ดิฉันจำได้ว่าเคยแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวเมืองเกียวโตแห่งนี้ เมื่อหลายปีมาแล้ว ครั้งนั้นมาช่วงฤดูหนาว รู้สึกว่าร้าวระบ่มทุกข์ตรมหมองไหม้ยิ่งนัก เพราะหนาวยะเยือก กระเทือกถึงกระดูกจริงๆค่ะ แต่มาเที่ยวคราวนี้ ขอเที่ยวแบบชิลๆ ไหว้พระตามวัด ไปลั๊ลลาชมดอกซากุระสักครั้งหนึ่งในชีวิต ว่ากันว่า เมืองเกียวโต เป็นเมืองที่มีจุดชมดอกซากุระบานสะพรั่ง อลังการสะทานโลกาอยู่หลายแห่งเลย
เอาล่ะค่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลา วันนี้ดิฉันคุณนายเว่อร์ เธอขอเป็นคนบ้า เลิกจากงานประจำ มารีวิวพาเพื่อนไปเที่ยวเมืองเกียวโตด้วยกัน เผื่อใครยังไม่เคยมาเที่ยว ก็ลองตีตั๋วเครื่องบิน เลี้ยวแวะกันมาดูสักครั้งครา
แต่บอกก่อนเลยนะคะว่า หากมาเที่ยวช่วงฤดูดอกซากุระบานสะพรั่งในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน เมืองเกียวโตนั้น แน่นๆถนัดคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกจริงๆ โดยเฉพาะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แทบจะไม่มีที่เดินเลยล่ะค่ะ ยังไงก็วางแผนก่อนมาเที่ยวแล้วกันนะคะ
ต่อจากรีวิวตอนที่แล้ว ซึ่งได้มารีวิวพาเพื่อนๆไปเที่ยวชมเมืองทาคามัตสึ(Takamatsu) แห่งเกาะชิโกกุกันไปแล้ว ตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2019/04/backpack-to-travel-at-takamatsu-city-kagawa-shikoku-cherry-blossom-review.html
มารู้จักเมืองเกียวโตกันสักเล็กน้อย ทำไมถึงชื่อเกียวโต มีที่มาอย่างไรหนา |
แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น เมืองนี้มีชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า เคียวโนะมิยาโกะ (京の都) โดยแบ่งคำว่า เคียว (京) และ มิยาโกะ (都) จนต่อมาในศตวรรษที่ 11 เปลี่ยนชื่อเป็น เกียวโต ซึ่งมีความหมายว่า เมืองหลวง อ้างอิงจากคำของภาษาจีนของเมืองหลวงที่อ่านว่า จุงตู (京都) นั้นเอง
แต่หลังจากที่เมืองเอโดะเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียว (มีความหมายว่า "เมืองหลวงแห่งตะวันออก")ไปแล้วนั้น ในช่วงปี ค.ศ. 1868 เมืองเกียวโตก็เปลี่ยนชื่อเป็น ไซเกียว (西京 มีความหมายว่า "เมืองหลวงตะวันตก")ซึ่งตรงกันข้ามกันเมืองโตเกียว และช่วงนั้นก็เป็นช่วงเวลาสั้น ๆที่ใช่ชื่อเมืองไซเกียว ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็น เกียวโต ตามเดิม
โดยพื้นที่ธุรกิจส่วนใหญ่ของเกียวโตตั้งอยู่ทางตอนใต้ของพระราชวังเก่า มีวัดวาอารามเก่าแก่ ทำให้ยังคงความชะอุ่มของสีเขียวจากธรรมชาติอยู่ สิ่งก่อสร้างที่อยู่รอบ ๆและยังได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีมาจนถึงปัจจุบัน
(เครดิตข้อมูลดีๆจาก https://th.wikipedia.org/wiki/kyoto)
ปราสาทฮิเมจิในฤดูกาลดอกซากรุบานสะพรั่ง อลังการเริ่ดสะแมนแตน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจ ช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเมือนเมษายน |
