(ต่อจากตอนที่แล้ว) รีวิวเที่ยวเมืองพัทลุง ชมมนต์ลูกทุ่งแห่งคุ้งน้ำทะเลน้อย งามหยดย้อยยกยอยักษ์ ที่ใครๆก็ต้องหลงรักมาถ่ายรูปกันสักครั้งครา ทริป 2 วัน 1 คืน |
โดยทริปเที่ยวพัทลุงครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนเมืองนี้ ดิฉันเองตั้งใจว่าอยู่นานว่า จะต้องมายลตระการเมืองนี้ให้ได้สักครั้ง และแล้วเมื่อประจวบเวลามาถึง ก็ได้มาตะลึงตึงตึงเมืองนี้สักทีค่ะ หากเอ่ยถึงพัทลุง หลายๆคนคิดว่าเมืองนี้เป็นแค่เมืองผ่าน คงไม่ได้มีอะไรให้ยลตระการมากนัก แต่โดยแท้จริงแล้ว เมืองพัทลุง เป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่ามายลโฉม เล้าประโลมอยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากเป็นเมืองเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานแล้ว ยังมีมนต์เสน่ห์ที่ชวนให้หลงไหลทั้งวิถีชีวิตอันแสนเรียบง่าย เมืองไม่วุ่นวาย พลุ่กพล่านเหมือนเมืองอื่นๆ และที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นธรรมชาติที่สวยงามให้ได้มาชมกันอย่างเบิกบานร้าวรานจับใจทีเดียว
เรียกว่าหากไม่ได้มาทัศนาจร เที่ยวชมพัทลุงด้วยตัวเอง ก็คงจะไม่รู้เลยว่า พัทลุง เป็นเมืองต้องห้ามพลาดพลัสยกกำลังสอง ไม่เป็นรองเมืองอื่นๆเลยเชียวล่ะค่ะ
...มาม๊ะ วันหยุดพักร้อนปีนี้ ไม่รู้จะจรลีแวะไปเที่ยวที่ใหนดี ลองแวะมาฉิมพลีความงาม ยละตรการที่เมืองพัทลุงกันสักครา เดี๊ยนรับรองว่าชื่นฉ่ำอุราถึงทรงในอย่างแน่นอนจ้า
ตามคำขวัญประจำจังหวัด : เมืองหนังโนราห์ อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน (ต้องแวะไปออนซอนกันสักครั้งครา ให้ชื่นฉ่ำอุราช่ะช่ะช่าหัวใจกันไปเลย)
ใหนๆก็เอ่ยถึงเมืองพัทลุงแล้ว ก็รู้จักเมืองนี้กันสักหน่อย อ่านเป็นความรู้กันค่ะ |
จังหวัดพัทลุงเป็นหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ดังปรากฏหลักฐานจากการค้นพบขวานหินขัดในท้องที่ทั่วไปหลายอำเภอในสมัยศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13–14) บริเวณเมืองพัทลุงเป็นแหล่งที่ได้รับวัฒนธรรมอินเดียในด้านพระพุทธศาสนาลัทธิมหายาน มีหลักฐานค้นพบ เช่น พระพิมพ์ดินดิบจำนวนมากเป็นรูปพระโพธิสัตว์ รูปเทวดาโดยค้นพบบริเวณถ้ำคูหาสวรรค์ และถ้ำเขาอกทะลุ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเมืองพัทลุง เมืองน่าอยู่ แวะมาดูนกดูทะเลน้อย งามหยดย้อยยิ่งนักเชียว |
(เครดิตข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดพัทลุง)
พัทลุงยังเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ มีระบบนิเวศทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ วิถีชีวิตของชาวประมงที่ผูกพันธ์กับสายน้ำมาอย่างยาวนาน จะเห็นได้จากยกยอ อุปกรณ์หาปลาอันโดดเด่น ใครเห็นก็ต้องร้องว้าว!! |
การเดินทางมาพัทลุงครั้งนี้ ดิฉันแบกเป้ลุยเดี่ยวเช่ามอเตอร์ไซต์จากเมืองตรัง ขับมุ่งหน้ามาเที่ยวเมืองพัทลุง
ระยะทางประมาณ 57 กิโลเมตร ระยะทางไม่ใกล้ และก็ไม่ไกลเกินไป ขับไปเรื่อยๆ เมื่อยก็หยุดพัก
โดยรอบๆมีเส้นทางชมภูมิทัศน์ถนนเขาพับผ้าสายเก่าให้ได้ไปเดินชมกันอีกด้วย ซึ่งในสมัยแต่ก่อนนั้นก็จะใช้ถนนเส้นนี้กัน แต่ปัจจุบันได้ยกเลิกไป เหลือไว้แต่ร่องรอยในอดีตให้ได้ย้อนวันวานกันค่ะ
พักหายเหนื่อยแล้ว ก็เดินทางต่อค่ะ
ขับรถอีกไม่ไกลนัก ก็จอดแวะซื้อขนมตาลริมทางทานสักเล็กน้อย เป็นร้านขนมป้านวันดี สาขาบ้านนา ว่ากันว่าเป็นขนมทำจากลูกตาลสด คงต้องขอลิ้มลองทานสักครั้ง เนื่องจากดิฉันเองก็ชอบทานขนมไทยอยู่แล้ว
นอกจากขนมตาลแล้ว ยังมีขนมกล้วยอีกด้วย จัดไปค่ะ 2 กล่อง กล่องละ 35 บาท ขนมตาลร้อนๆเลยนะกลิ่นหอมหวน รัญจวนใจเชียว
หลังจากจอดแวะทานขนมตาลไป 1 ชิ้น ก็ฟินๆขับรถมอเตอร์ไซต์ ตะไลมาถึงเมืองพัทลุงแล้วค่ะ
มาถึงเมืองพัทลุงทั้งที ต้องไม่รอรี ที่จะฉิมพลีความงาม เพื่อนมัสการพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ ซึ่งตั้งอยู่ในศาลากลางจังหวัดก่อนเลยเป็นอันแรก เพื่อความเป็นสิริมงคล
พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ |
และหลังจากได้กราบสักการะพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศแล้ว ไม่ไกลนักจากศาลากลางจังหวัด ขับรถมอเตอร์ไซต์มาไหว้ที่วัดคูหาสวรรค์ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองพัทลุง
เกี่ยวกับถ้ำคูหาสวรรค์
วัดคูหาสวรรค์ เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่กึ่งกลางหุบเขาคูหาสวรรค์ หรือเขาหัวแตก โดยมีภูเขาล้อมรอบเกือบทุกด้าน สร้างระหว่างปี พ.ศ.2112-2133 ในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชแห่งกรุงศรีอยุธยา มีตำนานเมืองพัทลุงเล่าไว้ว่า ตาสามโมและยายเพชร สองสามีภรรยาเป็นหมอสดำเฒ่านายกองช้าง มีบุตรบุญธรรม 2 คน คือพ่อกุมาร และนางเลือดขาว เมื่อบุตรบุญธรรมทั้งสองเจริญวัยขึ้น ตายายก็ให้อยู่กินเป็นสามีภรรยากัน ครั้นตายายทั้งสองถึงแก่กรรมแล้ว บุตรบุญธรรมทั้งสองจึงนำอัฐิฝั่งไว้ในถ้ำคูหาสวรรคื
สิ่งสำคัญภายในวัดคูหาสวรรค์ คือถ้ำคูหาสวรรค์หรือถ้ำน้ำเงิน ลักษณะของถ้ำเป็นเวิ้งรูปกรวย ตอนบนมีหินงอกคล้ายรูปช้าง ชาวบ้านจึงเรียกว่า ช้างผุดหรือหินลับแล โดยภายในถ้ำปูด้วยอิฐมีเจดีย์เล็กๆ มีพระพุทธรูปปั้นด้วยดินเหนียวเรียงแถว 37 องค์ และมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ 1 องค์
นอกจากนี้ยังมีพระพิมพ์ดินดิบสมัยศรีวิชัยระหว่างศตวรรษที่ 13-18 และเป็นวัดที่หลวงพ่อทวดได้ทำการบูรณะปฎิสังขรณ์ ในรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จมานมัสการพระพุทธรูปภายในถ้ำและโปรดให้บูรณะปฏิสังขรณ์ โดยนับว่าเป็นพระอารามหลวงที่เก่าแก่ของจังหวัดพัทลุงที่ประชาชนเลื่อมใสกันมาก
ออกจากวัดคูหาสวรรค์มาไกลนัก ก็เข้ามาย่านตัวเมืองใกล้สถานีรถไฟ
โดยใกล้ๆสถานีรถไฟก็มีซอยเล็กๆเป็นถนนคนเดิน โดยจุดเด่นที่ดึงดูดเหล่านักทัศนาจร คงเป็นภาพวาดสามมิติเก๋ๆ ที่ต้องหยิบกล้องขึ้นกดชัตเตอร์ให้รัวๆกัน
โดยภาพวาดดังกล่าวก็เป็นสื่อที่บ่งบอกถึงวิถีชีวิตของเมืองพัทลุงได้อย่างดี ถึอเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่เหล่าผู้รักการทัศนาจร ไม่พลาดมาเช็คอินถ่ายรูปกันสักครั้ง
สามหนุ่ม สาวมุมกำลังนั่งเม้ามอยกันอยู่ในซอยนี้ ภาพเบื้องหลังก็เป็นสถานีรถไฟและเขาอกทะลุ รวมทั้งรถคอกหมูหวานเย็น จอดรอรับผู้โดยสารอยู่
เรื่องเก่าย้อนวันวาน บอกเล่าผ่านภาพของคนเมืองพัทลุง อีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ตรึงใจต่อผู้ที่หลงไหลการเดินทาง ให้มาเดินสะพร่างกันสักครั้งครา
หากเพื่อนๆคนใหนที่มาเที่ยวพัทลุงครั้งแรก ก็อย่าพึ่งแหกไปที่ใหน ลองมาเดินไฉไลที่ถนนในซอยใกล้ๆกับสถานีรถไฟแห่งนี้สักครั้ง รับรองว่าได้ภาพสวยปังไปอย่างแน่นอนค่ะ
ส่วนอาหารมื้อเที่ยงนี้มาฝากท้องไว้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวท่าเรือ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเมืองพัทลุงค่ะ ว่ากันว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวเจ้าดังเก่าแก่อยู่คู่เมืองนี้มาอย่างยาวนาน จุดสังเกตุเป็นร้านที่อยู่ใต้ต้นหูกวาง คนที่นี้ก็เลยเรียกว่า ร้านก๋วยเตี๋ยวใต้ต้นหูกวาง
เป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณขนานแท้ รสชาติแซ่บจริงๆ เพราะใช้มะนาวแท้ๆ
สูตรเด็ดของร้านที่ทำเอาดิฉันชอบใจ เห็นจะเป็นน้ำนาวแท้ๆที่วางไว้บนโต๊ะเพื่อเอาใจคนที่ชอบทานเปรี้ยว ให้ได้ใส่เสริมเพิ่มความซี๊ดลงไปอีกค่ะ
กินก๋วยเตี๋ยวหมดไปหนึ่งชาม ตามต่อด้วยขนมหวาน ทานให้พุงป่องกันไปเลยค่ะ เพราะยังต้องใช้พลังงานอีกเยอะ
ทานก๋วยเตี่ยวมื้อเที่ยงอิ่มแล้ว ดิฉันก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์ไปยังแหล่งท่องเที่ยวถัดไป คือวัดวังและวังเจ้าเมืองพัทลุง อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง
ขับรถมาไม่ไกลจากตัวเมืองก็ถึงวังเจ้าเมืองพัทลุงแล้วค่ะ
เข้าชมด้านใน เสียค่าเข้าคนละ 10 บาท
สำหรับวังเจ้าเมืองพัทลุงนั้น เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเวันวันจันทร์-วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-16.00 น.
