สำหรับบล็อกวันนี้ขอมาแบ่งปัน รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเมืองเบิร์นด้วยตัวเองมาฝากเพื่อนๆค่ะ มาดูเมืองหมีแห่งนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้างนะ |
หลังจากที่รีวิวก่อนหน้านี้ คือตอนที่ 10 (ตามเว็ปลิงค์ : https://bit.ly/2N0X57i) ได้มารีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเดินเที่ยวเมืองโลซาน ตามรอยชมเมืองวัยเยาว์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 และนั่งรถไฟไปสุขสกาวที่เจนีวาแล้วนะค่ะ มารีวิวในตอนที่ 11 นี้ อยากจะขอมารีวิวเที่ยวกรุงเบิร์นให้เพื่อนๆได้ดูกันค่ะ โดยเมืองเบิร์นเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งเนื่องจากเป็นเมืองมรดกโลก ที่ใครต่อใครก็ล่ำลือกันว่าเมือง นี้สวยงามดุจภาพวาด มีโบราณสถาน อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ และภูเขา อันสวยสดงดงาม ร้าวรานจับใจ จนใครๆก็กันบอกว่า หากมาเที่ยวสวิตให้แวะมาเยือนสักครั้ง รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีหมี และมีหอนาฬิกาเก่าแก่ แลดูมีมนต์ขลัง ให้ได้แวะชมเสียงระฆังดังเหง่งหง่างกันอีกด้วย
ใหนๆก็แวะมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ทั้งที เดี๊ยนเลยขอปักหมุดเที่ยวเมืองนี้สักครั้งค่ะ โดยทริปการเดินทางแบกเป้ตะลุยยุโรปในครั้งนี้ ก็เข้าสู่วันที่ 24 พ.ค.แล้วค่ะ โอ้ยรู้สึกว่า..หนทางยังอีกยาวไกล แต่เดินทางแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวไปเรื่อยๆ เมื่อยก็หยุดพักชิวๆไปจ้า ยังไงคุณนายเว่อร์ ก็หวังว่าคุณผู้อ่านอย่าเบื่อกันไปเสียก่อนนะค่ะ เพราะบางครั้งเดี๊ยนเองก็ไม่มีเวลาจะมาเขียนให้จบในตอนนี้ เนื่องจากงานประจำก็กองสุ่มอยู่บนโต๊ะ พอเลิกงานมาก็ค่อยมานั่งเคาะแป้นพิมพ์เป็นคนบ้า พรรณาไปเรื่อย มีคนมาอ่านหรือสไลด์ดูแค่ 1 คน เดี๊ยนว่าก็เยอะแล้วจ้า
แผนการเดินทางรีวิวเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ตอนที่ 11 เดินทางจากเจนีวา มาเอากระเป๋าเป้ทีโลซาน จากนั้นก็นั่งรถไฟมาที่เมืองเบิร์น |
ก่อนจะเข้าสู่ภาพรีวิว เรามารู้จักกรุงเบิร์นกันก่อนนะค่ะ มาอ่านเป็นความรู้เปิดโลกกว้างกันจ้า
ข้อมูลน่ารู้เล็กน้อยๆ เกี่ยวกับเมืองเบิร์น หรือ แบร์นา (Bern : Switzerland) |
เบิร์น (เยอรมัน: Bern; ฝรั่งเศส: Berne) หรือ แบร์นา (อิตาลีและโรแมนช์: Berna) เป็นเมืองหลวงโดยพฤตินัยของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีประชากรประมาณ 130,000 คน มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของประเทศ ภาษาราชการที่ใช้ในกรุงแบร์นคือ ภาษาเยอรมัน แต่คนในเมืองส่วนใหญ่นิยมพูดภาษาเยอรมันแบร์นเป็นภาษาถิ่น ในปี ค.ศ. 1863 แบร์นได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก นอกจากนี้แบร์นยังได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลกในปี ค.ศ 2010 อีกด้วย
เครดิตข้อมูลน่ารู้จาก https://th.wikipedia.org/wiki/แบร์น
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเมืองเบิร์น มีที่ใหนบ้าง (แนะนำเดินเที่ยวในตัวเมืองก็คุ้มค่าจ้า)
- The old Town ย่านชุมชนเก่า
- Clock Tower (Zytglogge) หอนาฬิกาประจำเมืองที่ใครแวะมาต้องถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
- Rosengarten สวนโรสการ์เด้น
- The Einstein Museum พิพิธภัณฑ์แอลเบิรต์ ไอสไตน์
- Berner Münster มหาวิหารแห่งกรุงเบิร์น
- The Bear Park สวนหมี
- Zentrum Paul Klee
การเดินทางมายังกรุงเบิร์น
- เครื่องบิน
- โดยรถไฟ ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟเป็นการเดินทางได้ที่รับความนิยมมากที่สุด
โดยเพื่อนๆสามารถตรวจสอบตารางขบวนรถไฟได้ที่เว็ปไซต์ : https://www.sbb.ch/en/timetable.html
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเมืองเบิร์น มีที่ใหนบ้าง (แนะนำเดินเที่ยวในตัวเมืองก็คุ้มค่าจ้า) |
ป้ายแสดงเส้นทางรถโดยสารสาธารณะในเมืองเบิร์นคะ |
