Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

มาเน้อเจ้า..มาเที่ยวเมืองแพร่ แวะไปไหว้พระธาตุช่อแฮ เดินแลในงานยี่เป็ง ขับรถขึ้นไปชมพระธาตุดอยเล็ง วิวสวยเจ๋งงามเลิศสะแมนแตน


มาเน้อเจ้าวันหยุดสัปดาห์นี้ บ่ฮู้ไปแอ่วใหนดี วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเลยขอเป็นคนบ้า มารีวิวชวนเพื่อนๆไปเที่ยวเมืองแพร่กันเจ้า
"เมืองแพร่" อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่ดึงดูดตาและตราตรึงประทับซึ้ง อยู่ในห้วงดั่งดวงหฤทัย งามวิไลและสดใสแพรวพราว สวยสกาวรุ่งโรจน์และช่วงโชติชัชวาลย์ไปด้วยธรรมชาติอันสวยสดงดงาม ตระการตา ไม่ว่าจะบ้านม่านชานเรือน วิถีชีวิต ประเพณี สังคมและวัฒนธรรม รวมทั้งโบราณสถาน วัดวาอารามเก่าแก่ให้แลชมอย่างน่าอภิรมย์สมใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนทีเดียวเชียว

ในทริปประจำเดือนนี้ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เธอเลยขอเป็นคนบ้า ขอลาจากงานประจำ แบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวเมืองแพร่สักครั้ง เนื่องจากยังไม่เคยมาเยือนเมืองนี้เลย จำได้ว่าสมัยหลายสิบปีก่อนโน้น ตอนยังละอ่อน เคยนั่งรถไปเมืองน่าน ต้องแวะผ่านเมืองแพร่ แลดูเมืองนี้แล้วก็มีอะไรที่น่าสนใจอยู่มิใช้น้อย คงไม่ใช่แค่เมืองผ่านอีกต่อไปแล้วกระมัง เพราะเมืองเล็กๆแบบนี้ มีอะไรให้ชมแบบปังๆและซ่อนตัวอยู่ รอให้

โดยทริปนี้ดิฉันก็ปักหมุดปฎิทินมาเที่ยวช่วงเทศกาลงานลอยกระทงพอดี ก็เลยได้มีโอกาสได้ชมเทศกาลงานยี่เป็งในเมืองแพร่ด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกเลยที่ได้แวะมาชมงานเทศกาลที่นี้ ปกติแล้วก็เคยแต่ลอยกระทงอยู่ในภาคกลาง พอได้มาเที่ยวทางเหนือ ก็ได้ความรู้สึกอีกแบบนึงไปเลยล่ะ

เอาล่ะคะเพื่อไม่ให้เสียเวลากับการพร่ำเพร้อไปมากกว่านี้ ดิฉันขอพาเพื่อนๆผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น มาสไลด์ดูภาพรีวิวเทียวเมืองทริปในทริปประจำเดือนนี้เลยเน้อเจ้า

ก่อนจะเข้าสู่รีวิวเที่ยวเมืองแพร่ ยังไงแล้ว เรามารู้จักเมืองแพร่ กันสักเล็กน้อยนะคะ

คำขวัญเมืองแพร่ : หม้อห้อมไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม (คนแพร่นี้ใจงามจริงก๊อ บ่ฮู้กะต้องมาแอ่วกันเน้อ)

ชื่อเมืองแพร่ นี้มีที่มาอย่างไร เจ้าได้แต่ใดมาหรือ? อ่านกันเป็นความรู้สักเล็กน้อย

แพร่สร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 มีชื่อเรียกกันว่า "พลนคร เมืองพล เมืองแพล" โดยในรัชสมัยขอมเรืองอำนาจ ระหว่างปี 1470-1560 พระนางจามเทวีเข้าครอบครองแคว้นล้านนา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น โกศัยนคร หรือเวียงโกศัย ซึ่งแปลว่าผ้าแพร นับตั้งแต่นั้นมาก็มีเจ้าผู้ครองนครสือต่อกันมาโดยตลอด จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้เปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยเจ้าพิริยะชัยเทพวงศ์ (เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์ที่ 18) เป็นเจ้าหลวงกำกับด้วยข้าหลวง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าได้โปรดเกล้าฯ ให้พระชาไชยบูรณ์เป็นข้าหลวงคนแรก
เมืองแพร่ นี้มีที่มาอย่างไร อ่านเป็นความรู้กันจ้า
ต่อมาในปี พ.ศ.2445 พวกเงี้ยวได้ก่อการกบฎขึ้น ได้ยืดสถานีตำรวจ ศาลากลางจังหวัด ปล้นเงินคลัง และปล่อยนักโทษออกจากคุก พระยาไชยบูรณ์ถูกพวกเงี้ยวจับตัวและบังคับให้ยกเมืองให้ แต่พระเจ้าไชยบูรณ์ไม่ยินยอมจึงถูกจับประหารชีวิต เมื่อความทราบถึงในหลวงรัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีนำทัพหลวงเข้าปราบปรามพวกเงี้ยวจนราบคาบ เจ้าพิริยะชัยเทพวงศ์ เกรงพระราชอาญาจึงลี้ภัยไปอยู่ที่เมืองหลวงพระบางและถึงแก่พิราลัยลงในปี พ.ศ.2452 นับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีเจ้าผู้ครองนครแพร่อีกเลย

และชื่อเวียงโกศัย น่าจะมาจากชื่อดอยที่เป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุช่อแฮ ซึ่งเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองแพร่ คือ ดอยโกสิยธชัคบรรพต หมายถึง ดอยแห่งผ้าแพร เมืองแพล เป็นชื่อที่ปรากฎ ในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชหลักที่ 1 ด้านที่ 4

โดยคำว่า แพล น่าจะมาจากศรัทธาของ ชาวเมืองที่มีต่อพระธาตุช่อแพร หรือช่อแฮที่สร้างขึ้น ภายหลังการสร้างเมืองต่อมาจึงได้เรียกชื่อ เมืองของตนว่า เมืองแพล และได้กลายเสียงเป็นเมืองแพร่มาจนถึงปัจจุบัน

