สำหรับรีวิวประจำเดือนนี้ คุณนายเว่อร์ เธอขอเป็นคนบ้า แบกเป้ลุยเดี่ยวท่องอีสานใต้ เช่ามอเตอร์ไซต์ตะลุยแดนอารยธรรม สำราญจับใจ |
พอมาเดือนนี้ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เลยมีความประสงค์จงใจ อยากจะเป็นคนบ้า แบกเป้ลุยเดี่ยว แวะเที่ยวตามฉบับตัวเองดูอีกสักครั้ง โดยการเดินทางในครั้งนี้ ดิฉันเลือกปักหมุด หยุดกาลเวลา มาลั๊ลลา เที่ยวในตัวเมืองโคราชสักครั้ง เพราะเมื่อหลายปีก่อนนานโขแล้วค่ะ อย่าให้ดิฉันเอ่ยถึงปี พ.ศ.เลยนะคะ เดี่ยวจะว่าอิชั้นเป็นมนุษย์ป้าอัลไซเมอร์สมองเบลอไป รู้สึกมาคราวก่อนนั้น ดิฉันมาทำงาน ซึ่งอารมณ์ของคนทำงาน ก็จะไม่อยากเที่ยวนะคะ เพราะต้องสะส่างงานให้แล้วเสร็จๆจบไป แต่พอมาตอนนี้นึกเกิดจะเป็นคนบ้า มีอารมณ์สุนทรีย์อะไรอยากเที่ยวเมืองโคราชขึ้นมาซ่ะงั้น ดิฉันเลยจัดทริปเลาะเที่ยวยังอีสานใต้รอบเดียว เที่ยวหลายๆจังหวัดไปเลยจ้า
ว่ากันว่าหากใครก็แล้วแต่ที่จะเดินทางมายังภาคอีสาน ต้องผ่านเมืองโคราช หรือชื่อเต็มเมืองนครราชสีมาอย่างแน่นอนนะคะ ถือว่าเป็นประตูสู่ภาคอีสาน ที่เป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดติดอันดับประเทศเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดตาและตราตรึงใจประทับซึ่งอยู่ในห้วง ดั่งดวงหฤทัย ให้ไปยลโฉมประโลมความงามอยู่หลากหลายแห่งเลยทีเดียวเชียวล่ะ ถ้าไม่นับรวมที่เที่ยวในเขาใหญ่แล้ว ดิฉันมีคิดเห็นว่า เมืองโคราชก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่มิใช่น้อยเลยนะคะ
หลายคนที่เคยเยือนเมืองโคราช ก็แค่แวะผ่านๆ ไม่ค่อยจะพิศวาสอะไรเมืองนี้มากนัก เพราะคิดว่าไม่มีอะไรจะเที่ยว แต่จริงๆแล้ว ในเมืองโคราชปุรีนคร อรชร อ๊อนแอ๊นแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเช็คอินน์ให้ฟินกระจาย สะหยายผมโป่ง เชื่อมโยงอดีตกาลและปัจจุบัน อยากให้ทุกท่านหันมาเที่ยวในตัวเมืองโคราชกันครั้ง เดี๊ยนรับรองว่าสวยปังอลังการสะท้านโลกา ชื่นช่ำอุราถึงทรวงในอย่างแน่นอน
เอาล่ะค่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลา กับการพร่ำเพร้อพรรณาไปมากกว่านี้ ดิฉันคุณนายเว่อร์ ก็ขอมาเป็นคนบ้า เลิกจากงานประจำเสร็จแล้ว ก็ขอมาแบ่งปัน เขียนรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวเมืองโคราช โดยการเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวในเมืองนี้ให้เพื่อนๆคุณผู้อ่านที่ยังไม่เคยมาเที่ยวเมืองโคราช ได้แวะมายลตระการกันสักครั้งได้ดูกัน มาดูสิว่ามีเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปกันเลย
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหา เรามารู้จักเมืองโคราชให้มากกว่านี้กันสักหน่อยนะคะ
เมืองโคราชในปัจจุบันอันรุ่งเรืองเฟื่องฟุ้ง ฟรุ้งฟรุ้งสวิงริงโก้ ยังคงกลิ่นไอของบ้านเรือนไม้เก่าแก่ให้แลชมอย่างน่าอภิรมย์สมใจ |
อำเภอเมืองนครราชสีมามี ชื่อเรียกตามความถนัดของชาวพื้นเมืองว่า "โคราช"
เรียกตามภาษาราชการว่า "เมืองนครราชสีมา" เหตุที่เรียก 2 ชื่อ
ด้วยปรากฏว่าตามหลักฐานโบราณคดีเรื่องงานข้างต้นวินิจฉัยชื่อเมืองนครราชสีมาว่า
ก่อนที่จะสร้างขึ้นในสถานที่ปัจจุบัน เดิมมีเมืองโบราณอยู่ 2 เมือง
ซึ่งอยู่ทางขวาของลำตะคอง ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอสูงเนิน
เมืองที่หนึ่งอยู่ทางฝั่งซ้ายของลำตะคองมีชื่อเรียกว่า เมืองโคราช
จากหลักฐานที่ได้สำรวจพบว่าในบริเวณเมืองทั้งสอง
เมืองเสมาสร้างเมืองขึ้นมาใหม่
ต่อมาได้ข้ามมาสร้างเมืองโคราชขึ้นอีกเป็นเมืองใหม่
ทิ้งเมืองเสมาให้เป็นเมืองร้างในที่สุด
คำขวัญเก่าในอดีตของเมืองโคราช |
โคราชลือเลื่อง เมืองก่อนเก่า นกเขาคารม อ้อยคันร่ม ส้มขี้ม้า ผ้าหางกระรอก
ส่วนคำขวัญปัจจุบัน
เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน
ภาพเมืองโคราชในอดีตอันนานนม ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี |
ชื่อเมืองโคราช
น่าจะเพี้ยนมาจากชื่อเมือง "นครราช" ในภาษาเขมร และไม่น่านำมาจากชื่อเมือง
"โคราฆะปุระ" ในมัชฌิมประเทศ
เนื่องจากเมืองโคราฆะปุระเป็นเมืองที่สร้างขึ้นในอินเดีย
ราวคริสต์ศตวรรษที่ 13
ซึ่งมีอายุน้อยกว่าอารยธรรมขอม-ทวาราวดีของเมืองเสมามาก
