อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอยู่คู่เมืองหนองคาย มาอย่างยาวนาน ที่ใครๆก็ต้องมายลตระการกันสักครั้ง ก็คือ เมืองเวียงจันทร์ค่ะ ทริปประจำบทความนี้ เดี๊ยนคุณนายเว่อร์ เธอเลยขอเป็นบ้า จัดทริปย้อนวันวาน ไปยลตระการเมืองเวียงจันทร์อีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้มาเยือนเมืองนี้ นานกาลโขทีเดียว จำได้ว่ามาเที่ยวเวียงจันทรในยุคสมัยนั้น และต้องกางแผนที่เที่ยว และแวะมาเที่ยวแค่ไม่กี่แห่งเองค่ะ นอกจากประตูชัย พระธาตุหลวงเวียงจันทร์แล้ว ในเมืองหลวงแห่งนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เริงสรรค์ หรรษา ช่ะช่ะช่าหัวใจอีกหลากหลายแห่งเลยทีเดียว
การมาเที่ยวเวียงจันทร์ ก็ถือเป็นทริปเที่ยวต่างประเทศ ที่สื่อสารได้ง่ายที่สุดอีกแห่งด้วย |
โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญในเดือนนี้ ที่เมืองเวียงจันทร์ หรือชาวไทยชาวเรียกว่า "ฝั่งเวียง" ก็มีงานบุญใหญ่ไม่แพ้ฝั่งไทยเลยล่ะค่ะ เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกนี้ร้างไป วันนี้ดิฉันเลยขอพาคุณผู้อ่าน ไปย้อนวันวาน เที่ยวเมืองเวียงจันทร์อีกครั้ง ไปดูสิว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอะไรอีกบ้าง นอกจากมาเวียงจันทร์ไปประตูชัย หรือไปพระธาตุหลวงแล้ว ที่เวียงจันทร์ก็ยังมีสถานที่สำคัญ วัดวาอาราม สวยงามอีกหลายแห่ง แบบว่า 1 วันไปกลับ จะไปเที่ยวไหว้พระตามวัดวามที่ใหนบ้าง นำมาให้เพื่อนๆผู้หลงไหลในการทัศนาจร ได้ออนซอน อ่านฆ่าเวลากัน
ก่อนจะเข้าสู่ภาพรีวิว เรามารู้จักเมืองเวียงจันทร์กันพอสังเขปสักเล็กน้อยนะคะ
มารู้จักเมืองเวียงจันทร์กันพอสังเขปสักเล็กน้อยนะคะ |
จนกระทั้งเมื่อปี พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ กษัตริย์แห่งเวียงจันทน์องค์สุดท้ายพยายามรวบรวมกำลังเพื่อก่อการกบฏและกู้ชาติจากสยาม สยามจึงส่งกองทัพยกขึ้นมาปราบปรามเมืองเวียงจันทน์ และจับเจ้าอนุวงศ์ไปลงโทษที่กรุงเทพมหานคร ส่วนเมืองเวียงจันทน์นั้นถูกทำลายย่อยยับ เหลือรอดเพียงแต่พระอารามสำคัญไม่กี่แห่ง เช่น หอพระแก้ว วัดสีสะเกด เท่านั้น
และเมื่อเข้ายุคแห่งการล่าอาณานิคม ในปี พ.ศ. 2436 ดินแดนของลาว ก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส โดยเมืองเวียงจันทน์ถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางการบริหารการปกครองของลาวในอาณัติของฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2442 ตั้งแต่นั้นมา ต่อมาเมื่อประเทศลาวประกาศเอกราชจากฝรั่งเศส ก็ได้กำหนดให้กรุงเวียงจันทน์เป็นเมืองหลวงของลาวจนถึงทุกวันนี้
เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/เวียงจันทน์
สวนสาธารณะเจ้าอนุวงศ์ในนครหลวงเวียงจันทร์ |
เนื่องจากเวียนเทียน อ่านง่ายกว่า อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ แท้จริงอย่างไรอย่างไร ไม่ทราบที่มาได้ แต่เดี๊ยนที่ถามคนฝั่งลาว เพิ่นก็บอกข้าเจ้าว่า ฝรั่งเศสเปลี่ยนชื่อให้เป็น เวียนเทียน ก็เลยต้องเอาชื่อตามเขาไป
เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ เช้าวันใหม่ เช่ารถมอเตอร์ไซต์คันเดิม ขับออกจากโรงแรมที่พัก นำรถมาฝากไว้ที่ร้านรับฝากใกล้ๆด่าน ตม.หนองคาย |