หลังจากที่ได้รู้จักเมืองแพร่กันไปแล้ว ก็มาสไลด์ดูภาพรีวิวกันเลย
เริ่มต้นการเดินทางวันนี้ ดิฉันเลือกมาเมืองแพร่โดยรถบัสโดยสารค่ะ ตอนแรกว่าจะนั่งเครื่องบินล่ะ แต่เข้าเว็ปไซต์ไปดูราคาตั๋วแล้ว  สู้ราคาไม่ไหว เลยขอเก็บเงินไว้แล้วเลือกนั่งรถบัสโดยสารแทนแล้วกัน
โดยทริปนี้ใช้บริการรถบัสโดยสารของนครชัยแอร์ ค่าตั๋วโดยสารมาลงที่เมืองแพร่อยู่ที่  427 บาท
สถานีขนส่งเมืองแพร่ (Phrae Terminal Bus Station)
นั่งรถออกจากกรุงเทพตอน 10 โมงเช้า มาถึงสถานีขนส่งเมืองแพร่ก็มืดค่ำ 1 ทุ่มพอดี
พอมาถึงสถานีขนส่งเมืองแพร่แล้ว จากนั้นก็ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ว่ามี วินมอเตอร์ไซต์ให้บริการใหม๊ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าให้เดินไปที่ ร้านซ่อมมอเตอร์ไซต์ใกล้สถานีขนส่งเลย จะมีวินอยู่ที่นั้น และทั้งนี้ทางเจ้าที่ บขส.แพร่ก็นำแผนที่ท่องเที่ยวเมืองแพร่มาให้ด้วย
สำหรับที่พักในทริปเที่ยวเมืองแพร่นี้ พักค้างแนวบ้านๆ แบบโฮมสเตย์ที่ เชตวันโฮมสเตย์
นั้่งวินมอเตอร์ไซต์จากสถานีขนส่งมาที่โรงแรม 50 บาท ก็ถึงที่พักแล้วจ้า ซึงระยะทางจากขนส่งมายังที่พักค่อนข้างไกลพอสมควร แนะนำนั่งวินมาดีกว่าค่ะ
สำหรับที่พักในทริปเที่ยวเมืองแพร่นี้ พักค้างแนวบ้านๆ แบบโฮมสเตย์ที่ เชตวันโฮมสเตย์
 โฮมสเตย์ราคาถูก แบบบ้านไม้สองชั้น พอมาถึงที่พักก็มีคุณป้ายิ้มหวานออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่น 
 พาเข้าไปห้องพักคืนนี้ได้ห้องชั้นล่างค่ะ คืนละ 400 บาท รวมอาหารเช้านอนได้ 2 คน มีห้องน้ำในตัวให้นะคะ ถ้ามาเที่ยวคนเดียว หากใครอยากประหยัดก็นอนห้องรวมได้นะคะ แต่ทริปนี้ดิฉันแบกโน๊ตบุ๊คมาทำงานด้วย ก็เลยขอส่วนตัวหน่อนนึง
ห้องพักไม่หรูหรา เน้นนอนพัก มีห้องน้ำในตัวอยู่ติดกับห้องนอนเลย มีแอร์ให้ด้วย มีWiFiให้เร็วเว่อร์ ห้องกว้างเชียวล่ะ แต่เสียอย่างเดียว เตียงนอนแข็งไปหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศในการนอนแล้วกันนะ
นำกระเป๋าเป้ไปไว้ในห้องพักเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาออกไปตะแล๊ดแต๋ดแต๋เที่ยวในเมืองแพร่แล้วล่ะคะ
โดยที่เชตวันโฮมสเตย์ ก็มีจักรยานให้ปั่นฟรีอีกด้วยล่ะ
ยังไม่หมด ทางเจ้าของที่พัก คุณป้าก็นำแผนที่ท่องเที่ยวมาให้อีกด้วย
คืนนี้คุณป้าเจ้าของที่พักบอกว่า มีขบวนแห่งานลอยกระทงด้วย โดยให้ไปดูที่ประตูชัย ดิฉันเลยรีบปั่นไปดูเลย
 มาถึงประตูชัยก็มากมายไปด้วยผู้คนที่รอชมอยู่สองข้างทาง ในย่านประตูชัยในเมืองแพร่ น่าจะเป็นย่านใจกลางเมืองแพร่แล้วกระมัง เพราะมีร้านอาหารเรียงรายตลอดแนว
การจราจรกำลังจะถูกปิดให้สัญจร หากใครที่ขับรถมาออนซอนที่ถนนเส้นนี้คงจะต้องหยุดชะงักไปเสียก่อนเลยกระมัง แล้วรีบลงจากรถมารอนั่งดูขบวนแห่ง
ไม่นานนักขบวนแห่บุปผชาติในงานลอยกระทงก็เดินมาตามถนนให้ผู้คนได้ยลตระการกัน  งานจุดผางปะตี๊ปตี๋นก๋า ปู๋จาแม่ก๋าเผือก ประจำปี 2561 (Loykratong festival in Phrea City)
 ไม่นานนักขบวนแห่บุปผชาติของงานยี่เป็งเมืองแพร่ก็แห่เดินมาตามถนนให้ผู้คนได้ยลตระการกัน โดยปีนีใช้ชื่องานว่า งานจุดผางปะตี๊ปตี๋นก๋า ปู๋จาแม่ก๋าเผือก ประจำปี 2561 (Loykratong festival in Phrea City)
 มีกระทงขนาดใหญ่ประดับประดาตกแต่งในขบวนรถบุปผชาติ
การฟ้อนของละอ่อนน้อยๆ ฟ้อนผางประทีป ดูแล้วงามขนาดนั๊กเจ้า แม่หญิงละอ่อน ส่วมซิ่นสีชมพูตามฉบับสาวเหนือ
 ก่อนหน้าขบวนรถบุปผชาติ ก็จะเป็นการฟ้อนของละอ่อนน้อยๆ ฟ้อนผางประทีป ดูแล้วงามขนาดนั๊กเจ้า
แม่หญิงละอ่อน ส่วมซิ่นสีชมพูตามฉบับสาวเหนือ
ตามมาด้วยการตีกลองสะบัดชัย
 หนูน้อยนพมาศก็น่าฮักขนาด ยะปากจู่ดูน่ารักไปอีกแบบเน้อ
 ภายในขบวนกระทงก็ไม่บ่ต้องงวยงงนัก เพราะมีนางนพมาศซ่อนตัวอยู่หลังกระทง
ขาดไม่ได้เลยของเสน่ห์งานลอยกระทง ก็คงต้องยกหให้เหล่าบรรดานางนพมาศซึ่งจะต้องนั่งอยู่บนรถขบวนรถบุปผชาติ
และที่ขาดไม่ได้เลยของเสน่ห์งานลอยกระทง ก็คงต้องยกหให้เหล่าบรรดานางนพมาศซึ่งจะต้องนั่งอยู่บนรถขบวนรถบุปผชาติ ให้ผู้คนได้ตะลึงงึงงันไปกับความงามของสาวเหนือเมืองแพร่
บรรดาเหล่าสางงามนางนพมาศ โปรยยิ้มหวานต่อผู้ชมตลอดแนว
นางนพมาศที่นั่งบนรถบุปผชาติก็โปรยยิ้มหวาน ร้าวรานถึงทรวงในยิ่งนัก เพราะแต่ละคนก็ดูงามแต้ๆเจ้า งามปะล้ําปะเหลือ ดิฉันเองอยากสวยแบบนี้บ้างจัง แต่ชาตินี้คงต้องทำใจ รับสภาพหน้าตาแบบโจรไปละกัน น่าจะเหมาะกับตัวเองสุดๆล่ะ
เมืองแพร่คืองามแต้ๆเจ้า  หุ่มสไบเปิดไหล่ขวา แต่งกายใส่ผ้าซิ่นทอแบบเหนือ ดูสวยสดงดงาม
 สาวงามเมืองแพร่คืองามแต้ๆเจ้า  หุ่มสไบเปิดไหล่ขวา แต่งกายใส่ผ้าซิ่นทอแบบเหนือ ดูสวยสดงดงาม

คุยเฟื่องว่าด้วยเรื่องนางนพมาศ มีที่มาอย่างไร อ่านเป็นความรู้กัน

นางนพมาศ หรือ เรวดีนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เป็นสตรีที่ปรากฏอยู่ใน "เรื่องนางนพมาศ หรือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์" ที่อ้างอิงว่าถูกรจนาขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย มีเนื้อความว่านางนพมาศบอกเล่าถึงความเป็นไปภาย ในรัฐสุโขทัยว่ามีความเจริญรุ่งเรืองสมบูรณ์พูนสุขนานัปการ ในรัฐมีคนต่างชาติต่างภาษาและศาสนาอาศัยอยู่ร่วมกัน และเรื่องที่เด่นที่สุดคือการที่นางประดิษฐ์กระทงขึ้นมา จนนางนพมาศได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเพณีลอยกระทง กล่าวกันว่านางนพมาศมีรูปโฉมงดงาม ในยุคหลังเมื่อคราเทศกาลลอยกระทงก็มีการประกวดประขันนางนพมาศสืบมา

อย่างไรก็ตามได้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการมีตัวตนจริงของนางนพมาศ มีนักประวัติศาสตร์หลายท่าน อาทิ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, นิธิ เอียวศรีวงศ์ และสุจิตต์ วงษ์เทศ เห็นว่าเรื่องนางนพมาศนั้นเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์เท่านั้นเอง

เครดิตข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/นางนพมาศ
ยังไม่หมด ยังมีนางนพมาศนั่งซ่อนตัวอยู่ในรถบุปผชาติที่ตกแต่งกระทงใบใหญ่เว่อร์ ให้ผู้ชมได้ปรนเปรอชมกันอย่างไม่ขาดสาย 
 กระทงขนาดใหญ่ยักษ์ ถูกประดับประดาตกแต่งไว้ในขบวนรถ
หลังจากได้ดื่มด่ำนั่งชมขบวนแห่งานยี่เป็ง หรืองานลอยกระทงเมืองแพร่ไปแล้ว ก็ได้เวลาทานอาหารมื้อค่ำนี้แล้วล่ะคะ โดยในย่านประตูชัยก็มีร้านอาหารอร่อยหลากหลายร้านให้เลือกทานทั้งนั้นเลย 

ประเดิมด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย กับลูกชิ้นหมู 2 ไม้ 5 บาท คือแบบว่าถูกมากๆ 
กระชากต่อด้วยก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน
ตบท้ายด้วยของหวาน เป็นเผือนหิมะ มื้อค่ำในงานลอยกระทงคืนนี้ อิ่มมากๆเลยจ้า
และไม่ไกลนักจากร้านอาหารที่ประตูชัย ก็มีจุดลอยกระทงยี่เป็งเมืองแป้ ที่ท่าน้ำคือ ซึ่งเป็นท่าน้ำที่อยู่ในตัวเมือง
เดินมาเห็นละอ่อนน้อยเป็นนักเรียนกำลังเรียกลูกค้าให้ร่วมซื้อกระทงตามจิตศรัทธา ดิฉันได้ยินดังนั้น เห็นจะต้องร่วมอุดหนุนด้วยคน เพราะกระทงที่น้องทำมาขาย ก็นำรายได้เข้ากองทุนบัณฑิตน้อยเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ เห็นเยื้องนี้แล้วน่าสนับสนุนยิ่งนัก
มาเที่ยวเมืองแพร่รอบนี้ ก็ขอลอยกระทงบูชาพระแม่คงคาสักแฮมเตื้อเน้อเจ้า 
นานแล้วคะ ที่ดิฉันไม่ได้ลอยกระทง มาเที่ยวเมืองแพร่ครั้งนี้ ก็ขอลอยกระทงบูชาพระแม่คงคาสักแฮมเตื้อเน้อเจ้า บ่ได้ลอยเมินนักแล้ว
 มาลอยกระทงริมท่าน้ำคือ
ลอยไปลอยมา กระทงก็หลงทาง ปิคมาอยู่ตี้เก่าเน้อเจ้า สงสัยกระแสน้ำจะแฮงขนาดนั๊ก
มองไปไม่รู้กระทงไปใหน ลอยไปลอยมา กระทงก็หลงทาง ปิคมาอยู่ตี้เก่าเน้อเจ้า สงสัยกระแสน้ำจะแฮงขนาดนั๊ก
และเสน่ห์อีกอย่างหากมาเที่ยวงานลอยกระทงทางภาคเหนือก็คงเป็นการลอยโคมไฟขึ้นสู่ยอดฟ้า งดงามระย้ามิใช้น้อย
สาระน่ารู้เกี่ยวกับโคมลอย
สาระน่ารู้เกี่ยวกับโคมลอย
โคมลอย หมายถึงประทีปที่จุดไฟแล้ววางบนกระทงและปล่อยให้ลอยไปตามสายน้ำ จะมีลักษณะเป็นลูกโป่งขนาดใหญ่ทำด้วยกระดาษบางเบาที่ปล่อยให้ลอยไปบนฟากฟ้าโดยใช้ควันไฟ

