ต่อจากตอนที่แล้วกับรีวิวพาคุณแม่ไปแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช แวะนอนตากอากาศที่บ้านคีรีวง ชมวิถีประมงที่ปากพนัง วิวทะเลสวยปัง ต้องมาเที่ยวอีกครั้งให้ได้เลยเชียว |
คราวนี้ก็ถึงเวลามายังจังหวัดนครศรีธรรมราชแล้วล่ะค่ะ อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งในภาคใต้ ที่งามวิไลและสดใสแพรวพราว สกาวรุ่งโรจน์ไปด้วยธรรมชาติ อากาศดีเริ่ด รวมทั้งยังเป็นเมืองเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาในภาคใต้อีกด้วย โดยทริปนี้ไม่ได้มาคนเดียวเหมือนทุกทริปที่ผ่านมานะคะ เพราะว่าตั้งใจจะพาคุณแม่กับคุณป้ามาด้วย เนื่องจากช่วงอาทิตย์ที่มาเที่ยว มีงานประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุ ในวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นงานใหญ่งานช้างของจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกด้วย คุณแม่กับคุณป้าก็เลยชอบใจอย่างยิ่งเชียว เพราะชอบไปวัดไปวา ไม่ค่อยจะชอบไปเที่ยวใหนแบบผจญภัยมากนัก ทริปเที่ยวรอบนี้ก็เลยถูกใจคนแก่มากๆ
ใหนๆก็เอ่ยถึงเมืองนครศรีธรรมราชแล้ว เราก็มารู้จักเมืองนี้กันสักเล็กน้อย เป็นความรู้พอกะเทินนะคะ
โดยที่มาของชื่อ "นครศรีธรรมราช" มาจากพระนามของกษัตริย์ผู้ครองนครในอดีต มีพระนามว่า "พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช" (ราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช) มีความหมายว่า "นครอันเป็นสง่าแห่งพระราชาผู้ทรงธรรม" หรือ "เมืองแห่งพุทธธรรมของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่" จนได้ฉายาว่าเป็นเมืองธรรมะ พระศักดิ์สิทธิ์ แห่งภาคใต้
เรื่องน่ารู้กับเมืองนครศรีธรรมราช |
บนสันทรายริมฝั่งทะเลอ่าวไทยซึ่งมีความยาวไม่น้อยกว่า 100 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของแคว้นตามพรลิงค์ โดยมีศูนย์กลางของแคว้นอยู่บนหาดทรายช่วงที่เป็น "หาดทรายแก้ว" ศูนย์กลางของแค้วนดังกล่าวได้เจริญรุ่งเรืองมาโดยลำดับ ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ใราชวงศ์ศรีธรรมมาโศกราช จนกระทั้งเข้ายุคกรุงศรีอยุธยาในต้นพุทธศตวรรษที่ 20 แคว้นตามพรลิงค์หรือนครศรีธรรมราชเราอาจศึกษา และพิสูจน์ได้จากหลักฐานทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์หลายแขนง โดยปัจจุบันนครศรีธรรมราช จัดว่าเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดในภาคใต้
เมืองลิกอร์,เมืองตามพรลิงค์ ชื่อเดิมของเมืองนครศรีธรรมราช |
ต่อจากรีวิวตอนที่แล้ว : เริ่มต้นทริปการเดินทางครั้งนี้ ดิฉันพาคุณแม่และคุณป้า นั่งรถตู้โดยสารจากจังหวัดตรัง มุ่งหน้ามายังเมืองนคร
ค่าโดยสารรถตู้จากสถานีขนส่ง จังหวัดตรัง มายังจังหวัดนคร ตกคนละ 130 บาท
สำหรับที่พักคืนแรกในเมืองนครศรีธรรมราชคืนนี้ ดิฉันพักค้างที่ โรงแรมไอบิซ บูติก โฮเทล (ibiz boutique hotel) |
สำหรับที่พักคืนแรกในเมืองนครศรีธรรมราชคืนนี้ ดิฉันพักค้างที่ โรงแรมไอบิซ บูติก โฮเทล (ibiz boutique hotel)
เข้าเช็คอินน์ไปยังห้องพัก
โรงแรมไอบิซ บูติก นครศรีธรรมราช จัดโปรโมชั่นที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2H248gR |