มีแผนที่เส้นทางการเดินทางมาให้ด้วยแบบคร่าวๆค่ะ ภาพอาจจะเล็กหน่อย ต้องขออภัยด้วยค่ะ
หลังจากที่พอรู้จักเมืองเบิร์นกันไปพอคร่าวๆล่ะ ก็ไปสไลด์ดูภาพรีวิวการเดินทางเที่ยวเมืองเบิร์นกันเลยจ้า
มาดูสิว่าในกรุงเบิร์นแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองที่น่าสนใจอะไรภาพ แหล่งท่องเที่ยวใหนสวย ไปถ่ายรูปจุดชมวิวตรงใหนบ้าง
แบกเป้เตรียมเดินทางออกจากเมืองโลซาน มารอขึ้นรถไฟไปยังเมืองเบิร์น |
ดิฉันนั่งรถไฟจากกรุงเจนีวา มาลงที่เมืองโลซาน
จากนั้นก็เดินกลับไปที่พัก เพื่อเอากระเป๋าเป้ แล้วเดินแบกกระเป่ามาขึ้นรถไฟที่เมืองโลซาน
เพื่อมุ่งหน้าเดินทางไปยังกรุงเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวถัดไป และไปพักค้างเมืองนี้ 1 คืนคะ
มารอขึ้นรถไฟรอบเวลา 18.44 น.ที่ชานชลาหมายเลข 1 |
โดยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีรถไฟเชื่อมต่อไปยังหลายเมือง เพื่อนๆสามารถใช้บัตร Eurail Pass หรือบัตร Swiss pass เดินทางได้ค่ะ
และสามารถเช็คตารางเวลารถไฟได้ที่เว็ปไซต์ :https://www.sbb.ch/en/timetable.html
สำหรับทริปวันนี้ ดิฉันนั่งรถไฟสวิตขบวนที่จะไปเมืองลูเซิร์น แต่ผ่านเมืองเบิร์นด้วย
รอรถไฟที่สถานีโลซาน ชานชลาหมายเลข 1 |
รอบนี้ขอนั่งรถไฟชั้น 2 นะคะ |
ส่วนกระเป๋าเป้ใบใหญ่ ก็ยกไปเทินไว้บนที่เก็บสัมภาระด้านบนศรีษะค่ะ
บนรถไฟก็มีปลั๊กให้เสียบด้วยนะ |
แต่ขบวนรถไฟสวิตมีให้ค่ะ ก็เลยเลียบปลั๊กนั่งเปิดโน๊ตบุ๊คทำงานได้จ้า
ระหว่างนั่งรถไฟไปเมืองเบิร์น ก็จะเห็นไร่องุ่นบนเนินเขาและหมู่บ้านริมทะเลสาบเจนีวาให้ได้ชมกันอีกด้วย |
ก็นั่งพักชมวิวเพลินริมทางเป็นหมู่บ้านติดริมน้ำ เป็นไร่องุ่นสวยงามมากๆ
บรรยากาศยามเย็นๆดูครึ้มๆหน่อยนะ มองไปก็เห็นบ้านเรือนหลังเล็กๆ มุ้งมิ้งดูแล้วน่าอยู่มากๆ
และอีกอย่างอากาศที่เมืองนี้น่าจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว
เป็นไร่องุ่นติดริมทะเลสาบเลอม็อง กว้างใหญ่เต็มเนินเขา
น่าจะมีหลายร้อยไร่เลยทีเดียวคะ
ถัดมาจากไร่องุ่นก็จะเป็นทุ่งนาข้าวบาร์เลย์หรือทุ่งหญ้าอะไร เดี๊ยนก็มิได้ เดาเอาค่ะ |
ดูเป็นทุ่งกว้างใหญ่ ตัดเป็นฉากๆ สวยงามละลานตาเชียว
ทานอาหารเย็นเลยค่ะ มื้อนี้เหมือนเดิม ไม่พ้นสลัดผักจ้า |
เพราะกะว่านั่งรถไฟเป็นชั่วโมงหิวแน่ๆ ก็เลยเอามาซัดทาน ณ บัดนาวเลยจ้า
สลัดดูไม่ค่อยน่าทาน แต่รสชาติโอเคนะ
นั่งทานสลัดไป ก็นั่งดูวิวไป เริ่ดๆเชิ่ดๆจ้า
นั่งรถไฟมาได้ซักพักก็ถึงเมืองเบิร์นแล้วค่ะ |
เดินแบกเป้ไปตามตูดเค้าค่ะ เพื่อไปตั้งหลักหาทางออก
bern railway station |
ตั้งแต่ทริปเที่ยวเจนีวา โลซาน ก็เบิกบานเย็นฉ่ำ มาถึงเมืองเบิร์นก็เพลิดเพลินกับฝนอีกล่ะ
เดินออกมาจากสถานีรถไฟ ก็ต้องเจอกับฝนอีกล่ะ |
และที่พักคืนนี้ก็อยู่ย่านเมืองเก่าด้วย จะไปยังไงดี ระยะทางน่าจะไม่ไกล เลยตัดสินใจเดินไปค่ะ เปิด GPS เดินตามทางไปเรื่อย
ตัดสินใจเดินแบกเป้ไปยังที่พัก ระยะทางน่าจะไม่ไกลมาก ประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆคะ |
ที่พักคืนนี้พักที่โรงแรม Bern Backpackers Hotel Glocke ที่พักย่านเมืองเก่า ราคาถูกสุดแล้วคะ |
โดยที่พักคืนนี้ ดิฉันพักค้างที่โรงแรม Bern Backpackers Hotel Glocke เป็นโรงแรมราคาถูกที่สุดแล้วที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง นอกนั้นก็มีแต่ราคาแพงๆค่ะ โดยที่พักคืนนี้ ไม่ได้ใช้บัตรของขวัญ หรือ Gift card นะค่ะ ใช้เงินสดเนี่ยแหละค่ะ จ่ายเลย โรงแรมมีลิฟท์ให้นะค่ะ ไม่ต้องขึ้นบันใดให้เมื่อยขา ถือว่าเป็นตัวเลือกอีกทางสำหรับคนเที่ยวแนวแบ็คแพ็ค
ห้องพักคืนนี้ พักแนวโฮสเทล ห้องนอนรวม ห้องน้ำรวม ราคาคืนละ 1,193 บาท ถือว่าราคาถูกนะ |
ส่วนห้องน้ำก็เป็นห้องน้ำรวมนะค่ะ มีห้องอาบน้ำและห้องนั่งอึแยกให้
สภาพสะอาดสะอ้านมาก มีทิชชู มีป้ายบอกทางให้ครบ แต่ละชั้นก็มีห้องน้ำ สรุปโดยรวมให้ผ่านค่ะ
แต่ห้องพักมีขนาดเล็กคับแคบ โดยในห้องมีเตียงนอน 4 เตียงแบบ 2 ชั้น ก็เลยรู้สึกอึดอัดหน่อยค่ะ แต่วันที่ไปก็โชดดี เพราะทางโรงแรมก็จัดให้ดิฉันนอนกับคนเอเชียหมดเลย แต่ไม่มีคนไทยนะค่ะ เป็นคนจีน 2 คน และคนฮ่องกง 1 คน ก็เลยได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ถือว่าเป็นทริปแรกที่ได้พูดคุยกับคนเอเชียด้วยกัน เพราะทริปที่พักในเมืองโลซานก็มีแต่ฝรั่งชาวต่างชาติทั้งนั้นเลย
