Backpack เที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อนตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปชมภูเขาไฟฟูจิ คาวากูชิโก (Kawaguchiko fujisan) |
และในเว็ปบล็อกนี้ ดิฉันเองก็ขอมาเขียนรีวิวท่องเที่ยวต่อค่ะ ใกล้จบแล้วนะค่ะ เป็นการเขียนบล็อกรีวิวท่องเที่ยวที่ใช้เวลานานเป็นเดือนๆเลยค่ะ เพราะแบ่งเป็นตอนๆค่ะ บางครั้งเลิกงานประจำมาก็ไม่ได้มาเขียนนะค่ะ ว่างๆ พักสมองเสาร์ อาทิตย์ถึงได้มาเปิดบล็อกเขียนต่อไปเรื่อยค่ะ แต่ยังไงดิฉันก็ต้องมาเขียนให้ครบทุกตอนค่ะ เว็ปบล็อกจะได้ไม่ร้างเป็นสนิมไปค่ะ......
และหลังจากรีวิวตอนที่แล้ว ดิฉันได้พาทุกๆท่านไปเที่ยวเมืองโตเกียวมาแล้วนะค่ะ มาในบล็อกนี้จะมาขอรีวิวเที่ยวเมืองคาวากูชิโก เมืองสวยงามอีกแห่ง ที่เดี๊ยนเองตั้งใจ หมายฝันมาตั้งนาน ว่าจะต้องมาเยือนสักครั้งครา พอได้โอกาศมาเที่ยวญี่ปุ่น ก็เลยวางปักหมุดมาเที่ยวเมืองนี้ให้จงได้ค่ะ โดยในตอนนี้เป็นรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 แล้วค่ะ กะว่าจะจัดไปให้ครบทุกตอนเลยค่ะ
เพื่อไม่เสียเวลา และดิฉันเองก็ไม่อยากจะพร่ำเพร้อไปมากกว่านี้แล้วค่ะ ก็เลยขอมาร่ายบทความรีวิวพร้อมรูปภาพให้ทุกๆท่านได้ดูและอ่านกันเลยค่ะ น่าจะเป็นประโยชน์และกระตุ้นให้ทุกท่านออกมาเดินทางท่องเที่ยว เปิดโลกทัศน์ในต่างแดนกันไม่มากก็น้อยนะค่ะ
วิธีการเดินทางคือ
1.นั่งรถไฟออกจากสถานีโตเกียว (Tokyo) ไปลงที่สถานี โอสุกิ (Otsuki) ใช้บัตร JR Pass ได้ค่ะ
2.เมื่อเดินทางไถึงสถานีรถไฟ โอสุกิแล้วนะค่ะ ก็ไปซื้อตั๋วโดยสาร เพื่อนั่งรถไฟท้องถิ่นไปยังสถานีปลายทางเมือง คาวากูชิโกค่ะ หากจะเดินทางไปคาวากูชิโกะ ไม่สามารถใช้บัตร JR Pass ได้ค่ะ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในเครือเส้นทางของบริษัท JR ค่ะ ดังนี้ก็เลยต้องไปซื้อตั่วโดยสาร ราคา 1140 เยนค่ะ
ระหว่างนั่งรถไฟออกจากสถานีโตเกียว (ต่อจากภาพรีวิวตอนที่แล้วค่ะ)
ช่วงที่นั่งไปก็เกิดโมโหหิวขึ้นมาอีกแล้วค่ะ ยังดีนะค่ะ ที่ยังเหลือขนมถั่วอบไว้ห่อนึงค่ะ
นั่งทานขนมชมวิวริมทางไปเรื่อยค่ะ บรรยากาศสองข้างทางระหว่างนั่งรถไฟไปสถานี Otsuki ก็เป็นภูเขาและวิวทุ่งนา สวยงามมากค่ะ
วันที่ 24 ก.ค.2560 เที่ยวเมือง Kawakuchigo เป็นเมืองสุดท้ายแล้วค่ะ หลังจากที่แรมรอนมาหลายวัน |
ระหว่างเข้าคิวรอไปซื้อตั๋วโดยสาร ทางเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี ก็มาแนะนำให้ดิฉันไปซื้อตั๋วที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติจะเร็วกว่าค่ะ
โดยราคาตั๋วโดยสารรถไฟไปเมืองคากูชิโกะ อยู่ที่ 1140 เยนค่ะ เป็นสถานีปลายทางเลยนะค่ะ
ซื้อตั๋วได้ที่เคาว์เตอร์กับพนักงานสถานี หรือถ้าสะดวกก็ซื้อกับเครื่องอัตโมมัติเลยค่ะ พอชำระเงินผ่านเครื่องไปปั๊บ ตั๋วก็จะออกมาปุ๊บค่ะ ตามภาพเลยนะค่ะ
เมื่อได้ตั๋วแล้วนะค่ะ จากนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่เช็คตั๋วโดยสาร ชี้ให้ไปขึ้นรถไฟโดยสารแบบ Local Train ค่ะ มุ่งหน้าไปสถานี kawaguchiko ค่ะ
ขบวนรถไฟที่นั่งไปเมือง kawaguchiko ก็จะเป็นรถไฟท้องถิ่นแบบธรรมดาค่ะ
ตอนแรกคิดว่าจะได้นั่งรถไฟสีเลือดหมูคันนี้เสียอีกนะค่ะ แต่ไม่ใช่ค่ะ เป็นอีกคัน
