Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รีวิวตะลุยยุโรปตอนที่ 11 แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวกรุงเบิร์น เดินเพลินๆชมบ้านน้องหมี แวะฉิมพลีสวนโรสการ์เด้นส์ วิวเมืองสวยเด่น งามเริ่ดสะแมนแตน

 สำหรับบล็อกวันนี้ขอมาแบ่งปัน รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเมืองเบิร์นด้วยตัวเองมาฝากเพื่อนๆค่ะ มาดูเมืองหมีแห่งนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้างนะ
ก็ขอกราบสวัสดี๊ดีเพื่อนๆน้องๆพี่ที่กำลังเร้าฤดีกันอยู่บนโลกออนไลน์แห่งนี้กันทุกคนนะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เธอขอมาเป็นคนบ้า ร่ายมนต์ขถาบทความอาขยาน รีวิวท่องเที่ยวแนวๆโกโรโกโส สับปะรังเคให้คุณผู้อ่านได้อ่านกันจนปวดเศียรเวียนเกล้าอีกเหมือนเดิมนะค่ะ ถือว่ามาเขียนบล็อกฆ่าเวลาหลังเลิกงานไป เว็ปบล็อกจะได้ไม่ร้างไปจ้า

หลังจากที่รีวิวก่อนหน้านี้ คือตอนที่ 10 (ตามเว็ปลิงค์ : https://bit.ly/2N0X57i) ได้มารีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเดินเที่ยวเมืองโลซาน ตามรอยชมเมืองวัยเยาว์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 และนั่งรถไฟไปสุขสกาวที่เจนีวาแล้วนะค่ะ มารีวิวในตอนที่ 11 นี้ อยากจะขอมารีวิวเที่ยวกรุงเบิร์นให้เพื่อนๆได้ดูกันค่ะ  โดยเมืองเบิร์นเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งเนื่องจากเป็นเมืองมรดกโลก ที่ใครต่อใครก็ล่ำลือกันว่าเมือง นี้สวยงามดุจภาพวาด มีโบราณสถาน อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ และภูเขา อันสวยสดงดงาม ร้าวรานจับใจ จนใครๆก็กันบอกว่า หากมาเที่ยวสวิตให้แวะมาเยือนสักครั้ง รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีหมี และมีหอนาฬิกาเก่าแก่ แลดูมีมนต์ขลัง ให้ได้แวะชมเสียงระฆังดังเหง่งหง่างกันอีกด้วย

ใหนๆก็แวะมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ทั้งที เดี๊ยนเลยขอปักหมุดเที่ยวเมืองนี้สักครั้งค่ะ โดยทริปการเดินทางแบกเป้ตะลุยยุโรปในครั้งนี้ ก็เข้าสู่วันที่ 24 พ.ค.แล้วค่ะ โอ้ยรู้สึกว่า..หนทางยังอีกยาวไกล แต่เดินทางแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวไปเรื่อยๆ เมื่อยก็หยุดพักชิวๆไปจ้า ยังไงคุณนายเว่อร์ ก็หวังว่าคุณผู้อ่านอย่าเบื่อกันไปเสียก่อนนะค่ะ เพราะบางครั้งเดี๊ยนเองก็ไม่มีเวลาจะมาเขียนให้จบในตอนนี้ เนื่องจากงานประจำก็กองสุ่มอยู่บนโต๊ะ พอเลิกงานมาก็ค่อยมานั่งเคาะแป้นพิมพ์เป็นคนบ้า พรรณาไปเรื่อย มีคนมาอ่านหรือสไลด์ดูแค่ 1 คน เดี๊ยนว่าก็เยอะแล้วจ้า 
แผนการเดินทางรีวิวเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ตอนที่ 11 เดินทางจากเจนีวา มาเอากระเป๋าเป้ทีโลซาน จากนั้นก็นั่งรถไฟมาที่เมืองเบิร์น
ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร เดี๊ยนไม่ขอพร่ำทำเพลงมากมายล่ะ เกรงคุณผู้อ่านทุกคนจะเบื่อจรลีหนีกันไปเสียก่อน เพราะรีวิวก่อนหน้านี้ ก็บ่นพร่ำเพร้อมาเยอะล่ะ เอ้า...เราไปชมภาพรีวิวกันเลยจ้า

ก่อนจะเข้าสู่ภาพรีวิว เรามารู้จักกรุงเบิร์นกันก่อนนะค่ะ มาอ่านเป็นความรู้เปิดโลกกว้างกันจ้า
ข้อมูลน่ารู้เล็กน้อยๆ เกี่ยวกับเมืองเบิร์น หรือ แบร์นา (Bern : Switzerland)
เกี่ยวกับเมืองเบิร์น หรือ แบร์นา (Bern : Switzerland)

เบิร์น (เยอรมัน: Bern; ฝรั่งเศส: Berne) หรือ แบร์นา (อิตาลีและโรแมนช์: Berna) เป็นเมืองหลวงโดยพฤตินัยของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีประชากรประมาณ 130,000 คน มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของประเทศ ภาษาราชการที่ใช้ในกรุงแบร์นคือ ภาษาเยอรมัน แต่คนในเมืองส่วนใหญ่นิยมพูดภาษาเยอรมันแบร์นเป็นภาษาถิ่น ในปี ค.ศ. 1863 แบร์นได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก นอกจากนี้แบร์นยังได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลกในปี ค.ศ 2010 อีกด้วย
เครดิตข้อมูลน่ารู้จาก https://th.wikipedia.org/wiki/แบร์น

สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเมืองเบิร์น มีที่ใหนบ้าง (แนะนำเดินเที่ยวในตัวเมืองก็คุ้มค่าจ้า)
- The old Town ย่านชุมชนเก่า
- Clock Tower (Zytglogge) หอนาฬิกาประจำเมืองที่ใครแวะมาต้องถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
- Rosengarten สวนโรสการ์เด้น
- The Einstein Museum พิพิธภัณฑ์แอลเบิรต์ ไอสไตน์
- Berner Münster มหาวิหารแห่งกรุงเบิร์น
- The Bear Park สวนหมี
- Zentrum Paul Klee

การเดินทางมายังกรุงเบิร์น
- เครื่องบิน
- โดยรถไฟ ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟเป็นการเดินทางได้ที่รับความนิยมมากที่สุด
โดยเพื่อนๆสามารถตรวจสอบตารางขบวนรถไฟได้ที่เว็ปไซต์ : https://www.sbb.ch/en/timetable.html
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเมืองเบิร์น มีที่ใหนบ้าง (แนะนำเดินเที่ยวในตัวเมืองก็คุ้มค่าจ้า)
ป้ายแสดงเส้นทางรถโดยสารสาธารณะในเมืองเบิร์นคะ
ส่วนการเดินทางในกรุงเบิร์น ก็มีรถทรัม หรือรถราง และรถบัสให้บริการด้วย
มีแผนที่เส้นทางการเดินทางมาให้ด้วยแบบคร่าวๆค่ะ ภาพอาจจะเล็กหน่อย ต้องขออภัยด้วยค่ะ

หลังจากที่พอรู้จักเมืองเบิร์นกันไปพอคร่าวๆล่ะ ก็ไปสไลด์ดูภาพรีวิวการเดินทางเที่ยวเมืองเบิร์นกันเลยจ้า
มาดูสิว่าในกรุงเบิร์นแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองที่น่าสนใจอะไรภาพ แหล่งท่องเที่ยวใหนสวย ไปถ่ายรูปจุดชมวิวตรงใหนบ้าง
แบกเป้เตรียมเดินทางออกจากเมืองโลซาน มารอขึ้นรถไฟไปยังเมืองเบิร์น
 เริ่มต้น 22 พ.ค.2018  ต่อจากรีวิวตอนที่แล้ว (เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2N0X57i)
ดิฉันนั่งรถไฟจากกรุงเจนีวา มาลงที่เมืองโลซาน
จากนั้นก็เดินกลับไปที่พัก เพื่อเอากระเป๋าเป้ แล้วเดินแบกกระเป่ามาขึ้นรถไฟที่เมืองโลซาน
เพื่อมุ่งหน้าเดินทางไปยังกรุงเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวถัดไป และไปพักค้างเมืองนี้ 1 คืนคะ
มารอขึ้นรถไฟรอบเวลา 18.44 น.ที่ชานชลาหมายเลข 1
สำหรับการเดินทางไปยังเมืองเบิร์นที่ได้รับความนิยมและสะดวกที่สุดคือ การเดินทางด้วยรถไฟค่ะ
โดยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีรถไฟเชื่อมต่อไปยังหลายเมือง เพื่อนๆสามารถใช้บัตร Eurail Pass หรือบัตร Swiss pass เดินทางได้ค่ะ
และสามารถเช็คตารางเวลารถไฟได้ที่เว็ปไซต์ :https://www.sbb.ch/en/timetable.html

