Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

แบกเป้เที่ยวชุมพรตอนจบ ไปซบไอทะเลที่หลังสวน นั่งกินทุเรียนหอมหวนรัญจวนใจ แวะชมโฮมสเตย์ที่บ้านท้องตมใหญ่ เงียบสงบสวยใส งามวิไลยิ่งนักเอย


(ต่อจากรีวิวตอนที่แล้ว) สำหรับรีวิวตอนนี้ ลุยเดี่ยวไปเป็นผู้สาวขาเลาะ ขับมอเตอร์ไซต์ไปเที่ยวที่หลังสวน นั่งกินทุเรียนหอมหวญรัญจวนใจกันจ้า
(ต่อจากตอนที่แล้วตามเว็ปไซต์ลิงค์ : http://bit.ly/2Oc4kNZ)
หลังจากที่บทความบล็อกก่อนหน้านี้ดิฉันได้เช่ามอเตอร์ไซต์ไปผู้สาวขาเลาะ แวะไปเจาะชม ดอมดมกลิ่นไอทะเลสวยๆในอำเภอปะทิว และไปชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองชุมพรกันไปแล้วนะค่ะ

มาถึงตอนนี้ก็เป็นตอนจบแล้วล่ะค่ะ กับทริปลุยเดี่ยวเที่ยวชุมพร 4 วัน 3 คืน ถือเป็นทริปย้อนวันวาน หลังจากไม่ได้มาเที่ยวเมืองนี้นานมากๆ ได้มาเที่ยวชุมพรอีกครั้งก็ยังสวยงามเป๊ะปัง อลังการสะท้านโลกาอยู่เหมือนเดิม เพราะมีสถานทีท่องเที่ยวให้แวะชมมากมาย งามพร่างพรายดั่งสายน้ำทิพย์ มีทะเลสวยเก๋ อาหารสดๆ จะซดดื่มแบบเพียว ก็เปรี้ยวจี๊ดแซ่บซ่าระย้าจับใจยิ่งนัก

และการท่องเที่ยวชุมพรในวันสุดท้ายนี้ ก็ยังคงเช่ามอเตอร์ไซต์เป็นพาหนะคู่ใจอีกเหมือนเดิมค่ะ โดยแต่เดิมนั้นดิฉันวางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวเกาะพิทักษ์ แต่เนื่องจากช่วงเช้าต้องสะส่าง จัดการงานให้เสร็จ ก็เลยไม่ได้ไปซ่ะแล้วสิ ก็เลยเปลี่ยนแผนไปชมโฮมสเตย์วิถีชาวเล ทีบ้านท้องตมใหญ่แทน และด้วยเหตุอันเนื่องจากที่เดี๊ยนขับมอเตอร์ไซต์เลยเถิอ มาถึงบ้านท้องตมใหญ่อำเภอสวี เพราะใหนๆก็ขับรถมาถึงที่นี้แล้ว ดิฉันเลยแว๊นๆเป็นผู้สาวขาเลาะ ขับไปถึงอำเภอหลังสวนซ่ะเลย อยากจะมาดูสิว่าที่เมืองหลังสวนแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง
เปิดกรุตามรอย อนุสาร อสท.ปี 2507 แวะไประเหินระเห็ดเที่ยวหลังสวน ต่อจากรีวิวตอนที่แล้ว : http://bit.ly/2Oc4kNZ
(ต่อจากบล็อกที่แล้ว)
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ 13 ก.ย.2561
โดยวันสุดท้ายของทริปนี้ ดิฉันออกจากที่พักก็ค่อยข้างสายมากๆ เรียกว่าเกือบเที่ยงเลยล่ะกัน เพราะช่วงเช้าก็นั่งบ้าทำงานตั้งแต่เช้าตรู่เลย กว่าจะเสร็จก็โน้นเกือบจะ 11 โมงเช้าเลยล่ะค่ะ ข้าวปลาไม่ได้กินเลย

