Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รีวิวเช่ามอเตอร์ไซต์เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง งามอลังย้อนวันวาน ชมไร่กะหล่ำปลีและทะเลหมอกสวยหวาน ร้าวรานถึงทรวงใน

จัดทริปแบกเป้ลุยเดี่ยว ส่งท้ายปลายปี คุณนายเว่อร์ เธอขอเป็นคนบ้า ขับมอเตอร์ไซต์ไปเริงร่าเที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง ไปดูสิว่ายังอลังการ สะท้านโลกาอยู่ไหม๊นะ Let's go
ก็ขอสวัสดี๊ดี เพื่อนๆพี่ๆน้องๆผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนกันทุกๆคนอีกครั้งนะคะ สำหรับบทความในเว็ปบล็อกวันนี้ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เธอขอเป็นคนบ้า พาเพื่อนๆไปเที่ยวกันต่อค่ะ หลังจากที่รีวิวก่อนหน้านี้ตามเว็ปไซต์ลิงค์ : http://bit.ly/2s0HnR2  ได้แวะตะลอนไปออนซอนในเมืองเพชรบูรณ์มาแล้ว ถือว่าในตัวเมืองก็มีที่เที่ยวให้ไปชื่นชม ยลตระการไม่น้อยทีเดียว

เข้าสู่รีวิวบทความประจำเดือนนี้ ดิฉันก็ขอแบกเป้เช่ามอเตอร์ไซต์ ตะลอนแวะไปเที่ยวเขาค้อ และภูทับเบิกอีกครั้ง เพื่อย้อนวันวาน หลังจากที่ไม่ได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้นานมากๆแล้ว น่าจะสิบปีได้แล้วกระมัง หากเอ่ยถึงแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเพชรบูรณ์ คงปฎิเสธไม่ได้ที่จะต้องมาเที่ยวเขาค้อ และภูทับเบิก ซึ่งเป็นที่เที่ยวคู่หูดูโอ้ยอดนิยม ที่เหล่าคนรักทะเลหมอก ต้องมาเย้าหยอกชมกันสักครั้ง  มาดูสิว่าที่ที่เขาค้อและภูทับเบิก เปลี่ยนแปลงไปแค่ใหน และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหนน่าสนใจบ้าง

ใหนๆก็เอ่ยถึงเขาค้อและภูทับเบิกทั้งที เรามารู้จักเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้กันสักเล็กน้อย

รู้จักเขาค้อ (Khao Kho) ชื่อนี้มีที่มาอย่างไร อ่านเป็นความรู้กันค่ะ

รู้จัก เขาค้อ ชื่อนี้มีที่มาอย่างไร อ่านเป็นความรู้กันค่ะ

สำหรับชื่อเขาค้อ มีที่มาจาก ป่าในเขตบริเวณนี้มีต้นค้อขึ้นอยู่มาก ซึ่งโดยปกติต้นค้อจะขึ้นในพื้นที่ ซึ่งมีภูมิอากาศหนาวเย็น แม้ว่าปัจจุบันป่าจะถูกถางไปมากก็ตาม แต่ก็ยังมีต้นค้อให้เห็นอยู่บ้าง และเขาค้อยังเป็นชื่อรวมของกลุ่มภูเขาน้อยใหญ่ที่เรียงรายสลับกันไปมา เป็นที่ตั้งของอำเภอที่ตั้งอยู่บนภูเขา มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และจุดเด่นของเขาค้อ ก็คือการเที่ยวชมทะเลหมอกในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ซึ่งจุดนี้เองทำให้เขาค้อ ได้รับการขนานนามว่า สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย  เรียกว่าไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงทวีปยุโรป ก็ได้สัมผัสไอทะเลหมอกสีขาวพราวเสน่ห์ และธรรมชาติที่สวยงาม
เขาค้อกับในอดีต ดินแดนคือสมรภูมิรบ ถิ่นที่ใรมิอาจอย่างกรายมาได้

เขาค้อกับในอดีต ดินแดนคือสมรภูมิรบ ถิ่นที่ใครมิอาจย่างกรายมาได้
แต่หากเอ่ยถึงเขาค้อในอดีตนั้น ดินแดนแห่งนี้กลับไปพื้นที่เขตอันตรายยิ่งนัก เพราะเคยเป็นฐานที่ตั้งของขบวนการผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) โดยได้เข้าแทรกซึมมาจากแนวชายแดนด้านทิศเหนือ และได้ยึดเอาภูหินร่องกล้าเป็นที่มั่น ซึ่งเริ่มต้นเมื่อปี 2508 หลังจากนั้น ผกค. ได้ขยายงานรุกเข้าเขาค้อ เป็นฐานที่ยืดมั่น เพื่อต่อเข้ามาเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ และทำสงครามกองโจร เพื่อปฏิวัติยึดอำนาจรัฐบาลในยุคนั้น

ซึ่งเหตุการณ์สู้รบยังกันระหว่าง ผกค. กับฝ่ายรัฐบาลไทยยังสู้กันมาอย่างต่อเนื่อง จวบจนกระทั้งในปี 2525 การรบที่ยืดเยื้อมากว่า 15 ปี ก็ยุติลง ความสงบเงียบเริ่มเข้ามาแทนที่ จะเหลือไว้ก็แต่เพียงความพินาศความเสียหาย และประวัติการรบที่ห้าวหาญของวีรชนในขณะนั้น

จากวันนั้นถึงวันนี้ เขาค้อผ่านห้วงกาลเวลามอย่างยาวนาน และปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆของเมืองไทย ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม มีนักเดินทางจากทั่วสารทิศแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสาย มีสถานประกอบการ โรงแรม ร้านอาหาร ที่พักเกิดขึั้น มีการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่อย่างยั้งยืน
เปิดกรุหยิบอนุสาร อสท.เล่มเก่าปี 2513 มาอ่านเห็นภาพสาวสวยยิ้มแย้มแบบฉบับหญิงไทยถือกะหล่ำปลีช่อใหญ่เว่อร์วัง ดิฉันเลยขอไปชมไร่กำหล่ำที่ภูทับเบิกอีกครั้งครา เพื่อย้อนวันวาน ไปดูสิว่าเปลี่ยนแปลงแค่ใหน
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ ภูทับเบิก (phuthapboek)

สำหรับ ภูทับเบิก เป็นหนึ่งยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร โดยตั้งอยู่ตำบลวังบาล ห่างจากอำเภอหล่มสักและหล่มเก่าประมาณ 40 กิโลเมตร มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งได้อพยพมาอาศัยอยู่ที่บ้านทับเบิก โดยอยู่ในความดูแลของศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยอาชีพทำการเกษตรแบบขั้นบันไดตามเชิงเขา โดยในช่วงหน้าฝนยังมีไร่กะหล่ำปลี่สวยงาม และถือเป็นแหล่งที่ปลูกกะหล่ำปลีมากที่สุดในโลก ด้วยภูมิประเทศที่สวยงามโอบล้อมด้วยทะเลภูเขาน้อยใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา  ส่วนหน้าหนาวมีดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งทั่วทั้งภูเขาในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือน มกราคมให้ได้ชมกันอีกด้วย
เครดิตข้อมูลดีๆจากสารานุกรมเสรีวิกิพีเดีย : https://en.wikipedia.org/wiki/Phu_Thap_Boek