มีบริการร้านฝากรถหลายจุดใกล้ๆกัน ดิฉันนำมาฝากไว้ที่ ตรงหัวมุมสามแยกท่ารถ มีที่รับฝากจอดกว้างขวาง รับฝากทั้งรถมอเตอร์ไซต์ และรถยนต์ |
มีบริการร้านฝากรถหลายจุดใกล้ๆกัน ของเดี๊ยนนำมาฝากไว้ที่ ตรงหัวมุมสามแยกท่ารถ มีที่รับฝากจอดกว้างขวาง รับฝากทั้งรถมอเตอร์ไซต์ และรถยนต์
มีป้ายติดไว้ด้วย รับฝากรถชั่วคราว คันละ 50 บาท แต่ถ้าค้างคืน คันละ 100 บาท เปิดให้บริการตังแต่เวลา 6 โมงเช้า ไปฮอดเวลา 21.00 น.หรือสามทุ่มเลยทีเดียว เบอร์โทรให้ด้วยตามรูปเลยเด้อ
มาที่ด่านพรมแดนหนองคาย ซึ่งใกล้กับร้านฝากรถเลยค่ะ
หากใครที่จะมาเที่ยวเวียงจันทร์ พกพาสปอร์ต หรือหากไม่มีพาสปอร์ต ก็ไปทำใบผ่านแดนในเมืองหนองคายมาก่อนก็ได้ค่ะ
เมื่อประทับตราจากด่านไทยแล้ว ก็ซื้อตั๋วโดยสาร นั่งรถเมลล์ข้ามฝากสะพานมิตรภาพไปฝั่งลาวได้เลยค่ะ ค่ารถโดยสารข้ามฟาก คนละ 20 บาทเท่านั้น
ขึ้นรถมาคนเต็มคันรถ ไม่มีที่นั่งเลยค่ะ เพราะวันนี้วันหยุด คนฝั่งลาวก็หยุดก็เดินทางกลับบ้านเค้า
ส่วนคนฝั่งไทยอย่างเรา ก็คลอเคล้าไปเที่ยวบ้านเขาค่ะ คนเลยแน่นคันรถเชียว แต่ก็ไม่เป็นไร ยืนเอา แป๊บเดียวก็ถึงฝั่งลาวล่ะ
ที่ด่าน ตม.แห่งนี้ มีคนเดินทางแทบทุกวัน ยิ่งวันหยุด คึกคักมากๆ
ถึงเขตพรมแดนประเทศลาว ได้มาเที่ยวต่างประเทศอีกแล้วจ้า เป็นประเทศเพื่อนบ้านเราใกล้ๆแค่นี้เอง นั่งรถข้ามมาก็ถึง ไม่ต้องตะลึงตึงๆไปไกลถึงยุโรป หรืออีกซีกโลกเลยนะ
นั่งรถเมลล์หวานเย็นจากฝั่งไทย มาถึงด่าน ตม.ลาว
หลังจากประทับตรา ผ่านด่าน ตม.เสร็จแล้ว แลกเงินให้พอใช้จ่ายในวันนี้เลยค่ะ อยากใช้จ่ายซื้อของฝาก กระชากใจเว่อร์อะไร ก็แลกไปตามใจเลย
จากนั้นก็เดินทางไปยังเมืองเวียงจันทร์ต่อได้เลยค่ะ ซึ่งวิธีการเดินทางที่ง่าย สะดวกและประหยัดที่สุด ก็คือ ขึ้นรถเมลล์สาธารณะของบ้านเขาเลยค่ะ
โดยเดินมาที่ป้ายรถเมลล์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก ด่านมากนักค่ะ เห็นมีอยู่คันเดียวเลยค่ะ คนที่นี่เรียกว่า รถบัสเขียว เดี๊ยนมองไกลๆมันเป็นสีส้ม พอเดินเข้าใกล้ๆ ก็เข้าใจเลยว่า เป็นสีเขียวจริงๆ เพราะเขียวอยู่ข้างขงา ข้างเดียวนี้เอง หากใครไม่สังเกตุดีๆ คงจะจรลีเดินหนีหาไม่ถูกแน่ๆ
รถบัสเขียวสาย 14 มีอยู่คันเดียว จอดรอรับผู้โดยสารอยู่ที่ป้ายรถเมลล์ สังเกตุได้ไม่ไกลจากด่าน ตม. หากเพื่อนๆคนใหน ที่มาเที่ยวเมืองเวียงจันทร์ครั้ง มีคนมาถามว่า มีรถไปเวียงใหม๊ บอกเค้าได้เลยว่า มีรถไปแล้ว และก็ชี้ไปที่รถเมลล์สีเขียว เป็นอันจบ
แผนที่เส้นทางรถบัสโดยสารให้บริการในเมืองเวียงจันทร์ (Vientiane City Bus Route) |
ตอนแรกมองเห็นป้ายนี้ เดี๊ยนนึกว่า ป้ายเส้นทางรถไฟฟ้าซ่ะอีก ถ้าไม่อ่านภาษาอังกฤษที่กำกับไว้นี้ ก็คงพรรณนานึกไปตามนั้นแน่แท้ รถจะให้บริการถึงสถานีขนส่งใจกลางเมือง
หากใครที่ไม่อยากเหมารถ และอยากประหยัดตัง
แน่นำว่า นั่งรถบัสโดยสารสาธารณะก็ดีนะคะ
โดยสารที่ต้องจำที่สุดคือ รถเมลล์สาย 14 เพราะเป็นรถเมลล์ให้บริการมาที่สะพานไทยลาวค่ะ
ส่วนใครที่นั่งรถเครื่องบินมาลงเวียงจันทร์ ก็มีรถเมลล์ให้บริการ เป็นรถสาย 44 ตามรูปด้านบนเลยค่ะ มีภาษาอังกฤษเขียนไว้ ตัวเล็กกะจิ๊ดลิด
ค่ารถเมลล์โดยสารรถจากด่าน ตม.ลาว-มายังสถานีขนส่งใจกลางกรุงเวียงจันทร์ คนละ 8000 กีบจ้า |