ใหนๆก็แวะมาชุมพรทั้งที พอดีดูในเว็ปแนะนำท่องเที่ยวหลายเว็ป บอกว่าหากมาชุมพร ต้องมาออนซอน ลิ้มลองติมซำสักครั้ง อารมณ์เหมือนไปเที่ยวเมืองตรังเลยนะค่ะ ต่อไปหาดไปเที่ยวภาคใต้ ดิฉันเห็นพ้องว่าต้องไปกินติมซำทุกจังหวัดแล้วกระมัง
หลังจากที่จัดการงานเสร็จเมื่อตอนเช้า ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์ หอบท้องว่างๆ ขอมาลิ้มลองทานร้านติ่มซำหอเจี๊ยะในเมืองชุมพรร้านนี้สักครั้งสิ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโรงแรมภราดรอินน์เลย
เข้ามาในร้านแม้จะเป็นช่วงสายๆ แต่ก็ไม่วายผู้คน จะคึกคักด้วยเหล่าสายนักกินมากมาย
พอมาถึงในร้าน เจ้าของก็เชิญนั่งและให้แวะมาเลือกติมซำที่อยากทานได้เลย ไปถามเจ้าของร้านก็บอกว่าอร่อยทุกอย่างเลย แต่ดิฉันก็ไม่รู้อันใหนอร่อยบ้าง เพราะมีตัวเลือกเยอะเหลือเกิน เห็นกองพะเนินเทินเป็นภูเขาเหลากาเชียว หากจะสั่งทานทุกอย่างก็คงจะไม่ได้ เกรงพุงจะแตกระเบิดไปเสียก่อน คงไม่ได้อรชรตะล่อนไปเที่ยวเป็นแน่แท้
ทางเจ้าของร้านก็เลยแนะนำอาหารมา 3-4 อย่างที่ลูกค้านิยมมาทานให้ดิฉันมาทานค่ะ
หากมาทานหลายคน ก็ทานกันมันเลยนะค่ะ เป็นอาหารคาวสไตล์จีนๆที่ทานได้เรื่อยๆเลยล่ะ 
จัดไปอาหารเช้ามื้อนี้แบบเบาๆ อยากจะทานเยอะๆนะค่ะ เดี๊ยนก็กลัวโรคกรดไหลย้อนกำเริบเอา
แต่ที่แน่ๆทางเจ้าของร้านบอกว่า ให้ลองทานป๋าท๋องโก๋สอดใส้หมู
ดิฉันเองก็พึ่งเคยทาน ก็เลยขอสั่งมาทานดู รสชาติอร่อยใช่ได้ทีเดียว
แต่เสียดายค่อนข้างอมน้ำมันไปหน่อยนะ 
แต่ที่ถูกใจคงจะเป็นซาลาเปากับขนมจีบปูก็อร่อยดีเหมือนกันนะ
ส่วนอาหารแบบอื่นที่วางไว้ให้เลือกมากมายหน้าร้าน ดิฉันก็ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร คงต้องให้เพื่อนๆผู้อ่านลองแวะมาลิ้มลองกันดูนะค่ะ ส่วนราคาก็ไม่ได้แพงเลยนะค่ะ ถูกกว่าทานในกรุงเทพเลยล่ะ
หลังจากทานติ่มซำจนอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาตะล่อนเที่ยวชุมพรแล้วค่ะ
เวลาเที่ยวด้วยตัวเองแบบนี้ ก็ต้องเปิด GPS มือถือช่วยนำทางตลอด แต่บางครั้งก็พาหลงไปทั่วทิศหลงหลงทาง เข้าป่าละเมาะมั่วไปหมด โดยเฉพาะเรื่องทางลัด ห้ามเชื่อ GPS เด็ดขาดนะค่ะ เดี๊ยนเจอมาแล้ว ขับไปตามGPS เกือบจะตกลงคลองน้ำเน่าซ่ะแล้ว
 ส่วนบรรยากาศวันธรรมดาในตัวเมืองชุมพรทำไมถนนดูเงียบๆจัง
 ที่แท้มีการปิดถนนเพราะมีขบวนพาเหรดนี้เอง
 เป็นงานขบวนแห่ประเพณีแข่งเรือยาวของเทศบาลนาชะอังนี้เองค่ะ
จัดรถขบวนตกแต่งสวยงาม
หันมาดูที่สาวน้อยถือป้ายก็สวยเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนัก เพราะใส่เสื้อผ้าที่สรรสร้างจากกระสอบปุ๋ย ดูโดดเด่นสะดุดตาไร้เทียมทานเกินจะผู้ใดจะทัดเทียมได้ ทั้งการโพสท่า เหมือนหลุดมาจากรันเวย์แฟชั่นในกรุงปารีสซ่อีกนะเนียะ
ขบวนพาเหรดส่งเสริมการท่องเที่ยวของเทศบาลเพื่อชักชวนให้ผู้คนแวะไปชมงานประเพณีแข่งเรือยาวประจำปีนี้ ถือเป็นการสืบสานและรณรงค์ประเพณีดีๆคู่เมืองนี้ให้คงอยู่สืบไป
ส่วนเพื่อนๆเหล่านักทัศนาจรคนใหนที่จะมาเที่ยวชุมพร แต่ไม่อยากเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับ หรือขับรถไม่เป็น ก็สามารถนั่งรถสองแถวจากหน้าเทศบาลเมืองไปยังหาดทรายรีหรือไปที่ปากน้ำได้นะคะ
 หลังจากที่ดิฉันได้แวะหยุดชมขบวนแห่ประเพณีแข่งเรือยาวไปแล้วสักพัก ก็ต้องขับรถมอเตอร์ไซต์ออกจากตัวเมืองชุมพร มาที่ถนนเพชรเกษมเพื่อขับรถลงไปยังอำเภอสวี ระยะทางไกลจากเมืองชุมพรประมาณ 35 กิโลเมตร
เดินทางขับรถมอเตอร์ไซต์มาเรื่อยๆ ก็มาถึงบ้านท้องตมใหญ่แล้วค่ะ