เครดิดข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/อำเภอเมืองนครราชสีมา
นามเมือง นครราชสีมา ปรากฎหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในกฎมณเฑียรบาลที่ตราขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ มีฐานะเป็นหนึ่งในเมืองพระยามหานคร 8 เมือง ซึ่งต้องถือน้ำพิพิฒน์สัตยา
เมืองนครราชสีมาเป็นหัวเมืองสำคัญของกรุงศรีอยุธยามาโดยตลอด จนกระทั้งในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดให้ย้ายเมืองนครราชสีมา มาจากอำเภอสูงเนิน มายังที่ตั้งในเมืองนครราชสีมาในปัจจุบัน ซึ่งสันนิษฐานว่า "นครราชสีมา" คือการรวมชื่อเมือง 2 เมือง คือเมืองเสมา และเมืองโคราชปุระไว้ด้วยกัน
ปัจจุบันนครราชสีมา หรือรู้จักในชื่อ โคราช เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทยและมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เริ่มต้นการเดินทางในครั้งนี้ ดิฉันนั่งรถทัวร์โดยสารจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 มายังเมืองโคราช ตอนแรกกะว่าจะอยากจะนั่งเครื่องบินมาลงที่เมืองนี้สักหน่อย แต่เสียดายสารการบินปิดกิจการไปเสียก่อน ก็เลยไม่ได้มาเจิมสนามบินเมืองโคราชเลยนะคะ
แต่ไม่เป็นไร การเดินมายังเมืองโคราชก็ไม่ได้อยากเย็นแสนเข็ญมากนัก เพราะมีระบบขนส่งสาธารณะทั้ง รถไฟ,รถบัสโดยสารและรถตู้ จะขาดก็เสียแต่เครื่องบินอย่างที่กล่าวไปคะ
หากใครที่จะวางแผนจากกรุงเทพฯมาเมืองโคราช ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหมดคิวรถ ได้นอนหดตัวปูเสื่อนอนในสถานีขนส่ง เพราะการเดินทางมายังเมืองนี้ ก็มีรถให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงเลยล่ะค่ะ
ส่วนราคารถบัสโดยสารชั้น 1 จากหมอชิต2 ไปยังเมืองโคราช ราคาอยู่ที่ 191 บาทถ้วนค่ะ
ระหว่างเดินทางไปยังภาคอีสาน หากใครที่ใช้ถนนสายมิตรภาพ ยังไง๊ ยังไงก็ต้องขับรถผ่านเขื่อนลำตะคองอย่างแน่นอน
ผ่านเขื่อนลำตะคอง เขื่อนขนาดใหญ่ กลายเป็นจุดแวะพักชมวิวทิวทัศนียภาพของเหล่านักเดินทางจากทั่วสารทิศ
หลังจากที่ใช้เวลาเดินทางด้วยรถบัสโดยสารจากกรุงเทพใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมงก็ถึงสถานีขนส่งโคราชใหม่ จากนั้นก็นั่งวินจากขนส่ง มายังร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ในตัวเมือง ซึ่งน่าจะห่างจากสถานีขนส่งประมาณ 3 กิโลเมตรได้กระมังค่ะ
สำหรับร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ในเมืองโคราช ก็อยู่ใกล้ๆกับสถานีขนส่งโคราชเก่าเลยค่ะ ดิฉันเห็นมีอยู่ 2 ร้าน ได้แก่ ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ไดมอนยนต์ และร้านยูโรการช่าง สำหรับร้านมอเตอร์ไซต์ที่ดิฉันตัดสินใจเช่าขับในการเที่ยววันนี้ เลือกร้านยูโรการช่าง เพราะเห็นมีรถมอเตอร์ไซต์เยอะกว่า หากเพื่อนๆคนใหนที่จะเช่ามอเตอร์ไซต์ขับแบบดิฉัน จะต้องนั่งวินมอเตอร์ไซต์มาประมาณ 40 บาทมาลงที่ร้านเช่ารถใกล้ๆขนส่งสายเก่าเลยจ้า
โดยค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์อยู่ที่วันละ 300 บาท
ค่ามัดจำรถค่อนข้างแพงไปหน่อยค่ะ ตกมัดจำคันละ 5000-6000 บาทเลยทีเดียวค่ะ
ทางร้านจะยึดบัตร ปปช.ของเราไป ส่วนเราก็ใช้ใบขับขี่แทนค่ะ
หากใครที่จะเช่ารถขับเที่ยวแบบดิฉัน หรือเช่าไปทำธุระปราปรายในตัวเมือง ก็เตรียมเงินมัดจำมาเยอะหน่อยนะคะ
เมื่อได้รถมอเตอร์ไซต์เป็นพาหนะแล้ว ก็ Let's go ขับตะล่อนเที่ยวในเมืองโคราชได้แล้วจ้า แต่อย่าลืมใส่หมวกกันน๊อคด้วยนะคะ เพราะเมืองใหญ่อย่างโคราช รถราเยอะ และตำรวจก็ตรวจจับ ปรับกันแบบจริงๆ ไม่อิงนิยายนะจ๊ะ
จากนั้นดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์มายังโรงแรมไอซาน่า ซึ่งเป็นที่พักคืนนี้เลยค่ะ ซึ่งกว่าที่ดิฉันจะขับรถมอเตอร์ไซต์หาโรงแรมได้ ก็ทำเอาปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นาน เนื่องจากเป็นโรงแรมพึ่งเปิดใหม่ไม่กี่เดือนเอง เลยอยากมาลองพักค้างแรมดูสักคืนสิว่า ห้องเป็นอย่างไร บริการเป็นยังไงบ้าง จะได้มาบอกเล่าให้คุณผู้อ่านได้ดูกัน
ทริปนี้ดิฉันตัดสินใจพักค้างแรม 1 คืน ที่โรงแรมไอซาน่า (Asana Hotel)