ข้อดีของการนอนโรงแรมโฮสเทลก็คือไม่เหงาเนี่ยแหละค่ะ แถมราคาถูก ประหยัด
แต่ข้อเสียอย่างที่ว่า ไม่ค่อยเป็นส่วนตัว ต้องวัดดวงว่าจะได้นอนห้องเดียวกับคนนอนกรนหรือเปล่าอีกด้วย ส่วนใหญ่ก็จะได้นอนกับคนที่นอนกรน เดี๊ยนจะเป็นลมเลยค่ะ ยิ่งถ้าหากบางคนไม่ได้อาบน้ำ และไม่ถอดถุงเท้าออกด้วย ก็ต้องทนดมกลิ่น อันสดชื่นรื่นฤทัยไปทั้งคืน เฮ้อ..เพลียจิตค่ะ
------------------------------------------------------------------------
วันถัดมา
เช้านี้ที่ล็อบบี้ Space Area มานั่งรับประทานอาหารเช้า |
ตอนแรกก็ลุ้นอยู่ว่าจะมีแดดใหม๊น้อ เพราะเมื่อวานเที่ยวเมืองโลซาน และเจนีวา ฝนตกทั้งวันเลยจ้า
ซื้อกับข้าวมาอุ่นทานเองนะค่ะ มีห้องครัว ที่ล้างจานชามและจานชามให้จ้า |
โดยที่โรงแรมก็มี Space area มีห้องครัวสำหรับทำกับข้าว และห้องสำหรับรับประทานอาหารอย่างกว้างขวางเลย
อาหารเช้าวันที่ 23 พ.ค.2018 นี้ ทานผักและผลไม้ กับขนมผักโขม อุ่นให้ร้อนเอามาทานคู่กับสลัด |
มีแอปเปิ้ล และขนมอะไรไม่รู้อีกอย่าง เป็นคล้ายผักโขมค่ะ พอดีซื้อมาจากสถานีรถไฟตั้งแต่เมื่อวานนี้ แล้วเอามาแช่ตู้เย็นไว้ ตอนเช้าจะได้ไม่ต้องออกไปเดินหาซื้ออะไรทานให้เมื่อยๆ
หากเพื่อนๆคนใหนที่แวะมาเที่ยวตามเมืองต่างๆ และนอนโรงแรมแนวโฮสเทล ก็อย่าลืมซื้อขนม นม เนย มาตุนใส่ตู้เย็นไว้นะค่ะ ตอนเช้าจะได้ไม่ต้องวุ่นวายหาอะไรกินให้ยุ่งยาก
ที่นั่งสำหรับนั่งรับประทานอาหาร และนั่งทำงาน ถือว่ากว้างขวาง ไม่แออัดเลยค่ะ
ตกแต่งสวยงามดูอบอุ่นดีด้วยนะ
ทานอาหารให้อิ่มเตรียมพร้อมเดินทางไปเที่ยวชมเมืองค่ะ
สำหรับอาหารที่ซื้อมาตอนเย็น ก็นำไปอุ่นในไมโครเวฟก่อนนะ
มองจากหน้าต่างที่พักไปด้านนอก ก็เห็นถนนหนทางกำลังจะปรับปรุง เพราะมีเครื่องจักรเต็มไปหมดเลย
ทางที่พักก็มีขนมช็อคโกแลตให้ทานฟรีด้วย จัดวางไว้ที่หน้าเคาว์เตอร์เช็คอินน์ หยิบตามต้องการ เดี๊ยนเลยหยิบมา 4 อันค่ะ เจ้าหน้าที่บอกว่าทำไมหยิบน้อยจัง ก็เลยบอกไปว่า กลัวอ้วนจ้า
แผนที่ท่องเที่ยวในเมืองเบิร์น |
จะได้เป็นไกด์ไลน์บอกทางไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆค่ะ
ทางโรงแรมจะมีบัตรโดยสารรถสาธารณะให้ฟรีด้วย อย่าลืมพกออกมาด้วยนะ |
จุด Check in ที่โรงแรม Bern Backpackers Hotel Glocke |
จุด Check in ที่โรงแรม Bern Backpackers Hotel Glocke |
มีบริการฟรี WiFi ให้ด้วยนะค่ะ
ของที่ระลึกก็มีขายด้วย น่ารักเชียว
และเมื่อได้ทำการ check out ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ดิฉันก็ได้สอบถามเรื่องเส้นทางการท่องเที่ยวในตัวเมืองว่า ถ้าจะไปชมวิวเมืองเบิร์น สามารถเดินทางไปทางใหนได้บ้าง
ทางเจ้าหน้าที่ก็เลยแนะนำให้ดิฉันเริ่มต้นนั่งรถบัสโดยสาร หมายเลข 10 จากป้ายรถเมลล์ Clock Tower ไปลงที่ Rose Garden ตามแผนที่ในภาพค่ะ จากนั้นพอถึง Rose garden จะมีเส้นทางเดินลงเนิเขามาเรื่อยๆ ก็จะเป็น Bear Park หรือสวนหมี ซึ่งเป็นที่อยู่ของน้องหมี จากนั้นก็เดินข้ามสะพานเดินตรงมาในย่านชุมชนเก่า สิ้นสุดที่จุด Clock Tower เหมือนเดิมคะ (เส้นสีน้ำเงินนั่งรถบัสไปสวนโรสการ์เด้น ส่วนเส้นสีชมพูคือเดินลงจากเนินเขามาค่ะ เนินเขาก็ไม่ได้สูงมากนะค่ะ เป็นทางชันกะจิ๊ดลิ๊ด เดินลงได้สบายๆ)
โดยแผนการท่องเที่ยวนี้เป็นที่นิยมสำหรับการเดินชมเมืองเก่าค่ะ ยังไงเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนไปเที่ยวเมืองเบิร์นอยู่ ก็ลองนำไปปรับใช้ได้นะค่ะ ส่วนแผนที่ในภาพมีขนาดเล็กไป ก็สามารถขอภาพใหญ่กว่านี้ได้ทางเฟสบุ๊คได้เลยคะ หากส่งข้อความมาทางเฟส เดี่ยวดึกๆเลิกงานแล้วจะส่งไปให้นะคะ
ด้านหน้าที่พักโรงแรม จุด Check in ที่โรงแรม Bern Backpackers Hotel Glocke |
เดินลงมาด้านหน้าที่พักโรงแรม เมื่อคืนลืมถ่ายไว้ เผื่อเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนมาเที่ยวจะได้ไม่หลงค่ะ มีป้ายบอกไว้เขียนว่า Swiss hostel ส่วนป้ายโรงแรมติดอยู่ด้านบน มีขนาดเล็กกว่าค่ะ