สำหรับบ้านท้องตมใหญ่ ตั้งอยู่ที่อำเภอสวี ถือเป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านชาวประมงริมทะเลที่มีชื่อเสียงอีกแห่งในชุมพร ด้วยมนต์เสน่ห์ของท้องทะเล ความเงียบสงบ และวิถีชีวิตของชาวบ้านที่เรียบง่าย ทำให้ชุมชนแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาอย่างไม่ขาดสาย และมีโฮมสเตย์ของชาวบ้านเปิดให้นักท่องเที่ยวได้แวะพักผ่อน นอนรับลมชมทะเล และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ มีอาหารทะเลสดๆของชาวประมงได้ในระแวกให้ได้ทานอย่างจุใจอีกด้วย
บ้านท้องตมใหญ่ อำเภอสวี
ประวัติความเป็นมาหมู่บ้านท้องตมใหญ่ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีประวัติยาวนานกว่า 400 ปี มีราษฎรอาศัยอยู่ประมาณ 170 หลังคาเรือน มีประชากรในหมู่บ้านประมาณ 652 คน เป็นหมู่บ้านชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย ชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกบ้านยื่นลงไปในทะเลตามเชิงเขา ส่วนใหญ่มีที่ดินและกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย ลักษณะทะเลของหมู่บ้าน เป็นอ่าวโค้งรูปเกือกม้า กว้างประมาณ 2 กิโลเมตร ด้านในเป็นป่าชายเลนที่คงความอุดมสมบูรณ์ มีระบบนิเวศป่าชายเลนที่น่าศึกษา มีหาดทรายระยะ 2-3 กิโลเมตร ประมาณ 4-5 หาด ซึ่งล้วนแต่เป็นหาดที่สวยงามสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน ชุมชนเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักอาศัยกับเจ้าบ้าน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 เริ่มต้นจากการเป็นสถานที่พักของญาติและเพื่อน ๆ ระยะต่อมาจึงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาขอพักอาศัยด้วย เนื่องจากประทับใจในความเงียบสงบ ความมีอัธยาศัยไมตรี ความเป็นมิตร และความร่มรื่นของหมู่บ้าน จนเป็นที่รู้จักและแนะนำต่อๆ กัน
(เครดิตข้อมูลดีๆจาก http://www.homestaythai.net/Homepages/ViewHomestay/125/โฮมสเตย์ท้องตมใหญ่)
เมื่อถึงหน้าหมู่บ้าน หากขับรถมาอีกจะเป็นจุดถ่ายรูปชมวิวริมทะเลบ้านท้องตมใหญ่ มีรูปปั้นม้าน้ำแม่และลูกอยู่คู่กัน ซึ่งหากใครที่แวะมาที่นี้ก็ไม่พลาดต้อง เพราะด้วยลักษณะทางกายภาพของหมู่บ้านแห่งนี้ที่เหมือนรูปม้าน้ำ ก็เลย
จุดชมวิวริมทะเลบ้านท้องตมใหญ่
 และที่ขาดไม่ได้คงเป็นโอ่งสีทองที่ติดไว้ที่โขดหินริมทะเล 
 มีสะพานปลายื่นไปริมทะเล
ใหนๆแวะมาทั้งทีก็เดินไปหน่อยสิว่า ชาวบ้านในระแวกนี้กำลังจะทำอะไรกัน
ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่นี้ก็มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายนะค่ะ ไปต้องไปซื้อปลากินให้เสียสตัง มานั่งตกปลา เดี่ยวๆก็ได้ปลามากินล่ะ ถ้าเหลือก็เอาไปขาย รายได้แม้จะไม่มาก แต่ก็อยู่แบบพอเพียง
 ดูท่าว่าปลาที่นี้น่าจะชุกชุมพอสมควรเชียวล่ะ เพราะมีผู้บ่าวชาวบ้านในระแวก มานั่งตกปลากันหลายคนเชียว 
โฮมสเตย์บ้านท้องตมใหญ่
 ส่วนบรรยากาศริมทะเลแบบนี้ ลมก็พัดเย็นดีเหลือเกิน
มีบ้านเรือนของชาวบ้านสร้างยื่นออกมาจากริมทะเลถือเป็นเสน่ห์ที่ชวนให้นักท่องเที่ยวแวะมาเที่ยวชมกัน
 นอกจากนี้แล้วยังมีอาคารบ้านไม้เรือนเก่าให้ได้ชมกันอีกด้วย
 ซึ่งปัจจุบันก็มีโฮมสเตย์ของชาวบ้านท้องตมใหญ่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักค้างแรมในราคาไม่แพงอีกด้วย
โดยในวันที่ดิฉันมาเที่ยวนี้ ค่อนข้างเงียบมากๆ เนื่องจากเป็นวันธรรมดาและอยู่ช่วงหน้าฝน นักท่องเที่ยวเลยไม่ค่อยมาเที่ยวกันนัก แต่ทางโฮมสเตย์หน้าเขา ริมเล ซึ่งเป็นโฮมสเตย์อีกแห่งในหมู่บ้านแห่งนี้ก็เปิดให้ดิฉันเข้าไปชมด้านใน
เดินจนสุดทางมาจนถึงระเบียงท้ายบ้านพักโฮมสเตย์ก็เป็นจุดนั่งพักชมวิวทะเลสวยๆ
มีเรือประมงของชาวบ้านจอดเทียบท่าอยู่ 
เรือบางลำที่ใหญ่กว่าก็จอดห่างออกไปอีก
ขนมจากรสอร่อย
และนอกจากนี้แล้วใกล้ๆ กับชุมชนยังมีร้านขายขนมให้แวะลิ้มลองกันอีกด้วย
เป็นคุณป้ากับคุณลุงกำลังช่วยกันปิ้งขนมขาย กลิ่นหอมของมะพร้าวติดจมูกมากๆ จนดิฉันไม่ไหวต้องควักเงินมาอุดหนุน
เนื่องจากวัตถุดิบในท้องถิ่นและดิฉันเห็นคุณป้าตักเนื้อขนมใส่ใบจากซ่ะเต็ม น่าจะอร่อยใช่ได้ทีเดียว ขนมแบบบ้านๆ ต้องมาซื้อทานตามชาวบ้านเนี่ยแหละค่ะ
 หลังจากซื้อขนมเสร็จ ก็ขับมอเตอร์ไซต์ออกจากบ้านท้องตมใหญ่ แวะทานอาหารเที่ยงก่อนแล้วกัน เลยเข้าแวะไปทานอาหารที่ร้านครัวแม่สร้อย เนื่องจากเห็นมีลูกค้านั่งทานอยู่ในร้านหลายคน เห็นแล้วน่าจะทำอร่อยนะ

