มาต่อค่ะกับรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน พ.ค.2018 ยังอยู่ปารีสนะค่ะ บทความวันนี้เลยขอมารีวิวลุยเดี่ียวเดินเที่ยวชมพระราชวังแวร์ซายค่ะ |
สำหรับบทความในว้นนี้ ขอมายวลยี เร้าฤดีกับการรีวิวเที่ยวฝรั่งเศสต่อจากตอนที่ 1 ค่ะ (https://goo.gl/eoJBtM) หลังจากที่บทความบล็อกก่อนหน้านี้ ได้มารีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวแวะชมหอไอเฟล และเดินชมพิพิธภัณฑ์ลูฟว์รไปเรียบร้อยแล้วนะค่ะ
มาตอนนี้เดี๊ยนจะขอมารีวิวพาคุณอ่านทุกคน ไปสุขล้นยลตระการชมพระราชวังแวร์ซาย์ ที่ล่ำลือกันว่าอลังการสะท้านโลกายิ่งนัก เดี๊ยนเลยขอปักหมุดไปชมวังนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต และอีกอย่างก็คือ มาตามขุนศรีวิสารวาจา จากละครดังที่ปังแบบสุด แม้ละครจะจบไปนานแล้ว แต่เดี๊ยนก็อยากจะขอมายลตระการดูสักครั้ง เหตุที่อยากมาเที่ยวฝรั่งเศส ก็อยากมาชมวังแวร์ซายเนี่ยแหละค่ะ อยากมาดูว่าวังนี้จะสวยงามแค่ใหน เห็นใครๆแวะมาปารีส ก็ต้องแวะมาเที่ยววังนี้ด้วย อยากรู้จังพระราชวังแวร์ซายแห่งนี้มีอะไรที่น่าค้นหาบ้าง
สำหรับภาพในเว็ปบล็อกนี้ ถ่ายเองไปเรื่อยเปื่อย ไม่คิดอะไรเยอะ
-เน้นภาพสด ไม่ได้แต่งใน photoshop นะค่ะ อาจไม่สวยเท่าภาพแต่ง เพราะเดี๊ยนยิ่งแต่งก็ยิ่งพังค่ะ ก็เลยเน้นภาพแบบสดๆ จะได้ให้ผู้อ่านเห็นของจริงแบบสดไปเลยนะค่ะ
-ภาพในบล็อกถ่ายเอง เรียงเองไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีผู้ช่วยหรือ admin นะค่ะ รีวิวเอง และก็เขียนงงเอง เอาเป็นว่ามาดูบล็อกนี้ต้องปวดเศียรเวียนเกล้าแน่นอนค่ะ
เพื่อไม่ให้เสียกับการบ่นพร่ำทำเพลงไปมากกว่านี้ เดี๊ยนขอมาเร้าฤดีชื่นอารมณ์ สมฤทัยพาท่านตะลอนแวะไปเที่ยวกันเลยจ้า
ต่อจากรีวิวตอนที่ 1 ดูบทความที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eoJBtM เช้าตรู่ในวันที่ 16 พ.ค.2018 วันนี้ถือเป็นวันที่สองแล้วกับทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรป เริ่มต้นวันใหม่ในกรุงปารีส อากาศตอนเช้าหนาวจี๊ดจับใจเหลือเกินค่ะ...อยู่เมืองไทยอากาศร้อนเร้า ดั่งไฟเผาทรวง แต่มาอยู่เมืองนี้แล้ว ตืนเช้ามาก็ยังรู้สึกง่วงๆอยากนอนต่อนะค่ะ