สำหรับเพื่อนๆและนักเดินทางคนใดที่มองหาโรงแรมราคาถูกในเมืองเบิร์น ก็แวะมาพักได้ค่ะ เข้าไปดูที่พักได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2NgeQ2y
Clock Tower (Zytglogge) |
เป็นหอนาฬิกาเก่าประจำกรุงเบิร์นค่ะ ซึ่งห่อนาฬิการแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์และเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองเบิร์นก็ว่าได้ค่ะ เพราะถ้าใครแวะมาเที่ยวเมืองเบิร์นแล้ว ไม่ได้มาถ่ายรูปคู่กับหอนาฬิกาแห่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองเบิร์นเลยนะ
Clock Tower (Zytglogge) |
สาระน่ารู้เล็กน้อยเกี่ยวกับ Clock Tower (Zytglogge)
หอนาฬิการแห่งนี้มีอายุมากกว่า 800 ปีเลยทีเดียว ตัวอาคารของหอนาฬิกาสูง 23 เมตร ตั้งอยู่ประตูทางทิศตะวันตกของย่านเมืองเก่า โดยใช้เข็มบอกเวลาเก่าแก่ของนาฬิกานี้ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 หอนาฬิกา (Zeitglockenturm) และความพิเศษของหอนาฬิกานี้ก็คือว่า เริ่มต้นเพียงสามนาทีก่อนทุกชั่วโมงจะมีตุ๊กตาหุ่นกลไกลเต้นระบำอยู่ใกล้ๆกับเข็มนาฬิกาแสดงให้ดูด้วย
(The Fool, The Knight, The Rooster, The Piper) ถือเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักเดินทางที่ได้มาพบเห็นอย่างมาก
แผนที่ท่องเที่ยวในกรุงเบิร์น (Bern tourist attraction place) |
ตรงใกล้หอนาฬิกาก็จะมีป้ายรถเมลล์และรถรางโดยสารสาธารณะประจำเมืองผ่านหลายสายค่ะ
มารอขึ้นรถเมลล์โดยสารไปสวนโรสการ์เดนส์ ตามที่เจ้าหน้าที่โรงแรมบอกค่ะ
Switzerland Bear in Bern |
transportation in bern |
บรรยากาศในเมืองก็เรียบร้อยและร้อยเรียบ สะอาดสะอ้าน สวยงามน่าอยู่มากค่ะ
ใกล้ๆกันก็มีสะพานข้ามแม่น้ำไปยังอีกฝั่งด้วยนะค่ะ
ดูในแผนที่แล้ว สะพานแห่งนี้มีชื่อว่า Kornhausbrücke เป็นสะพานข้ามแม่น้ำอาเร่ค่ะ
มองจากวิวสะพาน Kornhausbrücke จะเห็นแม่น้ำอาเร และเนินเขาที่สวน Rose garden |
รถเมลล์โดยสารใกล้จะมาแล้วค่ะ
ป้ายรถเมลล์ที่หอนาฬิกา มีจอบอกด้วยว่ารถขบวนใหนกำลังมาถึง |
ที่ป้ายรถเมลล์จะมี หมายเลขบอกค่ะว่าหมายเลขรถเมลล์ให้ค่ะ ตามป้ายแจ้งว่ารถเมลล์ใกล้มาถึงแล้วค่ะ
สำหรับการเดินทางไปสวน Rose garden นั่งรถเมลล์ No.10 เขียนไว้ว่า Ostermumdigen เดี๊ยนอ่านเป็นภาษาอังกฤษไปเลยนะค่ะว่า ออสเตอมัมดิเกน จริงๆอ่านไม่ได้แบบนี้หรอก บ้านเค้าก็จะมีอ่านออกเสียงแบบสระออง สระเออ คล้ายๆภาษาฝรั่งเศสเลยนะ
พอขึ้นมาก็จะมีจอมอเตอร์นิเตอร์ที่เป็นทีวีติดไว้ด้านหน้ารถให้เราดูด้วยว่า ต่อไปจะไปสถานีอะไร มีชื่อบอกด้วยนะค่ะจะได้ไม่หลงทางค่ะ
นั่งรถเมลล์โดยสารมาแป๊บเดียวก็ถึงแล้วจ้า สวน Rose garden เดินลงมาก็จะมีป้ายรถเมลล์บอกด้วยนะค่ะ ว่านั่งรถเมลล์หมายเลข 10 จ้า
สวนสาธารณะ Rose Garden in bern อีกหนึ่งสวนสวยที่ใครๆก็ต้องแวะมา |
โดยสวนแห่งนี้ ถือเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เมืองเบิร์นได้ทั่วเมืองเลยทีเดียวะ
สำหรับสวนกุหลาบแห่งนี้ ในสมัยก่อนเคยใช้เป็นที่สุสาน แต่เมื่อปี 1913 ทางการเมืองได้ปรับปรุงสุสานแห่งนี้ให้กลายเป็นสวนสาธารณะและปลูกดอกมง ดอกไม้และดอกกุหลาบ หลากหลายสายพันธ์ จนให้ชื่อสวนแห่งนี้ว่า Rose garden คะ
มีลานหญ้าให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจด้วยนะค่ะ ดูสวยงามตามสไตล์ฝรั่ง
มีนักท่องเที่ยวนั่งพักกันอย่างสำราญใจ อากาศบนเนินเขาแห่งนีก็บรรยากาศดีมากซ่ะด้วย
ภายในสวนก็มีครอบครัวหอบลูกจูงหลาน มานั่งพักผ่อนสำหรับ พกอาหารปิคนิค มาปูเสื่อกินบนลานหญ้าสุขอุรายิ่งนักเชียว เดี๊ยนให้แล้วก็มีความสุขไปด้วยนะ
วิวทิวทัศน์กรุงเบิร์น จากจุดชุมวิวสวนสาธารณะ Rose Garden |
ตรงเนินก็เป็นจุดชมวิวเมืองเบิร์นที่สวยงาม วันนี้โชคดี ท้องฟ้าแจ่มใส งามไฉไลผ่องศรี ไม่เหมือนเมื่อวานนี้ เที่ยวโลซาน ร้าวรานใจเหลือเกิน เพราะฝนตกทั้งวันค่ะ
วิวทิวทัศน์กรุงเบิร์น จากจุดชุมวิวสวนสาธารณะ Rose Garden |
เมืองเบิร์น จากจุดชมวิวบนสวนสาธารณะ Rose Garden |
