Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 19 แวะเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์-ปิซ่า เดินลั๊ลลาชมเมืองเก่าสวยโรแมนติก ที่เหล่าคู่รักสายชิค ต้องมากุ๊กกิ๊กกันสักครั้ง

มาเขียนรีวิวต่อจ้า บทความบล็อกวันนี้ขอมาแบ่งปันการเดินทางแบกเป้ลุยเดี่ยวแวะเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์-ปิซ่า ไปดูว่ามีที่เที่ยวอะไรบ้าง

ก็ขอสวัสดี๊ดีทักทายเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่กำลังท่องโลกออนไลน์กันทุกๆคนนะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ ก็ขอมารายงานตัว เขียนบล็อกแนวๆมั่วๆซั่วๆ ให้ท่านได้สไลด์ดูอ่านกันจนปวดหัวอีกเช่นเดิมจ้า...โดยบทความในเว็ปบล็อกวันนี้ ดิฉันก็ขอมาเขียนรีวิวเที่ยวยุโรปต่อค่ะ เดียวถ้าหากไม่เขียนต่อ มันจะไม่เสร็จเอาค่ะ  โดยหลังจากตอนที่แล้ว คือตอนที่ 18 ตามเว็ปไซต์ : http://bit.ly/2KQvnsh ได้เขียนรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวไปยลตระการเมืองแห่งน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างเมืองเวนิชแล้วนะค่ะ ก็สวยงามสมค่ำลำลือ สมกับที่อุตสาห์แบกเป้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกล มายลตระการต้นตำรับเมืองที่แวดล้อมไปด้วยคลองมากมาย

 

มาถึงบล็อกตอนที่ 19 นี้เดี๊ยนคุณนายเว่อร์ ก็ขอมาเป็นคนบ้า เลิกจากงานประจำ มาลั๊ลลาร่ายบทความ แนวโกโรโกโส ตามประสาคนบ้า มาเล่าเรื่องตามรูปภาพกับทริปรีวิวเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์ และเมืองปิซ่า ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่ง ที่ดิฉันปักหมุดไว้ในแผนการเดินทางแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรปครั้งนี้ เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนอิตาลี ยังไงก็ขอมาชมหอเอนปิซ่านี้สักครั้ง และอยากมาดูเมืองเก่าบูติคอันสวยงามในเมืองฟลอเรนซ์ มาดูสิว่าเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมเก่าแก่ สุดแสนโรแมนติดแห่งนี้ จะสวยงามเว่อร์วังอลังสะท้านโลกาแค่ใหน มาม๊ะ..ไปดูกันจ้า


เดินทางออกจากเมืองเวนิช นั่งรถไฟมาพักค้างแรมที่เมืองฟลอเรนซ์ เช้าวันใหม่เดินทางไปชมหอเอนปิซ่า บ่ายๆก็กลับมาเมืองฟลอเรนซ์


เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราไปเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์ และเมืองปิซ่ากันเลยค่ะ

 
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาและรูปภาพรีวิว เรามารู้จักเมืองฟลอเรนซ์ และเมืองปิซ่ากันก่อนนะค่ะ มาอ่านเป็นความรู้สู่โลกกว้างจ้า

สาระน่ารู้เมืองฟลอเรนซ์ 

เมืองฟลอเรนซ์ (อังกฤษ เขียนว่า Florence) หรือ ฟีเรนเซ (ภาษาอิตาลี อ่านว่า Firenze) เป็นเมืองหลวงของแคว้นทัสกานีและมณฑลฟลอเรนซ์ในประเทศอิตาลี เป็นอีกเมืองเก่าแก่และเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย มีแม่น้ำอาร์โนไหลผ่าน และสถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์โบราณมากมายจนได้กลายเมืองมรดกโลก


โดยระหว่างใน ค.ศ. 1865 ถึง ค.ศ. 1870 ฟลอเรนซ์ก็เป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรอิตาลี ฟลอเรนซ์ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอาร์โน มีประชากรประมาณ 400,000 คนและอีก 200,000 คนในบริเวณปริมณฑล ฟลอเรนซ์ในยุคกลางเป็นศูนย์กลางทางการค้าและทางการเงิน และถือกันว่าเป็นที่เกิดของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ตระกูลที่มีอำนาจการปกครองฟลอเรนซ์เป็นเวลานานคือตระกูลเมดีชี (Medici) นอกจากนั้นฟลอเรนซ์ก็ยังมีชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางศิลปะและสถาปัตยกรรม


และในยุคกลางฟลอเรนซ์เป็นที่รู้จักกันในนามว่าเอเธนส์ใจกลางเมืองเก่าของฟลอเรนซ์ โดยได้รับเลือกจากองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525)
(เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Florence)


สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองฟลอเรนซ์ มีอะไรบ้าง (Florence Tourist Attraction place) 


-  มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Cathedral of Santa Maria del Fiore and Piazza Duomo)
- Florence's Market แวะแหล่งช๊อปปิ้งในตลาดเมืองฟลอเรนซ์
- Ponte Vecchio สะพานสวยประจำเมือง พลาดไม่ได้ คล้ายสะพานหัน
- Palazzo Vecchio หอคอยนาฬิกาประจำเมืองฟลอเรนซ์
- Piazzale Michelangiolo จุดชมวิวมองเมืองฟลอเรนซ์
- Uffizi Palace and Gallery หอศิลป์
- Palazzo Pitti (Pitti Palace) and Boboli Gardens พิพิธภัณฑ์ประวัตศาสตร์และสวนตกแต่ง

 - Florence Duomo มหาวิหารฟลอเรนซ์
 - Florence Duomo มหาวิหารฟลอเรนซ์
 - Florence Duomo มหาวิหารฟลอเรนซ์
แหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมืองฟลอเรนซ์ (Florence Duomo มหาวิหารฟลอเรนซ์) 
Ponte Vecchio, สะพานเก่าแก่แนวบูติคที่สวยงามติดระดับโลก
Ponte Vecchio, สะพานเก่าแก่แนวบูติคที่สวยงามติดระดับโลก
- Ponte Vecchio, สะพานเก่าแก่แนวบูติคที่สวยงามติดระดับโลก

- Palazzo Vecchio หอคอยนาฬิกาประจำเมืองฟลอเรนซ์
- Palazzo Vecchio หอคอยนาฬิกาประจำเมืองฟลอเรนซ์
- Uffizi Palace and Gallery หอศิลป์ประจำเมืองฟลอเรนซ์
- Uffizi Palace and Gallery หอศิลป์
- จุดชมวิวถ่ายภาพเมืองฟลอเรนซ์ ที่สวนสาธารณะ Piazzale Michelangiolo
- จุดชมวิวถ่ายภาพเมืองฟลอเรนซ์ ที่สวนสาธารณะ Piazzale Michelangiolo
- สวนสาธารณะ Piazzale Michelangiolo ซึ่งจุดชมวิวมองเมืองฟลอเรนจุดชมวิวเมืองฟลอเรนซ์ แบบ 360 องศา ซึ่ง
เมืองฟลอเรนซ์
- แม่น้ำอาร์โน ในเมืองฟลอเรนซ์ (Arno River in Florence)
- แม่น้ำอาร์โน ในเมืองฟลอเรนซ์ 
- แม่น้ำอาร์โน ในเมืองฟลอเรนซ์กับสะพานเก่าแก่สวยงามแปลกตาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกโลกมาชมสะพานแห่งนี้
มหาวิหารซานตาโกรเซ่ (Florence Cathedral)
โบสถ์ซานตาโกรเซ โบสถ์คาทอลิกเก่าประจำเมืองฟลอเรนซ์
 
ตลาดช๊อปปิ้งถนนคนเดินในเมืองฟลอเรนซ์ Florence's Market
แหล่งช๊อปปิ้ง ตลาดขายเครื่องหนังที่มีชื่อเสียงระดับโลก
แหล่งขายกระเป๋าเครื่องหนังแท้ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก Florence Market
สาระน่ารู้เกียวกับเมืองปิซ่า
สาระน่ารู้เกียวกับเมืองปิซ่า