เข้ามานั่งรถไฟด้านใน ผู้โดยสารไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ค่ะ อาจจะเป็นเพราะเป็นวันธรรมดาค่ะ
นั่งรถไฟมาได้เกือบชั่วโมงก็ถึงเมืองคาวากูชิโกะแล้วค่ะ ออกเดินทางจากโตเกียวประมาณบ่าย 3 โมงกว่า ถึงเมืองนี้ก็มืดพอดีเลยค่ะ
พอเดินทางมาถึงสถานีคาวากูชิโก แล้วนะค่ะ ก็มานั่งพัก ปรับสมองสักแป๊บ เปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อดู GPS หาเส้นทางไปโรงแรมที่พักค่ะ
ข้อมูลน่ารู้ เกี่ยวกับเมืองคาวากุชิโกะ
ฟุจิกะวะงุชิโกะ เป็นเมืองในอำเภอมินะมิสึรุ จังหวัดยะมะนะชิ ประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดยะมะนะชิ บริเวณเชิงภูเขาไฟฟุจิ ใกล้กับทะเลสาบคะวะงุชิ หนุ่งในทะเลสาบฟูจิทั้ง
ทะเลสาบคาวากุชิโกะ
เป็นทะเลสาบหนึ่งในบริเวณทะเลสาบฟูจิทั้งห้า ภายในอุทยานแห่งชาติฟุจิ-ฮะโกะเนะ-อิซุ ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ และเมืองฟุจิกะวะงุชิโกะ จังหวัดยะมะนะชิทะเลสาบคะวะงุชิเป็นทะเลสาบที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางมาปีนภูเขาไฟฟูจิ ในฤดูปีนเขา และเป็น 1 ในบรรดาทะเลสาบทั้ง 5 แห่งที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพร้อมกันกับภูเขาไฟฟูจิ อุทยานแห่งชาติฟุจิ-ฮะโกะเนะ-อิซุ และน้ำตกชิระอิโตะ ภายใต้ชื่อ "ฟุจิซัง - สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งบันดาลใจทางศิลปะ"เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา
ขอบพระคุณข้อมูลดีๆจาก https://th.wikipedia.org/wiki/ทะเลสาบคะวะงุชิ
บรรยากาศตอนหัวค่ำที่เมืองคาวากูชิโกะ อากาศไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ค่ะ ลมพัดเย็นๆ
ดิฉันเดินแบกเป้ข้ามทางรถไฟมาอีกนิดหน่อยก็ถึงที่พักสำหรับคืนนี้แล้วค่ะ ถือเป็นคืนสุดท้ายในประเทศญี่ปุ่นแล้วนะค่ะ หลังจากที่แรมรอนมานานครึ่งเดือนค่ะ
ที่พักคืนนี้ ค้างที่โรงแรม Mt.fuji hostel & information samurise ดูรายละเอียดห้องพักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/JNAZG9 |
เดินเข้ามาเช็คอินน์ที่พักด้านใน ก็ไม่เห็นมีเจ้าของที่พักอยู่หน้าเคาเตอร์เลยค่ะ เดี๊ยนเลยกดกรึ่งเรียกไป 2 ทีค่ะ
ดิฉันนั่งรออยู่นานเลยค่ะกว่าจะได้เช็คอินน์ค่ะ เพราะมีเห็นฝรั่งผู้หญิงท่านนึงบอกว่า เจ้าของที่ไม่อยู่ ออกไปข้างนอกให้รอสักพัก เดี๊ยนเลยรอไม่ไหวแล้ว ฝากกระเป๋าไว้ตรงนั้น ขอเดินออกไปซื้ออะไรมาทานดีกว่าค่ะ
เดินออกไปซื้อของกินข้างนอกกลับมา ก็ปะจ๊ะเอ๋เจอเจ้าของที่พักพอดีค่ะ เลยทำการเช็คอินน์ ลงชง ลงชื่อ ให้เรียบรง เรียบร้อยนะค่ะ
พอเช็คอินน์เสร็จ ก็เข้าไปที่เตียงนอนที่พักคืนนี้ค่ะ
เตียงนอนของโรงแรมที่พักก็เป็นแบบเตียง 2 ชั้นค่ะ ในห้องน่าจะมีประมาณ 12 เตียงค่ะเป็นห้องนอนรวม และใช้ห้องน้ำรวมค่ะ
โรงแรมแนวโฮสเทล ราคาถูก ดูรายละเอียดห้องพักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/JNAZG9 |
มีห้องครัวให้ทำกับข้าวด้วยนะค่ะ ช่วงที่รอเช็คอินน์ก็ออกไปเดินซื้อของกินแถวร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟ ได้ของทานมื้อเย็นมาหลายอย่างเลยค่ะ
