สำหรับบทความทริปตอนนี้ ก็เป็นตอนสุดท้ายของการเดินทางแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวแดนปลาดิบในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (Japan on Spring season) หรือช่วงเทศกาลดอกซากุระบานแล้วนะค่ะ จากบทความรีวิวพาเที่ยวในตอนที่ผ่านๆมา รู้สึกว่าค่อนข้างจะเที่ยวทรหด นั่งรถไฟตดเหม็นไปหลายตลบเลยค่ะ
เริ่มตั้งแต่รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวนาโกย่า(Nagoya City)-ไปลั๊ลลาถึงเมืองคูมาโมโต๊ะ(๋Kumamoto)-แวะไปโจ๊ะพรึมๆร้องกันตรึมที่เมืองฟุกุโอกะ(Fukuoka)-เดินจุิ๊จ๊ะที่เมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu)-แวะดูโฉมกรูที่เกาะชิโกกุเมืองทาคามัตสุ(Takamatsu)-เที่ยวทะลุถึงเมืองเกียวโต(kyoto)-นั่งรถไฟเฮโลไปชมปราสาทใหญ่โตที่เมืองฮิเมจิ(Himeji)-แวะชมดอกซากุระผลิบานที่เมืองมัตสึโมโต้(Matsumoto)-แบกเป้มาไชโยโฮ้ฮิ้วที่เมืองนีกาตะ(Niigata City)-ก่อนจะมานอนพักผงะที่เมืองโตเกียว(Tokyo)-แล้วก็เลี้ยวมาสุดปลายทางที่เมืองฮามัตมาสึ (Hamamatsu)เพื่อชมสวนดอกไม้บาน ทุ่งทิวลิปสีหวาน ร้าวรานจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน
มารีวิวทริปนี้ดิฉันเลยขอเอาใจเพื่อนๆเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจที่กำลังวางแผนจะแบกเป้ลุยเดี่ยว หรือว่ามากับคู่รัก อยากจะพักเอนกาย ชมดอกไม้และทุ่งดอกทิวลิปที่สวยงามที่สุดอีกแห่งในแดนอาทิตย์
วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเลยขอเป็นคนบ้า เลิกจากงานประจำ มารีวิววิธีการเดินทางไปชมสวนดอกไม้ฮามามัตสึด้วยตัวเองมากฝาก เผื่อเป็นไกด์ไลน์ Guidline สำหรับเพื่อนๆที่ปักหมุดจะมาเที่ยวสวนแห่งนี้ได้ดูกันค่ะ น่าจะมีประโยชน์และเป็นแนวทางอยู่ไม่น้อยนะคะ หากมีข้อผิดพลาดประการใดด้วยนะคะ
ก่อนจะเข้าสู่ภาพรีวิวเรามารู้จักเมืองฮามามัตสึกันสักเล็กน้อย อ่านเป็นความรู้กันนะคะ
เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu City)อีกหนึ่งเมืองสวยงามน่าอยู่อีกแห่งตั้งอยู่ในทางตะวันตกของจังหวัดชิซูโอกะ โโยเป็นเมืองต้นกำเนิดและเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทญี่ปุ่นชั้นนำหลายบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องดนตรี ที่คนไทยรู้จักกันดี ได้แก่ (Zuzuki)ซูซูกิ (Yamaha)ยามาฮ่า และโรแลนด์ (บริษัทแม่ของเอฟเฟคท์กีตาร์ BOSS) ส่วนฮอนด้านั้นก็กำเนิดในเมืองนี้เช่นกัน แต่ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่ในกรุงโตเกียว
โดยเมืองฮามามัตสีนี้มีประวัติศาตร์ยาวนานมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึงมีการพบโบราณวัตถุในจากยุคโจมง และยุคโคฟุง ซึ่งรวมถึง อากาโมนูเอโกฟุง ซึ่งเป็นหลุมศพโบราณรูปกุญแจที่นิยมสร้างในยุคโคฟุง ซึ่งปัจจุบัน ตั้งอยู่ในเขตฮามากิตะ ในยุคนาระ และหลังจากนั้นฮามามัตสึก็ได้เป็นเมืองเอกของอดีตแคว้นโทโตมิ ต่อมา ในยุคเซ็งโงกุ ปราสาทฮามามัตสึ ก็เคยเป็นในฐานที่มั่นของโทกูงาวะ อิเอยาซุ ก่อนจะขึ้นเป็นโชกุนในยุคเอโดะ ฮามามัตสึเจริญเฟื่องฟูเนื่องจากเป็นเมืองที่ตั้งปราสาทอันเป็นที่อาศัยของไดเมียว และยังเป็นเมืองที่เส้นทางโทไกโดพาดผ่าน