ซึ่งการโคมลอยขึ้นสู่อากาศชาวล้านนามีความเชื่อว่า การจุดโคมลอยและปล่อยขึ้นไปในอากาศเป็นการปลดปล่อยความทุกข์โศกและเรื่องร้ายๆ ให้พ้นตัวและลอยไปกับอากาศ โดยมีคติความเชื่อว่า เพื่อบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณี บนสรวงสวรรค์ 
 เสร็จจากนั้นก็ปั่นจักรยานมาที่เทศบาล มีซุ้มโคมไฟแบบล้านนา ประดับประดาอย่างสวยงามตระการตาเชียว
 โดยภายในงานมีการแสดงศิลปะแบบล้านนาให้ชมอีกด้วย
 ตามภาพนี้น่าจะเป็นฟ้อนขันดอกอยู่กระมัง
งานใหญ่ยักษ์อย่างการประกวดนางจักรวาลระดับโลก หรือจะสู้การประกวดนางนพมาศได้ เพราะอ้อยอิ่งด้วยท่วงท่าอันช้าแบบสุดขั้ว ให้ได้ระรัวอย่างเพลินใจ หากใครเบื่อก็ไปนอน กลับมาดูต่อก็ยังทัน เพราะนางงามคนเดิมนั้น ยังไม่ประจำที่เลยจ้า สโลโมชั่นจริงแม่เจ้าเอ๋ย
และเสน่ห์ของงานลอยกระทง จะครบองค์ประกอบไม่ได้ ถ้าไม่มีการประกวดนางนพมาศ
เรียกว่างานใหญ่ยักษ์อย่างการประกวดนางจักรวาลระดับโลก หรือจะสู้การประกวดนางนพมาศได้ เพราะด้วยท่วงท่าและการเดินประกวดนางนพมาศนั้น จะช้าอยู่ใยไปแบบเนิ่บๆเพราะอ้อยอิ่งด้วยท่วงท่าอันช้าแบบสุดขั้ว ให้ได้ระรัวชมกันอย่างเพลินใจ หากใครเบื่อก็ไปนอน กลับมาดูต่อก็ยังทัน เพราะนางงามคนเดิมนั้น ยังไม่ประจำที่เลยจ้า ไม่เร่งรีบ สโลโมชั่นจริงแม่เจ้าเอ๋ย
ในงานกระทงปีที่เมืองแพร่ มีสาวงามมาประกวดนางนพมาศ 7 คน แต่ก็ดูสนุกไม่ใช่น้อย ดิฉันคงต้องยกให้พิธีกรในงาน ที่อู้คำเมืองได้มวลขนาดนั๊ก เพราะแขกไปใครมาที่นั่งชม ก็สะดุดกับคำพูดที่ชวนให้หัวเราะเริ่งร่าอยู่ไม่น้อยทีเดียว ดูแล้วไม่จืดชืดเกินไป แถมสนุกอีกด้วย
แม่หญิงแต่ละคนก็งดงาม นอกจากท่วงท่าที่ช้าอยู่ใยแล้ว เครื่องแต่งกายก็สวยงามแบบเมืองแพร่
แถมแม่หญิงแต่ละคนก็งดงาม นอกจากท่วงท่าที่ช้าอยู่ใยแล้ว เครื่องแต่งกายก็สวยงามแบบเมืองแพร่ ทรวดทรง องเอว เขียวคิ้ว แต่งหน้าแต่งตาขาวโบ๊ะ ผมก็เกล้ามวย โป๊ะแป้งตามเรือนร่างจนขาวผ่อง พอเจอแสงไฟนีออน ก็งามอรชรเจิดจ้าเชียวล่ะ แถมเยื้องย่างเดินแต่ละท่าก็นับแขนขาได้เลย สโลว์โมชั่นแท้ๆ
หลังจากได้ชมการประกวดนางนพมาศแล้ว ดิฉันก็ปั่นจักรยานมาชมความงามริมแม่น้ำแม่ยม ซึ่งมากล้นไปด้วยผู้คนคับคั่งทีเดียว เนื่องจากเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวแวะมาลอยกระทงเยอะที่สุด
จากนั้นก็รีบเดินทางกลับที่พัก เพื่อมานั่งสะส่างเคลียงานต่อให้เสร็จ แล้วก็เข้านอน จบทริปหมดไป 1 วัน สรุปวันนี้เดินทางทั้งวันเลยจ้า
-------------------------------------------------------------------- 
 เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในวันที่ 23 พ.ย.2561 ที่เชตวันโฮมสเตย์
อากาศยามเช้าที่แพร่วันนี้ดีมิใช้น้อยทีเดียว
ห้องพักด้านบน
คุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์ ทำข้าวไข่เจียวให้ทานจา มีเครื่องดื่ม กาแฟ ชา กล้วยและขนมให้ทานด้วย
 ส่วนอาหารเช้ามื้อนี้ คุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์ ทำข้าวไข่เจียวให้ทานจา มีเครื่องดื่ม กาแฟ ชา กล้วยและขนมให้ทานด้วย
 ข้าวที่บ้านคุณป้าก็มีการใส่ธัญพืชลงไปด้วยนะคะ อร่อยไปอีกแบบ
เช่ามอเตอร์ไซต์ที่ร้านบีไบค์ในเมืองแพร่ แวะไปแลสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
 หลังจากทานข้าวอิ่ม ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ในเมืองแพร่ที่ดิฉันติดต่อไว้ ก็มาส่งให้ถึงที่ หากใครที่จะเช่ามอเตอร์ไซต์ขับก็ติดต่อได้ที่ร้าน บี ไบค์ Bike & Car For Rent ได้เลยนะคะ หรือค้นหาใน Goolge ค้นว่า เช่ามอเตอร์ไซต์เมืองแพร่ ก็ขึ้นมาหน้าแรกเลย ทางร้านก็ใจดีบริการส่งที่ สถานีขนส่งและส่งตามโรงแรมด้วย

ค่าเช่ารถอมเตอร์ไซต์แบบเกียร์ตกวันละ 180 บาท
มัดจำรถ 500 บาท
ถือว่าค่าเช่ารถราคาถูกทีเดียว ไม่แพงเลย
นอกจากนี้ทางร้านยังขับรถไปส่งถึงสถานีรถไฟเด่นชัยอีกด้วย โอ้แม่เจ้า..ไปส่งไกลถึงเด่นชัยเลยทีเดียวเชียว
แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมือแพร่และใกล้เคียง (Phrae city map and nearby)
 เปิดดูแผนที่ท่องเที่ยวในเมืองแพร่ ว่ามีอะไรให้แลชมบ้าง
คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่
หลังจากได้มอเตอร์ไซต์ก็เตรียมบิดแว้นๆไปได้เลย โดยสถานที่ท่องเที่ยวจุดแรกที่แวะมา คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งอยู่ในตัวเมืองแพร่

สาระน่ารู้เกี่ยวกับคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ 

คุ้มเจ้าหลวง หรือ คุ้มหลวงนครแพร่ เป็นที่ประทับของเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 22 และเป็นคุ้มเจ้าหลวงเพียงไม่กี่แห่งในแผ่นดินล้านนาที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่ในเขตกำแพงเมืองเก่าแพร่ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่
คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่
คุ้มเจ้าหลวง สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2435 โดยเจ้าพิริยเทพวงษ์ คุ้มแห่งนี้เป็นอาคารโอ่โถง มีประตู หน้าต่างทั้งหมด 72 บาน งดงามด้วยลวดลายฉลุไม้อยู่ด้านบนปั้นลม และชายคาน้ำ เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 5 ยุคต้น ซึ่งมีรูปทรงเป็นแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป หรือทรงขนมปังขิง ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น และจัดงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในปีพ.ศ. 2435
คุ้มนี้งดงามใหญ่โตเพราะเงินคงคลังในสมัยพระยาพิมพิสารราชานั้นมีมาก ตกมาถึงรุ่นเจ้าพิริยเทพวงษ์ผู้เป็นลูก จึงสามารถสร้างคุ้มใหม่หลังใหญ่ได้ แม้ว่าในปี พ.ศ. 2433 เป็นปีที่เมืองแพร่ฝนแล้งราษฎรทำนาได้หนึ่งส่วน เสียสี่ส่วนต้องเปิดคลังหลวงไปช่วยราษฎรก็ตาม แต่เมืองแพร่ยังมีเงินมากพอที่จะสร้างสถาปัตยกรรมงดงามล้ำค่าหลังนี้ขึ้นมาได้
คุ้มเจ้าหลวง หลังนี้ยังเคยใช้เป็นที่ประทับแรม ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อคราวที่เสด็จมาเยี่ยมเยียนราษฎรจังหวัดแพร่ ในระหว่างวันที่ 15 - 17 มีนาคม พ.ศ. 2501
นอกจากนี้ คุ้มเจ้าหลวง หลังนี้ยังเคยใช้เป็นที่ประทับแรม ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อคราวที่เสด็จมาเยี่ยมเยียนราษฎรจังหวัดแพร่ ในระหว่างวันที่ 15 - 17 มีนาคม พ.ศ. 2501 และได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้เป็นสถาปัตยกรรมดีเด่นประเภทอาคารสถาบัน และสาธารณะ ประจำปี 2540