เริ่มต้นเช้านี้ ที่โรงแรม The Next Door Hostel Lower East Nine เกียวโต เดินขึ้นมารับอากาศเช้าบนดาดฟ้าของโรงแรม ราคาถูก หลักร้อย ในเมืองเกียวโต ก็มองเห็นเจดีย์ห้าชั้นของวัดโทจิ อยู่ใกล้ๆแค่นี้เองค่ะ
ส่วนอาหารเช้ามื้อนี้ ก็ทานง่ายๆ อาหารที่เหลือค้างจากเมื่อคืนก่อนนี้เองค่ะ หยิบมาอุ่นทานให้หมด ประหยัดไปอีก 1 มื้อ
ห้องนั่งทานข้าวของที่พักในตอนเช้า คนก็ไม่ค่อยมีด้วย เพราะยังไม่มีใครตื่นกัน
มีโซนครัวให้ทำกับข้าวหรืออุ่นกับข้าวด้วย ถ้วย จานชาม หยิบมาใช้ได้ แต่ก็ล้างและเช็ดให้แห้งด้วยนะคะ สำหรับเพื่อนๆคนใหน ที่มีงบน้อย หากที่พักราคาหลักร้อย ก็แวะมาพักค้างคืนชั่วคราวได้ที่โรงแรม The Next Door Hostel Lower East Nine เกียวโต ได้ะนะคะ ที่พักใกล้สถานีรถไฟด้วย เดินมาไม่ไกล
และหลังจากที่ทานอาหารมื้อเช้าอิ่มแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกก็แวะมาเที่ยวที่วัดโทจิ ก่อนเลย เนื่องจากอยู่ใกล้โรงแรม The Next Door Hostel Lower East Nine เกียวโต ที่สุดแล้วค่ะ เดินมาแป๊บเดียวก็ถึงล่ะ
การเดินทางมามาวัดโทจิ
- นักเดินทางส่วนใหญ่ นิยมเดินเท้าจากสถานีรถไฟเกียวโตมาได้ประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
- แต่สำหรับใครที่เป็นคนขี้เกียจเดิน ก็สามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Toji station ได้นะคะ จากนั้นก็ต้องเดินเท้ามาอีก 150 เมตรก็ถึงวัดแล้วค่ะ
บรรยากาศภายในวัดโทจิ ช่วงปลายเดือนมีนาคม เป็นช่วงที่ดอกซากุระกำลังผลิบาน แต่ฝนก็โปรยปรายลงมาหน่อยๆ พร้อมอากาศและลมพัดหนาวจับใจทีเดียวค่ะ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัดโทจิ มีที่มาอย่างไร อ่านเป็นความรู้กันสักเล็กน้อย |
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัดโทจิ มีที่มาอย่างไร อ่านเป็นความรู้กันสักเล็กน้อย(About To-ji Temple)
วัดโทจิ ชื่อมีความหมายว่า วัดตะวันออก ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นเมื่อปี 796 สองปีหลังจากที่ย้ายเมืองหลังมายังเฮอัง หรือเกียวโตในปัจจุบัน ในปี 823 พระโคโบ ไดชิ หรือคูไก ได้เข้ามาดำเนินการต่อเติมและพัฒนาวัดตามพระบัญชาของจักรพรรดิซางะ พระประธานของวัดคือ พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา (Yakushi Nyorai) หรือพระพุทธเจ้าหมอ
โดยจุดเด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาชมวัดแห่งนี้ก็คือ เจดีย์ห้าชั้น ซึ่งนักเดินทางหลายคนที่นั่งรถไฟชินกันเซนจากโตเกียวหรือจากโอซาก้าผ่านมาเมืองเกียวโต ก็จะเห็นยอดเจดีย์ห้าชั้นอันโดดเด่นของวัดแห่งนี้ทุกครั้ง จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเกียวโตไปแล้ว
เจดีย์ของวัดโทจิมีความสูง 57 เมตร ถูกจัดว่าเป็นอาคารไม้ที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น |
มีประวัติความเป็นมาย้อนหลังตั้งแต่ช่วงสมัยเอโดะ เมื่อครั้งที่เจดีย์ถูกสร้างขึ้นใหม่ตามคำสั่งของโทกูงาวะ อิเอมิตสึ โชกุนรุ่นที่ 3 แห่งตระกูลโทกูงาวะในเกียวโต และในปัจจุบันเจดีย์นี้เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองเกียวโต และทางเข้าสู่ภายในเจดีย์จะเปิดให้เข้าชมเพียงไม่กี่วันในแต่ละปีเท่านั้น โดยในช่วงฤดูดอกซากุระบาน วัดโทจิจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