มื้อเที่ยงนี้สั่งกุ้งผัดกะปิแบบใต้มาทาน รสชาติจัดจ้านมากๆ เผ็ดสุดๆ แม่ครัวคงระรั่วพริกใต้ลงไปซ๋ะเยอะเชียว ตอนสั่งดิฉันก็ลือบอกคนรับอาหารไปว่าไม่เอาเผ็ดนะ แต่กุ้งสดเนื้อแน่นมาก
ยังดีนะที่มีขนมจากหวานๆกับขนมถ้วยที่เหลือจากเมื่อวานเอามาทานแก้เผ็ดได้บ้าง ส่วนขนมจากของคุณป้ากับคุณลูกที่ขายในบ้านท้องตมใหญ่ก็อร่อยจริงๆนะค่ะ เนื้อแป้งขนมก็ใส่ใบจากมาอย่างเยอะ ขาย 5 อัน 20 บาท ถูกมากๆ ถ้าซื้อที่อื่น 3 อันเอง
และตรงข้ามอาหารครัวแม่สร้อย ก็มีทุเรียนจากสวนผล ขายอีกด้วยล่ะ
ซึ่งเป็นทุเรียนในสวนนำมาขายเอง ไม่ใช้รับมาขายต่อ มีวางขายไม่กี่ลูกเองคะ
ขายกิโลละ 100 บาทจ้า
ทุเรียนลูกใหญ่ๆน่าทานมากๆ แต่เสียดาย ยังไม่พร้อมทานนะค่ะ เพราะต้องรออีก 3-4 วันถึงจะทานได้
ดิฉันก็เลยเสียดาย อดไม่ได้ทานเลย ใจจริงอยากจะทานเอาตอนนี้ซะเลย
ขับมอเตอร์ไซต์จากชุมพร มาชมความอรชรของเมืองหลังสวน เมืองเก่าแก่ในอดีต
 และหลังจากที่ดิฉันได้ทานอาหารเที่ยงตอนบ่าย 2 โมงกว่าจะอิ่มแล้วนะค่ะ
ก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์ออกจากอำเภอสวีมุ่งหน้ามายังอำเภอหลังสวนต่อค่ะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมืองเก่าแก่อีกแห่งในจังหวัดชุมพร

เมืองที่ดิฉันเคยแวะผ่านลงไปทางภาคใต้หลายครา แต่ก็ไม่เคยแวะมาเยือนในตัวเมืองนี้สักที ในเมื่อมีโอกาสมาเยือนชุมพรทั้งที ก็เลยแวะมาให้เห็นสักครั้งคราสิ

ว่ากันว่าเมืองแห่งนี้เป็เมืองเก่าแก่ ที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนายเชียวล่ะ หากเอ่ยถึงหลังสวน ถ้าเป็นคนกรุงเทพก็คิดว่า หลังสวนลุมพินีหรือเปล่านะ แต่ถ้าเป็นคนที่อยู่ในภาคใต้โดยตรง แน่นอนว่าต้องรู้จักเมืองหลังสวนในฐานะเมืองแห่งผลไม้อย่างแน่นอน เพราะตลอดสองข้างทางจะเต็มไปด้วย ร้านรับซื้อและขายส่งผลไม้หลายเจ้าเลยทีเดียว 
อำเภอหลังสวน
แต่แท้จริงแล้ว อำเภอหลังสวนแห่งนี้ มีประวัติความมาเป็นที่น่าสนใจกว่านั้น
หากใครที่แวะเข้ามาในอำเภอหลังสวน จะเห็นบ้านม่านชานเรือนไม้เก่าแก่ แลดูมีมนต์ขลังเหลือเกิน เพราะบ้านไม้เก่าๆเหล่านี้ บ่งบอกเรื่องราวถึงอดีตของเมืองนี้ไว้ได้ดีทีเยว 
ประวัติเมืองหลังสวนอันยาวน่านาน มาอ่านกันเป็นความรู้จ้า

สมัยอดีตนั้น เมืองหลังสวนนเป็นหัวเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งในแหลมมลายู เคยได้รับการยกฐานะเป็นหัวเมืองจัตวาขึ้นต่อกรุงเทพมหานครโดยตรงในสมัยต้นรัชกาลที่ 5 ครั้นเมื่อจัดตั้งมณฑลชุมพรในปี พ.ศ. 2439 หลังสวนจึงเป็นจังหวัดหนึ่งของมณฑลชุมพร และภายหลังได้ยุบจังหวัดหลังสวนลงเป็นอำเภอหลังสวนขึ้นกับจังหวัดชุมพร ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2475 ตราบเท่าทุกวันนี้
ลุ่มน้ำหลังสวน ที่หล่อเลี่้ยงชาวเมืองแห่งนี้มาช้านาน
ณ ลุ่มน้ำหลังสวนเป็นแหล่งที่มนุษย์เข้ามาอาศัยตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะที่อำเภอพะโต๊ะได้พบหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญคือ เครื่องมือหินขัดประเภทขวาน แต่เนื่องจากแม่น้ำหลังสวนเป็นแม่น้ำสายสั้น ๆ และมีที่ราบลุ่มน้อย ชุมชนในบริเวณดังกล่าวจึงไม่อาจจะพัฒนาเป็นชุมชนเกษตรกรรมขนาดใหญ่เหมือนเมืองชุมพร ไชยา นครศรีธรรมราช และพัทลุงได้ บทบาทของเมืองหลังสวนในระยะเริ่มแรกจึงเป็นเพียงชุมชนท่าเรือข้ามคาบมหาสมุทร และหมู่บ้านเกษตรกรรมขนาดเล็ก ดังนั้นจึงต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองดูแลของศูนย์อำนาจการปกครองท้องถิ่นที่มีอำนาจมากกว่าคือ เมืองชุมพร ตลอดมา
(เครดิตข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/อำเภอหลังสวน)
บริเวณในย่านใจกลางเมือง ยังคงมีการอนุรักษ์อาคารพาณิชย์เก่าแก่แต่ตั้งสมัยอดีตไว้มาจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ที่แวะเวียนเข้ามาได้เห็นถึงความเจริญในอดีตของหัวเมืองแห่งนี้ 