อาหารค่ำมื้อนี้ หนีไม่พ้นอาหารจากเซเว่นอีกแล้วค่ะท่าน เป็นอาหารที่ทานง่ายและราคาถูกสุดล่ะ |
หากใครที่สนใจพัก เข้าไปดูรายละเอียดห้องพักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/JNAZG9 |
----------------------------------------------------------------------
เช้าวันที่ 24 ก.ค.2560 วันสุดท้ายของทริปเที่ยวญี่ปุ่นในหน้าร้อนแล้วค่ะ
โอ้ยดีใจจังจะได้กลับเมืองไทยแล้วค่ะ แต่ก็เสียใจที่จะได้จากดินแดนอาทิตย์อุทัยไปเสียแล้ว โอกาสหน้าฟ้าใหม่คงได้มาอีกแน่นอนค่ะ คงต้องไปเก็บตังพักใหญ่เลยค๊า
ดิฉันตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะ หลังจากที่เมื่อคืนนอนหลับสลบไสลไปทั้งคืน
นอนตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากต้องรีบทำภารกิจส่วนตัว ล้างหน้า แปรงฟัน และเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ให้เรียบร้อยค่ะ
ในห้องพักมีแขกที่มาพักหลายคน บางคนก็ออกไปแต่เช้าเลยนะค่ะ เพราะไฮไลท์ของการท่องเที่ยวที่นี่ก็คือการไปปีนภูเขาไฟฟูจิค่ะ แต่สำหรับตัวดิฉันเองก็ไม่ได้วางแผนไปปีนภูเขาไฟฟูจิค่ะ ขอมาเดินชิลๆ ชมวิวเมืองนี้ก็พอแล้วค่ะ
หลังจากที่ดิฉันได้แพ็คกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้วนะค่ะ ก็มารอติดต่อขอเช่าจักรยานที่เคาว์เตอร์ค่ะ แต่เนื่องจากเดี๊ยนตืนเช้ามากไปค่ะ เวลาติดต่อขอเช่าจักรยานอยู่ที่เวลา 9 โมงเช้าค่ะ ราคาจักรยานคันละ 400 เยนต่อชั่วโมง สำหรับแขกที่เข้าพักค่ะ
อากาศเช้าในเมืองคาวากูชิโกะ ค่อนดีมากๆค่ะ ท้องฟ้าแจ่มใสเลยค่ะ เช้าๆแบบนี้ เดี๊ยนเลยนเดินออกจากที่พักไปหาอะไรทานค่ะ ไม่พ้นร้านสะดวกซื้อเซเว่น หรือลอซันเหมือนเดิมค่ะ ระหว่างทางเดินผ่าน ดงดอกไม้ติดอยู่ริมทางรถไฟค่ะ
ดอกไม้ริมทางหลากสีสัน สวยงามผลิบานร้านรานใจจริงๆนะค่ะ
ดูดอกไม้แล้วก็เบิกบานชื่นใจ กับอากาศท้องฟ้าแจ่มใส ลมพัดเย็นๆ ในฤดูร้อนที่เมืองคาวากูชิโกะค่ะ
เดินข้ามทางรถไฟก็จะเห็นขบวนโบกี้ตู้รถไฟแต่ละขบวน น่ารักฟรุ้งฟริ้งเชียวค่ะ
พอเดินข้ามมาก็จะเห็นภูเขาไฟฟูจิค่ะ โชคดีนะค่ะ ที่ตอนเช้าๆแบบนี้ท้องฟ้าเปิดเลยได้เห็นภูเขาไฟฟูจิค่ะ แต่ฟูจิซังช่วงหน้าร้อน ไม่ค่อยสวยเหมือนช่วงหน้าหนาวนะค่ะ เพราะถ้าหน้าหนาวปากปล่องภูเขาไฟฟูจิจะเป็นหิมะสีขาวดูสวยงามค่ะ แต่หน้าร้อนก็จะสวยอีกแบบ แต่สวยแบบโล้นๆๆดูเกลี้ยงเกลาค่ะ
สำหรับไฮไลท์ของการมาเที่ยวฟูจิในช่วงฤดูร้อนนะค่ะ ก็คงหนีไม่พ้นการไปพิชิตเดินขึ้นยอดภูเขาไฟฟูจิคค่ะ ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดนิยมในการเที่ยวช่วงนี้เลยค่ะ แต่สำหรับทริปนี้ ดิฉันไม่ได้วางแผนมาปีนค่ะ เพราะจัดทริปไปภูเขาทาเตยาม่าแล้ว ไว้คราวหลังนะค่ะ ทริปนี้เลยมาเที่ยวเมืองคาวาชิโกแบบชิลๆ ดูวิวสวยๆไปเรื่อยค่ะ รถไฟขบวน Tomas & Friends ตกแต่งมีสันเป็นลายการตูนดูน่ารัก น่าไปนั่งมากๆค่ะ
มีสาระน่ารู้เกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิซังมาฝากอีกแล้วค่ะ
ข้อมูลภูเขาไฟฟูจิ
