Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ 14 แบกเป้จรลีหนีไปเที่ยวเมืองกอลมาร์ เดินลั๊ลลาชมเมืองเก่าน่ารักกุ๊กกิ๊ก สุดแสนโรแมนติก สมเป็นลิตเติ้ลเวนิส ที่ใครๆก็ต้องมาชิคแอนด์ชิลกัน

แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรปตอนที่ 14 จรลีนั่งรถไฟหนีมาเที่ยวเมืองกอลมาร์ เดินลั๊ลลาชม ลิตเติ้ลเวนิช สุดแสนจะน่ารักโรแมนติคจริงๆจ้า
ก็ขอกราบสวีดัด สวัสดี๊ดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวโลกออนไลน์ที่น่ารักสดใส งามไฉไลสดสี รื่นฤดีความหวาน สำเริงราญกันอยู่บนจักรวาลอินเตอร์เน็ต เด็ดสะระตี๋กันอยู่ ณ ขณะนี้นะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เธอขอมาเป็นคนบ้าลั๊ลลาบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของคนขี้เหงา ให้ได้คลอเคล้าเปิดสไลด์ดูภาพและบทความแนวๆโกโรโกโส สับปะรังเคอีกเช่นเคยนะค่ะ

หลังจากที่บล็อกรีวิวท่องเที่ยวก่อนหน้านี้ ดิฉันได้มารีวิวแบ่งปันการเดินทางแบกเป้ไปสัมผัสหิมะอันหนาวเหน็บบนยอดเขาจุงเฟราแล้วนะค่ะ (ดูรีวิวก่อนหน้าได้ที่เว็ปลิงค์: bit.ly/2LHckBV ) ถือเป็นอีกทริปที่ตั้งเป้าหมายไว้และได้ใช้สตังค์ซื้อบัตรเดินทางไปจนถึงจุดหมายที่ได้ฝันไว้สำเร็จ ขอบอกว่าราคาโหดมากๆ เฮ้อ!!หากมีคนบอกให้พาไปอีกรอบ เดี๊ยนคงไม่ไปแล้วค่ะ เพราะอากาศหนาวเว่อร์มากๆ เดี๊ยนจะเป็นลมค่ะ แต่บรรยากาศด้านบนก็สวยเว่อร์วัง อลังการสายตา พกแว่นดำหนาไปด้วยนะ เพราะสีขาวสะท้อนร้าวในดวงนัยตาเหลือเกินจ้า

และสำหรับบล็อกรีวิวท่องเที่ยววันนี้ก็มาถึงตอนที่ 14 แล้วจ้า หลังที่แรมรอนเขียนมาเป็นเดือน ถึงครึ่งทางแล้วนะค่ะ และทริปนี้ก็ไม่ได้โหดเหมือนทริปก่อนหน้านี้แน่นอนค่ะ เพราะวันนี้คุณนายเว่อร์ จะมาเป็นคนบ้า นั่งรถไฟลั๊ลลาจากประเทศสวิตข้ามพรมแดนไปยังประเทศฝรั่งเศสอีกครั้งค่ะ เพื่อแวะไปเที่ยวเมืองกอลมาร์ เมืองเก่าโบราณน่ารักสุดชิคๆเก๋ๆ มีเสน่ห์หลงไหล จนทำให้เดี๊ยนต้องยอมแบกเป้อันหนักหน่วงเพื่อมาชมเมืองนี้ดู  ก่อนจะนั่งรถไฟจากเมืองกอลมาร์กลับมาพักค้างแรมที่เมืองลูเซิร์นประเทศสวิตเซอร์แลนด์
แผนการเดินทางทริปตอนที่ 14 นี้ เริ่มต้นเดินทางจาก interlaken นั่งรถไฟมาลงที่ Basel จากนั้นนั่งรถไฟต่อไปที่ Colmar
เอาล่ะไม่ขอพร่ำเพร้อแล้วค่ะ ขอมาบอกเล่ารีวิวเที่ยวเมืองกอลมาร์ให้เพื่อนได้ลั๊ลลาดูกันเลยค่ะ (รูปภาพในบล็อกไม่ตกแต่งใดๆทั้งสิ้นนะค่ะ อาจจะเอียงบ้าง มืดบ้าง ทั้งนี้เพื่อให้เห็นภาพธรรมชาติที่สุด (ธรรมชาติลงโทษจ้า))

ก่อนจะไปดูภาพรีวิวท่องเที่ยวแนวๆบ้าๆ เราก็มารู้จักเมืองกอลมาร์กันก่อนนะค่ะ มาอ่านกันดูเป็นความรู้เปิดโลกกว้าง เพราะโลกนี้มันกว้างจริงๆจ้า

เกี่ยวกับเมืองกอลมาร์ คือเมืองอะไร อยู่ที่ใหน อ่านกันดูเป็นความรู้สู่โลกกว้าง

กอลมาร์ (ภาษาฝรั่งเศส: Colmar,) 
เมืองกอลมาร์เป็นเมืองหลวงของจังหวัดโอ-แร็งในแคว้นอาลซัสในประเทศฝรั่งเศส เมืองกอลมาร์ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส

โดยเมืองกอลมาร์แห่งนี้ตั้งอยู่บน “เส้นทางไวน์ของอาลซัส” และได้ชื่อว่าเป็น “capitale des vins d'Alsace” (เมืองหลวงแห่งไวน์แห่งอาลซัส)

กอลมาร์เป็นบ้านเกิดของจิตรกรและช่างแกะพิมพ์มาร์ติน โชนเกาเออร์ และประติมากรเฟรเดริก โอกุสต์ บาร์ตอลดีผู้ออกแบบอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ กอลมาร์มีชื่อเสียงในการอนุรักษ์เมืองให้ยังคงเป็นเมืองที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมและบรรยกาศของเมืองโบราณ ในตัวเมืองเก่าก็มีพิพิธภัณฑ์ คริสต์ศาสนสถาน และร้านค้าและที่อยู่อาศัยที่คงสภาพเหมือนเมืองในยุคกลาง ปัจจุบันเมืองนี้ได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งในฝรั่งเศส เนื่องจากด้วยสภาพบ้านไม้เรือนโบราณ ที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี มีลำคลองไหลผ่านตัวเมือง ทำให้เป็นเมืองที่มนต์เสน่ห์ ดึงดูกนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศมาเยือนเมืองแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
เมืองกอลมาร์ เวนิสเล็กๆแห่งฝรั่งเศส (Colmar old town city or La Petite Vinise )
และในปี ค.ศ. 2006 เมืองกอลมาร์มีประชากรทั้งสิ้น 65,713 คน และในปริมณฑลอีก 120,367 คน กอลมาร์เป็นศูนย์กลางของเขตกอลมาร์ที่มีประชากร 144,700 คนในปี ค.ศ. 2006
เครดิตข้อมูลอ้างอิง https://th.wikipedia.org/wiki/กอลมาร์

แหล่งท่องเที่ยวในเมืองกอลมาร์ มีอะไรน่าสนใจบ้าง
- ย่านเมืองเก่า Old Town ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟสามารถเดินเท้าไปได้ด้วยตัวเองประมาณ 1  กิโลเมตรเท่านั้น จะมีบ้านไม้โบราณ สถาปัตยกรรมเก่าสไตล์คลาสิค ให้แวะชมและถ่ายภาพหลากหลายมุมเลยทีเดียว
-  Quartier de la Krutenau (Little Venice) ลำคลองในเมืองเก่าจนได้รับการขนามนามว่าเป็นเมือง ลิตเตอร์เวนีชแห่งฝรั่งเศส
- วัดเซนต์มาร์ติน, กอลมาร์ ( Eglise Saint Martin)
- พิพิธภัณฑ์ของเล่นและโมเดลรถไฟ (The Museum of Toys and Model Trains)

