 |
| เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมารีวิวพาคุณผู้อ่านไปเที่ยวชมพระราชวังเดิม เติมความรู้แบบไทยๆในโบราณสถานต่างๆ มีอะไรให้ชมบ้าง ตามไปเที่ยวดูกันเลยค่ะ (Travel at Thonburi palace or Phra Rachawang Dem palace Bangkok ) |
ก็ขอสวัสดีทักทาย ซำบายดีกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆบนโลกออนไลน์ และเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจกันทุกคนนะคะ ก็กลับมารีวิวเที่ยวเมืองไทยอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมทริปนี้คือสาระดีๆแบบไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนจริงค่ะ เพราะได้ติดตามข่าวสารใน Facebook Fanpage ของเพื่อนๆหลายๆคนได้แท๊กมาให้ว่า จะมีการเปิดให้เข้าชมพระราชวังเดิมได้ฟรีในช่วงวันที่ 14-28 ธันวาคมนี้ วันหยุดปลายสัปดาห์นี้ เดี๊ยนเลยไม่รีรอค่ะ ขอไปเที่ยวชมพระราชวังแห่งนี้สักครั้ง เนื่องจากปักหมุดจะมาเที่ยวชมไว้นานตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ไม่มีโอกาสสักที เพราะมั่วแต่ยุ่งอยู่กับการทำงาน หาเงินงกๆอยู่ค่ะ เมื่อมีโอกาสวันหยุดนี้ เดี๊ยนเลยขอเคลียงานให้เสร็จ งดหาเงิน ออกไปเที่ยวให้เริงสำราญด้วยการชมโบราณสถานสำคัญแห่งเมืองฟ้าอมรรัตนโกสินทร์แห่งนี้กันสักครั้ง
ซึ่งการเดินทางไปชมพระราชวังเดิมก็แสนจะสะดวกสุดๆ เพราะสามารถนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินลงสถานี สนามไชย และเดินไปขึ้นเรือข้ามฟากที่ท่าเตียน มายังวัดอรุณ แล้วเดินทะลุประตูวัดมาอีกนิดหน่อยก็ถึง กองบัญชาการกองทัพเรือ ซึ่งเป็นที่ตั้งพระราชวังเดิมแล้วล่ะค่ะ ส่วนเพื่อนๆคนใหน ที่วางแผนจะมาเที่ยวพระราชวังเดิมในช่วงเดือนธันวาคมนี้ยังทันค่ะ แต่ถ้าเลยกำหนดไป คงต้องรอปีหน้าเลยนะคะ
เพราะปกติแล้ว พระราขวังเดิม จะเปิดให้เข้าชมแบบหมู่คณะ และทำหนังสือขอเข้าชมมาด้วย เรียกว่ายุ่งยากทีเดียว สำหรับใครที่รักและหลงใหลในการชื่นชมโบราณสถาน และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ก็ไม่พลาดที่จะมาเที่ยวชม ให้ภิรมย์ใจสักครั้งนะคะ
 |
| สาระน่ารู้เล็กน้อยๆ เกี่ยวกับพระราชวังเดิม พอสังเขป (About Thonburi Palace) |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับพระราชวังเดิม พอสังเขป (About Thonburi Palace (Phra Racha Wang Derm) Bangkok)
พระราชวังกรุงธนบุรี หรือ พระราชวังเดิม จัดเป็นพระราชวังหลวง ในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ จัดอยู่ภายในการดูแลของกองบัญชาการกองทัพเรือ แต่เดิมที่เคยเป็นที่ตั้งของป้อมวิไชยเยนทร์ ที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตำแหน่งของพระราชวังเดิมเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ สามารถสังเกตการณ์ได้ในระยะไกล อีกทั้งยังใกล้กับเส้นทางคมนาคม และเส้นทางการเดินทัพที่สำคัญของสมัยกรุงธนบุรีอีกด้วย
โดยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงโปรดให้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2310 ภายหลังจากที่ทรงกอบกู้เอกราชให้ชาติไทยได้ เพื่อใช้เป็นที่ประทับและว่าราชการ เมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี พร้อมกับปรับปรุงป้อมวิไชยเยนทร์ และเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า ป้อมวิไชยประสิทธิ์อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นป้อมปราการสำคัญ
แต่เดิมทีนีั้น พระราชวังแห่งนี้มีอาณาเขต ตั้งแต่ป้อมวิไชยประสิทธิ์ขึ้นมาจนถึงคลองเหนือวัดอรุณราชวราราม (คลองนครบาล) และวัดท้ายตลาด (วัดโมลีโลกยาราม) เข้าไปในเขตพระราชวังเดิม ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ ก็ได้ทรงย้ายราชธานีมาอยู่ฝั่งพระนคร โดยสร้างพระบรมมหาราชวังขึ้นเป็นที่ประทับ พระราชวังกรุงธนบุรีจึงได้ชื่อว่า "พระราชวังเดิม" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปัจจุบันพระราชวังเดิมจัดอยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิโบราณสถานพระราชวังเดิม
สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่อยู่ต่างจังหวัดคนใหน ที่ปักหมุดจะหยุดกาลเวลา มาช่ะช่ะช่าเที่ยวชมพระราชวังเดิม และเดินทางไปไม่ถูก วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมารีวิวพาไปเที่ยวพระราชวังเดิม เติมความสุขเรียนรู้โบราณสถานแบบไทย มาให้สไลด์เลื่อนเปิดดูกันค่ะ หวังว่าน่าจะมีประโยชน์อยู่ไม่น้อยนะคะ
 |
| นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีสนามไชย จากนั้นเดินเท้ามาที่ท่าเรือข้ามฟาก ท่าเตียน |
เริ่มต้นการเดินทางเที่ยวทริปนี้ นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีสนามไชย จากนั้นเดินเท้ามาที่ท่าเรือข้ามฟาก ท่าเตียน ไปข้ามยังวัดอรุณ ซึ่งการเดินทางดังกล่าว ถือว่าได้รับความนิยมและสะดวกที่สุดค่ะ
ยืนรอคิวเข้าแถวจ่ายค่าเรือข้ามฟากคนล 4 บาท ไปยังท่าเรือวัดอรุณ คลาคล่ำไปด้วยผู้โดยสารมากมาย มีทั้งพระสงฆ์ องค์เจ้า และนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งมังค่าและเอเชีย
ดูวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาไปพลางๆ สวยงามแบบไทยๆ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน วิวของพระปรางค์อรุณ จัดเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก
 |
| ไหว้พระ สักการะนมัสการองค์พระพุทธรูปที่วัดอรุณก่อนสักแป๊บ |
ไหว้พระ สักการะนมัสการองค์พระพุทธรูปที่วัดอรุณก่อนสักแป๊บ
 |
| จากนั้นก็เดินทะลุมาที่บริเวณกองทัพเรือ |
จากนั้นก็เดินทะลุมาที่บริเวณกองทัพเรือ
 |
| แป๊บเดียวก็จะถึงประตูทางเข้าพระราชวังเดิม |
เดินมาแป๊บเดียวก็จะถึงประตูทางเข้าพระราชวังเดิม ซึ่งสร้างอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยาเลยค่ะ
มีกำแพงสร้างรอบกั้นเขตบริเวณพระราชวัง และทหารอารักษ์ขาประจำดูแลหน้าประตู
ก่อนเข้าไปก็กราบนมัสการ อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินก่อนเพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ
เข้ามาเขตพระราชวังเดิม
บริเวณด้านในพระราชวังเดิมในการดูแลของกองทัพเรือ เป็นที่ตั้งของอาคารโบราณสถานที่สำคัญหลายอาคาร ซึ่งอยู่ติดๆกัน ไม่ไกลกันมากนัก
ข้อปฎิบัติของการเที่ยวชมพระราชวังเดิม คือ ห้ามถ่ายรูปด้านในอาคารที่มีป้ายติดกำกับไว้