วังเก่า วังเจ้าเมืองพัทลุง |
โดยภาพเรือนไทยที่เห็นอยู่นี้เป็นวังเก่า ส่วนวังใหม่จะตั้งอยู่ด้านหลังวังเก่าเดินเท้าไปได้ไม่ไกล ตั้งอยู่ในเขตเดียวกัน
สำหรับวังเจ้าเมืองพัทลุง (วังเก่า-วังใหม่) ตั้งอยู่ใกล้กับวัดวัง ซึ่งแต่เดิมนั้น เคยเป็นที่สถานที่ว่าราชการและเป็นที่พักอาศัยของเจ้าเมืองพัทลุงมาก่อน ปัจจุบันยังเหลืออยู่ส่วนหนึ่งคือ วังเก่า สร้างในสมัยพระยาพัทลุง (น้อย จันทโรจวงศ์) เป็นผู้ว่าราชการ และต่อมาวังได้ตกทอดมาจนถึงนางประไพ มุตามะระ บุตรีของหลวงศรีวรฉัตร ส่วนวังใหม่ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2432 โดยพระยาอภัยบริรักษ์จักราวิชิตพิพิธภักดี (เนตร จันทโรจวงศ์) บุตรชายของพระยาพัทลุงซึ่งเป็นเจ้าเมืองพัทลุง ปัจจุบันทายาทตระกูล "จันทโรจวงศ์" ได้มอบวังนี้ให้เป็นสมบัติของชาติเพื่อการอนุรักษ์ให้คนรุ่นหลังได้เข้ามาเรียนรู้ชมกัน
วังใหม่ วังเจ้าเมืองพัทลุง |
โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานวังเก่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 และวังใหม่ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2526
บรรยากาศทัศนียภาพภายในวังเจ้าเมืองพัทลุง ติดกับแม่น้ำเรียกว่าคลองลำปำ คลองลำน้ำสายสำคัญที่หล่อเลี้ยงชาวเมืองพัทลุงมาอย่างยาวนาน
สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่แวะมาเที่ยวพัทลุง ก็แวะมาเที่ยวชมกันได้ค่ะ
และไม่ไกลนักจากวังเจ้าเมืองพัทลุง ก็เป็นที่ตั้งของวัดวัง อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและเป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุง ซึ่งวันที่ดิฉันมาเที่ยวนี้ ตัวอุโบสถกำลังทำการปรับปรุงอยู่ ไม่อนุญาตให้เข้าไปด้านใน
สำหรับวัดวังเป็นปูชนียสถานที่สำคัญของจังหวัดพัทลุง เดิมเป็นวัดโบราณสันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ต่อมาพระยาพัทลุง(ทองขาว) ได้สร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 3 เคยใช้เป็นสถานที่ทำพิธีถือน้ำพิพิฒน์สัตยาของข้าราชการเมืองพัทลุงในสมัยรัตนโกสินทร์ ต่อมาเมื่อย้ายเมืองพัทลุงไปตั้งที่ตำบลเมืองคูหาสวรรค์ วัดวังก็ชำรุดทรุดโทรมลงและได้มีการบูรณะใหม่เมื่อปี พ.ศ.2512
วัดวัง เมืองพัทลุง |
หลังจากได้ชมวังเจ้าเมืองพัทลุง และวัดวังแล้ว ดิฉันก็เดินทางมาหยุดพักผ่อนอริยาบทให้สดชื่นรื่นกายาต่อที่หาดแสนสุขลำปำ ว่ากันว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่ไกลจากเมืองพัทลุงอีกด้วย
หาดแสนสุขลำปำ เป็นเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ทัศนียภาพโดยรอบสวยงามกว้างขวาง ลมพัดเย็นดีเหลือเกินค่ะ
หาดแสนสุขลำปำ |
Welcome To Lampam Floationg market ป้ายแสดงการต้อนรับสู่ตลาดน้ำลำปำ แต่เสียดาย ดิฉันมาเที่ยวผิดวันค่ะ หากเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่หาดแสนสุขลำปำแห่งนี้ คงจะคึกคักด้วยนักท่องเที่ยวมิใช้น้อย
สะพานเช็คอิน สุดฟินของคนรักการถ่ายภาพให้กระชากใจเว่อร์ ริมหาดแสนสุขลำปำ
ถึงแล้วหลาดลำปำ แต่ช่วงที่ดิฉันมาเที่ยวนี้เป็นวันธรรมดา ก็เลยไม่ค่อยคึกคักนัก
แม้จะเป็นวันธรรมดา แต่น้องๆหนูละอ่อนน้อย กำลังสนุกสนานกันการปั่นจักรยานกันอยู่เลยค่ะ เห็นแล้วน่าสนุกเชียว