เข้ามาเช็คอินน์เข้าพักที่ล็อบบี้ในโรงแรมก็ดูโอ่โถ่งกว้างขวาง ใหญ่โตสวยงาม สมกับราคาและเงินที่จ่ายไป และโรงแรมมีลิฟท์ ไม่ต้องเดินบันใดขึ้นให้เมื่อยขา แถมมี Bell Boy หรือพนักงานบริการยกกระเป๋าให้ด้วย ถือว่ามีมาตรฐานดีทีเดียว
เตียงนอนนุ่มกำลังดี ไม่บุ๋มยุบย้วยจนเกินไป
ปัจจุบันนครราชสีมา หรือรู้จักในชื่อ โคราช เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทยและมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เริ่มต้นการเดินทางในครั้งนี้ ดิฉันนั่งรถทัวร์โดยสารจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 มายังเมืองโคราช ตอนแรกกะว่าจะอยากจะนั่งเครื่องบินมาลงที่เมืองนี้สักหน่อย แต่เสียดายสารการบินปิดกิจการไปเสียก่อน ก็เลยไม่ได้มาเจิมสนามบินเมืองโคราชเลยนะคะ
แต่ไม่เป็นไร การเดินมายังเมืองโคราชก็ไม่ได้อยากเย็นแสนเข็ญมากนัก เพราะมีระบบขนส่งสาธารณะทั้ง รถไฟ,รถบัสโดยสารและรถตู้ จะขาดก็เสียแต่เครื่องบินอย่างที่กล่าวไปคะ
หากใครที่จะวางแผนจากกรุงเทพฯมาเมืองโคราช ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหมดคิวรถ ได้นอนหดตัวปูเสื่อนอนในสถานีขนส่ง เพราะการเดินทางมายังเมืองนี้ ก็มีรถให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงเลยล่ะค่ะ
ส่วนราคารถบัสโดยสารชั้น 1 จากหมอชิต2 ไปยังเมืองโคราช ราคาอยู่ที่ 191 บาทถ้วนค่ะ
ระหว่างเดินทางไปยังภาคอีสาน หากใครที่ใช้ถนนสายมิตรภาพ ยังไง๊ ยังไงก็ต้องขับรถผ่านเขื่อนลำตะคองอย่างแน่นอน
ผ่านเขื่อนลำตะคอง เขื่อนขนาดใหญ่ กลายเป็นจุดแวะพักชมวิวทิวทัศนียภาพของเหล่านักเดินทางจากทั่วสารทิศ
หลังจากที่ใช้เวลาเดินทางด้วยรถบัสโดยสารจากกรุงเทพใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมงก็ถึงสถานีขนส่งโคราชใหม่ จากนั้นก็นั่งวินจากขนส่ง มายังร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ในตัวเมือง ซึ่งน่าจะห่างจากสถานีขนส่งประมาณ 3 กิโลเมตรได้กระมังค่ะ
สำหรับร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ในเมืองโคราช ก็อยู่ใกล้ๆกับสถานีขนส่งโคราชเก่าเลยค่ะ ดิฉันเห็นมีอยู่ 2 ร้าน ได้แก่ ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ไดมอนยนต์ และร้านยูโรการช่าง สำหรับร้านมอเตอร์ไซต์ที่ดิฉันตัดสินใจเช่าขับในการเที่ยววันนี้ เลือกร้านยูโรการช่าง เพราะเห็นมีรถมอเตอร์ไซต์เยอะกว่า หากเพื่อนๆคนใหนที่จะเช่ามอเตอร์ไซต์ขับแบบดิฉัน จะต้องนั่งวินมอเตอร์ไซต์มาประมาณ 40 บาทมาลงที่ร้านเช่ารถใกล้ๆขนส่งสายเก่าเลยจ้า
โดยค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์อยู่ที่วันละ 300 บาท
ค่ามัดจำรถค่อนข้างแพงไปหน่อยค่ะ ตกมัดจำคันละ 5000-6000 บาทเลยทีเดียวค่ะ
ทางร้านจะยึดบัตร ปปช.ของเราไป ส่วนเราก็ใช้ใบขับขี่แทนค่ะ
หากใครที่จะเช่ารถขับเที่ยวแบบดิฉัน หรือเช่าไปทำธุระปราปรายในตัวเมือง ก็เตรียมเงินมัดจำมาเยอะหน่อยนะคะ
เช่ารถมอเตอร์ไซต์ในเมืองโคราชวันละ 300 บาท |
จากนั้นดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์มายังโรงแรมไอซาน่า ซึ่งเป็นที่พักคืนนี้เลยค่ะ ซึ่งกว่าที่ดิฉันจะขับรถมอเตอร์ไซต์หาโรงแรมได้ ก็ทำเอาปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นาน เนื่องจากเป็นโรงแรมพึ่งเปิดใหม่ไม่กี่เดือนเอง เลยอยากมาลองพักค้างแรมดูสักคืนสิว่า ห้องเป็นอย่างไร บริการเป็นยังไงบ้าง จะได้มาบอกเล่าให้คุณผู้อ่านได้ดูกัน
ทริปนี้ดิฉันตัดสินใจพักค้างแรม 1 คืน ที่โรงแรมไอซาน่า (Asana Hotel)
เข้ามาเช็คอินน์เข้าพักที่ล็อบบี้ในโรงแรมก็ดูโอ่โถ่งกว้างขวาง ใหญ่โตสวยงาม สมกับราคาและเงินที่จ่ายไป และโรงแรมมีลิฟท์ ไม่ต้องเดินบันใดขึ้นให้เมื่อยขา แถมมี Bell Boy หรือพนักงานบริการยกกระเป๋าให้ด้วย ถือว่ามีมาตรฐานดีทีเดียว
ราคาห้องพักที่โรงแรมไอซาน่า ตกคืนละ 1263 บาทรวมอาหารเช้าค่ะ พักได้ 2 คน
ถ้ามาคนเดียวแบบตัวดิฉันก็ราคาเดียวกันนะคะ
จะไปขอต่อลดราคากับทางที่พักก็คงไม่ได้นะค่ะ
เพราะดูโรงแรมแล้วค่อนข้างมีมาตรฐานทีเดียว ไม่ได้ไก๋ก๋า
กะโหลกกะลาเหมือนทริปที่ผ่านๆมานะคะ
มีโคมไฟ ที่วางสัมภาระ มีตู้เซฟนิรภัย ตู้เย็น กาต้มน้ำร้อน ชากาแฟ น้ำดื่มฟรีให้บรรยยากาศภายในล็อบบี้โรงแรม |