สภาพโดยรวมภายในห้องถือว่ายังใหม่เอี่ยมอ่อง สะอาดสะอ้านดีทีเดียว เนื่องจากเป็นโรงแรมเปิดใหม่มีลิฟท์โดยสารให้ พาคนแก่มาพักได้ ไม่ต้องเดินบันใดให้เมื่อยค่ะ
หากเพื่อนๆคนใหนที่มองหาโรงแรมเปิดใหม่ในเมืองนครศรีธรรมราช ห้องสวยๆ มีลิฟท์ ก็มาพักได้นะคะ หรือเข้าไปดูโปรโมชั่นที่ :http://bit.ly/2H248gR
หลังจากได้เช็คอินนำกระเป๋าเข้าห้องพักแล้ว ก็พากันไปงานมาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุเมืองนครศรีธรรมราช
กำแพงเมืองเก่าที่บอกเล่าความอันเก่าแก่ของเมืองนี้เป็นที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมา ที่ยาวนาน กาลโขทีเดียว |
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ มีการกวนข้าวทิพย์ หรือข้าวมธุปยาสยาคู
มาถึงงานก็เห็นผู้มีจิตศรัทธากำลังพากันกวนข้าวทิพย์กันอยู่พอดีเลยค่ะ โดยมีการกวนข้าวทั้งหมด 12 จุด ใครเกิดปีนักษัตรใหน ก็สามารถไปกวนยังจุดกวนข้าวนั้นๆได้
ข้าวมธุปายาสยาคู หรือข้าวทิพ์ คืออะไร |
สำหรับข้าวทิพย์ ข้าวพระยาทิพย์ ข้าวยาคู เป็นชื่อของอาหารชนิดหนึ่งในสมัยก่อนชาวภาคใต้นิยมทำกันที่วัดทุกปีในเดือน 6 บ้าง เดือน 10 บ้าง โดยถือเอาระยะที่ข้าวแตกรวงผลิตเมล็ดพอเป็นน้ำนม แต่ภายหลังหันมานิยมทำกันในวันขึ้น 13 ค่ำและ 14 ค่ำ เดือน 3 ต่อเนื่องกับวันมาฆบูชา แต่เดิมการกวนข้าวมธุปยาสยาคูเป็นศาสนกิจของพราหมณ์ ภายหลังพุทธศาสนิกชนได้นำมาปฎิบัติเป็นประเพณีด้วย สืบเนื่องจากความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ ตอนนางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาสยาคู เมื่อพระพุทธเจ้าเสวยแล้วก็ทรงบรรลุอภิสัมโพธิญาณ
พุทธศาสนิกชนชาวนครศรีธรรมราชจึงมีความเชื่อว่า ข้าวยาคูเป็นอาหารทิพย์ ผู้ได้รับประทานจะมีสมองดี เกิดปัญญา มีอายุยืนยาว พลานามัยสมบูรณ์ ผิวพรรณผ่องใส และเป็นยาขนานเอกที่สามารถขจัดโรคร้ายได้ทุกชนิด ทั้งยังบัลดาลความสำเร็จ สมความปราถนาในสิ่งที่คิดด้วย
ภายในงานยังมีกิจกรรมให้เล่นร่วมสนุกันอีกด้วย
และพลาดไม่ได้ก็คงเป็นเรื่องอาหารการกิน ที่มีมากโขให้ได้เลือกเดินเฮโล ลิ้มลองทานกัน
ช่วงมา หนูน้อยกลอยใจ กำลังงามวิไลเริงร่ากับการฟ้อนมโนราห์ ศิลปะของภาคใต้ ที่หาชมได้ในดินแดนแถบนี้
ส่วนบรรยากาศยามเย็น ยิ่งเข้าสู่ช่วงหัวค่ำ ก็คึกคักไปด้วยผู้คนในเมืองมากมาย ที่มาเดินช๊อปปิ้งหาของกินกัน
อาหารการกิน แดนดินถิ่นใต้ ว่ารสชาติแซ่บสะเดิดเปิดเปิงถึงขั้วหัวใจยิ่งนัก ไม่ว่าจะต้มยำ ทำแกง รสเผ็ดแรงยิ่งนัก
หรือจะเป็นอาหารว่าง ขนมหวาน ก็รสชาติก็สะทกสะท้านถึงทรวงในเช่นกัน ว่าแล้วคงต้องมาชิม ลิ้มลองด้วยตัวเอง ประเดี่ยวนี้เลยกระมัง
ตอนหัวค่ำก็พากันไปงานมาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นพระธาตุ ซึ่งปีนี้จัดงานตั้งแต่วันที่ 13-19 กุมภาพันธ์ 2561
โดยที่ถนนหน้าลานก็มีของกินและขายฝากขายกันมากมาย
ว่ากันว่า หากใครที่มาถึงเมืองนคร ไม่มาสักการะองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ถือว่ามาไม่ถึงจังหวัดนครศรีธรรมราชเลยเชียวล่ะ เพราะเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง มีเจดีย์ลังกาขนาดใหญ่ โดดเด่นยอดเจดีย์สีทอง งามผุดผ่อง ส่องประกายเสียดฟ้า ใครแวะมาชื่นและสักกา ว่ากันว่ามาถึงแดนธรรมะนี้แล้วอย่างแท้จริง
