|
เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอเลิกจากงานประจำ มาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้ภูมิภาคอีสานใต้ ที่ใครๆก็ต้องแวะมาเช็กอินถ่ายภาพกันสักครา ให้ชื่นฉ่ำอุราถึงทรวงใน สัมผัสไปในอารยธรรมขอมโบราณ อาหารรสชาติแซ่บคั๊กอีหลีเด้อจ้า |
หากเอ่ยนาม อร่ามจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน ถึงเส้นทางท่องเที่ยวในภูมิภาคอีสาน ที่ใครได้มายลตระการ ก็ต้องลุ่มหลงใหลไปกันสักคราอย่างแน่นอน คงเป็นเส้นทางเที่ยวยังแดนดินถิ่นอีสานใต้อย่างแน่นอนค่ะ เพราะตลอดเส้นทางตามถนนลาดยาง จะงามสะพร่างไปด้วยกลิ่นอายของอารยธรรมขอมอันรุ่งเรือง และเฟื้องฟุ้ง กรุงกระจายไปพร้อมกับวิถีชีวิตที่แสนเรียบง่ายแบบชนบท และอาหารการกินท้องถิ่นที่ใครได้ลิ้มลอง ต่างก็ต้องร้องว้าวกันแทบทุกราย เพราะอาหารท้องถิ่น รสชาติถูกลิ้น กินไปแล้วแซ่บอีหลีขนาดเน้อเจ้า
สำหรับเพื่อนๆเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจคนใจ ที่จะปลีกวิเวกหรือพาครอบครัวไปเที่ยวยังภาคอีสานใต เริ่มเที่ยวตั้งแต่เมืองโคราช-งามวิลาสถึงเมืองบุรีรัมย์ แล้วเต้นระบำที่เมืองสุรินทร์-ยลถิ่นเมืองขอมสุดฟินที่ศรีสะเกษ-แล้วไปเบิกเนตรที่จังหวัดอุบล เพื่อยลตระการอรุณรุ่งเบิกฟ้า งามระย้าจับใจก่อนใครๆ เรียกว่างามสุขล้นดลฤทัย ต้องไปกันให้ได้สักคราเลยเชียว ไม่ว่าจะขับรถยนต์ส่วนตัวตะลอนแวะเที่ยวตามรินทาง หรือจะเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเป็นผู้สาวขาเลาะ ก็ได้รูปภาพถ่ายแบบเอาะๆ มาโพสลงในไอจง ไอจี หรือจะบันทึกไว้ในไดอารี่ส่วนตัว ก็สุดแสนระรัวเพลิดเพลินจำเริญใจทีเดียวเชียวล่ะ
ส่วนใครที่จะทัศนาจร ออนซอนแวะมาเที่ยว แต่ยังไม่รู้ว่าจะไป เช็กอินตามแหล่งท่องเที่ยวที่ใหนบ้าง เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอเลิกจากงานประจำ มาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในแดนดินแห่งภูมิภาคอีสานใต้
ตั้งแต่จังหวัดนครราชสีมา เมืองโคราช-บุรีรัมย์-สุรินทร์-ศรีสะเกษ-จบที่จังหวัดอุบลราชธานี ให้ได้แวะไปฉิมพลีกันสักครั้ง ส่วนจะมีที่ใหนบ้างนั้น แวะไปเที่ยวกันได้เลยค่ะ
|
1.อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (Tao Suranaree monument) ย่าโมเมืองโคราช ต้องไม่พลาดมาสักการะกัน |
|
1.ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (Tao Suranaree monument) ภาพในอดีตวันวานยังหวานอยู่ของเมืองโคราชที่เจริญรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบัน |
|
1.อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (Tao Suranaree monument) |
|
1.ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (Tao Suranaree monument) มาสักการะย่าโมแล้ว ก็ต้องลอดประตูชุมพล มาถึงโคราชแน่นอนจ้า |
1.อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (Tao Suranaree monument) ไหว้ย่าโม ที่เมืองโคราช
ว่ากันว่า
หากใครที่มาถึงเมืองโคราชแล้ว
ไม่ได้มาสักการะนมัสการอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และลอดประตูชุมพล
ถือว่ามาไม่ถึงเมืองนี้เลยล่ะ
เพราะเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อยู่คู่เมืองโคราช มาอย่างยาวนาน
หรือมาเที่ยวเมือโดยท้าวสุรนารี
หรือ คุณหญิงโม (ต้นฉบับว่า ท่านผู้หญิงโม้) นิยมเรียกว่า ย่าโม (พ.ศ.