กรุณาถอดรองเท้าก่อนเข้าอาคารด้านใน และห้ามส่งเสียงดัง เพื่อเป็นการเคารพสถานที่
 |
| มีแผ่นพับข้อมูลความรู้เกี่ยวกับพระราชวังเดิมให้อ่านเป็นคู่มือเข้าชมอีกด้วย |
มีแผ่นพับข้อมูลความรู้ให้อ่านกันอีกด้วย
ไปดูสิว่าในพระราชวังเดิม มีโบราณสถานในวังอะไรบ้าง
โดยจุดแรกที่เจ้าหน้าที่ แนะนำให้มาชมคือ อาคารเรือนเขียว
 |
| 1.เรือนเขียว เป็นอาคารโรงพยาบาลเดิมของโรงเรียนนายเรือในสมัยที่ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังเดิม |
 |
| 1.เรือนเขียว เป็นอาคารโรงพยาบาลเดิมของโรงเรียนนายเรือในสมัยที่ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังเดิม |
 |
| 1.เรือนเขียว เป็นอาคารโรงพยาบาลเดิมของโรงเรียนนายเรือในสมัยที่ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังเดิม |
1.เรือนเขียว
โดยเรือนเขียวจัดเป็นอาคารโรงพยาบาลเดิมของโรงเรียนนายเรือในสมัยที่ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังเดิม สร้างขึ้นในราวๆปี พ.ศ.2443-2449 ในช่วงที่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์เสด็จประทับ ณ พระราชวังเดิมในสมัยต้นรัชกาลพระบาทเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
 |
| 2.ท้องพระโรง สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ.2310 จัดเป็นหนึ่งอาคารเก่าแก่ อยู่คู่กับการสร้างพระราชวังกรุงธนบุรี และการสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี |
|
| 2.ท้องพระโรง สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ.2310 จัดเป็นหนึ่งอาคารเก่าแก่ อยู่คู่กับการสร้างพระราชวังกรุงธนบุรี และการสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี |
 |
| ภาพบริวเณท้องพระโรงชั้นนอก จัดแสดงข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับพระราชวังเดิม |
 |
| 2.ท้องพระโรง สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ.2310 จัดเป็นหนึ่งอาคารเก่าแก่ อยู่คู่กับการสร้างพระราชวังกรุงธนบุรี และการสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี |
2.ท้องพระโรง
สำหรับท้องพระโรงสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ.2310 จัดเป็นหนึ่งอาคารเก่าแก่ อยู่คู่กับการสร้างพระราชวังกรุงธนบุรี และการสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ประกอบด้วยพระที่นั่งสององค์เชื่อมต่อกันคือ พระที่นั่งองค์ทิศเหนือ เรียกว่า "ท้องพระโรง" หรือ "พระวินิจฉัย" ใช้เป็นที่ออกขุนนาง พื้นที่ตรงกลางท้องพระโรงมีเสา 2 แถว แถวละ 8 ต้น เรียกว่า "ในประธาน" พระที่นั่งองค์ทิศใต้หรือที่เรียกว่า "พระที่นั่งขวาง" เป็นส่วนสราชมณเฑียร อันเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์
 |
| ระฆังจีน ซึ่งอยู่ในท้องฟระโรงชั้นนอก |
 |
| ระฆังจีน ซึ่งอยู่ในท้องฟระโรงชั้นนอก |