และยังเป็นเมืองอันดับต้นๆที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำข้าวหน้าปลาไหลรสชาติอันดีเลิศด้วย นอกจากนี้ยังมีคุกกี้และเค้กที่มีผสมของปลาไหล ทำให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง กลายเป็นของฝากที่ใครแวะมาเที่ยวเมืองนี้ก็ต้องซื้อกันแทบทุกคน
ต่อจากรีวิวทริปตอนที่แล้ว หลังจากเดินทางนั่งรถไฟจากเมืองหลวงโต ก็มาพักค้างคืนที่โรงแรม ดอร์มี อินน์ โกลบอล เคบิน ฮะมะมัตสึ (Dormy Inn Global Cabin Hamamatsu) |
บรรยากาศของโรงแรมก็ตกแต่งได้สวยงาม เรียบหรูดูแพง แต่ราคาห้องถูก ประหยัดกว่าที่คิดไว้อย่างแรงเลยล่ะค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่มีแต่คนญี่ปุ่น ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวต่างถิ่นมาพักกันนัก ข้อดีของการมาเที่ยวเมืองเล็กๆ ก็เป็นนี้เนี่ยแหละจ้า
อาหารมื้อเช้านี้ที่โรงแรม Dormy Inn Global Cabin Hamamatsu) |
ห้องพักคืนละ 860 บาท มีออาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ให้ทานอีกด้วย เริ่ดมากๆ |
เดินเท้าออกจากโรงแรมไปยังสถานีรถไฟ Hamatsu |
เดินมาที่หน้าสถานีรถไฟฮามามัตสึ ก็มีการจัดซุ้มตกแต่งดอกไม้น่ารัก ให้ถ่ายรูปด้วย
มีสัญลักษณ์รูปท่านโชกุน หรือ Career Lord Ieyasu Kun ตัดแต่งเป็นไม้ประดับสวยงาม |
ที่ตกแต่งเป็นรูปตกไม้ไว้ที่หน้าสถานีรถไฟ
จากนั้นก็เดินทางมาที่ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวเมือง Hamamatsu Tourist information Center
เพื่อติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ และข้อมูลอื่นๆค่ะ
โดยเจ้าหน้าที่ด้านในพูดภาษาอังกฤษได้นะคะ
สามารถสอบถามได้เลย
ข้อมูลการเดินทางด้วยรถบัสโดยสารประจำทางไปยังสวน Hamamatsu flower park |
โดยทางเจ้าหน้าที่ให้ให้แผ่นกระดาษาข้อมูลการเดินทางมาให้ด้วย เผื่อใครวางแผนจะมาเที่ยว ก็สามารถนำไปดูได้เลยจ้า
- นั่งรถโดยสารประจำทางเบอร์ 30
- ราคาตั๋วโดยสารอยู่ที่ 560 เยน จ่ายกับคนขับตอนขาลงเลยนะคะ
- ใช้เวลาเดินทางจากเมืองทาคามัตสึไปประมาณ 45 นาที
Buts terminal Station ขึ้นรถที่ป้ายรถเมลล์หมายเลข 1 |
ซึ่งสถานีรถเมลล์ในเมืองนี้เป็นวงกลมค่ะ
มีภาพอธิบาย เดินตรงไป แล้วลงบันใดไปก็เจอจ้า
มีแผนที่ท่องเที่ยวใกล้ๆสวนดอกไม้ Hamamatsu flower park ให้ด้วย
เพื่อให้เห็นภาพ ดิฉันขอมารีวิวพาเพื่อนไปที่สถานีรถบัสโดยสารประจำทางกันเลย
เดินออกจากสถานีรถไฟมา จะเห็นป้ายรูปรถบัส ก็เดินลงไปตามลูกศรเลยจ้า
พอเดินลงบันใดเลื่อนมา ก็จะเห็นบ่อน้ำพุ ถ่ายรูปสักแป๊บนึง
จากนั้นเดินตรงมาเรื่อยๆก็จะเห็นบันใดทางขึ้นมาที่ป้ายรถบัสโดยสารประจำทางแต่ละป้ายค่ะ ซึ่งจะมีหมายเลขบอกแต่ละป้าย โดยรถบัสโดยสารประจำทางที่จะไปสวนดอกไม้ฮามามัตสึ อยู่ที่หมายเลข 1 ค่ะ