ภูเขาไฟฟูจิ (Fuji Mountain) ถือว่าเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่และสวยงามติดอันดับโลก พร้อมยังเป็นสัญลักษณอีกแห่งที่สื่อถึงประเทศญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งภูเขาแห่งนี้มีความสูงราว 3,776 เมตร หรือประมาณ 12,388 ฟุต ตั้งอยู่บริเวณ จังหวัดชิซุโอะกะ และ จังหวัดยะมะนะชิ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของ โตเกียว พื้นที่โดยรอบ ประกอบด้วย ทะเลสาบฟูจิทั้งห้า อุทยานแห่งชาติฟุจิ-ฮะโกะเนะ-อิซุ และ น้ำตกชิระอิโตะ โดยในวันที่อากาศแจ่มใสสามารถมองเห็นจาก โตเกียว ได้ ในปัจจุบันภูเขาได้ถูกจัดโดยนักวิทยาศาสตร์อยู่ในลักษณะของภูเขาไฟที่มีโอกาสปะทุต่ำ ระเบิดครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2250 (ค.ศ. 1707) ยุคเอะโดะ
และในเดือนมิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา ภูเขาไฟฟูจิก็ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์กร UNESCO ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมรดกโลกทางวัฒนธรรม ซึ่งนับว่าเป็นมรดกโลกแห่งที่ 17 ของประเทศญี่ปุ่นแล้วค่ะ
ภูเขาไฟฟูจิ มีชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า "ฟูจิซัง" ซึ่งในหนังสือในสมัยก่อนเรียกว่า "ฟูจิยะมะ" เนื่องจากตัวอักษรคันจิตัวที่ 3 (山) สามารถอ่านได้ 2 แบบทั้ง "ยะมะ" และ "ซัง"
เชื่อว่ามีผู้ปีนภูเขาไฟฟูจิ ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 1206 โดยนักบวชท่านหนึ่ง และในช่วงระหว่างนั้นจนถึง ยุคเมจิ ภูเขาไฟฟูจิได้ชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งห้ามผู้หญิงขึ้นเขา โดยในปัจจุบัน ภูเขาไฟฟูจิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของ ประเทศญี่ปุ่น ภูเขาไฟฟูจิได้เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเห็นได้จากในงานเขียนหรือภาพวาดต่างๆ โดยเฉพาะภาพวาดของ โฮะกุไซ ที่มีให้เห็นในวรรณกรรมญี่ปุ่นและกาพย์กลอนที่สำคัญมากมาย ภูเขาไฟฟูจิยังเป็นฐานทัพของซามูไรในอดีตใช้เป็นที่ฝึกฝน ซึ่งในปัจจุบัน ฐานทัพหนึ่งของกองทหารญี่ปุ่นตั้งอยู่บริเวณตีนภูเขาไฟฟูจิ
โดยรูปแบบภูเขาไฟฟุจิและกิจกรรมต่อเนื่องเป็นแรงบันดาลใจจนกลายเป็นวิถีปฏิบัติทางศาสนาที่เชื่อมโยงผู้คนที่นับถือศาสนาชินโต พุทธศาสนา และธรรมชาติเข้าด้วยกัน ภูเขาไฟฟุจิยังเป็นแรงบันดาลใจต่อศิลปินในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในการผลิตภาพเขียนที่มีลักษณะทางวัฒนธรรม ซึ่งทำให้ภูเขาไฟลูกนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทั้งนี้ ภูเขาไฟฟุจิซึ่งมีความสูง 3,776 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะ เป็นหนึ่งในทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น จากการที่มีหิมะปกคลุมบริเวณยอดเขา ทำให้กลายเป็นจุดดึงดูดผู้คนมานานหลายร้อยปี
ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/ภูเขาฟุจิ
สถานีรถไฟ kawaguchiko ในยามเช้า อากาศลมพัดเย็นสบายดีมากๆค่ะ
รอบๆสถานีรถไฟส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านอาหาร ร้านค้า แต่ยังไม่เปิดทำการเลยเพราะยังเช้าอยู่มากนะค่ะ
ที่สถานีรถไฟคาวากูชิโกะ ก็มีรถไฟขบวนเก่าให้ได้ไปเดินถ่ายรุปสวยๆกันด้วยนะค่ะ ส่วนฉากหลังก็จะเป็นวิวภูเขาไฟฟูจิค่ะ
