Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 25 เที่ยวเกาะซานโตรินี 3 วัน (travel to Santorini )ขอมาบอกเล่าวิธีการเดินทางและที่เที่ยว ให้เพื่อนๆอ่านกันจ้า


ใกล้จะจบแล้วค่ะกับรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรปครั้งแรกในชีวิต สำหรับรีวิวตอนนี้ขอนำเสนอรีวิวแบกเป้เที่ยวเกาะซานโตรินีจ้า
ขอทักทายสวัสดี๊ดีเพื่อนๆพี่ๆน้องคุณผู้อ่านบนโลกออนไลน์ทุกท่านนะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ ก็ขอต้อนรับท่านเข้าสู่เว็ปบล็อกของคนบ้าเที่ยว บ้าเขียนบล็อกไปเรื่อยเปื่อย แนวๆโกโรโกโส สับปะรังเคนี้อีกเช่นเดิมนะค่ะ ถือว่ามาเป็นบล็อกเขียนฆ่าเวลาหลังเลิกงานประจำ เว็ปบล็อกจะได้ไม่ร้างไปค่ะ แม้จะมีคนมาเปิดสไลด์ดูวันละ 1 คน ดิฉันก็สุขล้นแล้วล่ะค่ะ เพราะในเว็ปบล็อกนี้ก็ไม่ได้มีเนื้อหาสาระดีมากนัก

และแล้วการเดินทางแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรปครั้งแรกในชีวิตก็ถึงจุดหมายปลายทางที่เกาะซานโตรินีซ่ที หลังจากที่แรมรอนนั่งรถไฟออนซอนตั้งแต่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส มาที่สวิซเซอร์แลนด์ ข้ามพรมแดนมาเริ่ดสะแมนแตนที่ประเทศอิตาล ก่อนนั่งจรลีหนีมาพักกายที่ประเทศกรีซ และจนท้ายสุดต้องมาสลบไสลที่เกาะซานโตรินี จุดหมายปลายทางสุดท้าย ที่ก่อนตายต้องมาให้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง

เพราะด้วยภาพหลังคาโดมสีฟ้าขาว ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ริมทะเลอันกว้างใหญ่ ร้าวรานถึงทรวงใน เป็นภาพที่ตาดิฉันเห็นแล้วไซร์ ก็ยอมขวักไขว้เก็บหอม รอมริบเงินทอง จากการทำงานประจำ ต้องมาเต้นระบำ เป็นบ้า เดินลั๊ลลาถ่ายรูป ดูวิวทะเลที่เกาะแห่งนี้ให้ได้ ว่าจะสวยงามพร่างรายสักเพียงใหน

โดยก่อนหน้านี้คือรีวิวตอนที่ 24 ดิฉันได้เขียนรีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวในกรุงเอเทนส์ไปแล้ว ตามเว็ปไซต์ : http://bit.ly/2NrtXcU ซึ่งได้อธิบายการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในเมืองหลวงของประเทศกรีซและแหล่งท่องเที่ยวไปแล้ว ก็ถือว่าสวยงาม โบราณสถานใหญ่โต โอ่อ่า ดูแปลกตา คุ้มค่าที่ยอมเสียเวลาดั้นด้น นั่งเรือข้ามฟากจากอิตาลีมาจริงๆ
รีวิวตอนที่ 25 นี้ แบกเป้ลุยเดี่ยวใช้บริการนั่งเรือเฟอรี่จากท่าเรือพิราอุสไปยังเกาะซานโตรินี แม้จะใช้เวลานาน แต่ก็ได้ประสบการณ์ดีนะ
แต่ยังไม่จบนะค่ะ ต่อจากนี้ไปได้เวลาเดินทางออกจากกรุงเอเทนส์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังเกาะซานโตรินี(Santorini)แล้วค่ะ และเพื่อให้รีวิวบล็อกนี้ มีประโยชน์และเป็นไกด์ไลน์ต่อคุณผู้อ่านและนักเดินทางแบกเป้ที่รักการผจญภัยทุกๆท่าน ดิฉันเลยขอมาสรุปภาพรวมดังนี้
(เผื่อเพื่อนๆคนใหนที่กำลังวางแผน จะได้มองภาพออกค่ะ เนื้อหาอาจจะอ่านงงๆหน่อยๆนะค่ะ เพราะดิฉันเขียนบล็อกเอง ก็งงเองค่ะ คงต้องให้คุณผู้อ่านคาดเดาเอาตามกันไปนะคะ)

1.รีวิววิธีการเดินทางจากกรุงเอเทนส์ไปยังเกาะซานโตรินีด้วยตัวเอง
2.แนะนำการเดินทางด้วยรถบัสโดยสารประจำทางบนเกาะ ว่าเดินทางอย่างไร พร้อมแผนที่รถบัสบนเกาะ และราคาค่าโดยสาร
3.แนะนำแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะแห่งนี้ว่ามีอะไรบ้าง  
4.รีวิวการนั่งเครื่องบินกลับจากเกาะซานโตรินี มายังกรุงเอเธนส์ด้วยตัวเอง

ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหารีวิวการเดินทาง เรามารู้จักเกาะแห่งนี้ซ่ะก่อนนะคะ

หากเอ่ยถึงเกาะซานโตรินี หลายคนๆต้องได้ยินชื่อเสียงของเกาะแห่งนี้มากันบ้างแล้ว เพราะเป็นเกาะที่ขึ้นชื่อว่า สวยงามโรแมนติกที่สุดอีกแห่งหนึ่ง และดึงดูดคู่รักจากทั่วทุกมุมโลก ต้องมาชะโงกเยือนเกาะแห่งนี้สักครั้ง เพราะด้วยภาพติดตาของบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยสีฟ้ากับสีขาวตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเล อันกว้างใหญ่ จนทำให้ใครๆก็ปักหมุดไว้ว่าจะต้องมาเยือนสักครั้งคราให้ได้  ไม่เว้นแม้แต่ดิฉัน ที่ยอมปักหมุดวางเกาะแห่งนี้ไว้เป็นหนึ่งในทริปตะลุยยุโรปในครั้งนี้ด้วย และเป็นที่เที่ยวสุดท้ายของทริปนี้อีกด้วยล่ะค่ะ อยากจะขอมาเที่ยวชมเกาะสวยโรแมนติกแห่งนี้ซักครั้งสิ ว่าจะสวยงามเหมือนในรูปภาพที่เราเห็นหรือเปล่า 

สาระน่ารู้เกี่ยวกับเกาะซานโตรินี อ่านดูเป็นความรู้ เปิดสู่โลกกว้างกันจ้า 
(เพราะโลกนี้มันกว้างจริงๆ ยิ่งเดินทางก็ยิ่งได้ประสบการณ์สุดขั้ว ระรัวถึงใจไปเลยล่ะ)

เกี่ยวกับซานโตรีนี (ภาษากรีก เขียนเป็น Σαντορίνη, ภาษาอังกฤษ Santorini แต่คนในพื้นที่ออกเสียงเป็นซันโดรินี หรือ ซีรา (Θήρα, Thira,

ถึงเป็นหนึ่งเมืองบนเกาะตอนใต้ของทะเลอีเจียน ประเทศกรีซ มีความสวยงามจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยว ว่าเป็นเกาะอันดับ 2 ของโลกที่พวกเขาอยากมา ซึ่งมีสถานทีสำคัญเช่น ยอดเขาโปรฟีติสอีเลียส (Profitis Ilias) เป็นจุดชมความงดงามของเกาะซันโดรีนี เกาะมีความกว้างประมาณ 16 กิโลเมตร อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 567 เมตร
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเกาะซานโตรินี (About Santorini)
ประวัติศาสตร์ของเกาะนี้ ชาวฟินีเชียนอพยพเข้ามาที่เกาะนี้ราว 3,600 ปี ก่อนคริสตกาล หลังจากนั้นชาวลาโคเนียนก็เข้ามาปกครองเกาะนี้ กระทั่งถึง 3,000 ปีก่อนคริสตกาล กษัตริย์ไมนอส ผู้ปกครองแห่งเกาะครีตได้แผ่ขยายอิทธิพลด้านศิลปะและวัฒนธรรมจากอารยธรรมมิโนอันมายังธีรา แต่เกิดภูเขาไฟระเบิดขึ้นในเกาะในช่วงฤดูร้อนช่วง 1,650 ปีก่อนคริสตกาล (นักประวัติศาสตร์ยังถกเถียงเรื่องเวลาที่แน่นอนอยู่) ส่งผลให้เกาะธีราแตกออกเป็น 3 เกาะ กระแสลมยังพัดพาเถ้าภูเขาไฟไปไกลจนถึงเกาะต่าง ๆ ในละแวกใกล้เคียงและเกาะครีตที่อยู่ห่างไป 70 กิโลเมตร
ไม่เพียงได้รับแรงระเบิดจากภูเขาไฟ ยังเกิดสึนามิที่มีความสูง 100-150 เมตร ถาโถมเข้าด้านเหนือของเกาะครีต ทำลายต้นไม้บ้านเรือน ทำให้เกาะทั้งเกาะจมทะเลในชั่วข้ามคืน ส่งผลให้อารยธรรมมิโนอันเป็นอันล่มสลาย และเชื่อกันว่าความหายนะของเกาะครีตและหมู่เกาะไซคลาดิสเป็นแรงบันดาลใจให้เพลโต เขียนตำนานเรื่องแอตแลนติส และนำไปสู่การบันทึกถึงเรื่องราวเหตุการณ์น้ำท่วมโลก ที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของศาสนายูดาย คริสต์ และอิสลามอีกด้วย
 
ทั้งนี้นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสเป็นผู้เริ่มตามรอยอารยธรรมอันสาบสูญ โดยในปี ค.ศ. 1860 ได้ขุดค้นบริเวณที่ถูกเถ้าถ่านและลาวาทับถม พบอาคารบ้านเรือน วิหารเทพเจ้า หลุมฝังศพในหุบเขา โรงละคร และข้าวของเครื่องใช้จำนวนมากแสดงถึงความเจริญก้าวหน้าของยุคสำริด
โดยสภาพอากาศของที่นี่จะเป็นอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้มีสภาพอบอุ่นเกือบทั้งปี นอกจากภาพอันสวยงามของบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยสีฟ้าและสีขาวตัดกับทิวทัศน์ของภูเขา กับสีของท้องฟ้าและน้ำทะเลสีน้ำเงินครามแล้ว ในเกาะแห่งนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดตาและตราตรึงใจให้นักเดินทางให้ชมกันมากมาย โดยเฉพาะจุดชมวิวพักผ่อน นอนอาบแดดริมทะเลอันแสนสวย และจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินในหมู่บ้านโอเอียที่โด่งดัง หรือจะมาเดินช๊อปปิ้งหาของกินและซื้อของฝากแนวๆเก๋ๆ น่ารัก ที่ย่านฟิร่า และยังมีกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอีกเช่น การลงเรือไปชมปากปล่องภูเขาไฟ และการลงเรือชมชายหาดต่างๆ ที่สวยงามไม่แพ้กัน


