Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมไร่ข้าวบาร์เลย์ตอนบ่ายๆที่เมืองบิเอะ นั่งรถไฟสวยเป๊ะดูวิวริมทาง งามสะพร่างดุจสายน้ำทิพย์

แบ็คแพ็ครีวิวเที่ยวเกาะฮอกไกโดในช่วงฤดูร้อน ตอนที่ 11 ปั่นจักรยานลัดเลาะเนินเขา Patchwork Road ในเมืองบิเอะ สวยงามเป๊ะปังอลังการเว่อร์


ก็ขอกราบสวัสดี๊ดี สวีดัดดั๊ดเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ผองชาวไทย และชาวเน็ตทุกท่านๆที่กำลังสำเริงสำราญกันอยู่บนโลกออนไลน์ พร่างพรายอยู่กับบนหน้าจอมือถืออันทันสะหมอก ทันสมัย หาข้อมูลท่องเที่ยวทัวไทย ไปไกลทั่วทีปทั่วแดน กางปีนรำแพน สุดแสนจะเริ่ดสะแมนแตนกันอยู่ ณ ขณะนี้นะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน บล็อกเกอร์สมัครเล่นแนวๆกากๆ โกโรโกโส ขอมาเฮลโหล จ๊ะจ๋า ดี๊ด้า บ้าบอๆ พาทุกท่านเข้าสู่เว็ปบล็อกแนะนำที่พัก รีวิวท่องเที่ยว เขียนจนโลกเบี้ยวไปเรื่อยเปื่อย ให้ท่านเอื่อยเฉื่อย อ่านฆ่าเวลาหรือมาสไลด์ดูภาพกันอีกเหมือนเดิมนะค่ะ

กลับมารายงานตัวกับคุณผู้อ่านอีกครั้งค่ะ สำหรับบทความในบล็อกนี้ ดิฉันก็ขอไม่ขอบ่นพร่ำทำเพลง และเกริ่นมากมายนักค่ะ ดิฉันขอพาบรรยายรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นให้ทุกๆท่านได้อ่านและสไลด์ดูภาพกันต่อเลยนะค่ะ เพราะถ้าบ่นไปเยอะ ก็เกรงคุณผู้อ่านจะเบือนหน้าจอหนีไปก่อน ใหนๆก็แวะกันเข้ามาแล้ว อย่าพึ่งด่วนแจ๋วคลิ๊กจรลีหนีไปกันนะค่ะ เข้ามาสไลด์ดูรูปภาพกันสักแป๊บก็ยังดี มีคนเข้ามาแค่ 1 คน อ่านกัน 5 นาที เดี๊ยนก็ดีใจสุดฉิมพลีมากๆแล้วค่ะ

หลังจากตอนที่แล้วคือตอนที่ 10 ดิฉันได้เขียนรีวิวเที่ยวเมืองฟูราโน่ช่วงเช้า ไปดูทุ่งดอกไม้ลาเวนเดอร์สีม่วงระยวงจับใจ และดอกไม้หลากสีสรร สวยงามอำพัน ดั่งสวรรค์ชั้นฟ้ามาลาดินมาแล้วนะค่ะ  และในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน เดี๊ยนอยากจะขอพาทุกๆท่านไปเที่ยวเมืองบิเอะค่ะ โดยการเที่ยวในช่วงบ่ายนี้นะค่ะ ด้วยเวลาจำกัด ดิฉันเลยไปเที่ยวได้ไม่ครบทุกแห่งค่ะ เนื่องจากต้องเดินทางกลับไปพักต่อเที่ยวเมืองซับโปโรค่ะ

ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาขอมาทำความรู้จักเมืองบิเอะก่อนค่ะ จะได้เป็นความรู้ เผื่อวางแผนมาเที่ยวในอนาคตกันค่ะ

เกี่่ยวกับเมืองบิเอะ

บิเอะ(Biei) เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ใจกลางของเกาะฮอกไกโด เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งในช่วงฤดูร้อน ที่แวดล้อมรอบด้วยทัศนีภาพที่สวยสด งดงามของภูเขาและทุ่งนาข้าวบาเลย์ ฟาร์มพืชผักอันกว้างใหญ่บนเนินเขาตัดกับท้องฟ้าสีสันใส ที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทุกสารทิศมาเยือนเมืองนี้กันไม่น้อยเลยค่ะ โดยเสน่ห์ของการเที่ยวเมืองบิเอะให้เพลินเพลินใจก็คือ การปั่นจักรยาน หรือขับรถผ่านเนินเขา และเยี่ยมชมทุ่งดอกไม้ระหว่างทางแล้วถ่ายรูปไปด้วย และเป็นอีกหนึ่งทริปท่องเที่ยวที่จัดคู่กันเที่ยวกับ เมืองฟูราโน่ เนื่องจาก

แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองบิเอะ คงต้องยกให้เส้นทางชมฟาร์มข้าวบาร์เลย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า  Patchwork Road
ำหรับสถานที่ท่องเที่ยว Patchwork Road ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองบิเอะ อยู่ไม่ไกลนัก โดยพาหนะ มีบรรยากาศแบบชนบท เรียบง่าย เงียบสงบไม่วุ่น เป็นพื้นที่อีกแห่งบนเกาะฮอกไกโดที่สวยงามตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหากมาเที่ยวช่วงฤดูร้อน ก็จะได้พบกับความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า และนาข้าวบาเลย์สีเขียว สีทอง ผุดผ่องอำไฟ  หากมาฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ก็จะมีเปลี่ยนสีสวยสดสะกดตาคู่รัก และหากมาฤดูหนาว ก็จะมีหิมะหนาๆขาวโพลนปกคลุมอยู่ทั่วทุกพื่นที่

และนอกจากนี้ยังมีจุดที่น่าสนใจ คือ หอชมวิวโฮกุเซ (Hokusei Hill Observatory) โครงสร้างอาคารเป็นแบบปิรามิด สามารถมองเห็นทุ่งหญ้าของเมืองบิเอะ และเนินเขาซีเรบุ (Zerebu Hill) ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ นักท่องเที่ยวสามารถเดิน หรือนั่งรถเพื่อชมความสวยงามของวิวทุ่งดอกไม้ก็ได้

วิธีการเดินทางไปยัง Patchwork Road
1.การเช่าจักรยานปั่นขึ้นเนินเขาชมวิว เป็นพาหนะที่ได้รับความนิยม และมีเสน่ห์ที่สุด เหมาะสำหรับคนชอบเที่ยวชิวๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ หรือนักเดินทางที่มาคนเดียว แบกเป้เที่ยวแบบดิฉันก็เช่ารถจักรยานขี่ชมวิวค่ะ
- โดยร้านเช่าจักรยานก็อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟบิเอะเลยค่ะ หาง่ายมากๆ
- ราคาเช่าจักรยาน สำหรับจักรยานธรรมดา ชั่วโมงละ 200 เยน (ปั่นเหนื่อยหน่อยค่ะตรงขึ้นเนิน)
- ราคาเช่าจักรยาน สำรหับจักรยานไฟฟ้า ชั่วโมงละ 600 เยน (ช่วยเบาแรงขาได้เยอะตรงขึ้นเนิน แต่แพงไปนิดค่ะ)
2.เช่ารถยนตร์ส่วนตัวขับ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบาย หรือขับรถเที่ยวชมวิวตามสถานที่ท่องเที่ยวได้หลายจุดหรือเข้าถึงได้ยากภายในวันเดียว และเหมาะสำหรับหมู่คณะเล็กหรือครอบครัวที่มากันหลายๆคนค่ะ โดยรถเช่าที่เกาะฮอกไกโดก็มีหลายบริษัทเลยค่ะ (สามารถเข้าไปดูรายละเอียดรถให้เช่าได้ที่รีวิวตอนที่ 10 ค่ะ)

และอีกทริปการเดินทางที่พ่วงไปกับการเที่ยวเมืองฟูราโน่ และบิเอะ
นั้นก็คือ การนั่งรถไฟ Furano-Biei Norokko Train ค่ะ รถไฟสำหรับนั่งชมวิวริมทางยอดยอดนิยมที่เดินทางจากบิเอะไปฟูราโน่ และจากฟูราโน่ไปเมืองบิเอะค่ะ (สามารถเข้าไปดูรายละเอียดตารางรถไฟ Norokko Train ได้ที่รีวิวตอนที่ 10 ค่ะ )