รอไม่นาน รถออจากด่าน ตม.เดินทางไปยังเมืองเวียงจันทร์
ระหว่างนั้น รถก็หยุดจอดตามป้ายต่างๆ มีจอมอนิเตอร์บอกจุดจอดแต่ละป้ายให้ด้วยนะคะ
เผื่อใครจะหลงระหว่างทาง
ใช้เวลานั่งรถมาประมาณ 40 กว่านาที ก็ถึงสถานีขนส่งเมืองเวียงจันทร์แล้วค่ะ สภาพสถานีเปลี่ยนแปลงจากเมื่อก่อนมากๆไม่ได้มาเกือบจะสิบปี จำแทบไม่ได้เลยค่ะ จำได้ว่าแต่ก่อนจะเป็นสถานีขนส่งเล็ก ดูมุ้งมิ้งกว่านี้
แต่บรรยากาศโดยรอบสถานีขนส่ง ยังคึกคัก จอแจ่ด้วยรถราและผู้คนที่เดินทางเหมือนเดิม
ว่ากันว่า เมื่อมาถึงฝั่งลาว เวียงจันทร์ บ่ต้องหันไปทางได่ดอก มาซื้อขนมปังบาแก็ตแบบฝรั่งเศสกินสักเตื้อเน้อเจ้า |
ขนมปังบาแก็ตที่นี่ ก็เนื้อนิ่ม ไม่ได้แข็งปั๊กเหมือนของเจ้าของต้นตำรับจากประเทศฝรั่งเศสแต่อย่างใดค่ะ |
ใช้ GPS นำทางค่ะ เนื่องจากไม่ได้ซื้อซิมเน็ต หรือเปิดโรมมิ่งให้สิ้นเปลืองสตังในโทรศัพท์แต่อย่างใด |
ซึ่งทริปนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในกรุงเวียงจันทร์ ซึ่งอยู่ใกล้ๆสถานีขนส่ง สามารถเดินเท้าไปได้ไม่ไกลด้วยค่ะ เพราะส่วนใหญ่วันที่มาเที่ยวเป็นวันหยุด คนลาวส่วนใหญ่ก็เดินจากสถานีขนส่งไปยังที่เที่ยวซึ่งอยู่ไม่ไกลค่ะ
ส่วนใครที่ไม่อยากเดิน หรือว่ามากันหลายๆคน แนะนำว่าสามารถเช่ารถสามล้อเครื่องกับคนขับบริการพาไปยังที่เที่ยวต่างๆได้นะคะ โดยราคาก็ต่อรองกับคนขับเอาค่ะ
แผนที่แสดงข้อมูลแนะนำสถานที่เที่ยวในโซน Historic Town หรือโซนประวัติศาสตร์เก่าแก่ในเมืองเวียงจันทร์ |
แผนที่แนะนำที่เที่ยวในเมืองเวียงจันทร์ |
เดินเท้าจากสถานีขนส่งตรงมาเรื่อยๆ ประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ มาชมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่ หอพระแก้ว
สถานที่แรกของวันนี้ เดินเท้าจากสถานีขนส่งมาไม่ไกล แวะมาชมความงามวิไลที่หอพระแก้ว ด้านในห้ามถ่ายรูปนะคะ |
ค่าธรรมเนียมเข้าชมหอพระแก้ว คนละ 10,000 กีบจ้า |
1.หอพระแก้ว |
จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งในเมืองเวียงจันทร์ ที่นักเดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติตมาเยือนชมอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากแต่เดิมหอแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) มาก่อนนั้นเอง ปัจจุบันเหลือเพียงพระแท่นที่ประดิษฐาน เพราะพระแก้วมรกตองค์ปัจจุบันได้รับการอัญเชิญลงมาประทับที่กรุงธนบุรีในสมัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โดยสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นผู้อัญเชิญ
1.หอพระแก้ว |
1.หอพระแก้ว |
1.หอพระแก้ว |
2.วัดสีสะเกด (Wat Si Sa Ket) |
2.วัดสีสะเกด (Wat Si Sa Ket) |
2.วัดสีสะเกด (Wat Si Sa Ket) |
2.วัดสีสะเกด (Wat Si Sa Ket) |
2.วัดสีสะเกด (Wat Si Sa Ket) |