วิธีการเดินทางไปยังเกาะซานโตรินี้ มี 2 วิธีคือ

1.นั่งเครื่องบินไป ถือเป็นการเดินทางที่รวดเร็วและได้รับความนิยมที่สุด เนื่องจากนั่งเครื่องบินแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว โดยใช้เวลาประมาณ 40-50 นาทีก็ถึงแล้ว
- มีสายการบินหลายสายให้เลือก อาทิ Ryanair, Olympic Air, Volotea, Aegean Air และสายการบินอื่นๆ
 - ราคาตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นต่ำสุด จองเนิ่นๆเริ่มต้นเพียง 45-50 ยูโรเป็นต้นไปเท่านั้น ยังไงเช็คราคาโปรโมชั่นตามเว็ปเช็คราคาห้องพักได้ค่ะ
- เดินขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน Athens International Airport (ATH) - Santorini Thira Airport (JTR)

เช็คราคาตั๋วเครื่องบินได้ที่ : www.flights.agoda.com/santorini/greece
หรือ https://www.skyscanner.co.th/

2.นั่งเรือเฟอรี่ไป แต่ใช้เวลาเดินทางนานมากๆประมาณ 6-8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ถือเป็นการเดินทางสำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มลองประสบการณ์ใหม่ๆ โดยราคาเรือเฟอรี่จะถูกกว่านั่งเครื่องบิน โดยราคาจองล่วงหน้าอยู่ที่ 30-40 ยูโรเท่านั้นเอง
- มีเรือให้บริการบริการหลายเจ้า อาทิ Blue star ferry,Seajet
- ราคาเรือเริ่มต้นที่ 30 ยูโร
- มีช่วงเวลาขึ้นเรือให้เลือกหลายหลายช่วง
- เริ่มต้นเดินทางขึ้นเรือที่ท่าเรือ Piraeus Athents (PIR) ลงที่ท่าเรือ Thira Santorini Port (JTR)

เช็คราคาเรือโดยสารที่เว็ปไซต์ : https://www.letsferry.gr/en/

สำหรับวันที่ดิฉันไปเที่ยวเกาะแห่งนี้ เลือกเดินทางตอนขาไปซานโตรินีทางเรือเฟอรี่ และขากลับเลือกนั่งด้วยเครื่องบิน เลยขอมารีวิวให้ชมดังนี้ค่ะ
 แผนการเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้รวม 26 วัน เริ่มต้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สิ้นสุดที่เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ
 ผนการเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้รวม 26 วัน เริ่มต้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สิ้นสุดที่เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ ดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2xlaVuZ

1.เริ่มต้นขอรีวิวการนั่งเรือเฟอรี่ไปเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองก่อน ขออธิบานตามภาพดังนี้จ้า
 เช้าวันใหม่ที่ 5 มิ.ย.2018 อรุณเบิกฟ้านกกาโบยบินในกรุงเอเธนส์ ดิฉันตื่นแต่เช้าตรู่เลยคะ รีบมาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแยกเป็น 2 ใบ โดยใบใหญ่แยกฝากไว้ที่โรงแรม ส่วนใบเล็กใส่เฉพาะเสื้อผ้าสิ่งของจำเป็นเล็กๆน้อย สำหรับเดินทางไปเกาะซานโตรินีในช่วงบ่ายวันนี้
หลังจากนั้นก็มาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร
โดยอาหารเช้าที่นี้ ก็ดูคล้ายกับทริปประเทศก่อนที่ผ่านมาเลยค่ะ
แต่จะแตกต่างตรงที่มี เฟต้าชีสมาให้ทานด้วย
 อาหารจะเน้นพวกแป้ง ขนมปัง ธัญญพืช และเฟต้าชีสมาให้ ซึ่งเจ้าเฟต้าชีสสีขาวๆนั้นแหละ ขาดไม่ได้เลยเชียวสำหรับอาหารในประเทศนี้
 ทานอาหารเสร็จก็ไม่ได้ไปใหนเลยค่ะ ดิฉันก็มานั่งเคลียงาน สะส่างงานประจำต่อให้เสร็จ เดี่ยวช่วงนั่งเรือไปว่าจะทำงานเขียนบล็อกเรื่อยเปื่อยต่อให้เสร็จ
 หลังจากที่นั่งทำงานอยู่นานจนเวลาถึงประมาณบ่าย 3 โมง
ดิฉันก็เดินทางออกจากโรงแรมที่พักย่านโอโมเนีย มาที่สถานีรถไฟใต้ดิน
นั่งรถไฟสายสีเขียวจากโอโมเนีย Omonia มาสุดปลายทางที่ สถานีรถไฟท่าเรือพีราอุส Piraeus
โดยรีวิวการเดินทางรถไฟฟ้าในกรุงเอเธนส์ขอไม่อธิบายแล้วนะค่ะ เพราะเขียนแนะนำเป็นรูปภาพไว้ที่รีวิวตอนที่ 24 แล้วจ้า ยังไงเข้าไปดูกันนะคะ
นั่งรถไฟฟ้าจากย่านใจกลางเมือง โอโมเนียมาลงที่สถานีรถไฟพีราอุส
 นั่งรถไฟจากย่านที่พักแถวโอโมเนีย ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีกว่าก็ถึงสถานีรถไฟ พีราอุสแล้ว
บรรยากาศโดยรอบสถานีก็ดูกว้างขวางใหญ่โตสวยงามดีนะ
สถานีรถไฟ Piraues
 เดินออกมาด้านอกจะเห็นป้ายเขียนไว้ว่าสถานีรถไฟ Piraues
พอเดินออกจากสถานีรถไฟมาก็จะเต็มไปด้วยร้านค้าแผงลอย และผู้คนเดินกันพลุ่กพล่านไม่แพ้ย่านโอโมเนียเลยล่ะ
เดินออกมาจากสถานีรถไฟไม่ไกลนัก ก็จะเป็นถนนข้ามไปยังท่าเรือ
 ท่าเรือที่นี้มีชื่อว่า Piraeus port
 ท่าเรือที่นี้มีชื่อว่า Piraeus port เป็นท่าเรือที่ค่อนข้างใหญ่มากๆ มีเรือเฟอรี่จอดเรียงรายอยู่เยอะมากๆ และแต่ละลำ ก็จะจอดห่างกันออกไปค่อนข้างมากๆ 
ซึ่งเรือเฟอรี่ที่ดิฉันเลือกใช้บริการเดินทางคือ เรือ Blue star ferries ค่ะ ซึ่งเป็นเรือที่เช็คมาแล้ว ราคาถูกที่สุดแล้ว ส่วนเรือโดยสารลำอื่นๆจะแพงกว่า แต่ก็เร็วกว่าเรือ Blue star มากๆ เช่นเรือ Seajet ก็ดีกว่าและเร็วกว่าด้วย
และวันที่ไปเที่ยว ดิฉันไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้ามาเลยค่ะ เพราะอยากจะรู้ว่า ราคาจองล่วงหน้า กับไม่จองตั๋วต่างกันมากแค่ใหน จะได้มาบอกเล่าในรีวิวได้ถูก

ทั้งนี้ที่ดิฉันเลือกใช้ Blue star เพราะราคาถูกประหยัดดี โดยราคาที่เช็คในเว็ปไซต์ Let'sferry.com ค่าโดยสารไปยังเกาะซานโตรินีอยู่ที่ 30 ยูโรค่ะ

แต่ข้อเสียคือ เรือโดยสารเจ้านี้ค่อนข้างช้า ใช้เวลาเดินทางนาน แต่ข้อดีคือถูก และรอบเรือแต่ละช่วงก็มีไม่เยอะนัก มีช่วงเช้าตรู่ และช่วงเย็นเลย
Blue star ferry จ่ายตังไป 40 ยูโรจ้า แพงกว่าราคาหน้าเว็ป 10 ยูโรเลยนะ แนะนำว่าซื้อผ่านเว็ปล่วงหน้าถูกกว่า
เดินมาที่บูทขายตั๋วสีส้มของ Blue star ferry จ่ายตังไป 40 ยูโรจ้า แพงกว่าราคาหน้าเว็ป 10 ยูโรเลยนะค่ะ แต่ก็ไม่เป็นไร ถือเป็นประสบการณ์แล้วกัน จะได้มาบอกเล่าได้ถูก

เวลาเรือออกตอน 18 นาฬิกา ตอนมาซื้อตั๋วก่อนเรือออกล่วงหน้าเป็นชั่วโมงเลยล่ะ เพราะไม่งั้น เดี่ยวไปไม่ถูก เนื่องจากมาที่นี่เป็นครั้งแรก จะได้รู้ว่าจะต้องไปขึ้นเรือลำใหน อะไรยังไง จะสนุกตรงนี้แหล่ะ สนุกตรงหารถ หาเรือเอง ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ๆดี เนี่ยแหละค่ะชีวิตในการท่องเที่ยวต่างแดน
เดินฝ่าความร้อนของพื้นปูมาที่ป้ายจอดรถบัส ที่อยู่ค่อนข้างไกลจากที่ขายตั๋วพอประมาณ เดินมาทีเหงื่อตกเลย Bus service to Port Gate
หลังจากได้ตั๋วมาแล้ว ทางคนขายตั๋วจะบอกให้เราเดินเท้าไปขึ้นเรือบัสโดยสารบริการไปยังชานชลาของท่าเรือแต่ละแห่งต่อค่ะ ซึ่งต้องเดินฝ่าความร้อนของพื้นปูมาที่ป้ายจอดรถบัส ที่อยู่ค่อนข้างไกลจากที่ขายตั๋วพอประมาณ เดินมาทีเหงื่อตกเลย อากาศช่วงบ่ายแก่ๆที่นี้ประมาณ 4 โมงเย็น ร้อนมากๆ

เนื่องจากท่าเรือแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่มากๆนะคะ ถ้าเดินไปเอง มีหวังขาลากแน่นอนค่ะ รถบริการที่นี่ก็เหมือนกันกับรถบัสที่ให้บริการในสนามบินเลย
Bus service to Port Gate
ช่วงวันที่ไป มีรถบัสให้บริการหลายคัน ไม่รุ้ว่าคันใหน หากไม่แน่ใจ ให้ถามคนขับก่อนได้ค่ะ
คนขับที่นี้ ก็พอรู้ภาษาอังกฤษงูๆปลาๆเหมือนกับคนบ้านเราแหละค่ะ เพราะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลั ส่วนดิฉันก็เออออ ห่อหมกไปกับเขาด้วย  ถ้าคนขับรถบัสขนส่งพาไปผิดที่ผิดทาง ผิด gate ชานชลา มีหวังดิฉันต้องนั่งร้องให้ขึ้มูกโป่งอยู่ตรงนั้นแน่ๆ 
และพอขึ้นมาบนรถก็โล่งเชียว ยิ่งเข้ามาด้านใน ร้อนหนักกว่าเดิมเสียอีก เพราะแอร์เออก็ยังไม่เปิด แต่ข้างนอกก็ร้อนพอๆกัน เดี๊ยนก็เลยยอมมานั่งด้านใน ถือว่ามาอบซาวน่าเพื่อสุขภาพแล้วกัน
ระหว่างนั่งรอรถออกไม่นานนักประมาณ 15 นาที คนขับก็สตาร์เครื่องเปิดแอร์เย็นฉ่ำสุดขั้ว ดิฉันปรับตัวแทบไม่ทัน จากอารมณ์ที่กำลังนั่งอบซาวน่าที่ซาอาร่าอยู่ เปลี่ยนบรรยากาศเหมือนไปอลาสก้าทันที เพราะคุณพี่คนขับ แกเร่งแอร์เย็นซ่ะหนาวเหน็บเชียว