บรรยากาศตอนเช้าที่สถานีรถไฟคาวากูชิโกะ (kawaguchiko) ดูสวยงาม ท้องฟ้าเปิด มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างสวยงามค่ะ มีลมพัดเย็นหน่อยค่ะ แต่เดินอ้อยสร้อยมาสักพัก ก็เริ่มจะร้อนแล้วค่ะ พร้อมใช้พลังงานไปเยอะนะค่ะ
ที่สถานีรถไฟก็จะมีรถบัสโดยสารมารับนักปีกเขาหลายคนที่มารอที่สถานีแห่งนี้ค่ะ สำหรับใครที่วางแผนมาพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิในช่วงฤดูร้อน ก็แวะมากันได้นะค่ะ
ใกล้ๆกับสถานีรถไฟก็มีร้านสะดวกซื้อทั้งสองแห่งอยู่ๆ เยื้องกันค่ะ ด้านขวามือของเดี๊ยนเป็นเซเว่น ส่วนมองไปไกลๆด้านซ้านเป็นร้านลอซันค่ะ เลือกเอาได้เลยนะค่ะ ว่าจะไปซื้อร้านใหน
อากาศเช้าที่นี้ดีมากๆค่ะ ลมพัดโชยเย็นๆ เห็นฉากวิวภูเขาไฟฟูจิก็สวยงาม
หลังจากที่ได้ของกินมาแล้วนะค่ะ ตอนแรกกะจะกลับไปนั่งทาน ณ ที่พัก แต่ไม่แล้ว เดี๊ยนเลยตัดสินใจเดินไปนั่งทานอาหารเช้าริมทะเลสาย คาวากูชิโกะดีกว่าค่ะ ซึ่งสามารถเดินทางไปได้ไม่ไกลค่ะ โดยจะมีป้ายบอกทางตลอดค่ะ
เดี๊ยนเดินตามป้ายบอกทางมาเรื่อยๆก็เห็นวิวภูเขาเรียงราย และยังพอเห็นสายหมอกที่คลอยคลุ้งฟุ้งกระจายอยู่บ้างเล็กน้อยค่ะ
เห็นป้ายเขียนว่า Welcome Lake Kawaguchiko แสดงว่าใกล้ถึงแล้วนะค่ะ
คือแบบว่า บรรยากาศตอนเช้ามันเงียบมากๆค่ะ
มีสาระน่ารู้เกี่ยวกับทะเลสาบคาวากูชิโก มาให้อ่านกันค่ะ
ทะเลสาบคาวากูชิ (ญี่ปุ่น: 河口湖 Kawaguchi-ko) เป็นทะเลสาบหนึ่งในบริเวณทะเลสาบฟูจิทั้งห้า ภายในอุทยานแห่งชาติฟุจิ-ฮะโกะเนะ-อิซุ ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ และเมืองฟุจิกะวะงุชิโกะ จังหวัดยะมะนะชิ
ทะเลสาบคาวากูชิเป็นทะเลสาบที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางมาปีนภูเขาไฟฟูจิ ในฤดูปีนเขา และเป็น 1 ในบรรดาทะเลสาบทั้ง 5 แห่งที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพร้อมกันกับภูเขาไฟฟูจิ อุทยานแห่งชาติฟุจิ-ฮะโกะเนะ-อิซุ และน้ำตกชิระอิโตะ ภายใต้ชื่อ "ฟุจิซัง - สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งบันดาลใจทางศิลปะ"เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมาด้วย
ขอขอบพระคุณข้อมูลดีจาก https://th.wikipedia.org/wiki/ทะเลสาบคะวะงุชิ
ทะเลสาบสวยมากๆค่ะ ลมพัดเย็นดีเหลือเกิน แถมบรรยากาศก็รายล้อมไปด้วยหุบเขาเหลาดอยสีเขียวค่ะ ท้องฟ้าก็สีใสสด จรดมาถึงผืนน้ำ งดงามอร่ามจับใจยิ่งนักค่ะ
มีจักรยานน้ำจอดเทียบท่า รอแค่เวลาเปิดทำการค่ะ
ส่วนเดี๊ยนเอง ก็ขอมานั่งชิลๆทานอาหารเช้าแบบเบา นั่งคลอเคลาดูวิวทะเลสาบไปเรื่อยเปื่อย จะได้พักเหนื่อย หลังจากเดินทางตั้งแต่เหนือจรดใต้รวมเวลา 13 วัน วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายของทริปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วค่ะ
รอบทะเลสาบก็จะเป็นโรงแรมที่พักหลายเรียงรายอยู่ริมทะเลสาบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มานอนพักค้างกัน ส่วนราคาห้องพักก็มีหลายราคาเลยค่ะ
เดินมาที่ท่าเรือ จักรยานน้ำรูปน้องหงส์ จอดเทียบท่า รอให้นักท่องเที่ยวมาใช้บริการค่ะ
รอบทะเลสาบก็จะเป็นโรงแรมที่พักหลายเรียงรายอยู่ริมทะเลสาบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มานอนพักค้างกัน ส่วนราคาห้องพักก็มีหลายราคาเลยค่ะ