สภาพโดยรวมของห้องพักถือว่าดีทีเดียวค่ะ เพราะทุกอย่างใหม่เอี่ยมอ่อง สะอาดสะอ้าน ห้องพักขนาดกว้างขวาง ไม่อึดอัดหรือแคบจนเกินไป มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบ มีระเบียงห้องพัก สัญญาณ WiFi รวดเร็วทันใจ มีชากาแฟในห้องพัก น้ำดื่มฟรี ตู้เย็น ทีวี ที่วางของ มีมุมนั่งทำงานให้ด้วย
ห้องน้ำด้านในก็ดีค่ะ กว้างขวางไม่อึดอัด แบ่งเป็นโซนห้องอาบน้ำ และโซนนั่งขี้ต่างหาก ตกแต่งเรียบๆ สะอาด ดูสบายตา สรุปห้องพักให้ผ่านค่ะ แต่ยังไม่รู้ว่าอาหารเช้าจะเป็นอย่างไร เดี่ยวดิฉันจะมาบ้าเขียนรีวิวโรงแรมไอซาน่าแยกออกต่างหากอีกครั้งค่ะ
หลังจากที่ได้เช็คอินน์นำกระเป๋าไปไว้ยังที่โรงแรมไอซาน่าเรียบร้อยแล้วนะค่ะ จากนั้นก็ได้เวลาทานอาหารเที่ยงแล้วค่ะ เพราะเมื่อตอนเช้าทานข้าวต้มไปนิดเดียวเอง
ใหนๆมาถึงเมืองโคราชทั้งที ยังไงก็ต้องแวะลิ้มลองทานหมี่โคราชสักครั้ง
ว่ากันว่า หากใครที่มาถึงเมืองโคราชแล้ว ไม่ได้ทานหมี่โคราช ถือว่ามาไม่ถึงโคราชนะคะ
โดยร้านที่ดิฉันเลือกมาทานหมี่โคราชนี้ แวะมาทานที่ร้านแมนโร่ ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ชื่อดังประจำเมืองโคราช ที่เปิดมานานมากๆ เลยแวะมาทานสักครั้ง
ราคาหมี่โคราชที่ร้านแมนโร่ ตกห่อละ 50 บาท ถ้านั่งทานที่ร้านก็ราคาเดี่ยวกันค่ะ
โดยคนผัดหมี่โคราช ก็เป็นคุณป้าก็เป็นเจ้าของร้านเป็นคนผัดเลยนะคะ น่าจะการันตีรสชาติได้ว่าต้องอร่อยถูกปากแน่ๆ แต่ถ้าใครที่ไม่อยากทานหมี่โคราช ก็มีผัดไทยให้ด้วยนะค่ะ
ผัดหมี่กำลังผัดโฉ้งเช้งในกระทะร้อนๆ
สำหรับใครที่ยังไม่เคยทานหมี่โคราช เห็นหน้าตาของหมี่แล้ว ก็คงจะสงสัยว่าแตกต่างกันอย่างไรใช่ใหม๊ค่ะ แต่ลักษณะที่เด่นชัดของหมี่โคราชก็คงจะเป็นเส้นลักษณะแบนๆที่ค่อนข้างเหนียวหนึบ เวลาผัดจะปรุงพริกผง ใส่ไข่ลงไป ทำให้รสชาติเผ็ดซี๊ดอร่อยจี๊ดจนถึงทรวง แบบไม่ต้องปรุงเลยล่ะค่ะ
ของดีหมี่โคราช มาถึงโคราชทั้งที ต้องลิ้มลองผัดหมี่แบบโคราชแท้ๆสักครั้งสิ |
เอาเป็นว่าหากเพื่อนๆคนใหนที่ทัศนาจรมาถึงเมืองโคราช ก็อย่าลืมแวะทานหมี่โคราชนะคะ มีหลายเจ้าให้เลือกทาน รสชาติก็แซ่บๆพอๆกันคะ
ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือลานย่าโม หากใครที่มาโคราชแล้วไม่มาสักการะถือว่ามาไม่ถึงเมืองโคราชนะคะ |
ว่ากันว่าหากใครก็แล้วต้อง ที่แวะมาที่เมืองโคราช ต้องมาสักการะย่าโม่ทุกครั้ง หากไม่มาถือว่ามาไม่ถึงเลยนะคะ เพราะเป็นจุดเช็คอินน์และเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองหน้าด่านของประตูสู่ภาคอีสานแห่งนี้
เกี่ยวกับท้าวสุรนารี อ่านกันเป็นความรู้ค่ะ
ท้าวสุรนารี หรือ คุณหญิงโม (ต้นฉบับว่า ท่านผู้หญิงโม้) นิยมเรียกว่า ย่าโม (พ.ศ. 2314 — พ.ศ. 2395) เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ไทยในฐานะวีรสตรีมีส่วนกอบกู้เมืองนครราชสีมาจากกองทัพเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์เวียงจันทน์ เมื่อปี พ.ศ. 2369 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลังคุณหญิงโมได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นท้าวสุรนารี
ท้าวสุรนารี มีนามเดิมว่า "โม" (แปลว่า ใหญ่มาก) หรือท้าวมะโหโรงเป็นชาวเมืองนครราชสีมาโดยกำเนิด เกิดเมื่อปีระกา พ.ศ. 2314 มีนิวาสถานอยู่ ณ บ้านตรงกันข้ามกับวัดพระนารายณ์มหาราช (วัดกลางนคร) ทางทิศใต้ของเมืองนครราชสีมา เป็นธิดาของนายกิ่มและนางบุญมา มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ แป้นาผล ไม่มีสามี จึงอยู่ด้วยกันจนวายชนม์ มีน้องชายหนึ่งคน ชื่อ จุก (ภายหลังได้เป็นเจ้าเมืองพนมซร็อก ต่อมามีการอพยพชาวเมืองพนมซร็อกมาอยู่ริมคูเมืองนครราชสีมาด้านใต้ จึงเอาชื่อเมืองพนมซร็อกมาตั้งชื่อ บ้านพนมศรก ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็นบ้านสก อยู่หลังสถานีรถไฟชุมทางถนนจิระจนทุกวันนี้)
ประตูชุมพล |
อนึ่ง ประตูชุมพล ทางกรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2480 และ กำแพงเมืองโคราช ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2479 อีกด้วย
