธรรมชาติกับหมู่มวลแมกไม้ของป่าเตงรัง ชมวิวผาหมอน ตามรอยเสด็จ ถือแม้อากาศจะร้อนอบอ้าว เหงื่อไหลไคลย้อยโชกตัว แต่ก็เริ่ดสุดค่ะ
12.20 น.เดินทางถึงน้ำตกสร้อยสวรรค์ ขอแวะทานอาหารเที่ยงก่อนค่ะ กับอาหารสิ้นคิดข้าวผัดกะเพรา รสชาติไม่ค่อยอร่อยเลย แต่ก็ทานจะหมดเกลี้ยง เพราะหิวมากๆ เนื่องจากใช้พลังงานในการเดินชมผาแต้มไปเสียหมดเลยค่ะ
13.00 น. แวะชมน้ำตกสร้อยสวรรค์ แอบผิดหวังเล็กน้อยค่ะ เพราะน้ำตกไม่ค่อยมีน้ำเลยค่ะ ไหลกะปิดกะปอยมากๆนะค่ะ เดี๊ยนก็เลยไม่ได้นั่งดูน้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาเท่าที่ควรค่ะ ถ่ายรูปพอกะเทินสักแช๊ะ สองแช๊ะ
13.00 น. แวะชมน้ำตกสร้อยสวรรค์ แอบผิดหวังเล็กน้อยค่ะ เพราะน้ำตกไม่ค่อยมีน้ำเลยค่ะ ไหลกะปิดกะปอยมากๆนะค่ะ เดี๊ยนก็เลยไม่ได้นั่งดูน้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาเท่าที่ควรค่ะ ถ่ายรูปพอกะเทินสักแช๊ะ สองแช๊ะ
14.00 น.เดินทางกลับที่พัก เพื่อไปเอากระเป๋า และขับรถมอเตอร์ไซต์เข้าอำเภอโขงเจียม
14.30 น.เดินทางไปไหว้พระ ทำบุญ ที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์
15.00 น.แวะไปชมแม่น้ำสองสี แต่มองยังไงก็เป็นสีเดียวค่ะ เพราะแม่น้ำสีค่อนข้างขุ่นมากๆค่ะ หลังกจากนั้นเดี๊ยนก็ขับรถมอเตอร์ไซต์ที่เช่ามาคืนที่ร้านสเต๊ะ ณ โขงเจียม พอมาคืนแล้วทางเจ้าของร้านก็ใจดีนะคะ ขับมาส่งเดี๊ยนที่สามแยก ท่ารถตู้ในอำเภอค่ะ
15.45 น.นั่งรถตู้ จากโขงเจียมมุ่งหน้ากลับเมืองอุบลค่ะ
17.20 น.เดินทางถึงเมืองอุบล เดี๊ยนรีบเรียกแท็กซี่ เพื่อรีบเดินทางไปยังสนามบินในเมืองอุบลค่ะ เพราะเกรงจะตกเครื่องบิน เดียวไม่ทัน Boading time ค่ะ
19.00. น. นั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
จบทริปเที่ยวเมืองอุบล 3 วัน 2 คืน สุดจะรื่นรมย์ฤดี สุขเกษมเปรมปรี เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวเมืองอุบลนี้ แสนสุขขีจังเลยเอย
สำหรับรีวิวทริปเที่ยวอุบลในครั้งนี้ เดี๊ยนต้องขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านและดูภาพรีวิวของเดี๊ยนค่ะ และเดี๊ยนต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้อธิบายตามรูปภาพค่ะ แต่เดี๊ยนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารีวิวนี้คงเป็นแรงบันดาลใจให้สำหรับท่านที่ยังไม่เคยไปเที่ยวเดินทางเมืองอุบลไม่มากก็น้อย หากข้อมูลดังกล่าวมีข้อผิดพลาดประการใด เดี๊ยนต้อขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ต้องขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านรีวิวภากากๆของเดี๊ยนค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
นักเขียนบล็อกเกอร์มือสมัครเล่นค่ะ
0 ความคิดเห็น