ปัจจุบัน คุ้มเจ้าหลวงเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป เข้าชมเพื่อศึกษาประวัติความเป็นมา โดยไม่เสียค่าเข้าชม
คุ้มวงศ์บุรี
และไม่ไกลนักจากคุ้มหลวง ก็เป็นที่ตั้งของคุ้มวงศ์บุรี สถานที่แห่งนี้น่าจะคุ้นภาพกันดี เพราะเคยอยู่ในละครและภาพยนตร์อยู่หลายเรื่องทีเดียว มาเที่ยวเมืองแพร่รอบนี้ก็ได้เห็นสถานที่จริงสักที สวยงามจริงๆ

สาระน่ารู้เกี่ยวกับคุ้มวงศ์บุรี

คุ้มวงศ์บุรี หรือ บ้านวงศ์บุรี ตั้งอยู่เลขที่ 50 ถนนคำลือ (ถนนหลังจวนผู้ว่า สี่แยกพระนอนเหนือ ใกล้กับวัดพงษ์สุนันท์ ) อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เป็นคุ้มของเจ้าพรหม วงศ์พระถาง หรือ หลวงพงษ์พิบูลย์ ผู้สืบเชื้อสายมาจากอดีตเจ้าหลวงนครแพร่ และเจ้าสุนันทา วงศ์บุรี (บุตรีบุญธรรมในแม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา)
เริ่มก่อสร้างขึนในปี พ.ศ. 2440 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2443 โดยได้ช่างชาวจีนจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
โดยเริ่มก่อสร้างขึนในปี พ.ศ. 2440 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2443 โดยได้ช่างชาวจีนจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน มาควบคุมการก่อสร้างโดยมีช่างพื้นเมืองเป็นผู้ช่วยจนเสร็จสมบูรณ์ คุ้มวงศ์บุรีมีความพิเศษเนื่องด้วยเป็นที่พำนักของอดีตชายาในเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์จึงสามารถขนานนามว่า“คุ้ม”ได้
คุ้มวงศ์บุรีสร้างขึ้นตามดำริของแม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา ชายาองค์แรกในเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์
คุ้มวงศ์บุรีสร้างขึ้นตามดำริของแม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา ชายาองค์แรกในเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย เพื่อเป็นของกำนัลในการเสกสมรสระว่างเจ้าสุนันตา ผู้เป็นบุตรีเจ้าบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา) (เชษฐา) ที่ท่านรับมาเป็นบุตรีบุญธรรม และหลวงพงษ์พิบูลย์ (เจ้าพรหม วงศ์พระถาง) โดยท่านทั้งสองได้ใช้เรือนหลังนี้เป็นเรือนหอในพิธีเสกสมรสด้วย 
ภายในบ้านวงศ์บุรี จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงสิ่งของเครื่องใช้เก่าแก่ต่างๆให้ได้ชมและศึกษากันอย่างน่าสนใจ
 มีห้องจัดแสดงการแต่งกายพื้นเมืองล้านนาให้ได้ชม
มีภาพเก่าบอกเล่าเรื่องราวการแต่งกายในอดีตได้เป็นอย่างดีและน่าสนใจยิ่ง
 วัดพระนอนเมืองแพร่
 และใกล้ๆกับคุ้มบุรีวงศ์ก็เป็นที่ตั้งของวัดพระนอน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งในเมืองแพร่ ต้องแวะมาแลชมและสักการะให้ได้ เพราะพระนอนมีอายุถึง 1,320 ปีเลยทีเดียว
 สาระน่ารู้วัดพระนอน
 สาระน่ารู้วัดพระนอน 

วัดพระนอนสร้างขึ้นเมื่อจุลศํกราช 236 หรือ พ.ศ.1417 มีตำนานว่าครั้งนั้นเจ้าปู่ท้าวคำชาวละโว้ นำบริวารอพยพผ่านเมืองสุโขทัยสู่เมืองแพร่ มาหยุดพักแรมบริเวณนี้ และได้พบพระพุทธรูปนอนทำด้วยหินยาวประมาณ 6 ศอก จึงสร้างวัดและสร้างพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่ครอบทับองค์เดิมไว้ แต่ได้เกิดศึกสงคราม การก่อสร้างจึงมาสำเร็จลงในสมัยเจ้าพระยาพิชัยชนะสงครามและพระนางพิมพา
สำหรับวัดพระนอนนี้ เป็นวัดร้างเป็นเวลานานเท่าใดไม่ปรากฏแน่ชัด มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นคลุมบริเวณวัด มีเถาวัลย์ขนาดใหญ่ ชื่อว่าผักหละ(ชะอม) ขึ้นปกคลุมพระนอนเป็นเวลานาน จนกลายเป็นป่า ต่อมามีพ่อค้าต่างเมืองเดินทางมาค้างแรมบริเวณดังกล่าว เห็นผักหละขึ้นงามดีจึงนำไปทำอาหาร และได้พบเศษอิฐอยู่ทั่วไป พวกพ่อค้าจึงสงสัยว่าเป็นวัดร้าง และนำไปเล่าให้ชาวบ้านฟังชาวบ้านก็แตกตื่น ช่วยกันหักล้างถางพงพบต้นไม้ใหญ่ เป็นต้นมะม่วงขึ้นคลุมพระนอนคล้ายกับร่ม ชาวบ้านเกิดศรัทธา จึงช่วยกันบูรณะ ซ่อมแซมให้สวยงามและแข็งแรง และได้ตั้งชื่อเสียใหม่ว่าวัดม่วงคำ
  ใกล้ๆกันมีวัดพระนอน ก็เป็นที่ตั้งของวัดพงษ์สุนันท์ เมืองแพร่
ใกล้ๆกันมีวัดพระนอน ก็เป็นที่ตั้งของวัดพงษ์สุนันท์
โดยวัดพงษ์สุนันท์ เป็นวัดในเขตกำแพงเมือง จังหวัดแพร่ อยู่ที่บ้านพงษ์สุนันท์ ตำบลในเวียง ชื่อเดิมว่าวัดปงสนุก เดิมเป็นวัดร้าง ทางทิศใต้ของวัดมีสระน้ำและมีรูปปั้นเต่า
โดยมีตำนานเล่าว่า นางคำพวนชาวพม่าได้ลงไปในสระเพราะอยากได้เต่าและจมน้ำตาย เพื่อนของนางชื่อส่างตาดจึงสร้างเจดีย์และรูปเต่าสี่ตัวรอบเจดีย์เพื่อระลึกถึงเพื่อน ในพ.ศ. 2472 พ่อเจ้าบุรีศรีปัญญาได้บูรณะวิหาร แต่ต่อมาถูกไฟไหม้และน้ำท่วมจนเสียหาย พญาบุรีรัตน์จึงได้บูรณะใหม่โดยมีหลวงพงษ์พิบูลย์และเจ้าสุนันตาเป็นศรัทธาหลักใน พ.ศ. 2477 วัดนี้จึงได้ชื่อว่าวัดพงษ์สุนันท์ ได้วิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2499 ภายในวัดมีพระนอนกลางแจ้งริมกำแพงเป็นเอกลักษณ์ของวัด
เครดิตข้อมูลดีจากๆ : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดพงษ์สุนันท์
หลังจากที่ได้กราบพระที่วัดพงษ์สุนันท์แล้ว ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์ตรงดิ่มเปิด GPS มาที่สถานสงเคราะห์เด็กบ้านแห่งความเมตตา
หลังจากที่ได้กราบพระที่วัดพงษ์สุนันท์แล้ว ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์ตรงดิ่มเปิด GPS มาที่สถานสงเคราะห์เด็กบ้านแห่งความเมตตา ซึ่งตั้งอยู่ใน เลขที่ 230 หมู่ 5 วังหงส์ อ.เมือง จังหวัดแพร่ ระยะทางค่อนข้างไกลจากตัวเมืองพอสมควร
สถานสงเคราะห์เด็กบ้านแห่งความเมตตา
ใหนก็แวะมาทำบุญทันที ก็ทำทานด้วยเลยทีเดียว มาที่นี้เพื่อร่วมบริจาคสิ่งของและทรัพย์ช่วยเหลือเด็กยากไร้  โดยสถานสงเคราะห์จะช่วยเหลือกเด็กที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโรคเอดส์ ปัญหาครอบครัว ให้การเลี้ยงดู การศึกษาเพื่อให้เด็กมีอนาคตที่ดี
สถานสงเคราะห์เด็กบ้านแห่งความเมตตา จังหวัดแพร่
ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์จัดเป็นที่พักและสนามให้เด็กเล่น
ไปทำทานเสร็จ ก็ขับมอเตอร์ไซต์มาชมแพะเมืองผี ต่อ มาดูสิว่ามีผีให้ดูไหม๊
และจากนั้นดิฉันก็ขับรถมอเตอร์ไซต์แว๊นๆ มาชมแพะเมืองผี ซึ่งเป็นที่เที่ยวแปลกตาอีกแห่งที่ต้องมาเยือนเมืองมาเที่ยวแพร่ ซึ่งแพะเมืองผีก็อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก สามารถเช่ามอเตอร์ไซต์หรือรถยนตร์ส่วนตัวมาได้เลย
เสาเมโร หมายถึง เสารูปเหมือนปราสาทศพผู้ตายทางภาคเหนือ
สำหรับแพะเมืองผีนี้ เป็นพื้นที่เนินเขาซึ่งสูงกว่าส่วนอื่นๆ โดยเกิดจากการพังทลายและการกัดเซาะตามธรรมชาติ ตามกระแสน้ำเป็นเวลานาน ทำให้พื้นที่บางส่วนเป็นที่สูงต่ำสลับกันไป หน้าผาและเสาดินมีรูปทรงแตกต่างกัน ก่อให้เกิดความสวยงามมากยิ่งขึ้น
แพะ หมายถึง ป่าละเมาะ ส่วนเมืองผี หมายถึง ความเงียบเหงาเหมือนเมืองผี
ที่มาของชื่อแพะเมืองผี 
- แพะ หมายถึง ป่าละเมาะ
- เมืองผี หมายถึง ความเงียบเหงาเหมือนเมืองผี
- เสาเมโร หมายถึง เสารูปเหมือนปราสาทศพผู้ตายทางภาคเหนือ จะเห็นได้ว่าจะมีเสาเมโรเรียงรายอยู่ หากใครมาก็จะรู้สึกถึงความพิศวง เหมือนอยู่ในเมืองผี ก็เลยให้ชื่อว่าแพะเมืองผี และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดแพร่
วัดจอมสวรรค์ หรือวัดจองเหนือ เป็นวัดไทยใหญ่ สร้างแบบสถาปัตยกรรมพม่า
หลังจากได้ชมความวังเวงของแพะเมืองผีแล้ว ก็ขับรถมอเตอร์ไซต์มากราบพระที่วัดจอมสวรรค์ ซึ่งเป็นวัดสวยงามอีกแห่งในเมืองแพร่
สาระน่ารู้ของวัดจอมสวรรค์