หากเอ่ยถึงเมืองปิซ่าคงไม่มีใครไม่รู้จักเมืองนี้ เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงก้องโลกจากหอเอนเฉียงที่ไม่เคยล้มพังลงเลย กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวแวะมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย

เมืองปิซา (อิตาลี: Pisa) เป็นเมืองเอกของจังหวัดปิซา อยู่ในแคว้นตอสคานา ฝั่งแม่น้ำอาร์โน ประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ (ฟีเรนเซ) ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตรจตุรัสดูโอโมแห่งปิซาได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1987
(เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Pisa)
- จตุรัสดูโอโมแห่งปิซา

สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองปิซ่า มีที่ใหนบ้าง (Pisa tourist Attraction place)
- จตุรัสดูโอโมแห่งปิซา
- มรดกโลกมหาวิหารปิซา (Pisa Duomo)
- มรดกโลกหอศีลจุ่มเมืองปิซา (Baptistry (Pisa))
- มรดกโลกหอเอนเมืองปิซา
- มรดกโลกสุสานนักบุญ (Campo Santo)
- มรดกโลกพิพิธภัณฑ์มหาวิหารปิซา (Museo del Opera del Duomo)
- มรดกโลกหอศีลจุ่มเมืองปิซา (Baptistry (Pisa))
หอเอนปิซ่า (Pisa Tower)
 สรุปแผนการท่องเที่ยวทริปวันที่ 31 พ.ค. 2108 สรุปดังนี้ 
- ช่วงเช้า Check out ออกจากที่พัก นั่งรถไฟจากเมืองฟลอเรนไปเมืองปิซ่า เพื่อไปชมหอเอนปิซ่าสักครั้งในชีวิต
- ช่วงบ่าย นั่งรถไฟกลับมายังเมืองฟลอเรนซ์ เพื่อเดินชิคๆชิลๆดูวิวเมืองฟลอเรนซ์ เมืองสวยงามที่ใครๆก็บอกว่าต้องมายลตระการสักครั้ง
- ช่วงเย็นเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงต่อไปยังกรุงโรม จบทริปวันนี้ค่ะ

สถานีรถไฟเมืองฟลอเรนซ์
ต่อจากรีวิวตอนที่ 18 : http://bit.ly/2KQvnsh 
หลังจากนั่งรถไฟออกจากสถานีรถไฟเวนิเซียใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงสถานีรถไฟเมืองฟลอเรนซ์แล้ว่ะ บรรยากาศยามเย็นในเมืองนี้ ดูคึกคักมากๆ

เมืองฟลอเรนซ์ยามเย็นประมาณ 2 ทุ่มนิดๆ ยังไม่มืดเลยนะ
เมืองฟลอเรนซ์เวลาค่ำประมาณ 2 ทุ่ม แสงแดดยังสว่างจ้าอยู่เลค่ะ
ดิฉันเดินเปิด GPS  แบกเป้ตามพิกัดมาที่โรงแรมที่พักค้างแรมคืนนี้ค่ะ

 ซึ่งโรงแรมที่พักในเมืองฟลอเรนซ์คืนนี้ ก็อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟเลยค่ะ
เพราะจะได้ไม่ต้องเดินแบกเป้ไปไกลให้เมื่อยขา
 
เดินมาถึงโรงแรมแล้วค่ะ คืนนี้พักที่โรงแรม Nuova Italia
เดินมาถึงโรงแรมแล้วค่ะ คืนนี้พักที่โรงแรม Nuova Italia
ที่พักอยู่ใกล้สถานีรถไฟจริงๆ หาง่ายด้วย ตอนแรกคิดว่าจะต้องเดินไกลซ่ะอีก
เดินมาน่าจะประมาณสัก 500 เมตรได้ค่ะ หรือประมาณครึ่งกิโลนะค่ะ

เข้ามามานั่งที่ล็อบบี้ พักเอาแรงก่อน
ด้านในล็อกบี้ก็ตกแต่งแนวๆออกแนวศิลปะ อาร์ตหน่อย
เข้ามา Check in ก็ติดต่อที่เคาว์เตอร์ บอกชื่อหรือหมายเลขบุ๊กกิ้งแล้วรอรับกุญแจได้เลยค่ะ
ที่พักดูเรียบๆ อาร์ตดี มีรูปภาพติดตามผนังเต็มไปหมดเลยค่ะ
โรงแรมไม่มีลิฟท์นะค่ะเป็นบันใดจ้า ถ้าใครได้ห้องชั้นบน มีหวังขึ้นลิฟท์ขาลากแน่นอน
ได้กุญแจห้องมาแล้ว ก็แบกกระเป๋าเป้เอาไปไว้ในห้องพักเลยจ้า
ห้องพักคืนนี้ที่โรงแรม Nuova Italia พักห้อง Standard single room เป็นห้องนอนคนเดียว ราคาคืนละ 3000 บาท
ห้องพัก Standard single room สำหรับพักคนเดียวคืนนี้ คืนละ 3,000 บาทนิดๆ ถ้าเทียบเป็นเงินไทยถือว่าแพงจริงๆ ราคานี้ถ้าบ้านเราคือได้ห้องพัก 5 ดาวเลยนะ แต่ต้องเข้าใจว่าที่นี้คือยุโรปเนอะ.....ห้องพักเป็นห้องพักส่วนตัว และมีห้องน้ำในตัว สภาพห้องพักถือว่าดีทีเดียวค่ะ ไม่คับแคบและอึกอัดจนเกินไป ตั้งแต่พักมา ห้องพักที่นี้ถือว่ากว้างสุดล่ะ ดูเป็นโรงแรมแบบโบราณเหมือนยุค 80 เลยนะ แต่ห้องโอเคเลยแหละ


ส่วนห้องพักก็เป็นห้องน้ำส่วนตัว สะอาดสะอ้าน มีห้องอาบน้ำแบบฝักบัวแยก ถือว่าดีทีเดียว
 มีสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องน้ำให้ครบนะค่ะ สบู่ แชมพู แก้วน้ำให้ ตามที่ระบุไว้ในรายละเอียดโรงแรมเป๊ะเลย
มีโต๊ะสำหรับนั่งทำงานด้วย  ถือว่าดีทีเดียวค่ะ
 มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ให้ใส่ด้วย สรุปโดยรวมห้องพักให้ผ่านจ้า เอาไปเลย 5 ล้านดาวจ้า
 หลังจากที่เอากระเป๋าไปไว้ในห้องพักแล้ว ก็ได้เวลาออกไปทานอาหารเย็นแล้วค่ะ
เพราะดึกมากๆแล้ว
 เดินออกจากโรงแรมมา ในระแวกใกล้โรงแรมก็มีโรงแรมและซุปเปอร์มาเก็ตอยู่หลายร้านเลยค่ะ แต่ที่เห็นเยอะที่สุด น่าจะเป็นร้านขายไอศครีม เรียกว่าเดินไปซอยใหนก็เจอจ้า
ใกล้ๆโรงแรมมีร้านอาหารญี่ปุ่นขายด้วย เนื่องจากเป็นย่านท่องเที่ยว และมีนักท่องเที่ยวเอเชียมากันเยอะ ก็เลยมีอาหารเอเชียให้ทานด้วยล่ะค่ะ
เมนูอาหารในร้านก็ราคาไม่แพงจนเกินไป พอรับได้ค่ะ
 มื้อนี้จัดไปเป็นอาหารญี่ปุ่นเป็นราเม้งแล้วกันค่ะ เป็นราเม้งกุ้ง
มีร้านอาหารอิตาเลี่ยนตรงข้ามโรงแรมขายด้วยนะ
 หรือหากใครที่ไม่อยากทานราเม้งจะทานอาหารอิตาเลี่ยนก็มีอยู่ตรงข้ามเลยนะค่ะ
 ในซอยของโรงแรมเป็นย่านถนนคนเดิน ไม่มีรถยนต์ผ่านนะค่ะ จะมีก็แต่จักรยาน ยามช่วงกลางคืนประมาณ2-3 ทุ่ม ผู้คนเริ่มคึกคัก
เดินไปร้านซุปเปอร์มาเก็ตในซอยของโรงแรม มีร้านขายทิรามิสุด้วยล่ะ ราคาไม่แพง ซื้อมาทานเพิ่มไขมันในท้องอีกก่อนนอน
เดินไปร้านซุปเปอร์มาเก็ตในซอยของโรงแรม มีร้านขายทิรามิสุด้วยล่ะ ราคาไม่แพง ซื้อมาทานเพิ่มไขมันในท้องอีกก่อนนอน