มีมุมถ่ายรูป จุดแฟนทิ้งอีกด้วย ใครแฟนทิ้ง ก็มาเช็คอิน ณ จุดนี้ได้นะคะ แต่อย่าถึงกับขนาดต้องจุดธูปจุดเทียนแช่งกันเลยนะ |
ยกยอ อุปกรณ์หาปลาอันโดดเด่นคู่เมืองพัทลุงมาอย่างยาวนาน เรียกว่าถ้ามาพัทลุงไม่ได้ถ่ายรูปคู่ยกยอ เค้าว่ามาไม่ถึงกันด้วยนะคะ
ตลาดน้ำลำปำ จะคึกคักมากๆ ถ้ามาวันหยุดสัปดาห์
โดยในปี พ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เคยเสด็จประพาสสถานที่แห่งนี้ หาดแสนสุขลำปำอีกด้วย
และหลังจากที่ได้สุขสำราญยลตระการหาดแสนสุขลำปำแล้วนะคะ ดิฉันก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์มุ่งหน้าต่อไปยังสถานที่ถัดไป
สำหรับที่พักค้างแรมในจังหวัดพัทลุงคืนนี้พักที่สายคลองสองเล รีสอร์ท ที่บ้านปากประ ซึ่งเป็นชุมชนนวัตถวิถีที่มีชื่อเสียงอีกแห่ง
นอนพักที่สายคลองสองเล รีสอร์ท แนวบ้านพักเป็นหลังๆ แบบบังกะโล อยู่ติดริมน้ำ บรรยากาศดีทีเดียวค่ะ ราคาห้องพักบังกะโลคืนละ 1000 บาท สำหรับ 2 คน รวมอาหารเช้า
ขับรถมาเหนื่อยก็เอากระเป๋าไปไว้ที่ห้องก่อนค่ะ
ส่วนห้องพักด้านในก็เป็นห้องเล็กๆ มีเครื่องปรับอากาศให้
มีตู้เย็น ทีวี ฟรีอินเตอร์เน็ต WiFi ให้
มีห้องน้ำในตัว และเครื่องทำน้ำอุ่นให้
ที่พักติดริมน้ำ มียกยอขนาดใหญ่ริมคลองปากประอีกด้วย โดยคลองดังกล่าวจะไปบรรจบที่ปากอ่าวสู่ทะเลสาบสงขลา
และมนต์เสน่ห์อีกอย่างของการมาเที่ยวพัทลุงคงเป็นวิถีชีวิตของชุมชนที่นี่ นอกจากจะหาปลาแล้ว ยังทำเสื่อกระจูดขายอีกด้วย
คุณป้าค่อยๆบรรจงนำเส้นกระจูดสานลงไปยกเส้นทอขึ้นลง ดูแล้วเหมือนจะง่าย แต่ดิฉันลองทำลอง ค่อนข้างยากทีเดียว เพราะต้องใช้ความชำนาญยิ่งนัก
และไม่ไกลนักจากที่พักแรม ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์มาเริ่ดสะแมนแตนที่ถนนเฉลิมพระเกียรติ ว่ากันว่าเป็นถนนที่สวยงามที่สุดอีกแห่งของไทย เนื่องจากสร้างข้ามทะเลน้อย งามหยอย้อยไปถึงอำเภอระโนด สวยโคตรๆว่างั้นเถอะ
โดยการขับรถมอเตอร์ไซต์บนถนนเส้นนี้ จะทำให้เราไม่กล้าขับเหยียบเลนส์สีส้มเลยค่ะ เพราะเส้นสีส้มคืนเลนสำหรับจักรยานเท่านั้น อย่าได้ไปย่างกรายขับทับเลนเป็นอันขาด ใครที่ชอบปั่นจักรยาน ต้องมายลตระการปั่นออกกำลังแข้งขากันที่นี่ เดี๊ยนว่าคงจะดีมิใช่น้อยเชียว
เนื่องด้วยเป็นถนนที่สวยงามสมชื่อลือชา เหมาะแก่การมาปั่นจักรยานอย่างแท้จริงๆ
และอีกอย่างคือ ทัศนียภาพอันสวยงามของทะเลน้อย ที่ยังคงงามหยดย้อยอยู่เสมอ เป็นแหล่งชุ่มน้ำขนาดใหญ่ บริบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศทางน้ำที่สำคัญอีกแห่งของเมืองไทย เป็นสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชาวบ้านในระแวกมาอย่างยาวนาน แถมยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนี้ด้วย
ที่เห็นโดดเด่น และเป็นดารา ณ บึงขนาดใหญ่แห่งนี้ คงต้องยกให้ ควายน้ำกำลังกินหญ้าอยู่กระมัง
ขับรถตามถนนสายเฉลิมพระเกียรติมาเรื่อยๆ ก็มาหยุดแวะรัานขายปลาแดดเดียว ว่ากันว่าเป็นของฝากขึนชื่อ ณ ลุ่มน้ำแห่งนี้เลยนะคะ มาถึงแล้วก็ต้องซื้อติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้านสักหน่อยค่ะ
เพราะเห็นปลาแห้งเรียงรายในตะแกรงแล้ว ก็น่าซื้อมากๆ และไม่ต้องกลัวว่าจะมีฝุ่นนะคะ เพราะมาพัทลุง ลมพัดตลอด ร้านก็ไม่ได้สร้างติดถนนจนเกินไป เดี๊ยนเลยไมต้องกังวลเรื่องความสะอาด แต่เน้นความสดและความอร่อยค่ะ โดยคุณป้าเจ้าของร้านบอกว่า ปลาที่นี่รสชาติดี เป็นปลาสดๆจากทะเลน้อยเลยค่ะ