เห็นจักรยานน้ำรูปน้องหงส์แล้ว อยากจะลงไปถีบปั่นรอบทะเลสาบนะค่ะ แต่ยังไม่ถึงเวลาค่ะ
ระหว่างนี้เดี๊ยนเลยได้ตั้งนั่งชมวิว ชิลๆไปเรื่อยเปื่อยค่ะ มองไปที่น้ำในทะเลสาบก็ใสวิ้ง พรุ้งพริ้งเชียวค่ะ เพราะมีหมู่มัจฉา ปลาแหวกว่ายในทะเล น่าจะกำลังรออาหารจากใครสักคนนะค่ะ
พอทานขนมอิ่มไป 1 ก้อนพออยู่ท้องแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็เดินออกมาย่อยอาหาร ที่ใกล้ทะเลสาบ มีดงดอกไฮเดรนเยียสีม่วง กำลังผลิดอกออกบานสะพรั่ง งดงามเห็นแล้วระรื่นชื่นบานใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักค่ะ
มองไปในในสวนก็เบ่งบานไปทั่วเลยค่ะ สวยงามอีจังค่ะ ถ้ามีสีอื่นด้วยก็คงจะดีไม่น้อยนะค่ะ
ดอกไฮเดรนเยียสีม่วง ผลิดอกเป็นแม่พุ่มพวง ยวงใยงามไสวเก๋ไก๋ไปด้วยความน่ารักโรแมนติก ชิคๆเก๋ๆเทห์ระเบิดไปเลยค่ะ
ดิฉันแหงนดูนาฬิกาในข้อมือตอนนี้ก็ 9 โมงแล้วค่ะตอนแรกว่าจะเดินไปถ่ายรูปของอีกฝั่ง แต่ดูท่าทางจะไกลพอสมควรค่ะ เลยเดินทางไปยังที่พัก เพื่อติดต่อขอเช่าจักรยานปั่นสัก 1 ชั่วโมงค่ะ
เดินจากทะเลสาบคาวากูชิโก มายังที่พักค่ะ เพื่อติดต่อขอเช่าปั่นจักรยาน จะได้ย่นระยะเวลาเดินทางไปได้เยอะค่ะ และอีกอย่างต้องเช็คเอาท์ออกจากที่พักตอน 10.30 น.ด้วยค่ะ
ได้จักรยานมาแล้วค่ะ คันเล็กๆ ดูไม่เข้ากับเดี๊ยนเลยนะค่ะ แต่เจ้าของที่พักบอกคันนี้เนี่ยแหละ ดีที่สุดแล้วเพราะมีเกียรด้วยค่ะ ตอนแรกจะเอาแบบคันธรรมดาค่ะ แต่ยังไงก็ลองมาปั่นดูค่ะ
ปั่นจักรยานออกมาในช่วงเวลาตอนสายๆ ประมาณ 9 โมงเช้า แดดเริ่มร้อนแล้วค่ะ ไม่ใช่ร้อนธรรมดานะค่ะ ร้อนมากๆค่ะ
มาที่จุดเดิมเมื่อตอนเช้า แต่ดูท่าเริ่มจะมีเมฆหมอกมากินภูเขาไฟฟูจิแล้วนะค่ะ
สถานีรถไฟคาวากุจิโกะ ท้องฟ้าแจ่มใสมากๆค่ะ
มีขบวนรถไฟน่ารักสีขาวกำลังจะออกวิ่งแล้วค่ะ ขบวนน่ารัก น่าไปนั่งมากๆค่ะ
มองไปฉากหลังรถไฟแต่ไกล ก็เห็นหมู่มวลเมฆเริ่มมากัดกินปากปล่องภูเขาไฟแล้วค่ะ กว่าจะคายออกก็คงอีกนายเลยค่ะ
ดิฉันปั่นจักรยานออกจากที่พักมายังทะเลสาบคาวากูชิโกอีกครั้งค่ะ คราวนี้ปั่นมาตรงใกล้สะพานค่ะ เนื่องจากมีเวลาปั่นแค่ 1 ชั่วโมงค่ะ พอดีได้ชำระเงินค่าเช่าจักรยานไปแล้ว ว่าเช่า 1 ชั่วโมงค่ะ ถ้าเลยเวลาไปแค่ 5-10 นาที ทางที่พักจะคิดค่าเช่าจักรยานไป 2 ชั่วโมงเลยนะค่ะ
ปั่นจักรยานมาจุดชมวิวอีกมุมของทะเลสาบคาวากูชิโก จะเห็นภูเขาไฟฟูจิค่ะ แต่ตอนนี้เมฆกำลังจะปกคลุมและกัดกินปากปล่องภูเขาไฟไปแล้วค่ะ อะไรกันค่ะเนี่ย ไปเอาจักรยานแค่แป๊บเดียว สายเฆมและหมอกจะปิดบังภูเชาไปหมดแล้วค่ะ
ส่วนที่ริมทะเลสาบก็จะเป็นดอกหญ้าสีเขียวน้ำตาลอ่อน ดอกตูมเป็นปล่อง เอนกิ่งก้านไปตามสายลม สวยสมรื่นรมย์ฤทัยยิ่งนักค่ะ
โคดหินริมทะเลสาบก็จะเป็นหินจากภูเขาไฟที่แตกสลายมานานหลายล้านปี
มองไปอีกฝั่งจะเห็นสะพานข้ามทะเลสาบ เพื่อจะได้สัญจรไปยังอีกฝั่งได้สะดวก สีสันของท้องฟ้าเป็นลายเส้นสีขาว ราวก็พายุจะหมุนเวียนค่ะ
เดี๊ยนปั่นจักรยานมาอยู่ที่ริมทะเลสาบมุมนี้ ลมพัดเย็นดี๊ดีนะค่ะ แต่แสงจากดวงสุรีย์ เปล่งรัศมีทอมาอย่างร้อนแรง แผดเผาผิวเดี๊ยนให้ดำกระด่างมากขึ้นกว่าเดิมอีกค่ะ