เมืองเบิร์นในยามเช้า ท้องฟ้าแจ่มใส |
สะพานที่มองเห็นอยู่นี้ก็คือ สะพาน Kornhausbrücke ซึ่งเป็นสะพานที่รถเมลล์สาย 10 ผ่านนั้นเองค่ะ จริงๆไม่ไกลนะค่ะ สามารถเดินไปได้ แต่เนื่องจากได้บัตรโดยสารรถฟรีมาแล้ว ก็ต้องนั่งรถเมลล์บ้านเค้าสักหน่อย ถือว่าได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ๆคะ
ที่จุดชมวิวในสวนสาธารณะ Rose Garden ก็มีจุดถ่ายรูปหลากหลายมุมเลยค่ะ
หากเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนจะพาคู่รักมาเที่ยว หรือใครที่จะลุยเดี่ยวแบบคุณนายเว่อร์ ก็แบกเป้มาเที่ยวได้เลยจ้า
ลานสนามหญ้าใน สวนสาธารณะ Rose Garden |
สวนสาธารณะ Rose Garden |
และอีกหนึ่งสิ่งที่พลาดไม่ได้ เมื่อมาถึงสวน Rose Garden แล้วก็ต้องแวะไปดูดอกกุหลาบ ตามชื่อสวนโรสการ์เดนส์ ที่แปลว่าสวนดอกกุหลาบจ้า
โดยตรงทางเนินลงเขา มีลานปลูกไม้ดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธ์ให้ได้ชื่นชมกันด้วยนะค่ะ
พอเดินเข้ามาในสวนก็ได้กลิ่นของดอกกุหลาบก็ส่งกลิ่นตลบอบอวล หอมหวนรัญจวนจิต นึกจินตนาการไปนะค่ะว่าตัวเองอยู่ในห้วงสวรรค์ชั้นฟ้าศิลาลาสค่ะ
มีป้ายอธิบายข้อมูลของสวยให้อ่านด้วย มีแต่ภาษาบ้านเค้าทั้งนั้น เดี๊ยนเห็นตัวอักษรแล้วก็อิสสะงงๆมากๆเลย ถ้ามีภาษาอังกฤษอยู่บ้าง ยังพอเดาได้
ดอกกุหลาบใน สวนสาธารณะ โรสการ์เด้นส์ |
อย่างดอกสีขาว พราวเสน่ห์กิ๊บเก๋ยูเรก้าดอกนี้ มีชื่อว่า Rosa X alba
มีป้ายติดไว้ให้เราได้อ่านเป็นความรู้ด้วย เผื่อใครจะจดชื่อแล้ว อยากได้สายพันธ์ก็ไปหาซื้อได้ค่ะ
ส่วนดอกกุหลาบสีเหลือง ก็เรืองรองผุดผ่อง อำไพสว่างสดใสแพรวพราว สวยสกาวรุ่งโรจน์และช่วงโชติชัชวาลย์ยิ่งนักค่ะ
อัลเบิร์ตไอน์สไตน์ ที่สวน Rose garden |
โดยอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ ถือเป็นศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์และนักฟิสิกส์ทฤษฎี ใครที่เรียนสายวิทย์ คณิตตอนมัธยม ต้องรู้จักแน่ๆ เพราะคุณลุงแกคิดสูตรฟิสิกให้เรานั่งปวดเศียรเวียนเกล้ากันตอนสมัยเรียนมัธยมและมหาลัย โอ้ย..นึกแล้วปวดหัว เพราะสูตรฟิสิกของคุณลุงอัลเบิร์ตไอน์สไตน์เนี่ยแหละค่ะ ที่ทำให้เดี๊ยนสอบตกฟิสิกส์ แก้แล้วก็แก้อีก อย่าจะตีคุณลุงจริงๆเลย แต่คุณลุงแกก็เก่งจริงๆนะค่ะ ต้องยอมรับ คิดสูตรโน้นนี้นั้น สารพันปัญหาให้ปวดเศียรเวียนเกล้า โอ้ยเดี๊ยนจะเป็นลมคะ
มีป้ายบอกประวิติของอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ด้วยนะค่ะว่า ระหว่างปี 1879-1955
โดยในป้ายมีภาษาอังกฤษให้ด้วย พอถูๆไถแปลมาให้อ่านดังนี้ค่ะ อ่านดูเป็นความรู้กันคะ
ความเกี่ยวข้องของสวน Rose Garden กับอัลเบิร์ตไอน์สไตน์
อัลเบิร์ตไอน์สไตน์อยู่กรุงเบิร์นแห่งนี้ระหว่างปี 1902 และ 1909 และเขาก็ได้ก่อตั้งคิดสูตร E+mc2 ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ และในสวนโรสการ์เดนส์ก็เคยเป็นหนึ่งในสวนที่อัลเบิร์ตไอน์สไตน์ และภรรยาของเขาชื่นชอบและโปรดปรานอีกแห่งหนึ่งในเมืองนี้ด้วย
คุณลุงอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ ดูแกสลึมสะลือเหมือนจะง่วงอยู่ตลอดเวลาเลยนะค่ะ
หากเพื่อนๆคนใหนแวะมา ก็อย่าลืมมาลั๊ลลาทักทาย ถ่ายรูปคู่กับลุงเค้าหน่อยนะ เผื่อจะได้ซึมซับสูตรฟิสิกส์เข้าสมอง เดี๊ยนรับรองว่าเก่งขึ้นแน่นอนจ้า
ทางขึ้นและลงเนินเขาไปยังสวนสาธาณะ Bear Park ย่านชุมชนเก่า |
ก็จะมีทางเดินลงเนินเขาจากสวน Rose garden ไปยังบ้านน้องหมีคะ
ตามภาพก็จะเป็นทางเดินลงไปยังอุทยานบ้านน้องหมีค่ะ หรือ Bear Pit Bärengraben
แวะนั่งพักทานขนมมื้อเที่ยงนี้สักแป๊บนึง |
ช็อคโกแลตสวิตเซอร์แลนด์ก็อร่อยอยู่นะ |
ล้างปากด้วยแอปเปิ้ลหวานน้อย ซ่ะเมื่อไหร่ล่ะ..แต่หวานโคตรๆเลยล่ะ |
นอกจากต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวๆแล้ว ยังมีใบเมเปิ้ลสีแดงให้ได้ชื่นชมกันด้วยนะ
นั่งพักชมนก ชมดอกไม้ ใบหญ้าไปเรื่อย |
พอเดินลงมาก็จะเป็นถนนวิ่งเข้าสู่เมืองเก่า หากเดินตรงไปก็จะไปเจอหอนาฬิกาประจำเมืองค่ะ
แต่ตอนนี้ ดิฉันขอแวะไปดูน้องหมีก่อนค่ะ