ปลาจัดเรียงตากไว้ในตะแกรงให้ลูกค้าที่แวะมาได้เลือกซื้อ เลือกหากันตามใจชอบ ส่วนใครซื้อมาก จะต่อรองกับแม่ค้าก็ค่อยว่ากันตามจำนวน
แม่ค้ายิ้มแก้มปริ่ม ค่อยอธิบายผลิตภัณฑ์แต่อย่างให้ดิฉันได้รู้จัก เนื่องจากเป็นปลาในท้องที่แห่งนี้
อย่างเช่นปลาแห้งที่อยู่ในถุงนี้ คือปลามะลิ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ปลาขึ้นชื่อ เนื่องจากจะติดกับดัดอุปกรณ์ยกยอตลอด แถมรสชาติอร่อยอีกด้วยล่ะค่ะ
หลังจากที่ได้ไปยลตระการชมถนนเฉลิมพระเกียรติอันสวยงามแล้ว ดิฉันก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์กลับมาที่เชิงสะพานข้ามคลองปากประ เพื่อมาชมพระอาทิตย์ตกดิน และชมวิวยกยักษ์
โดยจุดวิวยกยักตั้งอยู่ในบ้านปากประ เป็นจุดมวิวยอยักษ์นับร้อยที่เรียงรายอยู่ในคลองซึ่งเป็นภูมิปัญญาการประดิษฐเครื่องมือหาปลาของชาวบ้าน มีรูปร่างเป็นสีเหลี่ยมสามารถยกขึ้นลงในน้ำเพื่อดักจับปลาได้ ยอที่บริเวคลองปากประมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษแตกต่างจากที่อื่น จึงได้ถูกขนานนามว่าเป็น "ยกยักษ์" ในทุกๆเช้า ชาวบ้านจะพายเรือออกมาขึ้นยอของตนเองตั้งแต่เช้าตรู่จับปลาตัวเล็กๆมาใช้ทำอาหารและนำไปขาย
ด้วยบรรยากาศยามเช้าบวกกับแสงแรกของวัน ทำให้อดไม่ได้ที่จะไปถ่ายรูปยอยักษ์คู่กับพระอาทิตย์ดวงกลมๆ ถือเป็นภาพที่หาชมได้ยาก โดยช่วงที่ได้เห็นชาวบ้านมายกยอกันมากคือช่วงหน้าน้ำ
มีบ้านเมียหลวงด้วย แต่ไม่ให้มีป้ายบ้านเมียน้อย สงสัยบ้านเมียหลวงจะถล่มป้ายบ้านเมียน้อยพังไปแล้วกระมัง เดี๊ยนคิดเอาเองนะคะ |
มองจากสะพานข้ามคลองปากประไปเห็นยกยักษ์เรียงรายตรงอยู่ในทะเลสาบ สวยงามแปลกตายิ่งนัก
และที่โดดเด่นสุดคงเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะอัสดงแลลับสิ้นสุดขอบฟ้า ทอแสงเรืองรองเป็นสีทองผ่องอำไพ งามวิไลยิ่งนัก ในขณะเดียวกัน ก็เห็นชาวบ้านยกยอขึ้นเพื่อตักปลาที่อยู่ด้านในยอนี้อยู่
ดวงอาทิตย์ค่อยๆเลื่อนลงไปเรื่อยๆ แต่ยอที่ชาวบ้านยกอยู่ก็จมลงสู่น้ำในคลองเช่นกัน
ถึงแม้ว่าดวงอาทิตย์จะลาลับสิ้นขอบฟ้าไป แต่แสงอัศเจรีย์สีทอง จะเรืองรองผ่องอำไผ เปล่งประกายสองส่องใส งามวิไลยิ่งนักเอย
มานั่งรำเพย รำพัน หันเหรับลมเย็นๆ เห็นหมู่เมฆในท้องนภากาศ ก็งามวิลาศละมัยอำพันเช่นกัน
หมดเวลาไปอีก 1 วัน เวลาเดินไปไวเหลือเกิน มานั่งพักกายรับลมเย็นๆ ดูยกยอเด่นตระหง่านอยู่ริมทะเลสาบสงขลา
อาหารเย็นมื้อนี้ จัดไปค่ะ กับเมนูยำปลามะลิทอดกรอบราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเปรี้ยวจี๊ด จนต้องร้องกรี๊ดดังๆเลยว่า เผ็ดฉบับชาวใต้จริง เผ็ดอย่างแรงหลาว
-----------------------------------------------------------------------------------------
ทริปวันใหม่ในจังหวัดพัทลุง
อรุณเบิกฟ้ามาส่องหานกกาโบยบิน แต่ก็มาฟินที่ป้ากำลังพายเรือแจว ส่งยิ้มระรื่น ชื่นฤทัยมาให้ เป็นศุภฤกษ์รับวันใหม่ งามวิไลยิ่งนักเชียว
เจ้ายกยอยักษ์ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ริมคลอง รอมวลพี่น้องหมู่มัจฉามาติดกับดักปลานี้อยู่
เดินมาไม่ไกลนักจากที่พัก ก็มาชมยกยอยักษ์ริมทะเลสาบ ที่พระอาทิตย์ได้ขึ้นสู่ท้องฟ้าไปแล้ว จะเห็นก็แต่แสงอัศเจรีย์สีทอง ที่ผุดผ่องงามนักแล