วิธีการเดินทางไปยังเมืองกอลมาร์ของดิฉันในทริปนี้
- เริ่มต้นเดินทางออกจากเมือง Interlaken West นั่งรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟเมือง Basel
- จากนั้นนะค่ะ ก็เปลี่ยนชานชลาหมายเลข 31 โดยนั่งรถไฟขบวน TER จากเมือง Basel เพื่อเดินทางไปยังเมืองกอลมาร์ (Colmar )ประเทศฝรั่งเศสค่ะ  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
- ส่วนขากลับก็นั่งรถไฟจากเมือง Colmar มาลงที่เมือง Basel แล้วนั่งรถไฟจาก Basel มาลงที่เมือง Luzern

เนื่องจากเมืองกอลมาร์เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ประเทศเยอรมันและประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้นักท่องเที่ยวหลายๆคนที่วางแผนมาเที่ยวยังสวิตก็จะจัดทริปนั่งรถไฟไปต่อที่เมือง Basel และเดินทางไปยังเมือง Colmar ได้ไม่ยากค่ะ แต่ต้องวางแผนเรื่องเวลานิดนึงค่ะ

จะตรวจสอบตารางะเวลารถไฟไปยังเมือง Colmar ได้อย่างไร
เพื่อนๆสามารถเช็คได้ที่เว็ปไซต์ : https://www.sbb.ch/en/home.html 
พิมพ์เมืองที่เราเริ่มต้นเดินทาง เวลาที่ต้องการไป และใส่เมือง Colmar จากนั้นก็เลือกค้นหา เดี่ยวจะแสดงออกมาให้เราดูจ้า

หลังจากได้รู้จักเมืองกอลมาร์แบบเบื้องต้นไปแล้ว ดิฉันก็ขอมารีวิวตามรูปภาพให้เพื่อนๆและคุณผู้อ่านได้สไลด์ดูกันเลยจ้า
เช้าวันใหม่ที่ 26 พ.ค.ที่โรงแรมโฮเต็ล โบไซต์ อินเตอร์เลเคน (Hotel Beausite Interlaken)
ต่อจากบล็อกรีวิวตอนที่ 13 ตามเว็ปลิงค์ : bit.ly/2LHckBV
เช้าวันใหม่ที่ 26 พ.ค.ที่โรงแรมโฮเต็ล โบไซต์ อินเตอร์เลเคน (Hotel Beausite Interlaken)
ดิฉันตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะ รีบมาเคลียงานให้เสร็จ จากนั้นก็รีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป็
เปิดหน้าต่างออกมา อรุณเบิกฟ้า นกกากำลังโบยบิน วิวทิวทัศน์เมืองนี้คืองามคั๊กอีหลีขนาดนั๊กเจ้า
อากาศเช้าที่เมืองอินเทอร์ลาเก้นอากาศดีเริ่ดเว่อร์ ไม่หนาวหรือว่าร้อนจนเกินไป
มองไปก็ยอดเขาจุงเฟรา คลอเคล้าเคลียให้งังเงียหัวใจอยู่ตรงหน้าเลย วิวสวย บรรยากาศดีสุดๆ
 ดอกไม้ริมหน้าต่างก็บานแย้มสวยงามตระการตา ช่ะช่ะช่าหัวใจเชียว
บ้านเมืองก็เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย อากาศก็ดี ดูสะอานสะอ้านสบายตาสุดๆ น่าอยู่นะ แต่ถ้าให้มาอยู่จริงๆ เดี๊ยนคงไม่มาอยู่ค่ะ เพราะสู้ค่าครองชีพที่นี้ไม่ไหว แพงลิบลิ่ว สตังปลิวว่อนออกจากกระเป๋าตลอดเวลาเลยจ้า กลับเมืองไทยไปก็ต้องปั๊มเงินใหม่ แล้วจัดทริปเที่ยวประเทศอื่นต่อไป ไฉไลอีกเช่นเดิม
 หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ลงมาเดินออกกำลังขาสักเล็กน้อยค่ะ
เดินมาด้านหน้าโรงแรมโฮเต็ล โบไซต์อินเทอร์ลาเก้น
มองไปก็เห็นคนกำลังปั่นจักรยานกันด้วย สภาพบ้านเมืองสะอาดสะอ้าน สวยงาม น่าอยู่มากๆ

ส่วนโรงแรมตั้่งอยู่ฝั่งชุมชน unterseen ทำให้มองเห็นวิวเมืองสวยงามมากๆ อีกอย่างคือเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย ไม่ไกลจากสถานีรถไฟอีกด้วย
 หลังจากออกมาเดินเล่นที่หน้าโรงแรมสักพัก ก็ได้เวลาทานอาหารเช้าแล้วค่ะ
 บรรยกาศด้านนอนโรงแรมสวยดี ดูสะอาดสะอ้าน
ทานอาหารเช้านี้ที่โรงแรม โฮเต็ล โบไซต์ อินเตอร์เลเคน>> 
 โต๊ะจานชามก็จัดตกแต่งซ่ะสวยงาม จนเดี๊ยนไม่กล้าจะไม่นั่งรับประทานเลย เพราะทั้งช้อนและมีดก็หลายอันเหลือเกิน จำได้เคยเรียนการใช้ช้อมส้อมและมีดสมัยมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้ลืมหมดแล้ว แค่มีช้อนอันเดียว ก็ตักกินได้หมดแหละ หรือไม่ก็มือเปิบเอาเข้าปากเอาจบจ้า
 เข้ามาด้านในก็มาติดต่อแจ้งหมายเลขห้องพักเพื่อเข้าประทานอาหาร
เพราะห้องพักที่ใช้บัตร Gift Card จองมานั้น รวมอาหารเช้าด้วยนะ 
พนักงานโรงแรมที่นี้ก็ช่วยเหลือให้ข้อมูลดีอยู่นะ ดูมีมาตรฐานกว่าโรงแรมที่ผ่านๆมามากเลยค่ะ
คือดูแล้วเป็นโรงแรมจริงๆ มีระบบ ระเบียบ ดูสะอาดสะอ้าน
มาดูสิว่าอาหารเช้าในโรงแรมนี้ มีอะไรให้ทานบ้าง
เดินเข้ามาในโรงแรมก็เป็นไลน์อาหารเช้าสไตล์บุฟเฟ่ต์อลังการสมกับราคาเค้าอยู่นะค่ะ เพราะมีให้เลือกหลากหลายแบบเลย แถมอาหารเอเชียก็ด้วยมีนะ มีต้ม มีผัด แต่ขาดก็แต่ยำเนี่ยแหละค่ะ
 หลักๆเลยขาดไม่ได้มีขนมปัง
มีแฮม มีชีส และโยเกิรต์หลากหลายรสชาติให้เลือกทาน ใครชอบแบบใหนก็จัดไป
เบคอนก็มี และสีเหลืองที่เห็นนั้นเป็นแกงกะหรี่สไตล์เจ เอาใจคนไม่ทานเนื้อสัตว์ค่ะ
 ดิฉันเองชอบโยเกิร์ตเค้ามากนะ คือมีให้เลือกหลากหลายแบบ โยเกิรต์ตักใส่แก้วใสรูปทรงน่ารัก น่าทานดีนะ
 บรรยากาศภายในห้องอาหารก็คึกคัก มีแขกเดินตักทานกันตลอด แต่ก็ไม่วุ่นวาย และเสียงดังจนเกินไป อันนี้ให้ผ่านค่ะ แขกที่มาทานก็มารยาทดี พูดคุยกันไม่เสียงดัง
 จะมาเสียงดังตรงโต๊ะเด็กเนี่ยแหละค่ะ แต่เด็กๆโต๊ะนี้น่ารักดีคะ
ส่วนใครที่ไม่อยากนั่งทานในห้องอาหาร หรือเป็นคนสูบบุหรี่จัดไป ก็ไปนั่งทานด้านนอกก็ได้นะค่ะ
ถ้านั่งด้านนอนก็ได้สัมผัส สายลม แสงแดด แต่เสียเวลาต้องเดินเข้าเดินออก ส่วนใหญ่ไม่เห็นคนไปนั่งทานด้านนอก เพราะขึ้เกี้ยจเดินมาตักอาหารกัน
 สำหรับอาหารมื้อเช้านี้จัดไปเบาๆ ไม่อยากทานเยอะ ตักมาทีเดียว ทานให้หมด ไม่อิ่มค่อยไปตักต่อ รู้สึกเริ่มปรับตัวกับอาหารสไตล์ตะวันตก Continental Breakfast แล้วนะค่ะ
 เพราะอาหารเช้าแนวๆตะวันตกจะเน้นพวกผลหมากรากไม้
 แต่ที่เดี๊ยนชอบคงต้องยกให้โยเกิร์ต รสชาติอูมามิ กลมกล่อมไม่หวานมากกำลังดี ไม่เปรี้ยวจนเกินไป ชอบมากๆ ส่วนอาหารแบบอื่นๆก็ดีนะค่ะ
มองไปฝั่งอีกโต๊ะเห็นหนูน้อยกำลังดื่มน้ำท่าจะอิ่มมื้อเช้านี้แล้ว เพราะเสียงหนูเจียวจ่าวแต่เช้าเลยจ้า เห็นเด็กอิ่มแล้ว เดี๊ยนก็อิ่มตามเด็กไป ไม่อยากทานเยอะ เดียวจะแน่นท้องเอาค่ะ
สรุปอาหารเช้าที่โรงแรมโฮเต็ล โบไซต์ อินเตอร์เลเคน  ดิฉันให้ผ่านค่ะ
สรุปอาหารเช้าที่โรงแรมโฮเต็ล โบไซต์ อินเตอร์เลเคน  ดิฉันให้ผ่านค่ะ  ก็สมกับราคาเค้าล่ะ ตกคืนละ 5000 บาทเชียว ราคานี้นอนคนเดียวนะค่ะ ถ้านอน 2 คน ก็จ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อยเองค่ะ หากใครที่วางแผนมาเที่ยว มองหาที่พักดีๆ ก็เลือกพักที่ โฮเต็ล โบไซต์ อินเตอร์เลเคน (Hotel Beausite Interlaken) ได้นะค่ะ
หลังจากที่ได้ทานอาหารเช้าจนอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาก็ได้เวลาต้องเดินทางต่อแล้วค่ะ บ๊ายๆโรงแรมที่พักคืนนี้ ขอบคุณ Agoda ที่มอบบัตรของขวัญหรือ Gift card มาให้นะ ไม่งั้นคงไม่มีวาสนาได้พักแน่ๆค่ะ ถ้าไม่มีบัตรของขวัญ เดี๊ยนคงไปนอนโรงแรมแนวโฮสเทลห้องนอนรวม ห้องน้ำรวมเหมือน แต่เปลี่ยนบรรยากาศมาพักโรงแรมหรูๆแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