วัดจอมสวรรค์ หรือวัดจองเหนือ เป็นวัดไทยใหญ่ สร้างแบบสถาปัตยกรรมพม่า หลังคาซ้อนลดหลั่นเป็นชั้นประดับประดาลวดลายฉลุ อารามเป็นไม้สักทั้่งหลัง โดยภายในพระอารามแสดงให้เห็นฝีมือการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง เพดาน และเสาฉลุไม้ประดับกระจกสีงดงาม โบราณวัตถุภายในวัด ได้แก่ หลวงพ่อสาน เป็นพระพุทธรูปที่สร้างโดยใช้ไม้ไผ่สานเป็นองค์ลงรักปิดทอง พระพุทธรูปงาช้าง ซึ่งเป็นศิลปะแบบพม่าได้ชมกันด้วย
ประวัติเป็นวัดโบราณในจังหวัดแพร่ สร้างโดยชาวพม่าและไทใหญ่ อยู่ในป่ารกครึ้ม ต่อมาพ่อเฒ่ากันตีและนายฮ้อยคำ พ่อค้าชาวไทใหญ่ได้เดินทางมาพบและเกิดความเลื่อมใสจึงได้บูรณะ โดยได้รับการสนับสนุนจากชาวไทใหญ่ในจังหวัดแพร่ และได้อพยพมาอยู่เป็นหมู่บ้านเรียกว่าหมู่บ้านใหม่ ในสมัยเจ้าหลวงพิมพิสารเมื่อ พ.ศ. 2415 นายจองนั่นตาเป็นผู้เข้ามาสร้างเพิ่มเติมจนสำเร็จ และสร้างเจดีย์แบบพม่าไว้
 หลังจากที่ได้แวะตะลอนไปทำทานที่สถานสงเคราะห์เด็กและแวะไปไหว้พระ ชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแล้ว ก็ได้เวลาทานอาหารมื้อเที่ยงแล้วค่ะ มื้อเที่ยงนี้ ดิฉันเลยขับมอเตอร์ไซต์มาหาของอร่อยทานที่ย่านประตูชัย เดินมาร้านแรกประเดิมร้านข้าวเหนียวมะม่วงกองหนุนก่อนเลย 
 และใกล้ๆกับร้านข้าวเหนียวมะม่วงก็เป็นร้านข้าวซอยเจ้เล็กประตูชัย ร้านดังแห่งเมืองแพร่ก็ว่าได้
มื้อเที่ยงนี้ ข้าวซอยเหนือแต้ๆเจ้า รสจ้าดลำขนาดนั๊กเจ้า ที่ร้านข้าวซอยเจ้เล็กประตูชัย
 จัดไปมื้อเที่ยงนี้ ข้าวซอยเหนือแต้ๆเจ้า รสจ้าดลำขนาดนั๊กเจ้า
 ตามต่อด้วยข้าวเหนียวมะม่วงกองหนุนร้านติดกันๆ ข้าวเหนียวมูลที่ร้านนี้รสชาติไม่หวาน เหมือนร้านอื่นๆที่เคยทาน พอทานคู่กับมะม่วงไปแล้วก็อร่อยเข้ากันดีมากทีเดียวเชียว หากใครที่ไม่ชอบทานข้าวเหนียวมูลแบบนี้ ก็แวะมาลิ้มลองกันได้ แต่ถ้าใครเป็นคนชอบทานหวาน คงจะไม่ถูกปากแน่ๆ
และรอบประตูชัยก็ยังมีร้านอาหารอร่อยอีกหลายร้านให้ได้แวะไปลิ้มลองทานกันอีกด้วย
 นอกจากนี้ยังมีอาคารทรงบ้านเรือนไม้เก่าแกให้แลชมอย่างน่าอภิรมย์สมใจทีเดียว
 นอกจากนี้ยังมีอาคารทรงบ้านเรือนไม้เก่าแกให้แลชมอย่างน่าอภิรมย์สมใจทีเดียว
 หากใครที่ชอบถ่ายรูปและเช็คอินน์แนวๆเก๋ๆ ก็ปลีกวิเวกมาเที่ยวลั๊ลลาในเมืองแพร่กันได้เลยจ้า
ทานข้าวเที่ยงอิ่มแล้ว ก็ขับมอเตอร์ไซต์มาไหว้พระต่อที่ วัดพระธาตุช่อแฮ
 หลังจากที่รับประทานอาหารมื้อเที่ยงอิ่มแล้ว ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์เป็นผู้สาวขาเลาะ แว๊นๆมาที่วัดพระธาตุช่อแฮ ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองแพร่มาช้านาน

ซึ่งหากใครที่แวะมาเที่ยวแพร่เป็นครั้งแรก แล้วไม่ได้มาสักการะพระธาตุช่อแฮ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองแพร่เลยนะคะ ดังนั้นแวะมากราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลสักครั้งก็ดี

โดยระยะทางจากตัวเมืองแพร่มายังวัดพระธาตุช่อแฮก็ไม่ไกลเลย เช่าขับรถมอเตอร์ไซต์ในเมืองแพร่ ขับแว๊นโต้ลมเย็นๆมาได้ประมาณ 9 กิโลเมตรก็ถึงล่ะ

นอกจากนี้ใกล้ๆวัดพระธาตุช่อแฮ ยังมีวัดพระธาตุจอมแจ้ง และวัดพระธาตุดอยเล็ง ซึ่งเป็นสามพระธาตุที่อยู่ใกล้ๆกัน ให้แวะไปสักการะกันอีกด้วย
วัดพระธาตุช่อแฮ หากใครที่แวะมาเที่ยวแพร่เป็นครั้งแรก แล้วไม่ได้มาสักการะพระธาตุช่อแฮ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองแพร่เลยนะคะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับวัดพระธาตุช่อแฮ อ่านเป็นความรู้กันสักเล็กน้อย

สร้างขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 19 สมัยพระยาลิไท โดยขุนลวะอ้อยก้อมชาวละว้าเป็นผู้สร้างองค์พระธาตุบุด้วยทองดอกบวบ สูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 10 เมตร ย่อมุมไม้สิบสอง อันเป็นศิลปะเชียงแสนเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ชื่อพระธาตุช่อแฮนี้ได้มาจากชื่อผ้าแพรชั้นดี ซึ่งทอมาจากสิบสองปันนาชาวบ้านนำมาผูกบูชาพระธาตุ

และวัดตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ที่ 11 ถนนช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ถือว่สเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดแพร่ และเป็นวัดพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีขาลอีกด้วย
โดยทั้งนี้ พระธาตุช่อแฮ เป็นพระธาตุ1 ใน12 ราศี คือ เป็นพระธาตุประจำปีเกิดสำหรับคนที่เกิดปีเสือ (ปีขาล) หากนำผ้าแพรสามสีไปถวายจะทำให้ชีวิตมีพลังคุ้มครองป้องกันศัตรูได้ การสวดและไหว้ ให้เริ่มต้นนะโม 3 จบ แล้วสวดตามด้วยคาถาบูชาพระธาตุ 5 จบ พลังบารมีจะดลบันดาลให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
พระธาตุช่อแฮ หมายถึง เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้าย และพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและประดับบูชาด้วยผ้าแพรอย่างดี หากใครที่เกิดปีขาล ต้องแวะมาสักการะพระธาตุช่อแฮสักครั้งนะคะ เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตนเอง
และไม่ไกลนักจากวัดพระธาตุช่อแฮ ขับรถมาอีกหน่อยก็เป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุจอมแจ้ง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่ต้องแวะมาสักการะสักครั้ง วัดพระธาตุจอมแจ้ง ตั้งอยู่บ้านไคร้ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เลยพระธาตุช่อแฮไป 1 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองแพร่ประมาณ 10 กิโลเมตร
พระธาตุจอมแจ้ง เมืองแพร่
โดยพระธาตุจอมแจ้งนั้้นสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1331 ไม่ปรากฏชื่อผู้สร้างผู้ใดเป็นผู้สร้าง โดยองค์พระธาตุจอมแจ้งสีทอง สูง 29 เมตร ฐานกว้าง 10 เมตร เดิมเรียกว่า พระธาตุจวนแจ้งเนื่องจากสมัยที่พระพุทธองค์เสด็จถึงสถานที่นี้จวน สว่างพอดี ต่อมาเพี้ยนเป็นจอมแจ้ง
โดยเชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่บรรจุ พระเกศธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ พระหัตถ์เบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า 
นอกจากองค์พระธาตุจอมแจ้งแล้ว ยังมีพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ ปางพระนาคปรกประดิษฐานอยู่คู่กับองค์พระธาตุ
และมีมีพระนอนปางไสยาสน์องค์ขนาดใหญ่ ในสวนลานปฎิบัติธรรมอยู่บริเวณซ้ายมือของทางเข้าประตูวัด บรรยากาศโดยรอบร่มรืนย์
 และหลังจากที่ไหว้พระธาตุจอมแจ้งแล้ว ก็เดินทางต่อมายังวัดพระธาตุดอยเล็ง ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงชัน
 และหลังจากที่ไหว้พระธาตุจอมแจ้งแล้ว ก็เดินทางต่อมายังวัดพระธาตุดอยเล็ง ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงชัน ถือเป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ซึ่งหากใครแวะมาไหว้พระธาตุช่อแฮ ยังไงก็ต้องแวะมาแลชมวิวทิวทัศน์และสักการะพระธาตุบนดอยนี้ให้ได้เลยเชียว
 ระหว่างทางขึ้นดอย เส้นทางค่อนข้างลาดชันพอสมคร หากใครขับรถมาต่อระมัดระวังหน่อยแล้วกัน
จุดชมวิวดอยเล็ง จุดเช็คอินน์ ยอดนิยมที่เหล่าคู่รักนักทัศนาจรต้องแวะมาถ่ายรูปชมวิวบนดอยนี้สักครั้ง
 พอขับมาถึงก็จะพบกับจุดชมวิวเช็คอินน์ ยอดนิยมที่เหล่าคู่รักนักทัศนาจรต้องแวะมาถ่ายรูปชมวิวบนดอยนี้สักครั้ง
 ยิ่งหากมาเที่ยวในวันธรรมดาด้วยแล้ว ยิ่งดีไปใหญ่ เพราะไม่มีใครมาแย่งซีนถ่ายภาพ
มองจากจุดชมวิวไปก็เป็นหุบเขาเหลาดอยสีเขียว งดงามยิ่งยวดนักเชียว
ส่วนทางขึ้นไปยังพระธาตุจะขับรถขึ้นไป หรือจะเดินบันใดขึ้นก็ได้ตามใจจะปราถนา
วัดพระธาตุดอยเล็ง เมืองแพร่