หลังจากที่ได้รู้จักเขาค้อและภูทับเบิกกันไปแล้ว ดิฉันก็ขอมาร่ายบทความรีวิวเช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวเขาค้อและภูทับเบิกให้เพื่อนได้ดูกันเลยค่ะ

ต่อจากกระทู้รีวิวก่อนหน้าที่เว็ป : http://bit.ly/2s0HnR2 เริ่มต้นการเดินทางในวันนี้ ดิฉันก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ บิดคันเร่ง มุ่งหน้าสู่ภูทับเบิกก่อนเลยค่ะ
เพื่อให้สับสนงวยงง เข้าไปดูรีวิวก่อนได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2s0HnR2 เริ่มต้นการเดินทางในวันนี้ หลังจากได้ซัดอาหารมื้อเช้าเป็นข้าวมันไก่เจ้แกะไปจนอิ่มท้องแล้ว ดิฉันก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ แว๊นๆบิดคันเร่งมุ่งหน้าสู่ภูทับเบิกก่อนเลยค่ะ
กางแผนที่ท่องเที่ยวในอำเภอเขาค้อ และเส้นทางไปภูทับเบิกดูสิ ว่ามีอะไรให้ชื่นชม รื่นรมอุรา ช่ะช่ะช่าหัวใจบ้าง
กางแผนที่ท่องเที่ยวในแผ่นพับดูสิว่ามีในเขาค้อและภูทับเบิกมีที่เที่ยวอะไรบ้าง 
ถนนหนทางขึ้นไปยังภูทับเบิก (Phuthapboek) ถนนยังคงคงชำรุดอยู่เป็นระยะ
ระยะทางจากเมืองเพชรบูรณ์ มุ่งหน้าไปยังภูทับเบิก 96 กิโลเมตร และถนนหนทางขึ้นไปยังภูทับเบิก ถนนยังคงคงชำรุดอยู่เป็นระยะ ซึ่งก่อนหน้าที่จะขับรถขึ้นมา ก็เห็นป้ายบอกทางชำรุด ห้ามรถผ่านค่ะ ตอนขับมาก็ตกใจ คิดว่าคงขับขึ้นมาไม่ได้ แต่ไปถามแม่ค้าขายของฝาก บอกว่าขับขึ้นมาได้

แต่ถ้ามาหน้าฝน หากใครจะขับรถยนต์ส่วนตัวขึ้นมา แนะนำว่าต้องระมัดระวังมากๆนะคะ เพราะถนนชำรุดยังซ่อมไม่เสร็จ และลาดชันสุดๆทีเดียว
ด้วยเส้นทางและถนนที่คดเคี้ยว และชำรุดอยู่เป็นระยะๆ ทำดิฉันให้ต้องจอดแวะพักตลอดค่ะ
ด้วยเส้นทางและถนนที่คดเคี้ยว และชำรุดอยู่เป็นระยะๆ รวมทั้งลาดชันไม่น้อย ประกอบกับไม่ชินกับการขับรถมอเตอร์ไซตอัติโนมัติ ทำดิฉันให้ต้องจอดแวะพักตลอดค่ะ
 ระหว่างทางก็จอดแวะชมดอกม้ง ดอกไม้ริมทาง งามอลังการยิ่งนัก ยิ่งขับรถมาสูงเท่าไหร่ อากาศก็ยิ่งเย็นสบายยิ่งนัก
 มวลบุปผา ประชาดอกเสี้ยวสีชมพูหวานแหว๋ว รอนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเช็คอินน์กัน
นั่งพักรับลมเอาแรงซ่ะหน่อย ก่อนที่จะตะลอนขับรถไปต่อ
หน่วยทับเบิก(Phuthapboek) ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,667 เมตร
และแล้วก็ขับรถมาถึงจุดชมวิวหน่วยทับเบิกซักทีค่ะ อีกหนึ่งจุดชมวิวถ่ายภาพยอดนิยมที่เหล่านักเดินทางทุกคนต้องแวะมาแช๊ะภาพรูปกันสักครั้งครา ให้ชื่นฉ่ำอุราถึงทรวงใน ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1667 เมตร
ทัศนียภาพภูเขากับเส้นทางสู่ภูทับเบิก
ถนนหนทางก็คดเคี้ยวเลี้ยวลดเสียเหลือเกิน แต่บรรยากาศระหว่างทาง ก็เพลิดเพลินจำเริญใจอยู่ไม่น้อย เนื่องจากอากาศเย็นหยดย้อย ดั่งน้ำอ้อยหวาน ร้าวรานจับใจ
มองไปยังเบื้องล่างก็เห็นหลังคาบ้านเรือนขนาดเล็กและขุนเขารายล้อมรอบ
สมัยแต่ก่อนน้อยคนนักที่จะเดินทางมาที่ภูทับเบิกแห่งนี้ เนื่องจากการเดินทางก็ทุรกันดารยิ่งนัก ถนนหนทางก็ลาดชัน
ขับรถลัดเลาะไต่ตามถนนหนทางมาเรื่อย ก็ถึงหมู่บ้านภูทับเบิกสักที..ภูทับเบิกในวันนี้ ต่างจากวันวานเหลือเกิน เพราะสมัยแต่ก่อน หากเอ่ยถึงภูทับเบิก จะเป็นดินแดนที่เอิกเกริกไปด้วยไร่กะหล่ำปลีสุดแสนจะกว้างใหญ่ไพศาลละลานตา

