มาเน้อเจ้าวันหยุดสัปดาห์นี้ บ่ฮู้ไปแอ่วใหนดี วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเลยขอเป็นคนบ้า มารีวิวชวนเพื่อนๆไปเที่ยวเมืองแพร่กันเจ้า |
ในทริปประจำเดือนนี้ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เธอเลยขอเป็นคนบ้า ขอลาจากงานประจำ แบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวเมืองแพร่สักครั้ง เนื่องจากยังไม่เคยมาเยือนเมืองนี้เลย จำได้ว่าสมัยหลายสิบปีก่อนโน้น ตอนยังละอ่อน เคยนั่งรถไปเมืองน่าน ต้องแวะผ่านเมืองแพร่ แลดูเมืองนี้แล้วก็มีอะไรที่น่าสนใจอยู่มิใช้น้อย คงไม่ใช่แค่เมืองผ่านอีกต่อไปแล้วกระมัง เพราะเมืองเล็กๆแบบนี้ มีอะไรให้ชมแบบปังๆและซ่อนตัวอยู่ รอให้
โดยทริปนี้ดิฉันก็ปักหมุดปฎิทินมาเที่ยวช่วงเทศกาลงานลอยกระทงพอดี ก็เลยได้มีโอกาสได้ชมเทศกาลงานยี่เป็งในเมืองแพร่ด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกเลยที่ได้แวะมาชมงานเทศกาลที่นี้ ปกติแล้วก็เคยแต่ลอยกระทงอยู่ในภาคกลาง พอได้มาเที่ยวทางเหนือ ก็ได้ความรู้สึกอีกแบบนึงไปเลยล่ะ
เอาล่ะคะเพื่อไม่ให้เสียเวลากับการพร่ำเพร้อไปมากกว่านี้ ดิฉันขอพาเพื่อนๆผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น มาสไลด์ดูภาพรีวิวเทียวเมืองทริปในทริปประจำเดือนนี้เลยเน้อเจ้า
ก่อนจะเข้าสู่รีวิวเที่ยวเมืองแพร่ ยังไงแล้ว เรามารู้จักเมืองแพร่ กันสักเล็กน้อยนะคะ
คำขวัญเมืองแพร่ : หม้อห้อมไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม (คนแพร่นี้ใจงามจริงก๊อ บ่ฮู้กะต้องมาแอ่วกันเน้อ)
ชื่อเมืองแพร่ นี้มีที่มาอย่างไร เจ้าได้แต่ใดมาหรือ? อ่านกันเป็นความรู้สักเล็กน้อย
แพร่สร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 มีชื่อเรียกกันว่า "พลนคร เมืองพล เมืองแพล" โดยในรัชสมัยขอมเรืองอำนาจ ระหว่างปี 1470-1560 พระนางจามเทวีเข้าครอบครองแคว้นล้านนา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น โกศัยนคร หรือเวียงโกศัย ซึ่งแปลว่าผ้าแพร นับตั้งแต่นั้นมาก็มีเจ้าผู้ครองนครสือต่อกันมาโดยตลอด จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้เปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยเจ้าพิริยะชัยเทพวงศ์ (เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์ที่ 18) เป็นเจ้าหลวงกำกับด้วยข้าหลวง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าได้โปรดเกล้าฯ ให้พระชาไชยบูรณ์เป็นข้าหลวงคนแรก
เมืองแพร่ นี้มีที่มาอย่างไร อ่านเป็นความรู้กันจ้า |
และชื่อเวียงโกศัย น่าจะมาจากชื่อดอยที่เป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุช่อแฮ ซึ่งเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองแพร่ คือ ดอยโกสิยธชัคบรรพต หมายถึง ดอยแห่งผ้าแพร เมืองแพล เป็นชื่อที่ปรากฎ ในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชหลักที่ 1 ด้านที่ 4
โดยคำว่า แพล น่าจะมาจากศรัทธาของ ชาวเมืองที่มีต่อพระธาตุช่อแพร หรือช่อแฮที่สร้างขึ้น ภายหลังการสร้างเมืองต่อมาจึงได้เรียกชื่อ เมืองของตนว่า เมืองแพล และได้กลายเสียงเป็นเมืองแพร่มาจนถึงปัจจุบัน
หลังจากที่ได้รู้จักเมืองแพร่กันไปแล้ว ก็มาสไลด์ดูภาพรีวิวกันเลย
เริ่มต้นการเดินทางวันนี้ ดิฉันเลือกมาเมืองแพร่โดยรถบัสโดยสารค่ะ ตอนแรกว่าจะนั่งเครื่องบินล่ะ แต่เข้าเว็ปไซต์ไปดูราคาตั๋วแล้ว สู้ราคาไม่ไหว เลยขอเก็บเงินไว้แล้วเลือกนั่งรถบัสโดยสารแทนแล้วกัน
โดยทริปนี้ใช้บริการรถบัสโดยสารของนครชัยแอร์ ค่าตั๋วโดยสารมาลงที่เมืองแพร่อยู่ที่ 427 บาท
สถานีขนส่งเมืองแพร่ (Phrae Terminal Bus Station) |
พอมาถึงสถานีขนส่งเมืองแพร่แล้ว จากนั้นก็ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ว่ามี วินมอเตอร์ไซต์ให้บริการใหม๊ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าให้เดินไปที่ ร้านซ่อมมอเตอร์ไซต์ใกล้สถานีขนส่งเลย จะมีวินอยู่ที่นั้น และทั้งนี้ทางเจ้าที่ บขส.แพร่ก็นำแผนที่ท่องเที่ยวเมืองแพร่มาให้ด้วย
สำหรับที่พักในทริปเที่ยวเมืองแพร่นี้ พักค้างแนวบ้านๆ แบบโฮมสเตย์ที่ เชตวันโฮมสเตย์ |
สำหรับที่พักในทริปเที่ยวเมืองแพร่นี้ พักค้างแนวบ้านๆ แบบโฮมสเตย์ที่ เชตวันโฮมสเตย์
โฮมสเตย์ราคาถูก แบบบ้านไม้สองชั้น พอมาถึงที่พักก็มีคุณป้ายิ้มหวานออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่น
พาเข้าไปห้องพักคืนนี้ได้ห้องชั้นล่างค่ะ คืนละ 400 บาท รวมอาหารเช้านอนได้ 2 คน มีห้องน้ำในตัวให้นะคะ ถ้ามาเที่ยวคนเดียว หากใครอยากประหยัดก็นอนห้องรวมได้นะคะ แต่ทริปนี้ดิฉันแบกโน๊ตบุ๊คมาทำงานด้วย ก็เลยขอส่วนตัวหน่อนนึง