เครดิตข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/ระตูเมืองนครราชสีมา#ประตูชุมพล
เครดิตข้อมูลดีจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ท้าวสุรนารี
การร้องเพลงโคราชที่สืบทอดจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน |
สาระเกี่ยวกับเพลงโคราช อ่านเป็นความรู้กันจ้า |
เนื่องจากเพลงโคราชเป็นวัฒนธรรมมุขบาฐเรื่องราวความเป็นมาต่างๆ ที่เกี่ยวกับเพลงโคราช จึงถูกถ่ายทอดด้วยวิธีปากต่อปากและการสังเกตการจดจำ จากครูเพลงถึงลูกศิษย์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพลงโคราชกล่าวกันว่าเป็นที่นิยมเล่นตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ต่อมาเมื่อมีการสร้างอนุสาวรีย์ท้าวย่าโมขึ้น จึงได้ให้มีงานฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี เพลงโคราชได้มีโอกาสเล่นในงานฉลองตั้งแต่ปี พ.ศ.2477 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน และประชาชนต่างๆมีความเชื่อมันกันว่าท้าวสุรนารีในสมัยที่มีชีวิตอยู่นั้นท่านชอบเพลงโคราชเป็นอย่างมาก จึงมีการแสดงเพลงโคราชแก้บนที่บริเวณลานอนุสาวรีย์และวัดศาลาลอยดังที่พบเห็นได้ในปัจจุบัน และปรากฎที่มาของเพลงโคราชว่าที่กำเนิดมาจากตำนานเพลงโคราช 2 ตำนานซึ่งเป็นที่รู้จักกันในกลุ่มของหมอเพลง
ร่วมบริจาคทรัพย์ที่มูลนิธิสงเคราะห์ผู้สูงอายุโพธิ์กลาง |
จากนั้นดิฉันก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์เริ่ดสะแมนแตนมาทำทาน ร่วมบริจาคทรัพย์ที่มูลนิธิสงเคราะห์ผู้สูงอายุโพธิ์กลาง ซึ่งอยู่ในตัวเมืองโคราช
ร่วมบริจาคทรัพย์ที่มูลนิธิสงเคราะห์ผู้สูงอายุโพธิ์กลาง |
ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์มาร่วมบริจาคทรัพย์ สละอัตตาหิอัตโนนาโถ มาต่อที่สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรปกรณ์ วัดม่วง |
หากเพื่อนๆหรือคุณผู้อ่านท่านที่ตั้งใจแวะมาเที่ยวเมืองโคราช อยากจะทำบุญทำทาน ก็สามารถแวะมาร่วมบริจาคสิ่งของที่จำเป็นกันได้นะคะ
และหลังจากที่ได้ทำทานด้วยการร่วมบริจาคทรัพย์ช่วยเหลือมูลนิธิผู้สูงอายุทั้ง 2 แห่งแล้วนะค่ะ ดิฉันขับมอเตอร์ไซต์แว๊นๆไปยังจุดหมายถัดไป นั้นก็คือวัดศาลาลอย ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ในเมืองโคราช ที่ใครก็ต้องแวะมากราบสักการะและร่วมทำบุญกัน
ขนมโดนัทเมืองย่า |
ได้ลิ้มลองรสชาติของโดนัทที่นี้ ถือว่ารสชาติอร่อยทีเดียวค่ะ สงสัยว่าเดี๊ยนจะไม่ได้ทานโดนัทมานานด้วยกระมัง ก็เลยไม่รู้รสของโดนัทเลยว่าเป็นอย่างไร แต่ของเค้าอร่อยดี สมคำล่ำลือจริงๆ เห็นทีขากลับต้องแวะซื้อเพิ่มอีกหนึ่งถุงแล้วล่ะค่ะ
หลังจากนั้นก็เดินทางขับมอเตอร์ไซต์แว๊นๆมาทำบุญต่อที่วัดศาลาลอย ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งในเมืองโคราช
เกี่ยวกับวัดศาลาลอย อ่านกันดูเป็นความรู้จ้า
วัดศาลาลอย เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวโคราชเคารพนับถือเป็นอย่างมากเป็นเวลากว่า 200 ปี เมื่อครั้งท้าวสุรนารี หรือ ย่าโม เสร็จศึกสงครามจากทุ่งสัมฤทธิ์ ขณะยกทัพกลับเมืองนครราชสีมา ได้แวะพักบริเวณท่าตะโก และได้สั่งให้ทหารทำแพเป็นรูปศาลาเสี่ยงทายลอยไปตามลำตะคอง พร้อมตั้งจิตอธิฐาน หากแพรูปศาลานี้ ลอยไปติดอยู่ ณ ที่แห่งใด จะสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งแพได้ลอยไปติดอยู่ริมฝั่งขวาของลำตะคอง ซึ่งเป็นวัดร้าง จึงได้สร้างพระอุโบสถ เป็นวัดศาลาลอยในปัจจุบัน
วัดศาลาลอย วัดเก่าแก่ในตัวเมืองโคราช |
พระพุทธรูปยืนภายในโบสถ์วัดศาลาลอย |
อนุสาวรีย์ท้าวย่าโมที่วัดศาลาลอย |
ภายในมีพระประธานปูนปั้นสีขาว ปางห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปยืนประทับ ณ ประตูเมืองสังกัสนคร พระนามว่า"พระพุทธประพัฒน์สุนทรธรรมพิศาล ศาลาลอยพิมาลวรสันติสุขมุนินทร์" |
เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดศาลาลอย
หลังจากที่ได้ไปทำบุญไหว้พระที่วัดศาลาลอยแล้ว ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์มุ่งหน้าออกจากตัวเมืองโคราชไปยังอำเภอพิมาย เพื่อไปชมปราสาทหินพิมายสักครั้ง เนื่องจากตั้งแต่แวะมาเที่ยวโคราช ยังไม่เคยไปชมปราสาทหินแห่งนี้เลยค่ะ