สำหรับทริปวันนี้ ดิฉันนั่งรถไฟสวิตขบวนที่จะไปเมืองลูเซิร์น แต่ผ่านเมืองเบิร์นด้วย
 รอรถไฟที่สถานีโลซาน ชานชลาหมายเลข 1
 รอรถไฟที่ชานชลาหมายเลข 1 ไม่นานนักรถไฟก็มาค่ะ
รอบนี้ขอนั่งรถไฟชั้น 2 นะคะ
ขบวนรถไฟที่นั่งเป็นแบบนี้ค่ะ ตามภาพเลย ที่นั่งก็โอเคอยู่นะ
ส่วนกระเป๋าเป้ใบใหญ่ ก็ยกไปเทินไว้บนที่เก็บสัมภาระด้านบนศรีษะค่ะ
บนรถไฟก็มีปลั๊กให้เสียบด้วยนะ
 มีทีชาร์ตแบตเตอรี่ให้ด้วยเริ่ดมากๆ ตอนแรกคิดว่านั่งรถไฟชั้น 2 จะไม่มีให้ซ่ะอีกนะ
แต่ขบวนรถไฟสวิตมีให้ค่ะ ก็เลยเลียบปลั๊กนั่งเปิดโน๊ตบุ๊คทำงานได้จ้า
ระหว่างนั่งรถไฟไปเมืองเบิร์น ก็จะเห็นไร่องุ่นบนเนินเขาและหมู่บ้านริมทะเลสาบเจนีวาให้ได้ชมกันอีกด้วย
 ระหว่างนั่งรถไฟมุ่งหน้าไปยังกรุงเบิร์น
ก็นั่งพักชมวิวเพลินริมทางเป็นหมู่บ้านติดริมน้ำ เป็นไร่องุ่นสวยงามมากๆ
บรรยากาศยามเย็นๆดูครึ้มๆหน่อยนะ มองไปก็เห็นบ้านเรือนหลังเล็กๆ มุ้งมิ้งดูแล้วน่าอยู่มากๆ
และอีกอย่างอากาศที่เมืองนี้น่าจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว 
เป็นไร่องุ่นติดริมทะเลสาบเลอม็อง กว้างใหญ่เต็มเนินเขา
น่าจะมีหลายร้อยไร่เลยทีเดียวคะ
ถัดมาจากไร่องุ่นก็จะเป็นทุ่งนาข้าวบาร์เลย์หรือทุ่งหญ้าอะไร เดี๊ยนก็มิได้ เดาเอาค่ะ
ถัดมาจากไร่องุ่นก็จะเป็นทุ่งนาข้าวบาร์เลย์หรือทุ่งหญ้าอะไร เดี๊ยนก็มิได้ เดาเอาค่ะ
ดูเป็นทุ่งกว้างใหญ่ ตัดเป็นฉากๆ สวยงามละลานตาเชียว
ทานอาหารเย็นเลยค่ะ มื้อนี้เหมือนเดิม ไม่พ้นสลัดผักจ้า
ระหว่างนี้ก เดี๊ยนหยิบสลัดขึ้นมาทาน ซึ่งเป็นสลัดที่ซื้อมาจากร้านในสถานีรถไฟเมืองโลซานค่ะ
เพราะกะว่านั่งรถไฟเป็นชั่วโมงหิวแน่ๆ ก็เลยเอามาซัดทาน ณ บัดนาวเลยจ้า
สลัดดูไม่ค่อยน่าทาน แต่รสชาติโอเคนะ
นั่งทานสลัดไป ก็นั่งดูวิวไป เริ่ดๆเชิ่ดๆจ้า
นั่งรถไฟมาได้ซักพักก็ถึงเมืองเบิร์นแล้วค่ะ
 นั่งรถไฟมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงเมืองเบิร์นแล้วค่ะ
เดินแบกเป้ไปตามตูดเค้าค่ะ เพื่อไปตั้งหลักหาทางออก
bern railway station
พอเดินออกมาสถานีรถไฟเมืองเบิร์นก็ต้องรับความชุ่มฉ่ำอีกแล้วค๊า รู้สึกว่าวันนี้ฝนจะตกทั้งวันเลยนะค่ะ
ตั้งแต่ทริปเที่ยวเจนีวา โลซาน ก็เบิกบานเย็นฉ่ำ มาถึงเมืองเบิร์นก็เพลิดเพลินกับฝนอีกล่ะ
เดินออกมาจากสถานีรถไฟ ก็ต้องเจอกับฝนอีกล่ะ
 ฝนตกแบบนี้ก็เลยต้องแกะเอาเสื้อกันฝนและร่มคันน้อยออกมาใช้คะ
และที่พักคืนนี้ก็อยู่ย่านเมืองเก่าด้วย จะไปยังไงดี ระยะทางน่าจะไม่ไกล เลยตัดสินใจเดินไปค่ะ เปิด GPS เดินตามทางไปเรื่อย
ตัดสินใจเดินแบกเป้ไปยังที่พัก ระยะทางน่าจะไม่ไกลมาก ประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆคะ
ตอนแรกกะว่าจะนั่งรถรางนะค่ะ แต่เนื่องจากไม่รู้ว่าจะนั่งรถสายอะไร จะไปถามคนที่นี้ ส่วนใหญ่ก็มีแต่คนยุ่งๆกันทั้งนั้น เนื่องจากเป็นเวลาที่เค้าเลิกงานกัน เลยตัดสินใจ เอาว่ะแบกเป้เดินไปที่พักดีกว่า
ที่พักคืนนี้พักที่โรงแรม Bern Backpackers Hotel Glocke ที่พักย่านเมืองเก่า ราคาถูกสุดแล้วคะ
โดยที่พักคืนนี้ ดิฉันพักค้างที่โรงแรม Bern Backpackers Hotel Glocke เป็นโรงแรมราคาถูกที่สุดแล้วที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง นอกนั้นก็มีแต่ราคาแพงๆค่ะ โดยที่พักคืนนี้ ไม่ได้ใช้บัตรของขวัญ หรือ Gift card นะค่ะ ใช้เงินสดเนี่ยแหละค่ะ จ่ายเลย โรงแรมมีลิฟท์ให้นะค่ะ ไม่ต้องขึ้นบันใดให้เมื่อยขา ถือว่าเป็นตัวเลือกอีกทางสำหรับคนเที่ยวแนวแบ็คแพ็ค
ห้องพักคืนนี้ พักแนวโฮสเทล ห้องนอนรวม ห้องน้ำรวม ราคาคืนละ 1,193 บาท ถือว่าราคาถูกนะ
 ห้องพักที่โรงแรม Bern Backpackers Hotel Glocke แบบโฮสเทล แนวห้องนอนรวม ห้องน้ำรวม ราคาตืนละ 36.71 สวิตฟรัง หรือตกคืนละ 1,193 บาท ถือว่าถูกแล้วนะค่ะ ยังหาที่พักหลักร้อยไม่มีเลยค่ะ ราคาพันอัพทั้งนั้นเลย
 ส่วนห้องน้ำก็เป็นห้องน้ำรวมนะค่ะ มีห้องอาบน้ำและห้องนั่งอึแยกให้
สภาพสะอาดสะอ้านมาก มีทิชชู มีป้ายบอกทางให้ครบ แต่ละชั้นก็มีห้องน้ำ สรุปโดยรวมให้ผ่านค่ะ
แต่ห้องพักมีขนาดเล็กคับแคบ โดยในห้องมีเตียงนอน 4 เตียงแบบ 2 ชั้น ก็เลยรู้สึกอึดอัดหน่อยค่ะ แต่วันที่ไปก็โชดดี เพราะทางโรงแรมก็จัดให้ดิฉันนอนกับคนเอเชียหมดเลย แต่ไม่มีคนไทยนะค่ะ เป็นคนจีน 2 คน และคนฮ่องกง 1 คน ก็เลยได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ถือว่าเป็นทริปแรกที่ได้พูดคุยกับคนเอเชียด้วยกัน เพราะทริปที่พักในเมืองโลซานก็มีแต่ฝรั่งชาวต่างชาติทั้งนั้นเลย