เนื่องจากบริเวณทัศนียภาพโดยรอบ มีต้นซากุระปลูกรายรอบ และช่วงกลางคืนมีการจัดแสดงแสงสีให้แวะมาถ่ายรูปกันอีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว อาคารต่าง ๆ ของวัดโทจิ ก็ยังเป็นสถานที่เก็บรักษาพระพุทธรูปโบราณจำนวนมากมาย บริเวณลานวัดก็มีสวนหย่อมและสระน้ำที่เลี้ยงเต่าและปลาคาร์ปไว้ให้ได้ชม และยังมีโรงเรียนรากูนัน ซึ่งดำเนินการโดยทางวัดเอง นักเรียนจากที่นี่สามารถเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำเป็นจำนวนมากอีกด้วย
โดยทางเข้าอยู่ที่ประตู East Gate Keigamon Gate
หลังจากได้ไปไหว้พระ ชมดอกซากุระที่วัดโทจิแล้ว ก็เดินเท้าไปยังสถานีเกียวโตอีก 1 กิโลเมตรเพื่อเดินทางไปสถานทีทอ่งเที่ยวถัดไป
และที่เที่ยวถัดไปคือศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดที่ใครก็ต้องแวะมาถ่ายรูป เพราะชื่อเสียงของเสาโทริสีแดงหลายพันต้น จนเป็นกิมมิคสถานที่ที่ใครมาเที่ยวเกียวโตต้องมากัน หากไม่มา ถือว่ามาไม่ถึงเลยนะคะ
วิธีการเดินทางไปศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
แนะนำให้นั่งรถไฟ JR จากสถานีเกียวโต ชานชลาหมายเลข 8 และ9 ตามรูปภาพเลยค่ะ
มีป้ายบอกทางด้วย
หากใครที่มีข้อสงสัยในการเดินทาง สอบถามเจ้าหน้าที่ประจำสถานีได้เลยนะคะ ไม่งั้นเดียวหลงทางเอาได้ เนื่องจากที่สถานีเกียวโต มีหลายชานชลามากๆ
โดยที่ป้ายจะมีเขียนไว้ว่า 8 และ 9 For Tofukuji, Inari,Uji,Nara ก็ไปรอที่ชานชลาได้เลย แป๊บเดียวรถไฟก็มาแล้วค่ะ
นั่งรถไฟ JR จากสถานีเกียวโตมาไม่นานก็ถึงสถานี Inari เดินออกสถานีมาก็ได้รับความชุ่มฉ่ำเลยค่ะ
ทางเข้าศาลเจ้าฟูชิมิ
ไม่นานนัก ฝนก็เฮ เทลงมาอย่างหนัก อากาศหนาวอยู่แล้ว พอฝนตกลงมา ก็ยิ่งหนาวไปใหญ่เลยค่ะ หากใครที่จะมาเที่ยวเกียวโตในเดือนนี้ พกร่มมาด้วยก็ดีนะคะ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (About Fushimi Inari) อ่านเป็นความรู้กันค่ะ |
ศาลเจ้าฟูชิมิอินา สร้างขี้นตั้งแต่สมัยต้นยุคเฮอัง ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต เขตฟูชิมิ เป็นศาลเจ้าชินโตของเทพอินาริ อันเป็นเทพแห่งกสิกรรม ศาลเจ้านี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ตัวศาลเจ้าตั้งอยู่บนพื้นที่เชิงเขาที่ระดับความสูงประมาณ 233 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยภูเขาลูกนี้มีชื่อว่าเขาอินาริ ซึ่งรอบเชิงเขานี้ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเล็กๆอีกมากมาย และตลอดระยะทาง 4 กิโลเมตร ซึ่งสามารถเดินเท้าและเยี่ยมชมได้ ต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโม
ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริในวันที่ฝนพร่ำๆในปลายเดือนมีนาคม ซึ่งดอกซากุระกำลังบาน แต่ก็หนาวร้านรานใจยิ่งนัก (Fushimi Inari Shrine on March ) |