ภายในท้องพระโรงเปิดโล่ง เป็นที่จัดแสดงป้ายบอร์ดแสดงข้อมูลความรู้เกี่ยวกับพระราชวังเดิมให้ได้อ่านกันอย่างน่าสนใจ และมีระฆังจีน โดยระฆังจีน ซึ่งอยู่ในท้องฟระโรงชั้นนอก มีคำจารึกเป็นภาษาจีนไว้ที่ตัวระฆัง จึงแน่ใจว่าเป็นระฆังจีนวัดรัตนมุนีเจ้าอาวาส วัดหงษาราม ปัจจุบันเรียกว่าวัดหงส์รัตนาราม ถวายพลเรือเอก สมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงนครราชสีมา สำเร็จราชการกระทรวงทหารเรือ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2467 เพื่อเป็นของสำหรับพระราชวังเดิม ระฆังจีนใบนี้ยังมีอยู่ ที่ท้องพระโรงมาจนถึงปัจจุบัน
 |
| 3.อาคารเก๋งคู่หลังใหญ่ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2367-2394 พร้อมกับการซ่อมแซมปรับปรุงอาคารเก๋งคู่หลังเล็ก |
 |
| 3.อาคารเก๋งคู่หลังใหญ่ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2367-2394 พร้อมกับการซ่อมแซมปรับปรุงอาคารเก๋งคู่หลังเล็ก |
3.อาคารเก๋งคู่หลังใหญ่
เป็นอาคารที่อยู่ติดคู่กับอาคารเก๋งหลังเล็ก สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2367-2394 พร้อมกับการซ่อมแซมปรับปรุงอาคารเก๋งคู่หลังเล็ก ปัจจุบันภายในอาคารใช้เป็นที่จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชด้านในสังคม เศรษฐกิจ ศาสนา และศิลปกรรม โดยจัดแสดงในรูปภาพจิตรกรรม ตู้แสดงสิ่งของ หุ่นจำลองและแผนที่ต่างๆไว้อย่างน่าสนใจ และหาชมได้ยากยิ่ง โดยไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้านในอาคาร
 |
| 4.อาคารเก๋งคู่หลังเล็ก สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น |
 |
| 4.อาคารเก๋งคู่หลังเล็ก สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น |
4.อาคารเก๋งคู่หลังเล็ก
สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สร้างอยู่คู่กับอาคารเก๋งหลังใหญ่ ต่อมาในช่วงปี พ.ศ.2367-2394 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ได้โปรดให้มีการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารนี้ พร้อมกับการสร้างอาคารเก๋งคู่หลังใหญ่ ปัจจุบันภายในอาคารจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านการรบของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยใช้แผนที่และภาพจิตรกรรม นอกจากนั้นยังเป็นพื้นที่จัดแสดงอาวุธโบราณชนิดต่างๆให้ได้ชมและเรียนรู้กันอีกด้วย
 |
| 5.อาคารเก๋งสมเด็จพระปิ๋นเกล้าเจ้าอยู่หัว อาคารแบบตะวันตกหลังแรก ที่สร้างขึ้นในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ |
 |
| 5.อาคารเก๋งสมเด็จพระปิ๋นเกล้าเจ้าอยู่หัว อาคารแบบตะวันตกหลังแรก ที่สร้างขึ้นในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ |
5.อาคารเก๋งสมเด็จพระปิ๋นเกล้าเจ้าอยู่หัว
สำหรับอาคารเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2367-2394 อาคารนี้ถือว่าเป็นอาคารแบบตะวันตกหลังแรก ที่สร้างขึ้นในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ชั้นบนเคยเป็นที่ประทับของเจ้านาย ส่วนชั้นล่างเป็นที่อยู่ของข้าราชบริพาร ปัจจุบันมูลนิธิฯ จัดชั้นบนเป็นที่แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวและเป็นห้องสมุด ส่วนชั้นล่างจัดแสดงนิทรรศการเงินตราเครื่องถมทองและเครื่องถ้วยโบราณของประเทศไทย
 |
