ขอสวัสดีทักทายเพื่อนๆเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนนแสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจกันทุกๆคนอีกครั้งนะคะ หลังจากที่รีวิวตอนที่แล้วได้มารีวิวนั่งรถไฟเดินทางไกลไปเมืองนีกาตะ หรือดินแดนแห่งข้าวอบกรอบแห่งอาทิตย์อุทัยไปแล้วตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2019/05/backpack-to-travel-Niigata-city-japan-cherry-blossom-festival.html
เข้าสู่บทความรีวิวบล็อกนี้ ดิฉันก็ขอมาบอกเล่า เก้าสิบ พาเพื่อนๆคุณผู้อ่านไปเที่ยวเมืองโตเกียวไปชมดอกซากุระบานกันค่ะ แน่นอนว่าหากเอ่ยถึงช่วงฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศมาเยือนกรุงโตเกียวมากที่สุด ก็เห็นจะต้องยกให้ช่วงฤดูดอกซากุระบานเนี่ยแหล่ะค่ะ เพราะดอกไม้จะบานตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม - ไปจนถึงกลางเดือนเมษายน เป็นช่วงต้อนรับเทศกาลฮานามิ ที่คนญี่ปุ่นจะออกมาพักผ่อน หย่อนใจ พกอาหารชุดเบนโตะและปิกนิกเสื่อมานั่งทานตามสวนสาธารณะเพื่อชมดอกไม้บานกันทุกๆปี
และมาเที่ยวโตเกียวครั้งนี้ ก็มาถึงช่วงจังหวะเหมาะพอดี เนื่องจากมีการเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าไปเดินชมดอกซากุระภายในบริเวณพระราชอิมพีเรียลได้ด้วย โดยเปิดให้ชมตั้งแต่ วันที่ 30 มีนาคม - 7 เมษายน ซึ่งปกติแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาชมพระราชอิมพีเรียลส่วนใหญ่ หากไม่ได้มาช่วงนี้ก็จะได้ไปถ่ายภาพแค่มุมสะพาน Nijubashi Bridge เท่านั้น แต่หากมาเที่ยวช่วงปลายเดือนมีนาคม จะพิเศษกว่าก็คือ จะได้เข้าไปชมดอกซากุระภายในพระราชวังอิมพีเรียลด้วย
เพื่อไม่ไม่ให้เสียเวลา ดิฉันขอมารีวิวพาคุณผู้อ่านไปชมบรรยากาศภายในพระราชวังอิมพีเรียลกันเลย และนอกจากนียังมี จุดชมดอกซากุระบานสะพรั่งๆในเมืองโตเกียวสวยๆอีกหลายแห่งให้แวะไปถ่ายรูปกันด้วย เผื่อใครที่กำลังจะวางแผนจูงมือพาคนรักมาเที่ยว ก็แวะมากันได้จ้า
เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ ต่อจากรีวิวตอนที่แล้ว ตามเว็ปไซต์ลิงค์ ; https://khunnaiver.blogspot.com/2019/05/backpack-to-travel-Niigata-city-japan-cherry-blossom-festival.html
เช้าวันใหม่กับอากาศหนาวในกรุงโตเกียว ที่โรงแรม Hiromas Hostel in Kanda ที่พักคืนละ 510 บาท ใกล้สถานีรถไฟ Jr Kanda เหมาะสมกับราคาดีค่ะ
เพราะที่พักอยู่ในโซนไม่วุ่นวาย แม้จะไม่ติดสถานีรถไฟ และเดินมาไกลจากสถานีพอสมควร แต่สภาพที่พักโดยรวม ถือว่าดีเริ่ดมาก เพราะราคาไม่แพง
โดยอาหารเช้ามื้อนี้ก็ทานแบบง่ายๆ ไปซื้อข้าวปั้นจากร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยมาทานเติมพลังเที่ยวต่ออีกวัน โดยที่โรงแรม ก็มีโซนครัว มีอุปกรณ์ทำกับข้าว รวมทั้งจานชามให้ทำกินด้วย ใครอยากทำอะไร ทำไปโล้ด แต่ทำแล้วล้างและเช็ดให้สะอาดด้วยนะคะ
ส่วนรีวิวภาพบรรยากาศต่างๆในโรงแรมนั้น ดิฉันได้รีวิวไว้ในบทความตอนก่อนหน้านี้แล้ว ขอไม่รีวิวเพิ่มนะคะ
โดยสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้พระราชวังอิมพีเรียลที่สุดคือ นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว), Keihin-Tohoku Line (สายสีฟ้า) ลงสถานี Tokyo ทางออก Marunouchi Central Exit แล้วเดินมาไม่ไกลประมาณ 300 เมตร หรือเลือลง สถานีรถไฟ Yarakucho
แต่สำหรับดิฉันเลือกไปลงที่สถานีรถไฟ Yarakucho ค่ะ เนื่องจากเป็นสถานีขนาดเล็ก ไม่วุ่นวายเหมือนสถานีโตเกียว
พอนั่งรถไฟถึงสถานีรถไฟ Yarakucho แล้ว ก็เดินเท้าไปยังพระราชวังอิมพีเรียล
ยิ่งเดินเข้าใกล้พระราชวังเท่าใหร่ ก็เห็นมวลมหาประชานักท่องเที่ยวเยอะขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ และครอบครัวหมู่คณะทั้งนั้นเลยค่ะ
ระหว่างนั้นก็มีป้ายลูกศรชี้บอกทางชัดเจนว่าจะไปถ่ายรูปที่มุมสะพาน Nijubashi bridge หรือจะเข้าไปชมด้านในของถนน Inui Street in The imparail palace
แต่ใหนๆก็มาถึงโตเกียวทั้งที ก็แวะถ่ายรูป สะพาน Nijubashi ไว้สักหน่อยก็ดีนะคะ เนื่องจากเป็นภาพที่นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวชมและถ่ายภาพได้ตลอดทั้งปี
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพระราชวังอิมพีเรียล อ่านดูกันสักเล็กน้อย
สำหรับพระราชอิมพีเรียล เป็นพระราชวังหลวงซึ่งเป็นที่ประทับหลักของจักรพรรดิญี่ปุ่น ภายในเป็นสวนขนาดใหญ่ อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟโตเกียว ซึ่งประกอบด้วยพระราชมนเทียร พระตำหนักของพระราชวงศ์ พิพิธภัณฑ์ของสะสมในพระองค์ สำนักพระราชวังหลวง และอุทยานต่างๆ มากมาย
พระราชวังแห่งนี้นี้สร้างขึ้นบนพื้นที่เดิมของปราสาทเอโดะ ซึ่งเป็นที่อยู่ของโชกุนจากตระกูลโทกูงาวะ โดยพระราชวังเดิมได้ถูกระเบิดทำลายลงไปมาก ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และได้รับการบูรณะใน ค.ศ. 1964 พื้นที่โดยรวมมีขนาด 1.15 ตารางกิโลเมตร โดยปัจจุบันยังมีฐานปราสาทเอโดะที่หลงเหลืออยู่ด้วย