และเนื่องจากหลังสวนเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งมาตั้งแต่สมัยโบราณ ชื่อที่เรียกจึงยากที่จะหาหลักฐานได้ว่ามีที่มาอย่างไร แต่เนื่องจากหลังสวนเป็นเมืองที่มีผลไม้มากจนกลายเป็นสินค้าสำคัญของเมืองนี้ ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงได้สันนิษฐานในปี พ.ศ. 2459 ว่า คำว่า “หลังสวน“ น่าจะเพี้ยนมากจากคำว่า “รังสวน” หรือ “คลังสวน” ซึ่งหมายถึงแหล่งหรือที่รวมของผลไม้ทุกชนิดนั่นเอง
อาคารพาณิชย์เรือนไม้เก่าแก่ที่ยังถูกอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังเห็น
 แม้กาลเวลาจะเปลียนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ชาวหลังสวนหลายๆคนก็ยังอนุรักษ์ บ้านเรือนไม้เก่าแก่นี้ไว้อย่างดี จะเห็นว่าบ้านเรือนไม้บางหลังก็แทบจะผุจะพังไปเรื่อยๆ ตามอายุกาล แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้คือ หากเมื่อได้มาเดินชมย่านเมืองเก่าแห่งนี้ จะเหมือนราวกับว่าได้หลุดย้อนวันวานไปเมื่อ 100 กว่าปีก่อนเสียจริงๆ
ดิฉันเองเดินลัดเลาะชมในเมืองเก่าแห่งนี้แล้ว ก็นึกถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง น่าจะเข้ามาดูแลกระตุ้นส่งเสริมให้มีตลาดถนนคนเดินย่านชุมชนเก่าในช่วงวันหยุดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ น่าจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาไม่ใช่น้อย เพื่อกระตุ้นให้เมืองเก่าแห่งนี้ มีขีวิตชีวา มีคนมาเที่ยวกันให้มากๆ ชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงก็จะมีรายได้กันมากขึ้น เป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้
 และหลังจากที่ได้เดินลัดเลาะในเมืองเก่าหลังสวนไปแล้ว ดิฉันก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์จากตัวอำเภอหลังสวนมาประมาณ 10 กว่ากิโลเมตรนิดๆเพื่อมชมชายปากน้ำหลังสวน
ปากน้ำหลังสวน
 สุดทางที่ปากน้ำหลังสวน อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ สำหรับผู้ที่แวะทัศนาจรมาที่อำเภอแห่งนี้
 บริเวณริมปากแม่น้ำหลังสวน มีบ้านม่านชานเรือนชาวประมงตั้งอยู่เรียงรายตลอด 2 ฝั่งแม่น้ำ บ่งบอกให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนในระแวกนี้ที่อยู่คู่กับทะเลแห่งนี้มายาวนาน
 บริเวณปากน้ำเป็นทะเลอ่าวไทยอันกว้างใหญ่
 วิถีชีวิตของชาวประมงคนหลังสวนผูกพันกับสายแม่น้ำแห่งนี้มายาวนาน
 และหากใครที่มาถึงปากน้ำหลังสวน ต้องได้เห็นเรือหลวงจักรีนฤเบศจำลองขนาดใหญ่ โดดเด่นตระหง่ายอยู่ริมปากอ่าว
 โดยด้านในเรือจัดแสดงเป็นสถานที่ประทับ เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์ให้นักท่องเที่ยวได้แวะเข้าไปชม

 และด้านบนเรือก็มีรูปป้้นกรมหลวงชุมพรฯไว้ให้ผู้ที่มาเยือนได้เคารพสักการะกันอีกด้วย
ส่วนวิวด้านบน ก็จำลองมาให้เหมือนกับเรือหลวงจักรีนฤเบศของจริงที่อำเภอสัตหีบเลยล่ะค่ะ เป็นเรือจำลองเอาไว้ สำหรับชาวใต้ที่ไม่อยากเดินทางไปไกลถึงสัตหีบ ก็เที่ยวมาชมเรือแห่งนี้ได้เช่นเดียวกัน
 ดิฉันขับมอเตอร์ไซต์มาจนสุดปลายทาง ก็ขอนั่งพักผ่อนเอาแรงบ้างล่ะกันค่ะ สงสารมอเตอร์ไซต์ ถ้านางมีชีวิตคงจะโอดครวญน่าดูเลยว่า ทำไมคุณนายเว่อร์ เธอถึงเป็นบ้า ขับมอเตอร์ไซต์มาไกลขนาดนี้
 บรรยากาศยามเย็น แวะมาเดินเล่นชิลๆ ดูวิวชายหาดในอำเภอหลังสวน ซึ่งดูเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย เหมือนเมืองพักตากอากาศอื่นๆนัก เหมาะแก่การมานั่งนอนพัก รับลมชมวิว ถ้าหิวก็เดินไปซื้อปลาทะเลที่ตลาดปากน้ำ ได้ปลาสดๆ มาปิ้งย่างทาน รสชาติอาหารคงอลังการร้าวรานจับใจยิ่งนัก
ชุมชนเก่าย่านปากน้ำหลังสวน
 ส่วนที่ชุมชนปากน้ำหลังสวนแห่งนี้ก็มีอาคาร บ้านเรือนเก่าแก่ไม่แพ้ในตัวอำเภอด้วยเช่นกัน ในชุมชนมีร้านค้า ร้านขายน้ำชาเล็กๆ มีอาหารทะเลสดๆ ขนม นม เนย วางขายสไตล์บ้านๆ ดูเรียบง่ายยิ่งนัก
มีบ้านเรือนไม้เก่าๆแก่ๆ บรรยากาศค่อนจะเงียบเหงาหงอยเป็นพิเศษ เพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมามากนัก เนื่องจากเป็นวันธรรมดา
ร้านขายผลไม้ริมถนนเพชรเกษมที่หลังสวน
 หลังจากที่ดิฉันได้นั่งพักผ่อนชมวิวทะเลที่หาดปากน้ำหลังสวนได้ไม่นาน ก็ได้เวลาเดินทางกลับเมืองชุมพรแล้วล่ะค่ะ