เสาโทริ คืออะไร อ่านไปเป็นความรู้กันสักเล็กน้อย |
โทริอิ (Torii, มีหมายว่า ที่แห่งการปกปักปักษา) เป็นซุ้มประตูแบบญี่ปุ่น ตั้งไว้เพื่อให้ผู้คนได้รับรู้ว่า อาณาเขตเบื้องหลังเสาโทริอินี้เป็นอาณาเขตของเทพเจ้า เพื่อที่ผู้คนที่แวะมาเยือนสถานที่ดังกล่าว จะได้ไม่เผลอกระทำการอันจะเป็นการดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ตั้งแต่ยุคโบราณ ชาวญี่ปุ่นนั้นมีความเชื่อ และนับถือเทพอินาริในด้านการอุปถัมภ์ค้ำชูและส่งเสริมความเจริญในการงานและกิจการต่างๆ ซึ่งความศรัทธานี้เองยังคงอยู่จนตราบจนปัจจุบัน บรรดาเสาโทริอิที่มากมายของศาลเจ้าแห่งนี้นั้น ล้วนเป็นศรัทธาจากบริษัท ห้างร้าน และโรงงานในญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละต้นจะมีการจารึกผู้บริจาคไว้
แต่เสาโทริที่มีมากที่สุดในญี่ปุ่น คงต้องยกให้เสาโทริที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริในเมืองเกียวโต
เสาโทริ คืออะไร อ่านไปเป็นความรู้กันสักเล็กน้อย |
เสาโทริสีแดง ที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ ในเมืองเกียวโต(Fushimi Inari Tori kyoto) |
มนต์เสน่ห์ของการเที่ยวเกียวโต จะเห็นนักท่องเที่ยวใส่ชุดยูกาตะ สีสันสดใส มาเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แถมสถานที่บางแห่ง ก็มีส่วนลดให้กับนักท่องเที่ยวที่ใส่ชุดยูกาตะด้วย เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของท่องเที่ยวที่ดีเยี่ยมทีเดียว
บรรยากาศภายในบริเวณศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ คนเยอะจริงๆค่ะ โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์จากทั่วสารทิศ ทั้งจากรัสเซีย จีน และทั้งเอเชียอาคเนย์
หลังจากมาไหว้ศาลเจ้าแล้ว ก็เดินทางต่อไปค่ะ
นั่งรถไฟจากเกียวโตไปเมืองฮิเมจิ เพือไปชมปราสาทที่สวยงามที่สุดแห่งของประเทศญี่ปุ่น
ระหว่างนั่งรถไฟก็ทานขนมรองท้องไปก่อนละกัน
นั่งรถไฟออกจากเกียวโตมา ท้องฟ้าก็แจ่มใสเลยค่ะ
หลับๆตื่นๆบนขบวนรถไฟ JR มาถึงสถานีรถไฟ Himeji แล้วล่ะค่ะ ทางที่ดีแนะนำ นั่งรถไฟชินกันเซนมาดีกว่านะคะ เพราะเร็วกว่ามากๆ
มาถึงก็ไม่ต้องกลัวหลงทาง เพราะมีป้ายบอกทางไปยังปราสาทฮิเมจิชัดเจน
สาระน่ารู้เกี่ยวกับปราสาทฮิเมจิ อ่านดูสักเล็กน้อย |
การเดินทางจากสถานีรถไฟฮิเมจิ ไปยังปราสาท ก็ไปไม่ยาก เดินไปเลยค่ะ
ไม่ต้องนั่งรถให้เปลืองสตังนะคะ
แต่ทางทีดีแนะนำ เดินไปถนนสายช็อปปิ้งก็ดีค่ะ เพราะมีของกิน และร้านค้าให้แวะซื้อด้วย
เนื่องจากหิวมากๆ เลยหาอะไรทานในราคาไม่แพง เป็นไส้กรอกญี่ปุ่น หรือ Satchano Chiekama Dog แต่ดูไปแล้ว เหมือนขนมโป๊งเหน่งในเมืองไทยเราเลยนะคะ
ราคาไม้ละ 150 เยน
ไม่แพงนะ มีป้ายบอกราคา มีรูปภาพให้รู้ว่าด้านในคืออะไร
เนื่องจากพนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็เลยเขียนป้ายให้ลูกค้าอ่านซ่ะเลย
จัดไปไม้เดียวพอค่ะ เดียวอ้วน ด้านในใส้ชีส รสชาติอร่อยดีค่ะ