2314 — พ.ศ. 2395)
เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ไทยในฐานะวีรสตรีมีส่วนกอบกู้เมืองนครราชสีมาจากกองทัพเจ้าอนุวงศ์
พระมหากษัตริย์เวียงจันทน์ เมื่อปี พ.ศ. 2369
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ภายหลังคุณหญิงโมได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นท้าวสุรนารี
ท้าวสุรนารี
มีนามเดิมว่า "โม" (แปลว่า ใหญ่มาก) หรือท้าวมะโหโรงเป็นชาวเมืองนครราชสีมาโดยกำเนิด เกิดเมื่อปีระกา พ.ศ. 2314 มีนิวาสถานอยู่
ณ บ้านตรงกันข้ามกับวัดพระนารายณ์มหาราช (วัดกลางนคร)
ทางทิศใต้ของเมืองนครราชสีมา เป็นธิดาของนายกิ่มและนางบุญมา
มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ แป้นาผล ไม่มีสามี จึงอยู่ด้วยกันจนวายชนม์
มีน้องชายหนึ่งคน ชื่อ จุก (ภายหลังได้เป็นเจ้าเมืองพนมซร็อก
ต่อมามีการอพยพชาวเมืองพนมซร็อกมาอยู่ริมคูเมืองนครราชสีมาด้านใต้
จึงเอาชื่อเมืองพนมซร็อกมาตั้งชื่อ บ้านพนมศรก ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็นบ้านสก
อยู่หลังสถานีรถไฟชุมทางถนนจิระจนทุกวันนี้)
ประตูเมืองทางทิศตะวันตกของเขตเมืองเก่า
เป็นประตูเมืองเพียงแห่งเดียว ในบรรดาประตูเมืองทั้งหมด 4
ประตูของเมืองนครราชสีมา ที่ยังคงสภาพเดิมอยู่พร้อมกำแพงเมืองเก่า สำหรับ
ชื่อประตู "ชุมพล" นั้นหมายความถึง ที่ชุมนุมพลส่วนใหญ่
เป็นประตูสำหรับเตรียมไพร่พล และออกศึก เนื่องจากมีภูมิประเทศเปิดกว้าง
ไม่มีป้อมปราการตามธรรมชาติเหมือนประตูอื่น ๆ ในอดีตมีความเชื่อว่า
เมื่อลอดผ่านประตูชุมพลไปทำศึกแล้ว จะแคล้วคลาดได้กลับบ้านเมือง
|
2.ปราสาทหินพิมาย (phimai historical park) |
|
2.ปราสาทหินพิมาย (phimai historical park) |
|
2.ปราสาทหินพิมาย (phimai historical park) |
2.ปราสาทหินพิมาย (phimai historical park)
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณสถานสำคัญ
มีชื่อเสียงอีกแห่งในเมืองโคราช ตั้งอยู่ในอำเภอพิมาย
ห่างจากตัวเมืองโคราช 60 กิโลเมตร
โดยเป็นปราสาทประกอบด้วยปราสาทหินในสมัยอาณาจักรขะแมร์ที่ใหญ่โตและงดงาม
สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16
เพื่อใช้เป็นเทวสถานของศาสนาพราหมณ์
ตัวอุทยานตั้งอยู่ฟากทิศตะวันออกของแม่น้ำมูล บนพื้นที่ 115 ไร่
วางแผนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 565 เมตร ยาว 1,030 เมตร
ลักษณะพิเศษของปราสาทหินพิมาย คือ ปราสาทหินแห่งนี้สร้างหันหน้าไปทางทิศใต้
ต่างจากปราสาทหินอื่น ๆ ที่มักหันไปทางทิศตะวันออก
สันนิษฐานว่าเพื่อให้หันรับกับเส้นทางตัดมาจากเมืองยโศธรปุระ
เมืองหลวงในสมัยนั้นของอาณาจักรขะแมร์ ซึ่งเข้ามาสู้เมืองพิมายทางทิศใต้
ประวัติของเมืองพิมายเป็นเมืองที่สร้างตามแบบแผนของศิลปะเขมร
มีลักษณะเป็นเวียงสี่เหลี่ยม ชื่อ พิมาย น่าจะมาจากคำว่า วิมาย หรือ
วิมายปุระ
ที่ปรากฏในจารึกภาษาเขมรบนแผ่นหินตรงกรอบประตูระเบียงคดด้านหน้าของปราสาท
จากหลักฐานศิลาจารึกและศิลปะสร้างบ่งบอกว่า
ปราสาทหินพิมายคงเริ่มสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1
ราวพุทธศตวรรษที่ 16 ในฐานะเทวสถานของศาสนาพราหมณ์
รูปแบบของศิลปะเป็นแบบบาปวนผสมผสานกับศิลปะแบบนครวัด
ซึ่งหมายถึงปราสาทนี้ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นสถานที่ทางศาสนาพุทธในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่
7เมื่ออิทธิพลของวัฒนธรรมขอมเริ่มเสื่อมลงหลังรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่
7 และมีการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยในเวลาต่อมา เมืองพิมายคงจะหมดความสำคัญลง
และหายไปในที่สุด
เนื่องไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับเมืองพิมายเลยในสมัยสุโขทัย
|
3.วัดศาลาลอย (sala loi temple) เมืองโคราช |
|
3.วัดศาลาลอย (sala loi temple) เมืองโคราช |
|
3.วัดศาลาลอย (sala loi temple) เมืองโคราช |
|
3.วัดศาลาลอย (sala loi temple) เมืองโคราช |
2.วัดศาลาลอย (Sala loi temple)
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในตัวเมืองโคราช
ที่เหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น ต้องมากันก็คือ วัดศาลาลอย
วัดเก่าแก่สำคัญอยู่คู่เมืองโคราชมาอย่างยาวนานเช่นกัน วัดศาลาลอย