เพื่อไม่ให้เรื่องราวปะติดปะต่อกัน คุณผู้อ่านสามารถเข้าไปดูรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักรยานเที่ยวเมืองฟูราโน่ได้ที่เว็ปไซต์ http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/Furanotravel.html

เอ้าล่ะค่ะ อธิบายมาเยอะแล้ว บางท่านอาจจะไม่ชอบอ่าน ชอบสไลด์ปื้ดดูภาพ เดี๊ยนขอมารีวิวพาทุกๆท่านไปขึ่จักรยานชมวิวขึ้นลงเนินเขาในเมืองบิเอะกันค่ะ
มารีวิวต่อจากตอนที่แล้วค่ะ หลังจากที่ช่วงเช้าดิฉันได้พาชมความงามของดอกไม้หลากสีสันที่สวยงามร้านรานใจในเมืองฟูราโน่มาแล้ว ต้องขอบอกว่าสวยงาม สมคำลำลือจริงๆนะค่ะ สมแล้วที่เป็นสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน ที่ใครๆก็ต้องแวะมาเยือนะค่ะ

และในช่วงบ่ายของวันที่ 20 ก.ค. วันเดียวกัน ดิฉันก็นั่งรถไฟ Furano-Biei Norokko train นั่งจากเมืองฟูราโน่ไปยังเมืองปลายทางบิเอะต่อค่ะ
หลังจากที่นักท่องเที่ยวที่มากันเต็มคันรถไฟจนไม่มีที่นั่ง พอรถไฟมาถึงสถานี Lavender farm นักท่องเที่ยวก็กรูกันลงจากรถไฟ จนที่นั่งชมวิวเหลือว่างบานเลยค่ะ

 รถไฟนั่งชมวิวสุดน่ารักนี้ กำลังจะพาดิฉันไปเมืองบิเอะค่ะ ระยะทาง 60 กว่ากิโลเมตรค่ะ
รถไฟขบวนน่ารักนี้มีชื่อว่า Furano-Biei Norokko train มีที่นั่งริมหน้าทางให้นั่งพักกันด้วย
พอที่นั่งวางบานที่นี้จะเหลือนั่งตรงไฟตรงใหนก็ได้ค่ะ สำหรับตัวดิฉันขอเลือกที่นั่งที่หันไปริมหน้าต่างค่ะ ถือเป็นที่นั่งยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวบางคน ต้องซื้อตั๋วจองที่นั่งไว้เลยนะค่ะ แต่สำหรับดิฉันไม่ต้องค่ะ รถไฟเที่ยวนี้ ใช้บัตร JR Pass ได้ค่ะ
 ระหว่างนั่งรถไฟออกจากสถานี lavender farm รถไฟก็ค่อยวิ่งไปอย่างช้าๆค่ะ นึกภาพเหมือนนั่งรถไฟไปเมืองกาญจนบุรี อะไรประมาณนั้นค่ะ แต่นี้ระยะทางสั้นกว่าค่ะ  โดยสองข้างทางก็จะเป็นฟาร์มไร่ข้าว ไร่นา ไร่ดอกไม้ของชาวบ้านในเมืองนี้ บรรยากาศสวยงาม อร่ามจับตาคณานับจริงค่ะ ท้องฟ้าแจ่มใสมีภูเขา สายลม และแสงแดดค่ะ นั่งชิลๆ รับลมชมวิวไปเรื่อยเปื่อยค่ะ ไม่ต้องคิดมากค่ะ
 ต่อจากตอนที่แล้ว ที่แวะไปซื้อขนมมานั้น ก็ปฐมฤกษ์เปิดพิธิแกะกล่องขนมมาทาน ให้ร้าวรานใจแล้วค่ะ
เนื่องจากช่วงที่รถไฟวิ่งมานั้นอยู่ในช่วงเที่ยวพอดีค่ะ รถไฟออกจากสถานี Furano เวลา 11.53 น. เป็นช่วงกลางวันพอดี หิวมากค่ะ ใหนก็อุตสาห์แวะซื้อขนมมาแล้ว ขอเอามากินเป็นอาหารเที่ยงเลยแล้วกันนะค่ะ
อาหารเที่ยวมื้อนี้ เดี๊ยนของดของคาวนะค่ะ เพราะใหนๆมื้อเช้าก็จัดขมม นมเนยมาเสียเต็มประดาแล้ว ยังไงก็ขอมาลั๊ลลาทานขนมตอนเที่ยงต่อเลยนะค่ะ อยากลิ้มลองจังว่ารสชาติจะอร่อยเริ่ดสะแมนแตนแค่ใหนค่ะ
ระหว่างนั่งรถไฟก็หยิบขนมมาทานแก้หิว ดูวิวริมทาง งามดั่งสะพร่างดั่งสายน้ำทิพย์ ลองลิ้มลองขนมของร้าน Shinya ดูสิว่าจะอร่อยเลิศล้ำนำสมัยแค่ใหน
มาลิ้มลองขนมชิ้นแรกก่อนเลยนะค่ะ ขนมชื่ออะไรไม่รู้ แต่เหลือชิ้นเดียว คงเป็นขนมที่ขายดีทีสุด พอได้ลิ้มลองแต่ลิ้น กลืนลงคอ แล้วต้องขอบอกค่ะว่า อร่อยเริ่ดจริงๆนะค่ะ สตอเบอรี่ก็ส๊ดสด แป้งนิ่มไม่หวานจนเกินไป ตกลงอันนี้ให้ผ่านค่ะ  ระหว่างทานขนมก็ดูวิวริมทางไป บรรยากาศลมพักเย๊น เย็น วิวก็สวยเริ่ดเว่อร์ค่ะ 
ระหว่างนั่งรถไฟก็หยิบขนมมาทานแก้หิว ดูวิวริมทาง งามดั่งสะพร่างดั่งสายน้ำทิพย์ ลองลิ้มลองขนมของร้าน Shinya ดูสิว่าจะอร่อยเลิศล้ำนำสมัยแค่ใหน
 ชิ้นแรกผ่านไปมาลิ้มลองชิ้นที่สองต่อค่ะ เค้กผลไม้รวม ชื่อขนมอะไรไม่รู้ แต่ดูมันน่าทานมาก เดี๊ยนเลยจัดขอมาลองอีกหนึ่งชิ้นค่ะ อันนี้อร่อยกว่าที่ทานอันแรกอีกค่ะ เนื้อครีมซอฟ นิ่มลิ้น มีผลไม้แก้เลี่ยนด้วย ทานแล้วสดชื่น หวานฉ่ำ อยากทานอีกจังเลยค่ะ
ทานขนมไป 2 ชิ้นดูท่าว่าจะไม่อิ่มปริ่มใจนัก ก็เลยควักขนมข้าวโพด มาละโมบเข้าปากต่อ อร่อยอ้อล้อจับใจ
ทานขนมไป 2 ชิ้นแล้ว รู้สึกไม่ค่อยอิ่มเลยค่ะ อยากทานอีกนะค่ะ ก็เลยแก้การหิวด้วยการ แหกขนม Corn chocolate มาทานต่อให้อิ่มซ่ะเลยค่ะ 
วิวสองข้างทาง ก็เป็นไร่ของชาวบ้านในระแวก ดูสวยงาม ร้าวรานใจ และสดใสไปด้วยความโรแมนติก ชิคๆเก๋ๆ เท่ห์ซ่ะไม่เบาเชียว
ระหว่างทานขนมก็ดูวิวริมทางไป บรรยากาศลมพักเย๊น เย็น วิวก็สวยเริ่ดเว่อร์ค่ะ
 พอทานขนมอิ่ม จนเบาหวานขึ้นเต็มเส้นเลือดแล้วนะค่ะ ก็มาเดินโยกเยก ดูบรรยากาศบนรถไฟต่อค่ะ ที่นั่งวางบาน รถไฟก็ค่อยวิ่งและร้องเสียงปู๊นปูนไปเรื่อยค่ะ
รถไฟ
บนรถไฟโบกี้ ตู้ขบวนนี้ก็มีมุมถ่ายรูปสวยเก๋ให้ถ่ายหลายมุมเลยค่ะ แต่ถ่ายเป็นแล้วภาพมัวตลอด เพราะรถไฟค่อนข้างจะสั่นเครืออยู่ตลอดค่ะ ไม่ค่อยจะนิ่งเอาเสียเลย
ถ่ายรูปออกไปวิวข้างนอก ซึ่งเป็นฟาร์มผัก และไร่น่าของชาวบ้านดูสวยงาม เขียวอร่ามจับตาเลยค่ะ ท้องฟ้าก็ใสสด จรดไปถึงผืนหญ้าก็ชะอุ่มชุ่มชื่น อาจมีเมฆครึมไปบ้าง แต่ก็อยากให้ฝนตกเหมือนกันนะค่ะ เพราะแดดร้อนเหลือเกินค่ะ
บนรถไฟเองก็มีเต่าสำหรับปิ้งปลาหมึกด้วยนะค่ะ แต่ไม่มีปลาหมึกมาขาย  นึกถึงตอนมาเที่ยวเกาะฮอกไกโดช่วงหน้าหนาวเมื่อ 2 ปีทีแล้วค่ะ นั่งรถไฟแบบคันเดียวเนี่ยแหละคัน นั่งจากเมืองอาบาชิริไปชิเรโตโกะ จะมีปลาหมึกขาย กลิ่นหอมฉุน จนอยากเอามือมาอิงที่เตาไฟเลยค่ะ เพราะอากาศหนาวมาก