เดี๊ยนปั่นจักรยานมาอยู่ที่ริมทะเลสาบมุมนี้ ลมพัดเย็นดี๊ดีนะค่ะ แต่แสงจากดวงสุรีย์ เปล่งรัศมีทอมาอย่างร้อนแรง แผดเผาผิวเดี๊ยนให้ดำกระด่างมากขึ้นกว่าเดิมอีกค่ะ
จักรยานจอดตากแดดไว้แป๊บเดียวค่ะ แทบจะนั่งบนอานไม่ได้เลยค่ะ เพราะร้อนมากๆค่ะ ลองนั่งทีแสบตูดไปหมดค่ะ
ขี่จักรยานมาถึงสะพานเพื่อชมวิวภูเขาไฟฟูจิค่ะ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังค่ะ เพราะแม่สายเมฆหมอกกัดกินปากปล่องภูเขาไฟฟูจิไปจนหมดสิ้นแล้ว กว่าจะคายออกมาก็คงอีกนานค่ะ เห็นแต่ฐานภูเขาไฟ
ปั่นจักรยานข้ามสะพานข้ามทะเลสาบ
มองเห็นนักท่องเที่ยว 2 คน กำลังปั่นจักรยานมาเดินสุขสำราญที่ริมทะเลสาบแห่งนี้เหมือนกันนะค่ะ
บรรยากาศท้องฟ้าในช่วงเวลาสายๆ ฟ้าแจ่มใส ละมัยอำพันจริงๆนะค่ะ ดูสวยงามไปหมดค่ะ ภูเขาก็เขียวขจี มีสายน้ำและท้องฟ้าอยู่คู่กันตลอดกาล
ได้เวลาต้องปั่นจักรยานกลับไปคืนที่พักแล้วค่ะ See you again Lake kawaguchiko ค่ะ
เมื่อเดี๊ยนได้ทำการคืนจักรยานไปแล้ว ก็ทำการเช็คเอาท์ ออกจากที่พัก เดินแบกเป้ออกจากที่พักเพื่อเดินทางไปยังเมืองโอซาก้า ซึ่งเป็นเมืองสุดท้าย และท้ายสุดเพราะต้องนั่งเครื่องบินกลับเมืองไทยค่ะ
เดินมาที่สถานีรถไฟ เจอผลไม้ขึ้นชื่อของที่นี้ค่ะ มองไปไกลคิดว่าลูกแอปเปิ้ล แต่ไม่ใช่ค่ะ มันคือลูกพีซค่ะ เคยกินแต่แยมลูกพีช ยังไม่เคยกินผลแบบสดๆเลยค่ะ นี้พึงมาเห็นเป็นครั้งแรกเลยค่ะ แม่ค้าคนขายก็น่ารักพรุ้งพริ้งหวานแหว๋วเสียเหลือเกิน ส่วนกลิ่นของผลไม้ก็หอมโชยเตะจมูกมากๆค่ะ
ป้า่ยเขียนไว้เป็นลูกพีชค่ะ เป็นลูกพีช ผลไม้สด Crown in us in yamanashi เป็นผลไม้ขึ้นชื่อในจังหวัดยามานาชิค่ะ ลักษณะลูกเป็นแบบนิ่มๆ เป็นผลไม้ที่ช้ำง่ายค่ะ เปลือกแบบบางๆ ดูภายนอกเหมือนแอปเปิ้ล แต่พอดูใกล้ๆไม่ใช่เลยค่ะ
ได้เวลาเดินทางแล้วค่ะ ตอนนี้ 10 โมงเช้าแล้วค่ะ
นั่งรถไฟรอบ 10 โมง 37 นาทีค่ะ ราตาตั่วโดยสารเหมือนเดิมค่ะ 1140 เยนค่ะ
ส่วนรถไฟที่นั่งก็คันเดิมค่ะ น่าจะเปลี่ยนได้ไปนั่งรถไฟ Tomas and friend ที่จอดอยู่ฝั่งโน้นก็คงจะดีนะค่ะ
กลิ่นลูกพีชหอมเย้ายวนเตะจมูก น่าทานมากๆค่ะ ดูเหมือนแอปเปิ้ลอยากจะกัดกินเลยนะค่ะ แต่คนขายบอกว่าให้ใช้มีดค่อยๆปอกเปลือกบางออก ก่อนทานค่ะ เพราะจะค่อนข้าง ฉ่ำน้ำมากๆค่ะ
นั่งรถไฟมาเป็นชั่วโมงก็ถึง สถานี Otsuki ก็เกือบเทียงแล้วค่ะ
ตอนแรกกะว่าจะเดินทางต่อเลยค่ะ แต่ไม่ไหวแล้วค่ะ มาถึงสถานีรถไฟ Otsuki ขอออกมาหาอะไรทานสักหน่อยค่ะ เมื่อเช้าทานแพนเค้กไปนิดเดียวกับนมและขนมนิดหน่อยค่ะ และเดินออกจากสถานีรถไฟโอสุกิมาหาอะไรทานใกล้ค่ะ
เดินออกมาก็เจอร้านขายบะหมี่อุด้งรสเด็ดน่าจะอร่อย เลยแวะมาลิ้มลองสักหน่อยค่ะ เข้ามาในร้าน บรรยากาศก็เป็นแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นค่ะมีเจ้าของร้าน เอาเมนูมาบริการให้ถึงที่ค่ะ ทักทายกันแบบญี่ปุ่น เพราะคนที่ร้านพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย พอเข้าใจค่ะ
ส่วนเมนูอาหาร ทางร้านก็หยิบเมนูภาษาอังกฤษมาให้เดี๊ยนโดยเฉพาะเลยค่ะ เพราะเห็นแล้วคงไม่ใช่คนจีนหรือเกาหลีเป็นแน่แท้ค่ะ โดยอาหารในเมนูก็มีหลายอย่างค่ะ น่าทานทั้งนั้นเลยค่ะ แต่เห็น Grandma's udon แปลเป็นไทยก็คงจะเป็น อุด้งคุณยายค่ะ ราคาชามละ 520 เยน
สั่งไปรอไม่นานอุด้งคุณยายก็มาเสริฟถึงโต๊ะเลยค่ะ ดูหน้าตาหน้าทาน และร้อนมากๆด้วยค่ะ