ถ้าเพื่อนๆหรือคู่รักคู่ใหน ที่วางแผนหาที่พักดีๆในเมืองอินเทอร์ลาเก้นแต่ไม่รู้จะเลือกพักแถวใหนดี ก็ลองแวะมาพักที่โรงแรม Hotel Beausite Interlaken ดูได้นะค่ะ
ทานอาหารเช้าอิ่ม ก็บ๊ายๆ Check out แบกกระเป๋าออกจากที่พัก เดินจากฝั่ง unterseen ข้ามแม่น้ำอาเร่ มาที่สถานีรถไฟ Interlaken West เพื่อเดินทางไปเที่ยวเมืองกอลมาร์
ตอนแรก ดิฉันวางแผนไว้ว่าจะเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่เมืองลูเซิร์นก่อนนะค่ะ เพราะคืนนี้พักที่ลูเซิร์น
แต่คิดไปคิดมาๆ ไม่เอาดีกว่า เกรงจะเสียเวลากว่าเก่า  ดิฉันตัดสินใจแบกเป้เอาไปเที่ยวเมืองกอลมาร์ด้วยซ๋ะเลย เพราะไม่อยากเสียเวลาค่ะ 
เริ่มต้นการเดินทางวันนี้ มารอขึ้นรถไฟที่สถานี Interlaken West เพื่อเดินทางไปยังเมือง Basel ค่ะ
ไม่นานนักรถไฟก็มาตรงเวลาเป๊ะเลย
ขบวนรถไฟชั้น 1 ที่นั่งจะไปเมืองบาเซิลนี้ ไม่มีคนนั่งเลยค่ะ เงียบมากๆ จะเลือกนั่งตรงใหนก็ได้ตามใจเลย ถ้าใครที่ชอบเงียบๆและที่นั่งกว้างขวาง ก็นั่งชั้น 1 ได้ค่ะ แต่ถ้าชอบสนุกสนานและอยากประหยัด ชั้น 2 ก็ดีเหมือนกันนะ
เดินทางไกลหลายชั่วโมงแบบนี้ ก็ตกเปิดโน๊ตบุ๊คทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย เริ่ดๆเชิ่ดๆ แต่ปวดหัวตะเลิ่ดเปิดเปิงเลยล่ะ
ขบวนรถไฟชั้น 1 ที่นั่งมานี้ มีสัญญาณอินเตอร์เน็น Free Wifi ให้ด้วยนะ อยากบอกว่าตั้งแต่นั่งรถไฟมา เดี๊ยนอยากยกรางวัลให้รถไฟขบวนนี้ เพราะอินเตอร์เน็ตไม่หลุดเลยแม้แต่น้อย นั่งทำงาน ตอบอีเมลล์ที่ส่งของลูกค้าให้แบบไม่สะดุด ให้หงุดหงิดใจเลยล่ะ
 หากนั่งทำงานหน้าคอมเบื่อๆ ก็ดูวิวริมทางก็สวยงามไม่น้อยทีเดียว
 รถไฟข้ามวิ่งผ่านทะเลสาบทูน แต่ไม่มีเสียงปู๊นปู๊นให้ซูนหัวใจเหมือนรีวิวก่อนหน้านี้นะ
 วิ่งผ่านกรุงเบิร์น มองเห็นแม่น้ำสีเขียวดั่งมรกต น่ากระโดดลงไปเล่นมากๆ
 ผ่านทุ่งหญ้าสะวันนาหรือฟาร์มปลูกผักหญ้าคาของชาวบ้านริมทาง ก็สวยงามแปลกตาดีเหมือนกันนะค่ะ ดูเขียวชะอุ่มชุ่มชื่นใจมากๆ เพราะนั่งรถผ่านมาก็เป็นฟาร์มไร่นาของชาวบ้าน ทั้งไร่องุ่น ไร่ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ไร่แอปเปิ้ล ดูแล้วเพลินจนลืมงานหน้าคอมไปเลยเชียวล่ะ
เดินทางมาถึงสถานีรถไฟกรุง Basel
 นั่งรถไฟมาได้สัก 2 ชั่วโมงก็ถึงสถานีรถไฟเมือง Basel แล้วค่ะ
จากนั้นลงมาเปลี่ยนชานชลา นั่งรถไฟขบวนที่จะวิ่งไป Strasbourg ซึ่งจะผ่านเมือง Colmar
 พอถึงสถานีรถไฟบาเซิล ก็ต้องเดินแบกเป้เปลี่ยนชานชลารถไฟเพื่อที่จะข้ามพรมแดนไปยังเมืองกอลมาร์ประเทศฝรั่งเศสต่อค่ะ

