บล็อกรีวิวทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ตอนที่ 10 แวะชมเมืองเจนีวา นอนลั๊ลลาที่เมืองโลซาน ยลตระการศาลาไทย |
และสำหรับบทความในวันนี้ ดิฉันเองขอมาเขียนรีวิวพาเพื่อนไปเที่ยวกันต่อคะ หลังจากที่ 9 ตอนที่แล้ว (ตามเว็ปบล็อกลิงค์ : https://bit.ly/2NyWRFA)ได้แบกเป้ตะลอนเที่ยวประเทศฝรั่งเหนือ จรดฝรั่งตอนใต้ แวะเดินพร่างพรายชมทะเลเมดิเตอร์เนียนกันมาแล้ว มาตอนที่ 10 นี้ก็ข้ามพรมแดนจากเมืองน้ำหอม มาเดินตรอมตรมให้สุขสมอุราต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อีกหนึ่งประเทศที่ดิฉันปักหมุดวางไว้ว่า ยังไงก็ต้องมาเที่ยวให้ได้ครั้งค่ะ เพราะรายลอมไปด้วยธรรมชาติและขุนเขารวมทั้งทะเลสาบ น้อยใหญ่ แถมยังงามวิไลไปด้วยยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปี มีทัศนีภาพที่สวยงาม รวมทั้งประวัติศาสตร์ บ้านม่านชานเรือน เมืองเก่าแก่ ถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์กับประเทศไทยมาช้านาน รวมทั้งเป็นถิ่นที่ประทับของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งทรงพระเยาว์อีกด้วย
จากแต่ก่อนที่ดิฉันเคยได้แต่ดูภาพที่เที่ยวประเทศนี้จากนิตยสารและอินเตอร์ ในที่สุดก็ได้นำพาตัวเองมาเยือนประเทศนี้สักทีค่ะ ดิฉันก็รู้สึกว่าตัวเองเก็บสตางค์วนไปวนมาเกือบครึ่งค่อนชีวิต แต่จนแล้วจนเล่า ก็ไม่ได้มาสักที เอาว่ะ...ครั้งนี้เลยตัดสินใจ ใหนๆก็แบกเป้มาเที่ยวยุโรปทั้งที เลยขอแวะเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์สักครั้ง
แผนการเดินทางด้วยรถไฟจากเมืองลียงประเทศฝรั่งเศส ข้ามพรมแดนมายังเมืองเจนีวา และไปพักค้างที่เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ |
จริงๆแล้ววางแผนจะพักค้างที่เมืองเจนีวานะค่ะ แต่ว่าโรงแรมราคาถูกที่เจนนีวา ห้องพักเต็มเหลือแต่โรงแรมราคาแพงๆ ดิฉันเลยตัดสินใจเลือกมาพักที่เมืองโลซานแทน และก็ไม่ผิดหวัง เพราะเป็นเมืองที่สวยงาม เงียบสงบ และอีกอย่างคือจะแวะมาเที่ยวชมศาลาไทย ซึ่งหากเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนจะแวะมาเที่ยวเมืองโลซานน์ ยังไงก็ไม่พลาดที่จะแวะมาถ่ายรูปเดินชมศาลาไทยในสวนสาธารณะ ติดริมทะเลสาบเลม็อง หรือทะเลสาบเจนีวา
ต่อจากบทความรีวิวตอนที่ 9 ดูที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2NyWRFA
ก่อนจะเข้าสู่ภาพรีวิวเที่ยวชมเมืองต่างๆ เรามารู้จักเมืองโลซานกันก่อนนะคะ มาอ่านกันดูเป็นความรู้เปิดโลกกว้างคะ
เกี่ยวกับเมืองโลซาน (Lausanne) อ่านดูเป็นความรู้สักนิด |
เมืองโลซาน (ฝรั่งเศส: Lausanne) เป็นเมืองในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ผู้คนในเมืองใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบเจนีวา โดยติดกับเมืองเอวีย็อง-เล-แบ็งของประเทศฝรั่งเศส โลซานเป็นเมืองหลวงของรัฐโว และตั้งอยู่ห่างจากเมืองเจนีวาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 กิโลเมตร มีประชากร 135,629 คน โดยเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีทิวทัศน์ของธรรมชาติที่สวยงาม โดยโอบล้อมไปด้วยทะเลสาบเจนีวาและหุบเขาน้อยใหญ บรรยากาศดี เงียบสงบ และมีความคลาสสิคจากการเป็นเมืองเก่าที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี และในแต่ละปีก็มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเมืองนี้ค่อนข้างมาก
และครั้งหนึ่งเมืองนี้ยังเคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 รัชกาลที่ 9 รวมทั้งสมเด็จย่าและสมเด็จพระนี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนาฯ อีกด้วย
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มขึ้นเมื่อใด?