สำหรับสะพานนิจูบาชิ (Nijubashi) แรกเริ่มเดิมทีนั้นเป็นสะพานไม้ 2 ชั้น จึงได้ชื่อว่านิจูบาชิ หรือแปลว่า 2 ชั้นนั้นเอง และหลังจากได้ที่สร้างสะพานใหม่เป็นสะพานหิน มีรูปร่างเป็นครึ่งวงกลม ซึ่งสะท้อนไปกับผิวน้ำรอบคูพระราชวัง ก็ทำให้คนเรียกสะพานแห่งนี้เป็นสะพานแว่นตา การมาชมสะพานแว่นตานั้นสามารถชมได้ทุกวันตลอดเวลา เนื่องจากอยู่นอกพระราชวัง
หลังจากไปชมสะพานนิจูบาชิ(์Nijubashi)ไปแล้ว ก็เดินมาเข้าแถวเพื่อผ่านด่าน ตรวจอาวุธต่างๆก่อนเข้าไปยังพระราชวังอิมพีเรียลค่ะ ซึ่งวันที่ไปนี้ก็เห็นนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ
ภายในพระราชวังอิพีเรียลเปิดให้เข้าชมฟรี ในส่วนของ ถนน Inui street to the Public
เปิดตั้งแต่วัน 30 มีนาคม ถึงวันที่ 7 เมษายน
โดยต้องเดินเข้าทางประตู Sakashita-mon Gate เปิดชมตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้า จนถึง บ่าย 3.30 โมง
และออกที่ประตู Imui-mon Gate,Ote-mon Gate,Kitahane Bashi mon Gate
เมื่อต่อคิวเข้าแถวผ่านด่านตรวจสิ่งของมาแล้ว
ก็เดินเข้าประตู Sakashita mon Gate ก่อนเลยค่ะ
พอเข้ามาในบริเวณเขตพระราชวังด้านในแล้ว ห้ามถ่ายรูปเซลฟี่นะคะ มีป้ายติดบอกชัดเจนเลย
โดยส่วนที่ทางสำนักพระราชวังเป็นให้ชมนี้ เป็นเส้นทาง ถนน Inui street บรรยากาศโดยรอบก็สวยงาม ดูเรียบง่ายๆ ตามสไตล์ญี่ปุ่น
โดยต้นซากุระบางต้นที่อยู่ในพระราชวังแห่งนี้ ดูจากลักษณะลำต้นแล้ว อายุอานา นานจะนานกาลโขหลายปีเชียว
ดูแล้วค่อนข้างจะเพลิดเพลินจำเริญใจนัก เพราะอากาศตอนกลางวันก็ไม่ร้อน และไม่หนาวจนเกินไป เหมาะแก่การมาเดินทัศนา ชมดอกไม้ให้สุขอุรากันยิ่งนัก
และตลอดทางเดินด้านซ้ายมือจะเป็นที่ตั้งของประตู และเขตวังต่างๆ มีป้ายชื่อบอกด้วย อย่างภาพที่เห็นนี้อยู่นี้คือ Hasuike-Sanshujo หรือเป็น Meeting House
ส่วนที่ทำให้นักท่องเที่ยวตื่นตา ก็คงเป็นดอกซากุระพันธุ์ต่างๆ
ที่ผลิดอกออกบานสะพรั่ง งามอลังการ สะท้านโลกายิ่งนัก
ยิ่งมุมใหนที่สวยๆ ผู้คนก็จะออ มุงถ่ายรูปกันอย่างหนาแน่น อย่างเช่นบริเวณ Dohkanbori
อีกหนึ่งทิวทัศน์แอ่งน้ำในเขตพระราชวังอิมพีเรียลอันสวยงาม ดูเงียบสงบ เยือกเย็น เห็นแล้วชื่นอุรายิ่งนัก
ดอกซากุระภายในพระราชวังอิมพีเรียลมีให้ชมหลายสายพันธุ์
หากใครที่ชื่นชอบการชมดอกไม้แล้ว ต้องแวะมาเดินชมให้สุขสมอุราสักครั้งครา
เพราะบรรยากาศโดยรอบเหมือนป่าอยู่กลางเมือง
หากแต่ว่าต้นซากุระต้นละต้นที่ปลูกไว้ ก็ไม่ใช่ว่าจะไปเด็ดดอมดมได้ง่ายๆนะคะ
เพราะมีกำแพงรอบรั้ว กั้นไว้อย่างดี มิให้ใครไปย่างกรายทำลายลงได้ เพื่อให้ได้ดอกบานติดอยู่บนต้นได้ให้นานที่สุด
นอกจากบริเวณดังกล่าวแล้ว ภายในวังยังมีในสวนของพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้เข้าไปชมด้วยนะคะ
และชื่นชมให้เพลิดเพลินจำเริญใจกับดอกไม้บานๆในช่วงเทศกาลฮานามิ หรือเทศกาลชมดอกซากุระบานสะพรั่ง ก็เป็นหนึ่งกิจกรรมดีๆในการต้อนรับความสดใส
หากเดินมาเรื่อยๆก็ไม่ต้องกลัวหลงนะคะ เพราะมีป้ายบอกทางไปยังสถานที่ต่างๆให้ได้
เดินชมไม่นานก็มาสุดทางที่ประตูทางออกของพระราชวังแล้วค่ะ สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนมาเที่ยวโตเกียวในช่วงปลายเดือนมีนาคม ก็อย่ามลืมแวะมาชื่นชม เที่ยวชมดอกซากุระบานสะพรั่งในพระราชวังอิมพีเรียลดูสักครั้งนะคะ
และใกล้ๆกันกับพระราชวังอิมพีเรียล ก็เป็นสวน Chidorigafuchi Park
อีกหนึ่งสวนสวยชื่อดัง ที่ได้รับความนิยมตลอดกาลในการชมดอกซากุระ
ว่ากันว่าเป็นจุดชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดอีกแห่งก็ว่าได้
เดินข้ามทางม้าลายมาหน่อยก็เป็น Chidorigafuchi National Cemetary
ถัดมาก็เป็นบรรยากาศภายในสวน chidorigafuchi park รายล้อมไปด้วนต้นไม้นานาพันธ์ให้ร่มเงา เย็นสบาย สวยงามยิ่งนัก
เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริงค่ะ
มีน้ำตกขนาดเล็กๆไหลหลงจากหน้าผา ลงลำธาร ให้ได้ชมกันอีกด้วย
และมีจุดถ่ายรูปใต้ต้นซากุระสวยๆ รุ่มระรวยไปด้วยดอกที่กำลังผลิบาน ร้าวรานจับใจ ให้กดชัดเตอร์กันแบบระรวไปเลยล่ะค่ะ
หรือใครที่มากันเป็นกลุ่มๆแบบครอบครัว จะมานั่งระรัวปูเสื่อพกอาหารปิกนิคมาทาน ก็คงจะเริงสำราญไม่น้อยเช่นกัน
และหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมตลอดกาลที่สวน Chidorigafuchi คงเป็นการพายเรือ ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดนิยมของคู่รักฮันนีมูน และครอบครัวต้องมานั่งพายเรือ ถ่ายรูปชมดอกซากุระรอบสระน้ำในสวนแห่งนี้
และยังเป็นจุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมที่สุดด้วย
หากใครอยากออกกำลังกาย ต้องสักครา
เพราะบานอลังการดั่งที่เขาร่ำลือกันแท้จริงเชียว