แต่ช่วงบรรยากาศยามเช้าที่สะพานข้ามคลองปากประก็เย็นดียิ่งนัก
มองมาอีกฝั่งก็เป็นบ้านเรือนริมริมคลอง มีแต่ยอยักชูช่ออยู่ริมคลองตลอดแนว
ส่วนอาหารมื้อเช้านี้ เป็นอาหารปิ่นโตจากทางที่พักมาตั้งไว้ให้ถึงหน้าห้องพักเลยค่ะ
อาหารเช้ามื้อนี้ มีแต่ขนม |
หลังจากทานอาหารมื้อเช้าจนอิ่ม ดิฉันก็เช็คเอาท์ สะพายกระเป๋าเป้ขับมอเตอร์ไซต์มาที่ทะเลน้อย หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดอีกแห่งในจังหวัดพัทลุง ว่ากันว่า หากมาเที่ยวพัทลุง ไม่ได้มายลตระการ นั่งเรือสำราญชมทะเลน้อย ถือว่ามาไม่ถึงเลยนะคะ
แต่มาพัทลุงครั้งแรกนี้ ดิฉันก็ไม่ได้เสียเที่ยวแต่อย่างใด เพราะมาถึงถิ่นทะเลน้อยสักที ล่องเรือ แลนก ชมบัว ดูควายน้ำ ทะเลน้อย
โดยจุดเด่นของการเที่ยวทะเลน้อย คงไม่พลาดที่จะต้องนั่งเรือเที่ยวชมดอกบัวแดง ที่งามร้อนแรงจับใจ ไม่แพ้หนองหานอุดรธานีเลยล่ะ
โดยทริปล่องเรือครั้งนี้ ดิฉันเลือกเส้นทาง A และจัดเหมาลำนั่งคนเดียวเลยค่ะ เนื่องจากราคาก็ไม่ได้แพงมากด้วย แถมยังเป็นการส่งเสริมให้กับคนในพื้นที่ให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวนี้ด้วย
ส่วนค่าเรือก็จ่ายกับคนบังคับเรือนำเที่ยวเลยค่ะ ซึ่งทริปนี้ก็ได้คุณลุงหน้าตาคมเข้มนำพาดิฉันไปท่องเที่ยวชมบัวแดงในทะเลน้อยค่ะ
เรือแล่นออกจากจุดขึ้นเรือมุ่งหน้าไปยังทุ่งบัวแดง รับลมเย็นๆพร้อมแสงแดดอ่อนๆที่ยังไม่ร้อนแรงนัก บรรยากาศดีเหลือคณานับเชียว
เข้าสู่ทุ่งดอกบัวแดง ก็สวยอย่างแรงแท้หลาว แต่เสียดายดอกเริ่มจะหุบแล้ว เนื่องจากมาสายไปค่ะ ก็เลยเป็นการชมดอกบัวสายไป
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับทะเลน้อย ที่มีสาระไม่น้อยเหมือนชื่อทะเล
อุทยานนกน้ำทะเลน้อย จัดว่าเป็นอุทยานนกน้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีนกอยู่มากมายกว่า 150 ชนิด จำนวนไม่ต่ำกว่า 100,000 ตัว นกที่มีมากได้แก่ นกอีโก้ง นกพริก นกเป็ดแดง นกเป็ดคับแค นกอีล้ำ นกอีลุ้ม นกกะปูด นกนางนวล นกนางแอ่น นกอัญชัญ นกกระสาแดง เหยี่ยว และนกอี่นมากมาย ฤดูกาลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการไปดูนก คือช่วงเดือนธันวาคม ถึงเดือนเมษายน นอกจากนกน้ำในทะลน้อยแล้ว ยังมีพันธ์ไม้หลากหลายชนิด เช่น ย่านลิเภา จูดหนู แขม กกสามเหลี่ยม โกง ลาโพ จูด บัวหลวง บัวแดง บา หูหนู จอก ผักตบชวา และสาหร่ายต่างๆ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือไปชมได้จากท่าเรือทะเลน้อย และใกล้ที่ทำการอุทยาน มีเรือนพักไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย
คุณลุงคนขับเรือบอกว่า ถ้าจะชมดอกบัวแดงบานอร่าม ต้องมาตั้งแต่เช้า เพราะดอกจะบานเบ่งชูช่อลอเล่นลม สวยสมอุรายิ่งนัก
มีอวนหาปลาปักอยู่เป็นจุดๆ
เรือนักท่องเที่ยวลำอื่นๆที่แล่นผ่าน ก็ทักทายสวัสดี อีหลีบ่ กันแบบเอื้อไมตรี มีต่อกัน สุขสันต์ฉบับไทยๆ |
มนต์เสน่ห์ลูกทุ่งของทะเลน้อยพัทลุงสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในคุ้งน้ำแห่งนี้ |
ระหว่างนั่งเรือหากเจอนกตัวใหนที่ไม่รู้ชื่อ คนขับเรือนำเที่ยวก็จะบอกชื่อให้ทราบอีกด้วย
นั่งเรือออกจากทุ่งดอกบัวแดงมาไม่นานนัก คนขับเรือก็พาดิฉันมาสู่คุ้งแห่งทุ่งดอกสาหร่ายข้าวเหนียวสีม่วง ที่ชู่ช่อออกดอกบานสะพรั่งอลังการเต็มท้องน้ำทะเลน้อย