ก่อนจะไปเที่ยวยังไงก็ต้องสะส่างงานประจำเสร็จก่อน ไม่งั้นมีหวังโดนลูกค้าที่บริษัทกินหัวแน่นอนค่ะ |
หลังจากที่ได้ทำงานจนเสร็จ ก็ได้เวลาทานอาหารเช้าแล้วค่ะ มารีวิวดูสิว่าที่โรงแรม โฮเต็ล บิวเกรนเนลล์ ทัวร์ อิฟเฟล (Hotel Beaugrenelle Tour Eiffel) แห่งนี้มีอาหารให้อะไรให้ทานบ้าง
ห้องอาหารของโรงแรมอยู่ชั้นใต้ดินเลยนะค่ะ โดยอาหารเช้าที่นี้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์
ตอนเดี๊ยนลงมาก็หาห้องอาหารไม่เจอค่ะ เพราะไม่มีป้ายบอก ไปสอบถามเจ้าหน้าที่หน้าฟร้อน จีึงได้รู้ว่าตอนลงมาที่ชั้นใต้ดิน
ห้องอาหารดูมืดทึบๆหน่อยนะค่ะ ดูคล้ายๆเหมือนจะมุดตัวเข้าไปอยู่ในถ้ำ อะไรประมาณนั้น
แต่ก็ตกแต่งเก๋ไก๋ดี เนื่องจากพื้นที่จำกัด เลยมาขยับสร้างห้องอาหารที่ชั้นใต้ดินเลย
ไลน์อาหารเช้าของเค้าก็เป็นอาหารแบบฝรั่งเศสแบบง่ายๆ จะไปสั่งข้าวต้มหรือโจ๊กทานคงจะไม่มีให้นะค่ะ
อาหาารส่วนใหญ่ก็จะเน้นแบบง่ายๆ มีแฮม มีชีส มีเนย แต่ตู้เคร่ื่องดื่มเค้ามีให้เลือกหลายแบบเลยนะค่ะ เหมือนกับโรงแรมที่พักเมื่อวานนี้เลย มีโก้โก้ กาแฟ คาปูชิโน แบบว่าเลือกได้หลายอย่าง
มีขนมปังครัวซอง และขนมปังบันแบบแข็งๆ สไตล์ฝรั่งเศส
นอกจากนี้มีขนมหวานให้ด้วยนะค่ะ
มื้อเช้านี้ ดิฉันเองเลยต้องหัดฝึกทานอาหารแบบฝรั่งเศสไปค่ะ แต่ชอบโยเกิตเค้ามาก รสชาติกำลังดีไม่หวานหรือเปรี้ยดจนเกินไป
แต่ชอบทานแอปเปิ้ลบดของเค้านะค่ะ รสออกหวานๆคล้ายแยม
ไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่ากระไร ตอนถามพนักงานที่ดูแลเรื่องอาหาร นางก็บอกมา แต่เดี๊ยนก็ลืมไปแล้วค่ะ
มีซีเรียลธัญพืชให้ด้วยนะค่ะ เป็นอาหารแนวตะวันตกจริงๆ
ตอนแรกคิดว่ามีไข่ดาว เบคอนด้วย แต่ที่นี้ไม่มีนะค่ะ เน้นสไตล์แบบ Continental Breakfast
นอกจากนี้ยังมีไข่ต้มให้ด้วย แต่ไข่ต้มไม่อร่อยอย่างแรงเลยค่ะ เนื่องจากไข่มีกลิ่นและไข่แดงด้านในเหมือนจะบูดๆ ไม่โอเคและไม่ถูกใจเดี๊ยนอย่างแรง เดี๊ยนขอติและคอมเพลน อยากให้ทางโรงแรมปรับปรุงด่วน นอกนั้นเรื่องอาหารพอใช้ได้ค่ะ
ภาพด้านหน้าโรงแรม โฮเต็ล บิวเกรนเนลล์ ทัวร์ อิฟเฟล (Hotel Beaugrenelle Tour Eiffel) |
ก็ได้เวลาเดินทางไปเที่ยวแล้วค่ะ ลืมถ่ายภาพด้านหน้าโรงแรมมาให้ดู หน้าที่พักเป็นแบบนี้ค่ะ เผื่อใครที่สนใจจะมาพัก ก็ลองแวะมาค้างแรมได้นะค่ะ ตรงข้ามที่พักมีร้านขายอาหารจีนอยู่ใกล้ๆด้วย หากใครที่ทานอาหารแบบฝรั่งเศสมาได้ ก็ทานอาหารจีนได้ แต่เสียดายไม่มีร้านอาหารไทยเนอะ