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวโคราชเคารพนับถือเป็นอย่างมากเป็นเวลากว่า
200 ปี เมื่อครั้งท้าวสุรนารี หรือ ย่าโม เสร็จศึกสงครามจากทุ่งสัมฤทธิ์
ขณะยกทัพกลับเมืองนครราชสีมา ได้แวะพักบริเวณท่าตะโก
และได้สั่งให้ทหารทำแพเป็นรูปศาลาเสี่ยงทายลอยไปตามลำตะคอง
พร้อมตั้งจิตอธิฐาน หากแพรูปศาลานี้ ลอยไปติดอยู่ ณ ที่แห่งใด
จะสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งแพได้ลอยไปติดอยู่ริมฝั่งขวาของลำตะคอง
ซึ่งเป็นวัดร้าง จึงได้สร้างพระอุโบสถ เป็นวัดศาลาลอยในปัจจุบัน
โดยวัดศาลาลอยนั้น ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
เป็นวัดเก่าแก่ที่ท้าวสุรนารีสร้างขึ้นภายหลังจากรบชนะกองทัพของเจ้าอนุวงศ์
เมื่อปี พ.ศ. 2370 ซึ่งได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
และอนุสรณ์สถานเจดีย์บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีขึ้นภายในวัด
ภายหลังที่ท่านได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว จุดเด่นของวัดนี้
อยู่ที่อุโบสถหลังใหม่ ที่ได้รับรางวัลดีเด่นแนวบุกเบิกอาคารทางศาสนา
จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ปี พ.ศ. 2516
นอกจากนี้ยังเป็นที่บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีภายในวัด ท่านได้นมัสการพระประธาน
และพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ อุโบสถหลังเก่า
พร้อมชมศิลปะประยุกต์
อุโบสถเรือสำเภาประดับด้วยกระเบื้องดินเผาด่านเกวียนด้วย
วัดแห่งนี้จึงเป็นที่เคารพสักการะของชาวโคราชสืบมาจนถึงปัจจุบัน
ภายในมีพระประธานปูนปั้นสีขาว ปางห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปยืนประทับ ณ
ประตูเมืองสังกัสนคร พระนามว่า"พระพุทธประพัฒน์สุนทรธรรมพิศาล
ศาลาลอยพิมาลวรสันติสุขมุนินทร์"
หน้าประตูอุโบสถมีปูนปั้นรูปท้าวสุรนารีนั่งพนมมือกลางสระน้ำ
ตัวอุโบสถล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วรูปเสมา สัญลักษณ์ของเมืองเสมาเดิม
ด้านข้างมีสถูปขนาดเล็กซึ่งเคยใช้เป็นที่บรรจุอัฐิท้าวสุรนารี
เครดิตข้อมูลดีๆจาก :
https://th.wikipedia.org/wiki/วัดศาลาลอย
|
4.วนอุทยานเขากระโดง (Khao kradong forest park) จังหวัดบุรีรัมย์ |
|
4.วนอุทยานเขากระโดง (Khao kradong forest park)
จังหวัดบุรีรัมย์ |
|
4.วนอุทยานเขากระโดง (Khao kradong forest park) |
|
4.วนอุทยานเขากระโดง (Khao kradong forest park) จังหวัดบุรีรัมย์ |
4.วนอุทยานเขากระโดง (Khao kradong forest park)
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองบุรีรัมย์
ที่อยู่ไม่ไกลจากย่านใจกลางเมือง
และเป็นที่เที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักเดินทาง
ที่มาเยือนเมืองบุรีรัมย์อย่างไม่ขาดสาย ตั้งอยู่ที่บ้านบ้านเขากระโดง
เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทไปแล้ว และมีปากปล่องทะลุเห็นได้ชัดเจน
บริเวณโดยรอบรายล้อมไปด้วยป่าไม้เบญพรรณหลากหลาย อุดมสมบูรณ์
เป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์ป่า และนกหลายชนิด
มีสะพานแขวนเชื่อมเป็นทางเดินศึกษาธรรมชาติ บรรยากาศดี ร่มรืน
มีทางเดินบันใดนาคจากด้านล่างมายังด้านบน
และบนเขากระโดงยังประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่
มีชื่อว่า พระสุภัทรบพิตร
ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะกราบไหว้ของชาวเมืองบุรีรัมย์ และนักท่องเที่ยว
เพื่อมาไหว้เป็นสิริมงคลกันอย่างไม่ขาดสาย นอกจากนี้ยังมีโบราณสถานสมัยขอม
รอยพระพุทธบาทจำลอง
และมีจุดชมวิวทัศนียภาพเมืองบุรีรัมย์ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
|
5.สนามกีฬา ช้างอารีนา (Chang arena stadium buriram) จังหวัดบุรีรัมย์ |
|
5.สนามกีฬา ช้างอารีนา (Chang arena stadium buriram) |
5.สนามกีฬา ช้างอารีนา (Chang arena stadium buriram)
จัดได้ว่าเป็นหนึ่งจุดเช็กอินยอดนิยม
ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองบุรีรัมย์ ที่ใครแวะมาเมืองนี้
ยังต้องจรลีมาถ่ายภาพและชมสนามฟุตบอลช้างอารีนาแห่งนี้กัน
เนื่องจากเป็นสนามกีฬาฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย
และไม่มีลู่วิ่งคั่นสนาม
อีกทั้งยังผ่านมาตรฐานระดับโลกจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ
พร้อมได้รับมาตรฐานสนามกีฬาระดับเอจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย
และสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน
และยังได้บันทึกลงกินเนสบุ๊คว่าเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าแห่งเดียวในโลก
ที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน
นอกจากนี้จากยังเป็นสนามกีฬาที่สวยงาม มีความโดดเด่น
และเป็นสนามที่ใช้แข่งขันกีฬาระดับชาติถึงระดับโลกมาแล้วด้วย
|
6.ปราสาทหินพนมรุ้ง (Phanom Rung historical park) จังหวัดบุรีรัมย์ |
|
6.ปราสาทหินพนมรุ้ง (Phanom Rung historical park) |
|
6.ปราสาทหินพนมรุ้ง (Phanom Rung historical park) |
|
6.ปราสาทหินพนมรุ้ง (Phanom Rung historical park) จังหวัดบุรีรัมย์ |
|
6.ปราสาทหินพนมรุ้ง (Phanom Rung historical park) |
6.ปราสาทหินพนมรุ้ง (Phanom Rung historical park) จังหวัดบุรีรัมย์
ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมตลอดกาล
และสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดบุรีรัมย์เป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
สมกับเป็นเมืองปราสาทหินแท้จริง เนื่องจากอุทยานประวัติศาสตร์หินพนมรุ้ง
เป็นโบราณสถานขอมที่ตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทไปแล้ว สูงประมาณ 200
เมตรจากพื้นราบ (ประมาณ 350 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง)
โดยคำว่าพนมรุ้ง มาจากภาษาเขมร คือคำว่า วนํรุง ซึ่งแปลว่า ภูเขาใหญ่
นั้นเอง ที่ตั้งของปราสาท ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 77 กิโลเมตร
สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่
3 กษัตริย์แห่งพระนคร (พ.ศ. 1487-1511)
ได้สถาปนาเทวสถานถวายพระศิวะที่เขาพนมรุ้ง จัดเป็นโบสถ์พราหมณ์ลัทธิไศวะ
โดยสร้างขึ้นเนื่องในศาสนาฮินดูลัทธิไศวะ
ซึ่งนับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด
ดังนั้นเขาพนมรุ้งจึงเปรียบเสมือนเขาไกรลาสที่ประทับของพระศิวะ
ในช่วงแรกปราสาทหินพนมรุ้ง สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพู
ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้งสูง 1,320 ฟุตจากระดับน้ำทะเล
ชื่อพนมรุ้งแปลว่าภูเขาใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15-18
ปัจจุบันจัดเป็นโบราณสถานขอมที่สำคัญของประเทศไทย
และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด
|
7.วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ ไหว้องค์หลวงพ่อพระชีว์ |
|
7.วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ ไหว้องค์หลวงพ่อพระชีว์ |
|
วัดบูรพาราม วัดเก่าแก่ในเมืองสุรินทร์ |
บรรยากาศในวัดก็ร่มรื่นสวยงาม โดยด้านหลังอุโบสถ เดินไปอีกหน่อยจะเป็นพระวิหารจัตุรมุขประดิษฐานองค์หลวงพ่อพระชีว์
|
7.วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ ไหว้องค์หลวงพ่อพระชีว์ |
|
7.วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ ไหว้องค์หลวงพ่อพระชีว์ |
7.วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ ไหว้องค์หลวงพ่อพระชีว์
วัดบูรพารามนี้เป็นวัดเก่าแก่
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรีหรือในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
มีอายุประมาณ 200 ปีเท่ากับอายุเมืองสรุินทร์
สร้างโดยพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง(ปุม)
และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ยกวัดบูรพารามขึ้นเป็นพระอารามหลวงตั้งแต่วันที่ 1
กุมภาพันธ์ 2520
ปัจจุบันวัดบูรพารามเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญของจังหวัดสุรินทร์
คือหลวงพ่อพระชีว์ (หลวงพ่อประจี) เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง
4 ศอก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นมาพร้อมวัดบูรพาราม
นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่ดุลย์
พระเถระซึ่งเป็นที่กราบไหว้ของบุคคลทั่วไปด้วย
องค์หลวงพ่อพระชีว์ ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระวิหารจัตุรมุข
วัดบูรพาราม หน้าตักกว้าง 2 เมตร 9 เซนติเมตร
โดยประมาณเป็นพระพุทธรูปสมัยโบราณกาล
ที่ไม่มีท่านผู้ใดสืบประวัติให้เป็นที่แน่ชัดว่า สร้างเมื่อปี พ.ศ.