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัดมหาธาตุวรมหาวิหาร พอสังเขป |
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยชาวนครเรียกว่าวัดพระธาตุ จัดว่าเป็นโบราณสถานสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ต่อพุทธศานิกชนชาวนครศรีธรรมราชมาอย่างยาวนาน ซึ่งตามตำนานได้กล่าวไว้ว่า สร้างเมื่อปี พ.ศ.854 สร้างมามากกว่า 1,500 ปี มีศิลปะการก่อสร้างแบบศรีวิชัย โดยเจ้าชายทนทกุมารและพระนางเหมชาลา (พระโอรสธิดาในพระเจ้าโคสีหราชกับพระนางมหาเทวี ผู้ครองเมืองทันทบุรี) และบาคู (แปลว่า นักบวช) ชาวสิงหล ได้สร้างวัดพระบรมธาตุวรมหาวิหาร เจดีย์องค์เดิมเจดีย์แบบศรีวิชัย คล้ายเจดีย์กิริเวเทระ ในเมืองโบโลนนารุวะ ประเทศศรีลังกา เป็นผู้นำเสด็จพระบรมธาตุมาประดิษฐาน ณ หาดทรายแก้วและสร้างเจดีย์องค์เล็ก ๆ เพื่อเป็นที่หมายไว้
พระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เนื่องจากเป็นที่บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศจดทะเบียนวัดพระมหาธาตุเป็นโบราณสถาน นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้
และทุกปีจะมีงานประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุ ซึ่งเป็นงานสำคัญจัดทุกวันมาฆบูชา
คุณแม่กับคุณป้ากำลังบรรจงเขียนชื่อลงบนผ้าห่อมองค์พระธาตุ หรือ ผ้าพระบฎ |
เขียนพาแล้วก็พากันไปเดินแห่รอบเจดีย์ |
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ อ่านเป็ความรู้กัน |
ประเพณีผ้าขึ้นธาตุ หมายถึง การนำผ้าผืนยาวขึ้นไปห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ในวันสำคัญทางศาสนา ชาวนครได้ร่วมมือร่วมใจกันบริจาคเงินตามกำลัง ศรัทธานำเงินที่ได้ไปซื้อผ้ามาเย็บต่อกันเป็นแถวยาวนับพันหลา แล้วจัดเป็นขบวนแห่ผ้าขึ้นห่มพระบรมธาตุเจดีย์ ผ้าที่ขึ้นไปห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์เรียกว่า “ผ้าพระบฎ” (หรือ พระบต) นิยมใช้สีขาว สีเหลือง สีแดง สำหรับผ้าสีขาวนิยมเขียนภาพเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ เสด็จออกบรรพชา ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุเป็นเอกลักษณ์ประจำเมืองนครศรีธรรมราช แก่นแท้อยู่ที่การบูชาพระพุทธเจ้าอย่างใกล้ชิด โดยใช้องค์พระบรมธาตุเจดีย์เป็นตัวแทน
ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ นครศรีธรรมราช |
(เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร)
จากนั้นก็นำผ้ามาห่มองค์พระธาตุจำลองที่อยู่หน้าพระธาตุค่ะ แต่ถ้ามาช่วงกลางวัน จะสามารถนำผ้าไปห่มองค์พระธาตุด้านในได้ค่ะ ถ้าหากมาช่วงวันมาฆบูชา คนจะเยอะมากๆ โดยทางโรงแรมแนะนำให้มาไหว้วันนี้เลยค่ะ
ด้านหน้าพระธาตุก็มีตลาดให้เดินอีก รู้สึกว่าใหญ่โตกว่าจัดที่ตลาดน้ำเมืองลิกอร์เสียอีก
ข้าวหลามที่นี่รสชาติอร่อยยิ่งนัก เนื่องจากรสชาติไม่ออกหวานเหมือนภาคกลางข้าวหลามอร่อยแห่งเมืองนคร ที่รสชาติไม่หวาน ออกมันกะทิเค็มนิดๆ ติดใจทีเดียว |
ตามต่อด้วยหอยทอดในกระทะ กลิ่นหอมโชย โรยมาติดจมูก
อีกหนึ่งของกินยังถิ่นใต้ เห็นจะเป็นกาละแมโบราณ และขนมลา