รถบัสโดยสารประจำทางที่ป้ายรถเมลล์หมายเลข 1 มีอยู่ 3 หมายเลขที่จอดให้ขึ้น แนะนำให้ขึ้นรถโดยสารเบอร์ 30 นะคะ |
ซึ่งรถบัสแต่ละคันจะมีหมายเลขบอกไว้ด้านหน้ารถ ให้สังเกตุดีๆนะคะ อย่าตาลายค่ะ
เพราะเดี๊ยนเอง ตอนขึ้นรถตาลาย ไปขึ้นผิดคันหมายเลข 36 ยังดีที่ไปถามคนขับรถก่อน ไม่งั้นคงตะเลิดเปิดเปิงไปไกลแล้วแน่นอน
จากนั้นก็ให้กดรับบัตร เริ่มต้นนับสถานีที่ประตูทางขึ้นจะมีปุ่มกดรับบัตรอยู่ค่ะ โดยกดที่ปุ่มลูกศรีสีแดงตามรูป |
ยืนเข้าคิวรอรถไม่นาน รอโดยสารประจำทางเบอร์ 30 ก็มา จากนั้นก็ให้กดรับบัตร เริ่มต้นนับสถานีที่ประตูทางขึ้นจะมีปุ่มกดรับบัตรอยู่ค่ะ ทั้งนี้เพื่อจะได้รู้ว่าเริ่มต้นจากที่ใหน เพื่อจะได้นำไปเทียบกับตารางค่ารถโดยสารบนรถบัสได้ถูกค่ะ ซึงบนรถจะมีราคาบอกว่า ว่าหมายเลขนี้ ราคาเท่าไหร่แล้ว
ที่ด้านหน้ารถตรงคนขับจะมีป้ายแสดงราคารถไว้ค่ะ หมายเลข 1 อยู่ที่ราคา 560 เยน ตรงเป๊ะตามรูปเลยค่ะ
โดยต้องจ่ายตอนขาลงนะคะ อย่าไปตอนขึ้นเลย เพราะคนขับจะงงเอา
เวลาจ่ายเงินก็หยอดเงินเหรียญใส่กระปุกตรงคนขับได้เลย
และถ้าใครที่พกแบงค์ใหญ่มา ก็ไปแลกเป็นเหรียญตรงคนขับได้เลย ตรงคนขับจะมีเครื่องแลกเหรียญให้เรียกว่ามุมคนขับเป็นมุมโดเรม่อนแล้วกันนะคะ เพราะทุกอย่างอยู่ตรงคนขับ จะจ่ายเงิน จะแลกเหรียญก็อยู่ตรงนั้นเลย
นั่งรถมาเรื่อยๆ หลับๆตื่นไปหลายตลบจนเวลาผ่านไป 40 กว่านีก็ถือป้ายรถเมลล์หน้าสวนดอกไม้ Hamatsu flower Park แล้วจ้า
หากตอนนั่งรถมา ก็เปิด GPS มาด้วยได้ จะได้รู้ว่ารถถึงใหนแล้ว แต่ส่วนใหญ่คนมาเที่ยวสวนแห่งนี้ค่อนข้างเยอะ ก็ไม่ต้องกลัวหลงทางนะคะ
ถึงสักที จากนั้นก็เดินข้ามทางม้าลายไปทางหน้าสวนได้เลย
ทางเข้าหน้าสวน Hamamatsu flower park มีดอกม้ง ดอกไม้ ประดับประดาเป็นซุ้มนาฬิกา งดงาม น่ารักฟรุ้งฟริ้งเชียว
เข้ามาด้านใน มีนักท่องเที่ยวมากันเรื่อยๆ ไม่วุ่นวายนัก
ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น ขับรถมากันเอง
เมื่อมาถึงก็เข้าแถวรอซื้อตั๋วเข้าชมสวนด้านในได้เลยค่ะ
ค่าธรรมเนียมเข้าชมสวนดอกไม้ฮามามัตสึ ผู้ใหญ่คนละ 1,000 เยน (Hamamatsu Flower Park ticker 1,000 Yen) |
ผู้ใหญ่อยู่ที่คนละ 1000 เยน
แต่ถ้าเป็นเด็กนักเรียนประถม มัธยม จะอยู่ที่คนละ 500 เยน
ถ้าเข้าชมสวนสัตว์ด้วยอยู่ที่คนละ 1,150 เยน
แต่ถ้าถ้าอายุ 70 ปีขึ้นไปจะเข้าชมสวนสัตว์ด้วยคนละ 1,000 เยน
Hamamatsu Flower Park ticker 1,000 Yen) |
Hamamatsu Botanic Garden Guide map |
Hamamatsu Botanic Garden map sine 1970 |
สวน Hamamatsu Botanic Garden Flower park เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ เปิดตั้งแต่ปี ค.ศ.1970 มีพันธุ์พืชและไม้ดอกไม้ประดับ หลากหลายนานาพันธุ์ให้ได้ชื่นชมตลอดทั้งวัน ภายในมีโซนต่างให้ชมอย่างน่าสนใจ
เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น.