ใครหิวก็แวะซื้อทานได้นะคะ พิกัดร้านตรงริมทางเดินไปปราสาทฮิเมจิเลย
ยังไม่อิ่ม ทานถั่วอัดต่อ อร่อยดีนะ ราคาแค่อันละ 100 เยนเอง สรุปมื้อเที่ยงนี้ทานแต่ขนม ประหยัดได้อีก
จากสถานีรถไฟเดินมาไม่ไกลก็ถึงปราสาทฮิเมจิแล้วค่ะ
เดินข้ามริมน้ำรอบคูปราสาทมา ก็เป็นสวนลานหญ้าขนาดกว้างขวาง ให้นั่งปูเสื่อนั่งพักผ่อนหย่อนใจ และทานอาหารได้อีกด้วยส่วนต้นซากุระที่ปลูกเรียงรายภายในบริเวณปราสาทฮิเมจิก็กำลังผลิดอกออกบานสะพรั่งเลยค่ะ แต่ว่ายังบานไม่เต็มต้น
สาระน่ารู้เกี่ยวกับปราสาทฮิเมจิ อ่านดูสักเล็กน้อย |
ว่าแล้วก็มารู้จักปราสาทฮิเมจิกันสักเล็กน้อย ทำไมถึงเป็นปราสาทยอดนิยมที่คนแวะมาเที่ยวชมกันอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูดอกซากุระบาน ปราสาทหลังนี้เรียกว่า ดึงดูดนักเดินทางจากทั่วสารทิศจริงๆ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับปราสาทฮิเมจิ อ่านดูสักเล็กน้อย
โดยปราสาทแห่งนี้ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2536 โดยจัดเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น โดยอีก 2 แห่งคือ ปราสาทมัตสึโมโตะ และปราสาทคูมาโมโตะ และยังเป็นปราสาทที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในญี่ปุ่นอีกแห่งด้วย เป็นปราสาทญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับปราสาทฮิเมจิ อ่านดูสักเล็กน้อย |
ดอกซากุระในสวนสาธารณะบริเวณปราสาทฮิเมจิ กำลังผลิดอก ออกบานสะพรั่ง อลังการเริ่ดสะแมนแตนต้อนรับนักท่องเที่ยว |
เครดิตข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/ปราสาทฮิเมจิ
จุดเด่นของปราสาทอย่างหนึ่งคือ ทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต ทั้งประตูและกำแพงต่างๆในปราสาทได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้บุกรุกเข้าถึงโดยง่าย โดยทางเดินมีลักษณะเป็นวงก้นหอยรอบๆอาคารหลัก และระหว่างทางก็จะพบทางตันอีกมากมาย ระหว่างที่ศัตรูกำลังหลงทางอยู่นี้ก็จะถูกโจมตีจากข้างบนอาคารหลักได้โดยสะดวก แต่อย่างไรก็ตาม ปราสาทฮิเมจิก็ยังไม่เคยถูกโจมตีในลักษณะนี้เลย ระบบการป้องกันต่างๆจึงยังไม่เคยถูกใช้งาน
ดอกซากุระในสวนกำลังผลิดอกบานสะพรั่งเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่แวะมาเที่ยวชมปราสาทแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
และหากใครมีเวลาอยากจะสัมผัสบรรยากาศรอบปราสาทแห่งนี้ ก็นั่งเรือท่องเที่ยวชมได้นะคะ
ค่าเข้าชมด้านในตัวปราสาทฮิเมจิค่าเข้าคนละ 1000 เยนค่ะ |
จากนั้นก็นั่งรถไฟชินกันเซนกลับมาที่สถานีเกียวโต |
เดินเท้ามาไม่ไกลนักจากสถานีรถไฟเกียวโต มาไหว้พระที่วัด Higashihonganji Temple อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ในเมืองเกียวโต
ตรงทางเข้ามาด้านในวัด มีแผ่นพับข้อมูลเกี่ยวกับวัดแห่งนี้ใหได้อ่านเป็นความรู้อีกด้วย
ซึ่งมีทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเกาหลี ภาษารัสเซีย แต่ไม่มีภาษาไทยนะคะ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัด Higashihonganji Temple |