แต่มารถไฟขบวนฤดูนี้ สงสัยจะเป็นระยะทางสั้นๆกระมัง และอากาศก็ร้อนด้วย เลยไม่เอามาขายกระมัง เดี๊ยนเดาเอานะค่ะ 
 มีป้ายเตือนไว้ด้วยค่ะ น่าจะหมายถึง ห้ามเอามือจับค่ะ ดิฉันอ่านญี่ปุ่นไม่ออก เดาเอา น่าจะความหมายเดียวกันกระมังค่ะ
 ถ่ายรูปตรงทางที่รถไฟกำลังวิ่งเข้าทางโค้ง ได้ภาพมาแค่เนี่ยค่ะ 
 บนรถไฟก็มีมุมสวยๆให้ถ่ายกันนะค่ะ เนื่องจากขบวนที่เดี๊ยนอยู่ บนขบวนโบกี้ ตู้สุดท้ายเลยได้เห็นรางรถไฟค่ะ
บรรยากาศริมทางเป็นหุบเขา และฟาร์มของชาวบ้าน งามสะพร่างเขียวขจี ดูดี๊ด๊า แซ๊บซ่าไม่เบาเลยค่ะ 
 รางรถไฟเส้นทางจากเมืองฟูราโน่ไปยังเมืองบิเอะ เป็นรถไฟรางเดียว ไม่วิ่งเลี้ยวแวะพักที่ใหน แต่ก็งามวิไลด้วยป่าไม้และใบหญ้าสีเขียว
ผ่านทุ่งนา พฤกษานานาพรรณ ที่มีแต่เนินเขา ไร่นา ก็เขียวขจีดี๊ด๊า แซ่บซ่าไปถึงใจ ลมก็พัดโชย แต่ก็โปรยไอเย็นเข้ามา ช่วยให้หายร้อนได้ดีนักเชียวค่ะ
พอนั่งรถไฟข้ามสะพานสีแดงปั๊บ เจ้าหน้าที่รถไฟก็ขยับโทรโข่ง ประกาศว่าจะถึงเมืองบิเอะแล้ว (Biei Railway Station) เป็นสถานีสิ้นสุดปลายทางของขบวนรถไฟนี้แล้ว ให้ทุกคนเตรียมตัวเลยค่ะ
 และแล้วรถไฟก็มาถึงเมืองปลายทางแล้ว หลังจากลงจากรถไฟ บรรยากาศในรถไฟก็ไร้นักท่องเที่ยวค่ะ ประเดี่ยวเดียว พอลงเสร็จก็จะมีนักท่องเที่ยวแห่กรูกันขึ้นมาต่อค่ะ เพราะรถไฟจะวิ่งกลับไปเมือง Furano ต่อค่ะ 
ดิฉันก็เดินแบกเป้ใบใหญ่ลงจากรถไฟมา ขอถ่ายรูปไว้หน่อยค่ะ เมื่อเช้าไม่ค่อยได้ถ่ายเลย เพราะรีบมากๆค่ะ
รถไฟสีเขียว ตกแต่งเป็นสีเขียวสดน่ารักเชียวค่ะ 
 เดินข้ามสะพานมายังสถานีก็เห็นเต็มขบวนเลยค่ะ เป็นรถไฟสายน่ารัก วิ่งช้าๆเอื่อยๆไปเรื่อยๆ เหมาะสมกับเป็นรถไฟสำหรับนั่งชมวิวจริงๆค่ะ เค้าก็เข้าใจทำ ดึงดูดนักท่องเที่ยวนะค่ะ อยากให้เมืองไทยมีแบบนี้บ้างนะค่ะ เช่น นั่งรถไฟชิวๆจากหัวลำโพงไปเมืองกาญจอะไรประมาณเนียะค่ะ น่าจะมีคนสนใจนั่งกันไม่น้อยค่ะ
 ขบวนรถไฟเค้าก็ตกแต่งเป็นลายการ์ตูน สีสันสวยงาม แต่ละตู้ก็มีไอเดียเก๋เก๋ น่ารักมุ้งมิ้งเชียวค่ะ เริ่ดค่ะ
พอถ่ายรูปรถไฟแล้ว ดิฉันก็เดินแบกเป้ออกมาจากสถานีรถไฟบิเอะค่ะ สถานีรถไฟเมืองบิเอะก็ดูสวยงามไฮโซโก้เก๋เหลือเกินนะคะ ดูงดงามเป็นอาคารลายอิฐเหมือนสมัยเอโดะ อะไรประมาณนะค่ะ
 ดิฉันเดินแบกเป้ออกมา เพื่อไปร้านเช่าจักรยานค่ะ พอเดินออกจากสถานีมาปุ๊บ ก็เจอเลยค่ะ ร้านเช่าจักรยานอยู่ใกล้สถานีรถไฟนี้เอง หาง่ายมากๆ สภาพแวดล้อมและทัศนียภาพเมืองบิเอะ ดูสวยงาม น่ารัก เหมือนเมืองตุ๊กตายังไม่รู้นะค่ะ สะอาดสะอ้าน สวยงามเป็นระเบียบร้อยเรียบและเรียบร้อย เจริญตา น่าอยู่มากๆค่ะ
 เดินแบกเป้มาที่ร้านเช่าจักรยานชื่อ Uno คงเป็นร้านเช่าจักรยานที่หาง่ายที่สุดแล้วค่ะ
พอเข้าไปด้านใน นอกจากจะเป็นร้านเช่าจักรยานแล้ว ยังเป็นร้านสะดวกซื้อ เหมือนเซเว่น หรือลอซันเลยค่ะ มีน้ำ ขนม นมเนยขาย ดิฉันก็ติดต่อขอเช่าจักรยานหนึ่งคัน ฝากกระเป๋าไว้ที่นั้นเลยค่ะ ไม่ต้องเสียค่าฝากกระเป๋านะค่ะ เพราะเช่าจักรยานเค้าไปแล้ว