ห้องพักไม่หรูหรา เน้นนอนพัก มีห้องน้ำในตัวอยู่ติดกับห้องนอนเลย มีแอร์ให้ด้วย มีWiFiให้เร็วเว่อร์ ห้องกว้างเชียวล่ะ แต่เสียอย่างเดียว เตียงนอนแข็งไปหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศในการนอนแล้วกันนะ
นำกระเป๋าเป้ไปไว้ในห้องพักเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาออกไปตะแล๊ดแต๋ดแต๋เที่ยวในเมืองแพร่แล้วล่ะคะ
โดยที่เชตวันโฮมสเตย์ ก็มีจักรยานให้ปั่นฟรีอีกด้วยล่ะ
ยังไม่หมด ทางเจ้าของที่พัก คุณป้าก็นำแผนที่ท่องเที่ยวมาให้อีกด้วย
คืนนี้คุณป้าเจ้าของที่พักบอกว่า มีขบวนแห่งานลอยกระทงด้วย โดยให้ไปดูที่ประตูชัย ดิฉันเลยรีบปั่นไปดูเลย
มาถึงประตูชัยก็มากมายไปด้วยผู้คนที่รอชมอยู่สองข้างทาง ในย่านประตูชัยในเมืองแพร่ น่าจะเป็นย่านใจกลางเมืองแพร่แล้วกระมัง เพราะมีร้านอาหารเรียงรายตลอดแนว
การจราจรกำลังจะถูกปิดให้สัญจร หากใครที่ขับรถมาออนซอนที่ถนนเส้นนี้คงจะต้องหยุดชะงักไปเสียก่อนเลยกระมัง แล้วรีบลงจากรถมารอนั่งดูขบวนแห่ง
ไม่นานนักขบวนแห่บุปผชาติในงานลอยกระทงก็เดินมาตามถนนให้ผู้คนได้ยลตระการกัน งานจุดผางปะตี๊ปตี๋นก๋า ปู๋จาแม่ก๋าเผือก ประจำปี 2561 (Loykratong festival in Phrea City) |
มีกระทงขนาดใหญ่ประดับประดาตกแต่งในขบวนรถบุปผชาติ
การฟ้อนของละอ่อนน้อยๆ ฟ้อนผางประทีป ดูแล้วงามขนาดนั๊กเจ้า แม่หญิงละอ่อน ส่วมซิ่นสีชมพูตามฉบับสาวเหนือ |
แม่หญิงละอ่อน ส่วมซิ่นสีชมพูตามฉบับสาวเหนือ
ตามมาด้วยการตีกลองสะบัดชัย
หนูน้อยนพมาศก็น่าฮักขนาด ยะปากจู่ดูน่ารักไปอีกแบบเน้อ
ภายในขบวนกระทงก็ไม่บ่ต้องงวยงงนัก เพราะมีนางนพมาศซ่อนตัวอยู่หลังกระทง
ขาดไม่ได้เลยของเสน่ห์งานลอยกระทง ก็คงต้องยกหให้เหล่าบรรดานางนพมาศซึ่งจะต้องนั่งอยู่บนรถขบวนรถบุปผชาติ |
บรรดาเหล่าสางงามนางนพมาศ โปรยยิ้มหวานต่อผู้ชมตลอดแนว |
เมืองแพร่คืองามแต้ๆเจ้า หุ่มสไบเปิดไหล่ขวา แต่งกายใส่ผ้าซิ่นทอแบบเหนือ ดูสวยสดงดงาม |
คุยเฟื่องว่าด้วยเรื่องนางนพมาศ มีที่มาอย่างไร อ่านเป็นความรู้กัน
นางนพมาศ หรือ เรวดีนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เป็นสตรีที่ปรากฏอยู่ใน "เรื่องนางนพมาศ หรือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์" ที่อ้างอิงว่าถูกรจนาขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย มีเนื้อความว่านางนพมาศบอกเล่าถึงความเป็นไปภาย ในรัฐสุโขทัยว่ามีความเจริญรุ่งเรืองสมบูรณ์พูนสุขนานัปการ ในรัฐมีคนต่างชาติต่างภาษาและศาสนาอาศัยอยู่ร่วมกัน และเรื่องที่เด่นที่สุดคือการที่นางประดิษฐ์กระทงขึ้นมา จนนางนพมาศได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเพณีลอยกระทง กล่าวกันว่านางนพมาศมีรูปโฉมงดงาม ในยุคหลังเมื่อคราเทศกาลลอยกระทงก็มีการประกวดประขันนางนพมาศสืบมา
อย่างไรก็ตามได้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการมีตัวตนจริงของนางนพมาศ มีนักประวัติศาสตร์หลายท่าน อาทิ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, นิธิ เอียวศรีวงศ์ และสุจิตต์ วงษ์เทศ เห็นว่าเรื่องนางนพมาศนั้นเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์เท่านั้นเอง
เครดิตข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/นางนพมาศ
ยังไม่หมด ยังมีนางนพมาศนั่งซ่อนตัวอยู่ในรถบุปผชาติที่ตกแต่งกระทงใบใหญ่เว่อร์ ให้ผู้ชมได้ปรนเปรอชมกันอย่างไม่ขาดสาย
กระทงขนาดใหญ่ยักษ์ ถูกประดับประดาตกแต่งไว้ในขบวนรถ
หลังจากได้ดื่มด่ำนั่งชมขบวนแห่งานยี่เป็ง หรืองานลอยกระทงเมืองแพร่ไปแล้ว ก็ได้เวลาทานอาหารมื้อค่ำนี้แล้วล่ะคะ โดยในย่านประตูชัยก็มีร้านอาหารอร่อยหลากหลายร้านให้เลือกทานทั้งนั้นเลย
ประเดิมด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย กับลูกชิ้นหมู 2 ไม้ 5 บาท คือแบบว่าถูกมากๆ
กระชากต่อด้วยก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน
ตบท้ายด้วยของหวาน เป็นเผือนหิมะ มื้อค่ำในงานลอยกระทงคืนนี้ อิ่มมากๆเลยจ้า
และไม่ไกลนักจากร้านอาหารที่ประตูชัย ก็มีจุดลอยกระทงยี่เป็งเมืองแป้ ที่ท่าน้ำคือ ซึ่งเป็นท่าน้ำที่อยู่ในตัวเมือง
เดินมาเห็นละอ่อนน้อยเป็นนักเรียนกำลังเรียกลูกค้าให้ร่วมซื้อกระทงตามจิตศรัทธา ดิฉันได้ยินดังนั้น เห็นจะต้องร่วมอุดหนุนด้วยคน เพราะกระทงที่น้องทำมาขาย ก็นำรายได้เข้ากองทุนบัณฑิตน้อยเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ เห็นเยื้องนี้แล้วน่าสนับสนุนยิ่งนัก
มาเที่ยวเมืองแพร่รอบนี้ ก็ขอลอยกระทงบูชาพระแม่คงคาสักแฮมเตื้อเน้อเจ้า |
มาลอยกระทงริมท่าน้ำคือ
ลอยไปลอยมา กระทงก็หลงทาง ปิคมาอยู่ตี้เก่าเน้อเจ้า สงสัยกระแสน้ำจะแฮงขนาดนั๊ก |