สมัยแต่ก่อนน้อยคนนักที่จะเดินทางมาที่ภูทับเบิกแห่งนี้ เนื่องจากการเดินทางก็ทุรกันดารยิ่งนัก ถนนหนทางก็ลาดชัน แต่หากมาถึงก็เหมือนดั่งสวรรค์บนดิน ที่งามสุดฟินไปด้วยทะเลหมอกสีขาวและไร่กะหล่ำปลีอร่ามจับตาคณานับ ซึ่งที่เป็นจุดขายของที่นี่ไปแล้ว ทำให้คนแล้วคนเล่า ต้องแวะมาคลอเคล้าสัมผัสบรรยากาศที่ดินแดนแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย ทำให้มีโรงแรม ที่พักผุดขึ้นบนดอกเห็ดแตกหน่กไปทั่วผืนดอยแห่งนี้ เพื่อรองรับนักเดินทางจากทั่วสารทิศ จากแต่ก่อนที่ชาวบ้านเคยทำไร่อย่างเดียว แต่เดียวนี้ก็มีรายได้จากการเปิดห้องพักให้นักท่องเที่ยวมาค้างแรม ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
ภูทับเบิกในวันนี้ ยังมีไร่กำหล่ำปลีให้ชมอยู่นะคะ
มองไปจากจุดนี้ก็มีที่พัก จุดกางเต็นท์ บังกะโลมากมาย เรียงรายแทรกอยู่ระหว่างไร่กะหล่ำปลีอันกว้างใหญ่
ทัศนียภาพภูทับเบิกอันสวยงาม (Phuthapboek)
ภูทับเบิกในช่วงกลางวัน อากาศแจ่มใสทีเดียวค่ะ
ถนนหนทางก็ลาดชันยิ่งนัก เวลาขับรถต้องระมัดระวังหน่อยนะคะ ถ้าใครจะขับรถมาภูทับเบิก ก็ตรวจตราเติมน้ำยาเบรคให้พร้อม เพราะต้องเบรคบ่อยมากๆ ไม่งั้นอาจะไถลหลุดลงหน้าผาไปได้นะ
ไร่กะหล่ำปลี เอกลักษณ์ของภูทับเบิก ถ้าไม่มีไร่กะหล่ำปลีคงไม่มีใครมาเที่ยวที่นี่เป็นแน่แท้
แม้จะโรงแรม ที่พักเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ยังมีไร่กะหล่ำปลี ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของภูทับเบิกแห่งนี้ให้ได้ชมกัน และราคากะหล่ำปลีทีนี้ก็ถูกมากๆด้วยสิ
 ว่ากะว่าดอกกะหล่ำปลีทีนี้ เป็นพื้นที่ปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และส่งขายไปทั่วประเทศ
 ว่ากะว่าดอกกะหล่ำปลีทีนี้ เป็นพื้นที่ปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และส่งขายไปทั่วประเทศ
ไร่กะหล่ำที่ถูกตัดไปแล้ว
 ซึ่งนอกจากไร่กำหล่ำปลีอันกว้างใหญ่แล้ว ยังเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกยามเช้าที่สวยงามอีกแห่งด้วย ทำให้มีโรงแรม ที่พัก บังกะโล และมีจุดกางเต็นท์ ให้ผุ้รักการทัศนาจร แวะมาอรชร ชื่นชมกันอย่างไม่ขาดสาย
 ซูมกล้องไปไกลๆ ก็เห็นคนงานกำลังขมักเขม้นเร่งกับกะหล่ำกันอย่างขันแข็ง
 อาหารเที่ยงมื้อนี้ จัดไปผัดกะเพราไก่ไข่ดาว เมนูยอดฮิตของคนที่ไม่รู้จะกินอะไร ก็ต้องลงท้ายด้วยคำว่า งั้นเอาผัดกระเพราละกัน
ตามต่อด้วยขนมเบเกอรี่เพิ่มคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดที่ซื้อมาจากเมืองเพชรบูรณ์ จากบทความรีวิวทริปก่อนหน้าซึ่งได้เขียนไปแล้ว อร่อยดีนะ
 ดอกม้งดอกไม้บนภูทับเบิกก็สวยงามยิ่งนัก
เนื่องจากพื้นที่อยู่บนดอยสูง อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ทำให้เป็นถิ่นปลูกดอกไม้เมืองหนาวได้สวยงามกว่าอยู่บนที่ราบมาก
 และระหว่างก่อนลงจากภูทับเบิก ก็แวะไปอุดหนุนสินค้าของชาวบ้านในพื้นที่สักหน่อยค่ะ ชาวบ้านจะได้มีรายได้
กะหล่ำปลีที่ภูทับเบิก ราคาถูกมากๆ
กะหล่ำปลีที่ภูทับเบิก ราคาถูกมากๆ ถุงเล็ก 20 บาทเองค่ะ  ถุงขนาดกลาง 35 บาท และถุงดอกกะหล่ำสีขาวอันใหญ่ก็ 70 บาท ซื้อไปยกถุง ทำกินได้ทั้งหมู่บ้านเลยทีเดียว
มีจุดแวะพักตลอดเส้นทาง เนื่องจากเส้นทางทีคดเคี้ยว ทำให้รู้สึกเมื่อยหลังไม่น้อยเวลาขับมอเตอร์ไซต์
 หลังจากทานข้าวเสร็จ ดิฉันก็ขับรถหลงจากภูทับเบิก ระหว่างทางก็หยุดจอดแวะชมวิวให้หายเมื่อยหลังสักหน่อยค่ะ
หากเพื่อนๆผู้รักการทัศนาจรคนใหนที่ช่วงวันหยุดนี้ ไม่รู้จะไปเที่ยวใหนดี ก็ลองแวะมาเที่ยวภูทับเบิกดูนะคะ ยังมีทุ่งกะหล่ำปลีให้ชมอยู่ค่ะ
มะขามหวานของฝากขึ้นชื่อของเพชรบูรณ์ ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไปสักโล สองโลแหละ ไม่งั้นโดนที่บ้านและที่ทำงานกินหัวแน่นอน
และขับรถมอเตอร์ไซต์ลงจากภูทับเบิกมาก็ไม่พลาด ต้องแวะซื้อมะขามหวานของฝากขึ้นชื่อแห่งเมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งเรียงรายอยู่ตลอดริมทางให้เลือกว่าชอบพันธุ์อะไร
แม่ค้าคนขายก็แกะมะขามหวานให้ลิ้มลองเลยค่ะ แต่ละพันธุ์ก็หวานพอๆกัน มีทั้งแบบมะขามขาหมู และแบบสุกจนแห้งเลยก็มี แล้วแต่ว่าจะชอบ แต่สำหรับดิฉันชอบแบบแห้งมากกว่า เห็นแม่ค้าแกะมะขามขาหมูให้ทานรสชาติออกจะเปรี้ยวหน่อยๆ
ลงจากภูทับเบิก ก็มาชมความเอิกเกริกของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จุดเช็คอินน์ยอดนิยมตลอดกาลในเขาค้อ
 จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าสู่อำเภอเขาค้อ และก่อนจะเดินทางไปอำเภอเขาค้อ ก็แวะไปชมพระธาตุผาซ่อนแก้วก่อน เนื่องจากขับรถผ่านพอดี โดยผาซ่อนแก้วได้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดอีกแห่งก็ว่าได้ เรียกว่าหากมาเที่ยวเขาค้อแล้ว ไม่มาไหว้พระและถ่ายที่วัดผาซ่อนแก้ว ถือว่ามาไม่ถึงที่นี้เลยเชียวล่ะ
พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ พระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ซ้อนกัน 5 องค์ที่อยู่บนมหาวิหารอลัการอีกด้วย
หากมาเที่ยวที่นี้นอกจากจะได้ไหว้พระบรมสารีริกธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังได้สักการะบูชา พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ พระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ซ้อนกัน 5 องค์ที่อยู่บนมหาวิหารอลัการอีกด้วย
และไม่พลาดมาถ่ายรูป ชมความงามขององค์เจดีย์ที่มีลักษณ์ะเป็นดอกบัวซ้อนกัน 7 ชั้น
 องค์เจดีย์ที่มีลักษณ์ะเป็นดอกบัวซ้อนกัน 7 ชั้น ผนังประดับประดาด้วยแก้ว แหวน หินสี เครื่องเบญรงค์และในยามที่ดวงอาทิตย์สาดส่องมายังองค์พระธาตุ ยิ่งทำให้มีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง 
ความอลังการของพุทธสานแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาลำเนาไพรที่สวยงาม และในช่วงยามเช้า บริเวณวัดยังเป็นจุดวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งด้วย