โดยเริ่มต้นเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป โดยได้เสด็จประพาสสวิตเซอร์แลนด์ทั้งสองครั้งในปี พ.ศ. 2440 และ พ.ศ. 2450 ต่อมาทั้งสองประเทศได้ลงนามย่อในสนธิสัญญาไมตรีและการค้าระหว่างไทยและสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2474 ณ กรุงโตเกียว ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งสองประเทศจึงได้ถือให้วันดังกล่าวเป็นวันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ทั้งนี้ การลงนามสนธิสัญญาฯ ดังกล่าวได้มีขึ้นในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2474 ดังนั้นในปี พ.ศ. 2554 ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสวิตเซอร์แลนด์จึงจะมีวาระครบ 80 ปี ซึ่งตลอดช่วงเวลาเหล่านี้มีความราบรื่นตลอดมา และรัฐบาลทั้งสองประเทศจะเฉลิมฉลองวาระที่น่ายินดีเช่นนี้ต่อไป
ราชสกุลมหิดล |
ต่อมาในปี 2478 สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ได้โดยเสด็จพระราชดำเนินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นิวัติประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2481 แล้วเสด็จกลับไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กระทั่งปี พ.ศ. 2488 จึงโดยเสด็จพระราชดำเนินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นิวัติประเทศไทยเป็นครั้งที่สอง
พระตำหนักวิลล่าวัฒนา ณ เมืองโลซานในอดีต |
ระหว่างที่ประทับศึกษาอยู่ในต่างประเทศนั้น ทรงพบกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ และหม่อมหลวงบัว (สนิทวงศ์) กิติยากร และต่อมาได้ทรงหมั้นกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ครั้นปีพ.ศ. 2493 เสด็จพระราชดำเนินนิวัติพระนครและโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมในปีเดียวกัน หลังจากนั้นจึงได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงรักษาสุขภาพ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตามที่คณะแพทย์ได้ถวายคำแนะนำ และระหว่างที่ประทับรักษาพระองค์อยู่นั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี มีพระประสูติกาลพระราชธิดาพระองค์แรกคือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ซึ่งประสูติ ณ โรงพยาบาลมองซัวซีส์ (Clinique de Montchoisi) เมืองโลซานน์ เมื่อวันที่ 4 เมษายนพ.ศ. 2494 และเมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์แรกเจริญพระชันษาได้ 7 เดือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนินนิวัติประเทศไทยเป็นการถาวรหลังจากทรงประทับพร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2476 ถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2494 รวม 18 ปี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถเมื่อครั้งเยือนสวิตเซอร์แลนด์ ปี พ.ศ.2503 |
ด้วยสายสัมพันธ์ทางจิตใจที่ประชาชนชาวไทยมีให้กับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเคยเป็นสถานที่ประทับของหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ผู้ทรงสถิตอยู่ในใจคนไทยทั้งแผ่นดิน และด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสมาพันธรัฐสวิสที่จะมีวาระครบปีที่ 80 ใน พ.ศ.2554 นี้ ความสัมพันธ์ทั้งระหว่างชาวไทยและชาวสวิส และระหว่างรัฐต่อรัฐย่อมดำเนินไปอย่างราบรื่นและแนบแน่นยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะความผูกพันทางจิตใจอันมีรากฐานที่แนบแน่น ย่อมนำไปสู่มิตรภาพที่ยั่งยืน
เครดิตข้อมูลสาระน่ารู้จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น : http://www.thaiembassy.ch/Relation
และ https://th.wikipedia.org/wiki/โลซาน
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองโลซาน ที่น่าสนใจมีที่ใหนบ้าง (Lausanne Tourist Attraction Place)
- มหาวิหารโลซานน์ (Lausanne Cathedral)
- พิพิธภัณฑ์โอลิมปิก(Olympic Museum)
- ศาลาไทย สวนสาธารณะเดอน็องตู
- ท่าเรืออุชชี่ จุดแวะพักชมทะเลสาบเลอมอง
- ย่านเมืองเก่า
- Escallier du Marche and Place de la palud
หลังจากได้รู้ข้อมูลสาระเบื้องต้นมาแล้ว ดิฉันก็ขอมาร่ายรีวิวตามภาพสถานที่ท่องเที่ยวให้เพื่อนๆได้ดูกันเลย บอกก่อน รูปภาพอาจไม่สวย มืดบ้าง สว่างบ้างนะค่ะ เพราะไม่ได้แต่งเติมดึงสีประการใด และอีกอย่างวันที่ไปเที่ยวทั้งเมืองโลซาน และเจนีวา ฝนก็ตกฟ้ามืดครึ้มทั้งวันเลย
เช้านี้อยู่ที่โรงแรม โรงแรมโลซานเกสต์เฮ้าส์ แบ็คแพ็คเกอร์ (Lausanne Guesthouse & Backpacker) |
ห้องพักสไตล์โฮสเทล ห้องนอนรวม ห้องน้ำรวม แต่โดยรวมโอเคเลยนะ |
ล็อบบี้ Space Area ใน เช้านี้อยู่ที่โรงแรม โรงแรมโลซานเกสต์เฮ้าส์ แบ็คแพ็คเกอร์ (Lausanne Guesthouse & Backpacker) |
อาหารเช้ามื้อนี้ก็ไม่ได้จรลี ฉิมพลีไปใหน แวะกระซวกทานสลัดแต่เช้า รสชาติไฉไลพอประทังท้องไปวัดไปวาได้อยู่นะ |
ล็อบบี้ที่โรงแรม ดูกว้างขวาง ตกแต่งเก๋ดีนะ นั่งได้หลายมุมเลย
ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่นี้ ลองเข้าไปดูข้อมูลได้ที่ : โรงแรม Lausanne Guesthouse & Backpacker
ได้เวลา Check out ออกจากที่พักแล้วค่ะ และก็ฝากกระเป๋าเป้ใบไว้ที่โรงแรมได้ด้วย |
อย่าลืม พกบัตร Mobillis ไปด้วยนะ เพราะสามารถนำไปใช้ในการขึ้นรถโดยสารสาธารณะในเมืองโลซานได้ฟรี |
ด้านหลังบัตร ทางโรงแรมก็จะเขียนชื่อของเรา วันที่เริ่มใช้ และวันหมดอายุให้ด้วยค่ะ |
ทีนี้พอเวลาเราจะเดินทางไปใหน ก็แค่แสดงบัตรนี้ตอนขึ้นรถสาธารณะ ก็ไปเที่ยวได้ทั่วเมืองแล้วจ้า
*ยังไงหากเพื่อนคนใหนที่แวะมาพักค้างแรมในเมืองโลซาน หรือมาเที่ยวท่องเที่ยวสำคัญในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็จะได้บัตรโดยสารเริ่ดสะแมนแตนแบบนี้มาจ้า...อย่าลืมทวงกับโรงแรมนะค่ะ ถ้ามาเที่ยวสวิตว่ามีให้ใหม๊?