----------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันใหม่ในวันที่ 31 พ.ค.2018
ได้เวลาทานอาหารเช้าที่โรงแรม Nuova Italia
มาดูสิว่าที่โรงแรมแห่งนี้มีอาหารเช้าอะไรให้ทานบ้าง

 เข้ามาที่ห้องอาหารก็เป็นอาหารเช้าแนว Continental Breakfast แบบง่ายๆ


 
 แต่ไลน์อาหารเช้าไม่ค่อยอลังนัก เป็นแบบเรียบง่าย มีซีเรียล ขนมปัง โยเกิร์ตให้ ไม่ได้อลังการเหมือนโรงแรมที่พักในเมืองเวนิชนะคะ 


แต่ข้อดีคือ เดินมาที่โต๊ะทางโรงแรมก็เซทโต๊ะ มีชุดขนมปังต่างๆไว้ให้เลยค่ะ และจะมีเจ้าหน้าที่มาถามว่ารับน้ำอะไร ของเดี๊ยนตอนเช้าชอบดื่มโก้ๆร้อนๆสไตล์เด็กๆ ทางโรงแรมก็จัดเสริฟมาให้


อาหารเช้ามื้อนี้ก็ทานแบบง่ายๆ เน้นจำพวกแป้ง เติมพลังงานในร่างกายไปค่ะ
อาหารถือว่าโอเค พอใช้ได้ค่ะ ทานเติมพลังงานในมื้อนี้ได้ แต่เสียดายขนมปังไม่ค่อยร้อนเท่าใดนัก แต่โยเกิร์ต รสชาติอร่อยดี  มีผลไม้สดเป็นแอปเปิ้ลให้ทานล้างปากด้วย



 หลังจากที่ได้ทานอาหารเช้าที่โรงแรมจนอิ่มแล้วนะค่ะ
ดิฉันก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ มาเช็คเอาท์และฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมค่ะ เดี่ยวตอนเย็นๆค่อยกลับมาเอา


บรรยากาศการตกแต่งภายในโรงแรม 
และเมื่อฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ก็เดินแบกเป้ใบเล็กๆ เดินมาที่สถานีรถไฟเมืองฟลอเรนซ์เพื่อเดินทางไปยังเมืองปิซ่า

โดยวิธีการเดินทางจากเมืองฟลอเรนซ์ไปเมืองปิซ่า 
- สามารถนั่งรถไฟระหว่างเมืองไปได้ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีค่ะ
- หากมีบัตร Eurial Pass ได้ ไม่ต้องเสียตังซื้อตั๋วเพิ่ม
 เมื่อมาถึงสถานีรถไฟเมืองฟลอเรนซ์ ก็เดินไปที่ชานชลาหมายเลข 1 ค่ ซึ่งเป็นชานชลารถไฟไปยังเมืองปิซ่า
 โดยขบวนรถไฟที่นั่งไปก็จะเป็นขบวนสีเขียวแบบนี้ค่ะ เป็นรถไฟธรรมดา
 ขึ้นมาก็เลือกนั่งตรงใหนก็ได้ค่ะ ตามใจชอบ
เนื่องจากเป็นรถไฟธรรมดา
 ระหว่างทางก็นั่งชมวิวไปพลางๆ
 นั่งรถไฟจากเมืองฟลอเรนซ์มาไม่นานประมาณสัก 45 นาทีก็ถึงสถานีรถไฟปิซ่าแล้วค่ะ
เดินออกจากชานชลามาที่ด้านหน้าสถานีรถไฟเมืองปิซ่า
 เดินออกจากชานชลามาที่ด้านหน้าสถานีรถไฟปิซ่า
 มาถึงก็ตั้งหลักเปิด GPS นำทางเลยจ้า
โดยพิกัดก็คือหอเอนปิซ่า ซึ่งระยะทางจากสถานีรถไฟไปยังย่านท่องเที่ยวประมาณ 1.7 กิโลเมตร เกือบ 2 กิโล ไม่ไกลนะ เดินไปได้ เคยอ่านรีวิวใน Tripadvisor บอกว่าส่วนใหญ่คนก็เดินกันไปค่ะ
แผนที่แนะนำเส้นทางสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองปิซ่า (Pisa Tourist information)
 แผนที่ท่องเที่ยวในเมืองปิซ่าซึ่งระบุพิกัดไว้ให้ตามเส้นสีแดง บอกสามารถเดินไปได้ และมีแนะนำสถานทีท่องเที่ยวให้ด้วย
 สภาพบ้านเมืองก็ดูสวยงามดีนะ
 เดินออกจากสถานีรถไฟตรงมาเรื่อยประมาณ 50 เมตรจะผ่าน Piazza Vittorio Emanuele II
 จากนั้นก็จะเป็นถนนคนเดินช๊อปปิ้ง corso ซึ่งมีร้านขายสินค้าสองข้างทางมากมาย ทั้งร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้าของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวแวะเลือกซื้อกัน
ถนนคนเดิน corso เต็มไปด้วยร้านค้าสองข้างทาง
บรรยากาศที่ถนนคนเดิน corso เป็นถนนที่เดินมุ่งตรงไปสู่จตุรัสปิซ่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะเดินผ่านถนนเส้นนี้กัน เพราะระหว่างทางมีร้านขายขนม นม เนย ต่างๆให้เลือกกิน และมีของฝาก น้ำหอม พิซซ่าหลากรส ให้ลิ้มลองกันด้วย
เดินตามถนนคนเดินช๊อปปิ๊งไปเรื่อยๆ ไม่น่าเบื่อ เพื่อไปยังหอเอนปิซ่า
 เป็นถนนคนเดินที่คึกคักและตึ๊กๆตั๊กๆมากเลยล่ะ
 ระหว่างทางก็มีร้านขายของที่ระลึกสองข้างทางมากๆมายให้เลือกหลากหลายแบบเลยค่ะ ราคาไม่แพงด้วยนะ ตกชิ้นละ 1 ยูโร
 ระหว่างทางก็มีร้านขายของที่ระลึกสองข้างทางมากๆมายให้เลือก ราคาตกอันละ 1 ยูโรค่ะ
ส่วนสาวๆคนใหนที่ชอบกระเป๋าลายน่ารัก ก็มีให้เลือกหลายลายเลยนะ
ของที่ระลึกส่วนใหญ่ก็มีหลากหลายแบบ แต่ที่ราคาถูกสุด เห็นจะเป็นที่ตึกตู้เย็นรูปหอเอนที่ราคาแค่ 1 ยูโรเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้ากระเป๋ามากมายหลายแบบ
 ตามมุมถนนก็มักจะมีหุ่นตุ๊กตาตั้งไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกันด้วย
เดินเท้าจากสถานีรถไฟตรงมาเรื่อยได้สักประมาณ 1 กิโลเมตรก็ถึงสะพานข้ามแม่น้ำอาร์โนค่ะ
 จากนั้นก็เดินข้ามสะพานตรงไปต่อได้เลยค่ะ
 หากใครที่ไม่อยากเดินที่ริมถนนคนเยอะ จะเลือกเดินผ่านตัวตึกอาคารก็ได้นะ แถมคนไม่ค่อยเยอะด้วย
 ตามร้านรวงต่างๆก็เริ่มทยอยเปิดแล้ว มีร้านอาหารนั่งดื่มให้ชิลๆกันอีกด้วย
 เดินมาเรื่อยๆ เมื่อยก็หยุดพัก
 เข้าสู่ย่านเมืองเก่าแล้วค่ะ
เดินเท้ามาเรื่อยเริ่มเห็นหอเอนปิซ่าเด่นแต่ไกลๆ ใกล้ถึงล่ะ
 ระหว่างทางมีรถม้าให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ
 นอกจากนี้ยังมีรถไฟปู๊นปู๊นพาเที่ยวรอบเมืองอีกด้วย
จัดไป ใครที่ไม่อยากเดิน ก็ลองไปนั่งกันดูนะ
ในที่สุดก็ถึงหอเอนปิซ่าสักทีค่ะ เคยเห็นแต่ในหนังสือสมัยเรียน และในนิตยสารท่องเที่ยวตั้งแต่สมัยเด็กๆ ตั้งใจว่าจะต้องมาเห็นเป็นบุญตาสักครั้ง....ได้เห็นตายตาหลับล่ะ เอนจริงๆนะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับหอเอนปิซ่า อ่านดูเป็นความรู้กันค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับหอเอนปิซ่า อ่านดูเป็นความรู้กันค่ะ