มองไปไม่รู้กระทงไปใหน ลอยไปลอยมา กระทงก็หลงทาง ปิคมาอยู่ตี้เก่าเน้อเจ้า สงสัยกระแสน้ำจะแฮงขนาดนั๊ก
และเสน่ห์อีกอย่างหากมาเที่ยวงานลอยกระทงทางภาคเหนือก็คงเป็นการลอยโคมไฟขึ้นสู่ยอดฟ้า งดงามระย้ามิใช้น้อยสาระน่ารู้เกี่ยวกับโคมลอย |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับโคมลอย
โคมลอย หมายถึงประทีปที่จุดไฟแล้ววางบนกระทงและปล่อยให้ลอยไปตามสายน้ำ จะมีลักษณะเป็นลูกโป่งขนาดใหญ่ทำด้วยกระดาษบางเบาที่ปล่อยให้ลอยไปบนฟากฟ้าโดยใช้ควันไฟ
ซึ่งการโคมลอยขึ้นสู่อากาศชาวล้านนามีความเชื่อว่า การจุดโคมลอยและปล่อยขึ้นไปในอากาศเป็นการปลดปล่อยความทุกข์โศกและเรื่องร้ายๆ ให้พ้นตัวและลอยไปกับอากาศ โดยมีคติความเชื่อว่า เพื่อบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณี บนสรวงสวรรค์
เสร็จจากนั้นก็ปั่นจักรยานมาที่เทศบาล มีซุ้มโคมไฟแบบล้านนา ประดับประดาอย่างสวยงามตระการตาเชียวโดยภายในงานมีการแสดงศิลปะแบบล้านนาให้ชมอีกด้วย
ตามภาพนี้น่าจะเป็นฟ้อนขันดอกอยู่กระมัง
เรียกว่างานใหญ่ยักษ์อย่างการประกวดนางจักรวาลระดับโลก หรือจะสู้การประกวดนางนพมาศได้ เพราะด้วยท่วงท่าและการเดินประกวดนางนพมาศนั้น จะช้าอยู่ใยไปแบบเนิ่บๆเพราะอ้อยอิ่งด้วยท่วงท่าอันช้าแบบสุดขั้ว ให้ได้ระรัวชมกันอย่างเพลินใจ หากใครเบื่อก็ไปนอน กลับมาดูต่อก็ยังทัน เพราะนางงามคนเดิมนั้น ยังไม่ประจำที่เลยจ้า ไม่เร่งรีบ สโลโมชั่นจริงแม่เจ้าเอ๋ย
แม่หญิงแต่ละคนก็งดงาม นอกจากท่วงท่าที่ช้าอยู่ใยแล้ว เครื่องแต่งกายก็สวยงามแบบเมืองแพร่ |
หลังจากได้ชมการประกวดนางนพมาศแล้ว ดิฉันก็ปั่นจักรยานมาชมความงามริมแม่น้ำแม่ยม ซึ่งมากล้นไปด้วยผู้คนคับคั่งทีเดียว เนื่องจากเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวแวะมาลอยกระทงเยอะที่สุด
จากนั้นก็รีบเดินทางกลับที่พัก เพื่อมานั่งสะส่างเคลียงานต่อให้เสร็จ แล้วก็เข้านอน จบทริปหมดไป 1 วัน สรุปวันนี้เดินทางทั้งวันเลยจ้า
--------------------------------------------------------------------
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในวันที่ 23 พ.ย.2561 ที่เชตวันโฮมสเตย์
อากาศยามเช้าที่แพร่วันนี้ดีมิใช้น้อยทีเดียว ห้องพักด้านบน
คุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์ ทำข้าวไข่เจียวให้ทานจา มีเครื่องดื่ม กาแฟ ชา กล้วยและขนมให้ทานด้วย |
ข้าวที่บ้านคุณป้าก็มีการใส่ธัญพืชลงไปด้วยนะคะ อร่อยไปอีกแบบ
เช่ามอเตอร์ไซต์ที่ร้านบีไบค์ในเมืองแพร่ แวะไปแลสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ |
ค่าเช่ารถอมเตอร์ไซต์แบบเกียร์ตกวันละ 180 บาท
มัดจำรถ 500 บาท
ถือว่าค่าเช่ารถราคาถูกทีเดียว ไม่แพงเลย
นอกจากนี้ทางร้านยังขับรถไปส่งถึงสถานีรถไฟเด่นชัยอีกด้วย โอ้แม่เจ้า..ไปส่งไกลถึงเด่นชัยเลยทีเดียวเชียว
แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมือแพร่และใกล้เคียง (Phrae city map and nearby) |
คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่
คุ้มเจ้าหลวง หรือ คุ้มหลวงนครแพร่ เป็นที่ประทับของเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 22 และเป็นคุ้มเจ้าหลวงเพียงไม่กี่แห่งในแผ่นดินล้านนาที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่ในเขตกำแพงเมืองเก่าแพร่ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่
คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ |
คุ้มนี้งดงามใหญ่โตเพราะเงินคงคลังในสมัยพระยาพิมพิสารราชานั้นมีมาก
ตกมาถึงรุ่นเจ้าพิริยเทพวงษ์ผู้เป็นลูก จึงสามารถสร้างคุ้มใหม่หลังใหญ่ได้
แม้ว่าในปี พ.ศ. 2433 เป็นปีที่เมืองแพร่ฝนแล้งราษฎรทำนาได้หนึ่งส่วน
เสียสี่ส่วนต้องเปิดคลังหลวงไปช่วยราษฎรก็ตาม
แต่เมืองแพร่ยังมีเงินมากพอที่จะสร้างสถาปัตยกรรมงดงามล้ำค่าหลังนี้ขึ้นมาได้
ปัจจุบัน คุ้มเจ้าหลวงเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป เข้าชมเพื่อศึกษาประวัติความเป็นมา โดยไม่เสียค่าเข้าชม
คุ้มวงศ์บุรี |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับคุ้มวงศ์บุรี
คุ้มวงศ์บุรี หรือ บ้านวงศ์บุรี ตั้งอยู่เลขที่ 50 ถนนคำลือ (ถนนหลังจวนผู้ว่า สี่แยกพระนอนเหนือ ใกล้กับวัดพงษ์สุนันท์ ) อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เป็นคุ้มของเจ้าพรหม วงศ์พระถาง หรือ หลวงพงษ์พิบูลย์ ผู้สืบเชื้อสายมาจากอดีตเจ้าหลวงนครแพร่ และเจ้าสุนันทา วงศ์บุรี (บุตรีบุญธรรมในแม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา)