โดยวันที่ไปนั้นดิฉันนั่งรถไฟจาก interlaken มาจอดเทียบท่าที่ชานชลาหมายเลข 3 จากนั้นก็ต้องเดินแบกเป้ไปเปลี่ยนขึ้นรถไฟชานชลาหมายเลข 31 ซึ่งจะมีขบวนรถไฟ TER ที่จะวิ่งผ่านไปยังเมือง Colmar ค่ะ
และชานชลาหมายเลข 30 กับ 31 ที่จะไปยังเมือง Colmar ไม่ได้อยู่ที่เดียวกันค่ะ ก็เลยต้องเดินออกมาตามป้ายหมายเลขบอกทาง ซึ่งอยู่นอกสถานีมาอีกค่ะ จะงงๆนิดหน่อย มาครั้งแรกก็จะตื่นเต้นหน่อยค่ะ กลัวไปไม่ถูกไงไม่รู้
เดินมาถึงชานชลาที่ 31 ก็ขึ้นรถไฟขบวน TER ที่จอดรออยู่พอดี ส่วนกระเป๋าเป้ หากใครที่สะพายมาแบบดิฉัน ก็แบกเป้มาเก็บไว้ที่ชั้นเก็บของเหนือศรีษะได้ค่ะ ส่วนที่นั่งบนรถไฟ จะเลือกนั่งตรงใหนก็ได้ตามใจฉันค่ะ เนื่องจากเป็นรถไฟท้องถิ่นแบบธรรมดา ไม่ได้เป็นรถไฟความเร็วสูง จอดเกือบทุกสถานีเลยนะ แต่รถไฟบ้านเค้าก็วิ่งเร็วกว่าบ้านเรา และตรงเวลามากๆ
อาหารเที่ยงมื้อนี้ เสบียงที่เหลือจากเมื่อวาน เก็บตู้เย็นไว้ทานไม่หมดสักที เอามาทานให้หมดเลยนะ
ส่วนอาหารเที่ยงมื้อนี้ ก็คืออาหารเย็นเมื่อวานนี้เองค่ะ มีไก่อบร้านคุณลุงที่ซื้อจากทริปลุยยอดเขาจุงเฟรา เมื่อวานเย็นก็ทานไม่หมดซักทีเพราะตัวใหญ่เบ้อเริ้มเทิ่ม เดี๊ยนเลยเก็บใส่ตู้เย็นเป็นเสบียงไว้ทานนี้ จะได้ไม่ต้องเปลืองสตังค์ซื้อใหม่ ทั้งขนมปง ขนมปัง สลัดก็มีครบ จัดไปเริ่ดๆเชิดๆ ทานไปก็ไม่ต้องแคร์คนนะ หิวจัด ซัดเลยจ้า
 นั่งรถไฟมาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงเมืองกอลมาร์สักทีค่ะ
รถไฟท่นั่งมาเป็นขบวนรถไฟ TER ตามภาพเลยจ้า
หิวน้ำเติมได้นะ ไม่ต้องซื้อให้เปลืองตัง น้ำประปาเค้าดื่มได้
สถานีรถไฟกอลมาร์ (Gare de Colmar)
เดินออกมาหน้าสถานีรถไฟเมืองกอลมา สถานีรถไฟเค้าสวยดี ตามภาพเลยค่ะ
Colmar railway station in France
พอมาถึงก็มาตั้งหลักสักแป๊บนึง จะเดินทางไปยังไงดี
Colmar city Transportation map
มีแผนที่บอกหมายเลขรถบัสโดยสารไปยังจุดต่างๆด้วยนะค่ะ
แต่ที่เดี๊ยนเคยอ่านรีวิวบล็อกของฝรั่งมา นางบอกว่าจากสถานีรถไฟไปยังจุดท่องเที่ยวแถวเมืองเก่า สามารถเดินไปได้ค่ะ
เดี๊ยนเลยตัดสินใจเปิด GPS ในมือถือเดินไปยังจุดท่องเที่ยวดีกว่าค่ะ
เนื่องจากระยะทางไม่ไกลมาก
แผนที่ท่องเที่ยวเมืองกอลมาร์ อธิบายการเดินเท้าไปยังย่านเมืองเก่า
เพื่อให้เห็นภาพ เดี๊ยนเลยทำแผนที่ไว้ให้เพื่อนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวได้มองเห็นภาพ จะได้เดินทางไปเที่ยวได้ด้วยตัวเองค่ะ เดินออกมาหน้าสถานีรถไฟ Gare de Colmar จากนั้นให้เดินตรงมาจะเจอถนนให้ให้เลี้ยวซ้าย เดินตรงมาเรื่อย จนถึงสวนสาธารณะ Parc du Champ de Mars จากนั้นก็เลี้ยวขวา เดินตรงๆมาอีกเรื่อยๆ ก็ถึงย่านเมืองเก่าค่ะ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ
 บรรยากาศเมืองก็ดูเงียบๆหน่อยๆนะค่ะ ระหว่างเดินเท้ามาก็เปิดมือถือดูแผนที่มาด้วยนะค่ะจะได้ไม่หลงทิศทาง
 พอตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเจอสวนสาธารณะ Parc du Champ de Mars
สวนสาธารณะ Parc du Champ de Mars
 หากเดินมาเหนื่อย เมื่อยก็เข้าไปนั่งพักที่สวนสาธารณะสักหน่อยนะ
ส่วนตัวเดี๊ยนจะเป็นลมแล้วค่ะ แบกเป้หนัก 15 กิโลกรัม หลังจะหักล่ะ เดินมาเกือบ 1 กิโลเมตร ขอนั่งพักเอาแรงสักแป๊บนะค่ะ
ลานน้ำพุ Parc du Champ de Mars ในเมืองกอลมาร์
ที่สวนสาธารณะก็มีน้ำพุให้ชมด้วยนะ เป็นลานน้ำพุ Parc du Champ de Mars
ลานน้ำพุที่สวนแห่งนี้สวยนะค่ะ จัดหุ่นเหิ่นซ่ะอลังเชียว
 หลังจากนั่งพักผ่อนคลายให้หายปวดเมื่อยหลังแล้ว ก็เดินแบกเป้มาเรื่อยก็ถึงย่านเมืองเก่าแล้วค่ะ
ระหว่างเดินมาก็เห็นหนูน้อย กำลังปั่นจักรยานคันเล็กน่ารักอีกด้วย
 เดินมาเรื่อยก็บ้านเรือนก็เริ่มมีอาคารรูปทรงน่ารักมุ้งมิ้ง และมีความเก่าคลาสสิคให้เห็นเรื่อยๆค่ะ
สภาพถนนหนทางและบ้านเรือน สถาปัตยกรรมก็ดูเก่าสวยงาม แต่บรรยากาศอันเงียบหน่อยค่ะ เนื่องจากเป็นวันทำงาน ถ้าวันหยุดเสาร์อาทิตย์ นักท่องเที่ยวน่าจะเยอะมากๆนะ
แต่ข้อดีของการมาเที่ยวันธรรมดาคือคนไม่เยอะมาก ส่วนจะเจอมิจฉาชีพหรือขโมยในเมืองนี้ใหม๊ วันที่ดิฉันแบกเป้มาเที่ยวก็ไม่มีโจรขโมยนะค่ะ
ไม่ได้มีแค่ดิฉันคนเดียวนะที่แบกเป้มาเที่ยว มีนักท่องเที่ยวอีก 2 คน นางก็แบกเป้มาเที่ยวเมืองนี้เหมือนกันจ้า
วันที่ดิฉันไปเที่ยวก็มีคู่รักนักท่องเที่ยวแบกเป้เที่ยวเมืองนี้กับดิฉันเลยค่ะ แถมแนวสุดๆ เพราะรองเท้านางก็ไม่ใส่ เดินเท้าปล่อยเลยจ้า เริ่ดๆเชิ่ดเก๋ไปเลยนะ
ย่านเมืองเก่ากอลมาร์ (Colmar old City)
รูปทรงอาคารสถาปัตยกรมในเมืองก็สวยงามน่ารัก
เหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวชมเมือง ชอปปิ๊ง กินดื่มแบบชิลๆจริงนะค่ะ
บ้านเรือนแต่ละหลังก็สีสันสวยงาม แตกต่างกันออกไป
มีความเก่าและมีเสน่ห์เฉพาะตัว ทั้งรูปอาคารบ้านเรือน เหมือนบ้านขนมปังยังไง ยังงั้นเลย
มุมนี้เดินมาดูในแผนที่ในมือถือ บอกว่าเป็นลานน้ำพุ The Roesselmann Fountain
มุมนี้เดินมาดูในแผนที่ในมือถือ บอกว่าเป็นลานน้ำพุ The Roesselmann Fountain
ถือเป็นลานน้ำพุและเป็นย่านจัดกิจกรรมประจำเมืองเก่าแห่งนี้คะ
 เดินไปเรื่อยๆก็เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวเยอะมากขึ้นแล้วค่ะ
ไม่ต้องกลัวหลงนะค่ะ เพราะมีป้ายบอกทางว่าจะไปทางใหน แต่เสียดาย น่าจะมีภาษาอังกฤษสักกะจิ๊ดก็จะดีมาก แต่นี้ล้อให้เดี๊ยนอ่านภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาอังกฤษตลอดค่ะ แต่ก็พอเดาได้นะ
La Petite Vinise น่าจะเป็นย่านท่องเที่ยวที่มีลำคลองแน่นอน
 เดินไม่ไกลนักแป๊บเดียวก็เริ่มเห็นลำคลองแล้วค่ะ แต่น้ำในคลองเค้าสะอาดนะค่ะ