ข้อดีของการนอนโรงแรมโฮสเทลก็คือไม่เหงาเนี่ยแหละค่ะ แถมราคาถูก ประหยัด
แต่ข้อเสียอย่างที่ว่า ไม่ค่อยเป็นส่วนตัว ต้องวัดดวงว่าจะได้นอนห้องเดียวกับคนนอนกรนหรือเปล่าอีกด้วย ส่วนใหญ่ก็จะได้นอนกับคนที่นอนกรน เดี๊ยนจะเป็นลมเลยค่ะ ยิ่งถ้าหากบางคนไม่ได้อาบน้ำ และไม่ถอดถุงเท้าออกด้วย ก็ต้องทนดมกลิ่น อันสดชื่นรื่นฤทัยไปทั้งคืน เฮ้อ..เพลียจิตค่ะ
------------------------------------------------------------------------
วันถัดมา
เช้านี้ที่ล็อบบี้  Space Area มานั่งรับประทานอาหารเช้า
เช้าวันใหม่ที่ 23 พ.ค.2018 อากาศที่เมืองเบิร์นวันนี้แจ่มใสมากๆ แดดออกแล้วค่ะ
ตอนแรกก็ลุ้นอยู่ว่าจะมีแดดใหม๊น้อ เพราะเมื่อวานเที่ยวเมืองโลซาน และเจนีวา ฝนตกทั้งวันเลยจ้า
ซื้อกับข้าวมาอุ่นทานเองนะค่ะ มีห้องครัว ที่ล้างจานชามและจานชามให้จ้า
ตื่นมาก็รีบทำธุระให้เสร็จ รีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ให้หมด แล้วก็มาทานอาหารเช้าค่ะ
โดยที่โรงแรมก็มี Space area มีห้องครัวสำหรับทำกับข้าว และห้องสำหรับรับประทานอาหารอย่างกว้างขวางเลย
อาหารเช้าวันที่ 23 พ.ค.2018 นี้ ทานผักและผลไม้ กับขนมผักโขม อุ่นให้ร้อนเอามาทานคู่กับสลัด
อาหารเช้ามื้อนี้ของคุณนายเว่อร์ เธอขอเป็นคนบ้าไดเอทคะ ทานผักแต่เช้าเลย
มีแอปเปิ้ล และขนมอะไรไม่รู้อีกอย่าง เป็นคล้ายผักโขมค่ะ พอดีซื้อมาจากสถานีรถไฟตั้งแต่เมื่อวานนี้ แล้วเอามาแช่ตู้เย็นไว้ ตอนเช้าจะได้ไม่ต้องออกไปเดินหาซื้ออะไรทานให้เมื่อยๆ

หากเพื่อนๆคนใหนที่แวะมาเที่ยวตามเมืองต่างๆ และนอนโรงแรมแนวโฮสเทล ก็อย่าลืมซื้อขนม นม เนย มาตุนใส่ตู้เย็นไว้นะค่ะ ตอนเช้าจะได้ไม่ต้องวุ่นวายหาอะไรกินให้ยุ่งยาก
 ที่นั่งสำหรับนั่งรับประทานอาหาร และนั่งทำงาน ถือว่ากว้างขวาง ไม่แออัดเลยค่ะ
ตกแต่งสวยงามดูอบอุ่นดีด้วยนะ
ทานอาหารให้อิ่มเตรียมพร้อมเดินทางไปเที่ยวชมเมืองค่ะ
สำหรับอาหารที่ซื้อมาตอนเย็น ก็นำไปอุ่นในไมโครเวฟก่อนนะ
มองจากหน้าต่างที่พักไปด้านนอก ก็เห็นถนนหนทางกำลังจะปรับปรุง เพราะมีเครื่องจักรเต็มไปหมดเลย
ทางที่พักก็มีขนมช็อคโกแลตให้ทานฟรีด้วย จัดวางไว้ที่หน้าเคาว์เตอร์เช็คอินน์ หยิบตามต้องการ เดี๊ยนเลยหยิบมา 4 อันค่ะ เจ้าหน้าที่บอกว่าทำไมหยิบน้อยจัง ก็เลยบอกไปว่า กลัวอ้วนจ้า
แผนที่ท่องเที่ยวในเมืองเบิร์น
อย่าลืมสอบถาม เพื่อขอแผนที่การเดินทางท่องเที่ยวในเมืองเบิร์นกับทางที่พักด้วยล่ะ
จะได้เป็นไกด์ไลน์บอกทางไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆค่ะ
ทางโรงแรมจะมีบัตรโดยสารรถสาธารณะให้ฟรีด้วย อย่าลืมพกออกมาด้วยนะ
นอกจากนี้ทางที่พักยังมีบัตรรถโดยสารสาธารณะฟรีให้อีกด้วย คล้ายที่เมืองโลซานเลยค่ะ แต่ที่นี้บัตรสีน้ำตาลค่ะ เอาไว้ใช่ขึ้นรถเมลล์หรือรถรางไปยังที่ต่างๆในเมือง จะได้ไม่ต้องเดินไกล ยังไงหากมาเที่ยวก็อย่าลืมขอกันไว้ด้วยนะค่ะ เพราะทางโรงแรมก็จะมีให้แขกที่เข้าพักทุกคนค่ะ
จุด Check in ที่โรงแรม Bern Backpackers Hotel Glocke
หลังจากที่รับประทานอาหารอิ่มแล้ว ดิฉันก็แบกเป้จากห้องพักมา Check out และฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมค่ะ 
จุด Check in ที่โรงแรม Bern Backpackers Hotel Glocke
 เมื่อคืนนี้เดินทางมาไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย เพราะฝนตกเฉอะแฉะไปหมดค่ะ ก็เลยถ่ายภาพมาฝากเพื่อนๆดูกัน เคาว์เตอร์โรงแรมเป็นแบบนี้ค่ะ
 มีบริการฟรี WiFi ให้ด้วยนะค่ะ
 ของที่ระลึกก็มีขายด้วย น่ารักเชียว
และเมื่อได้ทำการ check out ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ดิฉันก็ได้สอบถามเรื่องเส้นทางการท่องเที่ยวในตัวเมืองว่า ถ้าจะไปชมวิวเมืองเบิร์น สามารถเดินทางไปทางใหนได้บ้าง

ทางเจ้าหน้าที่ก็เลยแนะนำให้ดิฉันเริ่มต้นนั่งรถบัสโดยสาร หมายเลข 10 จากป้ายรถเมลล์ Clock Tower ไปลงที่ Rose Garden ตามแผนที่ในภาพค่ะ จากนั้นพอถึง Rose garden จะมีเส้นทางเดินลงเนิเขามาเรื่อยๆ ก็จะเป็น Bear Park หรือสวนหมี ซึ่งเป็นที่อยู่ของน้องหมี จากนั้นก็เดินข้ามสะพานเดินตรงมาในย่านชุมชนเก่า สิ้นสุดที่จุด Clock Tower เหมือนเดิมคะ (เส้นสีน้ำเงินนั่งรถบัสไปสวนโรสการ์เด้น ส่วนเส้นสีชมพูคือเดินลงจากเนินเขามาค่ะ เนินเขาก็ไม่ได้สูงมากนะค่ะ เป็นทางชันกะจิ๊ดลิ๊ด เดินลงได้สบายๆ)

โดยแผนการท่องเที่ยวนี้เป็นที่นิยมสำหรับการเดินชมเมืองเก่าค่ะ ยังไงเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนไปเที่ยวเมืองเบิร์นอยู่ ก็ลองนำไปปรับใช้ได้นะค่ะ ส่วนแผนที่ในภาพมีขนาดเล็กไป ก็สามารถขอภาพใหญ่กว่านี้ได้ทางเฟสบุ๊คได้เลยคะ หากส่งข้อความมาทางเฟส เดี่ยวดึกๆเลิกงานแล้วจะส่งไปให้นะคะ
ด้านหน้าที่พักโรงแรม จุด Check in ที่โรงแรม Bern Backpackers Hotel Glocke
พอได้ดูแผนที่และทำความเข้าใจพอคร่าวๆแล้ว ก็ได้เวลาออกไปลุยเดี่ยวเที่ยวชมเมืองเบิร์นแล้วค่ะ
เดินลงมาด้านหน้าที่พักโรงแรม เมื่อคืนลืมถ่ายไว้ เผื่อเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนมาเที่ยวจะได้ไม่หลงค่ะ มีป้ายบอกไว้เขียนว่า Swiss hostel ส่วนป้ายโรงแรมติดอยู่ด้านบน มีขนาดเล็กกว่าค่ะ

สำหรับเพื่อนๆและนักเดินทางคนใดที่มองหาโรงแรมราคาถูกในเมืองเบิร์น ก็แวะมาพักได้ค่ะ เข้าไปดูที่พักได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2NgeQ2y

Clock Tower (Zytglogge)
 เดินออกจากที่พักมาไม่ไกลนัก ก็มาพบกับ Clock Tower (Zytglogge)
เป็นหอนาฬิกาเก่าประจำกรุงเบิร์นค่ะ ซึ่งห่อนาฬิการแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์และเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองเบิร์นก็ว่าได้ค่ะ เพราะถ้าใครแวะมาเที่ยวเมืองเบิร์นแล้ว ไม่ได้มาถ่ายรูปคู่กับหอนาฬิกาแห่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองเบิร์นเลยนะ
Clock Tower (Zytglogge)
แต่เสียดายช่วงที่มาเที่ยวหอนาฬิกาปรับปรุงค่ะ ก็เลยอดได้ดู การแสดงของตุ๊กตาหุ่นกลไกเต้นระบำ