มีเรือหลายลำพานักท่องเที่ยวมาชมทุ่งสาหร่ายข้าวเหนียวอย่างไม่ขาดสาย
โดยดอกสาหร่ายข้าวเหนียวสีม่วง ลักษณะดอกเล็กๆชูช่อเหนือน้ำ ผลิดอกบาน ร้าวรานใจยิ่งนัก
ทางคนขับเรือบอกกับดิฉันว่า ฤดูนี้เป็นช่วงที่ดอกสาหร่ายข้าวเหนียวกำลังผลิดอกบาน ทำให้นักท่องเที่ยวมาชมกันเยอะแทบทุกวัน ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจและคนขับเรือพาเที่ยวทะเลน้อย มีรายได้มากตามไปด้วย
ชาวประมงในอุทยานยานนกน้ำทะเลน้อย กลางทุ่งดอกบัวแดง และแดดที่ร้อนแรงจับใจ |
ปลาน้ำจืดในนี้น่าจะมีมากโขอยู่พอสมควร
อวนหาปลาปักอยู่ในน้ำท่ามกลางดอกสาหร่ายข้าวเหนียวสีม่วง งามทะล้วงใจเชียวล่ะ
โดยจุดเด่นของการนั่งเรือมาชมทะเลน้อย คงไม่พลาดที่ได้เห็นนกหลากหลายชนิด อย่างเช่นนกที่เห็นอยู่นี้ คือนกอีลุ้ม
ท้องฟ้าวันนี้ก็สดใส แม้แดดจะแรงไปหน่อยก็ตาม
คนขับเรือพาท่องเที่ยวชมหมู่นกมาเรื่อย ก็พาศาลานางเรียม
นั่งเรือผ่านศาลานางเรียม คนขับก็พามาชมควายน้ำ
กลายเป็นดาราทอง ไม่แพ้การมาดูนกเลย สำหรับน้องควายน้ำ ที่แหวกว่ายอย่างเย็นสบายๆ เห็นแล้วก็อยากลงไปว่ายด้วยจังค่ะ แต่ติดตรงเสื้อผ้าหน้าผมของเดี๊ยนไม่ค่อยจะอำนวยนัก
มีควายเผือกอีกด้วย
นั่งเรือเพลิน คนขับพาดิฉันท่องเที่ยวทะเลน้อย วนมาถึงสะพานเฉลิมพระเกียรติเลยค่ะ
ลอดใต้สะพานมาเรื่อยๆ ก็เห็นคนกำลังตกปลา เห็นแล้วน่าจะได้ปลาหลายตัวเชียว เพราะน้ำในทะเลน้อยนี้ ปลาน่าจะชุกชุมไม่น้อยทีเดียวเชียว
หากเพื่อนๆคนใหนที่เบื่อๆการทำงานในเมืองกรุง ก็ลองหมายมุ่ง
มาเที่ยวมนต์ลูกทุ่งแห่งคุ้งน้ำทะเลน้อยนี้ดูสักครา เดี๊ยนรับรองว่า
ชื่นฉ่ำอุราถึงทรวงในอย่างแน่นอนจ้า |
หากเพื่อนๆคนใหนที่เบื่อๆการทำงานในเมืองกรุง ก็ลองหมายมุ่ง มาเที่ยวมนต์ลูกทุ่งแห่งคุ้งน้ำทะเลน้อยนี้ดูสักครา เดี๊ยนรับรองว่า ชื่นฉ่ำอุราถึงทรวงในอย่างแน่นอนค่ะ
กระเป๋าทำจากกระจูด ผลิตภัณฑ์คุณภาพของฝากขึ้นชื่อแห่งทะเลน้อย ก็น่าซื้อไปเป็นของฝากเช่นกัน เพราะราคาไม่แพง หากใครซื้อมาก ก็ต่อรองกับคนขายได้ด้วย
มีร้านขายผลิตภัณฑ์จากกระจูดและงานจักรสานแบบอื่นๆให้เลือกหลากหลายแบบ ซื้อไปฝากให้กับคนทางบ้านนำไปใช้สอยประโยชน์ได้ดีเชียวค่ะ
หลังจากที่ได้นั่งเรือชมทะเลน้อยไปแล้ว ไม่ไกลนักกับเส้นทางสายท่องเที่ยวอำเภอควนขนุน ดิฉันก็เดินทางมาที่นาโปแก อีกหนึ่งที่เที่ยวเชิงเกษตรยอดนิยม ที่ต้องแวะมาเช็คอินถ่ายรูปกัน
โดยวันที่มาเที่ยวเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี มีนักท่องเที่ยวมาเยอะมากๆค่ะ
นาโปแกคืออะไร |
นาคือ พื้นดินที่ราบกั้นเป็นแปลง
โป คือ ปู่ หรือพ่อของพ่อ
แก คือ บรรพบุรษ
นาโปแก ความหมายรวมทั้งหมดก็คือ นาของปู่ หรือบรรพบุรุษ
เดินเข้ามามีแต่น้องๆนักเรียน นักศึกษามาลั๊ลลาเที่ยวกัน นอกจากจุดชมวิวถ่ายรูปสวยๆแบบฉบับบ้านทุ่งแล้ว ยังมีวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับการทำการเกษตร และกิจกรรมให้ได้ร่วมสนุกอีกด้วย
เดินเข้ามาด้านในก็มีจุดถ่ายภาพโน้นนี้นั้นมากมาย
หากใครหิวก็อาหารการกินขายด้วยนะคะ ของกินแต่ละอย่างก็เป็นอาหารท้องถิ่น น่าเทียวเชียวค่ะ
ดิฉันไม่รีรีอขอซื้อมาทานเป็นมื้อเที่ยงซ่ะเลย
ลูกหม่อนสีดำแดงผสมปนเปก็เยอะโขพอดู ราคาก็จุ๊กกรูไม่แพงอีกด้วย
ลองกินดูล่ะ สีดำรสหวานอร่อย สีแดงออกเปรี้ยว ชอบมากๆ
ขนมครกไข่ ทานไปมีโปรตีน