เดินลงมาก็เป็น Bear Park in Bern |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับที่มาของคำว่า เบิร์น
คำว่า Bern ซึ่งคำนี้มาจากภาษาเยอรมันที่แปลว่า หมี นี้เองค่ะ ด้วยเหตุที่ตั้งชื่อว่าเบิร์นก็เพราะว่า หมีเป็นสัตว์ชนิดแรกเลยที่อดีตผู้เจ้าครองเมืองได้ทำการล่า ก็เลยนำชื่อหมีมาตั้งเป็นชื่อเมือง ว่า Bern นั้นเองล่ะค่ะ ฟังดูแล้วสงสารเจ้าหมีตัวแรกที่โดนล่ามากๆเลย แต่ถ้าล่าสัตว์ตัวอื่น ที่ไม่ใช่หมี คงต้องใช่ชื่ออื่นเป็นแน่แท้
เดินเข้ามาก็จะเป็นลานเลี้ยงน้องหมี แต่ยังไม่เจอหมีเลยค่ะ
มองลงไปเห็นแต่ตุ๊กตาไม้น้องหมี แล้วหมีอยู่ที่ใหน
น้องหมีนอนแอ๊งแม่งอยู่บนลานปู ใกล้ริมแม่น้ำอาเร่ น่าจะหลับฝันดีมากๆด้วยนะ |
มีเด็กคนนึงตะโกนเรียกน้องหมีอย่างดังเลยนะค่ะ แต่เจ้าหมี สัตว์ประจำเมือเบิร์นแห่งนี้ ก็ไม่ยอมตื่นเลยล่ะค่ะ
น้องหมีบรรทมแบบไม่รู้โรย ไม่รู้ตื่นเลย เรียกก็ไม่ยอมลุก หลับดีจริงๆ |
วิวทิวทัศน์จากสวนสาธารณะ Bear Park ชมเมืองเก่า |
ระหว่างก็มีดอกไม้ ใบหญ้าให้เราได้สุขอุราชื่นชมกันด้วยล่ะ
old city of Bern หรือจุดชมวิวท่องเที่ยวถ่ายรูปชมเมืองเก่า คลอเคล้าไปตามสายแม่น้ำ งามอลังการยิ่งนักเชียว |
สมแล้วล่ะ ที่ยกให้เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก
มีที่นั่งให้ได้นั่งพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์กันด้วยนะ
มีบ้านม่านชานเรือน หลังคง หลังคา ก็สีงาม สวยสง่าสมเป็นเมืองมรดกโลกจริงๆนะ |
นั่งพักริมแม่น้ำอาเร่ มองไปฝั่งตรงข้าม ก็เป็นบ้านเรือนรูปทรงสวยงามน่ารักมากๆนะค่ะ ดูมุ้งมิ้งตามสไตล์สวิตเซอร์แลนด์จริงๆ บรรยากาศเมืองเค้าสวยงาม สะอาดสะอ้าน น่าอยู่มากๆ
มองลอดใต้สะพานไปอีกฝั่งไปตามริมแม่น้ำอาเร่ ก็เห็นสะพานอีกฝั่ง มีชื่อว่าสะพาน Unterborbrucke และบ้านเรือนขนาดเล็กมุ้งมุ้งน่ารัก เรียงรายอยู่บนเชิงเนินเขา
Aare river in bern (แม่น้ำอาเร) |
มีเรือจอดเทียบท่าอยู่ด้วยนะ
ของที่ระลึกในเมืองเบิร์น (Bern Souvenir ) |
จุดชมวิวทิวทัศน์ ชมเมืองมรดกโลกอันสวยงาม ที่สะพาน Nydeggbrucke |
น้องหมีตื่นแล้วกระมัง ออกมาเดินจริงจังเชียว |
ใช่น้องหมีตัวเดียวกับที่นอนแอ๊งแม่งอยู่หรือเปล่านะ เดี๊ยนก็ไม่ทราบ เพราะดูนางเดินต้วมเตี๊ยมมากๆ
หากเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนมาเที่ยวกรุงเบิร์น ก็ลืมมาเดินเพลินๆ ชมเมืองนี้กันดูนะค่ะ เป็นทริปเดินออกกำลังกาย เที่ยวแบบง่ายๆ สบายชิวๆ ดูวิวเมือง ถ่ายรูปไปเรื่อย อากาศเมืองนี้ก็ดี๊ดีด้วย ท้องฟ้าก็สดใสมากๆ เริ่ดๆสุดๆไปเลยค่ะ
เดินข้ามสะพานแม่น้ำอาเร ไปชมเมืองเก่า |
และหลังจากที่ได้ชมน้องหมีสีน้ำตาลแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็เดินข้ามสะพานเข้าไปในย่านตัวเมืองเก่าค่ะ
พอเดินมาก็จะเป็นย่านเมืองเก่า เป็นบ้านม่านชานเรือนและร้านค้าตั้งเรียงรายมีทางเดินในร่มให้เดินแวะชม แวะซื้อสินค้ากันด้วยนะค่ะ
นอกจากนี้ยังมีโรงแรมเก๋ๆให้ได้มานอนพักค้างใช้บริการกันด้วยล่ะ
เดินมาก็เจอตุ๊กตาน้องหมีสีน้ำตาลกำลังเสนอหน้า ต้อนรับลูกค้า น่ารักเชียวค่ะ เห็นแล้วอยากได้
โดยตุ๊กตาหมีน่าจะเป็นของฝากที่ขึ้นชื่อที่สุดของเมืองนี้แล้วล่ะ เดินไปทางใหนก็เจอแต่น้องตุ๊กตาหมีมุ้งมิ้งสุดๆไปเลย
นอกจากตุ๊กตาหมีแล้ว ตามอาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมต่าง ก็มักจะปลูกดอกไม้ริมกระทางไว้หน้าบ้านก็สวยงาม ร้าวรานจับใจเช่นเดียวกัน
แต่ดอกไม้ที่ปลูกไว้ตามกระถางต้นไม้สวยกว่าเยอะเลยค่ะ
ตามร้านค้าและร้านอาหารต่างๆ มักประดับของตกแต่งน่ารักกิ๊บเก๋ เพื่อดึงดูดลูกค้าและนักท่องเที่ยว เนื่องจากของแต่ละอย่างก็น่ารักสวยงามจริงๆ
เดินหลงทางมาในย่านเมืองเก่าก็จะเห็นโบสถ์
อาคาร สถาปตยกรรมบ้านเรือน ในย่านชุมชนเก่า ถนนปูด้วยอิฐอย่างแข็งแกร่ง บ้านเรือนสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ |
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเบิร์น Berner Münster หรือมหาวิหารแห่งกรุงเบิร์น |
หุ่นรูปปั้นตามบ่อน้ำพุของสวยงามโดดเด่น