| 6.ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สร้างขึ้นในระหว่างปี พ.ศ.2424-2443 แทนศาลหลังเก่า ที่มีสภาพทรุดโทรม |
 |
| 6.ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สร้างขึ้นในระหว่างปี พ.ศ.2424-2443 แทนศาลหลังเก่า ที่มีสภาพทรุดโทรม |
 |
| 6.ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สร้างขึ้นในระหว่างปี พ.ศ.2424-2443 แทนศาลหลังเก่า ที่มีสภาพทรุดโทรม |
6.ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชหลังปัจจุบันที่เห็นอยู่นี้ สร้างขึ้นในระหว่างปี พ.ศ.2424-2443 แทนศาลหลังเก่า ที่มีสภาพทรุดโทรมในสมัยที่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์เสด็จมาประทับ ณ พระราชวังเดิม ภายในศาลประดิษฐานพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
 |
| 7.ศาลศรีษะปลาวาฬ สร้างบนฐานของศาลหลังเดิมที่ขุดพบ ขณะที่ทำการสำรวจทางโบราณคดี ก่อนการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2538 |
 |
| 7.ศาลศรีษะปลาวาฬ สร้างบนฐานของศาลหลังเดิมที่ขุดพบ ขณะที่ทำการสำรวจทางโบราณคดี ก่อนการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2538 |
7.ศาลศรีษะปลาวาฬ
เป็นศาลที่อยู่ติดๆกับศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และอาคารเก๋งคู่หลังเล็ก สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2542 ถือเป็นอาคารหลังใหม่ โดยสร้างบนฐานของศาลหลังเดิมที่ขุดพบ ขณะที่ทำการสำรวจทางโบราณคดี ก่อนการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2538 ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นที่จัดแสดงกระดูกศรีษะปลาวาฬ ซึ่งพบได้โดยบังเอิญใต้ถุนศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจากการสำรวจทางโบราณดีในครั้งเดียวกน สำหรับรูปแบบนั้นได้จากการประยุกต์ให้เหมาะสมกับอาคารโดยรอบ
 |
| 8.ป้อมวิไชยประสิทธิ์ เดิมชื่อว่าป้อมวิไชยเยนทร์ สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช |
 |
| 8.ป้อมวิไชยประสิทธิ์ เดิมชื่อว่าป้อมวิไชยเยนทร์ สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช |
 |
| 8.ป้อมวิไชยประสิทธิ์ เดิมชื่อว่าป้อมวิไชยเยนทร์ สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช |
8.ป้อมวิไชยประสิทธิ์
เป็นป้อมที่สร้างอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมชื่อว่าป้อมวิไชยเยนทร์ สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้อิสรภาพกลับคืนมาได้ จึงโปรดฯ ให้สร้างวังหลวงในบริเวณของป้อมพร้อมกับสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานี และพระราชทานนามเรียกใหม่ว่า "ป้อมวิไชยประสิทธิ์" จัดเป็นหนึ่งป้อมเก่าแก่ที่สุดอีกแห่ง ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์และมีการปรับปรุงอยู่บนฐานเดิม มาจนถึงยุคสมัยรัตนโกสินทร์
สำหรับเพื่อนๆคุณผู้อ่านและเหล่าผู้รักการทัศนาจรคนใหน ที่ยังไม่เคยมาชม และอยากเข้าไปชม ไปดูด้านในอาคารว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ก็มาเที่ยวกันได้นะคะ ทางมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิมเปิดให้บุคคลทั่วไป เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 14-28 ธันวาคมนี้ ถ้าเลยกำหนด อาจต้องรอปีหน้าเลยนะคะ