และหากใครที่มาช่วงปลายฝนต้นหนาว ประมาณเดือนตุลาถึงพฤศจิการยนก็จะมีทะเลหมอกให้ได้ชมและสัมผัสกันเกือบทุกๆเช้า ที่แห่งนี้จึงเป็นสวรรค์บนเดินอย่างแท้จริง
เดินทางมาถ่ายรูปชมดอกไม้สวยที่ไร่บีเอ็น สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีมานานคู่เขาค้อแห่งนี้ บุกเบิกตั้งแต่ปี 2512
และหลังจากที่ไหว้พระที่วัดผาซ่อนแก้วแล้ว ก็เดินทางมาถ่ายรูปชมดอกไม้สวยที่ไร่บีเอ็น อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ได้รับความนิยมจากนักเดินทาง เป็นไร่ที่ผลิตพืชผักผลไม้และดอกไม้เมืองหนาว 1,000 กว่าไร่ โดยเริ่มบุกเบิกทำตั้งแต่ปี 2512 เรียกว่าเป็นไร่ที่อยู่คู่อำเภอเขาค้อมานานมากๆ
ทุ่งดอกคอสมอสริมทางที่ไร่บีเอ็น
 จุดเด่นของสวนดอกไม้แห่งนี้คงเป็นทุ่งดอกคอสมอร์สีชมพูหวานแหว๋วนี้แหละค่ะ ซึ่งเสียค่าเข้าชมทุ่งดอกไม้ คนละ 30 บาท เด็ก 10 บาท
ทุ่งดอกคอสมอสริมทางที่ไร่บีเอ็น งามสะพร่างไปด้วยดอกไม้สีสันสดใส ถูกใจหนุ่มบ่าวสาวสมัยใหม่
 ทัศนียภาพโดยรอบก็สวยงาม มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาชมดอกไม้ตลอด
ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงบรรยากาศตอนเย็นๆแบบนี้ แดดไม่ร้อน บรรยากาศเหมาะกับการมาทัศนาจร เดินอรชร อ้อนแอ้นยิ่งนัก
 หากเพื่อนๆคนใหนที่แวะมาเที่ยวเขาค้อ ก็แวะพักเดินชมดอกไม้สวยให้ชื่นตาระย้าจับใจหน่อยก็ดี
แวะถ่ายรูปซุ้มต้นไผ่ทางเข้าไร่บีเอ็นด้านใน ซึ่งเป็นซิคเนเจอร์ เป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่ไร่แห่งนี้มาอย่างยาวนานทีเดียว
 และหากใครที่อยากย้อนวันวาน ต้องไม่พลาดมาถ่ายรูปซุ้มต้นไผ่ทางเข้าไร่บีเอ็นด้านใน ซึ่งเป็นซิคเนเจอร์ เป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่ไร่แห่งนี้มาอย่างยาวนานทีเดียว และการมาเข้ามาชมสวนไร่บีเอ็นด้านในก็เข้าชมฟรี ไม่เสียสตังจ้า ด้านในมีสินค้าพืชผลทางการเกษตรขายด้วย
 ไร่บีเอ็นเป็นไร่ที่อยู่คู่อำเภอเขาค้อมาช้านาน ตั้งแต่ปี 2512 ทำให้บรรยากาศในไร่ก็ร่มรื่นด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่
 มีพันธ์ไม้เมืองหนาวหลากหลายชนิดปลูกเรียงรายและจำหน่ายอีกด้วย
มีดอกบีโกเนียและดอกไม้อื่นๆ ดิฉันเองก็จำชื่อไม่ได้แล้ว สวยงามเชียวค่ะ
ผลิตภัณฑ์และพืชผลทางการเกษตรในไร่บีเอ็น
 มีสินค้าพืชผลทางการเกษตรขาย ซึ่งสินค้าที่นี้ก็เป็นพืชผลที่ปลูกในไร่ ปลอดสารพิษอย่างแน่นอน
 ผลทิสซ่า ผลไม้ฟิลิปปินส์รสหวาน มันอร่อย ขาย ก.ก.ละ 70 บาท
มีกานาฉ่ายขายด้วย กานาฉ่ายที่นี้ก็ทำเอง ไม่ใส่สารกันบูด ดิฉันเองก็ชอบทานมากๆ เพราะคุณแม่ชอบเอาไปผัดกับข้าวอร่อยมากๆ หรือทานกับข้าวสวยร้อนก็เริ่ดสะแมนแตนทีเดียว
แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์เดินทางต่อมายังทุ่งกังหันลม
 หลังจากเดินถ่ายรูปทุ่งดอกไม้คอสมอสและไปช๊อปปิ้งซื้อสินค้าที่ไร่บีเอ็นแล้ว ดิฉันก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์เดินทางต่อมายังทุ่งกังหันลม สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเขาค้อ ที่มีทัศนียภาพสวยงาม และเป็นหนึ่งในจุดเช็คอินน์ที่เหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาว ต้องแวะไปกันให้ได้
ระหว่างขับรถมาเหนื่อยๆ เมื่อยก็แวะพักสักหน่อยค่ะ 
สำหรับการเดินทางไปชมทุ่งกังหันลมที่นี้ ก็นั่งรถรางเข้าไปนะคะ ซึ่งตอนที่ดิฉันมาก็ทันรถรางเข้าไปชมทุ่งกังหันลมค่ะ
 ค่ารถรางไปชมทุ่งกังหันลมด้านใน ค่าเสียหายคนละ 60 บาทจ้า
 ค่ารถรางไปชมทุ่งกังหันลมด้านใน ค่าเสียหายคนละ 60 บาทจ้า
 ครั้งแรกเลยที่ได้มาทุ่งกังหันลม บรรยากาศดูสวยงามแปลกตายิ่งนัก
มาถึงก็เป็นจุดถ่ายภาพชมวิวทัศนียภาพอันสวยงามในบรรยากาศยามเย็น
 ข้อดีของการมาเที่ยวช่วงเย็นคือ ได้ชมพระอาทิตย์ตกดิน ฟินไปอีกรูปแบบ แต่ถ้าอยากเห็นทะเลหมอกก็ต้องเป็นช่วงยามเช้า หรือหากช่วงหน้าฝนก็คงสวยงามล้นดีทีเดียว
พระอาทิตย์กำลังจะอัสดงลงแลลับ สุดขอบฟ้า เปล่งแสงทองส่องออร่า สวยระย้าจับใจยิ่งนักเชียว
ถือเป็นอีกจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามอีกแห่งในเขาค้อ
 มีจุดชมวิวคิงคองด้วย อีกหนึ่งจุดที่เที่ยวใกล้ทุ่งกังหันลมของคนรักการถ่ายรูป
 พระอาทิตย์เริ่มจะอัสดงลงแลลับสุดขอบฟ้าไปเรื่อยๆ
พระอาทิตย์กำลังจะอัสดงลงแลลับสุดขอบฟ้า เปล่งแสงทองส่องออร่า สวยระย้าจับใจยิ่งนักเชียว
หากใครที่เหนื่อยๆ ก็นั่งพักให้หายเมื่อยกันก่อนเดินทางต่อค่ะ มานั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน ฟินได้อีก
 หลังจากชมแสงตะวันลับลิบสุดขอบฟ้าแล้ว ก็เข้าสู่ความมืดมิด ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์จากทุ่งกังหันลมมายังที่พักคืนนี้ต่อค่ะ 
โดยที่พักคืนนี้ ก็มาเปลี่ยนบรรยากาศนอนเต็นท์ ที่คนรักทะเลหมอกเขาค้อ ซึ่งมีเต็นท์ให้บริการพักค้างแรมอยู่ใกล้ๆจุดชมวิวทะเลหมอกเขาค้อ ราคาเต็นท์ละ 609 บาท นอนได้ 2 คน ดิฉันจองผ่านอะโกด้ามา แต่ถ้าใครที่จองกับทางที่พักโดยตรง ราคาก็น่าจะถูกกว่านี้นะคะ
 หลังจากเช็คอินน์เสร็จแล้ว ก็ได้เวลาตระเวนออกไปหาอะไรทานมื้อเย็นแล้ว มื้อนี้ดิฉันเลยแวะมาฝากท้องที่ร้านครัวมาลัย อีกหนึ่งร้านดังในเขาค้อ
แวะมาทานอาหารเย็นที่ครัวมาลัย ร้านอยู่ตรงขัามพระบรมธาตุกาญจนาภิเษกในอำเภอเขาค้อ
 มื้อเย็นนี้สั่ง กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา รสชาติอร่อยทีเดียว
ตามต่อด้วยต้มยำไก่บ้าน ยกมาเสริฟเป็นหม้อเชียว ตอนสั่งดิฉันก็ลืมถามว่าเป็นหม้อหรือเป็นชามมาให้ แต่ที่ร้านเสริฟมาแบบนี้ ทำดิฉันสั่งอาหารอย่างอื่นต่อไม่ได้เลยค่ะ เพราะทานคนเดียวคงจะไม่หมดกระมัง มื้อเย็นนี้เลยนั่งซัดแต่กับข้าวไปค่ะ