ตอนแรกกะว่าจะเช่าจักรยานแบบธรรมดาราคาชั่วโมงละ 200 เยนนะค่ะ แต่พนักงานให้เช่าก็พยามยามแนะนำว่า ดิฉันมีเวลาจำกัด แนะนำให้เช่ารถจักรยานไฟฟ้าไปเลย เพราะจะได้ไม่ต้องเมื่อยขา ต้องปั่นขึ้นเนินเขา เดี๊ยนก็เลยตกลงเชื่อพนักงานค่ะ ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าเค้าพูดอะไรบ้าง เพราะแม่นางพูดแต่ภาษาอังกฤษ เดี๊ยนงงเป็นใยเพิงเลยค๊า 555 
ตกลงเอาจักรยานไฟฟ้า ตามคำชวนเชื่อแบบงงๆ ที่เจ้าหน้าที่อธิบายค่ะ แม่นางคงหวังดี เพราะว่าเมื่อช่วงเช้าที่ปั่นจากเมืองฟูราโน่ ไปดูทุ่งลาเวนเดอร์ที่ฟาร์มโทมิตะ เป็นจักรยานธรรมดาคือ เมื่อยขามากๆ เดี๊ยนเลยเข้าใจ มาเที่ยวปั่นจักรยานอีกครั้ง ช่วงบ่ายรอบนี้ เนินเขาคงเยอะมากๆ เดี๊ยนเลยจัดไปค่ะ เช่าจักรยานไฟฟ้าชั่วโมงละ 600 เยน แพงกว่าจักรยานธรรมดาถึง 400 เยนเลยนะค่ะ แต่ต้องยอมค่ะ เพราะอยากลองปั่นดู ไม่เคยปั่นคะ
มองไปอีกฝั่งจากร้านเช่าจักรยานก็เป็นสถานีรถไฟ Biei ดูสวยงาม สะอาดสะอ้านตา บ้านเมืองเค้าน่าอยู่จริงๆค่ะ
 พอได้รถจักรยานแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ให้แผนที่มาด้วยนะค่ะ จำเป็นเหมือนกันค่ะ เพราะแผนที่จะบอกจุดแวะถ่ายรูป และสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละแห่งของเมืองบิเอะค่ะ 
เนื่องจากช่วงบ่ายนี้ ดิฉันมีเวลาจำกัดค่ะ เที่ยวแบบชะโงกทัวร์ ตอนแรกอยากไปดู Blue Pond แต่ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกลและใช้เวลานาน ทางเจ้าหน้าที่เลยเขียนเส้นทางให้ดิฉันปั่นจักรยานไปชมเส้นทาง Patchwork Road ค่ะ

Patchwork Road คืออะไร ตอนแรกก็งง น่าจะหมายถึงเส้นทางท่องเที่ยวชมฟาร์มไร่นาข้าว บนเนินเขาค่ะ  เนื่องจากเมืองบิเอะ มีทัศนีภาพเป็นเนินเขาหัวโล้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกผัก ปลูกข้าวบาร์เลย์กัน ทำให้เป็นภาพวิวที่สวยงามค่ะ
 พอได้คำแนะนำเส้นทางตามแผนที่มาแล้ว ก็ออกเดินทางเลยค่ะ เป็นการปั่นจักรยานไฟฟ้าครั้งแรก เพราะไม่เคยใช้งานมาก่อนไม่รู้ใช้ยังไง ยังงงๆค่ะ และก็งงกับเส้นทางเมืองนี้อยู่บ้างไม่น้อย แต่ก็ปั่นไปเรื่อยๆ ตามแผนที่ค่ะ
เมืองบิเอะ เมืองน่าอยู่มากนะค่ะ ดูน่ารัก มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้ง เงียบสงบไม่วุ่นวายดีค่ะ นานๆจะเห็นรถราผ่านมาสักคัน
อาคารบ้านเรือน ร้านคาก็ไม่มีเขตรั้วอาณามาให้รกหูรกตาแต่อย่างใดค่ะ ดูเป็นสัดเป็นส่วน เรียบร้อย
พอปั่นจักรยานออกจากสถานีรถไฟบิเอะมาได้สักพัก ก็จะเป็นเนินเขา ฟาร์มข้าวบาเลย์ สวยงามอร่ามจับตาจริงๆค่ะ และเห็นนักท่องเที่ยวกำลังปั่นจักรยานลั๊ลลากันอย่างสุดใจค่ะ เนื่องจากวันที่เดี๊ยนมาเที่ยว เป็นวันธรรมดา รถราก็เลยไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ค่ะ
ถนนหนทางขึ้นลงเนินเขา สองข้างทางก็เป็นฟาร์มนาข้าวของชาวบ้าน สวยงามจริงๆค่ะ อากาศไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ ลมพัดเย็นกำลังดีค่ะ แต่ปั่นจักรยานไปก็ได้เหงื่อหน่อย่ะ ปั่นจักรยานตอนลงเขาไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่ตอนขึ้น ต้องกดปุ่มใช้กำลังไฟฟ้าในการช่วยให้เบาแรงขาได้เยอะทีเดียวค่ะ
ทัศนียภาพระหว่างทางสวยงาม บรรยากาศดีมากๆค่ะ แต่เสียดาย เมฆดูครึมไปหน่อยนะค่ะ เหมือนฝนจะตกยังไงไม่รู้ค่ะ
บ้านเรือนชาวไร่ที่นี้ดูสวยคลาสสิค น่ารักเว่อร์ค่ะ ตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนเนินเขาไร่นา บรรยากาศสุดชิว กับวิวภูเขาสวยงามล้ำค่า น่าไปนอนลั๊ลลามากๆค่ะ

 ขี่รถจักรยาน ปั่นมาได้สักพักก็เห็นแม่ค้าชาวญี่ปุ่นหน้าใส งามไฉไลสุดเก๋ กำลังขายลูกเชอรี่อยู่ค่ะ 
ลูกเชอรี่ผลใหญ๊ ใหญ่น่าทานมากๆ สีแดงสด ร้อนแรงฤทธิ์ สะกิดต่อมความอยากขึ้นมาทันทีค่ะ ราคาก็ไม่แพงด้วยนะค่ะ กล่องละ 300-500 เยนค่ะ ผลผลิตสดๆ จากฟาร์มในเมืองบิเอะเลย
ดิฉันปั่นจักรยานมั่วมาเรื่อยๆค่ะ ไม่รู้ว่าแหล่งท่องเที่ยวและจุดถ่ายรูปอยู่ตรงใหนบ้าง แต่ก็สังเกตุจำนวนนักท่องเที่ยวที่แวะถ่ายรูปเอาค่ะ ที่เห็นๆนะค่ะ จะมีรถบัส ทัวร์นักท่องเที่ยวชาวจีน เยอะมากๆ เรียกว่าครองเกาะฮอกไกโดไปแล้วล่ะค่ะ
พอดีขี่จักรยานแวะมาจุดนี้ น่าจะถือเป็นจุดไฮไลท์อีกมุมหนึ่งของ ทริป Patchwork road ค่ะ จุดชมวิวนี้มีชื่อว่า Ken & mary Tree (เคน แอนด์ แมรี่ ทรี)
เป็นจุดท่องเที่ยวและแวะถ่ายรูปยอดนิยมที่สวยงามอีกหนึ่งแห่งที่นักท่องเที่ยวทั่วทุกสารทิศ ต่างแวะมาถ่ายรูปกับต้นไม้ต้นเดียวอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าและทุ่งนา ดูสวยงามกิ๊บเก๋และโรแมนติกดีค่ะ  ไม่รู้ว่าเป็นต้นอะไร แต่ใช้ชื่อว่า Ken & mary tree ค่ะ
ตามป้ายบอกว่าเป็นหนึ่งในต้นไม้ที่มีชื่อเสียงมากในโทรศัทพ์ช่วงปี 1972
เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงามคลาสสิคมากๆค่ะ แต่เสียดายท้องฟ้าครึมไปหน่อยค่ะ
เดินไปดูเจ้าต้นไม้นี้หน่อยค่ะ อยู่ติดริมถนนหนทางเลยนค่ะ
ปั่นจักรยานเลยต้นเคน แอนด์ มารี่ มาอีก จะเป็นวิวทุ่งนาข้าวบาเลย์สีทองเรืองรองผ่องอำไผ กับวิวภูเขาด้านหลังดูสวยงามมากๆค่ะ
อากาศในช่วงบ่ายๆบนเส้นทางปั่นจักรยาน เนินเขา Patchwork แห่งนี้ ลมพัดเย็นดี๊ดีค่ะ มองไปทางใหนก็เป็นทุ่งนาข้าวบาร์เลย์สีทอง และสีเขียว สลับสับเวี่ยง ดูสวยงดงามตา
บางครั้งก็ดูแปลกตาสำหรับคนไทยอย่างดิฉันค่ะ เพราะว่าไม่เคยพบไม่เคยเห็นทุ่งนาข้าวบารเลย์แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ แต่คนที่นี้ดูจะเป็นเรื่องปกติ และชินตาน่าเบื่อไปแล้วกระมังค่ะ