จากเมืองโคราชไปยังอำเภอพิมายประมาณ 60 กิโลเมตร |
Phimai Historical Park |
นอกจากนี้ยังมีแผ่นพับแผนที่แสดงข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับปราสาทหินให้ได้อ่านเป็นความรู้กันอีกด้วยค่ะ
โดยช่วงเวลาที่ดิฉันมาถึงนี้ ก็ปาเข้าไปตอน 4 โมงเย็นแล้วค่ะ เพราะมัวแต่เอ้อระเหยลอยลม ชมวิวริมทางอยู่ ก็เลยช้าหน่อย
บรรยากาศในช่วงยามเย็นแม้จะใกล้เวลาปิดการ แต่เวลายามนี้ดูน่าจะเดินชมได้อภิรมย์ยิ่งนัก เพราะนักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะ และแดดก็ไม่ค่อยร้อนอีกด้วย
โดยบันใดแห่งนี้เป็นทางขึ้นสู่ตัวปราสาท มีลักษณะเป็นลายยกพื้นรูปกากบาทตามคติความเชื่อในการก่อสร้างปราสาทของศาสนาฮินดู เป็นทางเชื่อต่อระหว่างโลกมนุษย์กับโลกสวรรค์ ราวสะพานโดยรอบสลักเป็นลำตัวนาคชูคอแผ่พังพานเป็นนาคเจ็ดเศียร มีลักษณะรูปแบบศิลปกรรมแบบนครวัด สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 17
ทางเดินเข้าไปยังปราสาทหินพิมาย |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับปราสาทหินพิมาย |
สำหรับอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย เป็นหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ในตัวอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วยปราสาทหินในสมัยอาณาจักรขะแมร์ที่ใหญ่โตและงดงาม สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อใช้เป็นเทวสถานของศาสนาพราหมณ์
ตัวอุทยานตั้งอยู่ฟากทิศตะวันออกของแม่น้ำมูล บนพื้นที่ 115 ไร่ วางแผนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 565 เมตร ยาว 1,030 เมตร ลักษณะพิเศษของปราสาทหินพิมาย คือ ปราสาทหินแห่งนี้สร้างหันหน้าไปทางทิศใต้ ต่างจากปราสาทหินอื่น ๆ ที่มักหันไปทางทิศตะวันออก สันนิษฐานว่าเพื่อให้หันรับกับเส้นทางตัดมาจากเมืองยโศธรปุระ เมืองหลวงในสมัยนั้นของอาณาจักรขะแมร์ ซึ่งเข้ามาสู้เมืองพิมายทางทิศใต้
ประวัติของเมืองพิมายเป็นเมืองที่สร้างตามแบบแผนของศิลปะเขมร |
เมื่ออิทธิพลของวัฒนธรรมขอมเริ่มเสื่อมลงหลังรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และมีการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยในเวลาต่อมา เมืองพิมายคงจะหมดความสำคัญลง และหายไปในที่สุด เนื่องไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับเมืองพิมายเลยในสมัยสุโขทัย
ปราสาทองค์ประธาน เป็นส่วนสำคัญที่สุดของปราสาทหินพิมาย |
ปราสาทองค์ประธาน เป็นส่วนสำคัญที่สุดของปราสาทหินพิมาย เป็นปราสาทองค์ใหญ่ สร้างขึ้นราวพุทธศรรตวรรษที่ 16-17 ก่อสร้างด้วยศิลาทรายสีขาวหันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งแตกต่างจากศาสนสถานแบบขอมในที่อื่น ๆ ซึ่งมักจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปราสาทประธานประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ มณฑป และ เรือนธาตุ
ปราสาทองค์ประธาน ก็เป็นปราสาทพรหมทัตกับบรรณาลัย |
การจำหลักลวดลายประดับตามส่วนต่าง ๆ เช่น หน้าบัน ทับหลัง มักจำหลักเป็นภาพเล่าเรื่องรามเกียรติ์และเรื่องราวทางพุทธศาสนา |
โดยที่ปราสาทปรางค์ประธานนั้น มีการจำหลักลวดลายประดับตามส่วนต่าง ๆ เช่น หน้าบัน ทับหลัง มักจำหลักเป็นภาพเล่าเรื่องรามเกียรติ์และเรื่องราวทางพุทธศาสนา ยกเว้นทางด้านทิศใต้ จำหลักเป็นภาพศิวนาฏราช ภายในเรือนธาตุเป็นส่วนสำคัญที่สุดเรียกว่า ห้องครรภคฤหะ เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพสำคัญ พื้นห้องตรงมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีร่องน้ำมนต์ต่อลอดผ่านพื้นห้องออกไปทางด้านนอก เรียกว่า ท่อโสมสูตร
อุทยานประวัติศาสตร์หินพิมาย (Pimai Historial Park) |
สวนไทรงาม ในอำเภอพิมาย |
ไม่ไกลนักจากปราสาทหินพิมายระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรก็เป็นที่ตั้งของสวนไทรงามอายุกว่า 350 ปี ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งในเมืองพิมายที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะไปกัน
โดยภายในสวนไทรงามเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแม่ไทรงาม