คนขับพาดิฉันและผู้โดยสารบนรถที่นั่งมากันไม่กี่คน มาถึงท่าเรือ โดยระยะทางจากจุดขึ้นรถมายังชานชลาหรือ Gate ของเรือ ก็ค่อนข้างไกลมากๆเลยล่ะค่ะ ถ้าเดินมาเอง ไม่ได้หรอกค่ะ ต้องนั่งรถโดยสารมาเท่านั้น

ตามภาพ จะเป็นด้านหลังเรือ ซึ่งมีบันใดขึ้นไปบนเรือ มีผู้โดยสารหญิงแท้ 2 คน ขึ้นไปก่อน ส่วนหญิงเทียมแบบดิฉันก็เดินตามต้อยตูดเขาไป แต่ดีหน่อยที่ดิฉันไม่ได้แบกเป้ใบใหญ่มา ถ้าแบกมาด้วย มีหวังต้องทุลักทุเลเป็นใยป้าบ้าหอบฟางแน่ๆ
 เดินขึ้นมาบนเรือลำนี้ ก็มีพนักงานต้อนรับคล้ายๆกับเรือที่นั่งมาจากอิตาลีเลยค่ะ แต่บรรยากาศในเรือดูอลังกว่ามากๆ และทางพนักงานบนเรือก็ให้เราเลือกนั่งตรงใหนก็ได้ ตามสไตล์ เพราะที่นั่งวางบานเลยจ้า
 ดิฉันเดินขึ้นมาบนเรือ เลยมาเลือกนั่งที่เลาจ์เครื่องดื่ม ซึ่งมีที่นั่งค่อนข้างกว้าง และสามารถนั่งดื่มน้ำชากาแฟได้ด้วย

เมื่อมาถึงบนเรือก็ไม่ได้เดินไปดูอะไรที่ใหนต่อ เพราะมีงานให้เคลียสะส่างต่อให้เสร็จ ถ้าไม่ทำ มีหวังโดนกินหัว กลับไปงานบานเบิกเต็มโต๊ะ ปวดสมองแน่ๆ
และแล้วเวลา 18 นาฬิกา เรือก็ค่อยแล่นออกจากท่าเรือ Piraeus port มุ่งหน้าไปยังเกาะซานโตรินี ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแหล่งท่องเที่ยวสุดท้ายของทริปนี้แล้วล่ะค่ะ
อาหารเย็นบนเรือ Bluestar ferry
 ไม่นานนักเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ก็มีเสียงโทรโข่งประกาศบนเรือ เป็นเสียงภาษากรีซและภาษาอังกฤษแบบฟุตฟิตฟอฟาย แจ้งว่าขณะนี้ทางเรือได้เปิดบริการอาหารจำหน่ายบนเรือแล้ว ทางผุ้โดยสารสามารถแวะไปใช้บริการได้แล้ว

ดิฉันได้ยินเสียงดังนั้นก็ไม่รีรอ รีบจรลีลุกหนีจากโต๊ะ แล้วไปทานข้าวเย็นก่อนเลย เพราะมื้อเที่ยงทานขนมปังบิสกิต กับแครกเกอร์ไปไม่กี่ชิ้นเอง เนื่องจากยุ่งอยู่กับงาน

อาหารเย็นมื้อนี้ ก็เลยเต็มพลังสักหน่อย ข้าวทานกับปลาแซลม่อนย่างจนไหม้เกรียมดำปี๋เชียว
แต่รสชาติปลาแซลม่อนะ บีบมะนาวลงไปหน่อยๆรสอร่อยดี แต่ข้าวค่อนข้างแข็งมากๆ ไม่ค่อยได้เรื่องเลย

กะว่ามานั่งเรือลำนี้ รสชาติข้าวน่าจะดีกว่าเรือที่น่ามาจากอิตาลี แต่ไม่เลยค่ะ เนื้อข้าวเหมือนกันเป๊ะเลย
สงสัยจะใช้ข้าวแบบเดียวกัน เพราะข้าวค่อนข้างแข็งมากๆ แต่ดิฉันก็พยายามทานจนหมด เพราะเสียสตังค์ไปแล้ว
 แต่บรรยากาศในห้องอาหารบนลำเรือดูดี ไม่วุ่นวายมากนัก
มีผู้โดยสารอยู่บนเรืออยู่พอสมควรนะค่ะ แต่ก็ไม่ได้เยอะมาก ส่วนใหญ่เลือกนั่งเรือ เพราะอยากได้ประสบการณ์ และราคาเรือก็ถูกกว่านั่งเครื่องบินด้วย
 หลังจากทานอาหารเสร็จก็มานั่งพักต่อค่ะ จนเวลาผ่านไป 3 ทุ่ม พระอาทิตย์ก็อัสดงลงลับสู่ขอบฟ้าแล้ว
 นั่งเรือไปเรื่อยๆ เมื่อยก็ออกมาเดินยีดแข้งยึดขาด้านริมระเบียงเรือได้ค่ะ
บรรยากาศบนเรือ
 บรรากาศด้านในเรือ ผู้โดยสารบางคนก็นอนหลับปุ๋ยเชียว ส่วนบางคนก็นั่งเม้ามอยกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็เล่นเนตฆ่าเวลากันไป เพราะใช้เวลาเดินทางนานกว่าจะถึง

ส่วนดิฉันตอนอยู่บนเรือก็ใช้เวลาช่วงนี้ โทรไปที่โรงแรมเพื่อให้รถมารับที่ท่าเรือ
เนื่องจากว่าเที่ยวเรือถึงเกาะค่อนข้างดึกมากๆ หากนั่งแท๊กซี่ที่อ่านบล็อกคนอื่นมา ก็บอกว่า ราคาแพงมากๆ ดิฉันเลยต้องโทรไปที่โรงแรมให้มารับที่ท่าเรือเลย
 และในที่สุดเวลาเที่ยงคืนครึ่งหรือ 00.30 น. เรือโดยสารก็มาถึงท่าเรือทีรา (Thira port) เกาะซานโตรินีสักที หลังที่นั่งเรือมานานเชียว
 เดินลงจากเรือ Blue star ferry มาที่จอดริมท่าเรือ
 พอมาถึงก็ยังอิสสะงงๆ หน่อยๆ เพราะต้องมองหาคนถือป้ายโรงแรม
 ดิฉันมองหาคนถือป้ายโรงแรมอยู่นาน ว่าคนใหน เพราะมีหลายโรงแรมมากๆที่มารับแขก ณ ท่าเรือแห่งนี้ ในที่สุดก็ดีใจหาจนเจอค่ะ โดยที่พักคืนนี้พักที่โรงแรม Villa Livadoros  ทางโรงแรมส่งคุณลุงคนมารับถึงท่าเรือเลยค่ะ
ขึ้นมาบนรถ ดิฉันก็ไม่ได้คุยอะไรกับคุณลุงมากนัก เพราะคุณลุงเองภาษาอังกฤษก็งูๆปลาๆเหมือนกัน
ดิฉันเลยได้ทักทาย เฮลโหล แต้งกิ้ว Yes No OK  sitdow please ตามเขาไปค่ะ
คืนแรกนี้มาพักที่โรงแรม Villa Livadaros
ส่วนห้องพักคืนแรกที่โรงแรม  Villa Livadaros ถือว่าโอเคอยู่นะค่ะ แม้จะไม่ติดริมทะเล แต่ห้องพักถือว่าดีทีเดียว ราคาไม่แพงมากนัก ตกคืนละ 1300 บาทพร้อมอาหารเช้า
มีห้องน้ำในตัวและก็ค่อนข้างกว้างขวางมากๆด้วยถือว่าดีทีเดียวค่ะ
โรงแรม Villa Livadaros
 เช้าวันใหม่ที่ 6 มิ.ย.2018 ดิฉันตืนมาค่อนข้างสายมากๆ เนื่องจากเมื่อคืนกว่าจะได้หลับบรรทม ก็ปาไปซ่ะดึกดืนเชียว เพราะกว่าจะนั่งเรือจากเอเธนส์มาถึงซานโตรินีก็เที่ยงคืนครึ่งล่ะ มาถึงโรงแรมก็หลับดึกเลยล่ะ
ยามเช้าที่โรงแรม Villa Livadaros
แต่บรรยากาศยามเช้าที่เกาะแห่งนี้ค่อนข้างสดใส อากาศดีมากๆนะค่ะ ช่วงเช้าแดดยังไม่ร้อนมากๆ 
 เดินออกมาก็จะเห็นหลังคาโดมทรงสีฟ้าขาวและบ้านเรือที่โทนสีออกฟ้าขาวๆ หรือออกแนวพาสเทลไม่ฉูดฉาดนัก
 บริเวณโรงแรมก็มีสระว่ายน้ำกลางแจ้งให้เล่นอีกด้วย
สระว่ายน้ำก็มีทั้งสระเด็กและสระผู้ใหญ่ด้วยนะค่ะ ถือว่าดีทีเดียว
อาหารเช้าหลากหลายที่โรงแรม Villa Livadaros ถือว่ามีให้ทานหลากหลาย ขนมปังหลายแบบ มีผลไม้ มีไข่ดาว ไข่เจียวให้ด้วย
 นอกจากนั้ที่พักก็มีอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ให้ตักทานไม่อั้นอีกด้วย