 ในที่สุดก็ถึง La Petite Vinise ในเมืองกอลมาร์หรือที่รู้จักในนาม Little Venice of France
 ในที่สุดก็ถึง La Petite Vinise เหมือนในภาพที่เคยเห็นในนิตยสารท่องเที่ยวและในเน็ต มีเรือนักท่องเที่ยวผ่านลำคลอง และมีร้านอาหารอยู่ริมน้ำ เริ่ดค่ะ สวยงามเก๋ดี สมแล้วที่ได้ชื่อว่า little Venice ส่วนลำคลองที่เห็นอยู่นี้มีชื่อว่า คลอง La Lauch
 ระหว่างริมคลองก็เป็นร้านอาหาร โรงแรมที่พัก บรรยากาศโดยรวมดูสวยงาม คลาสสิคน่ารักกิ๊บเก๋มากๆ
คือเห็นแต่ในเว็ปท่องเที่ยว ได้มาเห็นของจริง ก็สวยงามน่ารักสมชื่อนะ
ส่วนลำคลองที่เห็นอยู่นี้มีชื่อว่า คลอง La Lauch
มีนักท่องเที่ยวนั่งบนเรือ ส่งรอยยิ้มมาให้ด้วยแหละ
ล่องเรือในคลองเล็กๆ  กำลังลอดใต้สะพาน
ซูมกล้องไปที่ร้านนั่งดื่มริมน้ำ ก็มีลูกค้ากำลังนั่งสำราญพักผ่อนกันอย่างเบิกบานใจ
 ซูมกล้องไปที่ร้านนั่งดื่มริมน้ำ ก็มีลูกค้ากำลังนั่งสำราญพักผ่อนกันอย่างเบิกบานใจ
แต่ละร้านก็ตกแต่งได้น่าไปนั่งมากๆ มีความเป็น Antique และ Unique มากด้วยนะ
 เสน่ห์ของเมืองนี้คงไม่พ้นดอกไม้หลากสีสันที่ปลูกใส่กระถางประดับประดาไว้ริมสะพานค่ะ
 ส่วนดอกไม้บางชนิดก็ปลูกใส่กระถางประดับไว้ริมถนนหนทาง ก็ช่วยเพิ่มสีสันให้เมืองนี้มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ทำให้ใครผ่านไปมา ก็ดูลั๊ลลาสุขใจ 
ส่วนใครที่เป็นคนแนวศิลปะอยากวาดภาพ ก็นัดวาดได้ตามใจชอบเลยนะคะ
ดูเด็กนักเรียนเยาวชนเหล่านี้สิ กำลังวาดรูปหรือเขียนอะไรอยู่สักอย่าง 
 ภาพมุมกว้าง ที่ริมสะพานจะมีนักท่องเที่ยวเวียนวน มาถ่ายรูปกันอย่างไม่ขาดสายเลย
เมืองเก่ากอลมาร์ ดูน่ารักดีนะ บ้านม่านชานเรือนสีสันสวยงามแปลกตา
ส่วนบรรยากาศเมืองก็สวยงาม มีตรอกซอกซอยให้เราเดินเข้าไปค้นหามุมถ่ายรูปสวยๆกันคะ
 และสีสันที่ชวนให้อยากกวักเงินยูโรออกมาซื้อก็คงเป็นร้านขายขนมและของที่ระลึก ที่เรียงรายอยู่มากมาย
 แต่ละร้านก็ตกแต่งน่ารักเก๋ไก๋สไลด์เดอร์ จนสมองเบลอไปเลยล่ะค่ะ
 ดูร้านนี้ ทำเหมือนบ้านขนมปังเลยนะ
เป็นร้านขายไอติม น่าทานมากๆเลย
ร้านรวงก็ตกแต่งน่ารัก มีตัวกาตง ตัวการ์ตูน ดูน่ารักเค้ากับบรรยากาศในเมืองนะค่ะ
 ตุ๊กตาก็น่ารัก น่าซื้อ โอ้ย...อยากได้ แต่ต้องอดทนไว้ใยคุณนายเว่อร์ เพราะเธอยังต้องแบกเป้ไปอีกไกลเลย
ไอติมที่นี้ราคาก็ไม่แพงนะ เริ่มต้นที่ 1.8 ยูโรเท่านั้นเอง มีขนมคุ๊กกี้แพ็คถุงขาย จัดซ่ะน่ารักด้วยสิ
นอกจากมุมถนนใหญ่แล้ว ตามตรอกซอกซอยในลึกในหลืบก็ยังมีมุมเก๋ๆ เงียบให้แวะมาถ่ายภาพหรือนั่งดื่มแบบชิลๆด้วยนะ
 นอกจากนี้ตามตรอกซอกซอยต่างก็ยิ่งดูน่าค้นหา เพราะจะเป็นร้านอาหารนั่งดื่มเก๋ๆ
และบ้านเรือนของชาวบ้านในเมืองเก่าแห่งนี้
 มีดอกไม้ปลูกใส่กระถางเล็กๆมุ้งมิ้งให้สวิงกิ้งถ่ายรูปกัน
 ส่วนประตูบ้านก็ทำรูปทรงน่ารักเล็กๆสวยงามตามสไตล์ฝรั่งเศส
ทางเดินตามถนนหนทาง และตามตรอกซอกซอย
 ถนนหนทางดูสะอาด สะอ้าน เรียบร้อย น่าอยู่ดีคะ
ส่วนหน้าต่างบางแห่งก็เก่าคึก มีเถาวัลย์เลื้อยลด คดดูเก๋ดี แต่ก็มีเหมือนจะมีอะไรสิงอยู่ในบ้านหลังนี้ยังไงไม่รู้
จะเห็นว่าตามตรอกซอกซอยในย่านชุมชนเก่าใกล้ลำคลอง La Lauch จะดูมีมนต์เสน่ห์และมุมถ่ายรูปมากมายเลยนะค่ะ ดูเงียบสงบไม่วุ่นวาย แถมไม่ต้องกลัวโจรขโมยจะมาปล้นด้วยนะ เพราะวันที่มาเที่ยวก็ไม่เห็นมี ถ้าจะปล้นเดี๊ยนจะยกให้เลยกระเป๋าเป้ 15 กิโลกรัม เอาไปเลยฮ่าๆ
 มุมเก้าอี้นั่งก็ดูเก๋ดีเว่อร์ เข้ากับบรรยากาศนะ
 หน้าต่างเกือบแทบทุกแห่ง ก็มักจะปลูกดอกไม้ใส่กระถางไว้ด้วย ดูน่ารักสวยงาม
 มีรถม้าให้บริการอีกด้วยนะ
 ยังไม่หมดนะค่ะ ยังไม่ซอกตรอกซอยถนนต่างๆให้ชะแว๊ปปิ้งๆ สวิงกิ้งกันอย่างไม่หยุด
 เดินมาเรื่อยๆตามถนน Rue de la Poissonnerie ลัดเลาะมาตามลำคลอง La Lauch
บรรยากาศการล่องเรือในลำคลอง La Lauchจนได้รับการขนานว่า ลิตเติ้ลเวนิสแห่งฝรั่งเศส
 เดินมาอีกนิดก็เริ่มเห็นลำคลองดูกว้างขึ้นกว่าเดิม
 มีเรือให้บริการพานักท่องเที่ยวนั่งชมเมืองตลอดลำคลอง
Little Venice of Colmar France
บรรยากาศดูสวยงาม สมคำล่ำลือนะค่ะ
 เสน่ห์ของเมืองนี้ที่ทำให้คนที่มาต้องกดชัดเตอร์กันไม่หยุดคงต้องเป็นดอกไม้คะ
เพราะดอกไม้สีสดงดงามจริงค่ะ ถ้าไม่มีดอกไม้คงขาดสีสันแน่ๆ 
มนต์เสน่ห์ของเมืองกอลมาร์ แห่งนี้ขาดไม่ได้ก็คือการนั่งเรือริมคลอง
 และอีกอย่างก็คือ เรือพายให้บริการนักท่องเที่ยว ถ้าขาดเรือนักท่องเที่ยวคงจะไม่มีสีสันเช่นกัน
 ที่ขาดไม่ได้เลย คงเป็นรูปทรงอาคารบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมน่ารักดูเข้ากันกับบรรยากากาศ
 ดอกไม้ที่ปลูกแซมไว้ตามกระถางริมคลอง สีสันช่างบาดใจและงามวิไลเหลือเกิน อยากจะเก็บดอกไม้มาทัดไว้ที่ทรงผมของตัวเอง ก็จะดูบรรเลงบ้าๆบอๆมากกว่านี้แน่ๆ
โรงตลาดเก่า หรือ Covered market of Colmar
ส่วนที่เห็นอาคารนี้คือโรงตลาดเก่า หรือ Covered market of Colmar มีร้านขายเครื่องดื่มอยู่ริมคลองด้วยค่ะ
 เดินมาเรื่อย ลำคลองก็ยิ่งกว่าขึ้น เริ่มเห็นภาพสวยของเมืองนี้มากขึ้น แต่เสียดายฟ้ามือครึ้มไปหน่อยนะค่ะ เหมือนฝนจะตกเลย
ย่านริมคลองที่โรงตลาดเก่า หรือ Covered market of Colmar
ยิ่งเดินมาที่ย่านโรงตลาดเก่า หรือ Covered market of Colmar ก็ยิ่งเห็นนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ ดูคึกคักดี แต่ก็ไม่ถึงกับวุ่นวาย อึดอัดจนเดินไม่ได้นะ โดยรวมโอเคเริ่ด ให้ผ่านค่ะ
 เดินแยกมาตรงแยกถนนตัดผ่านโรงตลาดเก่า ก็เห็นรถไฟกำลังวิ่งปู๊นๆพานักท่องเที่ยวชมเมืองเด้วยค่ะ
 เสน่ห์ของเมืองนี้อยากที่บอกไป คือร้านรวงแต่ละแห่ง งัดกลไอเดียเก๋ไก๋ ผุดมาเอาใจคนชอบถ่ายภาพจริงๆนะค่ะ
บรรยากาศตามร้านรวงต่างๆก็ตกแต่งกิ๊บเก๋ยูเรก้า ช่ะช่ะช่าหัวใจ เพื่อเอาใจคนชอบถ่ายภาพ
 ดูอย่างร้านนี้สิ ใครเห็นก็ต้องแวะกดชัดเตอร์ถ่ายภาพกันแทบทุกคน เค้าใจทำนะค่ะ
ดูน่ารักไม่เหมือนใคร
 ช่างคิดทำ เอาเก้าอง เอาเก้าอี้มาประดับให้ดูเก๋ไก๋ดีเริ่สมากๆ
หากใครจะก๊อปปิ้ไปยวลยีมามิ๊กซ์ผสมปนเปกับความเป็นไทย น่าจะงามวิไลไม่น้อยเลยนะ
บรรยากาศริมคลองเล็กในเมืองกอลมาร์
ส่วนลำคลองเล็กน้ำก็ใสสะอาดมากด้วยนะค่ะ ชอบตรงที่มีดอกม้ง ดอกไม้ประดับเนี่ยแหละค่ะ เพราะดอกไม้สีสันสดใสจริงๆ