สาระน่ารู้เล็กน้อยเกี่ยวกับ Clock Tower (Zytglogge)
หอนาฬิการแห่งนี้มีอายุมากกว่า 800 ปีเลยทีเดียว ตัวอาคารของหอนาฬิกาสูง 23 เมตร ตั้งอยู่ประตูทางทิศตะวันตกของย่านเมืองเก่า โดยใช้เข็มบอกเวลาเก่าแก่ของนาฬิกานี้ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 หอนาฬิกา (Zeitglockenturm)  และความพิเศษของหอนาฬิกานี้ก็คือว่า เริ่มต้นเพียงสามนาทีก่อนทุกชั่วโมงจะมีตุ๊กตาหุ่นกลไกลเต้นระบำอยู่ใกล้ๆกับเข็มนาฬิกาแสดงให้ดูด้วย
(The Fool, The Knight, The Rooster, The Piper) ถือเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักเดินทางที่ได้มาพบเห็นอย่างมาก
แผนที่ท่องเที่ยวในกรุงเบิร์น (Bern tourist attraction place)
ต่อค่ะ..หลังจากที่ได้ชมหอนาฬิกาประจำเมืองเบิร์นไปแล้ว
ตรงใกล้หอนาฬิกาก็จะมีป้ายรถเมลล์และรถรางโดยสารสาธารณะประจำเมืองผ่านหลายสายค่ะ
มารอขึ้นรถเมลล์โดยสารไปสวนโรสการ์เดนส์ ตามที่เจ้าหน้าที่โรงแรมบอกค่ะ
Switzerland Bear in Bern
ระหว่างรอรถเมลล์อยู่ก็แอบถ่ายตุ๊กตาน้องหมี กำลังนั่งและนอนแอ๊งแม่งอยู่ น่ารักเชียว
transportation in bern
ส่วนป้ายรถเมลล์ก็มาขึ้นฝั่งเดียวกับฝั่งหอนาฬิกาเลยนะค่ะ
 บรรยากาศในเมืองก็เรียบร้อยและร้อยเรียบ สะอาดสะอ้าน สวยงามน่าอยู่มากค่ะ
 ใกล้ๆกันก็มีสะพานข้ามแม่น้ำไปยังอีกฝั่งด้วยนะค่ะ
ดูในแผนที่แล้ว สะพานแห่งนี้มีชื่อว่า Kornhausbrücke เป็นสะพานข้ามแม่น้ำอาเร่ค่ะ
มองจากวิวสะพาน Kornhausbrücke จะเห็นแม่น้ำอาเร และเนินเขาที่สวน Rose garden
มองจากวิวสะพาน Kornhausbrücke ก็จะเห็นเนินเขาตรงโน้นคือ สวน Rose garden ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่เดี๊ยนกำลังจรลีไปค่ะ ตอนนี้รอรถเมลล์โดยสาร No.10 อยู่คะ เดียวคุณนายเว่อร์ เธอจะมาเป็นคนบ้ารีวิวพาไปเที่ยวนะค่ะ
รถเมลล์โดยสารใกล้จะมาแล้วค่ะ
ป้ายรถเมลล์ที่หอนาฬิกา มีจอบอกด้วยว่ารถขบวนใหนกำลังมาถึง
วิธีการเดินทางด้วยรถเมลล์โดยสารในเมืองเบิร์นก็ไม่อยากเลยนะค่ะ
ที่ป้ายรถเมลล์จะมี หมายเลขบอกค่ะว่าหมายเลขรถเมลล์ให้ค่ะ ตามป้ายแจ้งว่ารถเมลล์ใกล้มาถึงแล้วค่ะ
สำหรับการเดินทางไปสวน Rose garden นั่งรถเมลล์ No.10 เขียนไว้ว่า Ostermumdigen เดี๊ยนอ่านเป็นภาษาอังกฤษไปเลยนะค่ะว่า ออสเตอมัมดิเกน จริงๆอ่านไม่ได้แบบนี้หรอก บ้านเค้าก็จะมีอ่านออกเสียงแบบสระออง สระเออ คล้ายๆภาษาฝรั่งเศสเลยนะ
พอขึ้นมาก็จะมีจอมอเตอร์นิเตอร์ที่เป็นทีวีติดไว้ด้านหน้ารถให้เราดูด้วยว่า ต่อไปจะไปสถานีอะไร มีชื่อบอกด้วยนะค่ะจะได้ไม่หลงทางค่ะ
นั่งรถเมลล์โดยสารมาแป๊บเดียวก็ถึงแล้วจ้า สวน Rose garden เดินลงมาก็จะมีป้ายรถเมลล์บอกด้วยนะค่ะ ว่านั่งรถเมลล์หมายเลข 10 จ้า

สวนสาธารณะ Rose Garden in bern อีกหนึ่งสวนสวยที่ใครๆก็ต้องแวะมา
เดินเข้ามาสวน Rose garden ก็ร่มรื่นชื่นฤทัยไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าสวยเขียวสวยงาม 
 โดยสวนแห่งนี้ ถือเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เมืองเบิร์นได้ทั่วเมืองเลยทีเดียวะ

สำหรับสวนกุหลาบแห่งนี้ ในสมัยก่อนเคยใช้เป็นที่สุสาน แต่เมื่อปี 1913 ทางการเมืองได้ปรับปรุงสุสานแห่งนี้ให้กลายเป็นสวนสาธารณะและปลูกดอกมง ดอกไม้และดอกกุหลาบ หลากหลายสายพันธ์ จนให้ชื่อสวนแห่งนี้ว่า  Rose garden คะ
 มีลานหญ้าให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจด้วยนะค่ะ ดูสวยงามตามสไตล์ฝรั่ง
 มีนักท่องเที่ยวนั่งพักกันอย่างสำราญใจ อากาศบนเนินเขาแห่งนีก็บรรยากาศดีมากซ่ะด้วย
ภายในสวนก็มีครอบครัวหอบลูกจูงหลาน มานั่งพักผ่อนสำหรับ พกอาหารปิคนิค มาปูเสื่อกินบนลานหญ้าสุขอุรายิ่งนักเชียว เดี๊ยนให้แล้วก็มีความสุขไปด้วยนะ 
วิวทิวทัศน์กรุงเบิร์น จากจุดชุมวิวสวนสาธารณะ Rose Garden
เดินออกมาอีกนิดก็จะเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของกรุงเบิร์น และตรงจุดชมวิวนี้เอง ก็มีแต่บรรดากลุ่มนักท่องเที่ยวเอเชียเราๆเนี่ยแหละค่ะ โดยวันที่เดี๊ยนมานี้มีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ยกขบวนกันมาเยอะเชียว เสียงดังโช้งเช้งไปหมด ต้องยอมรับเลยว่าหนีไม่พ้นประเทศเค้าจริงๆค่ะ
ตรงเนินก็เป็นจุดชมวิวเมืองเบิร์นที่สวยงาม วันนี้โชคดี ท้องฟ้าแจ่มใส งามไฉไลผ่องศรี ไม่เหมือนเมื่อวานนี้ เที่ยวโลซาน ร้าวรานใจเหลือเกิน เพราะฝนตกทั้งวันค่ะ
วิวทิวทัศน์กรุงเบิร์น จากจุดชุมวิวสวนสาธารณะ Rose Garden
 ส่วนยอดปราสาทที่เห็นนี้ ไม่ใช่ปราสาทเจ้าชายกบนะค่ะ แต่เป็นมหาวิหารแห่งกรุงเบิร์น (The Cathedral of Bern)
เมืองเบิร์น จากจุดชมวิวบนสวนสาธารณะ Rose Garden
 มองไปก็เห็นสายแม่น้ำอาเร่ไหลระย้าโรยริน ไม่สูญสิ้นความงามให้ร้าวรานจับใจ โดยลำธารเป็นสีฟ้าครามอร่ามจับตา เป็นเมืองที่สวยงามสมคำล่ำลือจริงๆ
เมืองเบิร์นในยามเช้า ท้องฟ้าแจ่มใส
 โดยในย่านเมืองเก่ากรุงเบิร์น ซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ ยังถูกจัดให้เมืองมรดกโลกประจำปี 2010 อีกด้วยค่ะ
สะพานที่มองเห็นอยู่นี้ก็คือ สะพาน Kornhausbrücke ซึ่งเป็นสะพานที่รถเมลล์สาย 10 ผ่านนั้นเองค่ะ จริงๆไม่ไกลนะค่ะ สามารถเดินไปได้ แต่เนื่องจากได้บัตรโดยสารรถฟรีมาแล้ว ก็ต้องนั่งรถเมลล์บ้านเค้าสักหน่อย ถือว่าได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ๆคะ
ที่จุดชมวิวในสวนสาธารณะ Rose Garden ก็มีจุดถ่ายรูปหลากหลายมุมเลยค่ะ
หากเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนจะพาคู่รักมาเที่ยว หรือใครที่จะลุยเดี่ยวแบบคุณนายเว่อร์ ก็แบกเป้มาเที่ยวได้เลยจ้า
ลานสนามหญ้าใน สวนสาธารณะ Rose Garden
เดินวกกลับที่ลานสนามหญ้าในสวนแห่งนี้ เป็นสนามหญ้าที่หน้าเอาเสื่อมาปูนอนมากๆนะค่ะ อากาศบนเนินเขาแห่งนี้ลมก็พัดเย็นดี๊ดี ดูไม่วุ่นวายจนเกินไป อาจจะมีเสียงโชกเช้งจากนักท่องเที่ยวจีนบ้าง แต่สีแต่ทนได้ค่ะ
สวนสาธารณะ Rose Garden
ในสวนก็มีมุมให้นั่งพัก หรือจะนั่งสนทนา ปุจฉาวิสัชนาก็ยังได้ค่ะ
และอีกหนึ่งสิ่งที่พลาดไม่ได้ เมื่อมาถึงสวน Rose Garden แล้วก็ต้องแวะไปดูดอกกุหลาบ ตามชื่อสวนโรสการ์เดนส์ ที่แปลว่าสวนดอกกุหลาบจ้า
 โดยตรงทางเนินลงเขา มีลานปลูกไม้ดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธ์ให้ได้ชื่นชมกันด้วยนะค่ะ
พอเดินเข้ามาในสวนก็ได้กลิ่นของดอกกุหลาบก็ส่งกลิ่นตลบอบอวล หอมหวนรัญจวนจิต นึกจินตนาการไปนะค่ะว่าตัวเองอยู่ในห้วงสวรรค์ชั้นฟ้าศิลาลาสค่ะ
 มีป้ายอธิบายข้อมูลของสวยให้อ่านด้วย มีแต่ภาษาบ้านเค้าทั้งนั้น เดี๊ยนเห็นตัวอักษรแล้วก็อิสสะงงๆมากๆเลย ถ้ามีภาษาอังกฤษอยู่บ้าง ยังพอเดาได้
ดอกกุหลาบใน สวนสาธารณะ โรสการ์เด้นส์
 ดอกกุหลาบแต่ละสายพันธ์ในสวนแห่งนี้ ก็สวยงาม และมีกลิ่นเฉพาะตัวและกลิ่นก็แตกต่างกันออกไปด้วยนะ
 อย่างดอกสีขาว พราวเสน่ห์กิ๊บเก๋ยูเรก้าดอกนี้ มีชื่อว่า Rosa X alba
 มีป้ายติดไว้ให้เราได้อ่านเป็นความรู้ด้วย เผื่อใครจะจดชื่อแล้ว อยากได้สายพันธ์ก็ไปหาซื้อได้ค่ะ
ส่วนดอกกุหลาบสีเหลือง ก็เรืองรองผุดผ่อง อำไพสว่างสดใสแพรวพราว สวยสกาวรุ่งโรจน์และช่วงโชติชัชวาลย์ยิ่งนักค่ะ
อัลเบิร์ตไอน์สไตน์ ที่สวน Rose garden
และหากเดินชมและดอมดมดอกกุหลาบจนชื่นใจแล้ว ก็มานั่งพักถ่ายรูปคู่เป็นเพื่อนกับคุณลุงอัลเบิร์ตไอน์สไตน์นะค่ะ เพราะแกนั่งเหงาเหม่อลอยคล้ายหาคู่ใจอยู่คนเดียวเลย

โดยอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ ถือเป็นศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์และนักฟิสิกส์ทฤษฎี ใครที่เรียนสายวิทย์ คณิตตอนมัธยม ต้องรู้จักแน่ๆ เพราะคุณลุงแกคิดสูตรฟิสิกให้เรานั่งปวดเศียรเวียนเกล้ากันตอนสมัยเรียนมัธยมและมหาลัย โอ้ย..นึกแล้วปวดหัว เพราะสูตรฟิสิกของคุณลุงอัลเบิร์ตไอน์สไตน์เนี่ยแหละค่ะ ที่ทำให้เดี๊ยนสอบตกฟิสิกส์ แก้แล้วก็แก้อีก  อย่าจะตีคุณลุงจริงๆเลย แต่คุณลุงแกก็เก่งจริงๆนะค่ะ ต้องยอมรับ คิดสูตรโน้นนี้นั้น สารพันปัญหาให้ปวดเศียรเวียนเกล้า โอ้ยเดี๊ยนจะเป็นลมคะ


มีป้ายบอกประวิติของอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ด้วยนะค่ะว่า ระหว่างปี 1879-1955

โดยในป้ายมีภาษาอังกฤษให้ด้วย พอถูๆไถแปลมาให้อ่านดังนี้ค่ะ อ่านดูเป็นความรู้กันคะ
ความเกี่ยวข้องของสวน Rose Garden กับอัลเบิร์ตไอน์สไตน์

อัลเบิร์ตไอน์สไตน์อยู่กรุงเบิร์นแห่งนี้ระหว่างปี 1902 และ 1909 และเขาก็ได้ก่อตั้งคิดสูตร E+mc2 ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ และในสวนโรสการ์เดนส์ก็เคยเป็นหนึ่งในสวนที่อัลเบิร์ตไอน์สไตน์ และภรรยาของเขาชื่นชอบและโปรดปรานอีกแห่งหนึ่งในเมืองนี้ด้วย
คุณลุงอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ ดูแกสลึมสะลือเหมือนจะง่วงอยู่ตลอดเวลาเลยนะค่ะ
หากเพื่อนๆคนใหนแวะมา ก็อย่าลืมมาลั๊ลลาทักทาย ถ่ายรูปคู่กับลุงเค้าหน่อยนะ เผื่อจะได้ซึมซับสูตรฟิสิกส์เข้าสมอง เดี๊ยนรับรองว่าเก่งขึ้นแน่นอนจ้า

ทางขึ้นและลงเนินเขาไปยังสวนสาธาณะ Bear Park ย่านชุมชนเก่า
และหลังจากที่ได้นั่งพักถ่ายรูปคู่กับคุณลุงอัลเบิร์ตไอน์สไตน์แล้วนะค่ะ
ก็จะมีทางเดินลงเนินเขาจากสวน Rose garden ไปยังบ้านน้องหมีคะ
ตามภาพก็จะเป็นทางเดินลงไปยังอุทยานบ้านน้องหมีค่ะ หรือ Bear Pit Bärengraben
แวะนั่งพักทานขนมมื้อเที่ยงนี้สักแป๊บนึง
 ระหว่างเดินลงไปตามลาดชัน ก็มีที่นั่งพักในมุมเงียบๆ ไม่วุ่นวายให้ด้วย เดี๊ยนเลยเดินแอ๊บแมนเข้าไปนั่ง ทานขนมหวาน เติมน้ำตาลในเลือดสักหน่อยค่ะ
ช็อคโกแลตสวิตเซอร์แลนด์ก็อร่อยอยู่นะ
 ทานขนมไปเสร็จ ก็ทานขนมช็อกโกแลตที่ทางโรงแรมแจกต่อค่ะ
ล้างปากด้วยแอปเปิ้ลหวานน้อย ซ่ะเมื่อไหร่ล่ะ..แต่หวานโคตรๆเลยล่ะ
หลังจากนั้นก็ล้างปาก ด้วยแอปเปิ้ลหอมหวานตามสไตล์สวิต กัดกินตรงนี้แหละค่ะ แอปเปิ้ลเมื่อเช้านี้ ทานไม่หมด เลยพกมาด้วย เผื่อหิวค่ะ เลยจัดมาทานเป็นมื้อเที่ยงซะเลย
นอกจากต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวๆแล้ว ยังมีใบเมเปิ้ลสีแดงให้ได้ชื่นชมกันด้วยนะ
นั่งพักชมนก ชมดอกไม้ ใบหญ้าไปเรื่อย
หลังจากทานมื้อเที่ยงอิ่มพอประทังท้องไปแล้ว ดิฉันก็เดินลงมาที่ถนนด้านล่างเพื่อมาชมบ้านน้องหมี หรือ Bear Park ค่ะ
พอเดินลงมาก็จะเป็นถนนวิ่งเข้าสู่เมืองเก่า หากเดินตรงไปก็จะไปเจอหอนาฬิกาประจำเมืองค่ะ
แต่ตอนนี้ ดิฉันขอแวะไปดูน้องหมีก่อนค่ะ
เดินลงมาก็เป็น Bear Park in Bern
เดินข้ามถนนมาก็จะเป็น Bear Park ค่ะ ซึ่งที่นี้ถือเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งสำหรับการมาเดินทางเที่ยวชมเมือง เพราะหมีคือสัตว์ประจำเมืองนี้ค่ะ และยังเป็นที่มาของชื่อเมืองเบิร์นด้วยนะค่ะ

สาระน่ารู้เกี่ยวกับที่มาของคำว่า เบิร์น

คำว่า Bern ซึ่งคำนี้มาจากภาษาเยอรมันที่แปลว่า หมี นี้เองค่ะ ด้วยเหตุที่ตั้งชื่อว่าเบิร์นก็เพราะว่า หมีเป็นสัตว์ชนิดแรกเลยที่อดีตผู้เจ้าครองเมืองได้ทำการล่า ก็เลยนำชื่อหมีมาตั้งเป็นชื่อเมือง ว่า Bern นั้นเองล่ะค่ะ ฟังดูแล้วสงสารเจ้าหมีตัวแรกที่โดนล่ามากๆเลย แต่ถ้าล่าสัตว์ตัวอื่น ที่ไม่ใช่หมี คงต้องใช่ชื่ออื่นเป็นแน่แท้ 