ด้านนอกที่พักก็มีลานสวนหย่อมให้นั่งพักได้ด้วย
ดอกกุหลาบกลิ่นหอมรัญจวนใจมากๆ อยากกระชากมาเด็ดดอมดมให้สมอุราเสียจริง
แผนการเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้รวม 26 วัน เริ่มต้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สิ้นสุดที่เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ |
หลังจากที่ไดั Check out ออกจากที่พักเรียบร้อย ก็ได้เวลาออกมาได้อ้อยสร้อยไปเที่ยวแล้วจ้า |
บรรยากาศเช้านี้ ท้องฟ้ามืดครึ้มไม่ค่อยแจ่มใสนัก มีฝนโปรยหน่อยๆ น่าจะตกทั้งวันเลยค่ะ |
อย่าลืมสมุดแนะนำข้อมูลท่องเที่ยว หยิบมาจากที่พักด้วยก็ดี เพราะมีหลายฉบับเลย จะได้ดูว่าเมืองโลซานมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง |
แผนที่เดินทางดวยรถสาธาณะในเมืองโลซาน ไม่ว่าจะเป็นรถทรัม หรือรถเมลล์ (Travel with Public Transport) |
ระหว่างเดินออกมาจากที่พักไม่ไกลนัก ก็ผ่านร้านขายขนมปัง
เนื่องจากเมื่อเช้าทานสลัดผักไป ยังไม่อิ่มเลยค่ะ เลยจัดแซนวิชแข็งปั๊กสไตล์ฝรั่งเศสทานอีกสักอันนึง รสชาติอร่อยดี แต่กัดทีฟันแทบหักร่วงหมดปากเลยล่ะ |
นั่งทานแซนวิชกับชาจนอิ่มได้เวลาออกไปเที่ยวชมเมืองต่อค่ะ
ทานอาหารอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินเที่ยวชมเมืองค่ะ เดินและก็เดิน เป็นการออกกำลังกายที่ช้าและดีที่สุด |
หากไม่เดินก็นั่งรถได้นะ แต่เดี๊ยนเลือกที่จะเดินค่ะ เพราะจะได้ออกกำลังกาย เดินสโลว์ไลฟ์ชมเมืองไปเรื่อยเปื่อยนะคะ |
แต่อย่าลืมพกมือถือเปิด GPS มาด้วยนะ จะได้ไม่หลงทางคะ ลำพังเปิดแผนที่ยังไงก็ต้องหลงแน่ๆ แต่ถ้ามีเน็ตก็จะช่วยเบิกเนตรนำทางไม่ให้เราหลงทางได้เยอะเลย เดินมาผ่านร้านขายเครื่องดื่มชากาแฟ ริมทาง ร้านดูเก๋ น่านั่งทานมาก แต่เสียดาย พึ่งจะกินมื้อเช้าไป
ระหว่างเดินเท้าตามทางฟุตบาทถนน Avenue d'Ouchy ข้ามทางม้าลายไปยังทะเลสาบเลอม็อง (ทะเลสาบเจนนีวา) ก็ผ่านโรงแรมรอยัลซาวอย Royal Savoy ซึ่งเป็นที่พักหรูหรา ราคาแพงเว่อร์ด้วยนะค่ะ
เดินผ่านตึกรางบ้านช่อง ดูสวยงาม สีโทนพาสเทลไม่ฉูดฉาดนัก เป็นระเบียบร้อยเรียบและเรียบร้อยสะอาดสะอ้านสบายตา มีสายรถรางไฟฟ้าเชื่อมโยง ห้อยระโตงระเตงไปตามท้องถนน
ดิฉันเปิด GPS ในมือถือเดินมาเรื่อยๆตามเส้นทางถนน Avenue d'Ouchy ก็ใกล้ถึงทะเลสาบแล้วค่ะ
ผ่านร้านขายของที่ระลึกให้ได้ระทึกหัวใจด้วย |
ของที่ระลึกประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตุ๊กตาตัวน่ารักมุ้งมิ่งสวิงริงโก้มากๆ |
เห็นแล้วก็อยากได้มากๆ แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจ เอาไว้มีตังเยอะกว่านี้ก่อนนะ ค่อยแอดไลน์ร้าน แล้วสั่งซื้ออีกที ตอนนี้ก็เที่ยวแบบโกโรโกโสไปก่อนนะ
นาฬิกาของสวยเป็นของฝากขึ้นชื่อที่นี้ด้วย |
ตุ๊กตาเซรามิกรูปวัว ก็น่าซื้อไปเป็นของที่ระลึกมากๆ
โอ้ย..เดี๊ยนเห็นตุ๊กตาแต่ละตัวแล้ว อยากจะเหมาซื้อหมดทั้งตู้เลย เพราะมันน่ารักมากๆ แต่ราคาก็กระชากใจเว่อร์เหมือนกันเนอะ...เฮ้กเฮ่กๆ
เดินมาจุดท่องเที่ยวแรกหากมาเที่ยวโลซาน ต้องเดินชมทะเลสาบเลอม็อง หรือทะเลสาบเจนีวา |
เดินข้ามทางม้าลายไปอีกหน่อย
ผ่านร้านอาหารและโรงแรมตกแต่งแนวๆชิคๆสไตล์บูติค วินเทจเก๋ๆด้วยนะคะ
ถึงแล้วค่ะ ทะเลสาบเลม็อง หรือทะเลสาบเจนีวา ในเมืองโลซาน บรรยากาศเงียบสงบ ท้องฟ้ามืดครึ้ม ดูเหงาๆเคล้าๆความหวิวๆ |
บรรยากาศสวยงามสมคำล่ำลือ แต่ถ้าท้องฟ้าเปิด มีแดด คงจะงดงามอร่ามจับตาคณานับกว่านี้มากนะคะ แต่บรรยากาศฟ้ามืดครึมแบบนี้ ก็สวยงามดูเคว้งคว้างไปอีกแบบนะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับทะเลสาบเลม็อง (ทะเลสาบเจนีวา)
ทะเลสาบเจนีวา (อังกฤษ: Lake Geneva) ภาษาฝรั่งเศสเรียกทะเลนี้ว่า ทะเลสาบเลมอง (Lac Léman) โดยทะเลสาบ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์และมีบางส่วนอยู่ในเขตประเทศฝรั่งเศส มีพื้นที่ 582 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของทวีปยุโรปกลางรองจากทะเลสาบบาลาต้นในประเทศฮังการี เป็นที่ตั้งของเมืองสำคัญคือเมืองเจนีวาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
โดยทะเลสาบเจนีวา มีชื่อในภาษาฝรั่งเศสว่า ทะเลสาบเลม็อง (Lac Léman)
สาระน่ารู้จาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ทะเลสาบเจนีวา