สวนไทรงาม ณ ช่วงเวลายามเย็นอันโพลเพล้ |
ถึงแม้ในช่วงยามเย็นอันวังเวงแบบนี้ แต่ก็มีภาพเก่าๆแก่ให้แลชมอย่างน่าอภิรมย์สมใจอยู่ไม่น้อย เนื่องจากมีภาพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรไทรงาม พร้อมสาระเจ้าแม่ไทรงาม อำเภอพิมาย จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2513
ในหลวง ร.9 และพระราชินีเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรไทรงาม อำเภอพิมาย เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน เมื่อปี พ.ศ.2498 |
หากเพื่อนๆคุณผู้อ่านคนใหนที่วางแผนมาเที่ยวพิมายก็อย่าลืมแวะมาสักการะเจ้าแม่ไทรงาม และเดินชมสวนไทรงามแห่งนี้สักครั้งนะค่ะ รับรองว่าสวยงามเป๊ะปัง อลังการแปลกตา ช่ะช่ะช่าหัวใจอย่างแน่นอนจ้า เพราะบริเวณโดยรอบก็ปกคลุมชุ่มชื่น รื่นบานฤทัยไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจี
แต่ถ้าให้ดี หากจะมาเที่ยวช่วงยามเย็นพลบค่ำแบบนี้ หาคู่หูดูโอ้มาเดินเป็นเพื่อนด้วยก็ดีนะค่ะ จะได้ไม่รู้สึกว่าวังเวง
หลังจากที่ได้เดินชมสวนไทรงามจนชื่นฉ่ำบานใจแล้วนะค่ะ ดิฉันก็แว๊นๆเป็นผู้สาวขาเลาะขับมอเตอร์ไซต์ออกจากอำเภอพิมาย มุ่งหน้ากลับเข้ามายังตัวเมืองโคราชอีก 60 กว่ากิโลเมตร
เมืองโคราชในช่วงยามหัวค่ำ |
แวะตลาดร้อยปีเมืองย่าโม เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก |
เดินเข้าไปดูสิว่ามีอะไรให้ทานบ้าง
มื้อเย็นนี้ที่เมืองโคราช ทานก๊วยจั๊บคู่กับโยเกิรต์แล้วกันน่าจะอร่อยดีนะ เพราะเมื่อตอนกลางวันได้ซัดหมี่โคราชไปแล้ว รอบเย็นก็ซัดก๊วยจั๊บญวนเป็นมื้อหนักไป รสชาติถือว่าอร่อยเริ่ดทีเดียวค่ะ เห็นมีคนนั่งในร้านเต็มเลย
ของฝากเมืองโคราช ไม่พลาดเส้นหมี่โคราช อร่อยๆถูกปากของฝากถูกใจ |
หลังจากที่ทานอาหารมื้อเย็นจนอิ่มแล้ว ดิฉันก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์กลับเข้ามายังที่พักเพื่อพักผ่อน
จบทริปหมดไป 1 วัน รู้สึกว่าเวลาช่างเดินไปไวเสียเหลือเกิน แป๊บๆก็หมดไปเป็นวันแล้วค่ะ
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในเมืองโคราช
ทานอาหารเช้าที่โรงแรมไอซาน่า (Aisana Hotels) |
มีสลัดผัก โยเกิรต์ ขนมปังปิ้ง ผลหมากรากไม้ อาหารหนัก อาหารเบา เรียงไว้เลือกทานหลากหลาย แต่ดิฉันก็ทานได้แค่นิดเดียว เพราะเมื่อคืนนี้ก็ซัดทานก๊วยจั๊บซ่ะจนอื่มมาถึงตอนเช้าเลย มื้อนี้ก็เลยเบาๆ ขนมปังแผ่นเดียว กับผลไม้นิดเดียว
แต่ในห้องอาหารของโรงแรมก็จัดไลน์อาหารดูน่าทานดี ห้องอาหารก็โอ่โถ่งไม่คับแคบ ตกแต่งได้สวยงามกิ๊บเก๋ หรูหราสมราคาก็เลยล่ะค่ะ
หลังจากที่ทานอาหารเช้าจนอิ่มแล้ว เช้านี้ยังเวลาอีกนิดหน่อย ดิฉันเลยขอไปเดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เมืองโคราชสักหน่อยคะ
โดยทำการเช็คเอาท์ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนเลย
จากนั้นก็ขับมอเตอร์ไซต์จากโรงแรมมาที่วิทยาลัยครูนครราชสีมา หรือชื่อในปัจจุบัน ม.ราชภัฎนครราชสีมา แต่ดิฉันชอบเรียกว่า วิทยาลัยครูมากกว่าค่ะ เพื่อเดินทางมาชมพิพิธภัณฑ์เมืองโคราช ซึ่งตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
โดยพิพิธภัณฑ์อยู่ที่สำนักศิลปะและวัฒนธรรม
พิพิธภัณฑ์เมืองนครราชสีมา ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่รวบรวบเรื่องราวความรู้ต่างๆของเมืองโคราชไว้ให้ผู้ที่สนใจได้แวะเข้ามาเดินชมและศึกษาความรู้กันค่ะ
ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์เมืองนครราชสีมา |
เป็นพิพิธภัณฑ์ทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมของเมืองนครราชสีมา บริหารโดยสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา มีเป้าหมายในการเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีการบูรณาการความรู้เกี่ยวกับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรมของจังหวัดนครราชสีมา อันควรค่าที่คนโคราชจะได้รับรู้และภาคภูมิใจ เปิดให้บริการเพื่อการศึกษา เรียนรู้และท่องเที่ยวทัศนศึกษาตั้งแต่ พ.ศ.2557
พิพิธภัณฑ์เมืองโคราช สถานที่เรียนรู้ที่รวบรวมเรื่องราวของเมืองโคราชไว้อย่างน่าสนใจ |
เดินมาจุดแรกเป็นห้องเบิกโรง