ระหว่างก่อนจะกลับต้องไม่พลาดเลยล่ะ หากใครที่ผ่านมาที่หลังสวน จะต้องเห็นเพิงขายผลไม้มากมายริมทางให้เลือกซื้อ
แน่นอนฤดูกาลผลไม้แบบนี้ ดิฉันขอมาลิ้มลองทานทุเรียนหลังสวนสักหน่อย ไม่รู้ว่าทุเรียนที่หลังสวนหรือเปล่านะค่ะ พอดีถามคนขายแล้ว คนขายบอกว่า เป็นทุเรียนหลังสวนทุกลูกลยจ้า เมื่อคนขายพูดเช่นนั้น ก็คงต้องเชื่อคนขายแล้วล่ะ ซึ่งราคาทุเรียนที่นี้ก็ไม่ได้มีราคาแพงเลย ลูกที่แตกๆ ขายอยูีที่กิโลละ 50 บาทเท่านั้น ส่วนลูกที่สวยๆหน่อยก็อยู่ที่กิโลละ 80 บาทเอง
 จัดไปค่ะ ทุเรียนลูกเล็กๆ 1 กิโลราคา 80 บาท กลิ่นหอมหวนรัญจวนใจ สุกพร้อมทาน แต่ถ้าใครที่ชอบแบบแตกๆก็ซื้อกิโลละ 50 บาทก็ได้นะคะ
 มีทุเรียนวางขายหลากหลายพันธ์ให้เลือก ทั้งชะนีและหมอนทอง เห็นจะเยอะที่สุดก็เป็นหมอนทองค่ะ แม้ช่วงที่มาเที่ยวนี้ จะหมดฤดูกาลของทุเรียนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงมีทุเรียนจากสวนผลไม้หลายแห่ง นำมาวางขายริมทางให้ผู้ที่สัญจรไปมานั้น ได้แวะผ่านเลือกซื้อทานกัน
เพิงหมาแหงน กับแผงขายไม้ในอำเภอหลังสวน อยู่คู่เมืองนี้มาช้านาน
เพิงหมาแหงน กับแผงขายไม้ในอำเภอหลังสวน อยู่คู่เมืองนี้มาช้านาน
นอกจากทุเรียนก็ยังมีผลไม้อื่นอีกด้วยนะค่ะไม่ว่าจะเป็น สละ สะตอ และอื่นๆ หลายอย่างทีเดียว
 หลังจากที่แวะซื้อทุเรียนในอำเภอหลังสวนแล้ว ดิฉันก็แวะมอเตอร์ไซต์มาเรื่อยๆ ก็มาพักให้หายเมื่อยที่สวนนายดำ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้แวะมาที่สวนแห่งนี้ เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม และแวะผ่านมาทางใต้ก็ไม่ได้แวะสักที ใหนๆมาถึงชุมพรทั้งที ก็แวะไปดูสักหน่อยสิ
 ว่ากันว่าที่สวนนายดำแห่งนี้ เป็นสุดยอดของส้วมสะอาดในเมืองไทย เพราะจัดตกแต่งห้องส้วมไปไว้บนชั้นลอยฟ้า ที่ใครแวะมาเที่ยวทางใต้ก็เข้ามาปลดทุกข์กันทีนี้ แม้จะไม่ได้อยู่ติดถนนเพชรเกษม แต่ก็มีคนแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากเข้าถนนในซอยมาไม่ไกลมากนัก
ภายในก็จัดตกแต่งโถส้วมอยู่ในสวนอันร่มรื่น บรรยากาศดี เหมาะแก่การพักผ่อนยิ่งนัก และยังมีร้านขายของฝากให้ผู้ที่แวะเวียนมาได้เลือกซื้ออีกด้วย
วัดพระบรมธาตุสวี
 หลังจากแวะพักปลดทุกข์ที่สวนนายดำเรียบร้อยแล้ว ดิฉันก็แว๊นขับมอเตอร์ไซต์มาเรื่อยๆจนถึงอำเภอสวี ก็แวะเข้าไปสักการะพระบรมธาตุสวีสักหน่อยค่ะ เพื่อความเป็นสิริมงคล
พระบรมธาตุสวี ยามเย็นในฤดูฝนเดือนกันยายน
 โดยพระบรมธาตุแห่งนี้ถือเป็นปูชนียสถานที่สำคัญและมีความศักดิ์สิทธิ์คู่บ้าน คู่เมืองนี้มาช้านานทีเดียว