เดินเข้ามาก็จะเป็นลานเลี้ยงน้องหมี แต่ยังไม่เจอหมีเลยค่ะ
มองลงไปเห็นแต่ตุ๊กตาไม้น้องหมี  แล้วหมีอยู่ที่ใหน
น้องหมีนอนแอ๊งแม่งอยู่บนลานปู ใกล้ริมแม่น้ำอาเร่ น่าจะหลับฝันดีมากๆด้วยนะ
อ่อ...เห็นคนมุงดูกันเต็ม นอนหมีกำลังบรรทม นอนกรนอยู่ตรงนี้นี่เอง
มีเด็กคนนึงตะโกนเรียกน้องหมีอย่างดังเลยนะค่ะ แต่เจ้าหมี สัตว์ประจำเมือเบิร์นแห่งนี้ ก็ไม่ยอมตื่นเลยล่ะค่ะ 
น้องหมีบรรทมแบบไม่รู้โรย ไม่รู้ตื่นเลย เรียกก็ไม่ยอมลุก หลับดีจริงๆ
น้องหมีนอนแอ๊งแม่งอยู่ น่าจะหลับฝันดีมากๆด้วย เป็นหมีสีน้ำตาล ถือว่าเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองนี้เลยนะค่ะ เดี๊ยนเห็นก็มีอยู่ตัวเดียว มองหาหมีตัวอื่นๆด้วย แต่ไม่ยักกะเห็นคะ
วิวทิวทัศน์จากสวนสาธารณะ Bear Park ชมเมืองเก่า
ดูน้องหมีเสร็จ ก็มีทางเดินลงไปนั่งพักผ่อนริมแม่น้ำอาเร่ด้วยนะ
 ระหว่างก็มีดอกไม้ ใบหญ้าให้เราได้สุขอุราชื่นชมกันด้วยล่ะ
old city of Bern หรือจุดชมวิวท่องเที่ยวถ่ายรูปชมเมืองเก่า คลอเคล้าไปตามสายแม่น้ำ งามอลังการยิ่งนักเชียว
 มองไปก็เป็นบ้านเรือนติดริมแม่น้ำอาเร่ แม่น้ำสีเขียวใสดั่งมรกต ดูแล้วดงามมากๆเลยนะค่ะ
สมแล้วล่ะ ที่ยกให้เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก
มีที่นั่งให้ได้นั่งพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์กันด้วยนะ
มีบ้านม่านชานเรือน หลังคง หลังคา ก็สีงาม สวยสง่าสมเป็นเมืองมรดกโลกจริงๆนะ
 พอเดินลงมาก็จะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำอาเร่ โดยสะพานแห่งนี้มีชื่อว่า Nydeggbrucke ซึ่งเป็นสะพานข้ามไปยังเมืองเก่าคะ
นั่งพักริมแม่น้ำอาเร่ มองไปฝั่งตรงข้าม ก็เป็นบ้านเรือนรูปทรงสวยงามน่ารักมากๆนะค่ะ ดูมุ้งมิ้งตามสไตล์สวิตเซอร์แลนด์จริงๆ  บรรยากาศเมืองเค้าสวยงาม สะอาดสะอ้าน น่าอยู่มากๆ
มองลอดใต้สะพานไปอีกฝั่งไปตามริมแม่น้ำอาเร่ ก็เห็นสะพานอีกฝั่ง มีชื่อว่าสะพาน Unterborbrucke และบ้านเรือนขนาดเล็กมุ้งมุ้งน่ารัก เรียงรายอยู่บนเชิงเนินเขา
Aare river in bern (แม่น้ำอาเร)
 หลังจากนั่งพักริมแม่น้ำอาเร่ ไม่นานนัก ดิฉันก็เดินขึ้นมาบนจุดชมวิวสะพาน Nydeggbrucke ก็จะมองเห็นวิวเมืองเก่าสวยงามเชียวค่ะ
 มีเรือจอดเทียบท่าอยู่ด้วยนะ
ของที่ระลึกในเมืองเบิร์น (Bern Souvenir )
 นอกจากนี้ตรงข้ามสวนสาธารณะบ้านน้องหมี ยังมีร้านขายของที่ระลึกให้แวะซื้อกันอีกด้วยค่ะ
จุดชมวิวทิวทัศน์ ชมเมืองมรดกโลกอันสวยงาม ที่สะพาน Nydeggbrucke
 สวนที่เห็นเป็นปราสาทยอดปลายแหลมๆนั้น ไม่ใช่ปราสาทเจ้าหญิงสโนว์ไวทนะค่ะ แต่เป็นโบสถ์คาทอลิกค่ะ
น้องหมีตื่นแล้วกระมัง ออกมาเดินจริงจังเชียว
 มองไปที่สวนน้องหมี ก็เห็นน้องหมีออกมาเดินต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยละค่ะ
ใช่น้องหมีตัวเดียวกับที่นอนแอ๊งแม่งอยู่หรือเปล่านะ เดี๊ยนก็ไม่ทราบ เพราะดูนางเดินต้วมเตี๊ยมมากๆ 
 หากเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนมาเที่ยวกรุงเบิร์น ก็ลืมมาเดินเพลินๆ ชมเมืองนี้กันดูนะค่ะ เป็นทริปเดินออกกำลังกาย เที่ยวแบบง่ายๆ สบายชิวๆ ดูวิวเมือง ถ่ายรูปไปเรื่อย อากาศเมืองนี้ก็ดี๊ดีด้วย ท้องฟ้าก็สดใสมากๆ เริ่ดๆสุดๆไปเลยค่ะ
เดินข้ามสะพานแม่น้ำอาเร ไปชมเมืองเก่า
 และหลังจากที่ได้ชมน้องหมีสีน้ำตาลแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็เดินข้ามสะพานเข้าไปในย่านตัวเมืองเก่าค่ะ
พอเดินมาก็จะเป็นย่านเมืองเก่า เป็นบ้านม่านชานเรือนและร้านค้าตั้งเรียงราย
 มีทางเดินในร่มให้เดินแวะชม แวะซื้อสินค้ากันด้วยนะค่ะ
 นอกจากนี้ยังมีโรงแรมเก๋ๆให้ได้มานอนพักค้างใช้บริการกันด้วยล่ะ
เดินมาก็เจอตุ๊กตาน้องหมีสีน้ำตาลกำลังเสนอหน้า ต้อนรับลูกค้า น่ารักเชียวค่ะ เห็นแล้วอยากได้
โดยตุ๊กตาหมีน่าจะเป็นของฝากที่ขึ้นชื่อที่สุดของเมืองนี้แล้วล่ะ เดินไปทางใหนก็เจอแต่น้องตุ๊กตาหมีมุ้งมิ้งสุดๆไปเลย
 นอกจากตุ๊กตาหมีแล้ว ตามอาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมต่าง ก็มักจะปลูกดอกไม้ริมกระทางไว้หน้าบ้านก็สวยงาม ร้าวรานจับใจเช่นเดียวกัน
 แต่ดอกไม้ที่ปลูกไว้ตามกระถางต้นไม้สวยกว่าเยอะเลยค่ะ
 ตามร้านค้าและร้านอาหารต่างๆ มักประดับของตกแต่งน่ารักกิ๊บเก๋ เพื่อดึงดูดลูกค้าและนักท่องเที่ยว เนื่องจากของแต่ละอย่างก็น่ารักสวยงามจริงๆ
เดินหลงทางมาในย่านเมืองเก่าก็จะเห็นโบสถ์
อาคาร สถาปตยกรรมบ้านเรือน ในย่านชุมชนเก่า ถนนปูด้วยอิฐอย่างแข็งแกร่ง บ้านเรือนสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ
 พื้นถนนที่นี้ก็ปูด้วยอิฐอย่างแข็งแกร่ง ด้วยสวยงาม เข้ากับบรรยากาศและสถาปัตยกรรมบ้านเรือนในเมืองเก่ามากนะคะ
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเบิร์น Berner Münster หรือมหาวิหารแห่งกรุงเบิร์น
 และโบสถ์ที่สูงที่สุดที่เห็นเป็นยอดอันโดดเด่นก็อยู่ตรงนี้นี่เองค่ะ Berner Münster หรือมหาวิหารแห่งกรุงเบิร์น โดยเป็นโบสถ์วิหารที่สำคัญประจำประเทศสวิตเซอร์แลนด์นี้อีกด้วยนะค่ะ ดูอลังการมากๆ ตอนแรกมองจากจุดชมวิวสวนโรสการ์เดนซ์ เดี๊ยนคิดว่าปราสาทเจ้าชายกบเสียอีก ที่แท้ก็เป็นวิหารนี้เอง
 หุ่นรูปปั้นตามบ่อน้ำพุของสวยงามโดดเด่น
มีร้านค้าและร้านอาหารตั้งเรียงราย รวมทั้งร้านขายเก้าอี้ ขายเฟอร์นิเจอร์งานฝีมือ ก็น่าซื้อมากๆด้วยเช่นกันนะค่ะ เพราะสินค้าที่นี่สวนใหญ่ก็งานทำแฮนเมดทั้งนั้นเลย
น้ำพุประจำเมืองเบิร์น
 และอีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นที่สุด เมื่อมาเที่ยวเมืองเบิร์น จะเห็นบ่อน้ำพุตั้งเรียงราย อยู่ตลอดเส้นทาง บนยอดของบ่อน้ำพุก็จะมีรูปปั้นประดับประดาอย่างสวยงามแตกต่างกันคะ