ไหนแน่นอน ทั้งนี้เพราะไม่มีการจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร
ให้ปรากฏไว้ในที่ใดเลย เป็นพระแบบปางสะดุ้งมาร เนื้อดินเผาอัดแน่น
โดยไม่อาจทราบว่าด้านในนั้นเป็นอะไรบ้าง
และมีพุทธลักษณ์ละม้ายไปทางศีลปะแบบขอมในยุคขอมเรืองอำนาจเรืองเลยด้วย
|
8.หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ |
มีจุดให้นั่งพักถ่ายรูปกันอีกด้วย โดยถนนในหมู่บ้านเป็นตลาดผ้าไหมให้นักท่องเที่ยวได้แวะชมและเลือกซื้อกันค่ะ
|
8.หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ |
แม้ว่าจะเป็นวันธรรมดาแต่ในหมู่บ้านทอผ้าแห่งนี้ ก็มีนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์แวะเวียนมาช๊อปปิ้งซื้อเสื้อผ้ากันนะค่ะ
บ้านเรือนในหมู่บ้านท่าสว่าง
เป็นบ้านเรือนไม้ยกสูง เรียบง่ายแบบชนบท แวดล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวปกคลุม
น่าอยู่ยิ่งนัก ใต้ถุนด้านล่างก็ทำเป็นที่ทอผ้า
ซูมกล้องไปที่บ้านหลังนี้ มีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชินีติดประดับไว้ที่หน้าบ้านด้วย
|
8.หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ชมกลุ่มทอผ้ายกทอง
“จันทร์โสมา” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักพระราชวัง
และมูลนิธิในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถในการอนุรักษ์ |
|
8.หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ |
ว่ากันว่าผ้าทอไหมยกทองที่นี้มีชื่อเสียงยิ่งนัก เพราะเป็นผ้าที่ใช้ความปราณีตและความชำนาญสูงมากๆ เป็นหมู่บ้านเดียวในเมืองไทย
|
การทอผ้าไหมยกทองนั้นใช้คนที่ 4 คนเลยนะค่ะ ตามภาพจะเห็นมี 3 คน |
ซึ่งการทอผ้าที่นี้ไม่เหมือนที่ อื่นตรงที่ใช้คนร่วมช่วยกันทอถึง 4 คนเลยล่ะค่ะ ตามภาพจะเห็นว่ามี 3 คน
|
แต่แท้จริงแล้วมีด้านล่างช่วยสับหว่างเส้นด้ายเพื่อยกผ้าทอเพิ่มด้วยอีก 1 คน รวมๆช่วยกันทอผ้ายกทองใช้คนทั้งหมด 4 คน |
8.หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
ที่บ้านท่าสว่างมีการอนุรักษ์และฟื้นฟูการทอผ้ายกทองชั้นสูงแบบราชสำนักไทยโบราณ
โดยมี อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย
เป็นแกนนำและเป็นผู้รวบรวมชาวบ้านท่าสว่างมารวมกลุ่มกันทำงานทอผ้ายามว่างจากงานไร่งานนา เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวอีกด้วย
และที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงหมู่บ้านทอผ้าบ้านท่าสว่างแห่งนี้
ต้องแวะไปชมกลุ่มทอผ้ายกทอง “จันทร์โสมา”
ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักพระราชวัง
และมูลนิธิในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถในการอนุรักษ์
และเมื่อปี พ.ศ. 2546
ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ทอผ้าไหมมอบให้กับผู้นำเอเปคอีกด้วย
สำหรับการทอผ้านั้น ใช้การสอดแทรกการยกดอกด้วยไหมทองที่ทำจากเงินแท้มารีดเป็นเส้นเล็กๆปั่นควบกับเส้นด้าย
ใช้ตะกอเส้นพุ่งพิเศษที่ทำให้เกิดลายจำนวน1,416 ตะกอ
และใช้คนทอในครั้งเดียวกันถึง 4 คน อีกทั้งยังทอได้เพียงวันละ 4-5
เซนติเมตรเท่านั้น
สำหรับสถานที่ทอผ้าไหมยกทองจันทรโสมานั้น เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ เวลา 08.30-17.00 น.