ลานน้ำพุมุมนี้มีชื่อว่า Fontaine Schwendi
 ตรงนี้ก็มีวงเวียนน้ำพุให้ได้ถ่ายรูปและเต็มน้ำดื่มกันอีกแล้วค่ะ ใครเหนื่อยก็แวะดื่มน้ำได้
โดยลานน้ำพุมุมนี้มีชื่อว่า Fontaine Schwendi
แบกเป้เดินมาเรื่อย เริ่มเมื่อยหลัง ไม่ไหวแล้วค่ะ ขอวางเป้สักแป๊บนะ
ส่วนเดี๊ยน เริ่มจะไม่ไหวแล้วค่ะ หลังจะหักแล้วจ้า ขอนั่งพักเอาแรงสักแป๊บนะจ๊ะ
ทั้งเป้ใบเล็กสะพายด้านหน้าและเป้ใบใหญ่สะพายด้านหลัง เวลาจะหมุนตัวที ต้องดูคนข้างด้วย เพราะเป้ของเดี๊ยน พลักคนข้างๆจนล้มมาแล้วจ้า ข้อเสียของการแบกเป้ใบใหญ่ก็คืออันนี้แหละ
 ต้องยอมรับว่าเมืองเค้าน่ารักจริงๆ ทั้งหน้าตง หน้าต่างก็ประดับทำเป็นดอกไม้สีสันสดใส
นอกจากนี้ของตกแต่งในตู้กระจกก็ดูคลาสสิค ออกแนววินเทจเก๋ไก๋ น่าซื้อไว้เป็นของที่ระลึกมากๆด้วย ดูอย่างตุ๊กตาเด็กชายและแม่หนูสองคนนี้ ดูมีความเก่าและน่ารักดีไม่น้อยเลย
 หลังจากที่ได้ดื่มด่ำเดินแบกเป้เดินเที่ยวเมืองนี้แล้ว ก็ได้เวลาที่ต้องบ๊ายๆ เดินทางกลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้ว เพื่อไปนอนพักค้างแรมที่เมืองลูเซิร์นคืนนี้ค่ะ
แบกเป้เดินเท้ากลับมายังสถานีรถไฟ Colmar
 ดิฉันเลยเดินแบกเป้กลับมาที่สถานีรถไฟเมือง Colmar
ส่วนการเดินทางก็ไม่ยากค่ะ ตอนขามา มาแบบใหน ขากลับก็เหมือนกันค่ะ
เริ่มต้นเดินทางด้วยรถไฟ TER ออกจากที่เมืองกอลมาร์ ไปลงที่เมือง Basel
จากนั้นก็เปลี่ยนชานชลาไปนั่งรถไฟ Swiss ออกจากเมือง Basel ไปลงที่เมอง Luzern
 นั่งรถไฟออกจากเมือง Colmar มุ่งหน้าไปยังเมือง Basel
 นั่งรถไฟมาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆก็ถึงบาเซิลค่ะ
จากนั้นก็เปลี่ยนชานชลารถไฟ
 รอบนี้ไปขึ้นรถไฟสายที่จะไป Luzern เวลา 17.04 น. ชานชาตามป้ายบอกเวลา
 ขึ้นขบวนรถไฟเพื่อเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมือง Luzern
ชมวิวบรรยากาศริมทางฆ่าเวลาไป
บ้านเรือนชนบทในสวิสดูเงียบสงบ ท่ามกลางธรรรมชาติ และหุบเขาเหลาดอย ดอกไม้ใบหญ้าก็เขียวชะอุ่มชุ่มอุรา น่าอยู่มากๆนะค่ะ แต่ถ้าให้มาอยู่จริงคงไม่ค่ะ เพราะสู้ค่าครองชีพที่นี้ไม่ไหว
สถานีรถไฟเมืองลูเซิร์น (Luzern Railway Station)
 นั่งรถไฟจากกรุง Basel ไม่นานนักก็ถึงสถานีรถไฟ Luzern แล้วจ้า
สถานีรถไฟใหญ่โตโอฬารเหมือนกันนะค่ะ
 เดินออกมานอกจากสถานีเมือง luzern เพื่อไปยังโรงแรมที่พักคืนนี้
 ระหว่างทางเดินผ่านมา ก็เห็นคนกำลังเป่าแตรเสียงดังกังวลต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้ที่มาเที่ยวเมืองนี้ด้วยค่ะ
ซึ่งเครื่องดนตรีที่พบเห็นอยู่นี้คือ  Alphorn  (อัลเพนนฮอร์น)
 Alphorn  (อัลเพนนฮอร์น) เครื่องดนตรีประจำประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเครื่องเป่าทำจากไม้
Alphorn  (อัลเพนนฮอร์น)ซึ่งเป็นเครื่องเป่าทำจากไม้ มีขนาดยาวและใหญ่ดูมีเอกลักษณ์ชัดเจน ลักษณะรูปร่างเหมือนไปป์หรือบุหรี่ฝรั่ง ถือเป็นเครื่องดนตรีประจำเทศสวิสเซอร์แลนด์ด้วยนะค่ะ มีเสียนงดังวาลชัดเจน
ถึงเมืองลูเซิร์นจริงๆแล้วค่ะ ถ้าจะมาให้ถึงต้องข้ามสะพาน Chapel Bridge
 จากนั้นก็เดินข้ามสะพานคาเพ็ลล์บรึคเคอ (Chapel Bridge) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำร็อยส์ในเมืองนี้ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกด้วย
เดินมาเปิด GPS ก็ถึงที่พัก ทำการ Checkin ห้องพักคืนนี้ไม่หรูหราเหมือนที่ผ่านมาแล้วค่ะ เพราะต้องนอนแบบประหยัดตังบ้างแล้ว ก็เลยเลือกนอนที่พักราคาไม่แพง คืนละ 1600 บาท เป็นห้องพักแนวโฮสเทล ห้องนอนรวม ลักษณะที่พักแบบ Service apartment แต่มาซอยห้องพักทำเป็นเตียงนอนแบบ Dorm ให้นักท่องเที่ยวพักได้หลายคน เพื่อประหยัดค่าครองชีพ
มีเตาไฟฟ้าไว้ทำกับข้าว มีที่ล้างจานให้ด้วย ส่วนห้องน้ำ มี 1 ห้อง ใช่ร่วมกับคนอื่นค่ะ  สภาพโดยรวมในห้องไม่ค่อยดีเลย ห้องคับแคบมากๆ ส่วนเครื่องครัวทำกับข้าวไม่มีให้นะค่ะ มีแต่จานไม่กี่ใบ ถ้าอยากทำกับข้าวก็ต้องจ่ายเงินมัดจำค่ากระทะ ค่าหม้อ โดยที่เคาว์เตอร์จะมีให้ยืม ใช่เสร็จก็นำไปคืนวัน check out ก็จะได้เงินมัดจำคืนคะ
หลังจากที่ได้เช็คอินน์เข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว ใกล้ๆมีร้านอาหารอยู่ใกล้ๆด้วย แต่เดี๊ยนตัดสินใจเดินไปซื้ออาหารมาทานที่ห้องพักเอง ทานอาหารจนอิ่มท้อง ก็อาบน้ำ เข้านอน หลับไปตลอดคืน