ว่ากันว่าหากมายังเมืองนครศรีธรรมราช แล้วต้องซื้อขนมลาไปทาน หรือซื้อไปฝากคนทางบ้านทุกครั้ง
กลับมายังที่พัก หากใครหิว ใกล้ๆก็มีร้านแมคโดนัลให้บริการอีกด้วย-------------------------------------------------------------------------------
ทริปวันถัดมา
เช้าวันใหม่ คุณแม่ปลุกแต่เช้าเลยค่ะ ต้องรีบมาทานอาหารมื้อเช้า
ขนมหยกมณี ข้าวมันแกง และข้าวยำ อาหารพื้นบ้าน รสอร่อยทีเดียว |
ถาดไลน์อาหารเรียงรายให้เลือกทาน ทั้งข้าวต้ม แกง ผัด สารพัดเมนู
แต่ที่ถูกใจหนักหนา ดิฉันชอบอาหารพื้นบ้านของที่นี่ รสชาติดีไม่น้อย มีข้าวมันแกง กับข้าวยำ
ข้าวมันแกงกุ้ง รสชาติอร่อยมากๆ อาหารพื้นบ้านยังเมืองนครศรีธรรมราช |
หลังจากทานข้าวอิ่ม ก็พาคุณแม่กับคุณป้านั่งรถสองแถวไปยังวัดมหาธาตุต่อค่ะ เนื่องจากวันนี้เป็นวัดมาฆบูชา จะพาไปไหว้พระธาตุด้านใน
มาถึงวัดก็แทบเป็นลมค่ะ เพราะคนเยอะมากๆ และกว่าจะมาถึงวัดก็ทุลักทุเลยิ่งนัก เพราะรถราติดขัดยาวเป็นหางว่าวเชียว
มองไปทางใหนก็มีแต่ผู้คนที่กำลังถือผ้าสีเหลืองทอง ผุดผ่องเป็นยองใย แม้อากาศจะร้อนรุ่มเร้าดั่งไฟเผาทรวง แต่ก็ไม่ทำให้ความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนของคนเมืองนครลดน้องถอยลงแต่อย่างใด |
ยังดีนะคะ ที่เมื่อคืนพากันทำบุญห่มผ้าองค์พระธาตุไปแล้ว มาวันนี้ขอไปไหว้พระด้านวิหารพระทรงม้า
กราบสักการะ จตุคามรามเทพ บานประตูทางขึ้นไปลานประทักษิณพระบรมธาตุ |
และประตูด้านขวาเป็นรูปพระนารายณ์ หรือพระวิษณุ(พระอิศวร) เทพผู้คุ้มครองโลก ตามความเชื่อของศานาพราหมณ์-ฮินดู (ข้อสังเกตคือเป็นเทพที่มีสี่กร แต่ละกรทรงถือสังข์ จักร ตรี คทา มีมงกุฎและอาภรณ์เป็นสีเหลือง)
เป็นรูปเทวดาถือเทพาวุธทั้งสี่กร ซึ่งเป็นเทวดาที่ช่วยรักษาพระบรมธาตุเจดีย์ตามคติชาวศรีลังกาสมัยโบราณ
นอกจากนั้นในวิหารทรงม้ายังประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติ
ด้านรอบพระธาตุมีขนาดใหญ่ ถูกห่มด้วย“ผ้าพระบฎ”สีเหลืองอร่ามรอบด้าน
เดินออกมาด้านนอกวิหารจะพบกับความอลังการของเจดีย์ทรงลังกาเรียงรายล้อมรอบองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนัก
ในขณะเดียวกัน พุทธศาสนิกชนก็ยังพากันมาเดินแห่ผ้ารอบองค์พระธาตุกันอยู่ตลอด เป็นภาพที่เห็นได้แค่ปีละครั้งเท่านั้น
สำหรับเพื่อนๆเหล่าผู้รักการทัศนาจรคนใหน ที่อยากมาเที่ยวงานแห่ผ้าขึ้นธาตุ สามารถปักหมุดปฎิทินรอมาวันมาฆบูชาปีหน้าได้เลยค่ะ
เดินออกจากเข้าไปสักการะองค์พระบรมธาตุด้านใน ก็พบกับกับความอลังการของผู้คนที่คับคั่งพากันเดินแห่ผ้ารอบองค์พระธาตุ ที่ต้องใช้แรงกายและแรงศรัทธายิ่งนัก
ส่วนคุณแม่และคุณป้าดิฉันเดินออกมาก็คงจะหิวอีกแล้วกระมัง ซื้อข้าวหลามไปอีกคนละ 2 กระบอก |
หากวันหลังมาเที่ยวอีก คุณแม่ของเดี๊ยน คงจะวานให้ดิฉันหอบข้าวหลามไปหลายกระบอกอย่างแน่นอนเลยเชียว เพราะข้าวหลามที่นี่อร่อยจริงๆ
มีเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้ลิ้มลองกันอีกด้วย
เดินไปเดินมาก็สอยปลาทูต้มเค็มตัวใหญ่เบ้งมา 2 ตัว เอามาแทะกินกับข้าวสวย น่าจะอร่อยทีเดียว
หลังจากที่ได้ไปกราบสักการะพระธาตุในงานแห่ผ้าขึ้นธาตุเมืองนครแล้ว ดิฉันก็พาคุณแม่เดินทางไปเที่ยวต่อที่บ้านคีรีวง