หากเพื่อนๆคนใหนที่เป็นคนชอบผ้าไทย
ต้องไม่พลาดแวะมาชมสักครั้งนะคะ แถมยังไดเดินช๊อปปิ้งเลือกซื้อเลือกหา
สินค้าของชาวบ้านในชุมชนด้วย
|
9.หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ (Ban Ta Klang Elephant Village) |
|
9.หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ (Ban Ta Klang Elephant Village) |
|
9.หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ (Ban Ta Klang Elephant Village) |
ไม่นานนักก็ถึงเวลาช้างแสดงแล้ว โดยการแสดงของช้างใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
|
9.หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ (Ban Ta Klang Elephant Village) |
|
9.หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ (Ban Ta Klang Elephant Village) |
|
9.หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ (Ban Ta Klang Elephant Village) |
9.หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
ตั้งอยู่ที่บ้านตากลาง
ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ประมาณ 58
กิโลเมตร ชาวบ้านตากลางเป็นชาวกวย
ในอดีตชาวกวยที่นี่มีอาชีพในการคล้องช้างป่ามาฝึกช้างไว้ใช้งานและเป็นสัตว์เลี้ยงประจำครอบครัว
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับหมู่บ้านช้างคือ เป็นชุมชนที่มีขนบธรรมเนียมประเพณี
วิถีชีวิตที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร
ทั้งคนและช้างมีวิถีชีวิตอยู่ร่วมกัน
พึ่งพาเกื้อกูลกันและกัน ตลอดระยะเวลาหลายศตวรรษที่ผ่านมา
ศูนย์คชศึกษา
เป็นสถานที่ดำเนินงานตามโครงการนำช้างคืนถิ่น
เพื่อพัฒนาสุรินทร์บ้านเกิดมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อนให้กลับมาอยู่ถิ่นฐานบ้านเกิด
มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อนให้กลับมาอยู่ถิ่นฐานบ้านเกิดอย่างมีความสุข
โดยจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว
อาทิ การเซ่นศาลปะกำ การแสดงของช้าง พิพิธภัณฑ์ช้าง แท็กซี่ช้าง
และการแสดงช้างเล่นน้ำ เป็นต้น
นอกจากนี้มีกิจกรรมนั่งช้างชมธรรมชาติรอบหมู่บ้าน หรือดูช้างอาบน้ำทุกวัน เวลา 15.00-16.00 น.
|
10.วัดสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ |
|
10.วัดสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ |
|
10.วัดสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ |
10.วัดสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่อยู่ไม่ไกลนักจากตัวเมืองศรีสะเกษ
ที่วัดสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย ห่างจากตัวเมืองประมาณ 25 กิโลเมตร
เป็นที่ตั้งของโบราณสถาน ปราสาทสระกำแพงใหญ่ หรือ ปราสาทศรีพฤทเธศวร
ปราสาทขอมอันเก่าแก่ โดยตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด
ปราสาทสระกำแพงใหญ่สร้างขึ้นในศาสนาฮินดู
และศาสนาพุทธแบบมหายานเพื่อเป็นที่ประดิษฐานเทวรูป
จากการขุดแต่บูรณปราสาทแห่งนี้ ของกรมศิลปากร เมื่อ พ.ศ. 2532
ได้ค้นพบปฏิมากรรมสำริดขนาดใหญ่เฉพาะองค์สูง 140 เซนติเมตร
และรวมความสูงทั้งฐาน 180 เซนติเมตร ศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล
ให้ความเห็นว่าเป็นรูปของนันทิเกศวร หรือ นันทีศวร ลักษณะพิเศษ
คือเป็นสำริดกะไหล่ทอง
เดิมอาจจะตั้งอยู่หน้าปราสาทหลังกลางภายในมุขหน้าปราสาท
เพราะโดยปกติจะประจำอยู่กับเทวาลัยของพระอิศวร
ปฏิมากรรมชิ้นนี้เป็นศิลปะขอมแบบบาปวนตอนปลาย
สำคัญมากนับเป็มปฏิมากรรมชิ้นเอกชิ้นหนึ่งที่พบในประเทศไทย
ปัจจุบันจัดแสดงพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
|
11.วัดพระโต หรือวัดมหาพุทธาราม จังหวัดศรีสะเกษ |
|
11.วัดพระโต หรือวัดมหาพุทธาราม จังหวัดศรีสะเกษ |
|
11.วัดพระโต หรือวัดมหาพุทธาราม จังหวัดศรีสะเกษ |
11.วัดพระโต หรือวัดมหาพุทธาราม จังหวัดศรีสะเกษ
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักเดินทางทุกราย
ต้องย่างกรายมาสักการะ นมัสการกันสักครา เพื่อความเป็นสิริมงคล
เนื่องจากวัดพระโต หรือวัดหลวงพ่อโตแห่งนี้
จัดเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองศรีสะเกษมาอย่างช้านาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2328
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คือพระโต อยู่ในวิหารหลวง
โดยมีตำนานเล่าว่า ในการสมัยสร้างเมืองใหม่นั้น มีการค้นพบหลวงพ่อโต
อยู่ดงไฮสามขา ซึ่งมีป่าเครือมะยางขึ้นอยู่หนาแน่น
ในขณะที่ถางป่านั้นได้พบตุ๊กตาหินองค์หนึ่ง มีลักษณะคล้ายพระพุทธรูป