เริ่มก่อสร้างขึนในปี พ.ศ. 2440 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2443 โดยได้ช่างชาวจีนจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน |
คุ้มวงศ์บุรีสร้างขึ้นตามดำริของแม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา ชายาองค์แรกในเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ |
ภายในบ้านวงศ์บุรี จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงสิ่งของเครื่องใช้เก่าแก่ต่างๆให้ได้ชมและศึกษากันอย่างน่าสนใจ
มีห้องจัดแสดงการแต่งกายพื้นเมืองล้านนาให้ได้ชม
มีภาพเก่าบอกเล่าเรื่องราวการแต่งกายในอดีตได้เป็นอย่างดีและน่าสนใจยิ่ง
วัดพระนอนเมืองแพร่ |
สาระน่ารู้วัดพระนอน |
วัดพระนอนสร้างขึ้นเมื่อจุลศํกราช 236 หรือ พ.ศ.1417 มีตำนานว่าครั้งนั้นเจ้าปู่ท้าวคำชาวละโว้ นำบริวารอพยพผ่านเมืองสุโขทัยสู่เมืองแพร่ มาหยุดพักแรมบริเวณนี้ และได้พบพระพุทธรูปนอนทำด้วยหินยาวประมาณ 6 ศอก จึงสร้างวัดและสร้างพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่ครอบทับองค์เดิมไว้ แต่ได้เกิดศึกสงคราม การก่อสร้างจึงมาสำเร็จลงในสมัยเจ้าพระยาพิชัยชนะสงครามและพระนางพิมพา
สำหรับวัดพระนอนนี้ เป็นวัดร้างเป็นเวลานานเท่าใดไม่ปรากฏแน่ชัด มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นคลุมบริเวณวัด มีเถาวัลย์ขนาดใหญ่ ชื่อว่าผักหละ(ชะอม) ขึ้นปกคลุมพระนอนเป็นเวลานาน จนกลายเป็นป่า ต่อมามีพ่อค้าต่างเมืองเดินทางมาค้างแรมบริเวณดังกล่าว เห็นผักหละขึ้นงามดีจึงนำไปทำอาหาร และได้พบเศษอิฐอยู่ทั่วไป พวกพ่อค้าจึงสงสัยว่าเป็นวัดร้าง และนำไปเล่าให้ชาวบ้านฟังชาวบ้านก็แตกตื่น ช่วยกันหักล้างถางพงพบต้นไม้ใหญ่ เป็นต้นมะม่วงขึ้นคลุมพระนอนคล้ายกับร่ม ชาวบ้านเกิดศรัทธา จึงช่วยกันบูรณะ ซ่อมแซมให้สวยงามและแข็งแรง และได้ตั้งชื่อเสียใหม่ว่าวัดม่วงคำ
ใกล้ๆกันมีวัดพระนอน ก็เป็นที่ตั้งของวัดพงษ์สุนันท์ เมืองแพร่ |
โดยวัดพงษ์สุนันท์ เป็นวัดในเขตกำแพงเมือง จังหวัดแพร่ อยู่ที่บ้านพงษ์สุนันท์ ตำบลในเวียง ชื่อเดิมว่าวัดปงสนุก เดิมเป็นวัดร้าง ทางทิศใต้ของวัดมีสระน้ำและมีรูปปั้นเต่า
โดยมีตำนานเล่าว่า นางคำพวนชาวพม่าได้ลงไปในสระเพราะอยากได้เต่าและจมน้ำตาย เพื่อนของนางชื่อส่างตาดจึงสร้างเจดีย์และรูปเต่าสี่ตัวรอบเจดีย์เพื่อระลึกถึงเพื่อน ในพ.ศ. 2472 พ่อเจ้าบุรีศรีปัญญาได้บูรณะวิหาร แต่ต่อมาถูกไฟไหม้และน้ำท่วมจนเสียหาย พญาบุรีรัตน์จึงได้บูรณะใหม่โดยมีหลวงพงษ์พิบูลย์และเจ้าสุนันตาเป็นศรัทธาหลักใน พ.ศ. 2477 วัดนี้จึงได้ชื่อว่าวัดพงษ์สุนันท์ ได้วิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2499 ภายในวัดมีพระนอนกลางแจ้งริมกำแพงเป็นเอกลักษณ์ของวัด
เครดิตข้อมูลดีจากๆ : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดพงษ์สุนันท์
หลังจากที่ได้กราบพระที่วัดพงษ์สุนันท์แล้ว ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์ตรงดิ่มเปิด GPS มาที่สถานสงเคราะห์เด็กบ้านแห่งความเมตตา |
สถานสงเคราะห์เด็กบ้านแห่งความเมตตา |
สถานสงเคราะห์เด็กบ้านแห่งความเมตตา จังหวัดแพร่ |
ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์จัดเป็นที่พักและสนามให้เด็กเล่น
ไปทำทานเสร็จ ก็ขับมอเตอร์ไซต์มาชมแพะเมืองผี ต่อ มาดูสิว่ามีผีให้ดูไหม๊ |
เสาเมโร หมายถึง เสารูปเหมือนปราสาทศพผู้ตายทางภาคเหนือ |
แพะ หมายถึง ป่าละเมาะ ส่วนเมืองผี หมายถึง ความเงียบเหงาเหมือนเมืองผี |
- แพะ หมายถึง ป่าละเมาะ
- เมืองผี หมายถึง ความเงียบเหงาเหมือนเมืองผี
- เสาเมโร หมายถึง เสารูปเหมือนปราสาทศพผู้ตายทางภาคเหนือ จะเห็นได้ว่าจะมีเสาเมโรเรียงรายอยู่ หากใครมาก็จะรู้สึกถึงความพิศวง เหมือนอยู่ในเมืองผี ก็เลยให้ชื่อว่าแพะเมืองผี และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดแพร่
วัดจอมสวรรค์ หรือวัดจองเหนือ เป็นวัดไทยใหญ่ สร้างแบบสถาปัตยกรรมพม่า |
หลังจากได้ชมความวังเวงของแพะเมืองผีแล้ว ก็ขับรถมอเตอร์ไซต์มากราบพระที่วัดจอมสวรรค์ ซึ่งเป็นวัดสวยงามอีกแห่งในเมืองแพร่
สาระน่ารู้ของวัดจอมสวรรค์
วัดจอมสวรรค์ หรือวัดจองเหนือ เป็นวัดไทยใหญ่ สร้างแบบสถาปัตยกรรมพม่า หลังคาซ้อนลดหลั่นเป็นชั้นประดับประดาลวดลายฉลุ อารามเป็นไม้สักทั้่งหลัง โดยภายในพระอารามแสดงให้เห็นฝีมือการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง เพดาน และเสาฉลุไม้ประดับกระจกสีงดงาม โบราณวัตถุภายในวัด ได้แก่ หลวงพ่อสาน เป็นพระพุทธรูปที่สร้างโดยใช้ไม้ไผ่สานเป็นองค์ลงรักปิดทอง พระพุทธรูปงาช้าง ซึ่งเป็นศิลปะแบบพม่าได้ชมกันด้วย