ประวัติพระบรมธาตุสวี

ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ในบริเวณพระบรมธาตุ มีตำนานเล่าถึงประวัติการสร้างพระบรมธาตุสวีว่า เมื่อปี พ.ศ.1803 เมื่อครั้งที่ พระเจ้าศรีธรรมาโสกราชเสด็จยกทัพมาพักที่ วัดร้างแห่งหนึ่งในเขตอำเภอสวีได้พบกาเผือกและกาฝูงหนึ่งเกาะอยู่บนกองอิฐกระพือปีกและส่งเสียงร้อง พระองค์จึงให้รือเศากองอิฐที่กองทัพถมกันออกพบฐานเจดีย์ใหญ่ เมื่อขุดลึกลงไปได้พบกับผอบบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุจึงให้แม่ทัพนายกองไพร่พลช่วยกันสร้างเจดีย์ขึ้นมาใหม่ พระราชทานนามเจดีย์นั้นว่า "พระบรมธาตุกาวีปีก" ต่อมาคำว่า "ปีก" ถูกตัดหากไปเรียกกว่า "พระบรมธาตุกาวี" ครั้นนานเข้าคำจึงกร่อนลงไปกลายเป็น "พระธาตุสวี"
 เนื่องจากใหนๆก็เดินทางแวะมาทั้งที ไม่ได้รีบร้อนไปใหน  และอีกอย่างฝนก็ไม่ได้ตก มาเที่ยวชุมพรครั้งนี้ เหมือนได้มาเที่ยวฤดูร้อนเลยทีเดียว เพราะแดดร้อนจ้าทั้งวันเลย
ภายในวัดพระบรมธาตุสวี
 เข้ามาในตัววัดยามเย็นก็ค่อนข้างเงียบสงัดยิ่งนัก เหมาะสำหรับนั่งพักสมาธิยิ่งนัก
โดยวัดพระบรมธาตุสวีได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 118 ตอนพิเศษ 127ง วันที่ 21 ธันวาคม 2544
โดยวัดพระบรมธาตุสวีได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 118 ตอนพิเศษ 127ง วันที่ 21 ธันวาคม 2544
บริเวณรอบองค์พระธาตุประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยตลอดรอบแนว เมื่อเดินเข้ามาด้านใน รู้สึกได้ถึงความสงบมากๆ
  หลังจากที่สักการะพระบรมธาตุสวีแล้ว ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์มุ่งหน้ามาที่โครงการหนองใหญ่ แก้มลิง เพื่อมาชมสะพานไม้เคี่ยม แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งที่ชาวชุมพรแนะนำดิฉันให้มาเที่ยวชมสักครั้ง

สถานที่แห่งนี้ถือเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ของชาวชุมพรเลยก็ว่าได้ เพราะแวดล้อมไปด้วยสายน้ำและต้นไม้เขียวขจี กลายเป็นแหล่งเรียนรู้และเป็นต้นแบบแก้มลิง ที่แก้ปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมในจังหวัดชุมพรอีกด้วย
สะพานไม้เคี่ยมสร้างจากจินตนาการว่าเมื่อมองเห็นแล้วต้องการไปถึง เห็นแล้วตองสัมผัสได้  เสมือนกับสะพานไปสู่ดวงดาว โดยสะพานไม้เคี่ยมแห่งนี้มีระยะทาง 280 เมตร มีลักษณะคดโค้งเป็นรูปตัว S เพื่อเป็นเส้นนำสายตา ส่วนที่โค้งขึ้นนั้นทำให้เรือลอดได้ ลักษณะการก่อสร้าง ใช้ไม้เคี่ยมเส้นผ่าศูนย์กลาง 4-6 นิ้ว เสาปักลงในน้ำโดยการใช้ภูมปัญญาของคนดั้งเดิม และการก่อสร้างสะพานไม้แห่งนี้ ก็ไม่ได้ใช้เครื่องจักรเลย ใช้ทีมงานก่อสร้าง 7 คน ประมาณ 45 วัน
สะพานไม้เคี่ยม หนองใหญ่ แก้มลิงแห่งเมืองชุมพร
 สะพานไม้เคี่ยมเปรียบเสมือนการเดินของชีวิตที่มีระยะยาวไกล บางครั้งทางคดเคี้ยว บางครั้งทางตรงบ้าง จนกว่าจะถึงจุดหมาย หลายครั้งจำต้องยืนหยัดสู้แรงพายุฝน เหมือนกับคนที่ต้องยืนหยัดต่อสู้ชีวิต จากการใช้งานมานาน จึงทำให้โครงสร้างของสะพานเดิมชำรุดทรุดโทรมและไม่ปลอดภัย
 เมื่อปี 2560 จังหวัดชุมพรจึงได้รื้อและก่อสร้างสะพานไม้เคี่ยมขึ้นมาใหม่ โดยได้รับเงินบริจาคทุกภาคส่วนและได้รับความร่วมมือจากประชาชน มาร่วมกันสร้างภายในวันเดียวกันเมื่อวันที่  21 ก.ค.ปี 2561 และสะพานแห่งใหม่สร้างขึ้นจากโครงสร้างที่มีความแข็งแรง ประกอบด้วยไม้เคี่ยมคงเดิม เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อบูรณะสะพานแห่งนี้ให้เป็นสะพานแห่งความทรงจำและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชุมพร
สะพานไม้เคี่ยม โครงการหนองใหญ่
นอกจากนี้แล้ว ยังมีเรือนำเที่ยวสำหรับครอบครัวและหมู่คณะอีกด้วย
พลบค่ำแวะตลาดโต้รุ้งหน้าห้างโอเดี่ยน
หลังจากที่ไปเดินเลาะออกกำลังกายยามเย็น ชมสะพานไม้เคี่ยมแล้ว ดิฉันก็แว๊นๆขับรถมาถึงเมืองชุมพรก็มือค่ำพอดี เลยแวะไปที่ตลาดโต้รุ่ง แถวๆห้างโอเดี่ยน ซึ่งมีร้านขายอาหารของกิน หวาน คาว มามากมายให้เลือก น่าจะเป็นตลาดที่หาของกินได้คึกคักที่สุดในการเที่ยววันธรรมดาแบบนี้
 มีผัดไทยหลายร้านให้เลือกทานเลยล่ะ
 เห็นแม่ค้ากำลังผัดไทยกับกระทะโช้งเช้ง กลิ่นหอมโชยเตะจมูก น้ำมูกจะไหล เห็นแล้วก็น่าทานมากๆ
 ขนมเบื้องชิ้นละ 1 บาทก็มีขายด้วยล่ะ
 ส่วนมองไปฝั่งตรงข้ามก็เป็นร้านขายบัวลอยไข่หวานกะทิสด น่าจะอร่อยเช่นกัน เพราะคนต่อคิวรอซื้อเพียบเลย
จบอาหารมื้อเย็นสุดท้ายนี้ที่เมืองชุมพร ทานผัดไทย ขนมเบื้อง ขนมขี้ชะมด ขนมจากบ้านท้องตมใหญ่ และทุเรียนหลังสวน ใส่ตู้เย็นไว้ ให้กรอบเอาไว้ทานหลังอาหาร กินจนพุงบานไปเลย
เช้าตรู่วันใหม่ที่ 14 ก.ย.2561
นั่งรถตู้จากเมืองชุมพรมาที่สนามบินอำเภอปะทิว เดินทางกลับถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
จบทริปเที่ยวชุมพรย้อนวันวานจ้า