นั่งรถบัสประจำทางเบอร์ 30 มาลงหน้าสวนได้ในราคา 590 เยน
เสียค่าเข้าชมสวนอีก 1000 เยน และหากเป็นช่วงฤดูฝนราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
โดยในสวนจะแบ่งเป็นโซนๆ ต่างให้ชมหลากหลายแบบ ได้แก่
- Greenhouse Zone จัดแสดงพันธ์ุพืชไม้ดอก ไม้ประดับหลายแบบทั้งตะวันตกและเอเชีย
- Rose Garden สวนดอกกุหลาบ
- Precocious Cherry Blossom trees
- Bamboo Forest
- Plum garden
- Firefly territory
- Wisteria trellis
- Japanese Garden
- Kidzone
และอื่นๆอีกหลายแห่ง
หากใครที่พาคนแก่ หรือผู้สูงอายุมา แนะนำให้นั่งรถไฟนะคะ เพราะสวนมีขนาดใหญ่ หากเดินเกรงจะเมื่อยขาลากเอาจ้า รถไฟให้บริการก็น่ารักมุ้งมิ้ง ค่าบริการคนละ 100 เยน เด็ก 50 เยน
สวนดอกไม้ฮามามัตสึในฤดูดอกไม้ผลิบาน ทุ่งดอกทิวลิปสีหวาน ร้าวรานถึงทรวงใน |
ไปดูสิว่ามีโซนดอกไม้อะไรให้ชมบ้าง
สิ่งแรกที่เห็นก็คงเป็นต้นดอกซากุระภายในสวนที่ผลิดอกออกบานสะพรั่ง อลังการสายตา งามระย้าจับใจ
โดยจุดเด่นของการมาเที่ยวสวน Hamamatsu Flower park ในเดือนเมษายนนี้ก็คือ ทุ่งดอกทิวลิปหลากสีสัน มองไปทางใหนก็งามอลังการ สะท้านโลกา ช่ะช่ะช่าหัวใจ ดูสดชื่นรื่นฤทัย งามวิไลยิ่งนักแล
จุดแรกตรงทางเข้า เป็นสวนบอนไซ แบบต่างๆ สวยงามตามแบบฉบับญี่ปุ่น
เดินมาอีกหน่อยก็จะเป็น ลานแสดงน้ำพุเต้นรำบึงขนาดใหญ่
ดูตอนแรก ดิฉันนึกว่าจะเป็นสระว่ายน้ำซ่ะอีก
นั่งดูสักพัก น้ำพุจะเริงระบำฉวังเฉวียงตามเสียงดนตรีคล้ายโอเปร่า น้ำพุ่งทะย่านสู่ท้องฟ้า สวยระย้าจับใจ นักท่องเที่ยวที่นั่งดูอยู่ก็ตื่นเต้นไปตามๆกัน
นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆเก๋ๆหลายหลายมุม ให้เดินชมกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ
ชอบมุมใหนก็แวะไปชมได้ตามใจชอบเลย
ดอกไม้ที่จัดเป็นรูปซุ้มต่างก็ปลูกประดับติดไว้อย่างงดงาม
แต่ก็อย่าเผลอเรอเอามือไปจับแตะต้องเข้าล่ะ เดียวจะพังเสียหายเอา
เอาเป็นว่ามาเที่ยวสวนแห่งนี้ ก็ใช้นัยตาชื่นชมให้สมอุราอย่างเดียวก็เกินพอนะคะ
ภายในสวนก็มีจการจัดเป็นรูปมาสคอตต่างๆ
ดูน่ารัก บรรยากาศโดยรอบก็ประดับประดาไปด้วยพันธุ์พืชหลากหลายนานาพันธ์
มองไปทางใหน ก็เจริญตา เพราะอากาศดีมากๆ จนอยากจะแบ่งความอากาศที่นี่ไปไว้ในเมืองไทยด้วยซ่ะเลย
ดอกไม้เมืองหนาว หลายสายพันธ์ุ หลากสีสัน ช่วยเติมความสุขแก่ผู้ที่มาเยี่ยมชมสวนแห่งนี้ได้อย่างดีทีเดียว เพราะไม่ว่าจะมองไปทางใหน ก็มีแต่มวลพฤกษา