เป็นวัดสำคัญและแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาที่สวยงามอีกแห่งในเวียงจันทร์ อยู่เยื้องตรงข้ามกับหอพระแก้ว วัดศรีสะเกด จึงเป็นที่เที่ยว มีนักเดินทางมาเยือนชมอย่างไม่ขาดสาย โดยชื่อเดิมของวัดแห่งนี้ มีชื่อว่า วัดสตสหัสสาราม สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2361 โดยพระเจ้าโพธิสารราช พระบิดาของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 สาเหตุที่ได้ชื่อว่า วัดสีสะเกด นั้นเป็นเพราะว่า ใกล้กับพระราชวังหลวง พระเจ้าแผ่นดินลาวทุกพระองค์นับแต่ พระเจ้าโพธิสารราชผู้สร้างนครเวียงจันทร์มานั้น พระองค์ทรงบรรทมหันศรีษะมาทางวัดนี้ เพื่อแสดงความเคารพต่อแก้วพระรัตนตรัยในวัด รวมทั้งพระแก้วมรกตอีกด้วย วัดนี้จึงถูกเรียกว่า วัดสีสะเกด ตั้งแต่นั้นมา ป็จจุบันเป็นวัดที่มีความสำคัญยิ่งต่อเมืองเวียงจันทร์ มีนักเดินทางแวะมาสักการะ นมัสการพระพุทธรูปเก่าแก่ในอุโบสถอย่างไม่เสื่อมคลาย
3.วัดสีเมือง (Wat Si Muang) ไหว้ศาลหลักเมืองลาว ศาลหลักเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงเวียงจันทร์ |
3.วัดสีเมือง (Wat Si Muang) ไหว้ศาลหลักเมืองลาว ศาลหลักเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงเวียงจันทร์ |
3.วัดสีเมือง (Wat Si Muang) ไหว้ศาลหลักเมืองลาว ศาลหลักเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงเวียงจันทร์ |
3.วัดสีเมือง (Wat Si Muang) ไหว้ศาลหลักเมืองลาว ศาลหลักเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงเวียงจันทร์ |
3.วัดสีเมือง (Wat Si Muang) ไหว้ศาลหลักเมืองลาว ศาลหลักเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงเวียงจันทร์ |
เดินเท้าจากวัดสีสะเกดมาเรื่อยๆ ประมาณ 1 กิโลเมตร ก็มาถึงวัดสีเมือง วัดเก่าแก่และเป็นวัดที่ชาวเมืองเวียงจันทร์ให้ความเคารพศรัทธามากที่สุดอีกแห่ง เนื่องจากเป็น วัดที่ประดิษฐาน ศาลหลักเมืองลาว วัดสีเมืองสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2106 โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธราชได้ลงความเห็นให้สร้างวัดสีเมือง ณ ที่แห่งนี้ ต่อมาถูกกองทัพสยามทำลายลงในปี พ.ศ. 2371 จากนั้นก็มีการสร้างวัดสีเมืองขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ. 2458 โดยภายในวัดสีเมืองมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่มากมาย โดยเฉพาะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ พระพุทธรูปองค์นี้ได้ชำรุดไปบางส่วน ซึ่งชาวลาวเชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก และยังมีตำนานเล่ากันว่า เมื่อมีการสร้างเสาหลักเมือง ต้องหาคนที่จะอุทิศชีวิตลงหลุมฝังเสาหลักเมือง แต่ถ้าไม่มีใครอุทิศตัว เจ้าอาวาสภายในวัดจะต้องอุทิศชีวิตเองลงในหลุมฝังเสา แต่ได้มีนางสีเมืองซึ่งท้อง 3 เดือน ได้ยอมอุทิศตนกระโดดลงไปอยู่ก้นหลุมเสาหลักพร้อมกับม้าอีกหนึ่งตัว จึงเป็นที่มาของชื่อวัดว่า วัดสีเมือง มาจนถึงปัจจุบัน
กระทงใบตองเรียงราย ขายอยู่ริมทาง เพื่อนำไปลอยในวันออกพรรษา เป็นการบูชาพญานาค |
พุทธบูชา ขันหมากเบ็ง |
4.สวนสาธารณะเจ้าอนุวงศ์ |
4.สวนสาธารณะเจ้าอนุวงศ์ |
หนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ อยู่ไม่ไกลจากหอพระแก้ว ตั้งอยู่ใกล้หาดดอนจันทร์ ติดริมแม่น้ำโขง ในเมืองเวียงจันทร์ นอกจากเป็นสวนสาธารณะแล้ว ยังเป็นสถานที่สำหรับจัดนิทรรศการสำคัญต่างๆอีกด้วย สวนแห่งนี้สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์สำหรับเจ้าอนุวงศ์ ซึ่งพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์พระองค์ที่ ๕ หรือพระองค์สุดท้ายของราชอาณาจักรนี้ ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นพระมหาวีรกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรล้านช้างและประเทศลาว นอกจากนี้ยังได้รับการยกย่องจากประชาชนชาวลาวว่า เป็นพระมหากษัตริย์ผู้พยายามกอบกู้เอกราชชาติลาวจากการเป็นประเทศราชของราชอาณาจักรสยาม
เดินมาในสวนเจ้าอนุวงศ์ มีการจัดงานสำคัญในวัดออกพรรษา มีงานมรสพและร้านขายของต่างๆมากมาย
มีเครื่องเล่นตรงบริเวณหาดดอนจันทร์
ข้ามหลามก็มีวางขายมากมาย
เห็นว่าคนที่นี่ก็ชอบทานข้าวหลามกันไม่แพ้ทางฝั่งไทยเลยค่ะ
ข้าวหลามกระบอกบางๆ ฉีกทานเอา เคี้ยวมันกรุบกริบ
ในงานก็มีการละเล่นต่างๆ แต่ที่โดดเด่น ดึงดูดผู้เล่นชาวลาวที่สุด คงเป็น ร้านสาวน้อยตกน้ำเนี่ยแหละค่ะ
สาวน้อยในถังก็ผมเกรียนๆ น่ารักเชียว มีหนุ่มๆมารอซื้อลูกบอลเพื่อไปปาสาวน้อยหลายคนเลย แต่เดี๊ยนรอแล้ว รอเล่า ก็ไม่ยักเห็นสาวน้อยจะตกน้ำสักกะที เพราะเป้าสีแดงเล็กนิดเดียว น่าจะทำใหญ่กว่านี้นะ คนที่มาเล่นจะได้ปาเป้าได้ถูก แต่เห็นโฆษกประจำร้าน ก็พูดสนุกสนาน เชิญชวนและหว่านล้อมลูกค้าให้มาเล่นได้ดีนัก ใครมาก็ต้องสะดุดหยุดดูทุกคน ส่วนคนเล่น ก็เสียเงินปาลูกบอลหลายลูกอยู่กระมัง เพื่อให้สาวน้อยตกน้ำ
เดินออกจากสวนเจ้าอนุวงศ์ วนเวียนมายังเส้นถนนท่องเที่ยวหลักในเมืองเวียงจันทร์ต่อค่ะ แวะมาไหว้พระทำบุญตามวัดวาต่างๆ ซึ่งอยู่ติดๆกับ ไม่แพ้วัดในเมืองไทยเราเลยล่ะ วัดเยอะเหมือนกันนะคะ
5.วัดองตื้อมหาวิหาร วัดเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งในเมืองเวียงจันทร์ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2109 |
5.วัดองตื้อมหาวิหาร วัดเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งในเมืองเวียงจันทร์ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2109 |
5.วัดองตื้อมหาวิหาร วัดเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งในเมืองเวียงจันทร์ ภายในอุโบสถประดิษฐาน พระเจ้าใหญ่ตื้อ |
5.วัดองตื้อมหาวิหาร วัดเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งในเมืองเวียงจันทร์ ภายในอุโบสถประดิษฐาน พระเจ้าใหญ่ตื้อ |
5.วัดองตื้อมหาวิหาร |
ถือเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งในเวียงจันทร์ ในบรรดาจำนวนหลายวัด และชาวเวียงจันทร์ให้ความศรัทธาและเป็นวัดที่ประกอบศาสนกิจประจำเมืองหลวงแห่งนี้อีกด้วย โดยวัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2109 พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ได้มาสร้างพระเจ้าองค์ตื้อขึ้นแล้วนำมา ประดิษฐานไว้ในวัดสีภูมิแห่งนี้ จึงได้ตั้งชื่อวัดใหม่ว่า "วัดองค์ตื้อ" ตามชื่อของพระพุทธรูปใหญ่ โดยในวัดแห่งนี้ มีพระอุโบสถใหญ่อยู่ 1 หลัง มีพระเจ้าใหญ่ตื้อ เป็นพระประธาน หน้าตักกว้าง 3 เมตร 40 เซนติเมตร สูง 5 เมตร 80 เซนติเมตร พร้อมด้วย พระสุก พระใส พระเสริม เป็นศิริมงคลต่อวัดแห่งนี้มาอย่างยาวนาน จึงเป็นที่เลื่อมใสต่อชาวเวียงจันทร์มาสักการะอย่างต่อเนื่อง
6.วัดหายโศก (Wat Haysoke) แวะทำบุญไหว้พระที่วัดหายโศก ตรงข้ามวัดองค์ตื้อ |
6.วัดหายโศก (Wat Haysoke) แวะทำบุญไหว้พระที่วัดหายโศก |