มีร้านค้าและร้านอาหารตั้งเรียงราย รวมทั้งร้านขายเก้าอี้ ขายเฟอร์นิเจอร์งานฝีมือ ก็น่าซื้อมากๆด้วยเช่นกันนะค่ะ เพราะสินค้าที่นี่สวนใหญ่ก็งานทำแฮนเมดทั้งนั้นเลย
น้ำพุประจำเมืองเบิร์น |
บ่อน้ำพุอีกหนึ่งสิ่งที่พบเห็นได้ตามถนนหนทางในเมืองนี้ ซึ่งน้ำพุในเมืองนี้ ในสมัยแต่ก่อนเมื่อหลายร้อยปี ชาวบ้านในเมืองก็จะใช้น้ำจากน้ำพุในการดื่ม ต้ม กินและใช้สอยในด้านต่างๆด้วยนะค่ะ เพราะว่าเป็นน้ำสะอาด สามารถดื่มได้ และปัจจุบันน้ำพุนี้ก็ยังดื่มได้อยู่ค่ะ
หากใครที่พกขวดน้ำดื่มมาด้วย ก็ไม่ต้องไปซื้อให้เปลืองสตังนะค่ะ เดินตรอกตามบ่อน้ำพุนี้ได้เลย น้ำดื่มได้จ้า
รูปปั้นบนยอดน้ำพุเป็นรูปต่างๆ ทั้งรูปหมี รูปคน ตกแต่งสวยงาม วิจิตรบรรจง ดูกิ๊บเก๋ยูเรก้ามากๆ |
ส่วนบ่อน้ำพุอีกอันก็เป็นแม่สาวน้อย กำลังเทน้ำให้ชาม ดูหน้านางนิ่งมากๆด้วยนะ
เดินออกจากบ้านน้องหมี ก็วกกลับเข้ามาที่หอนาฬิกาเหมือนเดิมคะ |
นาฬิกาซ่อมอยู่ แต่เข็มนาฬิกาอันใหญ่ ยังใช่งานได้อยู่นะค่ะ ตอนนี้จะบ่าย 2 แล้วจ้า
และหลังจากที่ได้เดินชมย่านชุมชนเก่าไปแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เดินเลี้ยวซ้ายไปเดินชมวิวเมืองเบิร์นอีกแห่งค่ะ
โดยอีกหนึ่งจุดชมวิวเมืองเบิร์นที่สวยงามที่สุด ก็คือ สะพาน Kirchenfeldbrucke ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอนาฬิกาเก่าประจำเมือง เดินเท้ามาได้ค่ะ
โดยสะพานข้ามแม่น้ำอาเรแห่งนี้ มีขนาดใหญ่ข้ามระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่ แต่ดิฉันมองไปรอบๆ ก็เห็นจะมีแต่บ้านเรือนเหมือนๆกันไปหมดเลยนะคะ
บรรยากาศวิวทิวทัศน์เมืองก็สวยสดงดงาม อร่ามจับตา
มองไปเจอสนามกีฬาและเด็กๆกำลังตั้งวงออกกำลังกายกันอยู่ด้วยนะค่ะ แต่สนามหญ้าดูแล้วน่านอนมากๆเลยค่ะ คงจะนุ่มน่าดู เพราะเขียวขจีเชียว
วิวทิวทัศน์เมืองเบิร์น ที่จุดชมวิวบนสะพาน Kirchenfeldbrucke อีกหนึ่งมุมภาพสวยที่พบเห็นในอินเตอร์เน็ต |
มีฝายทำนบกันน้ำในแม่น้ำด้วยนะค่ะ ซึ่งเป็นการจัดสรรน้ำอย่างเป็นระบบ และอีกอย่างก็คือเวลามองจากสะพานลงมาก็เห็นเปนภาพน้ำไหลตัดกับแม่น้ำสีเขียวสดใส งามวิไลยิ่งนัก
วิวทิวทัศน์เมืองเบิร์นที่สะพาน Kirchenfeldbrucke |
หลังจากได้ชมทิวทัศน์เมืองเบิร์นที่สะพาน Kirchenfeldbrucke เรียบร้อยแล้ว
ดิฉันก็เดินเท้ากลับไปยังโรงแรมที่พักค่ะ เพื่อไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม
หากเพื่อนๆคนใหนที่จะมาแวะถ่ายภาพสวยๆ ก็สามารถเดินเท้ามาได้เลยนะค่ะ หรือจะเดินแวะตามทางเดินริมแม่น้ำ ก็สวยงาม บรรยากาศดีเช่นกันค่ะ
เดินลั๊ลลามาแวะช็อปปิ้ง ดูตลาดขายสินค้าในกรุงเบิร์น ตลาดน่ารักเชียว |
เดินผ่านร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ดูน่ารักและน่าซื้อมากเลยค่ะ ของแต่ละอย่างคือแบบว่า อยากควักเงินซื้อจริงๆ ทั้งนาฬิกง นาฬิกา หรือตุ๊กตาเซรามิค ก็กุ๊กกิ๊กไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
น้องจากน้องหมีแล้ว ก็มีตุ๊กตาน้องหมาก็น่ารักเหมือนกันนะค่ะ
แต่คนส่วนใหญ่ที่แวะมาเที่ยวที่นี้ เห็นจะซื้อน้องหมี กับกระดิ่งสวิตมากกว่า เนื่องจากเป็นสินค้าสัญลักษณ์ประจำของที่นี้ไปแล้ว
เดินเท้ากลับมายังโรงแรม เพื่อมาเอากระเป๋าเป้ที่ฝากไว้ในโรงแรมค่ะ |
จากนั้นก็เดินทางไปยังสถานีรถไฟ |
ระหว่างนั่งรถทรัมหรือรถรางจากที่พักมา ก็เห็นน้องหมาบนรถด้วยนะ น่ารักจุงเบย |
แต่กระเป๋าใบใหญ่ของเดี๊ยน ทำน้องหมาหน้าดุไปเลย
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟแล้ว ก็ต้องมาดูตารางเวลาและขบวนรถไฟที่จะไปยังเมืองถัดไปคะ |
การเดินทางไปเมือง Interlaken รอบนี้ เลือกเดินทางเวลา 16.04 น. |
มารอรถไฟชานชลาที่ 4 ค่ะ
รอรถไฟที่ชานชลาในสถานีรถไฟเมืองเบิร์น |
นั่งรถไฟเตรียมเดินทางต่อไปยังเมืองท่องเที่ยวถัดไปคะ |
และทริปรีวิวเที่ยวกรุงเบิร์นในวันนี้ แม้จะเป็นการเดินท่องเที่ยวเมืองเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ได้สัมผัสบรรยากาศ วิวทิวทัศน์ของเมืองมรดกโลกแห่งนี้อย่างสวยงาม ทั้งสถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือน ที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังและนักท่องเที่ยวได้ชมอย่างน่าสนใจ เป็นเมืองที่น่าหลงไหลและสวยงาม สมเป็นเมืองในฝันของใครหลายคนจริง และเป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีติดระดับโลกอีกด้วยนะค่ะ