เล่ากันว่า ตุ๊กตาหินองค์นี้มีอภินิหารเป็นพิเศษ
คือเมื่อมองดูจะเห็นเป็นองค์เล็ก ๆ เท่าแขนคนธรรมดา แต่พอได้เข้าไปกอดแล้ว
กลับโอบไม่รอบสักที ชาวบ้านพากันฉงนยิ่งนัก
จึงไปบอกอาจารย์ศรีธรรมาผู้เป็นใหญ่
เมื่อรู้ว่าเป็นจริงก็เลยทำพิธีสมโภชกันขนานใหญ่
และขนานนามตุ๊กตาหินองค์นี้ว่า "พระโต"
ซึ่งต่อมาได้นำอิฐหรือปูนสร้างเสริมให้ใหญ่จริงๆ ดังที่เห็นกันในปัจจุบัน
|
12.ผามออีแดง (Pha Mo E-Daeng Mountain at Khao Phra Wihan National Park) |
|
12.ผามออีแดง (Pha Mo E-Daeng Mountain at Khao Phra Wihan National Park) |
|
12.ผามออีแดง (Pha Mo E-Daeng Mountain at Khao Phra Wihan National Park) |
|
12.ผามออีแดง (Pha Mo E-Daeng Mountain at Khao Phra Wihan National Park) |
|
ภาพแกะสลักนูนต่ำเป็นภาพคน 3 คน ในเครื่องแต่งกายแบบชาวกัมพูชา
สร้างขึ้นก่อนปราสาทเขาพระวิหาร ราวกลางศตวรรษที่ 11 อายุประมาณ 1,500 ปี |
|
12.ผามออีแดง หากมองจากเนินเสาธงไปก็จะเห็นปราสาทเขาพระวิหารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิวผามออีแดงมากนัก |
|
น้องลิงที่ผามออีแดง กำลังยืนรอดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าริมหน้าผา |
|
12.ผามออีแดง (Pha Mo E-Daeng Mountain at Khao Phra Wihan National Park) |
12.ผามออีแดง (Pha Mo E-Daeng Mountain at Khao Phra Wihan National Park)
ผามออีแดง
ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย
อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับทางเดินขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร
เป็นหน้าผาสูงชันกั้นเขตแดนประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา
โดยตลอดแนวผามออีแดงมีระยะประมาณ 300 เมตร
เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทัศนียภาพของแผ่นดินประเทศกัมพูชาที่อยู่ต่ำลงไปอย่างเป็นมุมกว้าง
มีฝูงค้างคาวในยามพระอาทิตย์ตกดิน บริเวณใกล้เคียงมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
ชมโบราณสถานสถูปคู่รูปทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ส่วนบนกลมข้างในเป็นโพรง
สำหรับบรรจุสิ่งของสร้างด้วยหินทรายแดง ขนาดกว้าง 1.93 เมตร ยาว 4.2 เมตร
ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์
และอีกหนึ่งไฮไลท์นอกจากเป็นจุดชมวิวสวยๆแล้ว
บริเวณผามออีแดง มีภาพแกะสลักนูนต่ำเป็นภาพคน 3 คน
ในเครื่องแต่งกายแบบชาวกัมพูชา สร้างขึ้นก่อนปราสาทเขาพระวิหาร
ราวกลางศตวรรษที่ 11 อายุประมาณ 1,500 ปี มีโบราณวัตถุ (พระพุทธรูปนาคปรก)
บริเวณจุดสูงสุดของผามออีแดงสามารถมองเห็นทัศนียภาพของปราสาทเขาพระวิหารได้อย่างชัดเจน
|
13.ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ถ่ายภาพคู่ต้นเทียนพรรษายักษ์ |
|
13.ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ถ่ายภาพคู่ต้นเทียนพรรษายักษ์ |
13.ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ถ่ายภาพคู่ต้นเทียนพรรษายักษ์
หากใครที่มาเยือนถิ่น ถึงแดนดินดอกบัวงามเมืองอุบล คงไม่พลาดที่จะแวะมาถ่ายรูปคู่ต้นเทียนพรรษายักษ์ ที่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์คู่เมืองแห่งนี้มาอย่างยาวนาน
โดยทุ่งศรีเมือง แต่เดิมชื่อ "นาทุ่งศรีเมือง" เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญมาตั้งแต่ในอดีตของจังหวัดอุบลราชธานี โดยเดิมทีนั้น เป็นที่ทำนาของเจ้าเมืองอุบลราชธานี และใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมเผาศพแบบนกหัสดีลิงค์ของเจ้าเมือง และเจ้านายพื้นเมืองอุบลราชธานีศรีวะนาไล ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมที่สำคัญของจังหวัด อย่างเช่นงานแห่เทียนพรรษาประจำจังหวัดที่จัดขึั้นทุกปี และเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจประจำจังหวัน
|
14.วัดพระธาตุหนองบัว เมืองอุบลราชธานี |
|
14.วัดพระธาตุหนองบัว เมืองอุบลราชธานี |
|
14.วัดพระธาตุหนองบัว เมืองอุบลราชธานี |
14.วัดพระธาตุหนองบัว
จัดเป็นวัดที่สำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ คือพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษของพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2500 พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์นั้น ได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รอบองค์พระธาตุเป็นกำแพงแก้ว ซึ่งทั้ง 4 มุม ของกำแพงแก้ว ได้ประดิษฐานพระเจดีย์ขนาดเล็กอีก 4 องค์ ภายในองค์พระธาตุมีประตูทางเข้าทั้ง 4 ด้าน พระธาตุองค์เดิมมีขนาดกว้างด้านละ 5 เมตร สูงประมาณ 17 เมตร เมื่อสร้างใหม่ครอบองค์เดิม คือพระบรมธาตุที่เห็นในปัจจุบัน มีขนาดใหญ่มากสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 2512