มองไปอีกมุมก็เป็นการปลูกพืชผัก แต่ไม่รู้ผักอะไรนะค่ะ ดูเขียวชะอุ่มเบิกบานละลานตาไปหมดค่ะ สวยสดใสละมัยอำพันมากๆค่ะ 
และกฎข้อห้ามสำหรับการมาเที่ยว Patchwork เพื่อชมวิวทุ่งนาข้าวบาร์เลย์ที่นี้ก็คือ ห้ามไม่ให้เข้าไปในฟาร์มพืชไร่ หรือทุ่งนาข้าวบาร์เลยของชาวบ้านค่ะ เพราะจะทำให้พืชไร่ของชาวบ้านที่นี้เสียหาย
ดิฉันก็เลยถ่ายรูปอยู่แต่ห่างๆค่ะ...ดูต้นข้าวบาร์เลยที่ทุ่งนาแห่งนี้สิค่ะ กำลังจะสุขงอมกลายเป็นสีทองแล้วค่ะ อีกไม่กี่สัปดาห์ เดี๊ยนว่าก็คงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วกระมังค่ะ
ฟาร์มข้าวบาร์เลย์ที่นี้ วิวสวยสดงดงาม ดูบรรยากาศชิวๆ โรแมนติก เหมือนในหนังฝรั่งเลยนะค่ะ มองไปทางใหนก็เป็นฟาร์มข้าวบาร์เลยสีทองเรืองรอง ผุดผ่องเป็นยองใย ลมพัดทิว ปลิวใสว งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักค่ะ
มองไปทางใหนก็เป็นฟาร์มข้าวบาร์เลยสีทองเรืองรอง ผุดผ่องเป็นยองใย ลมพัดทิว ปลิวใสว งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักค่ะ 
มุมต้นไม้สีเขียวอยู่บนเนินเขาสองต้น เป็นดาราเจิดจรัสท่ามกลางข้าวบาร์เลยค่ะ
ข้าวบาร์เลย์พันธ์ที่เมืองบิเอะแห่งนี้ น่าจะเป็นข้าวพันธ์เดียวกับที่ดิฉันไปดูมาเมื่อเช้านี้ที่ฟาร์มโทมิตะ เมืองฟูราโน่กระมังค่ะ เพราะดูเหมือนกันเป๊ะเลยค่ะ (Two rowed barly)
พอได้ดูวิวทุ่งนาข้าวบารเลย์สีทอง จนเรืองรองผ่องอำไพเต็มสองลูกกะตาแล้วนะค่ะ ดิฉันก็ปั่นจักรยาน ตามเส้นทางอันแสนโรแมนติกนี้ต่อค่ะ ยิ่งปั่นก็ยิ่งสวยนะค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ชมวิวจริงๆนะค่ะ ใครที่ชอบเที่ยวแนวชมธรรมชาติ ถ่ายรูปกับคู่รัก ต้องไม่พลาดแวะมาคึกๆคักๆที่นี้นะค่ะ
ผ่านทุ่งนาข้าวบาร์เลยอีกแล้วค่ะ เป็นข้าวสีเขียวชะอุ่มชุ่มชื่น บานฤทัยเชียวค่ะ
ถนนหนทางของฟาร์มในไร่ค่ะ สองข้างทางก็เต็มไปด้วยทุ่งนาข้าวบาร์เลย์ สีเขียวอ่อน สะท้อนแสงเรไร งามไฉไลสุดเก๋ เทห์ซ่ะเบาเชียวค่ะ

ำหรับสถานที่ท่องเที่ยว Patchwork Road ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองบิเอะ อยู่ไม่ไกลนัก โดยพาหนะ มีบรรยากาศแบบชนบท เรียบง่าย เงียบสงบไม่วุ่น เป็นพื้นที่อีกแห่งบนเกาะฮอกไกโดที่สวยงามตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหากมาเที่ยวช่วงฤดูร้อน ก็จะได้พบกับความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า และนาข้าวบาเลย์สีเขียว สีทอง ผุดผ่องอำไฟ  หากมาฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ก็จะมีเปลี่ยนสีสวยสดสะกดตาคู่รัก และหากมาฤดูหนาว ก็จะมีหิมะหนาๆขาวโพลนปกคลุมอยู่ทั่วทุกพื่นที่
ปั่นจักรยานมาเหนื่อยๆ เมื่อยก็แวะพักค่ะ การปั่นจักรยานไฟฟ้ามีข้อดีอย่างนะค่ะ ช่วยผ่อนแรงตอนปั่นขึ้นได้เยอะดีทีเดียวค่ะ เพราะไม่ต้องออกแรงเยอะค่ะ แต่ตอนปั่นลงแทบจะไม่ต้องใช้แรงเลยนะค่ะ ตอนลงนี้ลิ่วพลิ้วไสวมากๆค่ะ แต่ต้อนขึ้นก็แทบกระหักเลือดเหมือนกัน ถึงแม้เป็นจักรยานไฟฟ้าก็เถอะค่ะ ยิ่งเนินเขาสูงๆ แทบจะเ
การท่องเที่ยวเมืองนี้ ไม่มีอะไรมากค่ะ นอกจาได้ชมธรรมชาติ สวยงามแปลกตา และอยู่ในที่แปลกถิ่น ไม่เหมือนในบ้านเรา ก็เลยทำให้รู้สึกตื่นตา และได้สัมผัสจริงๆค่ะ หากเดี๊ยนเอามาเล่าก็คงไม่เท่าไปเห็นด้วยตาตัวเองจริงค่ะ เพราะรูปที่ดิฉันถ่ายมาก็ ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีมุมมองซูมๆ หรือจะหามุมศิลป์ถ่ายมากนักค่ะ
นอกจากทุ่งนาข้าวแล้วนะค่ะ ยังมีปลูกหอมใหญ่ด้วยค่ะ ไม่รู้ว่าใช่ต้นหอมใหญ่หรือเปล่านะค่ะ เพราะดูแล้วก็คล้ายต้นหอมค่ะ อันนี้เดาเอานะค่ะ
ใช้ต้นหอมใหญ่หรือไม่ อันนี้เดี๊ยนไม่ทราบ เดาเอาแบบมั่วๆค่ะ แต่เห็นปลูกกันบนเนินฟาร์มเขียวละลานเต็มไปหมดค่ะ 
ปั่นจักรยานมาอีกมุมก็เป็นทุ่งดอกไม้สีเหลือง คล้ายกับดอกคะน้าค่ะ มันเหมือนดอกคะน้าจริงนะค่ะ แต่ต้นมันใหญ่กว่า เดี๊ยนไม่รู้จะเรียกว่าดอกอะไร เพราะไม่มีป้ายชื่อบอก ก็เลยเรียกว่า ดอกคะน้า  น่าจะมีดอกคะป้า ดอกคะอา ดอกคะย่า ดอกคะยาย ด้วยก็คงจะดีนะค่ะ 555
ถึงแล้วค่ะจุดชมวิวทิวทัศน์ยอดนิยมอีกแห่งที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย นั้นก็คือ หอชมวิวโฮกุเซ (Hokusei Hill Observatory)
ตามข้อมูลบอกไว้ว่า The land of Biei,which has closely been associated with the volcanoes described above, began to be develvoped around 1894. The people from this region have worked together well with the landscape and characteristic of the volcanic ash foundation of this hiss tha was created by pyroclastic flow, to cultivate the fields and support agricuture in Biei.
มองจากหอชมวิวไปก็จะเป็นฟาร์มทุ่งหญ้า ทุ่งนาข้าวเขียวขจี และสวยงามโรแมนติกมากๆนะค่ะ
มองจากด้านหน้าก็จะเห็นตัวเมืองบิเอะและวิวภูเขาดูสวยงามเชียวค่ะ 

ดิฉันยืนอยู่บนหอชมวิวนี้ไม่นานก็ต้องรีบลมค่ะ เพราะแออัดมากนะค่ะ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวขึ้นมากันตลอดเลยค่ะ
ปั่นจักรยานไปชมวิว ชิลๆๆต่อค่ะ ตอนปั่นลงเนินเขา เดี๊ยนชอบมากๆค่ะ เพราะไม่ต้องใช่แรง รู้สึกว่าตัวจะปลิวสุดๆค่ะ 