สำหรับรีวิวท่องเที่ยวเมือง Bern ในเว็ปบล็อกนี้ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้าเอง ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบล็อกท่องเที่ยวเล็กๆนี้ น่าจะกระตุ้นต่อมให้เพื่อนและคุณผู้อ่านที่ยังไม่เคยไปเที่ยวเมือง bern ได้ลองแวะมาเดินเพลินๆ ชมบ้านน้องหมี ดูวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองนี้กันสักครั้งนะค่ะ หากรีวิวในเว็ปบล็อกตอนที่ 11 นี้มีข้อผิดพลาด ประการใด ดิฉันเองต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยคะ และต้องขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านที่เสียสละเวลาเข้ามาสไลด์ดูภาพกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะคะ.....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
----------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกรีวิวท่องเที่ยวอื่นๆ มีดังนี้จ้า
รวมข้อมูลที่พักเมืองอินเทอร์ลาเคน ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวขอนแก่น สุดสะแนนแสนชิล ไปถ่ายรูปวิวสวยงาม คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
รีวิวเที่ยวเมืองอุดร เช่ารถขับตะลอนไปชมสถานที่ต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อ>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเวียงจันทร์ 1 วัน ไป-กลับ ขยับเดินชมตามที่เที่ยวต่างๆ มีอะไรบ้าง>>> |
แบ่งปันรีวิวแบกเป้เที่ยวหนองคาย เมืองนี้มีอะไรมากมายให้ชมจริงๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวจ้า>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเมืองอินสบรูค 2 วัน 1 คืน มีที่เที่ยวอะไรให้ชมบ้าง ตามไปดูกันค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวเดินทางไปชมปราสาทน็อยชวานสไตน์ด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวพาชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลย>> |
หรือดูรายละเอียดที่ : http://bit.ly/2l05FdT
รีวิวเที่ยวเมืองมิวนิค เดินชิคๆไปชมสถานที่สวยงามต่างๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
เที่ยวนครนายกไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวไปทั่วได้ด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิว>> |
รีวิวพาไปเที่ยวเมืองอูล์ม เมืองน่ารักที่ไม่เป็นแค่ทางผ่าน คลิ๊กดูสถานที่ท่องเที่ยวจ้า>> |
แบ่งปันรีวิวพาไปชมเมืองสตุทการ์ท มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปกันเลย>> |
รวมข้อมูล 11 ที่เที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ ที่คนนิยมไปเช็คอินกัน มีที่ใหนบ้างนะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 13 วิธีการเดินทางไปจุงเฟราด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2LHckBV
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 10 เยือนสวิตเซอร์แลนด์ เจนีวา-โลซาน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2N0X57i
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 9 เดินชมเมืองลียง ชมอัสดงที่เขาฟูรวิแยร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2NyWRFA
เที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะนั่งพักตากอากาศริมหาดที่เมืองนีซ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/dLDKAX
รีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤษภาคม แบกเป้เที่ยวฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eoJBtM
รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนเมษายน ล่องเรือไหว้แม่น้ำเจ้าพระยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/HrLddq
0 ความคิดเห็น