แน่นอนจุดเด่นไฮไลท์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาสวนแห่งนี้ ในฤดูดอกไม้ผลิบาน คงเป็นทุ่งดอกทิวลิปหลากหลายสายพันธ์ ทีชูช่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ ที่แวะเวียนมาสิงสถิตอยู๋ในสวนแห่งนี้กันตลอดทั้งวัน
ทั้งดอกสีเหลือ สีชมพูอ่อน สีเลือดหมู ก็ดูจุ๊กกรูจับใจ
แต่ไม่กล้าจับต้อง เพราะมีป้ายบอกห้ามจับ เดี่ยวดอกไม้จะช้ำเอา
แต่ทุ่งดอกที่สีบาดใจ คงต้องยกให้แม่ดอกทิวลิปสีแดง ที่สีร้อนแรงเหลือเกิน
ดูไปแล้ว ก็เพลิดเพลินจำเริญใจไม่น้อย
ซูมกล้องไปใกล้ๆมีเกสร จะรอก็แต่หมู่ภมร มาเว้าวอน ดอมดมกัน
จะเห็นก็แต่ผีเสื้อตัวลายๆ บินเวียนว่ายไม่ไปใหน
แต่สีแดง ร้อนแรงจับใจ
หากเด็ดดอมไป คงตรอมใจไม่น้อยเชียว
บรรยากาศโดยรอบ นอกจากมีดอกไม้ ก็ยังงามพร่างพรายด้วยดอกซากุระบานสะพรั่ง สามารถไปนั่งใต้ต้น เพื่อผ่อนคลายอริยาบถกันด้วยส่วนใครที่ติดใจกับหมู่มวลดอกไม้ ก็แวะมาถ่ายตามมุม ซุ้มพุ่มพวงดอกไม้ต่างๆได้เลย
และถ้าจะให้ดี แนะนำมาวันธรรมดา เลอค่าสุดๆ เพราะหากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ คนจะเยอะมากๆ
ทัศนียภาพโดยรอบในทุ่งดอกทิวลิปในสวนดอกไม้ ที่งามพร่างพราย สะหยายไปด้วยพฤกษานานาพันธุ์ ดั่งสวรรค์ชั้นฟ้าโรยรามาสู่ดิน ฟินสุดขั้ว ระรัวถึงใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน |
ลอยละล่องท่องไปตามสายนทีให้ยินดีปรีดา ช่ะช่ะช่าหัวใจกันไปด้วย
หรือใครจะเริงรมย์ เดินให้สุขสมไปกับมวลพฤกษาสวาท ที่เรียงขนาบตามทางเดิน ก็สุดแสนจะเพลิดเพลินจำเริญใจเช่นกัน
จุดถ่ายภาพยอดนิยม เป็นไฮไลท์ของการเที่ยวสวนแห่งนี้ คงเป็นดอกทิวลิปที่ประดับประดาอยู่ในน้ำ ร้าวรานจับใจ |
แต่ที่โดดเด่นร้อนแรงกว่ามุมใหน และยกเป็นไฮไลท์ยอดเยี่ยมที่สุด คงเป็นมุมดอกทิปลิปหลากสี
ที่ปลูกเรียงร้อย สร้อยฤดี ฉิมพลีความงาม อยู่บนน่านน้ำหนองบึง งามตะลึงตึงตึง เริ่ดสะแมนแตน
หรือจะเดินนวยนาด มาวาดรูปถ่ายภาพ ให้กระชากใจเว่อร์ ถามมุมน่ารักๆ ก็ฮักขนาดเน้อเจ้า
ใครที่ชอบถ่ายรูป คงจะชอบใจไม่น้อย เพราะมีมุมโน้นนี้นั้น ให้ถ่ายกันอย่างเพลินใจ
เนื่องจากอยู่ในช่วงเริ่มต้นเทศกาลฮานามิ หรือประเพณีต้อนรับดอนซากุระบาน ทำให้มีสวนแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกทิวลิปที่จัดแต่งตามมุมต่างๆ อย่างสวยสดงดงาม
นอกจากนี้ยังมีอยู่ตามซุ้ม พุ่มไม้ต่างๆ ที่จัดตกแต่ง ให้ เดินชมอย่างน่าภิรมย์ใจ |
หรือจะนั่งรถไฟปู๊นๆ ก็ไม่เสียศูนย์แน่นอน |
บางจุดก็ไม่มีนักท่องเที่ยวมากนัก ก็แวะไปนั่งพักบนลานหญ้า ให้สุขอุราก่อนได้ |
ตามทางเดินในสวน ก็มีดอกทิวลิป ปลูกแซะแซม แรมเรียงรายตลอดแนว
มองไปทางใหนก็มีแต่ดอกไม้ ดูสดชื่น รื่นสบายตา