 |
| หลังจากที่ได้เที่ยวชมโบราณพระราชวังเดิมแล้ว ก็นั่งเรือข้ามฟากไปยังท่าเตียน |
หลังจากที่ได้เที่ยวชมโบราณพระราชวังเดิมแล้ว ก็นั่งเรือข้ามฟากไปยังท่าเตียน
ค่าเรือโดยสารข้ามฟาก ก็คนละ 4 บาทเหมือมเดิม
นั่งเรือข้ามไปยังท่าเตียน
 |
| จากนั้นก็เดินเท้าจากท่าเตียน มาที่สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย เดินทางไปสถานีหลักสอง เพื่อนั่งรถเมลล์ไป Chill out เที่ยวสวนสามพราน |
จากนั้นก็เดินเท้าจากท่าเตียน มาที่สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย
นั่งรถโดยสารไปยังสถานีหลักสอง เพื่อเดินทางไป Chill out วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ตลาดสุขใจสวนสามพราน
ซึ่งการเดินทางไปยังอำเภอสามพราน ก็ไม่ต้องไปเริ่มต้นขึ้นรถที่วงเวียนใหญ่อีกต่อไปแล้วค่ะ เพราะตั้งแต่สถานีรถไฟ MRT สร้างเสร็จที่สถานีหลักสอง ตรงเดอะมอลล์บางแค จุดดังกล่าวก็เป็นแลนด์มาร์คไปเที่ยวนครปฐมได้อย่างสบาย
 |
| ต่อรถเมลล์โดยสารสาย 84 ไปยังสวนสามสามพราน ค่ารถเมลล์ประมาณ 30 บาท |
ออกจากสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีหลักสอง ก็มาต่อรถเมลล์โดยสารสาย 84 ไปยังสวนสามสามพราน ค่ารถเมลล์ประมาณ 30 บาท ตอนขึ้นรถเมลล์สายดังกล่าว ให้สังเกตุป้ายดีๆนะคะ เดียวจะขึ้นผิดเพราะมีสาย 84ก เป็นรถเมลล์สีแดง แต่ไม่ได้เป็นสามพราน เดี๊ยนขึ้นผิด ดีนะที่ถามกระเป๋ารถเมลล์ ไม่งั้นตะเลิดไปไกลแน่เลย แนะนำให้นั่งรถเมลล์สาย 84 เป็นรถแอร์ อย่าขึ้นผิดคันเชียวล่ะ เดียวหลงทางไปไกล
นั่งรถเมลล์โดยสารจาก ป้ายรถเมลล์สถานีหลักสอง ตรงเดอะมอลล์บางแค มาที่สวนสามพราน ระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตรตามถนนเพชรเกษม ใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมงเหมือนกันนะคะ เนื่องจากรถติดยาวมาจนถึงอ้อมน้อยเลย ไม่ได้มานานมากๆ
มีตลาดสุขใจที่จัดช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นตลาดที่เน้นสินค้าแบบออร์แกนิกจากธรรมชาติล้วนๆ มีพืชผักเกษตรอินทรีย์ ผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆจำหน่ายในตลาดสำหรับคนรักสุขภาพ และมีกิจกรรมต่างๆให้เข้าร่วมด้วย
บรรยากาศก็ร่มรื่น สวยงามจัดภายในบริเวณของสวนสามพราน
 |
| ตลาดสุขใจ ในสวนสามพราน |
ในตลาดก็คึกคัก มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเดินช๊อปปิ๊ง เลือกซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ถูกใจกันอย่างไม่ขาดสาย โดยส่วนใหญ่เป็น ผักสด ผลหมาก รากไม้ในท้องถิ่น และสินค้าแปรรูป สำหรับคนรักสุขภาพ
ซึ่งสินค้าแปรรูปก็ทำบรรจุภัณฑ์ให้มูลค่าเพิ่ม น่าซื้ออยู่ไม่น้อย
 |
| ตลาดสุขใจ ในสวนสามพราน |
แต่ละร้านก็มีป้ายบอกชื่อชัดเจน ตกแต่งดู่น่ารัก
มีขนมนมเนยแบบไทยๆ ดูเก๋ไก๋ดี แถมราคาไม่แพงด้วย
มีกระเจี๊ยบแดงๆ แปรรูปแบบกระเจี๊ยบ รสชาติหอมหวานอร่อยๆเริ่ดสะแมนแตนทีเดียว
 |
| สวนปฐมออร์แกนิก ฟาร์ม |
 |
| สวนปฐมออร์แกนิก ฟาร์ม |