เป็นห้องที่บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ห้องสมัยลพบุรี
นอกจากนี้ยังมีภาคเก่าๆของเมืองโคราชให้ชมกันอีกด้วย อย่างภารที่เห็นเป็นภาพประตูเมืองเก่าของโคราช เมื่อปี ค.ศ.1920
ห้องมหานครแห่งอีกสาน
ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงความรู้ต่างๆไว้ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว แถมได้ความรู้อีกด้วย
หากเพื่อนๆคุณผู้อ่านคนใหนที่แวะเวียนมาเที่ยวเมืองโคราช ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวเดินชมศึกษากันนะคะ รับรองว่าได้ความรู้กลับไปอย่าแน่นอนจ้า
ขับมอเตอร์ไซต์กลับมาเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม |
นั่งวินมอเตอร์ไซต์จากร้านเช่ารถ มาที่สถานีขนส่งเพื่อซื้อตั๋วรถตู้ไปลงเมืองบุรีรัมย์ |
ได้เงินมัดจำคืน พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน
และนั่งวินมอเตอร์ไซต์จากร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ซึ่งอยู่ใกล้สถานีขนส่งสายเก่า
เดินทางมายังสถานีขนส่งโคราชสายใหม่ ราคา 40 บาท เพื่อซื้อตั๋วรถตู้โดยสาร เดินทางไปยังเมืองบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นทริปเมืองท่องเที่ยวถัดไปคะ
นั่งรถตู้จากเมืองโคราช ไปยังเมืองบุรีรัมย์ |
จบทริปเที่ยวเมืองโคราช 1 วัน เช่ามอเตอร์ไซต์ลุยเดี่ยวขับเที่ยวด้วยตัวเอง ไม่ยากเลยนะคะ ในเมืองโคราชยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งช๊อปปิ้งเช็คอินน์ให้ฟินกระจายอีกมากมายให้แวะชมกันค่ะ ถ้าเพื่อนๆคนใหนที่ยังไม่เคยมาเยือนเมืองโคราช ลองแวะมาเที่ยวกันสักครั้งนะคะ รับรองว่าสุขสมอุรา ช่ะช่ะช่าหัวใจอย่างแน่นอนจ้า
สำหรับรีวิวถัดไปจะพาเพื่อนๆคุณผู้อ่านบนโลกออนไลน์ไปเที่ยวบุรีรัมย์ แบบไม่ต้องตำน้ำกินค่ะ อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในดินแดนอีสานใต้ ที่ยังไงก็ต้องแวะไปเที่ยวสักครั้ง ยังไงรอมาคลิ๊กสไลด์เปิดดูกันนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามาลั๊ลลาเปิดดูกัน....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
-------------------------------------------
รีวิวท่องเที่ยวไปเรื่อยเปื่อยตามเมืองต่างๆ ที่ผ่านมามีดังนี้จ้า
แบ่งปันรีวิวเที่ยวขอนแก่น สุดสะแนนแสนชิล ไปถ่ายรูปวิวสวยงาม คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวระนอง ลองแช่น้ำแร่ เช่ารถแลชมที่เที่ยวต่างๆ ตามไปกันเลย>> |
สาระน่ารู้กับเพลงภาษาอังกฤษยุค 60-70's เพื่อฝึกภาษาพร้อมคำแปล คลิ๊กดูบทความค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองบราติสลาวา 1 วัน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง>>> |
รีวิวเที่ยวกรุงบูดาเปสต์ 1 วัน ไป-กลับ ขยับเท้าเดินชมสถานที่เที่ยวต่างๆ มีอะไรบ้าง>>> |
ไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพ ใกล้รถไฟฟ้า เดินไปได้มีวัดใหนบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียด>> |
แบกเป้เที่ยวกรุงเวียนนาด้วยตัวเอง มีที่เที่ยวจุดถ่ายรูปอะไรบ้าง ตามไปกันเลย>> |
รีวิวพาเที่ยวชมพระราชวังเดิม เติมความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลยจ้า คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
รีวิวพาชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลย>> |
หรือดูรายละเอียดที่ : http://bit.ly/2l05FdT
รีวิวเที่ยวเมืองมิวนิค เดินชิคๆไปชมสถานที่สวยงามต่างๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
เที่ยวนครนายกไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวไปทั่วได้ด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิว>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง ไปดูสิว่ายังสวยปังอยู่ใหม๊ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวตอนที่ 18 แบกเป้ลุยเดี่ยวเมืองเวนิชครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2KQvnsh
รีวิวตอนที่ 17 แบกเป้ไปเที่ยวเมืองมิลาน มีอะไรให้ชมบ้างนะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2AWC1x
0 ความคิดเห็น