 มื้อเช้านี้ ดิฉันเลยจัดมาทานแบบหลายอย่างเลยค่ะ
มีไข่เจียว ไข่ต้ม ไข่ดาว ถือว่าดีกว่าโรงแรมที่พักในกรุงเอเธนส์เสียอีก 
 โรงแรมแห่งนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคู่รักที่ต้องการพักผ่อน นอนห้องพักราคาถูกประหยัด ไม่แพงนัก
หลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว ดิฉันก็เช็คเอาท์ออกจากที่พักแห่งนี้เพื่อเดินทางไปยังโรงแรมที่จะพักคืนต่อไป
คืนสุดท้าย พักค้างที่โรงแรม เอโอลอส สตูดิโอ แอนด์ สวีท (Aeolos Studios & Suites)
 เดินแบกเป้เปิด GPS เลียบลัดเลาะตามทางเนิงเชิงเขามาเรื่อย ก็ถึงที่พักคืนที่สอง หรือคืนสุดท้ายของการเที่ยวเกาะแห่งนี้แล้วค่ะ โดยพักค้างที่โรงแรม เอโอลอส สตูดิโอ แอนด์ สวีท (Aeolos Studios & Suites)
คืนสุดท้ายพักที่โรงแรม เอโอลอส สตูดิโอ แอนด์ สวีท (Aeolos Studios & Suites)
 ที่พักคืนที่สองของเกาะนี้ ขอเปลี่ยนบรรยากาศมานอนพักริมทะเลสักหน่อยค่ะ
เพราะมาเที่ยวเกาะแห่งนี้ กะว่าจะมานอนพักจริงๆ
 ระหว่างรอ Check in ก็แวะทานอาหารเที่ยงๆใกล้ที่พัก
ทานสลัดกรีซเป็นมื้อเที่ยงนี้
ทานอาหารเที่ยงอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาพักผ่อนแล้วค่ะ กะว่าจะนอนให้เต็มอิ่มสักหน่อย
 มาที่เกาะแห่งนี้ เน้นมาพักผ่อนจริงๆค่ะ ไม่ได้ทรหดเหมือนทริปที่ผ่านมา
ห้องพักที่โรงแรม เอโอลอส สตูดิโอ แอนด์ สวีท (Aeolos Studios & Suites)
 ส่วนห้องพักที่นี้ก็ทำออกมาคล้ายๆถ้ำ ที่พักเก่าแล้ว แต่ก็ยังปรับปรุงดูดีอยู่
เตียงนอนอยู่ด้านบน ต้องปีนบันใดขึ้นไปอีกนะ
 มองลงมาจากเตียงห้องพัก
ถ้าใครนอนดิ้น ก็ต้องระวังหน่อยจะพลาดตกลงมาคอหักนะค่ะ
 มีอ่างจากุซซี่วิวกระจกด้านหน้าให้ด้วย
 ส่วนเตียงห้องพักก็ถือว่านุ่มใช้ได้ทีเดียว แม้ที่พักจะเก่าแล้วก็ตาม ส่วนการตกแต่งก็สวยงามเข้ากับบรรยากาศ น่าจะเหมาะกับคู่รักฮันนีมูนที่ต้องการที่พักแบบส่วนตัว
 มีโซฟาภายในห้องพัก
 ส่วนห้องน้ำมีขนาดเล็กกะทัดรัด
 มีแผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว และราคารถแท๊กซี่ให้บริการอีกด้วย
ราคาไม่ถูกเลยนะ ถือว่าแพงทีเดียว เริ่มต้นก็ 15 ยูโรต่อคนเลยนะค่ะ ลองคูณเป็นเงินไทยดู ก็หลายร้อยบาทเลย แต่ข้อดีคือเป็นส่วนตัว สะดวกสบาย ไม่ต้องยุ่งยาก 
 บริเวณโดยรอบๆหน้าโรงแรมก็เป็นที่นั่งพักชมวิว
โรงแรมที่พักซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน ราคาน่าจะแพงโขพอสมควรเลยล่ะ เพราะเป็นวิลล่ามีสระว่ายน้ำส่วนตัวให้ด้วย ดูหรูหราเชียว น่าจะเหมาะกับคู่รักฮันนีมูนซ่ะมากกว่า
สระว่ายน้ำกลางแจ้งของโรงแรม เอโอลอส สตูดิโอ แอนด์ สวีท (Aeolos Studios & Suites)
หากไม่อยากใช้อ่างจากกุซซี่ ก็มาเล่นที่สระว่ายน้ำกลางแจ้งได้
 มีจดหมาย Greeting Letter ต้อนรับและแสดงการขอบคุณด้วย
 บรรยากาศการตกแต่งที่พักเน้นสีขาวและสีโทนอ่อนดูสวยงามสบายตาดีค่ะ
เรียบหรูดูดีใช้ได้ทีเดียว
สถานที่ท่องเที่ยว จุดถ่ายภาพสวยในเกาะซานโตรินี (Santorini Viewpoint)
 มีสระว่ายน้ำกลางแจ้งวิวทะเลให้พักผ่อนกันอีกด้วย
 นอกจากน้ยังมีไวน์ให้ดื่มอีกด้วย
 แต่ดิฉันชอบผลไม้ค่ะ
 ส่วนไวน์ที่ทางโรงแรมให้มานั้น ดิฉันไม่ได้ดื่มค่ะ เพราะไม่ดื่มแอลกฮอล์ เดี่ยวโรคกระเพาะกำเริบอีก

โดยดื่มแต่น้ำเปล่า และคืนไวน์ที่ทางโรงแรมให้มานั้นแก่เจ้าหน้าที่ไปค่ะ ที่เห็นน้ำในแก้วไวน์นั้น คือน้ำเปล่าที่ดิฉันนำมาเติมให้ดูดีเฉยๆเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศค่ะ

แต่ต้องบอกว่า บรรยากาศที่นี้ก็ค่อนข้างดีจริง สวยงามสมค่ำล่ำลือ ราคาห้องพักก็แพงร้อนแรงใจยิ่งนัก เดี๊ยนว่าห้องพักในกรุงเทพ หรือภูเก็ต สมุย แพงแล้วนะ มาเจอโรงแรมที่อยู่ติดริมทะเลที่นี้แต่ละแห่ง ราคาห้องพักแรงเว่อร์ จนกระเป๋าสตางค์เอ๋อเหรอไปเลยแหละค่ะ
หลังจากที่แบกเป้เดินทางไกลตั้งแต่ฝรั่งเศส ไล่มาเรื่อยจนถึงเกาะซานโตรินี เป็นทริปที่แรมรอนใช้เวลานานเหลือเกิน
ทริปนี้เดี๊ยนเลยขอพักเหนื่อย นอนพัก นั่งทำงานชิลๆ ชมวิวทะเล รับลมเย็นๆอยู่ที่โรงแรมดีกว่าค่ะ อากาศดีที่นี่ตอนเช้าก็ดียิ่งนัก แม้แดดจะร้อนไปหน่อย แต่ก็ยังมีลมคอยช่วยบรรเทาความร้อนได้พอสมควร 
เดี่ยวพอตกเย็นๆค่อยไปเดินเล่น และหาของอร่อยๆแปลกในเมืองนี้ทานต่อค่ะ 
มองไปก็มีแต่โรงแรม รีสอร์ทสวยหรู ดีสีขาวพาสเทลตามแบบฉบับเกาะแห่งนี้ มีสีอื่นคงจะไม่ได้แน่ๆ
 บรรยากาศรอบๆที่พัก มองไปก็มีแต่โรงแรม รีสอร์ทสวยหรู ดีสีขาวพาสเทลตามแบบฉบับเกาะแห่งนี้ มีสีอื่นคงจะไม่ได้แน่ๆ
มองจากที่พักไปก็มีแต่โรงแรมที่พักมากมาย โทนสีเดียวกันล้วนๆเลยคือ สีขาว หลังคาโดมเป็นสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน
ส่วนโรงแรมที่เห็นอยู่นี้ มีสระว่ายน้ำสีสวยใสน่าลงไปเล่นมากๆ ราคาน่าจะแพงเว่อร์วังเช่นกัน
ตามถนนหนทางเดินก็มีจุดแวะนั่งพักเรื่อยๆ แถมมีจุดถ่ายภาพมากมาย ใครชอบมุมใหนก็จัดไปสักแชะ สองแชะเอาไปลงในเฟสบุ๊ค ไอจี โซเชียลมีเดียให้คนดูกัน
 หรือหากใครที่ชอบมุมเงียบๆ ก็เดินลัดเลาะตามทางเดินไปได้เรื่อยๆ ไม่รู้สึกเบื่อเลย
 ไม่ต้องกลัวหลงด้วย เพราะมีป้ายบอกตลอดทางเลยค่ะ
 ไม่ไกลจากที่พักมากนัก ก็นั่งพักชมโบสถ์ติดริมทะเล
บรรยากาศที่แห่งนี้เงียบสงบดีมากๆค่ะ  บริเวณโบสถ์คริสต์หลังคาโดมสีฟ้าใหญ่อลังการ
บรรยากาศภายในร้านอาหารช่วงเวลา 1 ทุ่มครึ่ง แต่พระอาทิตย์ก็เริ่มบ่ายคล้อยลงเรื่อยๆแล้ว
พอตกพลบค่ำยามเย็นก็ไปหาอะไรทาน ซึ่งย่านฟิรา ไม่ไกลจากที่พักนัก
ก็มีร้านอาหาวิวทะเลสวยๆให้นั่งทานหลากหลายแห่ง แต่ดิฉันก็เลือกร้านที่คนเยอะๆหน่อยค่ะ เพราะเห็นว่าน่าจะทำอร่อย จริงๆมีหลายร้านเลยนะคะ ต้องเดินเลือกดูด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่ร้านริมวิวทะเล คนจะนั่งกันเยอะ
สำหรับ Dinner อาหารเย็นเรียกน้ำย่อยมื้อนี้ ชือว่าอะไร ไม่ทราบ แต่เป็นขนมปังโรยหน้าด้วยมะเขือเทศและเฟต้าชีส ทานกับผักรสออกวาซาบิสักหน่อย แต่อร่อยดีค่ะ
Dinner มื้อค่ำนี้ที่ร้านอาหารหน้าผาริมทะเลที่ย่านฟีร่า ซึ่งเดินมาจากที่พักไม่ไกลนักประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าๆ
ส่วนอาหารหลักหรือ Main Dish ดิฉันสั่งปลาแซลมอนทานกับครีมซอสอะไรสักอย่าง แต่จำชื่อไม่ได้ล่ะ อันนี้คืออร่อยมากๆ ราคาค่าเสียหายมื้อเย็นนี้ 27 ยูโร รวมน้ำดื่ม

นั่งทานไปเรื่อยๆ มองไปก็เห็นพระอาทิตย์เริ่มอัสดงลงลับสู่ขอบฟ้าแล้ว ดูสวยงามยิ่งนัก หมดไปอีก 1 วัน เร็วซ่ะจริงๆ
 บรรยากาศยามค่ำคืนที่เกาะซานโตรินี
 ดิฉันเดินกลับมายังที่พัก มานั่งทานผลไม้เพื่อย่อยอาหารต่อค่ะ
ยามค่ำคืนบริเวณรอบๆที่พัก ก็เรืองแสงไปด้วยไฟส่องแสงสว่างอร่ามฉามฉ่องไปทั่ว ดูสวยงามยังกับแสงไฟล่อแมงดาเลยนะ
-------------------------------------------------------------------------------
2.ต่อไปขอมาสรุปรีวิวการเดินทางบนเกาะซานโตรินีให้เพื่อนดูกันค่ะ

สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะซานโตรินีนี้ มี 3 วิธีคือ 

1.รถเช่า รถส่วนตัวขับเที่ยวได้รอบเกาะ ราคาคิดต่อวัน
2.รถแท๊กซี่ มีคนขับให้ แต่ราคาแพงเว่อร์
3.รถโดยสารสาธารณะ หรือรถเมลล์โดยสาร ถือเป็นการเดินทางที่ได้รับความนิยมที่สุดและราคาถูกที่สุดบนเกาะแห่งนี้

ดิฉันเลือกนั่งรถเมลล์โดยสารบนเกาะแห่งนี้ เนื่องจากน่าจะเหมาะกับทริปลุยเดี่ยวตัวคนเดียวที่สุดแล้วค่ะ ถ้าจะให้เช่ารถ คงต้องใช้สตางค์เยอะแน่ๆและในเกาะแห่งนี้ก็ขับรถชิดขวา ไม่ได้ชิดซ้ายเหมือนบ้านเราด้วย มีหวังเช่าขับ เกรงต้องตกลงเขา ลงน้ำทะเลแน่นอน เพราะเส้นทางเป็นภูเขาหัวโล้นไม่ค่อยมีต้นไม้เสียด้วยสิ

เดินมาเริ่มต้นขึ้นรถเมลล์โดยสารที่ท่ารถ Fira ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางการคมนาคมที่เกาะนี้
 หลังจากที่ Check out ออกจากโรงแรม Villa Livodoros ดิฉันก็เดินแบกเป้ใบเล็กๆมาที่ท่าขึ้นรถเมลล์โดยสารย่าน Fira