นักท่องเที่ยวที่พายเรือส่วนใหญ่ ก็มากันเป็นคู่ๆนั่งได้ลำละ 2 คน ถ้าเพิ่มไปอีกคน เรือคงจะจมหรือไม่ อันนี้เดี๊ยนก็ไม่ทราบแน่ชัด
แต่ถ้าหากใครที่ไม่อยากพายเรือ ก็นั่งพักชมทิวทัศน์และดอกซากุระภายในสวนได้เช่นกัน
นอกจากนี้มีป้ายเตือนนักท่องเที่ยวที่มาชมเทศกาล Hanami ในสวนแห่งนี้ด้วยว่า หากพกอาหารปิกนิคมาทาน ก็อย่าลืมนำกลับออกไปด้วย
เนื่องจากช่วงดอกซากุระบาน เป็นช่วงเทศกาลที่มีผู้คนมาเที่ยวมากมายในสวนแห่งนี้ ยังไงก็ลืมช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยนะคะ
และใกล้ๆกับสวน chidorigafuchi park ก็เป็นที่ตั้งของศาลเจ้ายาสุกุนิ (Yasukuni Shrine)
เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าเก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว
โดยศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นศาลเจ้าที่ได้รับความนิยมจากนักเดินทางแวะมานมัสการสักการะอย่างไม่ขาดสาย นอกจากจะอยู่ใกล้ๆสวน chidorigafuchi park แล้ว ภายในศาลเจ้าเอง ก็มีต้นซากุระปลูกเรียงรายไว้ให้ชม และยังมีร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย
หลังจากไหว้ศาลเจ้ายูสุกุนิแล้ว ก็นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Ueno station เพื่อไปชมดอกซากุระที่สวน Ueno Park ค่ะ
เนื่องจากเป็นสวนแห่งนี้ไม่ได้เป็นแค่สวนธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นสวนที่มีครบครันให้ได้ชมและเพลิดเพลินกันได้แก่ สวนสัตว์,ศาลเจ้า,วัดวาอาราม,ทะเลสาบ มีต้นไม้ปลูกโดยรอบภายในสวนมากมาย โดยเฉพาะต้นซากุระที่ผลิดอกออกบานสะพรั่งในช่วงปลายเดือนมีนาคม
ทำให้สวนอุเอะโน่ เป็นสวนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวตลอดกาล ทุกยุค ทุกสมัย โดยเฉพาะทางเดินที่รายล้อมไปด้วยต้นซากุระที่แผ่กิ่งก้านสาขา แตกระย้ามาที่ทางเดิน นักเดินทางที่มาชื่นชม ต่างก็สุขสมอุรากันแทบทุกราย
ประตูทอง Karamon Gate ในสวนอุเอะโน่
มีวัดเบนเทนโด ชิโนะบะสุโนะอิเคะ ซึ่งตลอดทางเดินก็มีร้านอาหารริมทางให้ได้เลือกซื้อทานกันด้วย
ต้นซากุระกำลังผลิดอกบานสะพรั่งเรียงรายตลอดทางเดินระหว่างทะเลสาบและบ่อน้ำชิโนบะสุ
โดยทะเลสาบจะมีจักรยานน้ำให้ปั่นและเรือให้พายอีกด้วย
บ่อน้ำชิโนบะสุ เป็นบ่อที่เต็มไปด้วยต้นบัวหลวงมากมาย แต่ช่วงนี้ยังอยู่ในสภาพค่อนข้างเย็น ต้นบัวหลวงเลยแห้งเหี่ยวขดตัวอยู่ใต้ดินอยู่ค่ะ หากเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนและหน้าฝนคราใด ต้นบัวหลวงจะเติบโตออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วบ่อแห่งนี้
หลังจากเดินชมบรรยากาศในสวนอุเอะโน่จนเพลินใจแล้ว ก็ได้เวลามาหาอะไรทานแล้วล่ะค่ะ โดยในสวนก็มีอาหารและของกินให้เลือกมากมาย
หรือจะกินปลาปิ้ง ย่างกับเตาถ่านร้อนๆ กลิ่นก็หอมหวนรัญจวนจิตยิ่งนัก
นอกจากปลาจะแซ่บแล้ว พ่อค้าน่าจะแซ่บด้วยนะคะ
ดูการย่างของเขาแล้ว รสชาติปลาน่าจะอร่อยทีเดียว เพราะกลิ่นของมันช่างเย้ายวนใจมากๆ
แต่เหลียวมาที่ข้าวโพดย่างก็ดูน่าทานไม่น้อยเช่นกัน
เพราะอากาศเย็นแบบนี้ กินข้าวโพดร้อนๆ ก็เติบพลังงานได้ดีเหมือนกัน
ตบท้ายด้วยของหวาน คงเป็นขนมรูปโดราเอม่อนเนี่ยแหละค่ะ
ขนมน่าจะอร่อยไม่น้อย เพราะกลิ่นของขนมโชยติดจมูก ไม่ได้มีรูปโดเรม่อนอย่างเดียว ยังมีรูปคิตตี้อีกด้วย น่าจะล้อตาล้อใจเด็กๆและผู้ใหญ่ที่ชอบการ์ตูนของเมืองนี้ได้ดีจริงๆนะ
หรือจะเป็นสตอเบอรี่และเชอรี่เชื่อม ก็น่าทาน กินแล้วเบาหวานขึ้นแน่ๆค่ะ
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องกินขนมซาซาดังโกะ(Sasadango)ที่ซื้อมาจากเมืองนีกาตะให้หมดซ่ะก่อน ปิกนิคมาทานด้วย เผื่อหิวก็หยิบมาทานให้หมด ประหยัดไปอีกหนึ่งมื้อ
และหลังจากที่ได้แวะชมดอกไม้ที่สวนอุเอะโน่แล้ว จากนั้นก็เดินทางด้วยรถไฟ มาลงทีสถานี Shinjuku เพื่อเดินทางไปชมสวนชินจูกุเงียวเอน(Shinjuku Gyo-en) หรืออุทยานหลวงชินจูกุ
ซึ่งมาถึงก็ตกเย็นพอดีค่ะ บรรยากาศแดดร่มลมตกในย่านชินจูกุก็ยังคึกคักเหมือนเดิม มีนักท่องเที่ยวมาอย่างไม่ขาด
เดินออกจากสถานีรถไฟมาเรื่อยๆ ก็มีป้ายบอกทางไปยังสวนชินจูกุเงียวเอน อีก 270 เมตร
มาถึงด้านหน้าทางเข้าสวนน ก็ต่อเข้าแถวต่อคิวซื้อตั๋วค่าธรรมเนียมเข้าไปชมในอุทยานหลวงด้านในค่ะ
เนื่องจากเป็นช่วงเย็นแล้ว คนก็เลยไม่ค่อยเยอะมากนัก
สำหรับค่าธรรมเนียมเข้าชมอยู่ที่คนละ 500 เยนค่ะ
เมื่อซื้อบัตรมาแล้ว ก็นำบัตรไปสแกนที่ประตูทางเข้าได้เลยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีแผนที่แนะนำจุดต่างภายในสวนชินจูกุเคียวเอน (Shinjuku Gyo-en) ให้อีกด้วย
เผื่อใครอยากจะรู้ว่า แต่ละจุดภายในสวนอยู่ตรงใหน จะได้ไม่หลงทาง เพราะแค่เดินชมสวนแห่งนี้ ก็ใช้เวลาไปแล้วครึ่งค่อนวันค่ะ
ตามประวัติ ในยุคเอะโดะ โชกุนได้มอบที่ดินผืนนี้แก่ ข้าหลวงไนโตะ
ไดเมียวแห่งสึรุงะ ซึ่งได้สร้างที่นี่เป็นสวนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2315.