6.วัดหายโศก (Wat Haysoke) แวะทำบุญไหว้พระประธานในอุโบสถวัดหายโศก วัดเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย |
6.วัดหายโศก (Wat Haysoke) แวะทำบุญไหว้พระที่วัดหายโศก |
6.วัดหายโศก (Wat Haysoke) แวะทำบุญไหว้พระ ตีระฆังให้ดัง เพื่อบอกกล่าวเทวดาฟ้าดินให้รับรู้ |
ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดองค์ตื้อมหาวิหาร เป็นวัดที่เงียบสงบ ไมวุ่นวาย บรรยากาศวัดร่มรืน ภายในพระดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญให้ชาวเมืองเวียงจันทร์มานมัสการสักการะอย่างไม่ขาดสาย เชื่อกันว่า หากใครที่มีความทุกข์ข้องหมองใจสิ่งใด หากมาทำบุญทำทานที่วัดแห่งนี้ มีกุลศโลกบายว่าทำบุญแล้วจะเกิดความสบายใจ และหายโศกเศร้าจากสิ่งหม่องหม่นข้องใจต่างๆอีกด้วย
7.เจดีย์ธาตุดำ |
7.เจดีย์ธาตุดำ |
เดินลัดเลาะมาตามฟุตบาทไม่ไกลนัก ก็มาชมเจดีย์ธาตุดำ โบราณสถานเก่าแก่ประจำเมืองเวียงจันทร์ ตังอยู่ใจกลางเมือง ไม่ไกลจากวัดสีสะเกดและหอพระแก้ว โดยตามประวัติบอกกล่าวไว้ว่า ชาวลาวส่วนมากเชื่อว่า มันเป็นที่อยู่อาศัยของพญานาคเจ็ดหัว ที่พยายามจะปกป้องพวกเขา จากการบุกรุกโดยกองทัพสยาม ในปี ค.ศ. 1827 เป็นเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่เวียงจันทน์ เป็นเจดีย์เก่าแก่ที่บ่งบอกถึงประวัติศาสตร์เรื่องราวสำคัญของเมืองแห่งนี้อีกด้วย
เดินเท้าออกจากย่านเที่ยวโซนวัดสีสะเกดและหอพระแก้วมาเรื่อยๆ ก็ถึงปะตูไซ หรือประตูชัย |
8.ประตูชัย หรือชาวลาวเรียกว่า ปะตูไซ |
8.แวะเที่ยวชมประตูชัย ภายในของปะตูไซมีการตกแต่งด้วยเทพเจ้า เทวดา ในศาสนาพุทธและพราหมณ์ |
8.แวะเที่ยวประตูชัย สำหรับค่าบัตรขึ้นไปชมวิวด้านบน ค่าธรรมเนียมคนละ 3000 กีบเท่านั้น |
สวนน้ำพุบริเวณประตูชัยเมื่อมองจากด้านบน |
8.ประตูชัย หรือชาวลาวเรียกว่า ปะตูไซ หนึ่งในสี่ป้อมบนชั้นบนสุดของประตูชัย |
หนึ่งในสัญลักษณคู่เมืองเวียงจันทร์ ที่ใครมาเยือนเมืองนี้ หากไม่มาถ่ายรูปคู่ประตูแห่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเวียงจันทร์เลยล่ะ โดยจัดป็นอนุสรณ์สถานตั้งอยู่ท้ายสุดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของถนนล้านช้าง ใจกลางนครเวียงจันทน์ของประเทศลาว ประตูชัยก่อสร้างในระหว่างปี ค.ศ. 1957 ถึงปี ค.ศ. 1968 เพื่อเป็นการสดุดีวีรชนผู้ร่วมรบเพื่อประกาศเอกราชจากประเทศฝรั่งเศส จะเห็นได้ว่าประตูชัยสร้างขึ้นมาเลียนแบบประตูชัยในกรุงปารีสฝรั่งเศส แม้จะสร้างขึ้นเหมือนฝรั่งเศส แต่ศิลปะของประตูชัยแห่งนี้ ถูกตกแต่งด้วยศิลปะแบบล้านช้าง นำสัตว์ในตำนานตามความเชื่อของศาสนาพุทธ เช่น กินรี และพญานาค เป็นต้น และเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มาตกแต่ง บริเวณโดยรอบมีลานจัดการแสดงน้ำพุประกอบดนตรีและสวนแห่งนี้ ทำให้เป็นจุดท่องเที่ยว เช็คอิน ที่นักเดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ใครมาเที่ยวเวียงจันทร์ครั้งแรก ต้องไม่พลาดมาถ่ายรูปภาพที่นี่สักครั้ง
หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปยัง พระธาตุหลวงเวียงจันทร์ ที่เที่ยวสุดท้ายของวันนี้แล้วค่ะ แต่เดินเท้าไม่ไหวแล้วค่ะ เลยเลือกนั่งรถสามล้อไปดีกว่า เพราะจากปะตูไซไปยังพระธาตุหลวง ไกลเหมือนกันนะ