หอเอนปิซ่า เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย จีโอแวนนี่ ดี สิโมน สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปีหลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001

ปัจจุบันหอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา  โดยในปี ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย
บนยอดสุดของเอนปิซ่า เป็นหอระฆัง
หอเอนปิซ่า อันมีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้ (Leaning Tower of Pisa) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) โดยมีหอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร

โดยหอเอนแห่งนี้ กาลิเลโอ กาลิเลอิ เคยใช้หอนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่อง แรงโน้มถ่วง ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูกที่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่า ลูกบอล 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นไปตามที่กาลิเลโอคาดไว้

และในช่วงวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1990 หอเอนเมืองปิซาถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังขุดดินของอีกด้านหนึ่งออก เพื่อให้สมดุลยิ่งขึ้น และในวันที่ 15 ธันวาคม 2001 หอเอนเมืองปิซาถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้ง และถูกประกาศว่าสมดุลแล้วใน 300 ปีต่อมาหลังจากเริ่มทำการปรับปรุงจนแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวบนยอดหอระฆังด้านบนสุดได้ด้วย
(เครดิตข้อมูลดีๆจาก https://th.wikipedia.org/wiki/หอเอนเมืองปิซา)
จตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่า
และบริเวรหอเอนปิซ่าแห่งนี้ ก็ถูกจัดอยู่ในจตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่า คือบริเวณที่ล้อมรอบด้วยกำแพง ใจกลางเมืองปิซา แคว้นทัสเคนี ประเทศอิตาลี ประกอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างหลัก 4 อย่าง ได้แก่ มหาวิหารปิซา (Duomo) หอเอน (Torre) หอศีลจุ่ม (Baptistery) และ สุสาน (Camposanto
แผนที่จตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่า
ปัจจุบันจตุรัสแห่งนี้ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลก ส่วนคำว่า "กัมโป เดย์ มีราโกลี" นั้นแปลว่า "จัตุรัสอัศจรรย์"
รอบบริเวณมีหอศีลจุ่ม (Baptistery)
รอบบริเวณมีหอศีลจุ่ม (Baptistery)
สภาพแวดล้อมโดยรอบในจตุรัสปิซ่าก็เป็นลานหญ้า เหมือนสนามฟุตบอบเลย สวยงามเชียวค่ะ
 มาถึงที่นี้ทั้งนี้ เหล่านักท่องเที่ยวก็ไม่พลาด ต้องมาถ่ายรูปในท่าทางต่างๆเพื่อเก็บไว้ที่ระลึกไว้ว่ามาถึงเมืองปิซ่าแล้วนะ
นอกจากนี้ใกล้ๆยังมี Tourist information ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสอบถาม และมีแผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองปิซ่าให้อีกด้วย
 หลังจากที่ได้เดินชมจตุรัสรอบหอเอนปิซ่าไปแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับฟลอเรนซ์แล้วค่ะ
 ตอนขากลับเดินมา ตอนขากลับก็เดินกลับอีกเหมือนเดิม
ระหว่างทางก็เดินกลับอีกถนนเส้นนึง ซึ่งเป็นถนนที่ไม่ค่อยมีคนเดินมากนัก
และมีบ้านเรือนอาคารสีสันสวยงามแปลกตา
 อาคารสถาปัตยกรรมในเมืองปิซ่าก็สวยงามดีนะค่ะ
ออกแนวๆคลาสสิค ย้อนยุดหน่อยๆ 
 เดินมาก็จะเป็นอุโมงโน้นนี้นั้นให้ลอดเล็กๆ ดูค่อนข้างเงียบๆ น่ากลัวหน่อยๆ แต่ก็ปลอดภัยดี
ไม่มีขโมยขโจรมาปล้นนะ
 ลอดออกจากอุโมงก็กลายเป็นสะพานทางเดินที่พึ่งข้ามมา สะพานมีชื่อว่า Ponte Di Mezzo
 ลอดออกจากอุโมงทางเดินก็กลายเป็นสะพานทางเดินที่พึ่งข้ามมา สะพานมีชื่อว่า Ponte Di Mezzo
เดินข้ามสะพาน Ponte Di Mezzo ข้ามแม่น้ำอาร์โนไปยังถนนคนเดิน Corso
 เดินมาก็จะเป็นตลาดของของที่ระลึก Logge Dei Banchi
และยังมีภาพวาด สร้อยคองานประดิษฐวางขายเต็มเลยล่ะค่ะ
 เดินวนกลับมาที่มุมเดิม ยังไม่ค่อยมีคนอีกเหมือนเดิม
 เดินออกจากหอเอนปิซ่าตรงตามถนนคนเดินช๊อปปิ้ง Corso กลับมาเรื่อยๆก็ถึงสถานีรถไฟเมืองปิซ่า
เพื่อเดินทางกลับเมืองฟลอเรนซ์ เวลา 13.12 น.
รอรอไฟไม่นานนัก รถไฟขบวนที่จะเดินทางกลับเมืองฟลอเรนซ์ก็มาแล้ว
แต่รถไฟตอนขากลับดูใหญ่โตกว่าขบวนขาที่เดินทางมาเมื่อตอนเช้ามากนะ

สรุปเที่ยวเมืองปิซ่าตอนเช้าใช้เวลาไปประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งกว่าๆเลยนะ
ถือว่าชะโงกทัวร์เที่ยวเก็บภาพและได้เดินออกกำลังขาจนได้เหงื่อไปหลายหยดเลย
-----------------------------------------------------------------------------