และต่อมาภายหลังการปฏิรูปเมจิ
พื้นที่สวนแห่งนี้ก็ถูกเปลี่ยนเป็นศูนย์ทดลองทางเกษตรกรรมจากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสวนพฤกษศาสตร์
ก่อนที่ต่อมาในปี พ.ศ. 2422 จะกลายมาเป็นพระราชอุทยานหลวงมาจนถึงปัจจุบัน
ต้นซากุระขนาดใหญ่เบ้อเริ้มเทิ่ม แผ่กิ่งก้านสาขา กำลังล่อตาล่อใจ คนรักในมวลพฤกษา ได้ถ่ายรูปกันอย่างสุขอุรา ช่ะช่ะช่าหัวใจ
โดยจุดเด่นของสวนแห่งนี้คือ มีบริเวณพื้นที่กว้างขวาง และพอถึงช่วงฤดูดอกซากุระบานสะพรั่ง ต้นซากุระในสวนที่มีอายุเป็นร้อยปี จะผลิดอกออกบานสะพรั่ง ทำให้เป็นจุดชมดอกซากุระที่ได้รับความนิยมที่สุดอีกแห่ง
นอกจากนี้ในสวนไม่ได้มีเพียงแต่ดอกสีชมพูอ่อน ให้ออนซอนชมกันอย่างเดียว
ยังมีความปราดเปรียว ของดอกสีชมพูเข้ม ให้เติมเต็มหัวใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนเริ่ดเช่นกัน
ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ที่แวะมาก็ไม่พลาดมาถ่ายรูปคู่กับต้นซากุระและมุมต่างๆภายในสวน ที่จัดตกแต่งได้อย่างสวยงาม
มองไปทางใหนก็สดชื่น รื่นฤทัย แม้จะเป็นช่วงยามสนธยาก็ตาม ตามทางเดินก็มีที่นั่งพักอริยาบถ เผื่อใครที่เดินไปเมื่อยขา ก็นั่งพักก่อนได้
หรือใครจะนั่งบนลานหญ้า ให้ช่ะช่ะช่าหัวใจก็ไม่ว่ากัน
ถือว่าพักผ่อนคลาย ในวันที่อากาศเย็นสบายๆ ไม่วุ่นวายมากนัก
หากใครจะจูงมือคู่รัก มาเที่ยวที่นี่ ก็ถือว่าดีมิใช้น้อย เพราะงามหยดย้อยสมคำล่ำลือ จนหูอื้อไปเลย
หลังจากเดินชมบรรยากาศในอุทยานหลวงชินจูกุจนปิดทำการ จากนั้นก็เดินทางมาขึ้นรถไฟที่สถานี Shinjuku เพื่อเดินทางไปชมบรรยากาศดอกซากุระริมแม่น้ำ Meguro
เมื่อลงที่สถานี Ebisu แล้ว จากนั้นก็ตีตั๋วรถไฟใต้ดิน ไปขึ้นชานชลาที่ 1 เพื่อนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Naga-meguro ค่ะ
เมื่อถึงสถานี Naka-Meguro เดินออกมาก็จะพบกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาย พากันหลั่งไหลไปชมการแสดงแสงสีและชมดอกซากุระริมแม่น้ำ Meguro ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมยามค่ำคืนที่ได้รับความนิยมที่สุดอีกแห่งในเทศกาลฮานามินี้
พอเดินมาถึงก็จะพบกับมวลดอกซากุระ ที่ปลูกเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำและการประดับตกแต่งแสงสีด้วยโคมไฟแบบญี่ปุ่น ส่องแสงประกายสวยงาม
โดยจุดชมวิวดอกซากุระริมแม่น้ำ Meguro ในช่วงเวลาที่ดิฉันมาเที่ยวนี้ ถือว่ามีคนมาชมเยอะมากๆ ตามจุดต่างๆค่อนข้างคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวมากๆ แม้จะเป็นวันธรรมดาก็ตาม แต่บรรยากาศโดยรอบก็สวยงามยิ่งนัก
และหลังจากที่ได้ชื่นชมแสงสีและดอกซากุระริมแม่น้ำ Meguro แล้ว ก็เดินทางกลับมายังที่พัก เพื่อไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม จากนั้นก็นั่งรถไฟ Shinkansen จากสถานีโตเกียวเดินทางไปยังเมืองฮามามัสซึ (Hamamatsu City)
อาหารเย็นมื้อนี้ก็ทานข้าวกล่องเบนโตะอีกเหมือนเดิมค่ะ
เป็นอาหารที่หาซื้อทานได้ง่ายๆตามสถานีรถไฟ
นั่งรถไฟความเร็วสูงมาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงสถานีรถไฟ Hamamatsu แล้ว
บรรยากาศที่สถานีรถไฟค่อนข้างเงียบและอากาศหนาวเย็นมากๆ
เดินจากสถานีรถไฟมาไม่ไกลนักก็ถึงโรงแรม โดยพักค้างที่โรงแรม ดอร์มี อินน์ โกลบอล เคบิน ฮะมะมัตสึ (Dormy Inn Global Cabin Hamamatsu) ซึ่งโรงแรมหาง่าย ติดถนนใหญ่ มีป้ายบอกชื่อชัดเจน
มาถึงก็ต้องกดลิฟท์ขึ้นไป Check in เข้าพักที่ชั้น 3
ราคาห้องพักคืนละ 860 บาท รวมอาหารเช้าให้ด้วย ถือว่าราคาถูกมากๆค่ะ บรรยากาศของที่พักถือว่าดีเยี่ยมทีเดียว เพราะตกแต่งสวยงาม สะอาดสะอ้าน มีพนักงานให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนสภาพห้องพักก็ถือว่าดีกว่าที่คาดเอาไว้ เพราะเป็นห้องพักแบบแคปซูล มีโต๊ะให้นั่งทำงานด้วย แม้จะเป็นห้องน้ำรวมก็ตาม แต่โดยรวมถือว่าดีเยี่ยม มีระบบป้องกันความปลอดภัย ต้องถือกุญแจติดในข้อมือไปด้วยตลอดเวลา ไม่งั้นเข้าห้องไม่ได้นะคะ
จบทริป...รีวิวเที่ยวโตเกียวแวะชมดอกซากุระบานในพระราชวังอิมพีเรียลและจุดต่างๆค่ะ เดี่ยวรีวิวถัดไปจะขอพาเพื่อนๆไปเที่ยวชมดอกทิวลิปที่สวนฮามามัสสึกันค่ะ
หากเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนไปเที่ยวโตเกียวในช่วงเทศกาลฮานามิ หรือช่วงดอกซากุระบานสะพรั่ง ก็วางแผนไว้แต่เนิ่นๆนะคะ เพราะเป็นช่วงที่มีคนมาเที่ยวเยอะมากๆ สำหรับรีวิววันนี้ ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ไว้พบกันใหม่ในเว็ปบล็อกถัดไป...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
--------------------------------------------------------------------------------
บทความอื่นๆ และรีวิวท่องเที่ยวไปเรื่อยเปื่อยตามเมืองต่างๆ ที่ผ่านมา มีดังนี้ค่ะ
แบ่งปันทริปเที่ยวฟูจิ พักแถวใหนดี? กับ 3 โซนยอดฮิต ในเมืองคาวากุชิโกะ ราคาถูก บ้านสไตล์เรียวกัง วิวสวยๆ สำหรับคู่รักและครอบครัว คลิ๊กดูรายชื่อที่พัก+เบอร์โทรติดต่อค่ะ>>>
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/340RSFu
รวมที่พักแถวชินจูกุ ราคาถูก ประหยัด เริ่มต้นหลักร้อย ใกล้สถานีรถไฟ เดินไปได้ไม่ไกล ใกล้ร้านอาหารและย่านท่องเที่ยว คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก+เบอร์โทรติดต่อ>>>
แนะนำ 8 เมืองญี่ปุ่น จุดชมดอกซากุระบาน ที่คนนิยมตามไปถ่ายรูปภาพกัน มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ>>
หรือดูข้อมูลที่เที่ยวที่เว็ป : http://bit.ly/2kx5Ddf
รวมเด็ด 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกียวโต ที่ใครๆก็ต้องแวะถ่ายรูปกันให้ได้ ไม่งั้นมาไม่ถึง มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูบทความข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>
แนะนำ 7 เมืองที่เที่ยวญี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อน-หน้าฝน ที่แวะไปสุขล้นเที่ยวพักผ่อนอย่างสบายใจ ต้องตามไปชมสักครั้ง คลิ๊กดูข้อมูลที่เที่ยวเลยจ้า>>