วัดฮิกะชิ ฮอนกันจิ (Higashi Honganji) เป็นวัดขนาดใหญ่ตั้งอยู่คู่ใจกลางเกียวโต ถูกสร้างขึ้นหลังจากวัดนิชิ-ฮอนกันจิไม่นานนัก โดยมีอาคารสำคัญคืออาคาร Goeido ซึ่งเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเกียวโตและอุทิตให้กับท่านชินรัน (Shinran) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งนิกายโจโด(Jodo) และอาคารอามิดาโดะ (Amidado Hall) โดยวัดแห่งนี้ถือเป็นวัดพุทธศาสนานิกายJodo และยังเป็นศูนย์กลางของนิกายที่คนญี่ปุ่นให้นับถือกันเป็นจำนวนมาก
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัด Higashihonganji Temple |
หลังจากที่ได้ไปไหว้พระที่วัดฮิกะชิ ฮอนกันจิ (Higashihonganji Temple)แล้ว ก็เดินทางมาที่สถานีรถไฟเกียวโต เพื่อนั่งรถไฟใต้ดินสายสีเขียวไป ตลาด Nishiki
ภายในสถานีรถไฟใต้ใต้ดิน ซื้อตั๋วผ่านเครื่องขายบัตรอัตโนมัติ
ซื้อตั๋วรถไฟไปลงที่สถานี Shijo
ราคาตั๋วอยู่ที่ 210 เยน
แผนที่การเดินทางในสถานีรถไฟเกียวโต |
สำหรับตลาด Nishiki เป็นอีกหนึ่งแหล่งช๊อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเกียวโต โดยเป็นตลาดที่รวบรวมของกินและของฝากไว้อย่างครบครัน ซึ่งเป็นตลาดที่เปิดในช่วงกลางวันเท่านั้น
ตลาดเปิดช่วงเวลา 9.30-18.00 น.เท่านั้นนะคะ
หากมาช้ากว่านี้ ร้านปิดหมดจ้า
โดยบรรยากาศก็ภาพเลยค่ะ คนเยอะมากๆ เรียกว่ามากถึงมากที่สุดทีเดียวเชียวล่ะ ยิ่งเป็นช่วงเวลายามเย็นใกล้ๆตลาดปิดด้วย คนยิ่งเยอะ เพราะร้านค้าบางร้าน ขายของกิน ก็ลดราคากันแบบสุดฤทธิ์สุดเดช ยิ่งจูงใจคนให้มาเดินกันอย่างคับคั่ง
ส่วนรายการอาหารบางอย่าง ทางร้านก็ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ซึ่งร้านใหนที่ไม่ให้ถ่ายรูป จะมีป้ายติดไว้ค่ะ
เห็นขนมไดฟุกุ สตอเบอรี่น่าทานมากๆค่ะ
ราคาก็ไม่แพงเกินไป
เดินออกมาก็เป็นถนนอีกสาย ซึ่งบรรยากาศน่าเดินกว่าตลาดนิชิกิกว่ามาก เพราะดูไม่วุ่นวายด้วย
เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
เดินหลงทางมาอีกหน่อย ก็เป็นสีแยกใกล้ๆสถานีรถไฟ Kawaramachi
เดินตามทางฟุตบาทมาเรื่อยๆ ก็จะพบกับคลองเล็กชื่อดังไม่ไกลจากตลาด Nishiki |
ซึ่งที่ริมคลองห่งนี้ ดอกซากุระก็กำลังผลิดอกออกบานสะพรั่งต้อนรับนักเดินทาง มาถ่ายรูปกันอย่างไม่ขาดสายด้วย
เดินมาอีกหน่อยก็เห็นแม่น้ำกาโม่ (Kamo River) |
เดินมาอีกหน่อยก็เห็นแม่น้ำกาโม่ (Kamo River)
บรรยากาศบ้านม่านชานเรือน ริมแม่น้ำ Gamo River บ้างก็จัดเป็นโรงแรม บ้างก็เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น วิวทัวทัศน์งดงาม |
กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงอีกแห่ง ที่เหล่าคู่รักแวะมาเดินพักผ่อนถ่ายรูปกัน
ยิ่งหากเป็นช่วงยามสนธยา อากาศหนาวระย้าแบบนี้ด้วยแล้ว เหมาะอย่างยิ่งที่จะพากันมาเดินให้เพลิดเพลินจำเริญใจ หรือจะเดินเลาะหาของกินไปเรื่อยๆก็ไม่ว่ากัน เพราะริมทางมีร้านขายขนม นมเนย หลายอย่าง
ซึ่งตามตรอกซอกซอย ก็มีถนนคนเดิน มีร้านอาหารกิ๊บเก๋ยูเรก้า สไตล์ญี่ปุ่นให้เลือกหลายร้าน