บ่อน้ำพุอีกหนึ่งสิ่งที่พบเห็นได้ตามถนนหนทางในเมืองนี้ ซึ่งน้ำพุในเมืองนี้ ในสมัยแต่ก่อนเมื่อหลายร้อยปี ชาวบ้านในเมืองก็จะใช้น้ำจากน้ำพุในการดื่ม ต้ม กินและใช้สอยในด้านต่างๆด้วยนะค่ะ เพราะว่าเป็นน้ำสะอาด สามารถดื่มได้ และปัจจุบันน้ำพุนี้ก็ยังดื่มได้อยู่ค่ะ
หากใครที่พกขวดน้ำดื่มมาด้วย ก็ไม่ต้องไปซื้อให้เปลืองสตังนะค่ะ เดินตรอกตามบ่อน้ำพุนี้ได้เลย น้ำดื่มได้จ้า
รูปปั้นบนยอดน้ำพุเป็นรูปต่างๆ ทั้งรูปหมี รูปคน ตกแต่งสวยงาม วิจิตรบรรจง ดูกิ๊บเก๋ยูเรก้ามากๆ
ตามบ่อน้ำพุก็จะมีรูปปั้นประดับไว้ อย่างเช่นอันนี้เป็นรูปทหารหมี ดูสวยงามแปลกตาดีจังนะค่ะ
 ส่วนบ่อน้ำพุอีกอันก็เป็นแม่สาวน้อย กำลังเทน้ำให้ชาม ดูหน้านางนิ่งมากๆด้วยนะ
เดินออกจากบ้านน้องหมี ก็วกกลับเข้ามาที่หอนาฬิกาเหมือนเดิมคะ
เดินจากสวนสาธารณะบ้านน้องหมี มาไม่ไกลนักก็จะเจอกับหอนาฬิกาเก่าประจำเมืองแล้วค่ะ
นาฬิกาซ่อมอยู่ แต่เข็มนาฬิกาอันใหญ่ ยังใช่งานได้อยู่นะค่ะ ตอนนี้จะบ่าย 2 แล้วจ้า
 และหลังจากที่ได้เดินชมย่านชุมชนเก่าไปแล้วนะค่ะ  ดิฉันก็เดินเลี้ยวซ้ายไปเดินชมวิวเมืองเบิร์นอีกแห่งค่ะ
โดยอีกหนึ่งจุดชมวิวเมืองเบิร์นที่สวยงามที่สุด ก็คือ สะพาน Kirchenfeldbrucke ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอนาฬิกาเก่าประจำเมือง เดินเท้ามาได้ค่ะ
 โดยสะพานข้ามแม่น้ำอาเรแห่งนี้ มีขนาดใหญ่ข้ามระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่ แต่ดิฉันมองไปรอบๆ ก็เห็นจะมีแต่บ้านเรือนเหมือนๆกันไปหมดเลยนะคะ
 บรรยากาศวิวทิวทัศน์เมืองก็สวยสดงดงาม อร่ามจับตา
มองไปเจอสนามกีฬาและเด็กๆกำลังตั้งวงออกกำลังกายกันอยู่ด้วยนะค่ะ แต่สนามหญ้าดูแล้วน่านอนมากๆเลยค่ะ คงจะนุ่มน่าดู เพราะเขียวขจีเชียว
วิวทิวทัศน์เมืองเบิร์น ที่จุดชมวิวบนสะพาน Kirchenfeldbrucke อีกหนึ่งมุมภาพสวยที่พบเห็นในอินเตอร์เน็ต
 ในที่สุดก็มาถึงสักทีค่ะ ภาพวิวทิวทัศน์กรุงเบิร์นที่เคยเห็นแต่ในอินเตอร์เน็ตและในหนังสือนิตยสารท่องเที่ยว อยู่ที่สะพาน Kirchenfeldbrucke นี้เองค่ะ โดยจากสะพานไปก็จะเป็นวิวทิวทัศน์ย่านเมืองเก่าเก่า บรรยากาศเมืองตัดกับท้องฟ้าสีคราม และอีกฝั่งกับเป็นต้นไม้ มีแม่น้ำอาเรไหลผ่าน สวยงามมากๆ
 มีฝายทำนบกันน้ำในแม่น้ำด้วยนะค่ะ ซึ่งเป็นการจัดสรรน้ำอย่างเป็นระบบ และอีกอย่างก็คือเวลามองจากสะพานลงมาก็เห็นเปนภาพน้ำไหลตัดกับแม่น้ำสีเขียวสดใส งามวิไลยิ่งนัก 
วิวทิวทัศน์เมืองเบิร์นที่สะพาน Kirchenfeldbrucke
บ้านเมืองเค้าสวยงามจริงนะค่ะ มีการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ บ้านม่านเรือน ทั้งอาคารสถาปัตยกรรม หุ่นรูปปั้น ก็ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี บ้านเมืองก็สะอาดสะอ้านสวยงาม มองไปทางใหนก็เจริญหู เจริญตา เหมาะสมแล้วค่ะที่ได้รับให้เป็นเมืองมรดกโลก
หลังจากได้ชมทิวทัศน์เมืองเบิร์นที่สะพาน Kirchenfeldbrucke เรียบร้อยแล้ว
ดิฉันก็เดินเท้ากลับไปยังโรงแรมที่พักค่ะ เพื่อไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม
หากเพื่อนๆคนใหนที่จะมาแวะถ่ายภาพสวยๆ ก็สามารถเดินเท้ามาได้เลยนะค่ะ หรือจะเดินแวะตามทางเดินริมแม่น้ำ ก็สวยงาม บรรยากาศดีเช่นกันค่ะ
เดินลั๊ลลามาแวะช็อปปิ้ง ดูตลาดขายสินค้าในกรุงเบิร์น ตลาดน่ารักเชียว
ก่อนจะไปเอากระเป๋าเป้ที่โรงแรม ก็แวะเดินตลาดช็อปปิ้งสักกะติ๊ดนึงคะ ตลาดนัดบ้านเค้าก็น่ารักดูมุ้งมิ้งมากค่ะ สินค้าแต่อย่างเห็นแล้วก็อยากได้มากๆ
เดินผ่านร้านขายของที่ระลึกต่างๆ  ดูน่ารักและน่าซื้อมากเลยค่ะ ของแต่ละอย่างคือแบบว่า อยากควักเงินซื้อจริงๆ ทั้งนาฬิกง นาฬิกา หรือตุ๊กตาเซรามิค ก็กุ๊กกิ๊กไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
น้องจากน้องหมีแล้ว ก็มีตุ๊กตาน้องหมาก็น่ารักเหมือนกันนะค่ะ
แต่คนส่วนใหญ่ที่แวะมาเที่ยวที่นี้ เห็นจะซื้อน้องหมี กับกระดิ่งสวิตมากกว่า เนื่องจากเป็นสินค้าสัญลักษณ์ประจำของที่นี้ไปแล้ว
เดินเท้ากลับมายังโรงแรม เพื่อมาเอากระเป๋าเป้ที่ฝากไว้ในโรงแรมค่ะ
และหลังจากที่ได้ไปแวะเดินชิลๆดูวิวเมืองเก่าในกรุงเบิร์นจนพอใจแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เดินกลับมาเอากระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ฝากไว้ที่โรงแรม เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อไปยังเมืองถัดไปคะ
จากนั้นก็เดินทางไปยังสถานีรถไฟ
 หลังจากที่ได้กระเป๋าแล้ว ดิฉันก็เดินแบกเป้มาขึ้นรถเมลล์โดยสารจากที่หอนาฬิกา แล้วนั่งรถรางมาลงที่สถานีรถไฟค่ะ จำได้ว่าเมื่อวานนี้ ฝนตกเดินเท้าแบกเป้ไปยังโรงแรม เล่นเอาหลังของเดี๊ยนแทบหักเลยค่ะ แต่เดินทางมาสถานีรถไฟรอบนี้ ไม่ต้องแบกเป้ให้เมื่อยล่ะ
ระหว่างนั่งรถทรัมหรือรถรางจากที่พักมา ก็เห็นน้องหมาบนรถด้วยนะ น่ารักจุงเบย
ระหว่างยืนอยู่บนรถโดยสาร ก็มีน้องหมาน่ารัก ตาหงอยๆขึ้นมาบนรถได้ด้วยนะ
แต่กระเป๋าใบใหญ่ของเดี๊ยน ทำน้องหมาหน้าดุไปเลย 
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟแล้ว ก็ต้องมาดูตารางเวลาและขบวนรถไฟที่จะไปยังเมืองถัดไปคะ
จากนั้นก็เดินแบกเป้ลงมาที่สถานีรถไฟ เพื่อมาดูตารางเวลาของขบวนรถไฟที่จะวิ่งไปและชานชลาที่ต้องไปรอขึ้นรถค่ะ โดยจุดมุ่งหมายเมืองท่องเที่ยวถัดไปก็คือเมืองอินเทอร์ลาเกน (Interlaken)
การเดินทางไปเมือง Interlaken รอบนี้ เลือกเดินทางเวลา 16.04 น.
การเดินทางไปเมือง Interlaken รอบนี้ เลือกเดินทางเวลา 16.04 น.
มารอรถไฟชานชลาที่ 4 ค่ะ
รอรถไฟที่ชานชลาในสถานีรถไฟเมืองเบิร์น
 รอรถไฟไม่นานที่ชานชลา แนะนำมารอล่วหน้าเลยนะค่ะ เพราะรถไฟที่นี่ตรงเวลาเป๊ะเว่อร์
นั่งรถไฟเตรียมเดินทางต่อไปยังเมืองท่องเที่ยวถัดไปคะ
 หลังจากรถรถไฟมาไม่นาน ก็มาตรงเวลาจริงๆ และเมืองท่องเที่ยวถัดไปที่คุณนายเว่อร์ จะมารีวิวพาไปเที่ยวต่อก็คือเมืองอินเทอร์ลาเกนค่ะ