โดยนั่งรถสองแถวมาลงที่ท่ารถตลาดยาว จะมีคิวรถไปยังบ้านคีรีวงเลยค่ะ
นั่งรถสองแถว 40 บาท จากตลาดยาวเมืองนคร ไปบ้านคีรีวง |
นั่งรถสองแถวจากเมืองนครศรีธรรมราช มาที่หมู่บ้านคีรีวงใช้เวลาไม่นานนัก ก็ถึงหมู่บ้านคีรีวง หมู่บ้านอากาศดีที่สุดของประเทศไทยแล้วค่ะ
โดยที่พักคืนนี้ เราพักกันที่โฮมสเตย์ ภูทรีเฮ้าส์ รถสองแถวพาเรา 3 คน มาส่งถึงที่เลย ค่าโดยสารคนละ 40 บาท
โดยที่พักคืนนี้ เราพักกันที่โฮมสเตย์ ภูทรีเฮ้าส์ |
บรรยากาศที่พักร่มรื่น ชื่นกายา งามลั๊ลลาไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยร่มรื่น ดูเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย
มาถึงทางที่พัก เจ้าของก็ใจดีสุด มี welcome drink และมังคุดให้ทานเป็นตะกร้าเลยค่ะ
บรรยากาศโดยรอบที่พักก็ร่มรืน
แต่ถูกใจสุดๆคงจะเป็นมังคุดสุก กลิ่นหอมหวน รัญจวนใจเนี่ยแหละค่ะ
รสชาติมังคุดหวานอร่อยทีเดียว แถมผลสด รสชาติถูกปากยิ่งนัก ดิฉันกับคุณแม่ซัดทานไปหลายลูกเลย
ส่วนห้องนอนพักแบบบังกะโลสำหรับ 3 คนคืนนนี้ ถือว่าโอเคอยู่นะคะ ราคา 1,300 บาท รวมอาหารเช้า แม้บังกะโลหลังจะเล็กไปหน่อย แต่ก็อบอุ่นดี มีห้องน้ำในตัว เครื่องทำน้ำอุ่น มีซิงล้างจาน มีแอร์ ทีวี ตู้เย็น ฟรี WiFi ให้ครบอยู่
ส่วนบังกะโลหลังใหญ่ไม่รู้เท่าไหร่ แต่บรรยากาศโดยรอบดียิ่งนัก มีแต่ต้นม้ง ต้นไม้ พร่างพรายไปโดยรอบบริเวณ
นั่งอยู่ริมระเบียงไม่นานนัก ทางเจ้าของที่พัก ก็หอบทุเรียนบ้านมาให้ลิ้มลองกันอีก กลิ่นทุเรียนแรงดีนัก ใครที่ไม่ชอบ คงเป็นลมไปหลายตลบแน่นอน
ใกล้ๆที่พักก็เป็นสวนมังคุด มีชาวสวนหอบตะกร้า 2 แบกหามขึ้นไปเก็บลงมา
โดยมังคุดที่เก็บได้ก็จะนำไปขายให้กับนักท่องเที่ยว ถือว่าเป็นรายได้ให้กับชาวสวนในหมู่บ้านแห่งนี้ได้ทีเดียว เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาตลอดมังคุดผลไม้อร่อยประจำหมู่บ้านคีรีวง ใครมาก็ตกหลงรักแทบทุกราย
ไม่ไกลนักจากโฮมสเตย์ที่พักเดินมาประมาณไม่ถึง 100 เมตร ก็จะพบกับลำธารน้ำใสแจ๋วแหว๋วเชียวค่ะ แม้ช่วงนี้จะเป็นหน้าแล้ง แต่ก็มีน้ำเย็นๆให้เล่นกันตลอดทั้งปี โดยลำธารที่เห็นอยู่นี้คือ คลองท่าดี ที่มีน้ำไหลมาจากต้นน้ำในอุทยานแห่งชาติเขาหลวง
และถ้าเราชอบใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ไปแบบช้าๆ แนะนำให้เช่าจักรยานออกมาปั่นในหมู่บ้าน ก็เริงสำราญดีมิใช้น้อย
บรรยากาศโดยรอบในหมู่บ้านก็สดใส อากาศดี แม้แดดจะร้อน แต่ลมพัดรื่นชื่นกายาดีทีเดียว
ปั่นมาถึงสะพานคีรีวง หากใครมาที่หมู่บ้านคีรีวงแล้ว ไม่มาถ่ายรูปที่สะพานแห่งนี้ มาไม่ถึงบ้านคีรีวงนะจ๊ะ |
มองจากจุดชมวิวที่สะพานคลองท่าดี ก็เห็นท้องฟ้า สดใส สลับไปกับหุบเขาสีเขียว งามวิไลยิ่งนักเชียว
น้ำในลำธารก็ไหลระย้าโรยรินไม่เคยสิ้ญเหือดหายไปจากลำธารแห่งนี้ เนื่องจากมีน้ำไหลมาจากอุทยานแห่งชาติเขาหลวงตลอดเกือบทั้งปี
มองไปก็เห็นคุณพ่อกำลังจูงมือหนูน้อยน่ารักลงไปปักหลักเล่นน้ำให้สำราญเบิกบานใจ
ส่วนมองทะเลลงไปในน้ำ ก็ต้องยลตระการพบกับหมู่มัจฉาแหวกว่ายในสายน้ำ
ปั่นจักรยานออกมาเริงรี่ จรลีมาไม่ไกล แวะไปที่เรินท่าหา อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของคนรักการเล่นน้ำและการพักผ่อน