มองไปที่มุมเมืองก็เป็นเห็นโรงแรมหรูอยู่ตรงหน้า แต่ติดกับทะเลสาบ น่าจะราคาแพงพอสมควรค่ะ
เรือขนาดเล็กจอดลอยลำอยู่กลางทะเลสาบ
มีนกเป็ดน้ำกำลังแหวกว่ายออกหากินหมู่ปลาที่วังมัจฉาแห่งนี้
มีคุณลุงใจดีกำลังสุขขี ดลฤดีกับเจ้าตูบน้อยกลอยใจ ดูน่ารักสดใสฟรุ้งฟริ้งเชียว |
หันกล้องมาอีกที ก็เห็นหนูน้อยหน้าใส วัยกำลังสน กำลังสุขล้นดลใจไปกับม้าโยก กระโชกโหกฮ้าก กระชากใจเว่อร์อยู่ด้วย |
เดินมาอีกนิดก็จะเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมใกล้ๆกับท่าเรือ ทิวทัศน์สวยงามตามสไตล์สวิซเซอร์แลนด์ แดนธรรมชาติ อากาศดีเริ่ดเว่อร์จ้า
หนูน้อยน่ารักกำลังคึกคักกับการปั่นจักรยานอยู่ ดูแล้วจุ๊กกรูน่าชังซ่ะจริงๆเชียว
อากาศเย็นดีอยู่นะ 18 องศา ช่ะช่ะช่าหัวใจ |
มองไปทางฝั่งเมือง ทิวทัศน์ก็สวยงาม บ้านม่านชานเรือนดูสะอาดสะอ้านสบายตา
ถึงแล้วค่ะ ทะเลสาบเลม็อง หรือทะเลสาบเจนีวา ในเมืองโลซาน บรรยากาศเงียบสงบ ท้องฟ้ามืดครึ้ม ดูเหงาๆเคล้าๆความหวิวๆ |
ถ้าหากเดินมาเหนื่อย เมื่อยก็นั่งพักชมวิวทะเลสาบก่อนได้ค่ะ อากาศดีใช่ได้ทีเดียว |
ทะเลสาบเจน
แม้ฟ้าจะมืดครึม แต่การท่องเที่ยวก็คึกคัก เพราะมองก็เห็นเรือให้บริการนักท่องเที่ยว ลอยละล่องแล่นชมบรรยากาศอันสวยงามของทะเลสาบเลอม็องแห่งนี้
เรือจอดเทียบท่าอยู่กลางทะเลสาบ ดูเหวงๆ เคว้งคว้างยังไงชอบกล
ดอกม้ง ดอกไม้ก็บานสะพรั่งรับฤดูกาลใหม่ |
ไม่รู้ดอกไม้อะไร ไม่มีกลิ่น แต่กำลังเบ่งบานสะพรั่ง รับพลังฤดูกาลใหม่ในเดือนพฤษภาสุดลั๊ลลานี้
มวลบุปผาช่อฟ้าผกาสดใส ริมทางเดิน ดูแล้วก็เพลิดเพลินใจยิ่งนักแล
เพราะบางดอกไม้บางสายพันธ์ก็ไม่ค่อยพบเห็นในเมืองไทยเรานัก แต่พอมาที่นี้ค่อนข้างจะสวยงามแปลกตา ช่ะช่ะช่าหัวใจเหลือเกิน
นอกจากนี้จากนี้ยังมีหงส์สีขาว พราวเสน่ห์มากมาย กำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเลสายอีกด้วยค่ะ
ตอนแรก ดิฉันก็บอกหาหงส์อยู่นะ ว่าหงส์หายไปใหน ปกติถ้าเมืองอากาศเย็นๆแบบนี้ น่าจะมีหงส์ พอเดินมามุมนี้ เห็นหมู่หงส์ กำลังเริงรมกันอยู่หลายตัวเชียว มีคนให้อาหารด้วยนะ
แวะเดินพักชมวิวที่ท่าเรือทะเลสาบเลอม็อง |
แวะเดินพักชมวิวที่ท่าเรือทะเลสาบเลอม็อง |
เดินเท้าต่อไปอีกหน่อย |
เดินเลียบถนนริมทะเลสาบมาอีกนิดประมาณ 200 เมตรตามป้ายบอกทาง ก็จะเป็นเส้นทางไปพิพิธภัณฑ์โอลิมปิคคะ
เดินมาถึงแล้วค่ะ พิพิธภัณฑ์โอลิมปิค เป็นอึกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองโลซาน
เดินมาถึงแล้วค่ะ พิพิธภัณฑ์โอลิมปิค อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวของกีฬาโอลิปปิคตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบัน |
ตอนที่ดิฉันไปไปเที่ยวก็ไม่ได้แวะขึ้นไปชมด้านในพิพิธภัณฑ์คะ
เพราะเนื่องจากด้วยเกรงจะใช้เวลานาน ก็เลยได้แต่ถ่ายรูปด้านนอก ชมแบบผ่านๆไป
เดินมาถึงแล้วค่ะ พิพิธภัณฑ์โอลิมปิค อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวของกีฬาโอลิปปิคตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบัน |
ดูหุ่นปูนปั้นตัวนี้สิ มือก็ขาด อาจู๋ก็โดนตัดขาดอีก ไม่รู้ใครตัดไป หากใครตัดไป ยังไงเอามาต่อคืนให้ด้วยนะคะ |
และจากพิพิธภัณฑ์โอลิมปิคเดินอีกประมาณ 100 เมตรก็จะถึงสวนสาธารณะเดอน็องตู |
ถึงแล้วค่ะสวนสาธารณะเดอน็องตู
เดินเข้ามาสวนสาธารณะเดอน็องตูก็ถึงแล้วค่ะ ศาลาไทยอันสวยงาม |
ศาลาไทย (Le Pavillon Thailandais) สวนสาธารณะเดอน็องตู เมืองโลซานน์ |
เกี่ยวกับศาลาไทย ณ เมืองโลซานน์ อ่านดูเป็นความรู้กันค่ะ
เนื่องจากหลายหลายเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชดำเนินขึ้นที่เมืองโลซานน์ กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น จึงเลือกเมืองแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งศาลาไทย ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีและเป็นที่ระลึกในโอกาสครบรอบ 75 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสมาพันธรัฐสวิสในปีพ.ศ. 2549
ศาลาไทย (Le Pavillon Thailandais) สวนสาธารณะเดอน็องตู เมืองโลซานน์ |