|
15.อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี (Pha Taem Ubon Ratchathani) |
|
15.อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี |
|
15.อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี (Pha Taem Ubon Ratchathani) |
|
15.อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี (Pha Taem Ubon Ratchathani) |
15.อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
ชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครที่ผาแต้มโขงเจียม กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ที่ใครๆก็ต้องแวะมาเที่ยวชมกันสักครั้ง โดยอุทยานแห่งชาติผาแต้ม เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยูทางตะวันออกสุดของประเทศไทย สามารถรับชมพระอาทิตย์ขึ้นได้เป็นจุดแรกของประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดอุบลราชธานี จุดที่น่าสนใจคือภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ผาแต้ม ผาหมอน ผาลาย ประติมากรรมธรรมชาติเสาเฉลียง และจุดชมพระอาทิตย์แสงแรกแห่งสยาม
นอกจากนี้แล้วในภูมิภาคอีสานใต้ หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายหลายแห่ง รอผู้รักการทัศนาจร รักการเดินทาง ออกไปเที่ยวถ่ายภาพเช็กอินกันค่ะ ยังไงแล้ว วันหยุดสัปดาห์นี้ ใครที่เบื่อทะเลๆ ก็ปักหมุดมาเที่ยวอีสานใต้ได้สักครานะคะ เดี๊ยนรับรองว่าชื่นฉ่ำอุราและได้กินของอร่อยพร้อมของฝากติดไม้ ติดมือกลับไปอย่างแน่นอนจ้า
-------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในแม่กลอง-อัมพวา ที่ใครๆก็มาเช็กอินถ่ายรูปกัน ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงนะ คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>
รวมเด็ด 17 ที่เที่ยวจังหวัดระนอง ไม่ลองไปดู ว่ามีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆมากมาย ส่วนจะมีที่ใหน ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>
แนะนำ 7 สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ แวะไปเช็กอิน ถ่ายรูปกันอย่างสำราญใจ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งดูจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>
รู้จัก 7 วัดสวยงามในกรุงเทพ ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเสพสุข ไหว้พระกันสักครั้ง มีวัดใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ>>
แนะนำ 14 ที่เที่ยวจังหวัดขอนแก่น ต้องไปถ่ายภาพให้สวยสะแนนกัน ส่วนจะมีที่ใหนบ้างนั้น ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ>>>
แนะนำ 11 แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดอุดรธานี ที่ใครมาเยือนเมืองนี้ ต้องไปถ่ายรูปเช็คอินกัน ส่วนจะมีใหนนั้น ตามไปเบิ่งกัน คลิ๊กดูรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ>>
รวมเด็ด 20 สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย มีมากมายให้ไปถ่ายภาพเช็คอินกัน มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวค่ะ>>>
แนะนำข้อมูล 8 ที่เที่ยวเด่นในเมืองนาโกย่า ที่ใครแวะมาก็ต้องไปถ่ายภาพเช็คอินกัน ส่วนจะมีที่ใหนบ้าง ตามไปชมกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>>
รวมสถานที่ท่องเที่ยวเมืองโอซาก้า-นารา-โกเบ 3 เมืองสวยเก๋ ที่ใครๆก็ต้องไปถ่ายรูปเช็คอินเท่ห์ๆกันสักครั้ง ส่วนจะมีที่ใหนบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความที่เที่ยวค่ะ>>>
รวมเด่น 6 ชายหาดทะเลสวยในจังหวัดตรัง ต้องแวะไปถ่ายรูปให้สวยปังกันสักครั้ง ส่วนจะมีที่ใหนบ้าง เช็คอินไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความที่เที่ยวค่ะ>>>
รวมเด็ด 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกียวโต ที่ใครๆก็ต้องแวะถ่ายรูปกันให้ได้ ไม่งั้นมาไม่ถึง มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูบทความข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>
แนะนำ 11 ที่เที่ยวในเกาะภูเก็ตยอดนิยม ที่ใครๆก็ต้องไปเก็บภาพ ถ่ายรูปเช็คอินกัน ไม่งั้นเดี่ยวจะหาว่ามาไม่ถึงนะ คลิ๊กดูรายละเอียดข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>>
0 ความคิดเห็น