จบทริปรีวิวเที่ยวเมืองกอล์มาร์ เป็นทริปสุดชิลๆ แต่ก็ทรหดนิดหน่อย เพราะต้องแบกเป้เป็นสิบกิโลกรัมเดินเที่ยว แต่ก็ถือว่าได้ฝึกความอดทนและความแข็งแกร่ง พร้อมไปกับความสวยงามอ่อนช้อยที่ยังต้องมีอยู่ในตัวเดี๊ยนเองค่ะ เอาเป็นว่าทริปนี้จบอย่างสวยงาม รูปภาพก็สไลด์ดูกันพอพล่างๆ

สำหรับรีวิวทริปนี้น่าจะกระตุ้นต่อมให้เพื่อนที่รักการเดินทาง ลองวางแผนมาเที่ยวกันดูสักครั้งนะค่ะ หากข้อมูลในบล็อกมีข้อผิดพลาด ประการใด ดิฉันเองต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ขอบพระคุณเพื่อนๆทุกคนที่เสียสละเวลากันคลิ๊กเข้ามาสไลด์ดู หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
--------------------------------------------------------------------
แนะนำบทความอื่นๆ และบล็อกรีวิวท่องเที่ยวเมืองต่างๆ มีดังนี้ค่ะ (จะทยอยอัพเดทเขียนเพิ่มเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกนี้ร้างไปคะ)
รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
มาเน้อเจ้า..มาแอ่วภูลังกา ดูทะเลหมอกสวยระย้าจับใจ แวะตะไลไปเชียงคำ สัมผัสวัฒนธรรมไทลื้อ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวเมืองพะเยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อเจ้า..มาแอ่วเมืองพะเยา นอนคลอเคล้าริมกว๊าน งามอลังการสะท้านโลกา คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อมาเที่ยวเมืองแพร่ แลยลชมธรรมชาติ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อเจ้า...มาเที่ยวเมืองแพร่ เดินแลงานยี่เป็ง แวะไปชมพระธาตุดอยเล็ง วิวสวยเจ๋งงามเริ่ดสะแมนแตน คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>
รีวิวเที่ยวหลังสวน ลิ้มลองทุเรียนจากสวนหวานฉ่ำ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวหลังสวน เดือน ก.ย.2018 แวะเยือนเมืองผลไม้ เมืองนี้มีอะไรให้เที่ยวชมบ้างนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวชุมพร งามอรชรตลอดกาล เดือน ก.ย.2018 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวชุมพร เช่ามอเตอร์ไซต์ตะลอนไปทำทานที่มูลนิธิคนชรา แวะลั๊ลลาหาดทรายรี สวยฉิมพลีอ่าวทุ่งมหา อาหารทะเลรสแซ่บซ่ายิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Oc4kNZ
แบ่งปันการเดินทางในเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดจ้า>>
รีวิวแบกเป้ตอนที่ 25 แบ่งปันวิธีการเดินทางเที่ยวเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองมาฝาก ไม่ยากเลยจ้า ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะคะ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2p5eQZf
รีวิวตอนที่ 24 แวะเที่ยวกรุงเอเธนส์ 1 วัน มีที่เที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้ตอนที่ 24 แวะเที่ยวในกรุงเอเธนส์ 1 วัน เดินสุขสันต์ชมโบราณสถาน และมีที่เที่ยวใหนให้ชมบ้างอีกนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2NrtXcU
รีวิวตอนที่ 22 แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเมือง Sorrento คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 22 แวะทอดน่องที่เมืองซอเรนโต้ยามเย็น เดินเล่นแบชิลๆ มาดูสิว่าเมืองนี้มีวิวอะไรให้ชมบ้างนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2C4PTGF
รีวิวตอนที่ 18 แบกเป้ลุยเดี่ยวเมืองเวนิชครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 18 เที่ยวเมืองเวนิช นอนแนบชิดติดริมน้ำ เดินตามหาของกินอร่อยในซอกซอยเล็กๆ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2KQvnsh
รีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ 15 แบกเป้เดินเที่ยวรอบเมืองลูเซิร์นแบบชิลๆ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว ตอนที่ 15 เดินลั๊ลลาชมเมืองลูเซิร์น เพลิดเพลินดูสะพานไม้เก่า คลอเคล้าริมทะเลสาบสุดสวย คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2vjt0bK
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 13 วิธีการเดินทางไปจุงเฟราด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวยุโรป ตอนที่ 13 แบ่งปันรีวิววิธีการเดินทางไปพิชิตเขาจุงเฟราด้วยตัวเองมาฝากจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2LHckBV
อาชีพเสริมทำหลังเลิกงานประจำเป็นรายได้พิเศษ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แนะนำ 5 งานเสริมออนไลน์ยุค4G ที่ทำได้หลังเลิกงานประจำเป็นรายได้เสริมพิเศษ มีงานอะไรบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดคะ>>>
หรือดูเนื้อบทความได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2mx7SuA
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 12 ลุยเดี่ยวไปเมืองสปิซ-อินเทอร์ลาเก้น คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวยุโรป ตอนที่ 12 เดินทอดน่องย่องเมืองอินเทอร์ลาเก้น เดินเล่นชิลๆ ดูวิวเมืองสปิซติดทะเลสาบสวยเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2LkZvQM 
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 11 แบกเป้เที่ยวกรุงเบิร์น ดูเพลินๆสวยดีนะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรป ตอนที่ 11 ระเหินระเห็ดมาเด็ดดมชมกรุงเบิร์น เดินเพลินๆดูเมืองมรดกโลก คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2uoxRbX
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 10 เยือนสวิตเซอร์แลนด์ เจนีวา-โลซาน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยสวิตเซอร์แลนด์ ตอนที่ 10 แวะเมืองเจนีวา-โลซาน ยลตระการศาลาไทย ตามรอยในหลวง คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2N0X57i
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 9 เดินชมเมืองลียง ชมอัสดงที่เขาฟูรวิแยร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวยุโรปตอนที่ 9 แวะชมเมืองลียง เดินชมดงย่านชุมชนเก่า คลอเคล้าตามสายแม่น้ำ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2NyWRFA
เที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะนั่งพักตากอากาศริมหาดที่เมืองนีซ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะเดินชิลๆที่เมืองนีซชมเมืองพักตากอากาศริมหาดที่มีชื่อเสียงดูสักครั้งสิ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/dLDKAX