สาระน่ารู้เกี่ยวกับวัดพระธาตุดอยเล็ง เมืองแพร่ อ่านดูเป็นความรู้สักน้อย

สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.ใดนั้น ไม่ปรากฎหลักฐานแน่นอน แต่มีมาคู่กับพระธาตุช่อแฮและพระธาตุจอมแจ้ง ซ่งจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในอดีตว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์มาดอยลูกหนึ่ง อยู่ทางทิศใต้ของดอยธชัคคะบรรพต เสด็จมาถึงจวนแจ้งหรือใกล้สว่าง ปัจจุบันเรียกว่า พระธาตุจอมแจ้ง หลังจากนั้นได้เสด็จมาทางทิศเหนือถึงธชัคคะบรรพต ได้ประทับอยู่ที่นั่น มีขุนลัวะอ้ายก้อมเป็นผู้อุปฎฐาก ทรงมอบพระเกศาธาตุให้ ซึ่งคือ พระธาตุช่อแฮในปัจจุบัน และเสด็จขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประทับอยู่ดอยลูกหนึ่งที่สูงกว่าดอยลูกอื่นในเมืองโกศัย ซึ่งภาษาเหนือ เรียกว่า เล็งพ่อ จึงเป็นที่มาของชื่อดอยเล็งในปัจจุบัน และมีการบูรณะเจดีย์ขนาดเล็ก กว้าง 5 เมตร สูง 11 เมตร ไว้เป็นสถานที่ควารเคารพแก่ชนรุ่นหลัง
 และบนยอดดอยซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยเล็ง ก็มีจุดชมวิวทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองแพร่ให้ได้ชมกันอีกด้วย
วิวทิวทัศนียภาพเมืองแพร่จากวัดพระธาตุดอยเล็ง
 มองไปยังเบื้องหลังก็เป็นเทือกสวนไร่นาของชาวบ้านและบ้านเรือน บรรยากาศบนดอยก็ลมพัดเย็นสบาย แม้แดดจะร้อนเร้าไปบ้างก็ตาม แต่ก็มีลมพัดโชยเย็น ช่วยให้คลายร้อนได้ดีทีเดียว
 ซูมกล้องไปดูให้ใกล้ๆก็เป็นที่ตั้งของพระธาตุช่อแฮ ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ไม่ไกลจากดอยเล็งนัก
และหลังจากที่ไดัไปสักการะพระธาตุดอยเล็ง และนั่งชมวิวทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองแพร่แล้ว ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์ แว๊นๆไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของวันนี้แล้ว นั้นก็คือ พุทธอุทยานดอยผาสวรรค์ พระธาตุอินทร์แขวน จังหวัดแพร่  หรือที่ทุกคนรู้จักก็คือ วัดธาตุอินแขวนเมืองแพร่ ซึ่งจำลองมาจากประเทศพม่า นำมาตั้งไว้ให้ได้สักการะบูชากัน
ซึ่งระยะทางอยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 25 กิโลเมตร ระหว่างทางขับรถขึ้นไปยังดอยผาสวรรค์ เส้นทางมีความลาดชัน ต้องระมัดระวัง
ขับรถไต่ตามเนินเขามาเรื่อยก็จะพบกับบรรยากาศของผืนป่าไม้สีเขียวชอุ่มและพระพุทธรูปสีทองเป็นที่ตั้งของพุทธอุทยานดอยผาสวรรค์
ขับรถไต่วนตามเนินเขามาเรื่อยก็จะพบกับบรรยากาศของผืนป่าไม้สีเขียวชอุ่มและพระพุทธรูปสีทอง เด่นตระหง่านอยู่กลางผืนป่าใหญ่ใกล้ๆหมู่บ้านนาคูหา
 ถึงบ้านนาคูหาแล้วค่ะ
 เดินทางมาก็มีป้ายบอกทางสู่พระธาตุอินแขวน
พุทธอุทยานดอยผาสวรรค์
สำหรับ“พุทธอุทยานดอยผาสวรรค์” ที่บ้านนาคูหา ตำบลสวนเขื่อน อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ห่างจากตัวเมืองแพร่ประมาณ 25 กม.พระธาตุอินทร์แขวนแห่งเมืองแพร่นี้ตั้งเด่นเป็นสีทองท่ามกลางขุนเขาเขียวขจีสดชื่นยิ่งนัก
พระธาตุอินทร์แขวน ณ พุทธอุทยานดอยผาสวรรค์
และการจะขึ้นไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวนจะต้องเดินจากบริเวณลานจอดรถขึ้นบันไดขึ้นไปประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงบริเวณองค์พระธาตุ ทั้งนี้สามารถเข้าไปกราบไหว้ได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังสามารถชมทิวทัศน์ของขุนเขาจากบริเวณองค์พระธาตุได้ด้วย
 บริเวณรอบองค์พระธาตุอินแขวน ซึ่งตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนยอดเขาอันสวยเด่น และทัศนียภาพงดงาม
 และใกล้ๆองค์พระธาตุอินแขวน ก็ยังมีพระธาตุเจดีย์ชเวดากองจำลองให้เข้าไปกราบสักการะบูชากันอีกด้วย เพื่อนำประดิษฐานไว้สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาศไปยังประเทศพม่า ก็ไม่ต้องติดปีกบินไปไกล แค่แวะมาเที่ยวในจังหวัดแพร่ ก็ได้แลครบทั้งหมดแล้ว
 บันใดทางเดินไปยังจุดชมวิวแต่ละแห่ง ก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆให้นั่งพักผ่อนกันอีกด้วย
 มองจากจุดชมวิวที่พุทธอุทยานก็แวดล้อมไปด้วยหุบเขาเหลาดอย ป่าไม้เขียวชอุ่ม อากาศที่นี้สดชื่น เย็นสบายดียิ่งนัก
หากใครที่แวะมาเที่ยวเมืองแพร่ และชื่นชอบบรรยากาศธรรรมชาติ ป่าไม้เขียวชอุ่ม ลองแวะมาเยือนบ้านนาคูหาสักครั้ง รับรองว่าอากาศดีปังถึงใจแน่นอน เพราะอากาศที่นี่ดีจริง แถมเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย แนะนำว่ามาเที่ยววันธรรมดาดีที่สุด หยุดลาพักร้อนมาได้เลย
 และใกล้ลานจอดรถ ก็เห็นคุณลุงกำลังขายข้าวเกรียบสาหร่ายหรือเตา ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในชุมชนบ้นนาคูหา ดิฉันเห็นดังนี้แล้ว เลยขอไปอุดหนุนดีกว่า
 ราคาข้าวเกรียบเตาก็ไม่แพงด้วยนะคะ ห่อละ 10 บาทเอง
 ราคาข้าวเกรียบเตาก็ไม่แพงด้วยนะคะ ห่อละ 10 บาทเอง
ใหนก็มาถึงถิ่นการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเตาทั้งที ก็ช่วยอุดหนุนชาวบ้านในระแวกให้มีรายได้ด้วยเลยค่ะ
หลังจากได้แรมรอน อรชร อ้อนแอ้น ขับมอเตอร์ไซต์แว้นๆเที่ยวในเมืองแพร่ แวะแลสักการะบูชาตามวัดวาอารามต่างๆจนอิ่มบุญไปแล้ว ดิฉันก็กลับมานั่งทานอาหารมื้อเย็นเป็นขนมจีนแบบง่ายที่โฮมสเตย์และพักผ่อน เป็นอันจบทริปวันนี้ไปอีกหนึ่งวัน
---------------------------------------------------------------
เช้าวันใหม่ในวันสุดท้ายที่เมืองแพร่
อาหารเช้านี้ ก็เหมือนเดิมกับเมื่อวาน แต่เพิ่มเติมคือความสดใหม่ อร่อยแบบง่ายๆ ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ร้อน โป๊ะด้วยไข่เจียวหอมๆ 
 หลังจากทานข้าวเช้าอิ่ม ทริปเช้าวันนี้ดิฉันเลยขอเที่ยวแบบ Slow Life แบบช้าๆบ้าง เพราะเมื่อวานจัดหนักไปหน่อยค่ะ
 ปั่นจักรยานออกจากเชตวันโฮมเตย์มา ก็จะเป็นถนนกาดกองเก่า ซึ่งเป็นถนนคนเดินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องแวะเวียนกันมาแทบทุกราย
 ด้วยบรรยากาศของถนนนั้นค่อนข้างเก่าแก่และให้โหยหาอดีตยิ่งนัก ด้วยสภาพบ้านม่านชานเรือนไม้ก็เก่าแก่และให้น่ายล
มีร้านขายเสื้อผ้า ของกิ๊บช๊อปแนวๆวินเทจให้ได้เลือกซื้อ มีสิ่งละอันพันละน้อย ให้เลือกซื้อเลือกหากันด้วย
 ปั่นจักรยานมาอีกหน่อยตรงข้ามวัดพงษ์สุนัน ก็เป็นที่ตั้งของร้านคาเฟ่เล็กๆ สไตล์กิ๊บเก๋ผสมความบูติค และมีลูกค้าแวะเวียนมาจอดซื้ออย่างไม่ขาดสาย
นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายรูปและมุมนั่งเพลินให้ได้จำเริญใจกันอีกด้วย เพราะบรรยากาศของถนนหนทางในเมืองนี้ ก็ไม่มีรถราวิ่งมากมายนัก ดูเงียบๆ เหมาะกับการปั่นจักรยานชมเมืองยิ่งนัก
ปั่นจักรยานมาสุดปลายถนนก็เป็นที่ตั้งของร้านขนมจีนป้าดา ร้านขนมเส้นชื่อดังแห่งเมืองแพร่ ที่ออกรายการทีวง ทีวีมาแล้วหลายรายการ ใหนแวะมาถึงถิ่นทั้งที ก็ต้องลิ้มลองกันสักหน่อยแล้วกัน  
เมนูอาหารที่ร้านป้าดามีให้เลือก โดยเขียนและเลือกเองได้เลยนะคะ
 มื้อเที่ยงนี้ก็สั่งทานมาเป็นชุดๆเลยคะ จัดเต็มมากๆ
 มีข้าวส้ม ลองทานกับน้ำพริกน้ำย้อย รสอร่อยทีเดียว
 ขนมจีนน้ำใสเมืองแพร่ และก็ขนมจีนน้ำพริกน้ำย้อย รสชาติอร่อยทีเดียวค่ะ น้ำพริมน้ำย้อยออกแนวหวานๆรสจัดจ้าน ทานคู่กับขนมจีนก็เข้ากันดี พึ่งเคยทานครั้งแรก ถือว่าแปลกดี แต่อร่อยมากๆ สรุปมื้อนี้ที่ร้านป้าดา หมดไป 80 บาท อิ่มเว่อร์พุงปลิ้นเลย
 ทานอาหารอิ่ม ก็ปั่นจักรยานออกกำลังกายให้อาหารย่อยต่อที่วัดศรีชุม ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
วัดศรีชุม เป็นวัดเก่า ภายในวัดมีพระพุทธรูปยืนแบบสุโขทัย
 แวะมาที่วัดศรีชุม เป็นวัดเก่า ภายในวัดมีพระพุทธรูปยืนแบบสุโขทัย มีพระเจดีย์ทรงปราสาทยอดทรงระฆังแบบล้านนา โดยตัววัดศรีชุมตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคุ้มเจ้าหลวง บนถนนเจริญเมืองใกล้ประตูศรีชุม นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้ไม่ไกลนัก
และวัดนี้เคยมีชื่อเสียงทางวิปัสสนา เจ้ากาวิละจากลำปางเคยบวชเรียนที่วัดนี้เมื่อ พ.ศ. 2302 ก่อนจะกลับไปครองเมืองลำปาง ครูบาอุตมา เคยเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ ครูบากัญจนอรัญญวาสีมหาเถรเคยอุปสมบทและบวชเรียนที่วัดนี้ด้วย 
 หลังจากที่ได้ปั่นจักรยานแบบสโลไลฟ์ใช้ชีวิตแบบช้าๆไปแล้ว ดิฉันก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์บิดคันเร่งแว๊นมายังอำเภอเด่นชัย
วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี  เป็นวัดสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2520 ตั้งอยู่บนถนนสายแพร่-ลำปาง ช่วงอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่
เพื่อมาชมวัดสวยงามอีกแห่งที่ออกละครทีวีมาหลายเรื่องแล้ว นั้นก็คือวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีสามัคคีธรรม ถ้าเรียกสั้นๆก็ วัดพระธาตุสุโทน
วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี
โดยจุดเด่นคือเป็นวัดที่รวบรวมศิลปกรรมล้านนาประยุกต์ที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งทางตอนเหนือก็ว่าได้
พระนอนสวยเด่นที่บริเวณวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี
วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี  เป็นวัดสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2520 ตั้งอยู่บนถนนสายแพร่-ลำปาง ทางหลวงหมายเลข101 ช่วงอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ หากเดินทางมาตามถนนหลวง จะเห็นพระพุทธรูปนอนศิลปะแบบพม่าโดดเด่นสวยงามสะดุดตามาแต่ไกล
และภายในวัดยังมีภาพจิตรกรรมบนฝาผนังระเบียงคตเป็นเรื่องราวของชาดกพื้นบ้านและภาพพุทธประวัติ ในบริเวณวัดมีเจดีย์ทรงล้านนากว่า 30 องค์ ด้านหน้าบันไดทางขึ้นทิศตะวันออกมีรูปปั้นสิงห์ขนาดใหญ่ มีอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้สักทรงล้านนา ที่เก็บรวบรวมเรื่องราวของล้านนาและเมืองแพร่ จัดแสดงเครื่องใช้ อาวุธของนักรบโบราณ รวมทั้งภาพถ่ายของเจ้านายฝ่ายเหนือและภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ในล้านนาให้ได้ชมกันอย่างน่าสนใจ
วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี  ในอำเภอเด่นชัย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน
หลังจากที่ได้แวะไปชมวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีแล้ว ดิฉันก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์กลับมาเอากระเป๋าที่โฮมสเตย์ จากนั้นก็เดินทางมาที่สถานีขนส่งเมืองแพร่ และติดต่อให้ทางร้านมอเตอร์ไซต์มีเจ้าหน้าที่มารับรถคืนที่ บขส. ได้มัดจำคืน 500 บาท
ซื้อตั๋วรถตู้โดยสารของหนานคำ นั่งจากเมืองแพร่ไปลงที่พะเยา ค่าตั๋วโดยสาร 102 บาท
ซื้อตั๋วรถตู้โดยสารของหนานคำ นั่งจากเมืองแพร่ไปลงที่พะเยา ค่าตั๋วโดยสาร 102 บาท ถือเป็นอันจบทริปเที่ยวเมืองแพร่ 2 วัน แสนสุขสันต์เริงร่า ชะช่ะช่าหัวใจจ้า

จริงๆแล้วในจังหวัดแพร่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายหลายแห่งให้แวะไปชมกันอย่างน่าอภิรมย์สมใจ รอให้เพื่อนผู้รักการทัศนาร มาอรชร อ้อนแอ้นเที่ยวชมกันคะ หากใครเบื่อก็แวะมาเที่ยวเมืองแพร่กันได้นะคะ เค้าบอกว่าคนแพร่นี้ใจงาม จะใด๋แล้วกะต้องตามมาแอ่วกันเน้อเจ้า