หลังจากที่ได้แวะตะลอนไปทำทานที่สถานสงเคราะห์เด็กและแวะไปไหว้พระ ชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแล้ว ก็ได้เวลาทานอาหารมื้อเที่ยงแล้วค่ะ มื้อเที่ยงนี้ ดิฉันเลยขับมอเตอร์ไซต์มาหาของอร่อยทานที่ย่านประตูชัย เดินมาร้านแรกประเดิมร้านข้าวเหนียวมะม่วงกองหนุนก่อนเลย
และใกล้ๆกับร้านข้าวเหนียวมะม่วงก็เป็นร้านข้าวซอยเจ้เล็กประตูชัย ร้านดังแห่งเมืองแพร่ก็ว่าได้
มื้อเที่ยงนี้ ข้าวซอยเหนือแต้ๆเจ้า รสจ้าดลำขนาดนั๊กเจ้า ที่ร้านข้าวซอยเจ้เล็กประตูชัย |
ตามต่อด้วยข้าวเหนียวมะม่วงกองหนุนร้านติดกันๆ ข้าวเหนียวมูลที่ร้านนี้รสชาติไม่หวาน เหมือนร้านอื่นๆที่เคยทาน พอทานคู่กับมะม่วงไปแล้วก็อร่อยเข้ากันดีมากทีเดียวเชียว หากใครที่ไม่ชอบทานข้าวเหนียวมูลแบบนี้ ก็แวะมาลิ้มลองกันได้ แต่ถ้าใครเป็นคนชอบทานหวาน คงจะไม่ถูกปากแน่ๆ
และรอบประตูชัยก็ยังมีร้านอาหารอร่อยอีกหลายร้านให้ได้แวะไปลิ้มลองทานกันอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีอาคารทรงบ้านเรือนไม้เก่าแกให้แลชมอย่างน่าอภิรมย์สมใจทีเดียว |
หากใครที่ชอบถ่ายรูปและเช็คอินน์แนวๆเก๋ๆ ก็ปลีกวิเวกมาเที่ยวลั๊ลลาในเมืองแพร่กันได้เลยจ้า
ทานข้าวเที่ยงอิ่มแล้ว ก็ขับมอเตอร์ไซต์มาไหว้พระต่อที่ วัดพระธาตุช่อแฮ |
ซึ่งหากใครที่แวะมาเที่ยวแพร่เป็นครั้งแรก แล้วไม่ได้มาสักการะพระธาตุช่อแฮ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองแพร่เลยนะคะ ดังนั้นแวะมากราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลสักครั้งก็ดี
โดยระยะทางจากตัวเมืองแพร่มายังวัดพระธาตุช่อแฮก็ไม่ไกลเลย เช่าขับรถมอเตอร์ไซต์ในเมืองแพร่ ขับแว๊นโต้ลมเย็นๆมาได้ประมาณ 9 กิโลเมตรก็ถึงล่ะ
นอกจากนี้ใกล้ๆวัดพระธาตุช่อแฮ ยังมีวัดพระธาตุจอมแจ้ง และวัดพระธาตุดอยเล็ง ซึ่งเป็นสามพระธาตุที่อยู่ใกล้ๆกัน ให้แวะไปสักการะกันอีกด้วย
วัดพระธาตุช่อแฮ หากใครที่แวะมาเที่ยวแพร่เป็นครั้งแรก แล้วไม่ได้มาสักการะพระธาตุช่อแฮ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองแพร่เลยนะคะ |
สร้างขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 19 สมัยพระยาลิไท โดยขุนลวะอ้อยก้อมชาวละว้าเป็นผู้สร้างองค์พระธาตุบุด้วยทองดอกบวบ สูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 10 เมตร ย่อมุมไม้สิบสอง อันเป็นศิลปะเชียงแสนเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ชื่อพระธาตุช่อแฮนี้ได้มาจากชื่อผ้าแพรชั้นดี ซึ่งทอมาจากสิบสองปันนาชาวบ้านนำมาผูกบูชาพระธาตุ
และวัดตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ที่ 11 ถนนช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ถือว่สเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดแพร่ และเป็นวัดพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีขาลอีกด้วย
โดยทั้งนี้ พระธาตุช่อแฮ เป็นพระธาตุ1 ใน12 ราศี คือ เป็นพระธาตุประจำปีเกิดสำหรับคนที่เกิดปีเสือ (ปีขาล) หากนำผ้าแพรสามสีไปถวายจะทำให้ชีวิตมีพลังคุ้มครองป้องกันศัตรูได้ การสวดและไหว้ ให้เริ่มต้นนะโม 3 จบ แล้วสวดตามด้วยคาถาบูชาพระธาตุ 5 จบ พลังบารมีจะดลบันดาลให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
พระธาตุช่อแฮ หมายถึง เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้าย และพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและประดับบูชาด้วยผ้าแพรอย่างดี หากใครที่เกิดปีขาล ต้องแวะมาสักการะพระธาตุช่อแฮสักครั้งนะคะ เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตนเอง
และไม่ไกลนักจากวัดพระธาตุช่อแฮ ขับรถมาอีกหน่อยก็เป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุจอมแจ้ง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่ต้องแวะมาสักการะสักครั้ง วัดพระธาตุจอมแจ้ง ตั้งอยู่บ้านไคร้ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เลยพระธาตุช่อแฮไป 1 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองแพร่ประมาณ 10 กิโลเมตร
พระธาตุจอมแจ้ง เมืองแพร่ |
โดยเชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่บรรจุ พระเกศธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ พระหัตถ์เบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า
นอกจากองค์พระธาตุจอมแจ้งแล้ว ยังมีพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ ปางพระนาคปรกประดิษฐานอยู่คู่กับองค์พระธาตุ
และมีมีพระนอนปางไสยาสน์องค์ขนาดใหญ่ ในสวนลานปฎิบัติธรรมอยู่บริเวณซ้ายมือของทางเข้าประตูวัด บรรยากาศโดยรอบร่มรืนย์