9.พระธาตุหลวงเวียงจันทร์ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ใครมาเยือนเมืองนี้ครั้งแรก ต้องมาสักการะให้ได้ |
9.พระธาตุหลวงเวียงจันทร์ |
9.พระธาตุหลวงเวียงจันทร์ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ใครมาเยือนเมืองนี้ครั้งแรก ต้องมาสักการะให้ได้ |
9.พระธาตุหลวงเวียงจันทร์ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ใครมาเยือนเมืองนี้ครั้งแรก ต้องมาสักการะให้ได้ |
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดอีกแห่งในเมืองเวียงจันทร์ และยังเป็นหนึ่งในพระธาตุที่นักเดินทางทั่วสารทิศให้ความเคารพและมาสักการะอย่างต่อเนื่อง โดยตามตำนานอุรังคนิทานได้กล่าวไว้ว่า พระธาตุหลวงสร้างขึ้นคราวเดียวกับการสร้างเมืองนครเวียงจันทน์ หลังจากก่อสร้างพระธาตุพนมแล้ว ผู้สร้างคือ บุรีจันอ้วยล้วย หรือ พระเจ้าจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ เจ้าเหนือหัวผู้ครองนครเวียงจันทน์พระองค์แรก พร้อมกับพระอรหันต์ 5 องค์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนหัวเหน่า 27 พระองค์ ซึ่งได้อัญเชิญมาจากเมืองราชคฤห์ ประเทศอินเดีย โดยก่อเป็นอุโมงค์หินคร่อมไว้ องค์พระธาตุมีความสูง 45 เมตร รูปลักษณะคล้ายดอกบัวตูม อันหมายถึงสัญลักษณ์คำสอนของพระพุทธเจ้า มีพระธาตุเล็กอยู่บนพระธาตุใหญ่ชั้นที่สอง รองทั้งสี่ด้าน มี 30 องค์เรียกวา “สัมมติงสบารมี” โดยพระธาตุแห่งนี้ยังถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศลาวอีกด้วย
หลังจากได้ไหว้พระธาตุหลวงเวียงจันทร์แล้ว
จากนั้นก็เดินทางกลับมาที่สถานีขนส่งใจกลางเมืองเวียงจันทร์
เดินทางนั่งรถบัสโดยสาร สาย 14 มาที่ด่าน ตม.ลาว
ถึงด่าน ตม.ลาวแล้ว ก็ประทับตราออกจากด่านฝั่งลาวแล้วเด้อ
ซื้อบัตรโดยสารนั่งรถข้ามฝาก คนละ 4000 กีบ
จากนั้นยืนรอแป๊บนึง จะมีคนเรียกขึ้นรถค่ะ
เดินทางกลับถึงฝั่งไทยโดยสวัสดิภาพ พลบค่ำยามเย็น นั่งรถข้ามฝากมา ลมพัดเย็นยิ่งนัก
แถมไม่ต้องยืนให้เมื่อยเหมือนตอนขามาด้วย เพราะเหลือที่ให้นั่งว่างอยู่เยอะเลย
หมดไป 1 วันกับทริปย้อนวันวานเที่ยวเวียงจันทร์อีกครั้ง
กลับมาเอารถมอเตอร์ไซต์ที่ฝากไว้ ที่ร้านฝากรถใกล้ๆด้าน ตม.หนองคาย เสียค่าฝากรถแค่ 20 บาทเท่านั้น ถูกมากๆ
จากนั้นก็ออกไปหาอะไรรับประทานมื้อเย็น หลังจากที่เดินเท้าใช้พลังงานไปเกือบทั้ง
เย็นมื้อค่ำนี้ เดี๊ยนเลยมาเติมความหมาย ที่ร้านขนมหวานบ้านคุณกุ้ง
ว่ากันว่าเป็นร้านขนมหวานดังประจำหนองคาย ของหวานเด็ดที่นี่คือ ทับทิมกรอบ กลิ่นหอมรสอร่อย ต้องซื้อไปลองทานสักชุด
ตรงข้ามร้านคุณกุ้งก็เป็นร้านข้าวเกรียบปากหม้อ แม่ตวง สูตรดั้งเดิม
แวะซื้อไปทานเป็นอาหารคาวมื้อเย็นอีกชุด
แม่ค้ากำลังละเลงไข่ลงบนแผ่นแป้งข้าวเกรียบ
รอทานข้าวเกรียบปากหม้อญวนห่อไข่ |
เย็นนี้ ซัดอาหารหนักมีแต่ของหวาน น้ำตาลเข้าเส้นเลือดหนักแน่ๆ แต่อิ่มชัวร์
เพราะกินของหวาน ทานคู่กับข้าวเกรียบปากหม้อ รสชาติแปลกอร่อยดี ไม่มีใครเหมือน ไม่เชื่อลองทานเอาของคาว ทานคู่กับของหวานดูนะคะ รสชาติอย่าบอกใครเชียวล่ะ
หลังจากที่เมื่อวานนี้ ได้เดินทางเที่ยวเวียงจันทร์แล้ว เริ่มต้นวันใหม่ ก็นำมอเตอร์ไซต์ไปคืนที่ร้านลุงหนุ่ย แล้วก็เดินทางมาที่สถานีขนส่ง