สรุปค่าใช้จ่ายทริปลุยเดี่ยวเที่ยวชุมพร 4 วัน 3 คืน มีดังนี้

ค่าตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียไป-กลับรวม  835 บาท
ค่ารถตู้โดยสารจากสนามบินปะทิวมาที่เมืองชุมพร 150 บาท
ค่ารถตู้จากเมืองชุมพรไปสนามบินปะทิว 150 บาท
ค่าที่พัก 2 คืนพักที่โรงแรมนานาบีช หาดทุ่งวัวแล่น คืนละ 1100 บาท = 2200 บาท
ค่าที่พัก 1 คืน พักคืนสุดท้ายที่โรงแรมชุมพร การ์เด้นส์ คืนละ 540 บาท = 540 บาท
ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์เช่าวันละ 300 บาท รวม 900 บาท
ค่าอาหารการกิน จุกจิ๊ก จิปาถะ +ค่าน้ำมันรถ = 985 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทริปนี้ทั้งหมด 5,760 บาท 

สำหรับรีวิวทริปเที่ยวประจำเดือนกันยายนนี้ ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะคะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
-----------------------------------------------------------------------------------------
บทความอื่นๆ และรีวิวท่องเที่ยวที่ผ่านมา มีดังนี้จ้า
ต้องแวะมา 6 ชายหาดยอดนิยมในชุมพร ที่ต้องแวะไปอรชรกันสักครั้ง>>
ต้องแวะมา 6 ชายหาดยอดนิยมในชุมพร ที่สวยงามอรชรตลอดกาล มีที่ใหนบ้างตามไปกันเลย คลิ๊กดูข้อมูลท่องเที่ยว>>
รีวิวเที่ยวชุมพร งามอรชรตลอดกาล เดือน ก.ย.2018 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวชุมพร เช่ามอเตอร์ไซต์ตะลอนไปทำทานที่มูลนิธิคนชรา แวะลั๊ลลาหาดทรายรี สวยฉิมพลีอ่าวทุ่งมหา อาหารทะเลรสแซ่บซ่ายิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Oc4kNZ
ตอนจบกับทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรป 26 วัน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 26 ตอนจบกับทริปตะลุยยุโรปอันยาวนาน มาสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด และรีวิวเดินทางกลับเมืองไทยด้วยสายการบิน flyScoot คลิ๊กดูภารีวิวการเดินทางค่ะ>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2xlaVuZ
แบ่งปันการเดินทางในเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดจ้า>>
รีวิวแบกเป้ตอนที่ 25 แบ่งปันวิธีการเดินทางเที่ยวเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองมาฝาก ไม่ยากเลยจ้า ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะคะ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2p5eQZf
รีิวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลังครั้งวันวาน งามอลังการยิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพและรีวิวบทความค่ะ>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/7ZB3pt
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน เม.ย.นี้ แวะไปเที่ยวสิงห์บุรีมาค่ะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวสิงห์บุรี 1 วัน เช่ามอเตอร์ไซตขับไปไหว้พระนอนจักรสีห์ เดินสุขขีที่ตลาดบ้านระจัน อาหารอร่อยๆทั้งนั้นเลย คลิ๊กดูภาพและรีวิวบทความค่ะ>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eL6fHw
รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน เม.ย.2018 ล่องเรือไหว้แม่น้ำเจ้าพระยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวกรุงเทพ 1 วัน เสพสุขสันต์เย็นซ่า ล่องเรือไหว้พระตามลำน้ำเจ้าพระยา สุขอุราชื่นบานยิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวค่ะ>>>
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/HrLddq
จัดมารีวิวเที่ยวสัตหีบ 2 วัน 1 คืน เดือน มี.ค.61 ไปที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
บล็อกรีวิวเที่ยวประจำเดือน มี.ค.61 แวะเที่ยวสัตหีบ ไปนอนงีบที่เกาะแสมสาร ทะเลสวยหวาน ร้าวรานจับใจ คลิ๊กดูภาพและรายละเอียดรีวิวค่ะ>> 
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/YV4FbW
รวมเด็ด 7 โบราณสถานเด็ดเมืองอยุธยา มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวมเด็ดกับ 7 โบราณสถานเด็ดในเมืองเก่าอยุธยา ที่ต้องไปชมให้ได้สักครั้งครา มีที่ใหนบ้างหนา คลิ๊กดูกันเลยจ้าค่ะ>>
 

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น