หลังจากที่ได้แวะเที่ยวเมืองปิซ่าไปแล้ว
ต่อมาก็ขอมารีวิวเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์ต่อค่ะ ซึ่งเป็นทริปช่วงบ่ายๆ โดยการเที่ยวในเมืองฟลอเรนซ์ ก็เน้การเดินเที่ยวอีกเหมือนเดิมค่ะ เน้นเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เมื่อยก็นั่งพักชมวิวไปค่ะ 
  เริ่มต้นมาตั้งหลักหยิบแผนที่ท่องเที่ยวในเมืองฟลอเรนซ์ขึ้นมา มาดูสิว่าเมืองแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรที่น่าสนใจให้แวะชมบ้าง(Florence Tourist map)
 เริ่มต้นมาตั้งหลักหยิบแผนที่ท่องเที่ยวในเมืองฟลอเรนซ์ขึ้นมา มาดูสิว่าเมืองแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรที่น่าสนใจให้แวะชมบ้าง
 เดินออกจากสถานีรถไฟมุ่งหน้าไปยังสถานทีท่องเที่ยวจุดแรก
แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองฟลอเรนซ์ ซึ่งมีบอกพิกัดและจุดแวะถ่ายภาพด้วย (Florence Tourist map)
 เปิดกางแผนที่ ดูพิกัดบอกสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองฟลอเรนซ์ว่ามีที่ใหนบ้าง และจะเดินไปทางใหนได้บ้าง
เดินออกมาจากสถานีรถไฟเมืองฟลอเรนซ์ ไม่ไกลนักค่ะเดินข้ามถนนท่ามกลางแดดร้อนๆ ถือว่ามาอาบแดดให้ผิวไหม้เกรียมล่ะกัน แวะมาจุดเช็คอินน์ ถ่ายภาพจุดแรกเป็น บาซิลิกาซานตามาเรียโนเวลลาBasilica di Santa Maria Novella
จุดท่องเที่ยวชะโงกทัวร์ที่ดิฉันเดินเท้ามาจากสถานีรถไฟไม่ไกลนักก็คือ บาซิลิกาซานตามาเรียโนเวลลา (Basilica di Santa Maria Novella) โบสถ์เก่าอีกแห่งในเมืองฟลอเรนซ์
เนื่องจากในเมืองฟลอเรนซ์ มีซอกซอยและถนนมากมาย ถ้าไม่เปิด GPS ช่วยนำทาง มีหวังหลงทางไม่แพ้เมืองเวนิชอย่างแน่นอนค่ะ แต่รีวิวเที่ยวเมืองเวนิชก่อนหน้า ซอกซอยเยอะกว่านี้มาก อันนี้ยังเป็นเส้นตรงๆนะค่ะ แต่เมืองเวนิช เดี๊ยนเห็นแล้วเพลียมากๆ เพราะซอกซอยหักมุม เหมือนเขาวงกตเลยล่ะ

แต่เมืองเวนิชออกแนวๆจะอลังการตึกรางบ้านช่องมากๆ เพราะใหญ่โตโอฬารเหมือนกันนะค่ะ
 เดินมาท่ามกลางอากาศร้อนๆ เริ่มไม่ไหวแล้วค่ะ เดี๊ยนจะเป็นลม ขอเติมน้ำตาลในเส้นเลือดสักหน่อย ผ่านร้านไอติมสีสันอร่อย น่าทานมากๆ
 หากมาเที่ยวอิตาลี สิ่งที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดตามถนนหนทาง ก็คงเป็นร้านไอติมเนี่ยแหละ มีตลอดทางให้กินกัน อยากได้รสชาติใหน มีหมดจ้า ผสมโน้นนี้นั้น
จัดไปอาหารมื้อเที่ยงนี้ ไอติมหวานๆ รสชาติเลี่ยนๆหน่อยๆ แต่อร่อยดี ไอติมโก้โก้กินกับผสมรสมะนาว ออกเปรี้ยวๆหวานๆ กินแล้วสะท้านใจ
Florence Cathedral)
 เดินกินไอติมมาเรื่อย ก็มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ ถือว่าเป็นยานใจกลางเมือง ที่นักท่องเที่ยวแวะมาเยือนและต้องถ่ายรูปกันแทบทุกคน ก็คงเป็น ย่านมหาวิหารฟลอเรนซ์ ซึ่งเป็นมหาวิหารขนาดใหญ่

สาระน่ารู้เกี่ยวกับ อาสนวิหารฟลอเรนซ์ หรือ มหาวิหารฟลอเรนซ์  อ่านดูเป็นความรู้กันค่ะ

มหาวิหารฟลอเรนซ์ (ภาษาอังกฤษ: Florence Cathedral) หรือชื่อเต็มคือ อาสนวิหารซันตามาเรียแห่งฟลอเรนซ์ (อิตาลี: Cattedrale di Santa Maria del Fiore) เป็นอาสนวิหารประจำอัครมุขนายกแห่งฟลอเรนซ์ ตั้งอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ มณฑลฟลอเรนซ์ แคว้นตอสคานา ประเทศอิตาลี สร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 ออกแบบโดยฟีลิปโป บรูเนลเลสกี ด้านหน้าโบสถ์ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาว เขียว และชมพู มีขนาดใหญ่โตติดอันดับต้นๆของทวีปยุโรป
ซึ่งมหาวิหารแห่งนี้ถือว่าใหญ่เป็นลำดับที่ 4 ของทวีปยุโรป รองจากมหาวิหารนักบุญเปโตร มหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพง และอาสนวิหารมิลาน ซึ่งตัวอาคารมีความยาว 153 เมตร และฐานของโดมกว้างถึง 90 เมตร
เครดิตข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/อาสนวิหารฟลอเรนซ์
 มีโบสถ์เก่าแก่มากมายรายล้อม สถาปัตยกรรมอาคารใหญ่โตสวยงาม ตระการตาแก่ผู้ที่ได้พบเห็น
ซุ้มประตูโบสถ์เป็นภาพวาดพระเยซู มีความโดดเด่นสวยงาม
ภาพโปสการ์ดของที่ระลึกในเมืองฟลอเรนซ์
 และรอบๆก็เป็นร้านขายของที่ระลึก โปสการ์ด และขายภาพวาดต่างๆของเหล่าศิลปินในเมืองนี้อีกด้วย
 ของที่ระลึกในเมืองฟลอเรนซ์ ที่ติดตู้เย็น น่าจะเป็นของฝากที่ขายดีที่สุดล่ะ เพราะราคาถูกดีค่ะ
และอีกสิ่งหนึ่ง ที่มาเที่ยวเมืองนี้ คงจะเห็น นักวาดรูปมากมาย ขายภาพงานศิลปะของตัวเอง ซึ่งจะพบตามย่านท่องเที่ยวมากมาย และแต่ละผลงานก็สวยงาม มีความโดดเด่นไม่เหมือนกันด้วยนะค่ะ สมเป็นเมืองศิลปะอย่างแท้จริง
 หากเดินมาเหนื่อย ก็นั่งพักอาบแดดก่อนได้นะค่ะ แดดที่นี้ช่วงบ่ายๆจะร้อนเหมือนแดดตอนเช้าบ้านเราค่ะ  คนก็เลยชอบมานั่งผึงแดดกัน
เดินชมเมืองไปเรื่อย มีมุมโน้นนี้ นั้นให้ถ่ายไปทั่วเลยล่ะค่ะ
 และสิ่งที่พบเห็นได้เยอะที่สุดอีกหนึ่ง ก็คงจะเป็นประติมากรรมปูนปั้นในมุมต่างๆ ที่ดูสวยงามตามสไตล์อิตาลี
 รูปปั้นในมุมต่างๆที่พบเห็นได้ตามย่านเมืองเก่าแห่งนี้
บรรยากาศถนนคนเดินในเมืองเก่าๆ ใกล้มหาวิหารฟลอเรนซ์
 เดินลัดเลาะ กระเซาะแซะไปตามถนนหนทางไปเรื่อยๆ
 เดินมาเรื่อยๆ ก็มาเจอร้านขายผ้าพันคอริมทาง ซึ่งมีหลายร้านให้เลือก ลองจับเนื้อผ้าดูแล้วเนื้อผ้านิ่มมากๆ ใช้มือสัมต้องดูแล้วก็เกิดอยากได้นะ คนขายก็เชียร์เหลือเกิน แต่เดี๊ยนก็ไม่ได้ซื้อนะ เพราะมีหลายผืนล่ะ ถ้าซื้อไปมีหวังโดนเจ้าแม่คุณแม่ กระซวกแน่ๆเลย
ในย่านท่องเที่ยวใกล้ๆมหาวิหารฟลอเรนซ์ ก็จะเป็นย่านถนนคนเดิน มีร้านค้าสองข้างทางมากมาย เหมาะสำหรับเดินจริงๆ ใครที่ขี้เกียจเดินมาเที่ยวเมืองนี้ไม่ได้นะ เพราะคนเค้าเดินกันค่ะ
เดินมาเรื่อยๆ ก็ถึง Palazzo Vecchio ซึ่งเป็นหอคอยนาฬิกาประจำเมืองฟลอเรนซ์
 รอบบริเวณอาคารหอนาฬิการเก่าก็เป็นอนุสาวรีย์ Statua equestre di Cosimo I de' Medici
 ส่วนมุมนี้เป็นอาคาร Loggia dei Lanzi ซึ่งเป็นอาคารแสดงรูปปั้นเก่าแก่
มีนักท่องเที่ยวเข้าไปนั่งพักหลบร้อนด้านในเยอะเลย
 ประติมากรรมปูนปั้นในตัวอาคาร Loggia dei Lanzi ก็จะมีรูปปั้นสัตว์ต่างๆ ดูสวยงาม เหมือนจริงมากๆ ดูปราณีตวิจิตบรรจง
 นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นหุ่นมนุษย์เปลือยกาย ที่สรรค์สร้างออกมาได้อย่างสวยงามแปลกตา ดูอย่างหุ่นปูนปั้นเปลือยกายจนเห็นอาจู่หมดเลย
Ponte Vecchio, (ปอนเตเวคคิโอ) สะพานเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งในเมืองฟลอเรนซ์
 เดินออกอีกนิดหน่อยก็จะเป็นเห็นวิวทิวทัศน์ Ponte Vecchio, (ปอนเตเวคคิโอ) สะพานเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งประจำเมืองฟลอเรนซ์ มีความคลาสสิคดูสวยงามโดดเด่น ไม่เหมือนสะพานอื่นๆ
สะพานเก่าแก่เมืองฟลอเรนซ์ Ponte Vecchio (ปอนเตเวคคิโอ)
 ซึ่งจุดเด่นของสะพานแห่งนี้ คงเป็นตัวอาคารที่ยื่นสร้างออกมาจากตัวสะพานๆมีสีสันสวยงามแก่ผู้ที่ได้พบเห็น