ศาลาไทยหลังนี้เป็นศาลาไม้แบบจัตุรมุขคือ มีหน้าจั่วสี่ด้าน ขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 6 เมตร สูง 16 เมตร น้ำหนักเฉพาะตัวศาลาอยู่ที่ประมาณ 27 ตัน ก่อสร้างด้วยไม้ตะเคียนและไม้สักตามลักษณะการก่อสร้างงานสถาปัตยกรรมไทยแบบโบราณ ประดับตกแต่งด้วยเครื่องลำยองคือ ช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง หางหงส์
โดยทั้งนี้เทศบาลเมืองโลซานน์รับผิดชอบงานปรับพื้นที่และภูมิทัศน์ การติดตั้งกล้องวงจรปิด เครื่องตรวจจับควันไฟ ระบบแสงและไฟฟ้า และการดูแลศาลาไทยภายหลังการก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว กระทั่งเมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ.2550 จึงเปิดให้สาธารณชนได้ชื่นชม โดยเฉพาะในช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ศาลาไทยได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งของเมืองโลซานน์ให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
หน้าบันประดิษฐานพระราชลัญจรกร ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วย |
และสิ่งที่นำความปลาบปลื้มใจมาสู่พสกนิกรชาวไทยที่อาศัยอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์คือ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังเมืองโลซานน์เป็นการส่วนพระองค์เพื่อทรงประกอบพิธีเปิดศาลาไทยอย่างเป็นทางการ คนไทยที่เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทจึงได้ชื่นชมพระบารมีของพระองค์ท่านด้วยความปีติยินดี
เครดิตข้อมูลดีๆอ่านต่อได้ที่ : http://www.thaiembassy.ch/Content/Embassy/84.html
มองไปตรงเพดาน กับประดับประดาด้วยโคมไฟตามสไตล์ไทยแท้ ผุดผ่องเป็นสีทองเรืองรองเป็นยองใย สว่างสดใสแพรวพราวสกาวรุ่งโรจน์ยิ่งนักเชียว
มีนักท่องเที่ยวต่างชาติแวะมาถ่ายรูปด้วยนะคะ
แม้ฝนจะตกลงมาปรอยๆก็ตาม
ในสวนก็เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวชะอุ่ม ชุ่มชื่นรื่นฤทัยมากค่ะ
บรรยากาศภายในสวนสาธารณะเดอน็องตู เมืองโลซานน์ |
นั่งรถเมลล์สาย 8 จากสวนสาธารณะเล็อนองตู เดินทางไปย่านใจกลางเมือง |
ตอนขึ้นรถเมลล์ก็งงๆ ว่าจะใช่รถเมลล์คันเดียวที่จะผ่านไปหรือเปล่า ก็เลยถามคนในที่จะขึ้นมาด้วย โชคดีที่คุณพี่เค้าพูดภาษาอังกฤษได้ ก็แนะนำไว้ใช่คันเดียวกันคะ
อย่าลืมถือบัตรไว้ด้วยนะค่ะ เผื่อมีเจ้าหน้าที่มาตรวจ |
บนรถเมลล์สาย 8 ก็มีจอมอนิเตอร์บอกป้ายด้วยนะคะ เริ่ดมากๆ |
ลงจากก็เดินต่อมาจะเห็นตลาด
โบสถ์โปรเตสแตนท์ L'Esprit Saint |
แผงขายดอกไม้สดในเมือง ดอกไม้สวยๆทั้งนั้นเลยนะ |
ดอกไม้แต่ละดอกก็สวยงามมากๆ
บรรยากาศในย่านตัวเมืองก็คึกคักอยู่นะค่ะ
จุดมุ่งหมายของสถานที่ท่องเที่ยวถัดไปก็คือ มหาวิหารโลซาน
ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ เมื่อมาเยือนเมืองนี้ เนื่องจากเป็นจุดชมวิวเมืองที่สวยงามอีกแห่งด้วย
เดินไปก็ขึ้นลงเนิ่น ชมเมืองแบบเพลินๆไปเรื่อยๆคะ
เดินมาแป็บเดียวก็ถึง มหาวิหารโลซาน (Cathedral de Lausanne) |
เกี่ยวกับ มหาวิหารโลซาน (Cathedral de Lausanne) |
อาสนวิหารโลซาน (Cathédrale de Lausanne) หรือชื่อเต็มคือ อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งโลซาน (ฝรั่งเศส: Cathédrale Notre-Dame de Lausanne) เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ระดับอาสนวิหารประจำเมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อาสนวิหารแห่งนี้เริ่มขึ้นในปีค.ศ. 1170 และแล้วเสร็จในปี 1235 ต่อมาอาสนวิหารแห่งนี้ถูกประกาศอุทิศให้แก่พระแม่มารีย์โดยคำประกาศของสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 10ในปี 1275
เครดิตข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/อาสนวิหารโลซาน
บรรยากาศโดยรอบวิหารก็สวยงาม มีนักท่องเที่ยวบ้างแต่ก็ไม่เยอะมาก
จุดชมวิวที่มหาวิหารโลซาน (Cathedral de Lausanne) |
จากจุดชมวิวที่มหาวิหารก็สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองโลซานได้อย่างสวยงาม
จุดชมวิวที่มหาวิหารโลซาน (Cathedral de Lausanne) |
นั่งชมวิวเมือง อากาศเย็นหน่อยนะคะ |
เหมาะสำหรับนั่งพักรับประทานอาหารกลางวัน ถ้าจะให้ดี พกแซนวิชชิ้นเล็กขึ้นมาทานด้วยก็ดีนะค่ะ เพราะว่าเดินเที่ยวแบบนี้ก็ใช้พลังงานเยอะเหมือนกัน
มองไปก็เห็นโบสถ์โปแตสแตนที่อยู่ใกล้ๆกับจุดจอดป้ายรถเมลล์โดยสารด้วยค่ะ