มาม๊ะ..มาเที่ยวในเมืองสุราษฎร์ธานี เช่ารถมอเตอร์ไซตหนีไปตามที่เที่ยวต่างๆ ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>
ท่องโลกกว้าง เดินทางไกลไปเที่ยวในกรุงเดอะเฮก(Den haag) ไปดูสิว่ามีที่เที่ยวอะไรให้ชื่นชมบ้าง คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>
แบ่งปันรีวิววิธีการเดินทางไปเที่ยวชมสวน Hamamatsu flower Park ด้วยตัวเองมาฝาก ไม่ยากเลยจ้า คลิ๊กดูรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
ทริปสั้นๆ รีวิวนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองนีกาตะยามเย็น เดินเล่นชมเมือง กับเวลาอันน้อยนิด ไปดูสิมีอะไรให้ชมบ้าง คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
รีวิวเที่ยวเมืองมัตสึโมโต้(Matsumoto)ในวันเหงาๆ อากาศหนาวเว่อร์ เมืองเล็กน่ารักที่ไม่ได้มีแค่ปราสาทเท่านั้น คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเกียวโตยามสนธยา แวะไปช่ะช่ะช่าเมืองฮิเมจิ ไปดูสิว่ามีอะไรให้ชื่นชมบ้าง คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
แบกเป้ไปเกาะชิโกกุ แวะเที่ยวทะลุเมืองทาคามัตสึ ไปดูสิว่ามีอะไรน่าเที่ยวบ้าง Let's go คลิ๊กดูภาพรีวิวและการเดินทางค่ะ>>
รีวิวแวะเที่ยวเมืองคิตะคิวชู เมืองน่าดูต้องแวะไปจุ๊กกรูอีกแห่ง ที่ไม่ได้เป็นแค่เมืองทางผ่าน เพราะมีสถานที่น่าสนใจไม่น้อย คลิ๊กดูภาพรีวิวและการเดินทาง>>>
แบกเป้เที่ยวเทศกาลฮานามิเมืองฟุกุโอกะ กับรีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมืองง่ายๆมาฝากจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวและการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองคุมาโมโตะ ไปชมปราสาทใหญ่โตที่โดนแผ่นดินไหว แต่ก็งามวิไลด้วยดอกไม้บาน ของทานอร่อยเริ่ดๆ คลิ๊กดูภาพรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
แบกเป้เที่ยวนาโกย่า ไปลั๊ลลาชมดอกซากุระ รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟไปยังสถานที่ท่องเที่ยว คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>
เข้าสู่บทความรีวิวบล็อกนี้ ดิฉันก็ขอมาบอกเล่า เก้าสิบ พาเพื่อนๆคุณผู้อ่านไปเที่ยวเมืองโตเกียวไปชมดอกซากุระบานกันค่ะ แน่นอนว่าหากเอ่ยถึงช่วงฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศมาเยือนกรุงโตเกียวมากที่สุด ก็เห็นจะต้องยกให้ช่วงฤดูดอกซากุระบานเนี่ยแหล่ะค่ะ เพราะดอกไม้จะบานตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม - ไปจนถึงกลางเดือนเมษายน เป็นช่วงต้อนรับเทศกาลฮานามิ ที่คนญี่ปุ่นจะออกมาพักผ่อน หย่อนใจ พกอาหารชุดเบนโตะและปิกนิกเสื่อมานั่งทานตามสวนสาธารณะเพื่อชมดอกไม้บานกันทุกๆปี
และมาเที่ยวโตเกียวครั้งนี้ ก็มาถึงช่วงจังหวะเหมาะพอดี เนื่องจากมีการเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าไปเดินชมดอกซากุระภายในบริเวณพระราชอิมพีเรียลได้ด้วย โดยเปิดให้ชมตั้งแต่ วันที่ 30 มีนาคม - 7 เมษายน ซึ่งปกติแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาชมพระราชอิมพีเรียลส่วนใหญ่ หากไม่ได้มาช่วงนี้ก็จะได้ไปถ่ายภาพแค่มุมสะพาน Nijubashi Bridge เท่านั้น แต่หากมาเที่ยวช่วงปลายเดือนมีนาคม จะพิเศษกว่าก็คือ จะได้เข้าไปชมดอกซากุระภายในพระราชวังอิมพีเรียลด้วย
เพื่อไม่ไม่ให้เสียเวลา ดิฉันขอมารีวิวพาคุณผู้อ่านไปชมบรรยากาศภายในพระราชวังอิมพีเรียลกันเลย และนอกจากนียังมี จุดชมดอกซากุระบานสะพรั่งๆในเมืองโตเกียวสวยๆอีกหลายแห่งให้แวะไปถ่ายรูปกันด้วย เผื่อใครที่กำลังจะวางแผนจูงมือพาคนรักมาเที่ยว ก็แวะมากันได้จ้า
เช้าวันใหม่กับอากาศหนาวในกรุงโตเกียว ที่โรงแรม Hiromas Hostel in Kanda |
นอนพักที่โรงแรม Hiromas Hostel in Kanda คืนละ 510 บาท ใกล้สถานีรถไฟ Jr Kanda |
เพราะที่พักอยู่ในโซนไม่วุ่นวาย แม้จะไม่ติดสถานีรถไฟ และเดินมาไกลจากสถานีพอสมควร แต่สภาพที่พักโดยรวม ถือว่าดีเริ่ดมาก เพราะราคาไม่แพง
อาหารเช้าง่ายๆแบบญี่ปุ่นมื้อนี้ มีสลัดไก่ ขนมโมจิที่ซื้อมาจากเมืองเกียวโตทานไม่หมดสักที เลยต้องมาทานให้หมดที่โตเกียว โดยทานคุ่กับข้าวปั้นสาหร่าย และฟองเต้าหู้ห่อข้าว |
ส่วนรีวิวภาพบรรยากาศต่างๆในโรงแรมนั้น ดิฉันได้รีวิวไว้ในบทความตอนก่อนหน้านี้แล้ว ขอไม่รีวิวเพิ่มนะคะ
ส่วนใครที่เพิ่งมาเที่ยวโตเกียวครั้งแรก แนะนำพกแผนที่เส้นทางรถไฟไปด้วยนะคะ กันหลงทางค่ะ เพราะเส้นทางรถไฟในเมืองนี้ ค่อนข้างเยอะมากๆ ทางโรงแรมก็มีให้ด้วย หากมีข้อสงสัยสอบถามทางที่พักก่อนได้เลยจ้า
หลังจากทานอาหารมื้อเช้าอิ่ม ก็เดินเท้าจะโรงแรมมายังสถานีรถไฟ JR Kanda เพื่อเดินทางไปยังพระราชวังอิมพีเรียลค่ะ
หลังจากทานอาหารมื้อเช้าอิ่ม ก็เดินเท้าจะโรงแรมมายังสถานีรถไฟ JR Kanda เพื่อเดินทางไปยังพระราชวังอิมพีเรียลค่ะ
โดยสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้พระราชวังอิมพีเรียลที่สุดคือ นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว), Keihin-Tohoku Line (สายสีฟ้า) ลงสถานี Tokyo ทางออก Marunouchi Central Exit แล้วเดินมาไม่ไกลประมาณ 300 เมตร หรือเลือลง สถานีรถไฟ Yarakucho
แต่สำหรับดิฉันเลือกไปลงที่สถานีรถไฟ Yarakucho ค่ะ เนื่องจากเป็นสถานีขนาดเล็ก ไม่วุ่นวายเหมือนสถานีโตเกียว
ยิ่งเดินเข้าใกล้พระราชวังเท่าใหร่ ก็เห็นมวลมหาประชานักท่องเที่ยวเยอะขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ และครอบครัวหมู่คณะทั้งนั้นเลยค่ะ
ระหว่างนั้นก็มีป้ายลูกศรชี้บอกทางชัดเจนว่าจะไปถ่ายรูปที่มุมสะพาน Nijubashi bridge หรือจะเข้าไปชมด้านในของถนน Inui Street in The imparail palace
สะพาน Nijubashi จุดถ่ายภาพยอดนิยมที่ตั้งอยู่ด้านนอกพระราชวังอิมพีเรียล |
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพระราชวังอิมพีเรียล อ่านดูกันสักเล็กน้อย