เกี่ยวกับศายเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) |
เกี่ยวกับศายเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine)
หรือว่าศาลเจ้ากิอง (Gion Shrine)แห่งนี้ เป็นศาลเจ้าเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงอย่างมากของเกียวโต โดยที่ตั้งของศาลนั้นอยู่ในระหว่างย่านกิออนแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเกียวโต และย่านฮิกาชิยาม่า ซึ่งใกล้ๆกับสวนชมดอกซากุระชื่อดังด้วย
ศาลแห่งนี้ เป็นศาลเจ้าที่มีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุดอีกแห่ง ก่อสร้างมีขึ้นในปี พ.ศ. 1199 และต่อมาในช่วงต้นยุคเฮอัง ศาลเจ้ายาซากะอยู่ภายใต้พระราชูปถัมภ์ขององค์จักรพรรดิ ใน พ.ศ. 1508 จักรพรรดิมูรากามิ ทรงบัญชาให้มีการขึ้นบัญชีเหตุการณ์สำคัญของเทพารักษ์แผ่นดิน
เกี่ยวกับศายเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) |
ตัวอาคารต่างๆสร้างด้วยสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และในช่วงเทศกาลฮานามิ บริเวณศาลเจ้าก็จะมีการประดับโคมไฟ และมีร้านอาหารของกินตลอดเส้นทางมายังศาลเจ้าให้เลือกกันอย่างมากมายด้วย
และใกล้ๆกับศาลเจ้ายาซากะ ก็เป็นสวนสาธารณะ Maruyama Park |
ต้นซากุระเก่าแก่กำลังผลิดอกบานสะพรั่ง ต้อนรับนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย |
ใกล้ๆกันก็มีการแสดงเป่าขลุ่ยแลกเงิน มีน้องหมาของเจ้าของออกมาด้วย
หากใครถ่ายรูปน้องหมา ก็อย่าลืมนำเงินไปหยอดกระปุกด้วยนะคะ น้องหมากับเจ้าของจะมีแรงสู้ในการเป่าขลุ่ยให้ดูต่อไป
บริเวณรอบสวนสาธารณะ Maruyama park ก็ถูกจัดให้เป็นที่นั่งทานอาหารเพื่อชมดอกซากุระไปด้วย
ใครที่ยกขบวนกันมาเที่ยวหลายๆคน ก็พากันไปนั่งทานได้นะคะ มีร้านอาหารและเมนูของแต่ละร้านให้เลือกหลายอย่าง จะนั่งทานแบบจิ้มจุ่ม หรือปิ้งย่างก็ไม่ว่ากัน
แต่หากใครที่มาแบกเป้มาเที่ยวคนเดียวแบบดิฉัน ก็เดินเลาะหาของกินริมทางเอาก็ดีเช่นกัน เพราะจะได้เพลิดเพลินจำเริญใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนไปกันของกินแปลกตาหลายอย่างที่ไม่เคยทัศนาจรมาก่อนด้วย
เดินหาของกินอยู่นาน ต้องหาอะไรทานรองเท้าก่อนเลยค่ะ
เหลือบไปเห็นร้านขายขนมดังโงะ และขนมโมจิ น่าทานมากๆ เพราะคนเข้าแถวต่อคิวกันซื้อ ดูแล้วน่าจะอร่อยนะ
จัดไปค่ะ 1 ไม้ ราคา 150 เยน
ขนมดังโงะ รสอร่อยจริงๆ คุ้มแล้วล่ะที่ยืนรอซื้อตั้งนาน |
ลองกัดทานไป 1 คำก่อน ไม่ผิดหวังจริงๆ อร่อยมากๆ คุ้มกับที่เข้าแถวยืนรอซื้อ แป้งนุ่มลิ้นมากๆ เหนียวอร่อยๆ อารมณ์เหมือนทานขนมเข่ง หรือขนมเทียน แต่ของแป้งจะเนียนนุ่มอร่อย ไม่ติดคอ คือดีงามค่ะ
ส่วนขนมโมจิหอใบซากุระก็น่าทานเหมือนกันดิฉันเห็นดังนี้ ก็สอยมาอีก 1 กล่อง
โดยอาหารมื้อเย็นนี้ ก็ทานไข่เจียวราดข้าว
ทานแนมคู่กับผักสลัด ราดน้ำซอสญี่ปุ่น
คุ้มค่าที่อุตสาห์ยืนต่อคิวซื้อ ขนมโมจิห่อใบซากุระ รสหวานอร่อยถูกปาก กระชากใจเว่อร์จริงๆเจ้าค่ะ |
ทานอิ่มแล้วก็เข้านอน จบทริปเที่ยวเกียวโต-ฮิเมจิไป 1 วัน |
สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนจะมาเที่ยวเกียวโตในช่วงเทศกาลดอกซากุระบาน ก็วางแผนไว้เสียแต่เนิ่นๆนะคะ เพราะช่วงเดือนมีนาคมและต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกไม้กำลังบานนั้น มีนักท่องเที่ยวมากันเยอะมากๆ แต่ถ้าจะให้ดี ก็มาเที่ยวเลยจากเทศกาลนี้ไป ก็จะดีเริ่ดมากๆ เพราะค่าห้องพักก็ถูกลงและคนไม่เยอะด้วย ยังไงก็แวะมาเที่ยวกันดูนะคะ รับรองว่าได้สัมผัสวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่น สมเป็นเมืองหลวงโบราณที่ใครๆก็แวะมากันจริงๆค่ะ
ส่วนรีวิวทริปเที่ยวเกียวโตยามสนธยา ไปช่ะช่ะช่าชมดอกซากุระบานสะพรั่งอลังการ ร้าวรานจับใจที่ปราสาทฮิเมจิ ก็ขอจบเพียงเท่านี้ ไว้พบกันใหม่ในรีวิวบล็อกถัดไป ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านทีเ่สียสละเวลา คลิ๊กเข้ามาสไลด์เลื่อนดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะคะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
----------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกรีวิวเที่ยวไปเรื่อยเปื่อยตามเมืองต่างๆ มีดังนี้
รวมอัพเดทโรงแรมแถวนัมบะ มีห้องน้ำส่วนตัว ราคาถูกสุดๆ เริ่มหลักร้อย คลิ๊กดูที่พัก>> |
หรือดูข้อมูลโรงแรมที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Q5eHSy
แบ่งปันวิธีการเดินทางไปเที่ยวชมสวนดอกไม้ Hamamatsu ไม่ยากเลยจ้า คลิ๊กดูการเดินทาง>> |
ทริปสั้นๆ รีวิวแบกเป้นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองนีกาตะยามเย็น คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้ไปเกาะชิโกกุ เที่ยวทะลุเมืองทามัตสึ มีแต่อันปังแมนน่ารัก คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
แวะเที่ยวคิตะคิวชู เมืองน่าเที่ยวอีกแห่งที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
เที่ยวเทศกาลฮานามิ และรีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมืองมาฝากจ้า คลิ๊กดูรีวิว>> |
รีวิวเที่ยวเมืองคุมาโมโตะ ชมปราสาทใหญ่โตโอฬารและดอกไม้บาน คลิ๊กดูรีวิวการเดินทาง>> |
แบกเป้เที่ยวนาโกย่า รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมือง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เก็บตกรีวิวเที่ยวอำเภอชุมแสง สวยมาแรงตลาดเก่า100ปี แวะมาที่นี่ให้ได้สักครา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
มาม๊ะ..มารีวิวเที่ยวเมืองนครสวรรค์ใน 1 วัน ยลสุขสันต์เมืองชุมทางสี่แคว คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวงานแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช นอนตากอากาศที่คีรีวง คลิ๊กดูรีวิว>> |
รีวิวเที่ยวเมืองพัทลุง ชมมนต์ลูกทุ่งแห่งคุ้งน้ำทะเลน้อย แวะไปสอยเที่ยวชมกันเลย>> |
รวม12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงปารีส ที่คู่รักสายจี๊ด แวะไปกัน คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
0 ความคิดเห็น