แต่ตอนปั่นขึ้นเนินเขาเหนื่อยหน่อยค่ะ เพราะแม้จะมีแรงไฟฟ้าช่วยแต่ก็ต้องใช้แรงขาอยู่ดีค่ะ
ดิฉันปั่นจักรยานตามป้ายบอกทางมาเรื่อยๆค่ะ ก็ถึงแล้วค่ะ จุดชมวิวสวยงามและคลาสสิค โรแมนติกสุดแสนจะชิลเว่อร์นั้นก็คือ seven star ค่ะ
ถนนหนทางก็ดูสวยงาม ตามภาพช่วงบ่ายๆคลายจะตกเย็นแล้วค่ะ  มีนักท่องเที่ยวมายืนถ่ายภาพก็ตลอดค่ะ
 ดูต้นไม้เหลานี้ ไม่รู้ว่าต้นอะไร คล้ายต้นยูคาลิปตัส แต่ดูลักษณะใบแล้วไม่ใช่เลยค่ะ หรือว่ามาจากสปีชี่เดียวกันค่ะ เดี๊ยนเดาเอาค่ะ
ต้นไม้หลายต้นเรียงรายอยู่บนเนินเขาไม่กี่ต้น ก็มีคนมาถ่ายรูปด้วยเยอะเลยนะค่ะ
จุดชมวิวมุมนี้เป็นมุมสวยอีกแห่งของ ทริปเส้นทาง Patchwork Road ค่ะ เพราะจะได้เห็นวิวทุ่งนาข้าวบาร์เลย์ของชาวบ้าน กำลังสุกงอมเต็มอยู่เต็มทุ่งบนเนินเขาคล้ายกับภาพวาดค่ะ
มีมุมให้นั่งพักผ่อน รับลม ชมวิวด้วยนะค่ะ อยู่ใกล้ๆต้นไม้ Seven star tree เลบค่ะ 
ส่วนที่เห็นเป็นต้นไม้ใหญ่ เด่นตระหง่านอยู่ต้นเดียวนั้นก็คือ ต้นโอ๊คค่ะ (Seven star tree) เป็นดาราของที่นี้เลยนะค่ะ เรียกว่า เซเว่นสตาร์ทรีค่ะ
นี่แล้วค่ะ เจ้าต้นไม้โอ๊ค seven star tree พึ่งเคยเห็นต้นโอ๊คจริงๆก็มาเที่ยวเมืองบิเอะเนี่ยแหละค่ะ
ตามข้อมูลระบุไว้ว่า Seven star Tree (Oak)
A famous oak tree that was once used on the packaging of Seven stars tobascco.
ข้อดีของการปั่นจักรยานก็คือจะมีป้ายบอกจุดท่องเที่ยวตลอดค่ะ ว่าห่างอยู่ที่ใหนบ้าง แต่บางครั้งก็หลงทางบ้างค่ะ เพราะจุดท่องเที่ยวแต่ละแห่งก็ปั่นไปหลายกิโลเลยนะค่ะ
ปั่นจักรยานออกกำลังขา เมื่อยล้าก็หยุดพัก แวะชมทุ่งนาข้าวสีทอง งามผุดผ่องเป็นย่อง สวยสดใสสู่นัยตา งามระย้ายิ่งนักเชียว
ขี่จักรยานมาอีกหน่อยก็ค่อยพักให้หายเหนื่อยค่ะ บรรยากาศลมพัดเย็นชื่นใจ กับวิวทุ่งนาข้าวสีทอง มองสุดลูกหู ลูกตา สวยระย้าจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนจริงค่ะ
ตลอดเส้นทางบนถนนก็จะมีรถยนต์ส่วนตัวของนักท่องเที่ยวที่ขับรถกันมาเองก็แวะถ่ายรูปตามจุดต่างๆค่ะ เรียกว่ามีมุมสุดชิค สุดเก๋ ถ่ายกันได้ไม่เบื่อเลยค่ะ
ยิ่งช่วงบางจุดเป็นทุ่งนาข้าวและเนินเขามีลมพัดโชยเย็นๆ อยากจะเอาเสื่อมาปูนอนเล่นมากๆนะค่ะ เพราะอากาศดี๊ดีค่ะ ไม่ร้อนเลย เป็นเมืองน่าอยู่มากๆนะค่ะ
เพราะมองไปทางใหนก็มีแต่หุบเขา ทุ่งไร่นา ฟาร์มผัก ฟาร์มข้าวบาร์เลย์ของชาวบ้าน ที่กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวสุดแสนหวาน สำหรับคนรักการสำราญธรรมชาติไปแล้วล่ะค่ะ
แต่บางเส้นทางก็ไม่น่าเดินทางไปเลยนะค่ะ เพราะถนนหนทางก็ขรุขระไม่ค่อยจะสะดวกเท่าที่ควรค่ะ
ดิฉันใช้เวลาปั่นจักรยาน ทั้งนั่งพัก ชมวิว และเดินชิวถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ตั้งแต่บ่ายโมง ตอนนี้จะบ่าย 4  โมงแล้วค่ะ ดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือแล้ว คงต้องเดินทางกลับตัวเมืองบิเอะแล้วค่ะ
ดิฉันปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ ใช้เวลาพอสมควร ดื่มน้ำหมดไปเป็นแกนลอนเลยค่ะ เรียกว่าได้เหงื่อพอสมควร เพราะได้ออกกำลังแข้ง กำลังขา ดูกระฉับกระเฉงกว่าตอนนั่งทำงานในออฟฟิศเสียอีกค่ะ
ระหว่างขี่จักรยานมา ก็ผ่านฟาร์มน้องแกะด้วยนะค่ะอยากเข้าไปจังเลยค่ะ แต่ดูเวลาคงจะไม่พอ เดียวรอบหน้ามาใหม่ จะแวะมานะค่ะ 
มีป้ายติดบอกว่ายังเปิดอยู่ค่ะ เข้าไปได้นะค่ะ แต่ดูเวลาตอนนี้ก็ปาไป 4 โมงเย็นแล้วค่ะ
ได้เวลาที่ต้องปั่นจักรยานกลับแล้วค่ะ จริงๆแล้ว ยังมีจุดชมวิวอีกมากมายให้ถ่ายรูปค่ะ สำหรับเส้นทาง Patchwork แต่เนื่องจากดิฉันไม่อยากเหนื่อยมาก ก็เลยเที่ยวชมเอาตามแรงที่ตัวเองพอไปใหวค่ะ ไม่งั้นเดี่ยวขาลาก เหมือนทริปเดินเขาทาเตยาม่าค่ะ อันนี้เหนื่อยมากๆ จำได้เข็ดเลยว่า จะวางแผนเวลาให้ดีๆนะค่ะ

การมาเที่ยวเมืองบิเอะ ถ้าให้ดี แนะนำค่ะ ให้เที่ยวตั้งแต่เช้าไปเลยนะค่ะ เพราะที่เที่ยวแต่ละแห่งอยู่กันคนละโยกคนโซก ปั่นกันทีกล้ามขึ้นเลยนะค่ะ ถ้าใครที่ชอบเที่ยวแนวนี้นะค่ะ อยากจัดทริปปั่นจักรยานชมวิวเส้นทางนี้ แนะนำให้เปั่นตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยค่ะ เอาให้ครบไปเลยจะดีมากๆเลย เพราะได้ออกกำลังกาย และได้เที่ยวแบบชิลๆ ไม่ต้องรีบแบบชะโงกทัวร์ค่ะ  แต่สำหรับเดี๊ยนขอเที่ยวแบบชะโงกทัวร์ค่ะ เพราะเวลาจำกัดเหลือเกินนะค่ะ
 เวลาประมาณ 4 โมงกว่าก็ปั่นจักรยานหลงทางมาเรื่อยๆจนมาถึงสถานีรถไฟบิเอะค่ะ  พอปั่นจักรยานมาถึงก็คืนจักรยานให้ทางร้านค่ะ รวมค่าใช้จ่าย 1800 เยนค่ะ ใช้เวลาเที่ยวบนเส้นทาง Patchwork ทั้งหมด 3 ชั่วโมงค่ะ
เดี๊ยนรู้สึกจะไม่ไหวแล้วค่ะ เริ่มหมดแรงไปกับการใช้พลังงานขาเยอะไปหน่อยค่ะ เลยขอซื้อกล้วยมาเติมพลังหน่อยค่ะ  พอดีที่ร้านสะดวกซื้อในร้านเช่าจักรยาน กำลังลดราคาผักและผลไม้ เดี๊ยนเลยจัดมา 1 แพ็คราคา 200 เยน จากราคาปกติ 500 เยนค่ะ มาทานช่วยเติมพละกำลังให้มีวัง มีชา ลั๊ลลาต่อได้เยอะเลยค่ะ
และไม่นานเวลาประมาณ 4 โมงครึ่งกว่าก็ได้ขึ้นรถไฟแล้วค่ะ ดิฉันเลยแบกเป้ เพื่อเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงแห่งเกาะฮอกไกโดที่เมืองซับโปโรอีกครั้งค่ะ เพื่อไปพักค้างคืนที่นั้นก่อนหนึ่ง ก่อนจะเดินทางไปยังเมืองถัดไปค่ะ