มีมุมถ่ายสวยๆเก๋ๆในช่วงยามบายในสวนปฐมออร์แกนิก ฟาร์ม จุดถ่ายรูปเช็คอินน์ชื่อดังอีกแห่งในสวนสามพราน
 |
| เดินมาย้อนวันวาน ถ่ายภาพที่สวนสามพรานในวันหยุดสุดสัปดาห์ |
แต่มุมถ่ายภาพเดิมในวันวานก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง มีศาลาจีนริมน้ำ พอนึกถึงสวนสามพรานก็นึกถึงสวนดอกกุหลาบหรือโรสการ์เดน สมัยก่อนดังมากๆ
มีเรือนไทยงามวิไลอยู่ริมน้ำ
 |
| หรือมาอ้อยอิ่ง เดินชมริมแม่น้ำนครชัยศรี ก็งามชื่นรื่นฤดี ฉิมพลีความงาม ร้าวรานจับใจ สไตล์ไทยๆ เลิศสะแมนแตน |
เดินอ้อยอิ่งมาด้านในสวนของโรงแรม ก็เป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำนครชัยศรี ก็สวยงามชื่น รื่นฤดี ฉิมพลีความหวาน ร้าวรานแบบไทยๆเช่นกัน
 |
| จำได้ว่ามาสวนสามพราน ต้องถ่ายรูปคู่กับดงดอกกุหลาบ เป็นกิมมิคของที่นี่ แต่ปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา |
แต่เสียดายที่ไม่ได้เห็นสวนกุหลาบ หรือโรสการ์เดนส์แบบสมัยก่อน จำได้ว่ามาสวนสามพราน ต้องถ่ายรูปคู่กับดงดอกกุหลาบ เป็นกิมมิคของที่นี่ และเหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาวในยุคนั้นเลยล่ะค่ะ แต่ปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ทางสวนสามพราน ได้จัดเป็นสวนปฐมออร์แกนิค เอาใจสายคนรักธรรมชาติแทนค่ะ
ตรงข้ามมีคนภาพเรือข้ามฟากมาจอดเทียบท่าริมน้ำ
 |
| ริมแม่น้ำนครชัยศรี ที่โรงแรมแรมสามพรานริเวอร์ไซด์ การ์เดนส์ |
แม้กาลเวลาจะหมุนเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่สวนสามพรานก็ยังเป็นจุดนัดพบ แสนวันวานของนักเดินทางที่รักธรรมชาติ มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ มีที่โรงแรมห้องพักให้ตากอากาศ ชมธรรมชาติและวิถีชีวิตของผู้คนริมแม่น้ำนครชัยศรี กันอย่างสุขขีอีกด้วย
 |
| ริมแม่น้ำนครชัยศรี ที่โรงแรมแรมสามพรานริเวอร์ไซด์ การ์เดนส์ |
มีกิจกรรมสำหรับเด็กๆและครอบครัวให้เข้าร่วมสันทนาการ กันอย่างสำราญใจ
ในวันดังกล่าวก็มีการจัดงานสังคมสุขใจด้วย มีดนตรีเพราะให้ฟังกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ หรือจะเดินช๊อปหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไป ก็งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนัก
 |
| ก่อนเดินทางกลับ ก็เดินขยับหาซื้อพืชผักสลัดสด รสชาติหวานอร่อยจากธรรมชาติ เอาใจใส่สุขภาพตัวเองสักหน่อย |
โดยเฉพาะผักสดๆที่นี่ ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะมีสารพิษ เพราะเป็นผักออร์แกนิคจากสวนโดยตรง
ราคง ราคา ก็ไม่แพงมากด้วย ถ้าซื้อเยอะ ทางร้านก็ลดราคาให้อีกด
ขนมนมเนย อบเชย หอมกรุ่น ข้าวเกรียบว่าว ราคาถุงละ 30 บาท
ก็ซื้อไปทานระหว่างทางได้
 |
| หลังจากได้เดินช๊อปปิ้งอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ ที่ตลาดสุขใจ และย้อนวันวานที่สวนสามพราน ก็เดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ จบทริป 1 วัน เริงสุขสันต์เบิกบานฤทัย งามไฉไลเลิศสะแมนแตน |
หลังจากได้เดินช๊อปปิ้งอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ ที่ตลาดสุขใจ และย้อนวันวานที่สวนสามพราน ก็เดินทางมาขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีรถไฟ MRT สถานีหลักสองกลับที่พักโดยสวัสดิภาพ