สาระน่ารู้เล็กน้อยๆเกี่ยวกับสะพาน Ponte Vecchio (สะพานเก่าแก่ประจำเมือง)
Ponte Vecchio, (ปอนเตเวคคิโอ)แห่งนี้สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เป็นสะพานโค้งสามคั่นคร่อมกับแม่น้ำอาร์โน่ โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ ค.ศ.1345 และเป็นสะพานแห่งเดียวที่รอดจากการทำลายของสงครามนาซีอีกด้วย
บ้านเรือนอาคารพาณิชน์ที่สร้างอยู่บนสะพาน Ponte Vecchio (ปอนเตเวคคิโอ) กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว
 โดยตัวอาคารที่เป็นรูปบ้านยื่นไปตรงสะพานนี้ เป็นที่อยู่ของเหล่าพ่อค้าอัญญมณีที่สืบการทำเครื่องประดับสร้อยเงิน สร้องทองคำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
บ้านเรือนอาคารพาณิชน์ที่สร้างอยู่บนสะพาน Ponte Vecchio (ปอนเตเวคคิโอ) กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว
 และสะพานแห่งนี้ยังได้กลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่สวยงามประจำเมืองนี้อีกด้วย
 เดินข้ามสะพานมาจะเป็นร้านขายเครื่องประดับอัญมณีจริงๆนะค่ะ
มีมากมายหลายร้านให้เลือกเลย 
 เครื่องประดับส่วนใหญ่ก็มีตั้งแต่สร้อยคอ แหวน สร้อยคอมือ จี้เพชร ต่างหู และอื่นๆมากมาย หากใครที่ชอบซื้อเครื่องประดับต้องไม่พลาดแวะมาลองซื้อดูค่ะ
 ส่วนราคาเครื่องประดับแต่ละชิ้นก็แตกต่างกันไปตามความยากง่ายของผลงานของช่างที่ทำชิ้นงานออกมา ต้องมาต่อรองราคากับคนขายเอาจ้า
 บรรยากาศโดยรอบสะพานก็มีความเก่า บูติค สวยงาม ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี
ถือเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากมายทีเดียว
แม่น้ำอาร์โน (Arno River in Florence)
 มองจาก Ponte Vecchio, (ปอนเตเวคคิโอ) ก็จะเห็นแม่น้ำอาร์โนและอีกสะพานนึง ซึ่งไม่ได้มีลักษณะเหมือนกัน แต่บรรยากาศโดยรอบเมืองสวยงามดีนะค่ะ
 เดินข้ามสะพานไปอีกหน่อยสิว่ามีอะไร
ผ่านร้านขายไอติมอีกล่ะ ไอติมน่าทานมากๆ แต่ไม่ล่ะ เดียวจะอ้วนขึ้นกว่าเดิม
วังปิตตี (Palazzo Pitti)
เดินข้ามสะพานPonte Vecchio, (ปอนเตเวคคิโอ) ตรงมาเรื่อยๆก็จะเป็นปราสาทขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ใช่ปราสาทธรรมดา เพราะเป็นวังเก่า มีชื่อว่า วังปิตตี (Palazzo Pitti)
วังปิตตี (Palazzo Pitti)
สาระน่ารู้เกี่ยวกับวังปิตตี (Palazzo Pitti)

สำหรับวังปิตตี (อิตาลี: Palazzo Pitti) เป็นวังแบบเรอแนซ็องส์ที่ตั้งอยู่ที่ด้านใต้ของแม่น้ำอาร์โน ไม่ไกลจากสะพานเวชิโอ (Ponte Vecchio) ในเมืองฟลอเรนซ์ในประเทศอิตาลี

ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 วังปิตตีใช้เป็นที่บัญชาการของจักรพรรดินโปเลียนแห่งฝรั่งเศส และต่อมาก็ใช้เป็นวังหลวงของอาณาจักรอิตาลีแต่ก็เพียงระยะเวลาอันสั้น วังและข้าวของภายในวังได้รับการอุทิศให้เป็นสมบัติของประชาชนอิตาลีโดยพระเจ้าวิกเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3 ในปี ค.ศ. 1919 ปัจจุบันเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ และเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง มีงานสะสมต่าง ๆ นอกเหนือจากงานสะสมที่มาจากตระกูลเมดีชี 
ตัววังเดิมสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1458 และเดิมเป็นที่พำนักของลูกา ปิตตี (Luca Pitti) นายธนาคารชาวฟลอเรนซ์ ต่อมาวังก็ถูกตระกูลเมดีชีซื้อไปในปี ค.ศ. 1539 และกลายมาเป็นที่พำนักหลักของตระกูลแกรนด์ดุ๊กแห่งทัสกานี นอกจากนั้นก็ยังใช้เป็นที่สะสมงานศิลปะต่าง ๆ เป็นจำนวนมหาศาล
เครดิตข้อมูลจาก (https://th.wikipedia.org/wiki/วังปิตตี
ป้ายบอกทางไปยังจุดชมวิว สวนสาธารณะ Piazzale Michelangiolo
 และหลังจากที่ได้เดินชมวังปิตตีไปแล้วนะค่ะ
ก็ได้เวลาเดินเท้าไปต่อยังจุดชมวิวทิวทัศน์ของเมืองนี้แล้วค่ะ
ซึ่งจุดท่องเที่ยวถัดไปคือ สวนสาธารณะ Piazzale Michelangiolo
โดยเดินไปตามป้ายลูกศรบอกทางไปเรื่อยๆเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงนะค่ะ
เดินเท้ามาเรื่อยจากจากสะพาน ปอนเตเวคคิโอ ก็มาถึงบันใดทางขึ้นไปยังจุดชมวิว Piazzale Michelangiolo ซึ่งเป็นไฮไลท์ที่เหล่าคู่รักนิยมมาปักหลักถ่ายภาพและนั่งชมวิวเมืองฟลอเรนซ์ค่ะ
ส่วนบันใตขึ้นไปยังจุดชมวิวก็ได้ชันมากนัก มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
ขึ้นมาด้านบน จุดชมวิว Piazzale Michelangiolo จะเป็นลานกว้างๆ
ขึ้นมาด้านบนก็เป็นลานค่อนข้างกว้างใหญ่มากๆ มองเห็นวิวทิวทัศน์เมืองฟลอเรนซ์ได้อย่างสวยงาม
ท้องฟ้าแจ่มใส แดดค่อนข้างร้อนหน่อย แต่ก็ไม่มากนัก
มีประติมากรรมปูนปั้นที่ลานอีกด้วย
จุดชมวิว Piazzale Michelangiolo
และไฮไลท์อีกหนึ่งสิ่งก็คือ ที่จุดชมวิว Piazzale Michelangiolo แห่งนี้ ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามที่สุดอีกแห่งด้วยค่ะ
บริเวณสวนก็จัดตกแต่งไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ
สามารถมองเห็นมหาวิหารฟลอเรนซ์และแม่น้ำอาร์โน ซึ่งไหลคดเคี้ยวผ่านตัวเมืองอย่างสวยงาม
ซูมกล้องไปก็มองเห็นสะพาน พอนเตชิโอ้ อย่างสวยงาม
และเมื่อขึ้นมาบนจุดชมวิวนี้แล้ว ต้องไม่พลาดถ่ายรูปภาพไว้เป็นที่ระลึก เก็บไว้ดูยามแก่เฒ่า ว่าเคยมาเดินเนินเนาเมืองนี้แล้วนะ
หากเพื่อนๆหรือคู่รักคนใหนที่รักการท่องเที่ยวเดินชมเมืองแบบนี้ ก็ลองแบกเป้เดินทอดน่อง สะพายกล้องแนวๆโกโรโกโส สับปะรังเค มาเที่ยวดูสักครั้งนะค่ะ เพราะเมืองเค้าดูเก่า สวยงามคลาสสิคจริง
ใครที่ชอบถ่ายรูปหรือถ่ายภาพเก่งที่สวนสาธารณะบนจุดชมวิวแห่งนี้ก็มีมุมถ่ายภาพมากมายทีเดียว
 มีดอกม้งดอกไม้ และมุมนักพักผ่อนหลากหลายมุม
ณ ลานจุดชมวิวทิวทัศน์บนสวนสาธารณะ จุดชมวิว Piazzale Michelangiolo
 ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินมาเที่ยวกันวันนี้ก็ไม่ค่อยเยอะมากนัก
เนื่องจากยังไม่ใช่ช่วงพระอาทิตย์ตกดิน แต่วันที่มาเที่ยว เดี๊ยนก็เห็นรถทัวร์นำเที่ยวขึ้นมาบนนี้หลายคันเหมือนกันนะค่ะ
ของที่ระลึกจากเมืองฟลอเรนซ์
 มาสะดุดพบพีน๊อคคีโอของฝากประเมืองนี้ เห็นแล้วก็อยากได้
ในที่สุดก็สอยเสียตังซื้อมาจนได้ ซื้อไปฝากหลานที่บ้านล่ะกัน น่ารักดี ดินสอราคาไม่แพง ซื้อเป็นของที่ระลึก
และหลังจากที่ได้มาเดินชมวิวทิวทัศน์เมืองบนสวนสาธารณะ Piazzale Michelangelo แล้วนะค่ะ
ก็ได้เวลาที่ดิฉันจะต้องเดินทางกลับไปยังที่พักแล้วล่ะค่ะ
 ระหว่างทางก็เดินข้ามสะพานอาร์โน่ มองเห็นฝายน้ำล้นกันแม่น้ำอีกด้วย
เดินวกกลับมาที่เดิมตรงอาคารหอนาฬิกาเก่า
 เดินมาเหนื่อยๆ ก็ไปนั่งพักเมื่อยตรงบันใดทางเดินค่ะ
คิดว่าเสน่ห์อีกหนึ่งสิ่งของเมืองศิลปะแห่งนี้ คงเป็นร้านขายภาพวาดที่มีอยู่ทั่วเมือง และเป็นงานฝีมือล้วนๆ และรูปภาพก็สวยงามไม่เหมือนใครด้วย
บูทขายตั๋วรถไฟในเมืองฟลอเรนซ์ รอเข้าคิวเพื่อเสียค่าจองที่นั่ง
หลังจากที่ได้เดินชิคแอน์ชิล ไปเที่ยวทั้งเมืองปีซ่าและเมืองฟลอเรนซ์แล้วนะค่ะ
ดิฉันก็เดินกลับมายังโรงแรมที่พักเพื่อมาเอากระเป๋าที่ฝากไว้ จากนั้นก็เดินแบกเป้มาที่สถานีรถไฟ มาต่อคิวเข้าแถวรอเสียเงินค่าจองที่นั่งเพิ่ม
เสียค่าจองที่นั่ง 10 ยูโร นั่งรถไฟจากฟลอเรนซ์ไปยังกรุงโรม
โดยใช้บัตร Eurail Pass ยื่นแนบตอนซื้อตั๋วจองที่นั่ง ซึ่งราคาบัตรจองที่นั่งรถไฟจากเมืองฟลอเรนซ์ไปยังกรุงโรมอยู่ที่ 10 ยูโรตามภาพเลยจ้า
เมื่อได้ตั๋วเบอร์ที่นั่งแล้ว ก็มาขึ้นขบวนรถไฟเลยค่ะ
บนรถไฟขบวนที่จะไปกรุงโรม มีทีวางกระเป๋าด้านในให้ด้วย
 บนขบวนรถไฟมีน้ำกับขนมให้ทานด้วย แต่แซนวิชนี้ไม่ใช่นะค่ะ ดิฉันซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อในสถานีรถไฟค่ะ
ระหว่างทางจากเมืองฟลอเรนไปยังกรุงโรม ก็จะผ่านทุ่งนาข้าวสาลีและไร่องุ่นมากมาย ถือเป็นการบ๊ายบอกลาเมืองฟลอเรนซ์แล้วจ้า โอกาสหน้าฟ้าใหม่คงได้มาอีกนะ.....จบทริปรีวิวเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์และเมืองปีซ่าแบบสรุปจ้า


เดี่ยวตอนต่อไปจะมาเขียนรีวิวเที่ยวกรุงโรมต่อค่ะ สำหรับรีวิวทริปเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์และไปเยือนชมหอเอนปิซ่าสมใจอยาก ถือว่าตายตาหลับล่ะ เดี่ยวตอนต่อไปจะมาเขียนรีวิวเที่ยวกรุงโรมต่อค่ะ สำหรับรีวิวบล็อกท่องเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์ ก็ขอจบเพียงเท่านี้ค่ะ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆคนที่แวะมาสุขล้นสไลด์ดูภาพกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ...
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
----------------------------------------------------------------------
บทความอื่นๆและรีวิวท่องเที่ยวไปเรื่อยเปื่อยตามเมืองต่างๆ มีดังนี้ค่ะ 
รวมเด็ด 9 ที่เที่ยวยอดนิยมในประเทศอิตาลี ที่คนชอบหนีไปเที่ยว คลิ๊กดูข้อมูลค่ะ>>
แนะนำ 9 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอิตาลี ที่คนชอบหนีกันไปถ่ายรูปสักครั้ง มีที่ใหนบ้างนะ คลิ๊กดูข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวพาเที่ยวเมืองเชสกี้ กรุมลอฟ ไปดูสิว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง>>
ท่องโลกกว้าง แบ่งปันรีวิวแบกเป้เที่ยวเมืองเชสกี้ กรุมลอฟ ชมเมืองเก่ามรดกโลก มีที่เที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปชมกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>> 
รีวิวแบกเป้เที่ยวกรุงปรากแบบง่ายๆ เดินทางได้ด้วยตัวเอง ตามไปดูที่เที่ยวกันค่ะ>>
แบ่งปันรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวกรุงปราก เดินจนขาลาก กระชากใจเว่อร์ มีสถานที่ท่องเที่ยวเลิศเลออะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรีวิวภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
แบ่งปันรีวิวแบกเป้เที่ยวเมืองเบอร์โน่ด้วยตัวเอง มีสถานทีท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูสิ>>
รีวิวเที่ยวเมืองเบอร์โน่ (Brno city) อีกหนึ่งเมืองเก่าแก่สวยงาม ที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวภาพที่เที่ยว>>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวระนอง ลองแช่น้ำแร่ เช่ารถแลชมที่เที่ยวต่างๆ ตามไปกันเลย>>
มาม๊ะ..มารีวิวเที่ยวเมืองระนอง ลองไปแช่น้ำแร่ เช่ารถนั่งแลชมทะเลสวยๆ และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ตามไปกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>