และทริปรีวิวเที่ยวกรุงเบิร์นในวันนี้ แม้จะเป็นการเดินท่องเที่ยวเมืองเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ได้สัมผัสบรรยากาศ วิวทิวทัศน์ของเมืองมรดกโลกแห่งนี้อย่างสวยงาม ทั้งสถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือน ที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังและนักท่องเที่ยวได้ชมอย่างน่าสนใจ เป็นเมืองที่น่าหลงไหลและสวยงาม สมเป็นเมืองในฝันของใครหลายคนจริง และเป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีติดระดับโลกอีกด้วยนะค่ะ

สำหรับรีวิวท่องเที่ยวเมือง Bern ในเว็ปบล็อกนี้ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้าเอง ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบล็อกท่องเที่ยวเล็กๆนี้ น่าจะกระตุ้นต่อมให้เพื่อนและคุณผู้อ่านที่ยังไม่เคยไปเที่ยวเมือง bern ได้ลองแวะมาเดินเพลินๆ ชมบ้านน้องหมี ดูวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองนี้กันสักครั้งนะค่ะ หากรีวิวในเว็ปบล็อกตอนที่ 11 นี้มีข้อผิดพลาด ประการใด ดิฉันเองต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยคะ และต้องขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านที่เสียสละเวลาเข้ามาสไลด์ดูภาพกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะคะ.....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
----------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกรีวิวท่องเที่ยวอื่นๆ มีดังนี้จ้า
รวมข้อมูลที่พักเมืองอินเทอร์ลาเคน ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>>
แนะนำข้อมูลที่พักเมืองอินเทอร์ลาเคน ราคาประหยัด ใกล้สถานีรถไฟ เดินทางได้สะดวกสบาย คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก+เบอร์โทรติดต่อค่ะ>>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวขอนแก่น สุดสะแนนแสนชิล ไปถ่ายรูปวิวสวยงาม คลิ๊กดูที่เที่ยว>>
มาเด้อมาเที่ยวเมืองขอนแก่น สุดสะแนนแสนชิล ขับรถไปถ่ายรูปชมวิวต่างๆ มีที่ใหนเช็คอินบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
รีวิวเที่ยวเมืองอุดร เช่ารถขับตะลอนไปชมสถานที่ต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อ>>
มาม๊ะ..มารีวิวเที่ยวเมืองอุดร เช่ารถออนซอน ตะลอนไปชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเวียงจันทร์ 1 วัน ไป-กลับ ขยับเดินชมตามที่เที่ยวต่างๆ มีอะไรบ้าง>>>
เก็บตก รีวิวเที่ยวเวียงจันทร์ 1 วัน ไปเช้า-เย็นกลับ มีที่เที่ยวอะไรให้ชื่นชมกันอีกบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
แบ่งปันรีวิวแบกเป้เที่ยวหนองคาย เมืองนี้มีอะไรมากมายให้ชมจริงๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวจ้า>>
มาเด้อมารีวิวเที่ยวหนองคาย 3 วัน 2 คืน ไปชื่นชม ภิรมย์ใจตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>

รีวิวแบกเป้เที่ยวเมืองอินสบรูค 2 วัน 1 คืน มีที่เที่ยวอะไรให้ชมบ้าง ตามไปดูกันค่ะ>>
แบ่งปันรีวิวแบกเป้เที่ยวอินส์บรูค 2 วัน 1 คืน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ชื่นชมกันบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
แบ่งปันรีวิวเดินทางไปชมปราสาทน็อยชวานสไตน์ด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิววิธีการเดินทางไปเที่ยวชมปราสาทน็อยชวานสไตน์ด้วยตัวเองมาฝากใน 1 วัน มีที่เที่ยวอะไรให้ชมอีกบ้าง ตามไปชมกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
รีวิวพาชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลย>>
พารีวิวเที่ยวชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ เดินชมในนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้ คลิ๊กดูรายละเอียดภาพรีวิวค่ะ>>>
หรือดูรายละเอียดที่ : http://bit.ly/2l05FdT
รีวิวเที่ยวเมืองมิวนิค เดินชิคๆไปชมสถานที่สวยงามต่างๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวเมืองมิวนิค เดินชิคๆไปชมสถานที่สวยงามต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปชมกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>

เที่ยวนครนายกไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวไปทั่วได้ด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิว>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวนครนายก ไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวไปทั่วได้ใน 1 วันแบบชิลๆ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวจ้า>>>
รีวิวพาไปเที่ยวเมืองอูล์ม เมืองน่ารักที่ไม่เป็นแค่ทางผ่าน คลิ๊กดูสถานที่ท่องเที่ยวจ้า>>
แบ่งปันรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวพาไปเที่ยวเมืองอูล์ม(Ulm) เมืองน่ารัก ที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน แต่ก็มีสถานที่ให้ยลตระการอยู่ไม่น้อย คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวจ้า>>
แบ่งปันรีวิวพาไปชมเมืองสตุทการ์ท มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปกันเลย>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวพาไปเที่ยวเมืองสตุทการ์ท มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ มีที่เที่ยวอะไรให้ชมอีกบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวจ้า>>>
รวมข้อมูล 11 ที่เที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ ที่คนนิยมไปเช็คอินกัน มีที่ใหนบ้างนะ>>
รวมเด็ดกับ 11 ที่เที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน ที่คนนิยมไปเช็คอินกันที่สุด มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>> 
รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
มาเน้อเจ้า..มาแอ่วภูลังกา ดูทะเลหมอกสวยระย้าจับใจ แวะตะไลไปเชียงคำ สัมผัสวัฒนธรรมไทลื้อ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>>
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 13 วิธีการเดินทางไปจุงเฟราด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวยุโรป ตอนที่ 13 แบ่งปันรีวิววิธีการเดินทางไปพิชิตเขาจุงเฟราด้วยตัวเองแบบง่ายๆมาฝากจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2LHckBV
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 10 เยือนสวิตเซอร์แลนด์ เจนีวา-โลซาน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ตอนที่ 10 แวะเมืองเจนีวา-โลซาน ยลตระการศาลาไทย ตามรอยในหลวง คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2N0X57i
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 9 เดินชมเมืองลียง ชมอัสดงที่เขาฟูรวิแยร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวยุโรปตอนที่ 9 แวะชมเมืองลียง เดินชมดงย่านชุมชนเก่า คลอเคล้าตามสายแม่น้ำ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2NyWRFA
เที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะนั่งพักตากอากาศริมหาดที่เมืองนีซ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะเดินชิลๆที่เมืองนีซ ชมเมืองพักตากอากาศอันเลื่องชื่อนี้ดูสักครั้งสิ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/dLDKAX
รีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤษภาคม แบกเป้เที่ยวฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 1 แวะตราตรึงชมพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ดูรูปโมนาลิซ่า สวยระย้าจับใจ จนเมื่อยขาลากไปไกลเลย คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวค่ะ>>> 
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eoJBtM
รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนเมษายน ล่องเรือไหว้แม่น้ำเจ้าพระยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวกรุงเทพ 1 วัน เสพสุขสันต์เย็นซ่า ล่องเรือไหว้พระตามลำน้ำเจ้าพระยา สุขอุราชื่นบานยิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวค่ะ>>>
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/HrLddq

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น