และหลังจากที่ไหว้พระธาตุจอมแจ้งแล้ว ก็เดินทางต่อมายังวัดพระธาตุดอยเล็ง ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงชัน |
ระหว่างทางขึ้นดอย เส้นทางค่อนข้างลาดชันพอสมคร หากใครขับรถมาต่อระมัดระวังหน่อยแล้วกัน
จุดชมวิวดอยเล็ง จุดเช็คอินน์ ยอดนิยมที่เหล่าคู่รักนักทัศนาจรต้องแวะมาถ่ายรูปชมวิวบนดอยนี้สักครั้ง |
ยิ่งหากมาเที่ยวในวันธรรมดาด้วยแล้ว ยิ่งดีไปใหญ่ เพราะไม่มีใครมาแย่งซีนถ่ายภาพ
มองจากจุดชมวิวไปก็เป็นหุบเขาเหลาดอยสีเขียว งดงามยิ่งยวดนักเชียว
ส่วนทางขึ้นไปยังพระธาตุจะขับรถขึ้นไป หรือจะเดินบันใดขึ้นก็ได้ตามใจจะปราถนา
วัดพระธาตุดอยเล็ง เมืองแพร่ |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับวัดพระธาตุดอยเล็ง เมืองแพร่ อ่านดูเป็นความรู้สักน้อย
สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.ใดนั้น ไม่ปรากฎหลักฐานแน่นอน แต่มีมาคู่กับพระธาตุช่อแฮและพระธาตุจอมแจ้ง ซ่งจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในอดีตว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์มาดอยลูกหนึ่ง อยู่ทางทิศใต้ของดอยธชัคคะบรรพต เสด็จมาถึงจวนแจ้งหรือใกล้สว่าง ปัจจุบันเรียกว่า พระธาตุจอมแจ้ง หลังจากนั้นได้เสด็จมาทางทิศเหนือถึงธชัคคะบรรพต ได้ประทับอยู่ที่นั่น มีขุนลัวะอ้ายก้อมเป็นผู้อุปฎฐาก ทรงมอบพระเกศาธาตุให้ ซึ่งคือ พระธาตุช่อแฮในปัจจุบัน และเสด็จขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประทับอยู่ดอยลูกหนึ่งที่สูงกว่าดอยลูกอื่นในเมืองโกศัย ซึ่งภาษาเหนือ เรียกว่า เล็งพ่อ จึงเป็นที่มาของชื่อดอยเล็งในปัจจุบัน และมีการบูรณะเจดีย์ขนาดเล็ก กว้าง 5 เมตร สูง 11 เมตร ไว้เป็นสถานที่ควารเคารพแก่ชนรุ่นหลัง
และบนยอดดอยซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยเล็ง ก็มีจุดชมวิวทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองแพร่ให้ได้ชมกันอีกด้วย
วิวทิวทัศนียภาพเมืองแพร่จากวัดพระธาตุดอยเล็ง |
ซูมกล้องไปดูให้ใกล้ๆก็เป็นที่ตั้งของพระธาตุช่อแฮ ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ไม่ไกลจากดอยเล็งนัก
และหลังจากที่ไดัไปสักการะพระธาตุดอยเล็ง และนั่งชมวิวทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองแพร่แล้ว ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์ แว๊นๆไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของวันนี้แล้ว นั้นก็คือ พุทธอุทยานดอยผาสวรรค์ พระธาตุอินทร์แขวน จังหวัดแพร่ หรือที่ทุกคนรู้จักก็คือ วัดธาตุอินแขวนเมืองแพร่ ซึ่งจำลองมาจากประเทศพม่า นำมาตั้งไว้ให้ได้สักการะบูชากัน
ซึ่งระยะทางอยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 25 กิโลเมตร ระหว่างทางขับรถขึ้นไปยังดอยผาสวรรค์ เส้นทางมีความลาดชัน ต้องระมัดระวัง
ขับรถไต่ตามเนินเขามาเรื่อยก็จะพบกับบรรยากาศของผืนป่าไม้สีเขียวชอุ่มและพระพุทธรูปสีทองเป็นที่ตั้งของพุทธอุทยานดอยผาสวรรค์ |
ถึงบ้านนาคูหาแล้วค่ะ
เดินทางมาก็มีป้ายบอกทางสู่พระธาตุอินแขวน
พุทธอุทยานดอยผาสวรรค์ |
พระธาตุอินทร์แขวน ณ พุทธอุทยานดอยผาสวรรค์ |
บริเวณรอบองค์พระธาตุอินแขวน ซึ่งตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนยอดเขาอันสวยเด่น และทัศนียภาพงดงาม
และใกล้ๆองค์พระธาตุอินแขวน ก็ยังมีพระธาตุเจดีย์ชเวดากองจำลองให้เข้าไปกราบสักการะบูชากันอีกด้วย เพื่อนำประดิษฐานไว้สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาศไปยังประเทศพม่า ก็ไม่ต้องติดปีกบินไปไกล แค่แวะมาเที่ยวในจังหวัดแพร่ ก็ได้แลครบทั้งหมดแล้ว
บันใดทางเดินไปยังจุดชมวิวแต่ละแห่ง ก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆให้นั่งพักผ่อนกันอีกด้วย
มองจากจุดชมวิวที่พุทธอุทยานก็แวดล้อมไปด้วยหุบเขาเหลาดอย ป่าไม้เขียวชอุ่ม อากาศที่นี้สดชื่น เย็นสบายดียิ่งนัก
หากใครที่แวะมาเที่ยวเมืองแพร่ และชื่นชอบบรรยากาศธรรรมชาติ ป่าไม้เขียวชอุ่ม ลองแวะมาเยือนบ้านนาคูหาสักครั้ง รับรองว่าอากาศดีปังถึงใจแน่นอน เพราะอากาศที่นี่ดีจริง แถมเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย แนะนำว่ามาเที่ยววันธรรมดาดีที่สุด หยุดลาพักร้อนมาได้เลย
และใกล้ลานจอดรถ ก็เห็นคุณลุงกำลังขายข้าวเกรียบสาหร่ายหรือเตา ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในชุมชนบ้นนาคูหา ดิฉันเห็นดังนี้แล้ว เลยขอไปอุดหนุนดีกว่า
ราคาข้าวเกรียบเตาก็ไม่แพงด้วยนะคะ ห่อละ 10 บาทเอง |
ใหนก็มาถึงถิ่นการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเตาทั้งที ก็ช่วยอุดหนุนชาวบ้านในระแวกให้มีรายได้ด้วยเลยค่ะ