ตอนแรกว่างแผนไว้ค่ะว่า จะพักที่เมืองนี้สักคืน แต่เนื่องจากจองที่พักกระชันชิดไป ที่พักราคาถูกๆไม่มีว่างเลยค่ะ ดิฉันเลยต้องเปลี่ยนแผนไปพักที่เมืองซับโปโรค่ะ
สำหรับการเดินทางกลับไปยังเมืองซับโปโรนี้นะค่ะ

เริ่มเดินทางจากเมืองบิเอะ ไปลงที่สถานีอาซาฮิกาว่า จากนั้นก็นั่งรถไฟจากเมืองอาซาฮิกาวะ ไปลงเมืองซับโปโรค่ะ
หลังจากที่ได้ขึ้นรถไฟสาย JR ท้องถิ่นจากเมืองบิเอะมาถึงเมืองอาซาฮิกาว่าแล้วนะค่ะ ก็มาขึ้นรถไฟ Express เพื่อเดินทางไปยังเมืองซับโปโรค่ะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ 
 ดิฉันนั่งหลับบนรถไฟมาเกือบ 2 ชั่วโมงเต็มค่ะก็ถึงเมืองซับโปโรแล้วค่ะ หลังจากนั้นดิฉันก็แบกเป้ เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินจากสถานี Sapporo ไปยังสถานี Sukano เพื่อเดินไปยังโรงแรมที่พักสำหรับนอนคืนนี้ค่ะ ชือโรงแรมว่า Stay sapporo ค่ะ
สำหรับที่พักคืนนี้ แวะมาพักค้างแรมที่โรงแรม Stay Sapporo ที่พักแนวชิคๆเก๋ คลิ๊กดูรีวิวและรายละเอียดห้องพักได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/FzVRuc
โรงแรมตั้งอยู่ใกล้ๆกับโรงแรม 365 ซึ่งพักเมื่อวันที่ 19 เลยค่ะ แต่โรงแรมนี้ราคาแพงกว่าค่ะ พอดีโรงแรม 365 ห้องพักเต็ม ทางโรงแรมเลยแนะนำให้ดิฉันพักค้างที่โรงแรมนี้ค่ะ ราคาคืนละ 3000 เยนค่ะ หรือคืนละ 900 บาท เป็นที่พักแนวโฮสเทล ห้องน้ำรวมค่ะ
มารีวิวโรงแรม Stay sapporo ดูสิว่าจะสวยงามน่าพักแค่ใหน มุมนี้เป็น Space area มีโซนครัวทำกับข้าวให้ด้วย
 เข้ามาก็เช็คอินน์ได้กุญแจเรียบร้อยค่ะ  แต่ยังไม่เข้าห้องพักนะค่ะ
อาหารมื้อค่ำนี้ หนีไม่พ้นร้านสะดวกซื้อเช่นเดิมค่ะ เนื่องจากง่ายและสะดวกแถมประหยัดสุดล่ะ
 ก่อนจะเข้าพัก เดี๊ยนเลยขอมาทานอาหารมื้อค่ำนี้ก่อนค่ะ ทานซุปผักค่ะรสชาติไม่อร่อยเลย no car no nation ไม่มีรส ไม่มีชาติเอาเสียเลยค่ะ
ล็อกบี้ที่โรงแรม Stay sapporo คลิ๊กดูรีวิวและรายละเอียดห้องพักได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/FzVRuc
 บรรยากาศห้องทานข้าว ห้องนั่งเล่น หรือ Space area ของโรงแรมค่ะ
 รีวิวโรงแรม Stay Sapporo ได้กุญแจแล้ว ก็แบกกระเป๋าเข้าห้องพัก จะได้อาบน้ำและเข้านอนพักผ่อนค่ะ
 หลังจากทานข้าวอิ่ม ดิฉันก็ขึ้นมายังห้องพัก
ห้องพักที่โรงแรม Stay sapporo ดิฉันเลือกพักห้องแนวโฮสเทล เตียงนอนรวมค่ะ สภาพถือว่าดีทีเดียวค่ะ
 เข้าห้องนอนคืนนี้ค่ะ เป็นที่พักแนวโฮสทเล คล้ายห้องแคปซูลเล็กๆ กะจิ๊ดลิ๊ด แต่สะอาดสะอ้าน ตกแต่งดูเก๋ๆ น่าจะเหมาะกับวัยรง วัยรุ่น ดูมันวุ่นๆเซอๆเรียบๆ เนี๊ยบๆดีค่ะ ในห้องอันเล็กนี้ก็มีที่นอน หมอนนุ่มเป็นหมอนขนเป็ดด้วยนะค่ะ นิ่นมากๆ ที่นอน ผ้านวมให้ มีไฟให้ ฟรี Wifi  ส่วนห้องน้ำ ก็เป็นห้องรวมแต่เป็นห้องอาบแบบส่วนตัว ถือว่าโอเคดีเลยค่ะ
สำหรับใครที่อยากมาพักค้างที่โรงแรมนี้ ดูรายละเอียดและรีวิวห้องพักเพื่อนำไปตัดสินใจก่อนได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/FzVRuc
พอเข้าสู่ห้องพักเรียบร้อยแล้วนะค่ะ ดิฉันก็ทำภารกิจส่วนตัวจนเสร็จ จากนั้นก็นานก็เข้านอน หลับฝันดีและร้ายไปตลอดคืนค่ะ

สำหรับใครที่อยากมาพักค้างที่โรงแรมนี้ ดูรายละเอียดและรีวิวห้องพักเพื่อนำไปตัดสินใจก่อนได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/FzVRuc 

จบทริปเที่ยวเมืองบิเอะ และเมืองฟูราโน่ค่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางแบ็คแพ็คที่ดิฉันตั้งเป้าหมาย มาสุดปลายทางเหนือสุดที่ 2 เมืองนี้จนได้ค่ะ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มาแล้วไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ สวยงาม เบิกบานสมคำล่ำลือกับความงามของมวลดอกไม้หลากสีสัน และฟาร์มข้าวบาร์เลย์ที่กว้างใหญ่ สุดลูกหูลูกตา หากมีเวลามากกว่านี้ คงได้จรลี เดินไปฉิมพลีแบบสุดขั้วแน่นอนค่ะ หากใครที่รักและชื่นชอบการท่องเที่ยวชมดอกม้ง ดอกไม้ ต้องไม่พลาดแวะมาเยือนดูสักครั้งค่ะ เปิดโลกทัศน์ให้กว้าง รับรองว่าสวยเป๊ะปังอลังการจริงๆจ้า

ยังไม่จบนะค่ะ เดียวมาขึ้นบล็อกใหม่ต่อค่ะ เป็นตอนที่ 12 ค่ะ โดยรีวิวบทความบล็อกถัดไป ดิฉันจะพาทุกๆท่านไปเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะ เมืองสุดแสนโรแมนติกอีกแห่งบนเกาะฮอกไกโด ที่ใครๆก็เฮโลมาเที่ยวกันค่ะ อย่าลืมเข้ามาติดอ่านกันนะค่ะ