เข้าเดินจุดชมวิวที่มหาวิหารโลซาน (Cathedral de Lausanne) ด้านในกันคะ |
แต่ห้ามเสียงส่งเสียงดังนะ
บรรยากาศด้านในเงียบมากๆ
ภายในจุดชมวิวที่มหาวิหารโลซาน บานหน้าต่างกระจก ประดับตกแต่งสวยงาม |
บ้านเรือนแต่ละหลังก็สวยงามน่ารักดีจังคะ
ไม่นานนักฝนก็ตกโปรยปรายลงมาแล้วจ้า |
ดีนะที่พกร่มมาด้วย ไม่งั้นเปียกปอนแน่นอนจ้า
หาาที่หลบภัยเดินมาลอดใต้อุโมงค์ |
ย่านเมืองเก่า มีทางเดินขึ้นและลงไปยังจุดชมวิวที่มหาวิหารโลซาน (Cathedral de Lausanne) |
ทางเดินขึ้นลงมายังวิหารอีกฝั่งก็ดูคลาสสิคสวยงาม
มีมุมถ่ายรูปสวยๆเก๋ๆ มากมายเลยนะคะ แล้วแต่ว่าจะชอบมุมใหน จัดไปเลย
ย่านเมืองเก่าโลซาน ดูสวยงามน่ารักดีนะคะ |
เดินต่อไปท่ามกลางสายฝนพรำ ก็ชื่นฉ่ำใจไม่น้อยเลยนะ |
ย่านตลาดขายผักและผลไม้สด |
ผักสดๆ ดูแล้วน่ารับประทาน ร้าวรานจับใจมากๆนะคะ |
ดอกไม้ก็สีสันสวยงาม |
เดินมาสักพักก็ชักจะหิวแล้วจ้า ขนมปังงเพรทเซลกลิ่นหอมโชยเตะจมูก |
เหลียบไปเห็นร้านขายขนมปังเพรทเซล น่าทานมากๆ และราคาก็ไม่แพงมากด้วย เลยขอจัดไปสักหน่อยคะ
ควักเงินเหรียญออกมาจ่าย ขนมเค้าราคาไม่แพง |
ร้านขนมปังขายอยู่ติดริมฟุตบาทเลย คนขายหน้าตาหล่อเหลามีหนวดเครา ตามสไตล์ฝรั่ง มีลูกค้าอุดหนุนตลอดเลยนะกับร้านขนมปังยี่ห้อนี้
ขนมปังเพรทเซลรสธรรมดานี้แหละ อร่อยสุดล่ะ นำมาทานเป็นมื้อเที่ยงไปค่ะ |
เดินเท้าต่อไปยังสถานีรถไฟโลซาน มาเที่ยวทริปนี้ต้องขยันเดินหน่อยนะ |
ดิฉันก็เดินตรงต่อไปยังสถานีรถไฟเมืองโลซาน เพื่อนั่งรถไฟไปเที่ยวชมเมืองเจนีวาค่ะ
สถานีรถไฟเมืองโลซาน (lausanne railway station) |
พอมาถึงก็รอขึ้นรถไฟขบวนเวลา 13.42 น.เพื่อไปยังเมืองเจนีวา |
รอขึ้นรถไฟที่ชานชลา เดี่ยวรถไฟก็มา เพราะรถไฟที่เมืองนี้ ตรงเวลามากๆนะคะ ถ้าพลาดรถไฟเที่ยวนี้ ก็รอรถไฟขบวนถัดไปเลยจ้า
อาหารเที่ยงมื้อนี้ |
ขึ้นมานั่งบนรถไฟไม่ค่อยมีผู้โดยสารมากนักค่ะ เนื่องจากไม่ใช่เวลาเร่งด่วน และเป็นทำงาน
ชมวิวทิวทัศน์ริมทางระหว่างนั่งรถไฟไปเมืองเจนีวา ก็ผ่านไร่องุ่นสวยงามจับตาคณานับเชียว |
ระหว่างก็ผ่านไร่องุ่นขนาดใหญ่ปลูกบนเนินเขา เรียงรายเป็นตับๆ ดูสวยงามมากๆ
ชมวิวทิวทัศน์ริมทางระหว่างนั่งรถไฟไปเมืองเจนีวา ก็ผ่านไร่องุ่นสวยงามจับตาคณานับเชียว |
มองไปก็เป็นไร่องุ่นกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา น่าจะเป็นองุ่นสำทำไวน์
ทางเดินเข้ามาตามท้องไร่และท้องนาก็สวยงามตามสไตล์สวิตเซอร์แลนด์จริงนะคะ
นั่งรถไฟมาไม่นานถึงสถานีรถไฟเมืองเจนีวาแล้วจ้า |
การคมนาคมโดยรถสาธารณะในเมืองเจนีวา |
ท้องฟ้าวันนี้ไม่เป็นใจ ฝนตกพรำๆตลอดเลยจ้า |
พอเดินออกมาประมาณ 100 เมตรกว่า ก็จะเจอป้าย Tourist information Centre ค่ะ
แผนที่ท่องเทียวในเมืองเจนีวา |
แต่ดูรูปภาพน่าสนใจกว่านะค่ะ |
ก่อนจะไปเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยว เรามารู้จักเมืองเจนีวาก่อนค่ะ
เกี่ยวกับเมืองเจนีวา
สำหรับเจนีวา (อังกฤษ: Geneva) หรือออกเสียงในภาษาท้องถิ่นว่า เฌอแนฟว์ (ฝรั่งเศส: Genève) เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (รองจากซือริช) ถือเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในภาครอม็องดี อันเป็นภูมิภาคที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลักในสวิตเซอร์แลนด์ นครเจนีวาตั้งอยู่บริเวณต้นแม่น้ำโรนซึ่งไหลออกจากทะเลสาบเจนีวา เจนีวามีสถานะเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐแห่งรัฐเจนีวา
เจนีวาถือเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางของโลก โดยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน, ศูนย์กลางทางการทูต เจนีวาถือเป็นเมืองที่มีองค์กรระหว่างประเทศตั้งอยู่มากที่สุดในโลก ในบรรดาองค์กรเหล่านี้อาทิ หน่วยงานของสหประชาชาติและกาชาดสากล เป็นต้น ในปี 2017 เจนีวาได้รับการจัดอันดับโดย Global Financial Centres Index ให้เป็นเมืองศูนย์กลางทางการเงินอันดับ 15 ของโลก และเป็นที่ 5 ของทวีปยุโรป รองจากลอนดอน, ซือริช, แฟรงเฟิร์ต และลักเซมเบิร์ก และยังได้รับการจัดอันดับโดย Mercer's Quality of Living index ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดเป็นอันดับ 8 ของโลกในปีเดียวกัน