มีสะพานแขวนให้ได้ถ่ายรูปเช็คอินแบบฟินกันอีกด้วย
ทุเรียนของชาวสวนในหมู่บ้านนำมาขายให้นักท่องเที่ยว
ตะแบกแบอยู่ในตะกร้าใบใหญ่ รอให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อ เลือกหากันตามใจชอบ
มีทั้งลูกเล็ก ลูกใหญ่คละขนาดกันไป
หากใครที่ชื่นชอบป่าไม้และสายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ ก็ลองแวะมาเที่ยวพักผ่อนที่หมู่บ้านแห่งนี้ได้ค่ะ และถ้าให้ดีแนะนำมาวันธรรมดา จะดีเริ่ดประเสริฐสีสุดๆ เนื่องจากรถราไม่เยอะ และไม่วุ่นวาย เหมาะแก่การพักผ่อนมากๆทีเดียว
หลังจากนอนพัก สัมผัสบรรยากาศหมู่บ้านอากาศดีที่สุดในประเทศไทยไปแล้ว ดิฉันก็พาคุณแม่และคุณป้า นั่งรถสองแถวกลับเข้ามาพักค้างในเมืองนครศรีธรรมราชอีกครั้ง |
โดยคืนนี้พักค้างที่โรงแรมบ้านนคร ที่พักราคาถูกหลักร้อย ไม่แพงอยู่ในตัวเมือง |
ที่พักบรรยากาศดี มีต้นไม้และสวนหย่อมตกแต่งรื่นรื่นสวยงาม
ห้องพักโรงแรมบ้าน ณ คอน ราคาหลักร้อย ห้องกว้างขวาง ห้องน้ำในตัว มีแอร์ ทีวี ตู้เย็นให้ครบ มีโปรโมชั่นลดราคาห้องที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2NUwIjP |
สภาพโดยรวมถือว่าดีทีเดียว สะอาดสะอ้าน ห้องกว้างขวาง มีสวนหย่อมเล็กๆข้างห้อง
ส่วนอาหารเช้าก็เป็นบุฟเฟ่ต์ จัดมาอลังมากๆ
ที่ชอบคงเป็นขนมจีน มีน้ำยารสเด็ดเผ็ดซี๊ด อร่อยเริ่ด ทานแนมกับผักสดพื้นบ้าน ร้าวรานทรวงในทีเดียว
ไม่อิ่มก็มเติมต่อกับยำปลา ทานคู่กับขนมจีน แนมกับผักสดๆ อร่อยเชียวล่ะ
สรุปภาพรวมที่พักโรงแรมบ้าน ณ คอน ถือว่าดีเยี่ยมมากๆ หากเพื่อนๆคนใหน มองหาที่พักในเมืองนครศรีธรรมราช ราคาถูกๆ ไม่แพง แค่หลักร้อย มีอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ให้ทานไม่อั้น ก็แวะมาพักกันได้นะคะ เข้าไปดูโปรโมชั่นลดราคาห้องพักที่ : http://bit.ly/2NUwIjP
หลังจากทานอาหารเสร็จ เช้าวันใหม่นี้ ดิฉันเดินทางต่อไปปากพนัง |
ติดต่อร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ในเมืองนครศรีธรรมราช ค่าเช่าวันละ 300 บาท |
โดยเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับมายังปากพนัง ระยะทางจากเมืองนครศรีธรรมราชมายังปากพนังประมาณ 28 กิโลเมตร ซึ่งช่วงที่ดิฉันมาเที่ยวพายุลูกใหญ่ปาบึกก็พึ่งจะสงบลงเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาด้วย
และระหว่างเส้นทางขับรถมอเตอร์ไปปากพนัง ริมทางก็จะพบกับร้านขายส้มโอทับทิบสยาม เนื้อสีแดงร้าวรานใจนัก |
ดิฉันเองก็ไม่พลาดขอมาอุดหนุนด้วยอีกราย ว่ากันว่า ส้มโอที่นี่หวานอร่อยนัก เนื่องจากเป็นส้มโอทับทิบสยาม เนื้อด้านในสีแดงฉ่ำ หวานฉ่ำทีเดียว รสชาติน่าจะสูสีพอๆกับส้มนครชัยศรีเลยกระมัง
แม่ค้าก็ใจดี ให้ดิฉันได้ลิ้มลองเปิบรสชาติของส้มโอทับทิบสยามของที่นี่ด้วย
รสหวานอร่อย สมค่ำล่ำลือจริงนะคะ ว่าแล้วก็ต้องซื้อไปฝากคุณแม่สักลูกสองลูกเลยค่ะ
โดยแม่ค้าคนขายบอกกับดิฉันว่า ปีนี้ผลผลิตไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากมีพายุเข้ามา ทำให้ต้นโค่นไปเยอะเลย และผลส้มโอที่ได้ ลูกก็ค่อยสวย และหวานเท่าที่ควร
น่ารู้เกี่ยวกับปากพนัง