หลังจากได้แรมรอน อรชร อ้อนแอ้น ขับมอเตอร์ไซต์แว้นๆเที่ยวในเมืองแพร่ แวะแลสักการะบูชาตามวัดวาอารามต่างๆจนอิ่มบุญไปแล้ว ดิฉันก็กลับมานั่งทานอาหารมื้อเย็นเป็นขนมจีนแบบง่ายที่โฮมสเตย์และพักผ่อน เป็นอันจบทริปวันนี้ไปอีกหนึ่งวัน
---------------------------------------------------------------
เช้าวันใหม่ในวันสุดท้ายที่เมืองแพร่
อาหารเช้านี้ ก็เหมือนเดิมกับเมื่อวาน แต่เพิ่มเติมคือความสดใหม่ อร่อยแบบง่ายๆ ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ร้อน โป๊ะด้วยไข่เจียวหอมๆ
หลังจากทานข้าวเช้าอิ่ม ทริปเช้าวันนี้ดิฉันเลยขอเที่ยวแบบ Slow Life แบบช้าๆบ้าง เพราะเมื่อวานจัดหนักไปหน่อยค่ะ
ปั่นจักรยานออกจากเชตวันโฮมเตย์มา ก็จะเป็นถนนกาดกองเก่า ซึ่งเป็นถนนคนเดินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องแวะเวียนกันมาแทบทุกราย
ด้วยบรรยากาศของถนนนั้นค่อนข้างเก่าแก่และให้โหยหาอดีตยิ่งนัก ด้วยสภาพบ้านม่านชานเรือนไม้ก็เก่าแก่และให้น่ายล
มีร้านขายเสื้อผ้า ของกิ๊บช๊อปแนวๆวินเทจให้ได้เลือกซื้อ มีสิ่งละอันพันละน้อย ให้เลือกซื้อเลือกหากันด้วย
ปั่นจักรยานมาอีกหน่อยตรงข้ามวัดพงษ์สุนัน ก็เป็นที่ตั้งของร้านคาเฟ่เล็กๆ สไตล์กิ๊บเก๋ผสมความบูติค และมีลูกค้าแวะเวียนมาจอดซื้ออย่างไม่ขาดสาย นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายรูปและมุมนั่งเพลินให้ได้จำเริญใจกันอีกด้วย เพราะบรรยากาศของถนนหนทางในเมืองนี้ ก็ไม่มีรถราวิ่งมากมายนัก ดูเงียบๆ เหมาะกับการปั่นจักรยานชมเมืองยิ่งนัก
ปั่นจักรยานมาสุดปลายถนนก็เป็นที่ตั้งของร้านขนมจีนป้าดา ร้านขนมเส้นชื่อดังแห่งเมืองแพร่ ที่ออกรายการทีวง ทีวีมาแล้วหลายรายการ ใหนแวะมาถึงถิ่นทั้งที ก็ต้องลิ้มลองกันสักหน่อยแล้วกัน
เมนูอาหารที่ร้านป้าดามีให้เลือก โดยเขียนและเลือกเองได้เลยนะคะ
มื้อเที่ยงนี้ก็สั่งทานมาเป็นชุดๆเลยคะ จัดเต็มมากๆ มีข้าวส้ม ลองทานกับน้ำพริกน้ำย้อย รสอร่อยทีเดียว
ขนมจีนน้ำใสเมืองแพร่ และก็ขนมจีนน้ำพริกน้ำย้อย รสชาติอร่อยทีเดียวค่ะ น้ำพริมน้ำย้อยออกแนวหวานๆรสจัดจ้าน ทานคู่กับขนมจีนก็เข้ากันดี พึ่งเคยทานครั้งแรก ถือว่าแปลกดี แต่อร่อยมากๆ สรุปมื้อนี้ที่ร้านป้าดา หมดไป 80 บาท อิ่มเว่อร์พุงปลิ้นเลย
ทานอาหารอิ่ม ก็ปั่นจักรยานออกกำลังกายให้อาหารย่อยต่อที่วัดศรีชุม ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
วัดศรีชุม เป็นวัดเก่า ภายในวัดมีพระพุทธรูปยืนแบบสุโขทัย |
และวัดนี้เคยมีชื่อเสียงทางวิปัสสนา
เจ้ากาวิละจากลำปางเคยบวชเรียนที่วัดนี้เมื่อ พ.ศ. 2302
ก่อนจะกลับไปครองเมืองลำปาง ครูบาอุตมา เคยเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้
ครูบากัญจนอรัญญวาสีมหาเถรเคยอุปสมบทและบวชเรียนที่วัดนี้ด้วย
เครดิตข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดศรีชุม_(จังหวัดแพร่)
หลังจากที่ได้ปั่นจักรยานแบบสโลไลฟ์ใช้ชีวิตแบบช้าๆไปแล้ว ดิฉันก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์บิดคันเร่งแว๊นมายังอำเภอเด่นชัย
วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี เป็นวัดสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2520 ตั้งอยู่บนถนนสายแพร่-ลำปาง ช่วงอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ |
วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี |
พระนอนสวยเด่นที่บริเวณวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี |
และภายในวัดยังมีภาพจิตรกรรมบนฝาผนังระเบียงคตเป็นเรื่องราวของชาดกพื้นบ้านและภาพพุทธประวัติ ในบริเวณวัดมีเจดีย์ทรงล้านนากว่า 30 องค์ ด้านหน้าบันไดทางขึ้นทิศตะวันออกมีรูปปั้นสิงห์ขนาดใหญ่ มีอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้สักทรงล้านนา ที่เก็บรวบรวมเรื่องราวของล้านนาและเมืองแพร่ จัดแสดงเครื่องใช้ อาวุธของนักรบโบราณ รวมทั้งภาพถ่ายของเจ้านายฝ่ายเหนือและภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ในล้านนาให้ได้ชมกันอย่างน่าสนใจ
วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี ในอำเภอเด่นชัย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน |
ซื้อตั๋วรถตู้โดยสารของหนานคำ นั่งจากเมืองแพร่ไปลงที่พะเยา ค่าตั๋วโดยสาร 102 บาท |
จริงๆแล้วในจังหวัดแพร่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายหลายแห่งให้แวะไปชมกันอย่างน่าอภิรมย์สมใจ รอให้เพื่อนผู้รักการทัศนาร มาอรชร อ้อนแอ้นเที่ยวชมกันคะ หากใครเบื่อก็แวะมาเที่ยวเมืองแพร่กันได้นะคะ เค้าบอกว่าคนแพร่นี้ใจงาม จะใด๋แล้วกะต้องตามมาแอ่วกันเน้อเจ้า