ย่านฟิร่าถือเป็นย่านใจกลางเมือง และเป็นเมืองหลวงของเกาะแห่งนี้ เรียกง่ายว่าเป็นศูนย์กลางจักรวาลทั้งหมดทั้งมวล รวมเอาไว้ที่นี้หมดเลยค่ะ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร แหล่งช๊อปปิ้ง ถนนคนเดิน ของกิน ขอฝาก มีครบเลย

พอมาถึงก็ยังสับสน งวยงงๆอยู่ว่าจะเดินทางรถเมลล์ สายใหนอย่างไร เนื่องจากเป็นครั้งแรก ดิฉันเลยสับสนมึนไปหมด และที่ท่ารถแห่งนี้ก็มากมายไปด้วยนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ ดูวุ่นวายไปหมด
Local Bus map of Santorini (แผนที่เส้นทางรถเมลล์โดยสารบนเกาะซานโตรินี)
แผนที่การเดินทางด้วยรถเมลล์โดยสารไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆบนเกาะมีดังนี้
(ในภาพดูตัวเล็กและมัวหน่อยค่ะ ขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้)
1.ย่าน Fira city เป็นจุดศูนย์กลางจักรวาลของการเดินทางด้วยรถสาธารณะในเกาะนี้ ไม่ว่าจะนั่งรถเมลล์สายใหนมา ทุกสายจะหยุดที่ท่านี้หมดค่ะ หากจะเดินทางไปใหน ก็ต้องมาต่อรถที่นี้อย่างเดียวเท่านั้นนะคะ ไปต่อที่อื่นไม่ได้ ยกเว้นเสียแต่เรียกรถแท๊กซี่เอง
2.Perrissa route
3.Kamari route
4.Monolithous
5.Akrotiri route
6.Monolithos route
7.OIA route  ย่านโอเอีย เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวชื่อดัง ที่มีรูปภาพหลังคาโดมสีฟ้าขาวริมทะเล และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามอีกแห่งด้วย จึงเป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวไปกันมากที่สุด

สำหรับวิธีการขึ้นรถเมลล์ที่นี้ ต้องรู้ไว้เลยนะค่ะ จะได้ไม่สับสนงวยงง สับปะรังเค แบบตัวดิฉัน

-  รถเมลล์ทุกสายจะมาหยุดที่สถานี Fira เนื่องจากเป็นศูนย์กลาง จากนั้นแล้วให้เราต่อรถไปยังสายที่ต้องการอีกครั้ง จะไม่มีรถเมลล์วิ่งจาก Kamari ไป OIA โดยตรงเลยนะค่ะ ถ้าอยากไปก็ต้องมาต่อรอขึ้นรอที่สถานี Fira เนี่ยแหละค่ะ จะมีรถเข้าออกตามเวลาที่ติดไว้ในบอร์ดประกาศ

- ราคาค่ารถเมลล์โดยสารอยู่ที่ 1.8 ยูโร โดยจ่ายตอนนั่งบนรถ จะมีกระเป๋ารถเมลล์เดินมาเก็บสตังค์จ้า
ตอนที่ดิฉันมาครั้งแรกก็งงๆ ว่าจะต้องจ่ายเงินยังไง ไปถามเจ้าหน้าที่บอกให้ไปจ่ายตอนนั่งรถบัสเลยค่ะ
Tickets only Available on The Bus เข้าใจง่ายๆคือ ต้องไปจ่ายเงินบนรถบัสเลยจ้า

-บนรถจะมีพนักงานเดินเก็บเงินค่าโดยสาร เป็นผู้ชายหน้าตาออกแนวแขกๆอาหรับผสมอิตาลีหน่อยๆ มีทั้งเสียงห้าว เสียงดุดัน ค่อยพูดบอกให้ผู้โดยสารชิดในหน่อยพี่ ชิดในหน่อยพี่ เหมือนรถเมลล์ในกรุงเทพเราเลยค่ะ แต่พูดคนละภาษาเท่านั้นเอง 

โดยที่บริเวณท่ารถ มีตารางเวลารถเมลล์โดยสารแต่ละสายติดบอกไว้ด้วย
ป้ายบอร์ดติดประกาศบอกเวลารถเมลล์โดยสารแต่ละสาย
ซึ่งป้ายบอร์ดประกาศที่ติดไว้ตรงนี้ สำคัญเพราะจะเอาไว้ดูเวลาที่รถจะมาถึงค่ะ
และมีตัวหนังสือเขียนไว้ด้วยว่า Tickets only Available on The Bus เข้าใจง่ายๆคือ ต้องไปจ่ายเงินบนรถบัสเลยจ้า

ตามภาพเป็นรายละเอียดป้ายตารางบอกเวลาจาก
Fira ไปยัง Monolitohos
Fira ไปยัง Airport

ย้ำนะค่ะว่า รถเมลล์ทุกสายจะมาหยุดที่ Fira หากเราจะเดินทางไปใหน ก็ต้องนั่งรถเมลล์มาเริ่มต้นที่ Fira ตลอดค่ะ
 ส่วนมุมนี้เป็นที่นั่งรอรถโดยสารแต่ละสาย
รถเมลล์โดยสารบนเกาะซานโตรินี รถคันขนาดเล็กกลางๆทรงสูงหน่อยๆ
โดยรถเมลล์จะคล้ายรถนั่ง บขส.ปอ.2 แบบในเมืองไทยบ้านเราค่ะ คันไม่ใหญ่มาก ทางเดินบนรถแคบมากๆ ไม่ได้เป็นรถเมลล์แดงแบบบ้านเรานะค่ะ ประตูรถขึ้นและลงอยู่ด้านหน้าที่เดียวกัน
ประตูขึ้นและลงรถ มีประเดียวเท่านั้น คืออยู่หน้าด้านหน้าเลย
ประตูขึ้นและลงรถ มีประเดียวเท่านั้น คืออยู่หน้าด้านหน้าเลย
ตอนจะขึ้นรถ ก็ค่อนข้างวุ่นวายมากๆค่ะ เพราะหากเป็นรถเมลล์ที่จะไปแถวโอเอียด้วยแล้ว คนจะเยอะมากๆ เรียกว่าใครขึ้นก่อนก็ได้นั่งก่อน แต่ถ้าไม่ได้นั่งก็จะต้องยอมทนยืนเอานะ
 บรรยากาศการขึ้นรถโดยสารจาก Fira ไปยัง OIA โอเอีย คนแน่นรถจนต้องยืนเลยจ้า
ทางเดินบนรถแคบมาก อารมณ์เหมือนนั่งรถเมลล์โดยสาร ปอ.2 ตอนเย็นๆ หลังเลิกจาก ปิ่นเกล้า ไป มหาชัยเลยค่ะ หรือไม่ก็นึกถึงตอนนั่งรถบัสสีส้ม พัดลมหมุนติ้วๆ ตอนนั่งรถบัสสีส้มจากเอกมัยไปลงที่ศรีราชาสมัยเมื่อ 20 ปีก่อน พอได้นั่งแล้วก็คิดถึงนะค่ะ เพราะคนแน่นเอี๊ยดเชียวแบบนี้เลยค่ะ

ทางเดินบนรถก็แคบเสียเหลือเกิน คนขับก็บอกให้ มูฟเม้น มูฟเม้น Movement มีนางหนึ่งบนรถพูดว่า ไม่รู้จะมูฟเม้นยังไงแล้ว เนื่องจากฉันอ้วนมากๆ คนบนรถและตัวเดี๊ยนเองได้ยินก็อดขำ หัวเราะไม่ได้ เห็นใจคนที่รูปร่างใหญ่ ต้องยืนบนรถที่ทางเดินแคบๆ ซึ่งไม่สามารถขยับได้แล้ว เพราะติดขัดไปหมด ขนาดเวลาเดินเอียงตัวแล้ว สะโพกโขกเข่าก็ยังติดเก้าอี้ริมทางเดินไปด้วย น่าเห็นใจจริงๆนะคะ

 ส่วนค่ารถ ก็จะมีกระเป๋ารถเมลล์ใส่เสื้อยืดแบบชิลเว่อร์ มาเดินเก็บสตัง ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายป้ายแดง พูดจาเสียงดังร้อนแรงหน่อยล่ะ
กระเป๋าเก็บสตางค์ที่เกาะซานโตรินี จะไม่เหมือนกระเป๋ารถเมลล์แบบกลมบ้านเราเลยนะค่ะ ดูคล้ายกล้องแยกเหรียญต่างหาก ส่วนใบตั๋วโดยสารก็แยกต่างหาก ดูท่าจะใช้การยาก ท่าเป็นแบบกลมดึงออก น่าจะง่ายกว่านะ
 ส่วนใครที่มาเที่ยวจำไม่ได้ว่า เส้นทางรถเมลล์บนเกาะมีสายอะไรบ้าง
แนะนำถ่ายรูปไว้เลยนะค่ะ จะได้ไม่หลง และถ่ายรูปป้ายตารางเวลาที่ติดประกาศไว้ที่สถานี Fira ด้วยก็ยิ่งดี เพราะรถมาเป็นเวลาที่แจ้งไว้ในป้ายประกาศนั้นค่ะ
--------------------------------------------------------------------------
หลังจากรีวิวการเดินทางด้วยรถสาธารณะหรือรถเมลล์ไปแล้ว
ต่อไปขอมาสรุป แหล่งท่องเที่ยวบนเกาะซานโตรินีว่ามีที่ใหนบ้าง (Santorini Tourist Attraction place)

1.Oia Village ชุมชุนหมู่บ้านโอเอีย จุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงบนเกาะซานโตรินี
1.Oia Village ชุมชุนหมู่บ้านโอเอีย จุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงบนเกาะซานโตรินี
1.Oia Village ชุมชุนหมู่บ้านโอเอียมีจุดชมวิวมากมาย
จุดชุมชนที่ OIA (โอเอีย) ซึ่งมีอยู่หลากหลายมุม เดินไปได้ทุกที่ ตามกรอกซอกซอย
1.Oia Village ชุมชุนหมู่บ้านโอเอีย ลัดเลาะไปตามทางเดินมีร้านขายของฝากมากมาย
1.Oia Village ชุมชุนหมู่บ้านโอเอีย ลัดเลาะไปตามทางเดินมีร้านขายของฝากมากมาย
1.Oia Village ชุมชุนหมู่บ้านโอเอีย ลัดเลาะไปตามทางเดินมีร้านขายของฝากมากมาย
1.Oia Village หมู่บ้านชุมชมโอเอีย หรือหมู่บ้านริมทะเลที่ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะซานโตรินี และเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุด เนื่องจากภาพหลังคาโดมสีฟ้าขาวและบ้านเรือนริมทะเลอันโด่งดังไปทั่วโลก มีโรงแรมที่พักราคาแพงๆอยู่ริมทะเลที่เหล่าคู่รักฮันนีมูนนิยมไปพักกันอีกด้วย และนอกจากนี้ยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตยตกดินที่สวยฟินไม่แพ้ที่ใหน จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ตลอด
2.Fira city (ย่านฟีร่า) แหล่งช๊อปปิ้ง และจุดชมวิวถ่ายภาพ
2.Fira city (ย่านฟีร่า) ท่าเรือเก่า
2.Fira city (ย่านฟีร่า)
2.Fira city (ย่านฟีร่า) เป็นศูนย์กลางหรือเป็นเมืองหลวงของเกาะซานโตรินีแห่งนี้ เป็นศูนย์รวมของย่านการค้า แหล่งช๊อปปิ้ง ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก ของที่ระลึก ท่าเรือเก่าแก่ และโรงแรมที่พักราคาถูกประหยัด ไปจนถึงโรงแรมระดับ 4-5 ดาวริมทะเลให้เลือกมากมาย  
3.Red Beach ชายหาดสีแดง
3.Red Beach ชายหาดสีแดง
3.Red Beach ชายหาดสีแดง
3.Red Beach ชายหาดสีแดงอันมีชื่อเสียง ตั้งอยู่ที่ Akrotiri สามารถนั่งรถเมลล์โดยสารมาลงได้
4.Skaros Rock (สกาโรส ร็อค)
4.Skaros Rock (สกาโรส ร็อค)
4.Skaros Rock (สกาโรส ร็อค) หรือที่เรียกว่าหรือ Castle Skaros แหล่งของยอดเขาหินที่อยู่ติดริมทะเล กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่ง ที่นักเดินทางนิยมมาถ่ายรูปกัน อยู่ไม่ไกลจากย่าน Fira สามารถเดินเลียบเลาะชมตามริมเขามาได้ประมาณ 2 กิโลเมตร