นอกจากนี้ตามลำคลอง หนอง ห้วยบึง ก็งามตราตรึงประดับไปด้วยดอกไม้
ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายๆ ไม่ถึงกับหนาวเว่อร์จนเกินไป
เหมาะแก่การพักผ่อน เดินชมไป ใช้ชีวิตแบบช้าๆ รื่นอุรายิ่งนักเชียว
อาหารเที่ยงแบบเบาๆ แก้อาการเมาดอกไม้ |
เดี๊ยนจัดหนักอาหารบุฟเฟ่ต์ไปเสียเยอะเชียว มื้อนี้เลยทานพุดดิ้งนมสด รสชาติอร่อยเริ่ดแบบญี่ปุ่นจริงๆ
ทานคู่กับมันญี่ปุ่น ที่รสชาติหวานหอมอร่อย ตามแบบฉบับมันที่ปลูกในดินอย่างดี
ส่วนราคานั้นก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด
นอกจากนั้นทุ่งดอกไม้สีสวนๆ และชมดอกซากุระแล้ว
ในสวนยังมีเครื่องเล่นชิงช้าสวรรค์ ให้ขั้นไปนั่งชมวิวกันอีกด้วย
ภายในสวนโซน Rose Garden ของเหล่าคู่รักมักมานั่งถ่ายรูป จูบหอมแก้มกันเบาๆ |
ภายในโซนนิทรรศการพันธุ์ไม้ในเรือนตู้กระจก Greenhouse |
เพราะในโซนนี้มีการจัดแสดงพันธุ์ไม้หายากต่างๆไว้หลายชนิด
และยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ น่ารักหลากมุม
ให้ได้ถ่ายภาพเป็ฺนที่ระลึกด้วย
โดยภายในก็จัดแสดงนิทรรศการพันธุ์ไม้ดอกและไม้ประดับ
ทั้งดอกไม้ทางทวีปยุโรปและดอกไม้ในทวีปเอเชียวไว้ให้ชมอย่างน่าสนใจ
เรียกว่าถ้าใครเป็น ค.คนรักดอกไม้ ห้ามพลาดเชียวล่ะค่ะ
ภายในเรือนตู้กระจก ยังมีโต๊ะให้นั่งพัก จิบชา กาแฟ และขนมเค้กหน้าทาน รสชาติหวานอร่อยๆให้ได้ลิ้มลองทาน ไปกับบรรยากาศอันสุนทรีย์ในสวนนี้ด้วย
และนอกจากนี้ยังมีสวนกระบองเพชร เด็ดสะระตี๋ และภูมิอากาศอันร้อนๆชื้นให้ได้ชม
รวมทั้งได้เดินศึกษาพันธุ์พืชแต่ละชนิดด้วย
หากใครที่จูงลูก เล็กแดงมา เดินขึ้นเนินมาหน่อยตรงชิงช้าสวรรค์ เป็น Kid zone ก็เป็นสวนสนุก มีกระดานลื่นไดโนเสาร์ และเครื่องเล่นรถบังคับ แบบน่ารัก เด็กๆเห็นก็ชอบใจ ผู้ใหญ่มีหน้าที่พาไปเสียตัง
ส่วนเด็กก็เล่นมีความสุขจัง คงหมดตังไปเยอะเลยเชียว
หากใครที่พาน้องหนูๆและเด็กมา ก็พามาเล่นได้นะคะ
มาวันธรรมดา ก็ไม่ค่อยจะมีคนมากนัก แต่ถ้าเป็นเสาร์ อาทิตย์ หากเป็นช่วงดอกซากุระบานแบบนี้ นักท่องเที่ยวเยอะแน่นอนค่ะ
นอกจากนี้ยังมีโซนต่างๆให้เดินชม และหากเดินไปเหนื่อยๆ เมื่อยก็นั่งพักตามลานสนามหญ้า และมุมต่างๆที่จัดไว้ให้นั่งได้ค่ะ
หากเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูกาลดอกไม้บาน หรือช่วง Spring ก็วางแผนปักหมุดหยุดกาลเวลา มาเที่ยวที่สวนแห่งนี้ได้นะคะ เพราะเป็นสวนที่เดินชมได้ทั้งวัน เปิดตั้งแต่ 9.00-17.00 น.
หลังจากเดินเที่ยวชมและนั่งพักผ่อนดูดอกไม้ตลอดทั้งวัน ก็ได้เวลาเดินทางกลับแล้วล่ะค่ะ