จบรีวิวทริปเมืองแพร่แล้ว เดี่ยวรีวิวต่อไป คุณนายเว่อร์ จะขอเป็นคนบ้า พาท่านไปแอ่วเที่ยวเมืองพะเยา อีกหนึ่งเมืองที่ไม่ใช่แค่ทางผ่าน แต่มีอะไรให้ยลตระการกันไม่น้อย รอติดต่อกันนะคะ....ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านที่เสียสละเวลามาสไลด์เลื่อนดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไป
----------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ และรีวิวท่องเที่ยวตามเมืองต่างๆ ที่ผ่านมา มีดังนี้จ้า
สรุป 11 สถานที่ท่องเที่ยวเมืองแพร่ ต้องไปแลชมกันให้จงได้ คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง ไปดูสิว่ายังสวยปังอยู่ใหม๊ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวในเมืองเพชรบูรณ์ แบบช้าๆ มีที่เที่ยวให้ลั๊ลลามากมาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวงานอุ่นไอรักคลายความหนาวครั้งที่ 2 มาดูสิว่ามีอะไรเดินย่องกันบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวเมืองพะเยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รวมเด็ด 11 ที่เที่ยวและร้านอาหารอร่อยในเมืองตรัง ตามไปกันเลย>> |
แนะนำ 9 ที่เที่ยวเมืองปาย ไปเองได้สบายใจเว่อร์ ตามไปกันเลย>> |
มาเด้อ..มาเที่ยวศรีสะเกษ แดนดงดอกลำดวน หอมหวนกระเทียมดี คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูรีวิวการเดินทางได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2QngTUm
มาม๊ะ..แวะมาเที่ยวเมืองสุรินทร์ ชมถิ่นช้างใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวในบุรีรัมย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้ลุยเดี่ยว เที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสชาติแซ่บๆกันจ้า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ต้องแวะมา 6 ชายหาดยอดนิยมในชุมพร ที่ต้องแวะไปอรชรกันสักครั้ง>> |
รีวิวเที่ยวหลังสวน ลิ้มลองทุเรียนจากสวนหวานฉ่ำ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวชุมพร งามอรชรตลอดกาล เดือน ก.ย.2018 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Oc4kNZ
ตอนจบกับทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรป 26 วัน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2xlaVuZ
แบ่งปันการเดินทางในเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดจ้า>> |
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2p5eQZf
รีวิวตอนที่ 24 แวะเที่ยวกรุงเอเธนส์ 1 วัน มีที่เที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2NrtXcU
รีวิวตอนที่ 23 เมื่อฉันต้องนั่งเรือเฟอรี่จากอิตาลีไปกรีซครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Q4tkEC
การเขียนจดหมายเพื่อขอวีซ่าท่องเที่ยว สำหรับคนทำงานประจำ คลิ๊กดูเลยจ้า>>> |
หรือดูตัวอย่างจดหมายที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2DQptcv
รีวิวตอนที่ 22 แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเมือง Sorrento คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2C4PTGF
รีวิวตอนที่ 21 ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเนเปิล-เมืองมรณะปอมเปอี คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2oiNldZ
รีวิวตอนที่ 20 เที่ยวกรุงโรม ไปจู่โจมอาณาจักรโรมันสักครั้งสิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2BI8ckL
รีวิวตอนที่ 19 แวะเที่ยวเมืองโรแมนติคที่ฟลอเรนซ์-ปิซ่า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2MDjbQz
รีวิวตอนที่ 18 แบกเป้ลุยเดี่ยวเมืองเวนิชครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2KQvnsh
รีวิวตอนที่ 17 แบกเป้ไปเที่ยวเมืองมิลาน มีอะไรให้ชมบ้างนะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2AWC1xk
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 16 ไปเดินลั๊ลลาไปชมน้ำตกไรน์-ซูริค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2MiG5cz
รีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ 15 แบกเป้เดินเที่ยวรอบเมืองลูเซิร์นแบบชิลๆ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2vjt0bK
รีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ 14 แบกเป้ไปชมความน่ารักที่เมืองกอลมาร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2uQBBTE
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 13 วิธีการเดินทางไปจุงเฟราด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2LHckBV
0 ความคิดเห็น