5.Beach at Perissa ชายหาดฟีรีสซ่า (ดิฉันไม่ได้ไปเลยค่ะ เลือกนอนพักอยู่ที่โรงแรมแทน)

6.Ancient Thira เมืองโบราณทีรา (อยู่ใกล้กับ Red beach แต่วันที่ไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์ปิดทำการไม่ได้เปิดให้เข้าชม)
----------------------------------------------------
เช้าวันใหม่ที่ 7 มิ.ย.อากาศเช้านี้ที่เกาะซานโตรินี้ อากาศค่อนข้างเย็นทีเดียวค่ะ
เช้าวันใหม่ที่ 7 มิ.ย.อากาศเช้านี้ที่เกาะซานโตรินี้ อากาศค่อนข้างเย็นทีเดียว จนดิฉันต้องเอาผ้าขนหนูมาห่อมตัวเลย ผิดกับตอนช่วงกลางวันมากๆ เพราะแดดร้อนเหมือนอยู่ทะเลทรายทีเดียวค่ะ

หากใครมาเที่ยวเกาะนี้ คงต้องปรับตัวซักหน่อยนะคะ เนื่องจากสภาพอากาศตอนกลางวนและกลางคืน แตกต่างกันเหลือเกิน เวลาตกตอนกลางคืน อากาศจะเย็นมาก แต่พอตอนกลางวัน ร้อนระอุ ปะทุดั่งไฟสุ่มทรวงเลยล่ะ
อรุณรุ่งยามเช้า มองไปทางซ้ายมือ แสงทองส่องอร่ามฉามฉ่อง ปะทะกับอาคารบานเรือนสีขาว ดูแพรวพราว สกาวตายิ่งนัก
หลังจากนั้นหันไปทางด้านขวา แดดทอแสงออร่าปะทับกับอาคารม่านฟ้าสีขาว ดูประกายวิบวับกว่าฝั่งทางซ้ายมือเสียอีก
มองไปข้างหน้าก็เห็นเรือสำราญลอยลำอยู่กลางทะเลเอเจี้ยน มีภูเขาไฟล้อมรอบ
หลังจากออกมานั่งชมบรรยากาศไม่นานนัก พนักงานที่เป็น Host ดูแลแขกที่โรงแรม ก็มาสอบถามว่าจะรับอาหารเช้าเลยใหม๊ ดิฉันเลยรีบตอบตกลงอย่างไม่ลังเลใจ เพราะกระเพาะอาหารเริ่มร้องจ๊อกๆแล้ว

รอไม่ถึง 5 นาที เครื่องดื่มก็มา มีน้ำส้มสด กับชาร้อนมาเสริฟก่อน ให้ออนซอน เรียกน้ำย่อยในกระเพาะ
จากนั้นก็ตามด้วยอาหารชุดมาให้สไตล์ CBF ลืมแจ้งไปว่า อาหารที่โรงแรมนี้ ไม่ได้เป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ค่ะ แต่จะจัดเป็นอาหารชุดมาให้ เนื่องจากเป็นโรงแรมแนวิลล่าเล็กๆ มีแขกที่เข้าพักอยู่ไม่กี่ห้อง แต่ราคาห้องพักก็แพงเว่อร์วังอลังการพอสมควร ถ้าไม่ได้คะแนนบัตรของขวัญไปแลก เดี๊ยนก็ไม่มีวาสนาได้พักแน่ๆ
 ตอนพนักงานสอบถามว่าจะรับไข่แบบใหนดี ดิฉันเลยบอกไปว่า ขอเป็น โอมเลท Omelet แต่พอพนักงานมาเสริฟ เดี๊ยนแปลกใจยิ่งนักกับหน้าตา Omelet ที่นี้ ดูเหมือนใข่เจียวบ้านเราเลยค่ะ หน้าตาออก ดำใหม้ๆหน่อยๆ

ดิฉันไม่ลังเล รีบไปสอบถาม ว่านี้คือ โอมเลทใช่ใหม๊ พนักงาน ตอบว่าใช่... โดยโอมเทลที่ประเทศกรีซ เป็นแบบนี้ จะไม่ใช่โอมเทลเหมือนที่เคยทาน