สำหรับรีวิวบทความในบล็อกนี้ ดิฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย และหวังว่าน่าจะกระตุ้นต่อมให้คุณผู้อ่านทุกๆท่านที่รักการเดินทางท่องเที่ยว ออกมาโลดแล่นแบ็คแพ็ค สะพายกล้อง มาด้อมๆ มองๆ ในต่างประเทศกันสักครั้งนะค่ะ หากข้อมูลรีวิวในเว็ปบล็อกนี้ มีข้อผิดพลาด อักขระพิมพ์ผิดๆ ตกๆหล่นๆ ประการใด เดี๊ยนเองต้องกราบขอขมา ลาอภัยคุณผู้อ่านทุกๆท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกในบล็อกถัดไปนะค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
----------------------------------------------------------------------------------------- 
รวมบทความบล๊อกเที่ยวเดือนละ 1 ครั้ง มีดังนี้ค่ะ(จะทยอยอัพเดทเรื่อยๆค่ะ บล็อกจะได้ไม่ร้างค่ะ)
แนะนำโรงแรมในเกาะฮอกไกโด แช่ออนเซ็น เห็นวิวสวยๆ คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก>>
รวมเด็ดกับที่พักในเกาะฮอกไกโด นอนแช่น้ำพุร้อนออนเซ็น เห็นวิวสวยๆ อากาศดีๆ นอนสบายๆ สำหรับคู่รักและครอบครัว คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก+เบอรโทรติดต่อค่ะ>>>
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2M20mpq

รวมที่พักราคาประหยัด ใกล้สนามบินนาริตะ (Hotels near Narita Airport) คลิ๊กดูที่พัก>>
แนะนำโรงแรมใกล้สนามบินนาริตะ จัดโปรโมชั่นราคาประหยัด นอนพักชั่วคราว สำหรับพักคู่และครอบครัว คลิ๊กดูรายชื่อที่พัก+เบอร์โทรติดต่อค่ะ>>>
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2ovmvCR
แนะนำโรงแรมแถวอุเอะโน(Ueno Hotels Zone) ราคาประหยัด มีห้องน้ำในตัว คลิ๊กดูที่พัก>>
รวมที่พักแถวอุเอโนะโตเกียว ราคาถูก ห้องนอนมีห้องน้ำในตัว ใกล้สถานีรถไฟ สะดวกสบาย คลิ๊กดูรายชื่อที่พัก+เบอร์โทรติดต่อ>>
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2mvLJ39
รวมรายชื่อที่พักย่านชินจูกุ ราคาสุด ประหยัด ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก>>
รวมที่พักแถวชินจูกุ ราคาถูก ประหยัด เริ่มต้นหลักร้อย ใกล้สถานีรถไฟ เดินไปได้ไม่ไกล ใกล้ร้านอาหารและย่านท่องเที่ยว คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก+เบอร์โทรติดต่อ>>>
รวมโรงแรมในเมืองเกียวโต สไตล์เรียวกัง นอนแช่ออนเซ็น สบายๆ คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
แนะนำโรงแรมในเกียวโต นอนแช่ออนเซ็นสบายๆ ชมวิวสวยๆ ห้องสไตล์เรียวกัง มีที่ใหนน่าพักบ้าง คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก+เบอร์โทรติดต่อค่ะ>>> 
หรือดูภาพห้องพักที่เว็ป : http://bit.ly/2Zd7aEn

รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
มาเน้อเจ้า..มาแอ่วภูลังกา ดูทะเลหมอกสวยระย้าจับใจ แวะตะไลไปเชียงคำ สัมผัสวัฒนธรรมไทลื้อ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>> 

แบ่งปันวิธีการเดินทางไปเที่ยวชมสวนดอกไม้ Hamamatsu ไม่ยากเลยจ้า คลิ๊กดูการเดินทาง>>
แบ่งปันรีวิววิธีการเดินทางไปเที่ยวชมสวน Hamamatsu flower Park ด้วยตัวเองมาฝาก ไม่ยากเลยจ้า คลิ๊กดูรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวโตเกียวช่วงดอกซากุระบานตามสวนต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย>>>
แบ่งปันรีวิวพาเที่ยวโตเกียวช่วงฤดูดอกซากุระบาน ยลความอลังการของสวนต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>
ทริปสั้นๆ รีวิวแบกเป้นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองนีกาตะยามเย็น คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
ทริปสั้นๆ รีวิวนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองนีกาตะยามเย็น เดินเล่นชมเมือง กับเวลาอันน้อยนิด ไปดูสิมีอะไรให้ชมบ้าง คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
รีวิวเที่ยวเมืองมัตสึโมโต้ เมืองน่ารักที่ไม่ได้มีแค่ปราสาทเท่านั้น คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองมัตสึโมโต้(Matsumoto)ในวันเหงาๆ อากาศหนาวเว่อร์ เมืองเล็กน่ารักที่ไม่ได้มีแค่ปราสาทเท่านั้น คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเกียวโตยามสนธยา แวะไปลั๊ลลาเมืองฮิเมจิ คลิ๊กดูรีวิวการเดินทางจ้า>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเกียวโตยามสนธยา วะไปช่ะช่ะช่าเมืองฮิเมจิ ไปดูสิว่ามีอะไรให้ชื่นชมบ้าคลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
แบกเป้ไปเกาะชิโกกุ เที่ยวทะลุเมืองทามัตสึ มีแต่อันปังแมนน่ารัก คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
แบกเป้ไปเกาะชิโกกุ แวะเที่ยวทะลุเมืองทาคามัตสึ ไปดูสิว่ามีอะไรน่าเที่ยวบ้าง Let's go คลิ๊กดูภาพรีวิวและการเดินทางค่ะ>>
แวะเที่ยวคิตะคิวชู เมืองน่าเที่ยวอีกแห่งที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน คลิ๊กดูที่เที่ยว>>
รีวิวแวะเที่ยวเมืองคิตะคิวชู เมืองน่าดูต้องแวะไปจุ๊กกรูอีกแห่ง ที่ไม่ได้เป็นแค่เมืองทางผ่าน เพราะมีสถานที่น่าสนใจไม่น้อย คลิ๊กดูภาพรีวิวและการเดินทาง>>>
รีวิวเที่ยวเมืองคุมาโมโตะ ชมปราสาทใหญ่โตโอฬารและดอกไม้บาน คลิ๊กดูรีวิวการเดินทาง>>
รีวิวเที่ยวเมืองคุมาโมโตะ ไปชมปราสาทใหญ่โตที่โดนแผ่นดินไหว แต่ก็งามวิไลด้วยดอกไม้บาน ของทานอร่อยเริ่ดๆ คลิ๊กดูภาพรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
แบกเป้เที่ยวนาโกย่า รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมือง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวนาโกย่า ไปลั๊ลลาชมดอกซากุระ รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟไปยังสถานที่ท่องเที่ยว คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวเมืองพะเยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อเจ้า..มาแอ่วเมืองพะเยา นอนคลอเคล้าริมกว๊าน งามอลังการสะท้านโลกา คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อมาเที่ยวเมืองแพร่ แลยลชมธรรมชาติ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อเจ้า...มาเที่ยวเมืองแพร่ เดินแลงานยี่เป็ง แวะไปชมพระธาตุดอยเล็ง วิวสวยเจ๋งงามเริ่ดสะแมนแตน คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>>
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักยานไปชมดอกลาเวนเดอร์บานๆ อลังการเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้คนเดียวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 10 ปั่นจักรยานไปชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์บานตอนเช้าๆ สวยแพรวพราวน่ารักเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 9 เดินชิลชมเมืองซับโปโรครึ่งวัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แบ็คแพ็ครีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 9 เดินชิลๆชมเมืองซับโปโร ไปเดินเฮโลที่คลองโอตารุ สวยทะลุสู่ยอดฟ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 7 รีวิวการเดินทางไปหลังคาญี่ปุ่นด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 7 รีวิววิธีการเดินทางไปเจแปนแอลป์ด้วยตัวเองมาฝาก ภูเขาสวยงามมาก กระชากใจเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น