 สำหรับรสชาติไก่บ้านอร่อยมากๆ ทานแล้วนึกถึงต้มยำไก่บ้านที่อีสานเลย รสแซ่บสุดๆ เป็นไก่บ้านจริงๆ ไม่ได้หลอกขาย ใส่กระเพราลงไป ต้มแบบบ้าน อร่อยทีเดียวเชียว
 แก้วใส่เทียนไว้ ดิฉันก็คิดว่าแก้วน้ำใสน้ำแดง จะกรอกเข้าปากอยู่แล้วเชียว แต่เห็นแสงเทียนยังเปล่งออร่าอยู่ ก็เลยยั้งใจไว้ทัน
 ทานข้าวอิ่มมากๆแล้ว ก็ต้องมาซัดทานขนมเบเกอรี่ชีสเค้กอันเละตุ้มเป๊ะที่ซื้อมาจากเพชรบูรณ์เมื่อเช้านี้ให้หมด เนื่องจากหอบใส่รถมอเตอร์ไซต์พาขึ้นไปภูทับเบิกด้วย สภาพตามที่เห็นค่ะ ถ้าไม่ทานมื้อนี้ คงจะบูดทิ้งเป็นแน่แท้ มื้อเย็นนี้อิ่มหนักมากๆ ต้มยำไก่บ้านทำดิฉันแน่นท้องไปเลย เพราะต้องซัดทานให้หมดทั้งหม้อคนเดียว เนื่องจากสั่งไปแล้ว ค่าเสียหายมื้อเย็น 263 บาท......จบทริปหมดไป 1 วันกับทริปเที่ยวภูทับเบิก และเขาค้อ ไม่รอแล้วนะ
----------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันใหม่เปิดม่านกางเต็นท์ก็เห็นทะเลหมอกสีขาวสวยเด่น ซึ่งเป็นซิคเนเจอร์ของเขาค้อแห่งนี้
อรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบินกับเช้าวันใหม่กับอากาศสุดแสนจะเย็นสบาย ไม่หนาวจนเกินไป เพียงแค่เปิดม่านกางเต็นท์ก็เห็นทะเลหมอกสีขาวสวยเด่น ซึ่งเป็นซิคเนเจอร์ของเขาค้อแห่งนี้ เรียกว่าใครมาเที่ยวเขาค้อแล้ว ไม่ได้เห็นทะเลหมอก ถือว่ามาไม่ถึงเขาค้อเชียวล่ะค่ะ 
เดินมาชมทะเลหมอกหน้าที่พัก คนรักทะเลหมอกเขาค้อ
บริเวณโดยรอบที่ คนรักทะเลหมอกเขาค้อ ก็มีแขกที่ตื่นมาก่อนแล้ว ต่างพากันไปนั่งรอชมไอทะเลหมอกกันตั้งแต่เช้าตรู่ ดูแล้วสวยงามจุ๊กกรูไม่น้อยทีเดียว
เต็นท์ที่เปิดให้แขกเข้าพักก็เรียงรายเป็นตับ แต่วันธรรมดาแบบนี้ ก็มีแขกไม่เยอะนัก ทำให้ดูไม่วุ่นวาย เหมาะกับการมาเที่ยวพักผ่อนนอนชมทะเลหมอกยามเช้าอย่างยิ่ง
ไอหมอกเริ่มๆค่อยๆฟุ้งกระจายและจางไปเรื่อยๆ
ว่ากันว่าหากมาพักค้างที่เขาค้อ 1 คืน อายุจะยืนเพิ่มอีก 10 ปีเลยทีเดียว ซึ่งได้กลายเป็นประโยคสุดคลาสสิคในการรณรงค์การท่องเที่ยวไปเสียแล้ว เห็นท่าว่าหากมาพักหลายๆคืน คงจะอายุยืนเป็นหมื่นปีแน่แท้
 มีจุดไปนั่งพักชมวิวทะเลหมอกอีกด้วย
 แม้หมอกจะไม่ได้เยอะมากนัก แต่ยังพอมีเห็นอยู่บ้าง
 เดินมาตรงจุดชมวิวก็เห็นน้องเหมียวเคี้ยวเพชร กำลังนั่งรับไอทะเลหมอกอยู่เลย
น้องเหมียวหน้าดุไปหน่อย น่าจะยิ้มให้กว้างดุจนางสาวศรีสยามกว่านี้ คงน่ารักมิใช้น้อย
 ดอกคอสมอสใกล้ๆจุดชมวิวเริ่มจะโรยราลงไปเรื่อยๆ
ทัศนียภาพทะเลหมอกโดยรอบก็ปกคลุมไปด้วยทะเลหมอกสีขาว และเริ่มจะค่อยๆเจือจางลง
ดชมวิวทะเลหมอกในอำเภอเขาค้อ ซึ่งเป็นจุดชมวิวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย
 และอีกหนึ่งจุดชมวิวยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดก็คือ จุดชมวิวทะเลหมอกในอำเภอเขาค้อ ซึ่งเป็นจุดชมวิวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย
 บรรยากาศยามเช้าๆ อากาศเย็นสายยิ่งนัก เหมาะแก่การพักผ่อน นอนตากอากาศสุดแสนสบายในวันธรรมดาแบบนี้
หมอกเริ่มจะจางลงไปเรื่อย เพราะแสงอัศเจรีย์สีทองเริ่มสาดส่องไล่ทะเลหมอกออกไป ทำให้นักท่องเที่ยวต้องรีบมาถ่ายรูปก่อนที่จะไม่ได้เห็นทะเลหมอก
 แม่ลูกคู่นี้น่ารักซ่ะจริงๆเชียว ยืนมองทะเลหมอกสีขาวที่ค่อยจางไปอย่างไม่ละสายตา
หากเพื่อนๆผู้รักการทัศนาจรคนใหนที่ยังไม่เคยมาเยือนเขาค้อ หรืออยากมารำพันความหลังในวันวาน ก็ปักหมุดมาเที่ยวเขาค้ออีกครั้งนะคะ
และจุดชมวิวทะเลหมอกยอดนิยมตลอดกาลอีกแห่งก็อยู่ที่ ไปรษณีย์เขาค้อ
 หลังจากไปเดินชมทะเลหมอกสีขาวพราวเสน่ห์ และสูดอากาศอันแสนจะเย็นชื่นรื่นฤทัยแล้ว กลับมายังที่พักก็ขนมปังบิสกิต กาแฟ ไมโลให้ดื่มฟรีกันอีกด้วย
ตอนระหว่างทางเดินทางไปชมทะเลหมอกที่ไปรษณีย์ก็แวะซื้อข้าวเหนียวปิ้ง 5 บาทของชาวบ้านมาทานด้วย อร่อยจัดไปมื้อเช้าแบบง่ายๆ
เมื่อทานอาหารมื้อเช้าพอแค่อิ่ม ตะวันแดดเริ่มอรชรขึ้นสู่ท้องฟ้าจนแจ่มใส งามไฉไลสดสี ก็ได้เวลาขับรถมอเตอร์ไซต์ตะลอนเที่ยวเขาค้อแล้วล่ะคะ
 จุดท่องเที่ยวแรกหากมาแวะเขาค้อ ก็มาถ่ายรูปหน้าที่ว่าการอำเภอเขาค้อสักหน่อย เพราะมีประติมากรรมปูนปั้น ผลหมากรากไม้หลากหลายชนิดเชียว
จากนั้นก็เดินทางไปที่พระบรมธาตุกาญจนาภิเษก
จากนั้นก็เดินทางไปที่พระบรมธาตุกาญจนาภิเษก โดยเป็นเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสาน ทั้งสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทรที่สวยงาม ดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกคนให้แวะเข้ามาชมกัน เนื่องจากตั้งอยู่ในตัวอำเภอ และติดถนนใหญ่ 
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปให้ประชาชนได้สักการะบูชา ยอดเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมากจากประเทศรีลังกา
หลังจากที่ไหว้พระธาตุแล้ว ก็ขับรถมอเตอร์ไซต์ แว๊นๆเดินทางมาชมพิพิธภัณฑ์อาวุธ
หลังจากที่ไหว้พระธาตุแล้ว ก็ขับรถมอเตอร์ไซต์ แว๊นๆเดินทางมาชมพิพิธภัณฑ์อาวุธ อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกแห่งในเขาค้อ ซึ่งเป็นจุดที่นักเดินทางทุกคน ที่แวะมาเที่ยวเขาค้อครั้งแรก ยังไงก็ต้องแวะมาชมให้ได้
 ค่าบัตรบำรุงสถานที่ในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์อาวุธ 10 บาทค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์อาวุธอิทธิ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์อาวุธอิทธิ