พอได้ฟังการอธิบายของพนักงานดังนั้น เดี๊ยนเลยต้องน้อมรับคำตัดสินของพนักงานที่อธิบายให้เดี๊ยนแจ่มแจ้ง ก็เลยได้ลิ้มลองไข่เจียวแบบกรีซ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากไข่เจียวบ้านเราค่ะ แต่บ้านเขาจะทอดไข่เจียวกับเนย น้ำมันน้อยๆ หน้าตาก็เลยออกมาไหม้เกรียมซ่ะแบบที่เห็น 
โดยไข่เจียว เอาทานคู่กับวิปปิ้งครีมที่ใส่ขวดโหลโรยหน้าด้วยแยมส้มสควิกสีสวย แต่ลองทานแล้วแปลกๆไม่ค่อยจะอร่อยสักเท่าใดนัก ดิฉันตักกินคู่เปล่าๆกับขนมปังน่าจะอร่อยกว่า....สมมุตถ้าแม่ครัวที่โรงแรมทำผัดกะเพราได้ ดิฉันจะรีรอ ขอรีบสั่งทานเลยนะ เพราะจะเอามาทานคู่กับไข่เจียวเนี่ยแหละค่ะ
ส่วนขนมปังที่โรงแรม หอมกรุ่น ร้อนจากเตา คงจะเอาไปอุ่นมา รสชาติอร่อยดี
หลังจากทานอาหารเสร็จทานอาหารเช้าเสร็จ ดิฉันก็ยังไม่ได้ออกไปเที่ยวใหนเลยค่ะ กะว่าวันนี้คงจะนั่งทำงาน และนอนพักผ่อนที่โรงแรมจนกว่าจะถึงเวลา Check out
นั่งพักผ่อน ทำงานไป มองทะเลไป เห็นเรือสำราญขนาดใหญ่แล่นผ่านไปกี่ลำแล้วก็ไม่รู้ได้
 จวนได้เวลา Check out ออกจากที่พัก ดิฉันก็รีบพับเก็บโน็ตบุ๊ค กลับเข้าห้องพักเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ใบเล็กที่แบกมาจากกรุงเอเธนส์ ดีนะที่เอากระเป๋าเป้ใบใหญ่ฝากไว้ที่โรงแรมในกรุงเอเธนส์ ถ้าหอบมาด้วยคงจะเป็นภาระเกะกะแน่นอน
มองไปที่วิลล่าด้านล่าง มีสระว่ายน้ำสีน้ำเงินฟ้าใสฟรุ้งฟริ้งเชียว ดูสวยใสกว่าวิลล่าที่ดิฉันพักค้างอยู่เสียอีก
พอเข้าสู่ช่วงตอนกลางวัน แดดเริ่มแรง อากาศเริ่มร้อน ซูมกล้องไปไม่ไกลนักจากวิลล่าที่ดิฉันพักค้างอยู่ ก็เห็นคู่รักฮันนีมูน กำลังอินเลิฟดื่มด่ำชื่นฉ่ำกับความสุข ว่ายน้ำปลดทุกข์ ให้สนุกครืนเครง อยู่ริมสระด้วยล่ะค่ะ ดูดูที่พักนั้นแล้ว ราคาน่าจะแพงเว่อร์วังอลังการสะท้านโลกาพอสมควร เพราะเป็นวิลล่ามีสระว่ายน้ำส่วนตัวให้เลย
บรรยากาศยามช่วงกลางวันที่เกาะซานโตรินี
 หลังจาก Check out ออกจากที่พักประมาณบ่าย 2 โมง ไม่รู้ไปใหนดี ช่วงบ่ายวันนี้ ดิฉันเลยขอออกไปเดินช๊อปปิ้งที่ย่านฟีร่า (Fira Market) ซึ่งเป็นย่านใจกลางเมือง มีร้านขายของที่ระลึกให้เลือกซื้อมากมาย กะว่าจะต้องไปซื้อของฝากและของที่ระลึกที่ตลาดแห่งนี้
ระยะทางจากโรงแรม เอโอลอส สตูดิโอ แอนด์ สวีทซานโตรินี ไปยังย่านฟีร่า ประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร สามารถเดินเท้าลัดเลาะทางเดินริมหน้าผาไปได้ค่ะ
ระยะทางจากโรงแรม เอโอลอส สตูดิโอ แอนด์ สวีทซานโตรินี ไปยังย่านฟีร่า ประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร สามารถเดินเท้าลัดเลาะทางเดินริมหน้าผาไปได้ค่ะ
 ตลอดเส้นทางก็จะมีคนเดินตลอด ไม่ต้องกลัวหลง เดินไปเรื่อย เมื่อยก็หยุดพัก ดีกว่าไปเสียสตังจ่ายค่ารถนะค่ะ เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเกาะนี้ ถ้าจุดหมายไม่ไกลนัก ก็เดินเท้าไปก็ได้ค่ะ
จากระยะทางที่ดิฉันอยู่นี้ เดินออกมาจากที่พักแล้วประมาณ 500 เมตรได้ ส่วนที่เห็นเป็นตึกเยอะสีขาว ตรงนั้นคือย่าน Fira ค่ะ ซึ่งเป็นย่านการค้าและศูนย์รวมแหล่งช๊อปปิ้ง
ซูมกล้องไปใกล้ๆ ตรงนี้คือย่าน Fira ค่ะ เหมือนจะอยู่ไกลนะค่ะ แต่จริงๆแล้ว ไม่ไกลเกินเอื้อม เดินเท้าออกกำลังกายไปเรื่อยก็ถึงแล้วค่ะ
 ระหว่างทางก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึก มีสินค้าน่ารัก กุ๊กกิ๊กมากมายให้เลือก
หรือใครที่ชอบถ่ายรูป ก็มีมุมโน้นนี้ นั้นให้แวะถ่ายรูปกันไม่เบื่อเลยทีเดียว
เดินมาเรื่อยก็พบต่างหู งานดีไซน์มากมาย ดูสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะ น่าซื้อยิ่งนัก เนื่องจากงานมีไอเดีย ดูเก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร
เดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอย ก็ยังไม่เจอของถูกใจนัก
 ย่าน Fira ตามตรอกซอยซอย ถนนคนเดิน ที่ขนาบไปด้วยร้านอาหาร และร้านค้า มีร้านรวงหลายแห่งก็เปิดรับนักท่องเที่ยวกันหลายร้านเลย
แต่ทั้งนี้ ทางพนักงานที่โรงแรมบอกว่า หากอยากได้ของสวยให้ไปเดินช๊อปปิ้งที่แถวโอเอีย (OIA) เพราะนอกจากจะได้เดินซื้อของฝากแล้ว ยังได้ถ่ายรูปสวยๆด้วย ดิฉันเลยไม่รีรอ เดินมาที่ท่ารถบัส Fira ซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคม สาธารณะในเกาะแห่งนี้ (สำหรับวิธีการเดินทางด้วยรถบัส ได้รีวิวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ในที่นี้ ดิฉันไม่ขออธิบายนะคะ)
 ขึ้นบนรถบัสโดยสารประจำทาง สายไปยังหมู่บ้านโอเอีย ราคา 1.8 ยูโร ราคาเดียวตลอดสาย
นั่งรถบัสประทางลัดเลียบเลาะไต่ตามเนินเขาอันลาดชันมาเรื่อย ระยะทางจาก Fira ไปที่ OIA ก็ค่อนข้างไกลพอสมควรค่ะ
ใช้เวลานั่งรถบัสโดยสารมาประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ก็ถึงหมู่บ้านโอเอียแล้วค่ะ
เดินออกจากท่าจอดรถบัสมาไม่ไกลนัก ก็จะเป็นลานโบสถ์กว้างๆ ให้นั่งพักผ่อนชมวิวถ่ายภาพกัน
จากนั้นเดินเข้ามาช๊อปปิ้ง ถ่ายรูปทีชุมชมแห่งนี้ ซึ่งลำลือกันว่า มีจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดบนเกาะซานโตรินี้ด้วย
ตามกรอก ซอก ซอยที่ชุมชนโอเอียแห่งนี้ ก็มีร้านขายเสื้อผ้า และของฝากมากมาย
 มีสินค้าหลายอย่าง แต่ละอย่าง ก็เป็นงานแนวอาร์ต ศิลปะเฉพาะตัว มีเอกลักษณ์โดดเด่น ดูสวยงาม น่าซื้อยิ่งนัก
 มีถนนคนเดิน รายล้อมไปด้วยตึกสีสันดูสวยงาม สบายตา ตามลักษณะเฉพาะตัวของเกาะแห่งนี้
และที่พลาดไม่ได้คงต้องแวะมาถ่ายรูปวิว โดมสีฟ้าขาว ที่เป็นภาพขึ้นปกนิตยสารมาแล้วหลายฉบับ แท้จริงแล้ว อยู่ที่หมู่บ้านโอเอียนี้เองค่ะ
จุดชมวิวถ่ายภาพยอดนิยมที่โอเอีย เกาะซานโตรินี
นักท่องเที่ยวที่มาถึง ส่วนใหญ่ก็ต้องหยิบมือถืออันทันสมัย ออกมาถ่ายรูปกันแทบทุกคนเลยค่ะ ในขณะที่ดิฉันเอง ก็รู้สึกดีใจไม่น้อย เพราะได้มาเห็นของจริง สักที กลับไปเมืองไทย จะได้ไปบอกเล่าเก้าสิบเพื่อนที่ทำงานได้ถูกว่า มาถึงซึ่งของจริงแล้วนะ
และด้วยสภาพอากาศตอนกลางวันที่เกาะแห่งนี้ ค่อนข้างจะร้อนมากๆ อย่างไรเสีย หากเพื่อนคนใหนมาเที่ยว พกแว่นกันแดด หมวกกระบังสวยๆ มาด้วยนะค่ะ เพราะแดดร้อนแรงจับใจจริงๆ 
นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิว และมุมให้ถ่ายรูปหลากหลายมุม แล้วแต่ใครจะชอบมุมใหน ก็สรรสร้างไปตามจินตนาการ
 เดินลัดเลาะไปอีกหน่อย จะพบกับลานเนินปราสาท OIA ซึ่งเป็นจุดพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดอีกแห่งบนเกาะแห่งนี้ด้วย
จุดพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดอีกแห่งบนเกาะแห่งนี้ด้วย  ว่ากันว่า ช่วงเย็นๆ นักท่องเที่ยวจะเดินทางมาที่จุดชมวิวแห่งนี้เยอะมาก
จุดชมวิวชมพระอาทิตย์ตกดินที่ OIA Castle ต้องมายามเย็นจะได้เห็นพระอาทิตย์ตก แต่คนเยอะมากๆ
มองไปโดยรอบนอกจากท้องทะเลเอเจี้ยแล้ว ก็มีแต่บ้านเรือนขาวแซมด้วยสีฟ้า ดูสวยสบายเพลินตาดีเหลือเกิน
 มองไปที่เบื้องล่างก็เป็นท้องทะเลสีฟ้าคราม ดูสวยงามจับตายิ่งนัก มีเรือจอดเทียบท่า เหมือนหนึ่งลอยอยู่บนบลูมูน อะไรแบบนั้นเลย
 มีร้านอาหาร ร้านค้าเปิดบริการอยู่หลายแห่ง ให้นั่งทานชมวิวทะเล
อาหารเที่ยงมื้อนี้ มาทานอีกทีก็เกือบบ่าย 3 โมงแล้วค่ะ เลยหยิบอาหารที่ซื้อมาจากย่าน Fira พกมาด้วย จัดไปเป็นมื้อเที่ยงเสียเลย อย่าให้เสียของ
 นั่งทานไป ก็เจอน้องเหมียว นั่งมองหน้าอยู่ สงสัยจะอยากทานด้วยกระมัง
ใหนๆก็มาเกาะซานโตรินีทั้งที ก็ต้องซื้อของฝากติดไม้ ติดมือกลับไปฝากเพื่อนร่วมงานและคนที่บ้านด้วยสักหน่อยแหละ ถ้าไม่ซื้อไป โดนกินหัวแน่ๆ
 หลังจากที่ได้เดินช๊อปปิ้ง ชมวิว ถ่ายภาพที่ชุมชนย่านโอเอียแล้วนะค่ะ ดิฉันก็นั่งรถบัสกลับมายังย่าน Fira เพื่อต่อรถบัสโดยสารไปชมทะเลแดง
เดินทางไปชม Red Beach หรือ ชายหาดสีแดง อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวในเกาะซานโตรินี
 มองจากทางเดินริมหน้าผา ก็เห็นนักท่องเที่ยวกำลังนอนอาบแดดกันมากมายเชียว
 ชายหาดแห่งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินสุดฟินที่เหล่าคู่รัก นิยมมาพักผ่อนนอนอาบแดดกัน
 เพราะด้วยน้ำทะเลสีใสเป็นสีฟ้าครามดูอร่ามจับตา น่าลงไปว่ายยิ่งนัก
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม พายเรือคายัค บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่แวะมาที่หาดนี้อีกด้วย
หรือใครที่ไม่อยากพายเรือ ก็มีเรือบริการพานำเที่ยวจาก Red Beach ไปยัง Black beach ด้วย
หรือใครที่ไม่อยากพายเรือ ก็มีเรือบริการพานำเที่ยวจาก Red Beach ไปยัง Black beach ด้วย
ตรงทางเดินไปชมหาด Red Beach ก็พบน้องหมาตัวเล็ก ที่ร้านขายเครื่องประดับด้วย เจ้าของบอกว่า ตั้งแต่เอาน้องหมามาไว้ที่ร้านด้วย ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลย เพราะนักท่องเที่ยวหลายคน ก็เข้ามาถ่ายรูปน้องหมา และซื้อสินค้าจากร้านไปด้วย ถือเป็นหมานำโชคเลยนะ 
น้องหมาตัวเล็กๆ น่าร้ก รอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่แวะมาเลือกซื้อสินค้า เจ้าของร้านบอกกับดิฉันว่า ตั้งแต่เอาน้องหมามาไว้ที่ร้านด้วย ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลย เพราะนักท่องเที่ยวหลายคน ก็เข้ามาถ่ายรูปน้องหมา และซื้อสินค้าจากร้านไปด้วย ถือเป็น Lucky Dog ทีเดียวล่ะ
หลังจากที่ดิฉันได้นั่งพักชมวิวชายหาดสีแดงแล้ว ก็นั่งรถบัสโดยสารกลับมาที่ย่าน Fira มาเดินชมลาตัวเล็ก ที่ค่อยบริการนักท่องเที่ยวเดินขึ้นจากท่าเรือเก่ามายังด้านบน
พลบค่ำยามเย็น วันนึงผ่านไปเร็วเหลือเกิน
อาหารเย็นมื้อสุดท้ายนี้ที่เกาะซานโตรินี
ทานอาหารเย็นมื้อนี้ ทานปลาแซลม่อนอีกแล้วล่ะค่ะ แต่มื้อนี้ ไม่มีครีมเหมือนมื้ออาหารเมื้อวานนี้ แต่ทานแล้ว รสชาติก็อร่อยใช่ได้ทีเดียว
 บรรยากาศยามพลบค่ำ ประมาณ 2 ทุ่มที่ย่าน Fira เมืองหลวงของเกาะซานโตรินี
หลังจากทานอาหารมื้อเย็นจนอิ่ม ก็นั่งรถบัสโดยสาร เดินทางกลับมายังที่สนามบินซานโตรินี เพื่อเดินทางกลับกรุงเอเธนส์ค่ะ