สำหรับพระราชอิมพีเรียล เป็นพระราชวังหลวงซึ่งเป็นที่ประทับหลักของจักรพรรดิญี่ปุ่น ภายในเป็นสวนขนาดใหญ่ อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟโตเกียว ซึ่งประกอบด้วยพระราชมนเทียร พระตำหนักของพระราชวงศ์ พิพิธภัณฑ์ของสะสมในพระองค์ สำนักพระราชวังหลวง และอุทยานต่างๆ มากมาย
พระราชวังแห่งนี้นี้สร้างขึ้นบนพื้นที่เดิมของปราสาทเอโดะ ซึ่งเป็นที่อยู่ของโชกุนจากตระกูลโทกูงาวะ โดยพระราชวังเดิมได้ถูกระเบิดทำลายลงไปมาก ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และได้รับการบูรณะใน ค.ศ. 1964 พื้นที่โดยรวมมีขนาด 1.15 ตารางกิโลเมตร โดยปัจจุบันยังมีฐานปราสาทเอโดะที่หลงเหลืออยู่ด้วย
สำหรับสะพานนิจูบาชิ (Nijubashi) แรกเริ่มเดิมทีนั้นเป็นสะพานไม้ 2 ชั้น จึงได้ชื่อว่านิจูบาชิ หรือแปลว่า 2 ชั้นนั้นเอง และหลังจากได้ที่สร้างสะพานใหม่เป็นสะพานหิน มีรูปร่างเป็นครึ่งวงกลม ซึ่งสะท้อนไปกับผิวน้ำรอบคูพระราชวัง ก็ทำให้คนเรียกสะพานแห่งนี้เป็นสะพานแว่นตา การมาชมสะพานแว่นตานั้นสามารถชมได้ทุกวันตลอดเวลา เนื่องจากอยู่นอกพระราชวัง
หลังจากไปชมสะพานนิจูบาชิ(์Nijubashi)ไปแล้ว ก็เดินมาเข้าแถวเพื่อผ่านด่าน ตรวจอาวุธต่างๆก่อนเข้าไปยังพระราชวังอิมพีเรียลค่ะ ซึ่งวันที่ไปนี้ก็เห็นนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ
พระราชวังอิพีเรียลเปิดให้เข้าชมฟรี ในส่วนของ ถนน Inui street to the Publicเปิดตั้งแต่วัน 30 มีนาคม ถึงวันที่ 7 เมษายน |
เปิดตั้งแต่วัน 30 มีนาคม ถึงวันที่ 7 เมษายน
โดยต้องเดินเข้าทางประตู Sakashita-mon Gate เปิดชมตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้า จนถึง บ่าย 3.30 โมง
และออกที่ประตู Imui-mon Gate,Ote-mon Gate,Kitahane Bashi mon Gate
เมื่อต่อคิวเข้าแถวผ่านด่านตรวจสิ่งของมาแล้ว
ก็เดินเข้าประตู Sakashita mon Gate ก่อนเลยค่ะ
พอเข้ามาในบริเวณเขตพระราชวังด้านในแล้ว ห้ามถ่ายรูปเซลฟี่นะคะ มีป้ายติดบอกชัดเจนเลย
โดยส่วนที่ทางสำนักพระราชวังเป็นให้ชมนี้ เป็นเส้นทาง ถนน Inui street บรรยากาศโดยรอบก็สวยงาม ดูเรียบง่ายๆ ตามสไตล์ญี่ปุ่น
บรรยากาศภายดอกซากุระบานภายในเขตพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace cherry Blossom) |
ดูแล้วค่อนข้างจะเพลิดเพลินจำเริญใจนัก เพราะอากาศตอนกลางวันก็ไม่ร้อน และไม่หนาวจนเกินไป เหมาะแก่การมาเดินทัศนา ชมดอกไม้ให้สุขอุรากันยิ่งนัก
และตลอดทางเดินด้านซ้ายมือจะเป็นที่ตั้งของประตู และเขตวังต่างๆ มีป้ายชื่อบอกด้วย อย่างภาพที่เห็นนี้อยู่นี้คือ Hasuike-Sanshujo หรือเป็น Meeting House
ส่วนที่ทำให้นักท่องเที่ยวตื่นตา ก็คงเป็นดอกซากุระพันธุ์ต่างๆ
ที่ผลิดอกออกบานสะพรั่ง งามอลังการ สะท้านโลกายิ่งนัก
ยิ่งมุมใหนที่สวยๆ ผู้คนก็จะออ มุงถ่ายรูปกันอย่างหนาแน่น อย่างเช่นบริเวณ Dohkanbori
อีกหนึ่งทิวทัศน์แอ่งน้ำในเขตพระราชวังอิมพีเรียลอันสวยงาม ดูเงียบสงบ เยือกเย็น เห็นแล้วชื่นอุรายิ่งนัก
บรรยากาศภายดอกซากุระบานภายในเขตพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace cherry Blossom) |
หากใครที่ชื่นชอบการชมดอกไม้แล้ว ต้องแวะมาเดินชมให้สุขสมอุราสักครั้งครา
เพราะบรรยากาศโดยรอบเหมือนป่าอยู่กลางเมือง
หากแต่ว่าต้นซากุระต้นละต้นที่ปลูกไว้ ก็ไม่ใช่ว่าจะไปเด็ดดอมดมได้ง่ายๆนะคะ
เพราะมีกำแพงรอบรั้ว กั้นไว้อย่างดี มิให้ใครไปย่างกรายทำลายลงได้ เพื่อให้ได้ดอกบานติดอยู่บนต้นได้ให้นานที่สุด
นอกจากบริเวณดังกล่าวแล้ว ภายในวังยังมีในสวนของพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้เข้าไปชมด้วยนะคะ
และชื่นชมให้เพลิดเพลินจำเริญใจกับดอกไม้บานๆในช่วงเทศกาลฮานามิ หรือเทศกาลชมดอกซากุระบานสะพรั่ง ก็เป็นหนึ่งกิจกรรมดีๆในการต้อนรับความสดใส
หากเดินมาเรื่อยๆก็ไม่ต้องกลัวหลงนะคะ เพราะมีป้ายบอกทางไปยังสถานที่ต่างๆให้ได้
เดินชมไม่นานก็มาสุดทางที่ประตูทางออกของพระราชวังแล้วค่ะ สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนมาเที่ยวโตเกียวในช่วงปลายเดือนมีนาคม ก็อย่ามลืมแวะมาชื่นชม เที่ยวชมดอกซากุระบานสะพรั่งในพระราชวังอิมพีเรียลดูสักครั้งนะคะ
และใกล้ๆกันกับพระราชวังอิมพีเรียล ก็เป็นสวน Chidorigafuchi Park
อีกหนึ่งสวนสวยชื่อดัง ที่ได้รับความนิยมตลอดกาลในการชมดอกซากุระ
ว่ากันว่าเป็นจุดชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดอีกแห่งก็ว่าได้
เดินข้ามทางม้าลายมาหน่อยก็เป็น Chidorigafuchi National Cemetary
ถัดมาก็เป็นบรรยากาศภายในสวน chidorigafuchi park |
เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริงค่ะ
มีน้ำตกขนาดเล็กๆไหลหลงจากหน้าผา ลงลำธาร ให้ได้ชมกันอีกด้วย
และมีจุดถ่ายรูปใต้ต้นซากุระสวยๆ รุ่มระรวยไปด้วยดอกที่กำลังผลิบาน ร้าวรานจับใจ ให้กดชัดเตอร์กันแบบระรวไปเลยล่ะค่ะ
หรือใครที่มากันเป็นกลุ่มๆแบบครอบครัว จะมานั่งระรัวปูเสื่อพกอาหารปิกนิคมาทาน ก็คงจะเริงสำราญไม่น้อยเช่นกัน
จุดถ่ายรูปยอดนิยมที่สวน chidorigafuchi park กับกิจกรรมพายเรือ ชมดอกซากุระในสวน chidorigafuchi park |
และยังเป็นจุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมที่สุดด้วย
กิจกรรมพายเรือ ชมดอกซากุระในสวน chidorigafuchi park |
เพราะบานอลังการดั่งที่เขาร่ำลือกันแท้จริงเชียว
นักท่องเที่ยวที่พายเรือส่วนใหญ่ ก็มากันเป็นคู่ๆนั่งได้ลำละ 2 คน ถ้าเพิ่มไปอีกคน เรือคงจะจมหรือไม่ อันนี้เดี๊ยนก็ไม่ทราบแน่ชัด
แต่ถ้าหากใครที่ไม่อยากพายเรือ ก็นั่งพักชมทิวทัศน์และดอกซากุระภายในสวนได้เช่นกัน
นอกจากนี้มีป้ายเตือนนักท่องเที่ยวที่มาชมเทศกาล Hanami ในสวนแห่งนี้ด้วยว่า หากพกอาหารปิกนิคมาทาน ก็อย่าลืมนำกลับออกไปด้วย
เนื่องจากช่วงดอกซากุระบาน เป็นช่วงเทศกาลที่มีผู้คนมาเที่ยวมากมายในสวนแห่งนี้ ยังไงก็ลืมช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยนะคะ
ศาลเจ้ายาสุกุนิ (Yasukuni Shrine) |
เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าเก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว
เป็นศาลเจ้าแห่งนี้นั้นถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1869 โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นการระลึกและอุทิศให้กับผู้ที่เสียชีวิตในสงคราม และเพื่อแสดงออกถึงความเสียสละชีวิต เพื่อช่วยให้เกิดความสงบขึ้นในญี่ปุ่นด้วย
โดยศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นศาลเจ้าที่ได้รับความนิยมจากนักเดินทางแวะมานมัสการสักการะอย่างไม่ขาดสาย นอกจากจะอยู่ใกล้ๆสวน chidorigafuchi park แล้ว ภายในศาลเจ้าเอง ก็มีต้นซากุระปลูกเรียงรายไว้ให้ชม และยังมีร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย
หลังจากไหว้ศาลเจ้ายูสุกุนิแล้ว ก็นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Ueno station เพื่อไปชมดอกซากุระที่สวน Ueno Park ค่ะ
เนื่องจากเป็นสวนแห่งนี้ไม่ได้เป็นแค่สวนธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นสวนที่มีครบครันให้ได้ชมและเพลิดเพลินกันได้แก่ สวนสัตว์,ศาลเจ้า,วัดวาอาราม,ทะเลสาบ มีต้นไม้ปลูกโดยรอบภายในสวนมากมาย โดยเฉพาะต้นซากุระที่ผลิดอกออกบานสะพรั่งในช่วงปลายเดือนมีนาคม
บรรยากาศดอกซากุระบานสะพรั่งที่สวนอุเอะโน่ (Cherry Blossom at Ueno Park) |
มีวัดเบนเทนโด ชิโนะบะสุโนะอิเคะ ซึ่งตลอดทางเดินก็มีร้านอาหารริมทางให้ได้เลือกซื้อทานกันด้วย
บรรยากาศภายในสวนอุเอะโน |
โดยทะเลสาบจะมีจักรยานน้ำให้ปั่นและเรือให้พายอีกด้วย
บ่อน้ำชิโนบะสุ เป็นบ่อที่เต็มไปด้วยต้นบัวหลวงมากมาย แต่ช่วงนี้ยังอยู่ในสภาพค่อนข้างเย็น ต้นบัวหลวงเลยแห้งเหี่ยวขดตัวอยู่ใต้ดินอยู่ค่ะ หากเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนและหน้าฝนคราใด ต้นบัวหลวงจะเติบโตออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วบ่อแห่งนี้
หรือจะกินปลาปิ้ง ย่างกับเตาถ่านร้อนๆ กลิ่นก็หอมหวนรัญจวนจิตยิ่งนัก
นอกจากปลาจะแซ่บแล้ว พ่อค้าน่าจะแซ่บด้วยนะคะ
ดูการย่างของเขาแล้ว รสชาติปลาน่าจะอร่อยทีเดียว เพราะกลิ่นของมันช่างเย้ายวนใจมากๆ
แต่เหลียวมาที่ข้าวโพดย่างก็ดูน่าทานไม่น้อยเช่นกัน
เพราะอากาศเย็นแบบนี้ กินข้าวโพดร้อนๆ ก็เติบพลังงานได้ดีเหมือนกัน
ตบท้ายด้วยของหวาน คงเป็นขนมรูปโดราเอม่อนเนี่ยแหละค่ะ
ขนมน่าจะอร่อยไม่น้อย เพราะกลิ่นของขนมโชยติดจมูก ไม่ได้มีรูปโดเรม่อนอย่างเดียว ยังมีรูปคิตตี้อีกด้วย น่าจะล้อตาล้อใจเด็กๆและผู้ใหญ่ที่ชอบการ์ตูนของเมืองนี้ได้ดีจริงๆนะ
หรือจะเป็นสตอเบอรี่และเชอรี่เชื่อม ก็น่าทาน กินแล้วเบาหวานขึ้นแน่ๆค่ะ
ยังไงก็ตาม ต้องกินขนมซาซาดังโกะ(Sasadango)ที่ซื้อมาจากเมืองนีกาตะให้หมดเสียก่อน พกมาทานด้วย เผื่อหิวก็หยิบมากิน ประหยัดไปอีกหนึ่งมื้อ |
และหลังจากที่ได้แวะชมดอกไม้ที่สวนอุเอะโน่แล้ว จากนั้นก็เดินทางด้วยรถไฟ มาลงทีสถานี Shinjuku เพื่อเดินทางไปชมสวนชินจูกุเงียวเอน(Shinjuku Gyo-en) หรืออุทยานหลวงชินจูกุ
ซึ่งมาถึงก็ตกเย็นพอดีค่ะ บรรยากาศแดดร่มลมตกในย่านชินจูกุก็ยังคึกคักเหมือนเดิม มีนักท่องเที่ยวมาอย่างไม่ขาด
เดินออกจากสถานีรถไฟมาเรื่อยๆ ก็มีป้ายบอกทางไปยังสวนชินจูกุเงียวเอน อีก 270 เมตร
มาถึงด้านหน้าทางเข้าสวนน ก็ต่อเข้าแถวต่อคิวซื้อตั๋วค่าธรรมเนียมเข้าไปชมในอุทยานหลวงด้านในค่ะ
เนื่องจากเป็นช่วงเย็นแล้ว คนก็เลยไม่ค่อยเยอะมากนัก
สำหรับค่าธรรมเนียมเข้าชมอยู่ที่คนละ 500 เยนค่ะ
เมื่อซื้อบัตรมาแล้ว ก็นำบัตรไปสแกนที่ประตูทางเข้าได้เลยค่ะ
แผนทีเดินเที่ยวสวนชินจูกู |
เผื่อใครอยากจะรู้ว่า แต่ละจุดภายในสวนอยู่ตรงใหน จะได้ไม่หลงทาง เพราะแค่เดินชมสวนแห่งนี้ ก็ใช้เวลาไปแล้วครึ่งค่อนวันค่ะ
เกี่ยวกับสวนชินจูกุเคียวเอน หรือ อุทยานหลวงชินจูกุ (Shinjuku Gyo-en)
สวนชินจูกุเคียวเอน เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในแขวงชินจุกุและแขวงชิบุยะของกรุงโตเกียว เดิมสวนนี้เป็นที่ดินของตระกูลไนโตระหว่างยุคเอะโดะ ต่อมาจึงอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักพระราชวังญี่ปุ่น 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2492 สวนแห่งนี้ก็ได้เปิดให้บริการแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรก ในนาม "อุทยานหลวงชินจุกุแห่งชาติ" (National Park Shinjuku Imperial Gardens) ก่อนที่ในเดือน มกราคม พ.ศ. 2544 จึงโอนมาอยู่ใต้อำนาจการดูแลของกระทรวงสิ่งแวดล้อม และเปลี่ยนชื่อสวนเป็น "อุทยานหลวงชินจุกุ" (Shinjuku Gyoen) เป็นสถานที่พักผ่อนและศึกษาเรียนรู้ใจกลางเมืองโตเกียวที่สวยงาม ได้รับความนิยมอีกแห่ง
สวนชินจูกุเคียวเอน เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในแขวงชินจุกุและแขวงชิบุยะของกรุงโตเกียว เดิมสวนนี้เป็นที่ดินของตระกูลไนโตระหว่างยุคเอะโดะ ต่อมาจึงอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักพระราชวังญี่ปุ่น 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2492 สวนแห่งนี้ก็ได้เปิดให้บริการแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรก ในนาม "อุทยานหลวงชินจุกุแห่งชาติ" (National Park Shinjuku Imperial Gardens) ก่อนที่ในเดือน มกราคม พ.ศ. 2544 จึงโอนมาอยู่ใต้อำนาจการดูแลของกระทรวงสิ่งแวดล้อม และเปลี่ยนชื่อสวนเป็น "อุทยานหลวงชินจุกุ" (Shinjuku Gyoen) เป็นสถานที่พักผ่อนและศึกษาเรียนรู้ใจกลางเมืองโตเกียวที่สวยงาม ได้รับความนิยมอีกแห่ง
จุดถ่ายรูปต้นซากุระขนาดยักษ์ในสวนชินจูกุ |
ต้นซากุระขนาดใหญ่เบ้อเริ้มเทิ่ม แผ่กิ่งก้านสาขา กำลังล่อตาล่อใจ คนรักในมวลพฤกษา ได้ถ่ายรูปกันอย่างสุขอุรา ช่ะช่ะช่าหัวใจ |
ชมดอกซากุระบานสะพรั่งที่อุทยานหลวงชินจูกุ (Shinjuku Gyo-en) |
นอกจากนี้ในสวนไม่ได้มีเพียงแต่ดอกสีชมพูอ่อน ให้ออนซอนชมกันอย่างเดียว ยังมีความปราดเปรียว ของดอกสีชมพูเข้ม ให้เติมเต็มหัวใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนเริ่ดเช่นกัน |