สำหรับ “พิพิธภัณฑ์อาวุธฐานอิทธิ” ซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พันเอกอิทธิ สิมารักษ์ ผู้ที่ได้เสียสละชีวิต ณ ฐานบัญชาการแห่งนี้ โดยป้จจุบันได้จัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญในอำเภอเขาค้อ โดยภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงอาวุธต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถถัง เฮลิคอปเตอร์ ปืนต่างที่ใช้ในการสู้รบ โดยมีป้ายอธิบายรายละเอียด สำหรับผู้ที่สนใจได้ศึกษาได้อ่านกันเป็นความรู้ด้วย
อนุสรณ์เขาค้อ ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญต่อการเสียสละของเหล่าทหาร และผู้ที่พลีชีพในการสู้รบ ปกป้องพื้นที่แห่งนี้
และสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งซึ่งอยู่ในเส้นทางเดียวกันกับพิพิธภัณฑ์อาวุธ ก็คือ อนุสรณ์เขาค้อ ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญต่อการเสียสละของเหล่าทหาร และผู้ที่พลีชีพในการสู้รบ ปกป้องพื้นที่แห่งนี้ โดยพลเอก อาทิตย์ กำลังเอก ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไป ได้มาทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ วันที่ 17 กันยายน 2526 โดยสร้างขึ้นด้วยเงินบริจาค ของประชาชนและข้าราชการทุกฝ่าย
และใกล้ๆกับอนุสรณ์สถานก็จัดแสดงเป็นฐานจำลองการสู้รบ ที่เป็นเนินเตี้ยๆ มีกระสอบทรายบังเกอร์ และมีหลุมหลบภัย ซึ่งในอดีตที่แห่งนี้เป็นฐานแห่งแรกที่ทหารไทยยึดคืนมาได้จากการสู้รบกับ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) โดยจัดแสดงไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน
จุดชมวิวอนุสรณ์เขาค้อ อีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งในเมืองสี้
และบริเวณดังกล่าวยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเขาค้อด้วย
มองจากจุดชมวิวอนุสรณ์เขาค้อ ก็เห็นทุ่งกังหันลม
 มองไปไกลจากจุดชมวิว ก็เห็นทุ่งกังหันลมเขาค้อ ที่ใครมาเที่ยวที่นี้ก็ต้องแวะไป
ทัศนียภาพเบื้องล่างในอำเภอเขาค้อ อันแสนเงียบสงบในวันธรรมดา ถ้าเป็นช่วงเทศกาลคงจะคึกคักไม่น้อย
เบื้องล่างเป็นตัวอำเภอเขาค้อ และเห็นพระบรมธาตุกาญจนาภิเษกขาวโดดเด่นตระการอยู่กลางเมือง
หลังจากที่ได้ชมอนุสรณ์เขาค้อไปแล้ว ดิฉันก็ขับรถมอเตอร์ไซต์เดินทางมาที่พระตำหนักเขาค้อ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมคู่เขาค้อนี้มานาน 
เดินทางมาที่พระตำหนักเขาค้อ
มาถึงก็ไม่พลาดต้องถ่ายรูปกับป้ายพระตำหนักเขาค้อก่อนเลย
ข้อมูลน่ารู้เล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับพระตำหนักเขาค้อ (khao kho Palace)
ข้อมูลน่ารู้เล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับพระตำหนักเขาค้อ (khao kho Palace)