มาเที่ยวเจนีวา ไม่พลาด แวะเดินชม น้ำพุเจทโด (Jet d'Eau) |
เกี่ยวกับน้ำพุ เจทโด (Jet d'Eau) “สัญลักษณ์ของเมืองเจนีวา" |
โดยน้ำพุเจ็ทโดถือเป็นน้ำพุที่มีชื่อเสียงก้องโลก และเป็น“สัญลักษณ์ของเมืองเจนีวา" ที่ใครแวะมาต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกัน โดยมีความสูงถึง 390 ฟุต โดยจะมีการส่งน้ำครั้งละ 500 ลิตรต่อวินาที ขึ้นไปพุ่งกระจายบนอากาศที่ความสูง 140 เมตร ด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ในทะเลสาบเจนีวา และมีการตั้งเป็นระบบ security valve ของโรงงาน Coulouvreniere hydraulic factory ตั้งแต่ปี 1891 ต่อมาก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ท่องเที่ยวของ Geneva มาจนถึงปัจจุบัน
บรรยากาศแม้ท้องฟ้ามืดครึ้ง มีฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อย แต่ก็สวยงาม อากาศดีจับใจทีเดียวค่ะ
มาเที่ยวเจนีวา ไม่พลาด แวะเดินชม น้ำพุเจทโด (Jet d'Eau) |
(สวนสาธารณะ Jardin Anglais) |
มีเก้าอี้นั่งชมวิวทะเลสาบ กับอากาศลมพัดเย็นสบายดีเว่อร์
(สวนสาธารณะ Jardin Anglais) |
นอกจากนี้ยังมีการจัดสวนหย่อมเป็นเข็มนาฬิกาอีกด้วยนะค่ะ
เนื่องจากเมืองเจนีวาเป็นเมืองที่ผลิตนาฬิกาแบรนด์ดังๆส่งขายไปยังทั่วโลกดังนี้จึงขาดไม่ได้ ที่จะต้องแวะถ่ายภาพสวนหย่อมไว้เป็นที่ระลึกคะ
ย่านเมืองเก่าก็เป็นอาคารร้านขายนาฬิกาสุดหรูให้แวะไปเลือกซื้อกันด้วยนะ |
ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา ปาเต๊ะ ฟิลิปป์ (Patex Philippe) ดิฉันชอบเรียกปาเต๊ะฟิลิปเป้ |
หรือนาฬิกาโรเล็คก็ราคาสูงเหมือนกัน |
เดินไปอีกค่ะ มาเที่ยวยุโรปต้องขยันเดินหน่อยนะค่ะ ถ้าไม่เดินก็จะไม่ได้ออกกำลังกาย |
ดิฉันก็เดินเปิดแผนที่ท่องเที่ยวเดินไปสถานที่ท่องเที่ยวถัดไปนั้นก็คือ มหาวิหาร St Pierre Cathedral
ฝนตกลงมาอีกล่ะ |
วันนี้รู้สึกว่าตกทั้งวันเลยนะค่ะ
บรรยากาศถนนในเมืองเจนีวาก็สวยงาม สะอาดสะอ้าน เงียบสงบ ดูเหวงๆเหงาๆยังไงไม่รู้ แต่ก็ปลอดภัยดีนะค่ะ ไม่มีโจรขโมยแต่อย่างใด
เดินมาก็พบบ่อน้ำพุให้ได้สัมผัสความชุ่มฉ่ำ
มหาวิหาร St Pierre Cathedral แห่งเมืองเจนีวา |
หรือมาแวะชมลาน Place du Bourg de Fou |
เดินมาอีกนิด มุมนี้ก็เป็นพิพิธภัณฑ์นานาชาติอะไรสักอย่าง ดิฉันเองก็จำไม่ค่ะ
แต่เดินเข้าไปด้านในตกแต่งดูสวยงามคลาสสิคมากๆ ตอนแรกเดินเข้าไปก็คิดว่าเป็นวังเสียอีก
รอบตึกของพิพิธภัณฑ์ก็มีที่ให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจให้ด้วยนะ
หากใครเหนื่อยเมื่อยก็นั่งพักสักแป๊บ แต่ถ้าฝนตกพรำๆแบบนี้ คงจะนั่งไม่ได้ล่ะ
คงได้แค่ชื่นชมอย่างเดียว
เดินเลี้ยวมาอีกนิดจะเป็นเนินจุดชมวิวเมืองเจนีวาคะ
ชมวิวเมืองเจนีวา เห็นหลังคาและอาคารบ้านม่านชานเรือนมากมาย |
และหลังจากที่ได้ชมอาสนวิหาร St Pierre Cathedral แห่งเมืองเจนีวาไปแล้ว ดิฉันก็เดินเท้าเดินลงมาที่ทะเลสาบเจนีวาต่อเพื่อเดินหน้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวถัดไป
เดินลงมาที่ทะเลสาบเจนีวา เพื่อชมฝูงหงส์ขาว พราวเสน่ห์ |
มีทั้งนก มีทั้งหงส์ และนกเป็ดน้ำกำลังแหวกว่ายหาอาหารกันอยู่
หงส์ถือเป็นดาราประจำทะเลสาบเจนีวาแห่งนี้ด้วยนะค่ะ ซึ่งหากใครได้แวะเที่ยวชมน้ำพุเจทโด ก็ต้องแวะเดินเฮโลมาถ่ายรูปคู่กับหงส์ขาวเหล่านี้ ที่น่าจะดื้อและซุกซนไม่น้อยทีเดียว
มีรถไฟวิ่งชมเมืองเจนีวาให้บริการด้วยนะคะ |
และอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์คงไม่พลาด สำหรับคนที่ชอบเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ต้องนั่งเรือลอยละล่องท่องทะเลสาบเจนีวา จิบน้ำชาและไวน์ขาว คงจะพราวเสน่ห์ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
เดินเปิด GPS ต่อไปยังองค์การสหประชาชาติ ประมาณ 2.5 กิโลเมตรกว่าๆ ไม่ไกลค่ะ แต่ตอนนี้เริ่มเมื่อยขาล่ะ |
เดินมาเพื่อสิ่งนี้ เพื่อมาถ่ายรูปชมอนุสาวรีย์เก้าอี้ขาหัก |
อนุสาวรีย์"เก้าอี้หัก หรือ Broken Chair |