เป็นอันจบทริปเที่ยว 1 วันในหยุดสัปดาห์นี้ เที่ยวพระราชวังเดิม เพิ่มเติมความรู้แบบไทยๆ และตะล่อนมาเดินตลาดสุขใจ ได้ของฝากติดไม้ติดมือเป็นสินค้าออร์แกนิคกลับไปอย่างเริ่ดสะแมนแตนจ้า
วันหยุดนี้หากเพื่อนๆ เหล่าผู้รักการทัศนาจรคนใหน ที่เบื่อๆการนอนอยู่บ้าน และยังไม่เคยมายลตระการเที่ยวพระราชวังเดิม ก็แวะไปเติมความสุขกันได้นะคะ หรือใครยังไม่เคยมาเที่ยวตลาดสุขใจในสวนสามพราน ก็นั่งรถไฟฟ้า MRT จรลีต่อด้วยรถเมลล์โดยสาร มายลตระการกันได้จ้า
และต้องขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่าน ที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามาสไลด์เลื่อนเปิดอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะคะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
-----------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้
รวมไหว้พระ 9-12 วัดในกรุงเทพใกล้รถไฟฟ้า เดินลั๊ลลาไปไม่ไกล ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>>
รีวิวพาเที่ยวชมมิวเซียมสยาม แหล่งเรียนรู้ไทยๆสุดเก๋ไก๋ มีอะไรอัพเดทใหม่ๆให้ชมบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวและที่เที่ยวค่ะ>>>
มาเด้อมาเที่ยวเมืองขอนแก่น สุดสะแนนแสนชิล ขับรถไปถ่ายรูปชมวิวต่างๆ มีที่ใหนเช็คอินบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
มาม๊ะ..มารีวิวเที่ยวเมืองอุดร เช่ารถออนซอน ตะลอนไปชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
พารีวิวเที่ยวชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ เดินชมในนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้ คลิ๊กดูรายละเอียดภาพรีวิวค่ะ>>>
หรือดูรายละเอียดที่ : http://bit.ly/2l05FdT
แบ่งปันรีวิวเที่ยวฮัลล์สตัทด้วยตัวเองแบบชิลๆ เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยววิวสวยๆอะไรให้ชมกันบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>
เปิดโลกกว้าง เดินทางไปเที่ยวเมืองซาลซ์บูร์ก(Salzburg) เมืองเก่าแก่แห่งนี้ มีที่เที่ยวจุดชมวิวสวยๆอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>
แบ่งปันทริปท่องโลกกว้าง เที่ยวเมืองเซลอัมซี เมืองน่ารัก มีจุดนั่งพักถ่ายรูปสวยๆ ไปดูสิว่ามีที่เที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
เก็บตก รีวิวเที่ยวเวียงจันทร์ 1 วัน ไปเช้า-เย็นกลับ มีที่เที่ยวอะไรให้ชื่นชมกันอีกบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
มาเด้อมารีวิวเที่ยวหนองคาย 3 วัน 2 คืน ไปชื่นชม ภิรมย์ใจตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
แบ่งปันรีวิวแบกเป้เที่ยวอินส์บรูค 2 วัน 1 คืน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ชื่นชมกันบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
รีวิววิธีการเดินทางไปเที่ยวชมปราสาทน็อยชวานสไตน์ด้วยตัวเองมาฝากใน 1 วัน มีที่เที่ยวอะไรให้ชมอีกบ้าง ตามไปชมกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
0 ความคิดเห็น