ยังมีความปราดเปรียว ของดอกสีชมพูเข้ม ให้เติมเต็มหัวใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนเริ่ดเช่นกัน
ทัศนียภาพภายในอุทยานหลวงชินจูกุ เคียวเอ็น (Shijuku National Park tokyo) |
มองไปทางใหนก็สดชื่น รื่นฤทัย แม้จะเป็นช่วงยามสนธยาก็ตาม ตามทางเดินก็มีที่นั่งพักอริยาบถ เผื่อใครที่เดินไปเมื่อยขา ก็นั่งพักก่อนได้
หรือใครจะนั่งบนลานหญ้า ให้ช่ะช่ะช่าหัวใจก็ไม่ว่ากัน |
ถือว่าพักผ่อนคลาย ในวันที่อากาศเย็นสบายๆ ไม่วุ่นวายมากนัก
หากใครจะจูงมือคู่รัก มาเที่ยวที่นี่ ก็ถือว่าดีมิใช้น้อย เพราะงามหยดย้อยสมคำล่ำลือ จนหูอื้อไปเลย
หลังจากเดินชมบรรยากาศในอุทยานหลวงชินจูกุจนปิดทำการ จากนั้นก็เดินทางมาขึ้นรถไฟที่สถานี Shinjuku เพื่อเดินทางไปชมบรรยากาศดอกซากุระริมแม่น้ำ Meguro
เมื่อลงที่สถานี Ebisu แล้ว จากนั้นก็ตีตั๋วรถไฟใต้ดิน ไปขึ้นชานชลาที่ 1 เพื่อนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Naga-meguro ค่ะ
เมื่อถึงสถานี Naka-Meguro เดินออกมาก็จะพบกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาย พากันหลั่งไหลไปชมการแสดงแสงสีและชมดอกซากุระริมแม่น้ำ Meguro ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมยามค่ำคืนที่ได้รับความนิยมที่สุดอีกแห่งในเทศกาลฮานามินี้
ชมการแสดงแสงสีและดอกซากุระริมแม่น้ำ Meguro อีกหนึ่งที่เที่ยวยอดนิยมในกรุงโตเกียว ช่วงเทศกาลฮานามิ |
ชมดอกซากุระริมแม่น้ำ Meguro |
และหลังจากที่ได้ชื่นชมแสงสีและดอกซากุระริมแม่น้ำ Meguro แล้ว ก็เดินทางกลับมายังที่พัก เพื่อไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม จากนั้นก็นั่งรถไฟ Shinkansen จากสถานีโตเกียวเดินทางไปยังเมืองฮามามัสซึ (Hamamatsu City)
อาหารเย็นมื้อนี้ก็ทานข้าวกล่องเบนโตะอีกเหมือนเดิมค่ะ
เป็นอาหารที่หาซื้อทานได้ง่ายๆตามสถานีรถไฟ
นั่งรถไฟความเร็วสูงมาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงสถานีรถไฟ Hamamatsu แล้ว
บรรยากาศที่สถานีรถไฟค่อนข้างเงียบและอากาศหนาวเย็นมากๆ
จากสถานีรถไฟมาไม่ไกลนักก็ถึงโรงแรม โดยพักค้างที่โรงแรม ดอร์มี อินน์ โกลบอล เคบิน ฮะมะมัตสึ (Dormy Inn Global Cabin Hamamatsu) |
จากสถานีรถไฟมาไม่ไกลนักก็ถึงโรงแรม โดยพักค้างที่โรงแรม ดอร์มี อินน์ โกลบอล เคบิน ฮะมะมัตสึ (Dormy Inn Global Cabin Hamamatsu) |
ราคาห้องพักคืนละ 860 บาท รวมอาหารเช้าให้ด้วย ถือว่าราคาถูกมากๆค่ะ บรรยากาศของที่พักถือว่าดีเยี่ยมทีเดียว เพราะตกแต่งสวยงาม สะอาดสะอ้าน มีพนักงานให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนสภาพห้องพักก็ถือว่าดีกว่าที่คาดเอาไว้ เพราะเป็นห้องพักแบบแคปซูล มีโต๊ะให้นั่งทำงานด้วย แม้จะเป็นห้องน้ำรวมก็ตาม แต่โดยรวมถือว่าดีเยี่ยม มีระบบป้องกันความปลอดภัย ต้องถือกุญแจติดในข้อมือไปด้วยตลอดเวลา ไม่งั้นเข้าห้องไม่ได้นะคะ
จบทริป...รีวิวเที่ยวโตเกียวแวะชมดอกซากุระบานในพระราชวังอิมพีเรียลและจุดต่างๆค่ะ เดี่ยวรีวิวถัดไปจะขอพาเพื่อนๆไปเที่ยวชมดอกทิวลิปที่สวนฮามามัสสึกันค่ะ
หากเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนไปเที่ยวโตเกียวในช่วงเทศกาลฮานามิ หรือช่วงดอกซากุระบานสะพรั่ง ก็วางแผนไว้แต่เนิ่นๆนะคะ เพราะเป็นช่วงที่มีคนมาเที่ยวเยอะมากๆ สำหรับรีวิววันนี้ ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ไว้พบกันใหม่ในเว็ปบล็อกถัดไป...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
--------------------------------------------------------------------------------
บทความอื่นๆ และรีวิวท่องเที่ยวไปเรื่อยเปื่อยตามเมืองต่างๆ ที่ผ่านมา มีดังนี้ค่ะ
แบ่งปันเที่ยวฟูจิปีนี้ พักแถวใหนดีกับโซนยอดฮิต ที่คู่รักมาพิชิตนอนกัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/340RSFu
รวมรายชื่อที่พักย่านชินจูกุ ราคาสุด ประหยัด ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก>> |
เมืองท่องเที่ยวญี่ปุ่นแสนสวย กับจุดชมดอกซากุระบาน ที่ใครๆก็ตามไปถ่ายรูปกัน>>> |
หรือดูข้อมูลที่เที่ยวที่เว็ป : http://bit.ly/2kx5Ddf
แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองเกียวโต ต้องแวะไปถ่ายรูปกัน คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
แนะนำ 7 เมืองที่เที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อนที่ต้องแวะไปกันสักครั้ง ตามไปกันเลย>> |
มาม๊ะ มาเที่ยวในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี แวะไปฉิมพลีที่เที่ยวต่างๆกัน ตามไปกันเลย>> |
แบกเป้ท่องโลกกว้าง เดินทางไปเที่ยวกรุงเฮก มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกันจ้า>> |
แบ่งปันวิธีการเดินทางไปเที่ยวชมสวนดอกไม้ Hamamatsu ไม่ยากเลยจ้า คลิ๊กดูการเดินทาง>> |
ทริปสั้นๆ รีวิวแบกเป้นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองนีกาตะยามเย็น คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวเมืองมัตสึโมโต้ เมืองน่ารักที่ไม่ได้มีแค่ปราสาทเท่านั้น คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเกียวโตยามสนธยา แวะไปลั๊ลลาเมืองฮิเมจิ คลิ๊กดูรีวิวการเดินทางจ้า>> |
แบกเป้ไปเกาะชิโกกุ เที่ยวทะลุเมืองทามัตสึ มีแต่อันปังแมนน่ารัก คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
แวะเที่ยวคิตะคิวชู เมืองน่าเที่ยวอีกแห่งที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
เที่ยวเทศกาลฮานามิ และรีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมืองมาฝากจ้า คลิ๊กดูรีวิว>> |
รีวิวเที่ยวเมืองคุมาโมโตะ ชมปราสาทใหญ่โตโอฬารและดอกไม้บาน คลิ๊กดูรีวิวการเดินทาง>> |
แบกเป้เที่ยวนาโกย่า รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมือง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น