สำหรับปากพนังเป็นอีกหนึ่งเมืองเก่าแก่และเป็นท่าในอดีตอันเคยรุ่งเรือง โดยเป็นศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศมีแหลมยื่นออกไปในทะเล และมีอ่าวภายในบริเวณเป็นแม่น้ำปากพนัง จึงเป็นทำเลที่ตั้งเหมาะแก่การกระจายสินค้าไปยังเมืองอื่นๆ ทำให้สภาพเศรษฐกิจในสมัยก่อนเฟื่องฟูมากๆ เนื่องจากจะมีสำเภาจากเมืองจีนและเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่มาเทียบท่าและกระจายสินค้ากัน และนอกจากนี้ยังปรากฏในพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคราวเสด็จเยือนปากพนัง เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2448 ความตอนหนึ่งว่า "อำเภอปากพนังนี้ ได้ทราบอยู่แล้วว่าเป็นที่สำคัญอย่างไร แต่เมื่อไปถึงฝั่งรู้สึกว่าตามที่คาดคะเนนั้น ผิดไปเป็นอันมาก ไม่นึกว่าจะใหญ่โตมั่งมีถึงเพียงนี้"
เมืองปากพนัง เมืองเก่าขลัง คงมนต์เสน่ห์อาคารเก่า100กว่าปี มีบ้านสังกะสีผุๆพังๆให้ชมอยู่ |
เครดิตข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/อำเภอปากพนัง
หากมาถึงปากพนังก็จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวประมงของคนที่นี้ที่ผูกพันธ์กับสายน้ำปากพนังมาอย่างยาวนาน จะเห็นเรือหางยาว
และเสน่ห์อีกอย่างหากใครที่มาปากพนังจะต้องถ่ายรูปด้วย คงเป็นตึกเก่าบริเวณทางเข้าตลาดก็กลายเป็นจุดเช็คอินที่ใครๆต่างก็มาถ่ายรูปคู่ตึกแห่งนี้กัน
ตลาดเก่า100ปี ปากพนัง |
ภายในตลาดปากพนังมีสินค้าหลายอย่าง แต่บรรยากาศเงียบเหงาไปหน่อย เนื่องจากเป็นวันธรรมดา แต่ถ้าเป็นวันหยุด ตลาดนี้น่าจะคึกคักมิใช้น้อย ส่วนใหญ่ที่เห็นโดดเด่น จะเป็นจำพวกปลา กุ้ง หมึก ซึ่งมีทั้งของสดและของแห้ง
ปลาที่ขายในตลาดร้อยปี ก็สดจริงๆ ราคาไม่แพงอีกด้วยนะคะ แต่ถ้าใครจะซื้อไปทานเยอะ ก็ลองต่อรองกับแม่ค้าคนขายดูนะคะ
บรรยากาศแม่น้ำปากพนัง กับท้องฟ้าใสสดสวยงามจังค่ะ
ปลาแห้งตากไว้ติดป้ายขายขีดละ 20 บาท เอาไปทอดหรือคั่วทานกับข้าวต้มคงอร่อยยิ่งนัก
เมื่อมาถึงก็ไม่พลาดต้องแวะซื้อปลาแห้ง ปลาดุกร้า ปลาแดดเดี่ยว ก็เป็นของฝากขึ้นชื่อที่นี่เช่นกันนะคะ
ปลาตากไว้บนตะแกรงรอนำมาขายให้กับลูกค้า
จุดจำหน่ายตั๋วเรือข้ามฟากจากตลาด100 ปี ไปยังท่ารถโดยสาร
โดยราคาตั๋วอยู่ที่ 1 บาทเท่านั้น ถูกมากๆ
หลังจากที่ได้แวะไปเที่ยวตลาด 100 ปีปากพนังแล้ว ยามบ่ายๆก็เดินทางมาเที่ยวชมทะเลต่อที่อำเภอท่าศาลา
ชายหาดท่าสูงบน งามล้นในอำเภอท่าศาลา ที่ต้องแวะมาลั๊ลลาเที่ยวกันให้จงได้ |
ต้นมะพร้าวสูงชะลูดเรียงราย งามสะหยายริมหาดทรายอันเงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจ |
หาดท่าสูงบน งามล้นในอำเภอท่าศาลา ที่ต้องแวะมาลั๊ลลาเที่ยวกัน |
และใกล้ๆก็มีสวนมะพร้าวเรียงรายตลอดแนว
ไม่ไกลนักจากหาดท่าสูงบน ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์มาที่หาดทรายแก้ว ตั้งอยู่ภายในรีสอร์ทของหาดทรายแก้ว แต่นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาพักผ่อนและชมบรรยากาศที่หาดแห่งนี้ได้
ชายหาดทรายแก้ว อำเภอท่าศาลา |
นอกจากใกล้ๆชายหาด ยังมีร้านไอศครีมโบราณของคุณลุงขายอีกด้วย ราคาไม่แพงด้วยนะ เริ่มต้น 10 บาทเท่านั้นเอง
ใหนๆก็แวะมาถึงหาดทรายแก้วทั้งที ก็อุดหนุนคุณลุงสักหน่อย
เป็นไอศครีมกะทิ ทานคู่กับลูกเกดและมันเชื่อม อร่อยดีค่ะ ทานแล้วนึกถึงรถไอติมแถวบ้านที่ขายในสมัยก่อนเลย