โดยอนุสาวรีย์"เก้าอี้หัก หรือ Broken Chair นี้ สร้างขึ้นโดยศิลปินชาวสวิสเซอร์แลนด์ ชื่อ Daniel Berset และช่างไม้ ชื่อ Louis Geneve ซึ่งเก้าอี้ถูกสร้างขึ้นจากไม้ 5.5 ตัน ในความสูง 12 เมตร (39 ฟุต) เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านการทำเหมืองแร่ที่ดินและระเบิดคลัสเตอร์ โดยแท้จริงมีหมายจัดตั้งแสดงเพื่อประท้วงไว้แค่ 3 เดือน แต่ด้วยการเจรจาการทำสนธิสัญญาล้มเหลวและลอยเคว้งมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เก้าอี้ตัวนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้าน และกลายเป็นจุดแวะเที่ยวชมและถ่ายภาพที่สำคัญของเมืองเจนีวาไปโดยปริยาย
มีป้ายบอกประว้ติความเป็นมาให้อ่านด้วยนะค่ะ
อนุสาวรีย์"เก้าอี้หัก หรือ Broken Chair |
และอีกสิ่งหนึ่งที่มาถึงก็ไม่พลาด ก็ได้เห็นองค์กรสหประชาชาติสำนักงานใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองนี้ด้วย
เคยได้ยินแต่ชื่อนะค่ะ จำได้ว่าตอนสมัยเรียนมัธยมต้น วิชาโลกของเรา จะมีในข้อสอบถามว่า องค์กรสหประชาชาติสำนักงานใหญ่ตั้งที่ประเทศใด เดี๊ยนตอบได้ทันทีเลยว่า กรุงเจนีวา
ทำให้รู้จักเมืองเจนีวา ก็จากข้อสอบเนี่ยแหละค่ะ
องค์การสหประชาชาติสำนักงานใหญ่ ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ |
และหลังจากที่ได้ชมอนุสาวรีย์เก้าอี้ขาหักที่องค์การสหประชาชาติแล้วนะค่ะ จากนั้นดิฉันก็นั่งรถไฟกลับไปยังเมืองโลซานค่ะ |
จากนั้นดิฉันก็นั่งรถไฟกลับไปยังเมืองโลซานค่ะ
ถึงสถานีรถไฟโลซานก็เดินมายังโรงแรม เพื่อมารับกระเป๋า |
จากนั้นก็เดินแบกเป้ใบใหญ่อันหนักหน่วง มาที่สถานีรถไฟอีกครั้ง
เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยังกรุงเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวถัดไป
จากนั้นก็เดินแบกเป้จากที่พักมายังสถานีรถไฟโลซาน เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองเบิร์น เมืองท่องเทียวถัดไปจ้า |
เดียวตอนต่อไปคือตอนที่ 11 คุณนายเว่อร จะพาเพื่อนๆเป็นคนบ้าไปลั๊ลลาเดินเที่ยวชมเมืองเบิร์นต่อไป ซึ่งเป็นเมืองสวยงามอีกแห่งในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ใครๆก็บอกว่าต้องแวะมาชม ยังไงรอติดตามกันนะค่ะ สำหรับบล็อกรีวิวเที่ยวเที่ยวตอนที่ 10 เที่ยวเมืองเจนีวา-และเมืองโลซาน ก็ขอจบเพียงเท่านี้ค่ะ ขอบพระคุณเพื่อนๆทุกคนที่เข้ามาลั๊ลลาเปิดอ่านและสไลด์ดูภาพกัน....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
-----------------------------------------------------------------------
บทความรีวิวท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ผ่านมามีดังนี้จ้า
แนะนำโรงแรมในสวิส วิวสวยๆ สำหรับคู่รักและครอบครัว ราคาประหยัด นอนสบายๆ คลิ๊กดูที่พัก>> |
รวมข้อมูลที่พักเมืองอินเทอร์ลาเคน ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวเมืองพัทลุง ชมมนต์ลูกทุ่งแห่งคุ้งน้ำทะเลน้อย แวะไปสอยเที่ยวชมกันเลย>> |
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 12 ลุยเดี่ยวไปเมืองสปิซ-อินเทอร์ลาเก้น คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2LkZvQM
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 11 แบกเป้เที่ยวกรุงเบิร์น ดูเพลินๆสวยดีนะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2uoxRbX
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 9 เดินชมเมืองลียง ชมอัสดงที่เขาฟูรวิแยร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2NyWRFA
เที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะนั่งพักตากอากาศริมหาดที่เมืองนีซ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/dLDKAX
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 4 เดินเร้าฤดีฉิมพลีเสน่ห์เมืองมาร์เซย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/Bxaq9X
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 3 เดินชิลๆดูวิวเมืองปารีส&ช๊อปปิ้ง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/XCFzYC
รีิวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/7ZB3pt
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน เม.ย.นี้ แวะไปเที่ยวสิงห์บุรีมาค่ะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eL6fHw
รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน เม.ย.ล่องเรือไหว้แม่น้ำเจ้าพระยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/HrLddq
0 ความคิดเห็น