หรือทานจะฟินๆแบบบ้านๆ ก็ต้องขนมหวาน ขนมพิมพ์ ซึ่งคนที่นี้เรียกขนมพิมพ์ แต่ถ้าคนไทยภาคกลาง คงจะเรียกว่า ขนมรังผึ้งเป็นแน่แท้
ขนมพิมพ์ หรือรังผึ้ง กลิ่นหอมหวนรัญจวนใจ แต่ก็ต้องยืนรอคิวต่อไป อยากบอกว่าหิวแล้วนะจ๊ะ
ทุ่งนาสีเขียวขจี แม้จะเข้าหน้าแล้ง แต่มาเที่ยวพัทลุง ไม่ต้องห่วงนะ เพราะเขียวขจีตลอดทั้งปี มีน้ำจากทะเลสาบสงขลา นำมาทำการเกษตร ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว สุขสกาวอุดมสมบูรณ์เสียจริง
ชาวนากำลังปักกล้าลงไปในแปลงนา
มีมุมถ่ายรูปโน้นนี้นั้นหลากจุด ยิ่งช่วงนักท่องเที่ยวเยอะในวันหยุดแบบนี้ บางจุดที่สวยๆน่ารักอาจต้องรอคิวนะคะ
เดินไปก็ไม่ต้องกลัวเหงา เพราะมีวงดนตรีมาเล่น ฟังเสียงเพลงเพื่อชีวิต ฟินไปอีก เรียกว่าเข้าบรรยาศแบบคนใต้เชียว อยากเรียกว่านักร้องเกาเหลา เกาหลีนะคะ ดูแล้วน่าจะไม่เข้ากับบรรยากาศแบบบ้านทุ่งนี้เป็นแน่
อีกหนึ่งมนต์รักลูกทุ่งในจังหวัดพัทลุงที่นาโปแก ต้องแวะแลสักครั้งสิ เป็นหนึ่งที่เที่ยวยอดนิยมเคียงคู่ทะเลน้อย เนื่องจากมีนักเดินทางแวะมาเดินสะพร่างอย่างไม่ขาดสาย
หากเพื่อนๆคนใหนที่มาเที่ยวพัทลุง ก็อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปเช็คอินที่นี่ดูสักครั้งนะคะ เพราะมีของฝากขาย มีอาหารให้กิน และได้เดินชมเรียนรู้วิถีชาวนาในจังหวัดพัทลุงอีกด้วย
หลังจากที่ได้เดินชมนาโปแกแล้ว ดิฉันก็เดินทางขับมอเตอร์ไซต์กลับเมืองตรัง
เดินทางกลับเข้าสู่เมืองตรังอีกครั้ง นำมอเตอร์ไซต์ไปคืนที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ เดินทางไปสถานีขนส่ง นั่งรถตู้โดยสารไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช |
ต้องขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกคนที่เสียสละเวลา คลิ๊กเข้ามาสไลด์เลื่อนดูกัน หากมีข้อผิดพลาดสิ่งใด ดิฉันต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะคะ...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
--------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้
รีวิวเที่ยวเมืองตรัง มาอีกครั้ง ก็ยังปังเสมอ อาหารรสเลิศเลอ คลิ๊กดูรีวิวเลยจ้า>> |
รีวิวเที่ยวเดือนมกราคม แบกเป้ไปกินลมชมเมืองประจวบฯ 3 วัน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง ไปดูสิว่ายังสวยปังอยู่ใหม๊ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวในเมืองเพชรบูรณ์ แบบช้าๆ มีที่เที่ยวให้ลั๊ลลามากมาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวหลังสวน ลิ้มลองทุเรียนจากสวนหวานฉ่ำ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวชุมพร งามอรชรตลอดกาล เดือน ก.ย.2018 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
มาเด้อ..มาเที่ยวศรีสะเกษ แดนดงดอกลำดวน หอมหวนกระเทียมดี คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูรีวิวการเดินทางได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2QngTUm
มาม๊ะ..แวะมาเที่ยวเมืองสุรินทร์ ชมถิ่นช้างใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวในบุรีรัมย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวเมืองพะเยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อมาเที่ยวเมืองแพร่ แลยลชมธรรมชาติ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น