จบรีวิวทริปเมืองแพร่แล้ว เดี่ยวรีวิวต่อไป คุณนายเว่อร์ จะขอเป็นคนบ้า พาท่านไปแอ่วเที่ยวเมืองพะเยา อีกหนึ่งเมืองที่ไม่ใช่แค่ทางผ่าน แต่มีอะไรให้ยลตระการกันไม่น้อย รอติดต่อกันนะคะ....ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านที่เสียสละเวลามาสไลด์เลื่อนดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไป
----------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ และรีวิวท่องเที่ยวตามเมืองต่างๆ ที่ผ่านมา มีดังนี้จ้า
สรุป 11 สถานที่ท่องเที่ยวเมืองแพร่ ต้องไปแลชมกันให้จงได้ คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
สรุปมา 11 สถานที่ท่องเที่ยวเด็ดในเมืองแพร่ ต้องไปแลชมกันให้ได้ มีที่ใหนบ้างนั้น ตามไปกันเลย คลิ๊กดูข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง ไปดูสิว่ายังสวยปังอยู่ใหม๊ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง มาดูสิว่ายังสวยงาม อลังปังอยู่ใหม๊ มีที่เที่ยวใหม่ๆอะไรบ้าง ไปดูสิ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวในเมืองเพชรบูรณ์ แบบช้าๆ มีที่เที่ยวให้ลั๊ลลามากมาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองเพชรบูรณ์ 1 วันแบบช้าๆ ในตัวเมืองมีที่เที่ยวลั๊ลลามากมาย ต้องแวะไปให้ได้สักครั้งครา คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>>
รีวิวงานอุ่นไอรักคลายความหนาวครั้งที่ 2 มาดูสิว่ามีอะไรเดินย่องกันบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวงานอุ่นไอรักคลายความหนาวครั้งที่ 2 มีอะไรให้เดินย่อง ท่องเที่ยวดูบ้าง มาชมกันดูสิ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวเมืองพะเยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อเจ้า..มาแอ่วเมืองพะเยา นอนคลอเคล้าริมกว๊าน งามอลังการสะท้านโลกา คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>>
รวมเด็ด 11 ที่เที่ยวและร้านอาหารอร่อยในเมืองตรัง ตามไปกันเลย>>
รวมเด็ดกับ 11 ที่เที่ยว+ที่กินในจังหวัดตรัง แวะไปนั่งถ่ายรูปให้สวยปังสักครั้งสิ มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูข้อมูลที่เที่ยวเลยจ้า>>>
แนะนำ 9 ที่เที่ยวเมืองปาย ไปเองได้สบายใจเว่อร์ ตามไปกันเลย>>
แนะนำเน้อเจ้า 9 ที่เที่ยวเมืองปาย ไปเองได้สบายใจเว่อร์ งามเลิศเลอธรรมชาติสวยใส ต้องไปสักครั้งให้ได้เลยนะ คลิ๊กดูข้อมูลที่เที่ยวเลยจ้า>>
มาเด้อ..มาเที่ยวศรีสะเกษ แดนดงดอกลำดวน หอมหวนกระเทียมดี คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 4(จบ) มาเด้อจ้า..มาเที่ยวเมืองศรีสะเกษ แดนดงดอกลำดวน หอมหวนกระเทียมดี มีทุเรียนดินภูเขาไฟ อาหารแซ่บคั๊กหลายเด้อ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
ดูรีวิวการเดินทางได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2QngTUm

มาม๊ะ..แวะมาเที่ยวเมืองสุรินทร์ ชมถิ่นช้างใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 3 มาม๊ะ..มาเที่ยวสุรินทร์ ไม่ต้องกินสุรา แวะไปดูช้าง ดูชาวบ้านทอผ้า สวยระย้านาข้าวหอมมะลิ กำลังผลิบาน ร้าวรานจับใจ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวเลยจ้า>>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวในบุรีรัมย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 2 มาเด้อเที่ยวเมืองบุรีรัมย์ เยือนถิ่นปราสาทหินเก่าแก่ แลภูเขาไฟ งามไฉไลเมืองกีฬาฟุตบอล แวะมาออนซอนกันได้เลย คลิ๊กดูรีวิวภาพที่เที่ยวจ้า>>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว เที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสชาติแซ่บๆกันจ้า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 1 มาเด้อ..มาเที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสแซ่บอีหลี แสนสุขขีแวะทำบุญสุนทาน ร้าวรานจับใจ แวะมาเที่ยวกันนะคะ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>>
ต้องแวะมา 6 ชายหาดยอดนิยมในชุมพร ที่ต้องแวะไปอรชรกันสักครั้ง>>
ต้องแวะมา 6 ชายหาดยอดนิยมในชุมพร ที่สวยงามอรชรตลอดกาล มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวหลังสวน ลิ้มลองทุเรียนจากสวนหวานฉ่ำ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวหลังสวน เดือน ก.ย.2018 แวะเยือนเมืองผลไม้ เมืองนี้มีอะไรให้เที่ยวชมบ้างนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวชุมพร งามอรชรตลอดกาล เดือน ก.ย.2018 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวชุมพร เช่ามอเตอร์ไซต์ตะลอนไปทำทานที่มูลนิธิคนชรา แวะลั๊ลลาหาดทรายรี สวยฉิมพลีอ่าวทุ่งมหา อาหารทะเลรสแซ่บซ่ายิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Oc4kNZ
ตอนจบกับทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรป 26 วัน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 26 ตอนจบกับทริปตะลุยยุโรปอันยาวนาน มาสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด และรีวิวเดินทางกลับเมืองไทยด้วยสายการบิน flyScoot คลิ๊กดูภารีวิวการเดินทางค่ะ>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2xlaVuZ
แบ่งปันการเดินทางในเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดจ้า>>
รีวิวแบกเป้ตอนที่ 25 แบ่งปันวิธีการเดินทางเที่ยวเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองมาฝาก ไม่ยากเลยจ้า ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะคะ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2p5eQZf
รีวิวตอนที่ 24 แวะเที่ยวกรุงเอเธนส์ 1 วัน มีที่เที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้ตอนที่ 24 แวะเที่ยวในกรุงเอเธนส์ 1 วัน เดินสุขสันต์ชมโบราณสถาน และมีที่เที่ยวใหนให้ชมบ้างอีกนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2NrtXcU
รีวิวตอนที่ 23 เมื่อฉันต้องนั่งเรือเฟอรี่จากอิตาลีไปกรีซครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 23 ขอแบ่งปันประสบการณ์ วิธีการเดินทางนั่งเรือเฟอรี่จากอิตาลี ข้ามไปยังประเทศกรีซด้วยตัวเองมาฝากคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Q4tkEC
การเขียนจดหมายเพื่อขอวีซ่าท่องเที่ยว สำหรับคนทำงานประจำ คลิ๊กดูเลยจ้า>>>
แนะนำตัวอย่างการเขียนจดหมายแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษเพื่อขอวีซ่าท่องเที่ยว สำหรับคนทำงานประจำมาฝากจ้า คลิ๊กดูตัวอย่างจดหมายเลยจ้า>>>
หรือดูตัวอย่างจดหมายที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2DQptcv 
รีวิวตอนที่ 22 แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเมือง Sorrento คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 22 แวะทอดน่องที่เมืองซอเรนโต้ยามเย็น เดินเล่นแบชิลๆ มาดูสิว่าเมืองนี้มีวิวอะไรให้ชมบ้างนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2C4PTGF
รีวิวตอนที่ 21 ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเนเปิล-เมืองมรณะปอมเปอี คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 21 แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวซากเมืองมรณะปอมเปอี เมืองนี้ไงที่โดนระเบิดภูเขาไฟฝั่งคนไว้ทั้งเป็น ต้องแวะให้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง คลิ๊กดูรายเอียดรีวิวค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2oiNldZ
รีวิวตอนที่ 20 เที่ยวกรุงโรม ไปจู่โจมอาณาจักรโรมันสักครั้งสิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 20 แบกเป้เที่ยวกรุงโรม แวะไปจู่โจมอาณาจักรโรมัน มีที่เที่ยวอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2BI8ckL 
รีวิวตอนที่ 19 แวะเที่ยวเมืองโรแมนติคที่ฟลอเรนซ์-ปิซ่า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้ตอนที่ 19 แวะเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์-ปิซ่า เดินลั๊ลลาชมเมืองเก่าแสนโรแมนติด ที่คู่รักแนวชิคๆต้องมาเช็คอินน์กันสักครั้ง คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2MDjbQz
รีวิวตอนที่ 18 แบกเป้ลุยเดี่ยวเมืองเวนิชครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 18 เที่ยวเมืองเวนิช นอนแนบชิดติดริมน้ำ เดินตามหาของกินอร่อยในซอกซอยเล็กๆ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2KQvnsh
รีวิวตอนที่ 17 แบกเป้ไปเที่ยวเมืองมิลาน มีอะไรให้ชมบ้างนะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ขยันลุยเดี่ยว ตอนที่ 17 นั่งรถไฟข้ามพรมแดนมาเริ่ดสะแมนแตนที่เมืองมิลาน มาดูมีที่เที่ยวใหนให้ยลตระการบ้าง คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2AWC1xk
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 16 ไปเดินลั๊ลลาไปชมน้ำตกไรน์-ซูริค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว ตอนที่ 16 มาเดินชิคๆชมวิวเมืองซูริค นั่งรถไฟกุ๊กกิ๊กไปดูน้ำตกไรน์ น้ำใสสวยสด งดงามอร่ามตา คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2MiG5cz
รีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ 15 แบกเป้เดินเที่ยวรอบเมืองลูเซิร์นแบบชิลๆ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว ตอนที่ 15 เดินลั๊ลลาชมเมืองลูเซิร์น เพลิดเพลินดูสะพานไม้เก่า คลอเคล้าริมทะเลสาบสุดสวย คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2vjt0bK
รีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ 14 แบกเป้ไปชมความน่ารักที่เมืองกอลมาร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวยุโรป ตอนที่ 14 แบกเป้จรลีไปที่เมืองกอลมาร์ เดินลั๊ลลาชมเมืองเก่าสุดน่ารักโรแมนติค คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2uQBBTE
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 13 วิธีการเดินทางไปจุงเฟราด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวยุโรป ตอนที่ 13 แบ่งปันรีวิววิธีการเดินทางไปพิชิตเขาจุงเฟราด้วยตัวเองมาฝากจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2LHckBV

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น