ตอนขามานั่งเรือเฟอรี่มา แต่ตอนขากลับ ขอนั่งเครื่องบินแล้วกัน เพราะถ้านั่งเรือ คงจะใช้เวลานานแน่ๆ แต่ถ้าเครื่องบินนั่งแป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ
 เมื่อทำการ Check in เรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้ามาที่ Gate ประตูรอขึ้นเครื่อง ปรากฎว่า ด้านในคนเยอะมากๆ เนื่องจากอาคารสนามบินค่อนข้างเล็ก และจำกัดมากๆ ทำให้แทบไม่มีที่นั่งเลยค่ะ
ดิฉันต้องเดินขึ้นมานั่งตรงทางเดินบันใดไปห้องน้ำชั้นบนค่ะ
เนื่องจากที่นั่งไม่พอกับจำนวนผู้โดยสาร และอาคารผู้โดยสารก็เล็กมุ้งมิ้งมากๆ ดิฉันต้องเดินขึ้นมานั่งตรงทางเดินบันใดไปห้องน้ำชั้นบนค่ะ
แต่ชั้นบนก็มีที่นั่งว่างให้นั่งพักนะค่ะ แต่ไม่ไหว กลิ่นบุหรี่ คละคลุ้งไปทั่วเลย
เลยยอมไปนั่งตรงทางเดินขึ้นบันใดดีกว่าค่ะ
ไม่นานนัก เวลาประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นไฟลท์ดึกสุดๆ ก็ได้เวลาที่จะนั่งเครื่องบินกลับกรุงเอเธนส์แล้วค่ะ
 บนเครื่องบินมีผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่งเลยค่ะ ไม่มีว่างเลยแม้แต่น้อย
บนเครื่องมีสจ๊อตและแอร์โฮสเตส เดินแจกขนมและลูกอม รวมทั้งผ้าเช็ดปากให้ด้วย
 นั่งเครื่องบินใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็ถึงสนามบินกรุงเอเธนส์ค่ะ
 เมื่อมาถึงสนามบินแล้ว ดิฉันก็เดินทางจากด้วยรถบัสโดยสารจากสนามบินไปยังตัวเมือง
วิธีการเดินทางจากสนามบินไปยังใจกลางเมืองกรุงเอเธนส์ย่าน ซีนทักม่า
 เดินออกอาคารผู้โดยสารขาออกมาตามป้ายบอกทาง จะเจอรถบัสโดยสารให้บริการอยู่ค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงนะค่ะ มีรถบัสหลายสายเลยล่ะค่ะ
ให้สังเกตุป้ายหมายเลขบอกสายรถเมลล์ โดยดิฉันเลือกนั่งรถเมลล์สาย X95 ซึ่งจะไปสิ้นสุดที่ย่าน Syntagma
เนื่องจากมีรถเมลล์หลายสาย ให้สังเกตุป้ายหมายเลขบอกสายรถเมลล์ โดยดิฉันเลือกนั่งรถเมลล์สาย X95 ซึ่งจะไปสิ้นสุดที่ย่าน Syntagma (ซีนทักมา)
จากนั้นก็เดินมาซื้อตั๋วโดยสารที่เคาว์เตอร์ขายรถบัสโดยสารค่ะ
จากนั้นก็เดินมาซื้อตั๋วโดยสารที่เคาว์เตอร์ขายรถบัสโดยสารค่ะ
 พอได้รถบัสมาแล้ว มีหน้าตาแบบนี้ เหมือนๆกับบัตรรถไฟฟ้าใต้ดิน
 พอได้รถบัสมาแล้ว มีหน้าตาแบบนี้ เหมือนๆกับบัตรรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่เดี๊ยนเองได้รีวิวเขียนไว้ตอนที่แล้วเลยค่ะ มาตอนนี้ก็มารีวิวอีกครั้ง แต่เป็นคนละแบบกัน ตอนนั้นรีวิวการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า มาอันนี้เป็นรีวิวนั่งรถบัสโดยสารจากสนามบิน
 ยืนรอรถเมลล์โดยสารไม่นานนัก รถเมลล์สาย X95 ก็มาตามรูปภาพ
 พอเดินขึ้นมาก็อย่าลืมนำบัตรไปแต่กับเครื่องตอนขึ้นด้วยล่ะ
จากนั้นก็เลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ 
นั่งรถเมลล์มาเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงย่าน Syntagma ดิฉันก็เดินมายังที่พัก จบทริปเกาะซานโตรินี

จบทริปสรุปเที่ยวซานโตรินีแล้วจ้า เดี่ยวรีวิวต่อไปจะมาเขียนบล็อกรีวิวการจากเกาะซานโตรินีกลับไปยังเอเธนส์ และเก็บตกสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดของทริปลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรป 26 วันในครั้งนี้ว่าหมดไปเท่าไหร่มาไว้ในบล็อกนี้ด้วยค่ะ ซึ่งจะเป็นรีวิวสุดท้ายของทริปเที่ยวต่างประเทศในปีนี้แล้วค่ะ 

สำหรับรีวิวทริปเที่ยวซานโตรินี้ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ดิฉันหวังว่ารีวิวการเดินทางดังกล่าวน่าจะเป็นแนวทางให้เพื่อนนักเดินทางทุกๆคนไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ขอบพระคุณทุกท่านที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
------------------------------------
แนะนำบทความรีวิวเมืองอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน มีดังนี้จ้า
สถานที่ท่องเที่ยวในเกาะซานโตรินีที่เหล่านักเดินทาง ต้องมาถ่ายรูปที่นี่กันสักครั้ง>>>
แนะนำ 6 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกาะซานโตรินี ที่ใครๆก็ต้องหนีถ่ายภาพเช็คอินกันสักครั้งในชีวิต คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวค่ะ>>

รีวิวพาชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลย>>
พารีวิวเที่ยวชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ เดินชมในนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้ คลิ๊กดูรายละเอียดภาพรีวิวค่ะ>>>
หรือดูรายละเอียดที่ : http://bit.ly/2l05FdT

เที่ยวนครนายกไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวไปทั่วได้ด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิว>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวนครนายก ไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวไปทั่วได้ใน 1 วันแบบชิลๆ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวจ้า>>>
รีวิวพาไปเที่ยวเมืองอูล์ม เมืองน่ารักที่ไม่เป็นแค่ทางผ่าน คลิ๊กดูสถานที่ท่องเที่ยวจ้า>>
แบ่งปันรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวพาไปเที่ยวเมืองอูล์ม(Ulm) เมืองน่ารัก ที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน แต่ก็มีสถานที่ให้ยลตระการอยู่ไม่น้อย คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวจ้า>>
แบ่งปันรีวิวพาไปชมเมืองสตุทการ์ท มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปกันเลย>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวพาไปเที่ยวเมืองสตุทการ์ท มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ มีที่เที่ยวอะไรให้ชมอีกบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวจ้า>>>
แบกเป้ท่องโลกกว้าง เดินทางไปเที่ยวกรุงเฮก มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกันจ้า>>
ท่องโลกกว้าง เดินทางไกลไปเที่ยวในกรุงเฮก(Den haag) ไปดูสิว่ามีที่เที่ยวอะไรให้ชื่นชมบ้าง คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>
รีวิวแบกเป้พาไปเที่ยวเมืองฮาร์เลม เมืองเล็กๆน่ารัก ที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน คลิ๊กดูรีวิว>>
แบ่งปันรีวิวลุยเดี่ยวพาไปเที่ยวเมืองฮาร์เลม เมืองเล็กๆน่ารัก แวะไปพักเที่ยวชมดูสิ มีอะไรให้เช็คอินบ้าง คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวเลยจ้า>>>
แบกเป้รีวิวพาเที่ยวในกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองนี้มีอะไรให้ดื่มด่ำฤทัยบ้าง ตามไปดูกันสิ>>
รีวิวแบกเป้พาไปเที่ยวในกรุงอัมสเตอร์ดัม ชื่นฉ่ำฤทัยใน 1 วัน เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปชมกันสิ คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวเลยจ้า>>>
รีวิวพาชมเทศกาลดอกทิวลิปที่สวนเคอเคนฮอฟ มีอะไรให้ชมบ้าง คลิ๊กดูที่เที่ยว>>
เก็บตกกับรีวิวพาเที่ยวชมเทศกาลดอกทิวลิป งามระยิบที่สวนเคอเคนฮอฟ(Keukenhof Garden) เดินทางไปอย่างไร มีอะไรให้ชมบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า>>>
แบ่งปันรีวิวการเดินทางไปเที่ยวเมืองเก่าไฮเดลเบิร์กด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเมืองเก่าไฮเดลเบิร์กด้วยตัวเอง เดินทางไปอย่างไร มีที่เที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>
แบกเป้เที่ยวเยอรมนี แวะเที่ยวที่เมืองแฟรงก์เฟิรต์ ไปดูสิมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวเยอรมนี แวะไปฉิมพลีเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ไปดูสิเมืองใหญ่แห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>

มาม๊ะ..เที่ยวเกาะสมุยชิลๆ ชมวิวทะเลสวยๆ รุ่มระรวยด้วยของกินเลิศๆ คลิ๊กดูรีวิวจ้า>>
แบกเป้ไม่ลุยเดี่ยว เที่ยวเกาะสมุย ตะลุยเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับรอบเกาะ เดินเลาะหาของกินเลิศๆ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>

รีวิวแบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง ไปดูสิว่ายังสวยปังอยู่ใหม๊ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง มาดูสิว่ายังสวยงาม อลังปังอยู่ใหม๊ มีที่เที่ยวใหม่ๆอะไรบ้าง ไปดูสิ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>

รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
มาเน้อเจ้า..มาแอ่วภูลังกา ดูทะเลหมอกสวยระย้าจับใจ แวะตะไลไปเชียงคำ สัมผัสวัฒนธรรมไทลื้อ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>>
รีวิวตอนที่ 24 แวะเที่ยวกรุงเอเธนส์ 1 วัน มีที่เที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้ตอนที่ 24 แวะเที่ยวในกรุงเอเธนส์ 1 วัน เดินสุขสันต์ชมโบราณสถาน และมีที่เที่ยวใหนให้ชมบ้างอีกนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2NrtXcU
รีวิวตอนที่ 23 เมื่อฉันต้องนั่งเรือเฟอรี่จากอิตาลีไปกรีซครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 23 ขอแบ่งปันประสบการณ์ วิธีการเดินทางนั่งเรือเฟอรี่จากอิตาลี ข้ามไปยังประเทศกรีซด้วยตัวเองมาฝากคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Q4tkEC
รีวิวตอนที่ 22 แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเมือง Sorrento คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 22 แวะทอดน่องที่เมืองซอเรนโต้ยามเย็น เดินเล่นแบชิลๆ มาดูสิว่าเมืองนี้มีวิวอะไรให้ชมบ้างนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2C4PTGF
รีวิวตอนที่ 21 ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเนเปิล-เมืองมรณะปอมเปอี คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 21 แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวซากเมืองมรณะปอมเปอี เมืองนี้ไงที่โดนระเบิดภูเขาไฟฝั่งคนไว้ทั้งเป็น ต้องแวะให้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง คลิ๊กดูรายเอียดรีวิวค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2oiNldZ
รีวิวตอนที่ 20 เที่ยวกรุงโรม ไปจู่โจมอาณาจักรโรมันสักครั้งสิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 20 แบกเป้เที่ยวกรุงโรม แวะไปจู่โจมอาณาจักรโรมัน มีที่เที่ยวอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2BI8ckL
รีวิวตอนที่ 18 แบกเป้ลุยเดี่ยวเมืองเวนิชครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 18 เที่ยวเมืองเวนิช นอนแนบชิดติดริมน้ำ เดินตามหาของกินอร่อยในซอกซอยเล็กๆ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2KQvnsh
รีวิวตอนที่ 17 แบกเป้ไปเที่ยวเมืองมิลาน มีอะไรให้ชมบ้างนะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ขยันลุยเดี่ยว ตอนที่ 17 นั่งรถไฟข้ามพรมแดนมาเริ่ดสะแมนแตนที่เมืองมิลาน มาดูมีที่เที่ยวใหนให้ยลตระการบ้าง คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2AWC1xk
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 16 ไปเดินลั๊ลลาไปชมน้ำตกไรน์-ซูริค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว ตอนที่ 16 มาเดินชิคๆชมวิวเมืองซูริค นั่งรถไฟกุ๊กกิ๊กไปดูน้ำตกไรน์ น้ำใสสวยสด งดงามอร่ามตา คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2MiG5cz
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 13 วิธีการเดินทางไปจุงเฟราด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวยุโรป ตอนที่ 13 แบ่งปันรีวิววิธีการเดินทางไปพิชิตเขาจุงเฟราด้วยตัวเองมาฝากจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2LHckBV

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น