สำหรับพระตำหนักเขาค้อ จัดได้ว่าเป็นจุดที่สูงสุดของอำเภอเขาค้อ โดยสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,050 เมตรเลยทีเดียว ทำให้ผู้ที่ต้องการสัมผัสความเย็นและความงดงามของธรรมชาติ ต่างแวะเวียนมาที่พระตำหนักแห่งนี้สักครั้ง
ซึ่งเป็นพระตำหนักที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2527 บริเวณเขาย่า สำหรับใช้ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสที่พระองค์ท่านเสด็จฯ มาทรงเยี่ยมงานในโครงการพระราชดำริ ทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง
 บริเวณโดยรอบก็ร่มรื่นไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ที่เห็นโดดเด่นที่สุดคงเป็นดอกกุหลาบช่อใหญ่ กำลังเบ่งบานส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ
 มีหมู่ผึ้งภมร มาบิ่นเว้าวอนตอมเกษรไปทำน้ำหวานอีกด้วย
และรอบบริเวณก็เป็นป่าสนเรียงรายดูให้ร่มเงาเย็นสบาย และกลายเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของคู่บ่าวสาวผู้รักการทัศนาจร
จากนั้นก็เดินทางมาชมวิวที่เขาตะเคียนโง๊ะ
 หลังจากที่ได้ชมพระตำหนักเขาค้อแล้ว ก็เดินทางมาต่อที่จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ อีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกยามเช้าที่สวยงามที่สุดอีกแห่งในเขาค้อ
 โดยจุดชมวิวแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา มีทิวทัศน์ที่งดงาม ซึ่งช่วงที่ดิฉันมานี้ก็เป็นช่วงกลางวัน ซึ่งไม่มีทะเลหมอกให้เห็นแล้ว แต่ถ้าใครที่อยากจะมาเที่ยวเขาค้อ และไม่อยากพักในตัวเมือง ก็เลือกมากางเต็นท์นอกชมทะเลหมอกที่เขาตะเคียนโง๊ะแห่งนี้ได้ ถือเป็นทำเลที่สวยงามทีเดียว
ทำไมชื่อเขาตะเคียนโง๊ะ ชื่อนี้มีที่มาจากใหน อ่านเป็นความรู้สักเล็กน้อย
ทำไมชื่อเขาตะเคียนโง๊ะ ชื่อนี้มีที่มาจากใหน อ่านเป็นความรู้สักเล็กน้อย
โดยชื่อที่มาของเขาตะเคียนโง๊ะ แห่งนี้มีที่มาจาก เมื่อในอดีตเป็นภูเขาที่เคยมีต้นตะเคียน ที่มีลักษณะพิเศษคือ มีความโค้งงอโน้มลงสู่พื้นดิน ซึ่งคำว่า โง๊ะ เป็นภาษาอีสาน หมายถึงโค้งงดคดเคี้ยว โดตัั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาลูกนี้ แต่ปัจจุบันได้โค่นล้มไปแล้วตามกาลเวลา
 โดยเขาตะเคียนโง๊ะได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของจังหวัดเพชรบูรณ์ที่สามารถชมวิวได้ 360 องศา โดยสามารถมองเห็นเขาย่า ในมุมที่คล้ายภูเขาฟูจิในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ปิดท้ายก่อนกลับแวะมาสดับตรับฟังน้ำตกกลางป่า สวยระย้าจับใจ ที่น้ำตกศรีดิษฐ์
 และเมื่อได้ชมวิว 360 องศาที่เขาตะเคียนโง๊ะไปแล้ว ปิดท้ายก่อนกลับแวะมาสดับตรับฟังน้ำตกกลางป่า สวยระย้าจับใจ ขับรถมาอีก 10 กว่ากิโลเมตร เพื่อมาชมน้ำตกศรีดิษฐ์ น้ำตกสวยงามที่อยู่คู่อำเภอเขาค้อแห่งนี้มาอย่างยาวนาน มีน้ำไหลตลอดทั้งปี กลายเป็นจุดเช็คอินน์ยอดนิยมเมื่อมาเที่ยวเขาค้อ นอกจากชมทะเลหมอกแล้ว ก็ยังมีน้ำตกสวยให้ได้ชมกันอย่างเบิกบานใจด้วย
น้ำตกศรีดิษฐ์ในช่วงหน้าแล้ง ก็ยังมีน้ำไหลตกลงหน้าผาให้ชมตลอดทั้งปี แม้จะไม่อลังการเท่าหน้าฝนก็ตาม
 โดยช่วงที่ดิฉันมาเที่ยวนี้ น้ำน้อยไปหน่อย เนื่องจากเป็นช่วงหน้าแล้ง แต่ก็ยังมีน้ำตกให้เห็นอยู่บ้าง บรรยากาศโดยรอบก็ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่
แต่ถ้าใครที่อยากชมน้ำตกแบบสวยๆ แนะนำมาช่วงฤดูฝน น้ำจะค่อนข้างเยอะ ไหลลงจากหน้าผา น้ำสาดกระเซ็นกระเด็นกระดอน ชุ่มฉ่ำเย็นชื่นใจสุดไปเลยล่ะค่ะ
แวะไปชมน้ำตกแล้ว ก็ได้เวลาทานอาหารเที่ยงแล้วค่ะ มื้อนี้คิดอะไรไม่ออก ก็ผัดกระเพราอีกแล้วค่ะ ดูสีของกระเพราแล้วแดงเดือดเชียว น่าจะเผ็ด รสเด็ดจัดจ้านแน่ๆ แต่ยังดีทีมีผลหมากรากไม้ที่ซื้อมาระหว่างทาง ช่วยแก้เผ็ดได้เยอะเชียว
 หลังจากทานอาหารมื้อเที่ยงอิ่มไปแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับแล้วค่ะ ขับรถมอเตอร์ไซต์แว๊นมาเรื่อย ก็ผ่านไร่สตอเบอรี่หลายแห่ง ที่เปิดริมทางให้นักท่องเที่ยวได้แวะไปเก็บด้วยตัวเอง กลายเป็นอีกหนึ่งจุดขายของเขาค้อ
สตอเบอรี่ตั้งขายริมทาง มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งสตอเบอรี่สด และแบบอบแห้ง ส่วนราคาหากซื้อเยอะก็สามารถต่อรองกับคนขายได้
 จัดไปอีกสักสองสามกล่องค่ะ ซื้อไปฝากที่บ้านและที่ทำงาน
จากนั้นก็ขับรถเดินทางจากอำเภอเขาค้อ มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองเพชรบูรณ์ นำรถมอเตอร์ไซต์ที่เช่าไปคืนที่ร้าน ได้เงินมัดจำคืน ก็ตีตั๋วกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ จบทริปเที่ยวภูทับเบิก-เขาค้อค่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งทริปที่ได้เดินทางมาย้อนวันวานในอดีต หลังจากที่ไม่ได้มาเยือนนานมากๆแล้ว และพบว่าในอำเภอเขาค้อ มีสถานที่ท่องเที่ยวเกิดขึ้นใหม่ๆมากมายหลายแห่งทีเดียว และระหว่างทางก็มีร้านค้าแผงขายของฝาก ขายมะขามหวาน ขายสตอเบอรี่ให้เลือกซื้อเยอะมากๆ

สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่ยังไม่รู้จะไปเที่ยวใหนในช่วงนี้ ก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วมานอนเฝ้ารอชมทะเลหมอกสีขาวพราวเสน่ห์ที่ภูทับเบิกและเขาค้อได้นะคะ บรรยากาศและธรรมชาติที่นี้ยังคงสวยงามและต้อนรับนักทัศนาจรทุกท่านเสมอค่ะ

และบทความทริปรีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคมปี 2561 ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกคนที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามาดูกัน และขออวยพรให้เพื่อนๆผู้อ่านทุกความสุข เดินทางท่องเที่ยวปลอดภัย โชคดีมีชัยกันทุกๆคน ขอบพระคุณค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไป....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
------------------------------------------------------------------
บทความอื่นๆ และรีวิวท่องเที่ยวไปเรื่อยเปื่อยตามเมืองต่าๆ มีดังนี้ค่ะ

รีวิวเที่ยวในเมืองเพชรบูรณ์ แบบช้าๆ มีที่เที่ยวให้ลั๊ลลามากมาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองเพชรบูรณ์ 1 วันแบบช้าๆ ในตัวเมืองมีที่เที่ยวลั๊ลลามากมาย ต้องแวะไปให้ได้สักครั้งครา คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>>
รีวิวงานอุ่นไอรักคลายความหนาวครั้งที่ 2 มาดูสิว่ามีอะไรเดินย่องกันบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวงานอุ่นไอรักคลายความหนาวครั้งที่ 2 มีอะไรให้เดินย่อง ท่องเที่ยวดูบ้าง มาชมกันดูสิ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
มาเน้อเจ้า..มาแอ่วภูลังกา ดูทะเลหมอกสวยระย้าจับใจ แวะตะไลไปเชียงคำ สัมผัสวัฒนธรรมไทลื้อ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวเมืองพะเยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อเจ้า..มาแอ่วเมืองพะเยา นอนคลอเคล้าริมกว๊าน งามอลังการสะท้านโลกา คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อมาเที่ยวเมืองแพร่ แลยลชมธรรมชาติ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อเจ้า...มาเที่ยวเมืองแพร่ เดินแลงานยี่เป็ง แวะไปชมพระธาตุดอยเล็ง วิวสวยเจ๋งงามเริ่ดสะแมนแตน คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>
มาเด้อ..มาเที่ยวศรีสะเกษ แดนดงดอกลำดวน หอมหวนกระเทียมดี คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 4(จบ) มาเด้อจ้า..มาเที่ยวเมืองศรีสะเกษ แดนดงดอกลำดวน หอมหวนกระเทียมดี มีทุเรียนดินภูเขาไฟ อาหารแซ่บคั๊กหลายเด้อ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
ดูรีวิวการเดินทางได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2QngTUm

มาม๊ะ..แวะมาเที่ยวเมืองสุรินทร์ ชมถิ่นช้างใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 3 มาม๊ะ..มาเที่ยวสุรินทร์ ไม่ต้องกินสุรา แวะไปดูช้าง ดูชาวบ้านทอผ้า สวยระย้านาข้าวหอมมะลิ กำลังผลิบาน ร้าวรานจับใจ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวเลยจ้า>>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวในบุรีรัมย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 2 มาเด้อเที่ยวเมืองบุรีรัมย์ เยือนถิ่นปราสาทหินเก่าแก่ แลภูเขาไฟ งามไฉไลเมืองกีฬาฟุตบอล แวะมาออนซอนกันได้เลย คลิ๊กดูรีวิวภาพที่เที่ยวจ้า>>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว เที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสชาติแซ่บๆกันจ้า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 1 มาเด้อ..มาเที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสแซ่บอีหลี แสนสุขขีแวะทำบุญสุนทาน ร้าวรานจับใจ แวะมาเที่ยวกันนะคะ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>>
ต้องแวะมา 6 ชายหาดยอดนิยมในชุมพร ที่ต้องแวะไปอรชรกันสักครั้ง>>
ต้องแวะมา 6 ชายหาดยอดนิยมในชุมพร ที่สวยงามอรชรตลอดกาล มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวหลังสวน ลิ้มลองทุเรียนจากสวนหวานฉ่ำ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวหลังสวน เดือน ก.ย.2018 แวะเยือนเมืองผลไม้ เมืองนี้มีอะไรให้เที่ยวชมบ้างนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวชุมพร งามอรชรตลอดกาล เดือน ก.ย.2018 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวชุมพร เช่ามอเตอร์ไซต์ตะลอนไปทำทานที่มูลนิธิคนชรา แวะลั๊ลลาหาดทรายรี สวยฉิมพลีอ่าวทุ่งมหา อาหารทะเลรสแซ่บซ่ายิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Oc4kNZ
ตอนจบกับทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรป 26 วัน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 26 ตอนจบกับทริปตะลุยยุโรปอันยาวนาน มาสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด และรีวิวเดินทางกลับเมืองไทยด้วยสายการบิน flyScoot คลิ๊กดูภารีวิวการเดินทางค่ะ>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2xlaVuZ
แบ่งปันการเดินทางในเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดจ้า>>
รีวิวแบกเป้ตอนที่ 25 แบ่งปันวิธีการเดินทางเที่ยวเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองมาฝาก ไม่ยากเลยจ้า ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะคะ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2p5eQZf
รีวิวตอนที่ 24 แวะเที่ยวกรุงเอเธนส์ 1 วัน มีที่เที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้ตอนที่ 24 แวะเที่ยวในกรุงเอเธนส์ 1 วัน เดินสุขสันต์ชมโบราณสถาน และมีที่เที่ยวใหนให้ชมบ้างอีกนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2NrtXcU
รีวิวตอนที่ 23 เมื่อฉันต้องนั่งเรือเฟอรี่จากอิตาลีไปกรีซครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 23 ขอแบ่งปันประสบการณ์ วิธีการเดินทางนั่งเรือเฟอรี่จากอิตาลี ข้ามไปยังประเทศกรีซด้วยตัวเองมาฝากคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Q4tkEC

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น