หลังจากที่ได้ไปตะลอนเที่ยวยังปากพนัง และชายหาดสวยๆในอำเภอท่าศาลา งามช่ะช่ะช่าหัวใจไปแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพแล้วค่ะ สำหรับการเดินทางมายังสนามบินเมืองนครศรีธรรมราช ใช้บริการรถ min bus ซึ่งจะวิ่งผ่านโรงแรมให้มาจอดรับหน้าโรงแรมค่ะ
ค่าโดยสารจากเมืองนครไปยังสนามบินตกคนละ 40 บาท
ถึงสนามบินนครศรีธรรมราชแล้วก็เข้าไปเช็คอินให้เรียบร้อย
ขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ ขามาคุณแม่บอกว่านั่งรถไฟ แต่ขากลับนั่งเครื่องบิน บรรยากาศคนละแบบ แต่คุณแม่บอกว่าชอบรถไฟมากกว่า แม้จะใช้เวลานาน แต่ก็ได้สัมผัสอะไรแบบโบราณเหมือนยุคก่อนค่ะจริงๆแล้วในจังหวัดนครศรีธรรมราชยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนอีกมากมายหลายแห่งทีเดียว โดยเฉพาะหากใครที่ชื่นชอบบรรยากาศแบบสวยๆ เมืองนี้รุ่มระรวยเป็นด้วยธรรมชาติอันงดงามมากมายทั้งภูผา ป่า หิน ดิน ถ้ำ ลำน้ำตก และจะไปดูนก ชมไพรนอนไฉไลริมทะเล ก็สวยเก๋ยิ่งนัก แถมอาหารก็อร่อย โดยเฉพาะขนมจีนน้ำยาแกงใต้ รสชาติถึงพริก ถึงขิง ถึงเครื่องแกงอย่างแรงเลยหลาว และยังมีอาหารพื้นบ้านอีกหลายอย่างหใ้ได้ลิ้มลองทานกัน มีของฝากราคาย่อมเยาว์ โดยเฉพาะข้าวหลาม ที่คุณแม่กับคุณป้าของเดี๊ยนติดอกติดใจ ต้องหอบซื้อไปฝากที่บ้านเลยเชียว
หากเพื่อนๆคนใหนที่ยังไม่เคยมาเที่ยวเมืองนคร ลองตะลอนมาเที่ยวเมืองนี้ดูสักครั้ง เดี๊ยนรับรองว่าต้องติดอกติดใจ อยากกลับมาเที่ยวซ้ำใหม่หลายๆรอบอย่างแน่นอนค่ะ
สำหรับรีวิวทริปเที่ยวเมืองตรัง เมืองพัทลุง และเมืองนครศรีธรรมราช ประจำปี2562 ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆท่านที่เสียสละเวลา คลิ๊กเข้ามาเปิดอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนนะคะ...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
-------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้
เก็บตกเที่ยว ณ คอน แวะนอนชมสายธารกลางป่า คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวเดินทางไปชมปราสาทน็อยชวานสไตน์ด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวพาชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลย>> |
หรือดูรายละเอียดที่ : http://bit.ly/2l05FdT
รีวิวเที่ยวเมืองพัทลุง ชมมนต์ลูกทุ่งแห่งคุ้งน้ำทะเลน้อย แวะไปสอยเที่ยวชมกันเลย>> |
รีวิวเที่ยวเมืองตรัง มาอีกครั้ง ก็ยังปังเสมอ อาหารรสเลิศเลอ คลิ๊กดูรีวิวเลยจ้า>> |
รีวิวเที่ยวเดือนมกราคม แบกเป้ไปกินลมชมเมืองประจวบฯ 3 วัน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง ไปดูสิว่ายังสวยปังอยู่ใหม๊ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวเมืองพะเยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อมาเที่ยวเมืองแพร่ แลยลชมธรรมชาติ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
มาเด้อ..มาเที่ยวศรีสะเกษ แดนดงดอกลำดวน หอมหวนกระเทียมดี คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
มาม๊ะ..แวะมาเที่ยวเมืองสุรินทร์ ชมถิ่นช้างใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น