หลังจากที่ดิฉันได้ทานอุด้งคุณยายจนอิ่มทองไปแล้วนะค่ะ ก็ได้เพลาเดินทางต่อไปยังเมืองโอซาก้า เพื่อเดินทางกลับเมืองไทยค่ะ
จบทริปรีวิวเที่ยวเดินชิลๆชมวิวภูเขาไฟฟูจิซังค่ะ และตอนต่อไปตอนที่ 15 เป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ จะมาสรุปค่าใช้จ่ายและเป็นเดินช๊อปปิ้งชิลๆในเมืองโอซาก้ากับเวลาที่เหลือแค่ 2 ชั่วโมงค่ะ อย่าลืมมาติดตามกันนะค่ะ
สำหรับรีวิวในทริปนี้ก็ขอจบเพียงเท่านี้ ดิฉันหวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์และกระตุ้นให้คุณผู้อ่านออกมาเดินทางท่องเที่ยวยังต่างแดน เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากข้อมูลดังกล่าวที่ได้นำเสนอไปมีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันเองต้องขออภัยด้วยค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
------------------------------------------------------------
รวมบทความรีวิวบล๊อกท่องเที่ยวเดือนละ 1 ครั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ค่ะ (จะทยอยอัพเดทเรื่อยๆค่ะ บล็อกจะได้ไม่ร้างค่ะ)
แบ่งปันเที่ยวฟูจิปีนี้ พักแถวใหนดีกับโซนยอดฮิต ที่คู่รักมาพิชิตนอนกัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/340RSFu
แนะนำโรงแรมโตเกียวเปิดใหม่ สำหรับคู่รัก คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลได้ที่บล็อก : http://bit.ly/2L3Nivv
รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว นั่งรถไฟไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 12 เดินชิลเมืองท่าเรือสุดแสนโรแมนติก ริมทะเล คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แนะนำโรงแรมในซัปโปโร ห้องนอนคู่ดูโอ้ ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมไร่นาเมืองบิเอะ สวยเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักยานไปชมดอกลาเวนเดอร์บานๆ อลังการเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 9 เดินชิลชมเมืองซับโปโรครึ่งวัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 8 ชมศิลปะทุ่งนาข้าวผลิหลากสีสวยงาม คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 7 รีวิวการเดินทางไปหลังคาญี่ปุ่นด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 6 เดินตลาดเช้าทาคายาม่า แวะดูทุ่งนาชิราคาวาโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาดูเมืองเก่าคุราชิกิ ชมใบไม้ผลิสวยเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 4 ตามรอยระเบิดเมืองฮิโรชิม่า ไปลั๊นลาเกาะมิยาจิมะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 3 ท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะ งามเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 2 นั่งไฟออนซอนไปอบทรายร้อนที่อิบูชูกิ คลิ๊กดูค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวทามะ แวะพักชมปราสาทสวย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
10 ที่พักโอซาก้า ราคาถูกสุดๆ ใกล้สถานีรถไฟ JR คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น