แบ่งปันรีวิวนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองบราติสลาวา 1 วัน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง>>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเมืองบราติสลาวา เมืองหลวงประเทศสโลวาเกีย มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปเที่ยวชมดูสักครั้งสิ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
รีวิวเที่ยวกรุงบูดาเปสต์ 1 วัน ไป-กลับ ขยับเท้าเดินชมสถานที่เที่ยวต่างๆ มีอะไรบ้าง>>>
เก็บตก รีวิวเที่ยวฮังการี เดินฉิมพลีชมกรุงบูดาเปส์แห่งนี้ มีที่เที่ยวอะไรให้ชื่นชมกันอีกบ้าง ตามไปเที่ยวชมกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>

แบกเป้เที่ยวกรุงเวียนนาด้วยตัวเอง มีที่เที่ยวจุดถ่ายรูปอะไรบ้าง ตามไปกันเลย>>
แบ่งปันทริปเที่ยวกรุงเวียนนาด้วยตัวเองง่ายๆ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้เริงสุขสันต์กันบ้าง ตามไปชมกันเลย คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>
รีวิวพาเที่ยวชมพระราชวังเดิม เติมความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลยจ้า คลิ๊กดูที่เที่ยว>>
เก็บตกวันหยุด พารีวิวเที่ยวชมพระราชวังเดิม เติมความรู้ไทยๆ มีอะไรให้ชมบ้างในโบราณสถานแห่งนี้ คลิ๊กดูรายละเอียดและการเดินทางค่ะ>>>

เที่ยวนครนายกไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวไปทั่วได้ด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิว>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวนครนายก ไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวไปทั่วได้ใน 1 วันแบบชิลๆ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวจ้า>>> 
รีวิวเที่ยวงานแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช นอนตากอากาศที่คีรีวง คลิ๊กดูรีวิว>>
รีวิวพาคุณแม่แห่ผ้าขึ้นธาตุเมืองนคร นอนที่บ้านคีรีวง ชมวิถีชาวประมงที่ปากพนัง ต้องมาเที่ยวอีกครั้งให้ได้เลยเชียว คลิ๊กดูภาพที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวในเมืองเพชรบูรณ์ แบบช้าๆ มีที่เที่ยวให้ลั๊ลลามากมาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองเพชรบูรณ์ 1 วันแบบช้าๆ ในตัวเมืองมีที่เที่ยวลั๊ลลามากมาย ต้องแวะไปให้ได้สักครั้งครา คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว เที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสชาติแซ่บๆกันจ้า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 1 มาเด้อ..มาเที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสแซ่บอีหลี แสนสุขขีแวะทำบุญสุนทาน ร้าวรานจับใจ มาเที่ยวกันได้เลย คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>>
แบ่งปันการเดินทางในเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดจ้า>>
รีวิวแบกเป้ตอนที่ 25 แบ่งปันวิธีการเดินทางเที่ยวเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองมาฝาก ไม่ยากเลยจ้า ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะคะ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2p5eQZf
รีวิวตอนที่ 23 เมื่อฉันต้องนั่งเรือเฟอรี่จากอิตาลีไปกรีซครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 23 ขอแบ่งปันประสบการณ์ วิธีการเดินทางนั่งเรือเฟอรี่จากอิตาลี ข้ามไปยังประเทศกรีซด้วยตัวเองมาฝากคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Q4tkEC
รีวิวตอนที่ 22 แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเมือง Sorrento คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 22 แวะทอดน่องที่เมืองซอเรนโต้ยามเย็น เดินเล่นแบชิลๆ มาดูสิว่าเมืองนี้มีวิวอะไรให้ชมบ้างนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2C4PTGF
รีวิวตอนที่ 21 ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเนเปิล-เมืองมรณะปอมเปอี คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 21 แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวซากเมืองมรณะปอมเปอี เมืองนี้ไงที่โดนระเบิดภูเขาไฟฝั่งคนไว้ทั้งเป็น ต้องแวะไปชมให้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งสิ คลิ๊กดูรายเอียดรีวิวค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2oiNldZ
รีวิวตอนที่ 20 เที่ยวกรุงโรม ไปจู่โจมอาณาจักรโรมันสักครั้งสิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 20 แบกเป้เที่ยวกรุงโรม แวะไปจู่โจมอาณาจักรโรมัน มีที่เที่ยวอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2BI8ckL
รีวิวตอนที่ 18 แบกเป้ลุยเดี่ยวเมืองเวนิชครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 18 เที่ยวเมืองเวนิช นอนแนบชิดติดริมน้ำ เดินตามหาของกินอร่อยในซอกซอยเล็กๆ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2KQvnsh
รีวิวตอนที่ 17 แบกเป้ไปเที่ยวเมืองมิลาน มีอะไรให้ชมบ้างนะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ขยันลุยเดี่ยว ตอนที่ 17 นั่งรถไฟข้ามพรมแดนมาเริ่ดสะแมนแตนที่เมืองมิลาน มาดูมีที่เที่ยวใหนให้ยลตระการบ้าง คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2AWC1xk
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 16 ไปเดินลั๊ลลาไปชมน้ำตกไรน์-ซูริค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว ตอนที่ 16 มาเดินชิคๆชมวิวเมืองซูริค นั่งรถไฟกุ๊กกิ๊กไปดูน้ำตกไรน์ น้ำใสสวยสด งดงามอร่ามตา คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2MiG5cz
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 13 วิธีการเดินทางไปจุงเฟราด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวยุโรป ตอนที่ 13 แบ่งปันรีวิววิธีการเดินทางไปพิชิตเขาจุงเฟราด้วยตัวเองมาฝากจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2LHckBV
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 10 เยือนสวิตเซอร์แลนด์ เจนีวา-โลซาน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ตอนที่ 10 แวะเมืองเจนีวา-โลซาน ยลตระการศาลาไทย ตามรอยในหลวง คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2N0X57i
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 9 เดินชมเมืองลียง ชมอัสดงที่เขาฟูรวิแยร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวยุโรปตอนที่ 9 แวะชมเมืองลียง เดินชมดงย่านชุมชนเก่า คลอเคล้าตามสายแม่น้ำ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2NyWRFA
เที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะนั่งพักตากอากาศริมหาดที่เมืองนีซ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะเดินชิลๆที่เมืองนีซ ชมเมืองพักตากอากาศอันเลื่องชื่อนี้ดูสักครั้งสิ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/dLDKAX
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 4 เดินเร้าฤดีฉิมพลีเสน่ห์เมืองมาร์เซย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 4 เดินฉิมพลีแวะเมืองมาร์กเซย์ นั่งรถไฟฮาเฮไปชมยอดมหาวิหาร งดงามอลังการแปลกตาดีจัง คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/Bxaq9X
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 3 เดินชิลๆดูวิวเมืองปารีส&ช๊อปปิ้ง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
 รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 3 แวะดูตามแผนที่ เดินฉิมพลีช๊อปปิ้งเมืองปารีสวันสุดท้าย ก่อนนั่งรถไฟไปเมืองมาเซย์ คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวค่ะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/XCFzYC
รีิวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลังครั้งวันวาน งามอลังการยิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพและรีวิวบทความค่ะ>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/7ZB3pt

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น