นั่งรถตู้โดยสารจากเมืองหนองคาย ไปเที่ยวต่อยังเมืองอุดรธานี ซึ่งเป็นที่เที่ยวเมืองถัดไป |
เดี่ยวทริปต่อไปจะพาคุณผู้อ่านไปทัศนาจร เที่ยวเมืองอุดรธานีกันต่อ ว่ากันว่าเมืองนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวให้ยลตระการอยู่หลายแห่งเลยล่ะค่ะ สำหรับบทความรีวิวแนะนำที่เที่ยววันนี้ ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆท่าน ที่เสียสละเวลา คลิ๊กเข้ามาสไลด์เลื่อนดูกันค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะคะ
------------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้ค่ะ
แหล่งท่องเที่ยวภาคอีสานใต้ ที่พลาดไม่ได้เลย ต้องไปเช็กอินกัน คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวขอนแก่น สุดสะแนนแสนชิล ไปถ่ายรูปวิวสวยงาม คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
รีวิวเที่ยวเมืองอุดร เช่ารถขับตะลอนไปชมสถานที่ต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อ>> |
แบ่งปันรีวิวแบกเป้เที่ยวหนองคาย เมืองนี้มีอะไรมากมายให้ชมจริงๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวจ้า>> |
รีวิวพาชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลย>> |
หรือดูรายละเอียดที่ : http://bit.ly/2l05FdT
รีวิวแบกเป้เที่ยวเมืองอินสบรูค 2 วัน 1 คืน มีที่เที่ยวอะไรให้ชมบ้าง ตามไปดูกันค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวเดินทางไปชมปราสาทน็อยชวานสไตน์ด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวเมืองมิวนิค เดินชิคๆไปชมสถานที่สวยงามต่างๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
รีวิวเช่ารถมอเตอร์ไซต์ไปเที่ยวเมืองปราจีนบุรี ต้องไปฉิมพลีกันสักครั้งครา คลิ๊กดูรีวิว>> |
เที่ยวนครนายกไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวไปทั่วได้ด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิว>> |
รีวิวพาไปเที่ยวเมืองอูล์ม เมืองน่ารักที่ไม่เป็นแค่ทางผ่าน คลิ๊กดูสถานที่ท่องเที่ยวจ้า>> |
แบ่งปันรีวิวพาไปชมเมืองสตุทการ์ท มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปกันเลย>> |
แบกเป้ท่องโลกกว้าง เดินทางไปเที่ยวกรุงเฮก มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกันจ้า>> |
รีวิวแบกเป้พาไปเที่ยวเมืองฮาร์เลม เมืองเล็กๆน่ารัก ที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน คลิ๊กดูรีวิว>> |
แบกเป้รีวิวพาเที่ยวในกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองนี้มีอะไรให้ดื่มด่ำฤทัยบ้าง ตามไปดูกันสิ>> |
รีวิวพาชมเทศกาลดอกทิวลิปที่สวนเคอเคนฮอฟ มีอะไรให้ชมบ้าง คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
แบ่งปันรีวิวการเดินทางไปเที่ยวเมืองเก่าไฮเดลเบิร์กด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>> |
แบกเป้เที่ยวเยอรมนี แวะเที่ยวที่เมืองแฟรงก์เฟิรต์ ไปดูสิมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง>> |
มาม๊ะ..เที่ยวเกาะสมุยชิลๆ ชมวิวทะเลสวยๆ รุ่มระรวยด้วยของกินเลิศๆ คลิ๊กดูรีวิวจ้า>> |
0 ความคิดเห็น