โดยตอนขากลับก็มายืนรถรอที่ป้ายรถบัสโดยสารประจำทางหน้าสวนได้เลยนะคะ
ไม่นานรถก็มาค่ะ
หากนั่งรถบัตรโดยสารประจำทางมาถึงสถานีรถไฟแล้ว ก็อย่าลืมแวะซื้อของฝากประจำเมืองฮามามัตสึนี้ไปด้วยนะคะ อย่าเช่นของที่ระลึกรูปท่านโชกุน ซึ่งเป็นมาสคอตประจำเมืองนี้
ขนมคุกกี้ของสวน Hamamatsu ก็จัดบรรจุภัณฑ์ได้น่ารักเช่นกัน
ของฝากขึ้นชื่อในเมือง Hamamatsu คงเป็นปลาไหลฮามานาโกะ ที่รสชาติดีเลิศ |
คงเป็นปลาไหลฮามานาโกะ ที่ว่ากันว่าเป็นปลาไหลที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นด้วย ใครที่ไม่ทานปลาไหล หากมาญี่ปุ่นได้ลิ้มลองทานสักครั้ง รับรองติดใจจริงๆค่ะ
มาเที่ยวฮามามัตสึครั้งนี้ ดิฉันเลยต้องลองทานข้าวหน้าปลาไหลที่เมืองนี้สักครั้ง
เป็นปลาไหลฮามานาโกะ แม้จะราคาแพงแค่ใหนก็ต้องของลองสักครั้ง
เพราะนานๆที จะมีโอกาสได้มาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนึง
ตั้งแต่แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นมา รู้สึกว่าทริปเที่ยวมือนี้ แพงที่สุดแล้วค่ะ จัดไปข้าวหน้าปลาไหลฮามานาโกะ 1,800 เยน ว่ากันว่าเป็นปลาไหลที่รสชาติดีที่สุดในแดนอาทิตย์อุทัย |
อีกหนึ่งของฝากยอดฮิตที่ทางบ้านและที่ทำงานขอมาตลอดก็คือ
ช็อคโกแลตโรเช่ ที่จัดโปรลดราคาแบบสุดฤทธิ์สุดเดช เดี๊ยนเลยต้องซื้อมาทานบนเครื่องด้วย
จบทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูกาลดอกซากุระบาน 9 วัน 9 เมือง เดินทางกลับเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ |
จบทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูกาลดอกซากุระบาน 9 วัน 11 เมือง
งามลือเลืองสมค่ำล่ำลือ แต่ที่สวยที่สุด คงต้องยกให้ทางภาคใต้เกาะคิวชู เมือง Kumamoto และเมือง Fukuoka ที่ดอกซากุระบาน อร่ามจับตา และอากาศดีหนักหนา ส่วนอากาศหนาวที่สุดคงต้องยกให้เมือง Niigata และเมือง Matsumoto เมือง Nagano อากาศหนาว ยังมีหิมะตกอยู่เลย เดี๊ยนเห็นแล้วก็มือไม้สั่นไปหมด
แต่เมืองที่นักท่องเที่ยวเยอะที่สุด ต้องยกให้เมืองหลวงโตเกียว และเมืองหลวงเก่าเกียวโต นักท่องเที่ยว 2 เมืองนี้ มหาศาล ร้าวรานผู้คนจริงๆ จะเดินชนไหล่กันตลอดเลยค่ะ ส่วนเมืองที่สวยด้วยมวลพฤกษาดอกไม้และดอกทิวลิปหวานจับใจ ต้องยกให้เมือง Hamamatsu เนี่ยแหละค่ะ เพราะจัดสวนได้สวย รุ่มระรวยดอกดอกซากุระและทุ่งดอกทิวลิป งามระยิบจริงๆ
เอาเป็นว่าหากเพื่อนๆคนใหนที่อยากจะแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูกาลดอกไม้ผลิ หรือช่วงญี่ปุ่นดอกซากุระบาน ไม่รู้จะมาเที่ยวช่วงใหนดี ก็ปักหมุดมาเที่ยวช่วงปลายเดือนมีนาคม หรือต้นเดือนเมษายนได้นะคะ และหากชอบดอกไม้บานสะพรั่งอลังแบบสุดๆ แนะนำไปทางภาคใต้ แต่ถ้าชอบความวุ่นวาย แวะไปเที่ยวโตเกียวหรือเกียวโตก็ได้ไม่ว่ากัน
สำหรับทริปรีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ต้องขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกคน ที่เสียสละเวลามาสไลด์เลื่อนดูกัน หากมีข้อผิดพลาดสิ่งใด ดิฉันต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะคะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
----------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกรีวิวเที่ยวเมืองอื่นๆ ไปเรื่อยเปื่อย มีดังนี้จ้า
แนะนำ 7 เมืองที่เที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อนที่ต้องแวะไปกันสักครั้ง ตามไปกันเลย>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวโตเกียวช่วงดอกซากุระบานตามสวนต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย>>> |
ทริปสั้นๆ รีวิวแบกเป้นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองนีกาตะยามเย็น คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เก็บตกกับรีวิวทานบุฟเฟ่ต์ทุเรียนที่โรงแรมใบหยก มีอะไรให้ทานบ้าง คลิ๊กดูภาพรีวิวจ้า>> |
รีวิวเที่ยวเมืองมัตสึโมโต้ เมืองน่ารักที่ไม่ได้มีแค่ปราสาทเท่านั้น คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเกียวโตยามสนธยา แวะไปลั๊ลลาเมืองฮิเมจิ คลิ๊กดูรีวิวการเดินทางจ้า>> |
แบกเป้ไปเกาะชิโกกุ เที่ยวทะลุเมืองทามัตสึ มีแต่อันปังแมนน่ารัก คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
แวะเที่ยวคิตะคิวชู เมืองน่าเที่ยวอีกแห่งที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
เที่ยวเทศกาลฮานามิ และรีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมืองมาฝากจ้า คลิ๊กดูรีวิว>> |
รีวิวเที่ยวเมืองคุมาโมโตะ ชมปราสาทใหญ่โตโอฬารและดอกไม้บาน คลิ๊กดูรีวิวการเดินทาง>> |
แบกเป้เที่ยวนาโกย่า รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมือง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เก็บตกรีวิวเที่ยวอำเภอชุมแสง สวยมาแรงตลาดเก่า100ปี แวะมาที่นี่ให้ได้สักครา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
มาม๊ะ..มารีวิวเที่ยวเมืองนครสวรรค์ใน 1 วัน ยลสุขสันต์เมืองชุมทางสี่แคว คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวงานแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช นอนตากอากาศที่คีรีวง คลิ๊กดูรีวิว>> |
0 ความคิดเห็น