เที่ยวยุโรปตอนที่ 7 แวะชมประเทศโมนาโค เมืองโก้หรูริมทะเลดูสิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวยุโรปตอนที่ 7 นั่งรถไฟไปประเทศโมนาโค เดินแอ๊บไฮโซริมทะเล มาดูสิว่าเมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดและภาพรีวิวคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/e6o4UL
รีวิวเที่ยวตอนที่ 6 แวะเที่ยวเมืองคานส์ มีอะไรให้ยลตระการบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 6 แวะเที่ยวเมืองคานส์ ยลตระการเมืองภาพยนตร์โลก อยากรู้มีอะไรให้ชะโงกเที่ยวดูบ้างนะ คลิ๊กดรายละเอียดและภาพรีวิวคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/GpiYVK
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาเมืองโพรว็องสุดโรแมนติค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาเมืองโพรว็องส์ ท่องย่านเมืองเก่า คลอเคล้าความโรแมนติด สุดชิคเก๋ๆ คลิ๊กดูรายละเอียดและภาพรีวิวคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/4tuuke
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 4 เดินเร้าฤดีฉิมพลีเสน่ห์เมืองมาร์เซย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 4 เดินฉิมพลีแวะเมืองมาร์กเซย์ นั่งรถไฟฮาเฮไปชมยอดมหาวิหาร งดงามอลังการแปลกตาดีจัง คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/Bxaq9X
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 3 เดินชิลๆดูวิวเมืองปารีส&ช๊อปปิ้ง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
 รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 3 แวะดูตามแผนที่ เดินฉิมพลีช๊อปปิ้งเมืองปารีสวันสุดท้าย ก่อนนั่งรถไฟไปเมืองมาเซย์ คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวค่ะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/XCFzYC
รีิวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 2 เดินย่องท่องวังแวร์ซาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 2 แวะย่องตามรอยขุนวิสารวาจา เดินลั๊ลลาชมวังแวร์ซาย งามพร่างพรายอลังการเว่อร์ คลิ๊กดูภาพและรีวิวบทความค่ะ>>>
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/N6BGg2
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน พ.ค.2018 แบกเป้เที่ยวฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 1 แวะตราตรึงชมพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ดูรูปโมนาลิซ่า สวยระย้าจับใจ จนเมื่อยขาลากไปไกลเลย คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวค่ะ>>> 
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eoJBtM
แบ่งปันการเดินทางด้วยรถไฟ Metro ในกรุงปารีสครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน Metro ด้วยตัวเองในกรุงปารีสครั้งแรกแบบงงสุดๆ แต่ก็ถึงที่หมายโดยปลอดภัยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
แชร์วิธีการเดินจากสนามบินฝรั่งเศส เข้าไปในกรุงปารีส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
แบ่งปันวิธีการเดินทางจากสนามบินชาร์ดเดอโกลฝรั่งเศสเข้าไปในกรุงปารีสด้วยรถบัสด้วยตัวเองมาฝากค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>>
รีิวิวสายการบินโอมานแอร์ จากกรุงเทพไปฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
แบ่งปันประสบการณ์เดินทางไกล มารีวิวสายการบินโอมานแอร์ไปฝรั่งเศสด้วยตัวเองครั้งแรกให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิว>>>
บอกเล่าการเลือกบัตร Eurail Pass ก่อนซื้อคุ้มค่าใหม๊ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
บอกเล่าเลือกซื้อ Eurail Pass ก่อนซื้อว่าคุ้มค่าใหม๊ แล้วระหว่างรถไฟชั้น 1 กับ ชั้น 2 ต่างกันอย่างไร แบบใหนดี คลิ๊กดูรายละเอียดบทความคะ>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/2WGywk
รีิวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลังครั้งวันวาน งามอลังการยิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพและรีวิวบทความค่ะ>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/7ZB3pt
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน เม.ย.นี้ แวะไปเที่ยวสิงห์บุรีมาค่ะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวสิงห์บุรี 1 วัน เช่ามอเตอร์ไซตขับไปไหว้พระนอนจักรสีห์ เดินสุขขีที่ตลาดบ้านระจัน อาหารอร่อยๆทั้งนั้นเลย คลิ๊กดูภาพและรีวิวบทความค่ะ>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eL6fHw
จัดมารวมประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรม คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
จัดมาให้ค่ะ ประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรม ที่ยังไงก็จำเป็นต้องใช้ มีประโยคอะไรบ้างล่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>>
หรือดูเนื้อหาบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/uBCnFK
 แบ่งปันที่พักทาคายาม่า เน้นใกล้สถานีรถไฟ เดินไปได้สบายสุดๆ คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
แบ่งปันข้อมูลที่พักในเมืองทาคายาม่า ราคาถูก ประหยัด ใกล้สถานีรถไฟ JR เดินไปได้ใกล้ๆสุดๆ คลิ๊กดูรายชื่อที่พักค่ะ>>
หรือดูข้อมูลที่พัก+เบอร์โทรติดต่อที่เว็ปไซต์ :
https://goo.gl/2ukd4r
รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน เม.ย.2018 ล่องเรือไหว้แม่น้ำเจ้าพระยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวกรุงเทพ 1 วัน เสพสุขสันต์เย็นซ่า ล่องเรือไหว้พระตามลำน้ำเจ้าพระยา สุขอุราชื่นบานยิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวค่ะ>>>
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/HrLddq
จัดมารีวิวเที่ยวสัตหีบ 2 วัน 1 คืน เดือน มี.ค.61 ไปที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
บล็อกรีวิวเที่ยวประจำเดือน มี.ค.61 แวะเที่ยวสัตหีบ ไปนอนงีบที่เกาะแสมสาร ทะเลสวยหวาน ร้าวรานจับใจ คลิ๊กดูภาพและรายละเอียดรีวิวค่ะ>> 
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/YV4FbW

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น