ราคาก็อยู่ในระดับกลางๆ ถ้าเทียบเป็นเงินไทยถือว่าแพงค่ะ ตกคืนละ 3พัน เพราะถ้าราคานี้ในเมืองไทยต้องเป็นโรงแรม4-5 ดาวแน่ๆ แต่ถ้าอยู่ในกรุงปารีส โรงแรมราคาประมาณนี้ถือว่าเป็นโรงแรม 2-3 ดาวค่ะ ถ้าโรงแรมหรูกว่านี้ เดี๊ยนว่าคงต้องหลักเกือบหมื่นๆแน่ๆ
และสำหรับทริปเช้าตอนสายๆใกล้ตอนเที่ยงแบบนี้
ดิฉันวางแผนขอไปเที่ยวแบบชิลๆ ชมสวนลุกซ็องบูร์ (Le Jardin du Luxembourg)
เป็นอีกหนึ่งสวนสวยในกรุงปารีส ที่ต้องแวะไปชมค่ะ
ซึ่งในเมืองปารีสเอง ก็มีสวนสวยๆให้ชมหลายแห่งเลยนะค่ะ แต่ว่าเดี๊ยนให้สวนแห่งนี้ในภาพเพื่อนที่ไปรีวิวไปมาแล้ว นางบอกว่าสวนสวยดี เห็นมีคู่รักถ่ายภาพเวดดิ้ง นิยมไปสวิงกิ้ง เดินมุิ้งมิ้งถ่ายรูปกันเยอะเลย เดี๊ยนเลยขอไปตามรอยค่ะ
และการเดินทางไปสวนแห่งนี้ ก็ไม่ยากค่ะ เดินทางด้วยรถไฟ Metro เลยค่ะ
เดี๊ยนเดินออกจากที่พัก ท่ามกลางอากาศหนาวจี๊ดเลย แต่ดูคนที่นี่ไม่ค่อยจะหนาวก้ันนะค่ะ
เพราะเค้าบอกว่า อากาศช่วงนี้เป็นฤดูอบอุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าอบอุ่นตรงใหน เดี๊ยนหนาวจะตายแล้วค่ะ
แผนที่การเดินทางในกรุงปารีสด้วยรถไฟฟ้า Metro และรถไฟ RER ดูครั้งแรกก็อิสสะงงหน่อยล่ะค่ มาเจอของจริง งงกว่าเดิมอีก |
แผ่นพับแผนที่การเดินทางในกรุงปารีส ก็มีมาให้ตอนซื้อบัตรโดยสาร 10 ชุดค่ะ |
เปิดแผนที่ออกมาก็จะมีรายละเอียดเส้นทางให้ค่ะ อาจจะอิสสะงงนิดหน่อย ต้องค่อยทำความเข้าใจค่ะ |
แต่ถ้าเพื่อนคงใหนที่อยากได้ข้อมูลการเดินทางรถไฟฟ้าในกรุงปารีสเพิ่มเติมนะค่ะ
สามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sbA4ek
หรือทางการของฝรั่งเศสเว็ปไซต์ : https://www.ratp.fr/
หรือเว็ปไซต์นึงเข้าใจง่ายหน่อยก็คือเว็ปไซต์ : https://parisbytrain.com/
ในแผนที่เค้ามีปักหมุดสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงปารีสให้ด้วยนะค่ะ |
ก็คงต้องตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนแล้วค่ะ อาจจะต้องมาดูแผนที่ตามตู้กระจกในสถานีรถไฟเอานะค่ะ
สำหรับการเดินทางไปสวนลุกซ็องบูร์ของดิฉันในช่วงสายแบบนี้
มาเริ่มต้นที่สถานีรถไฟ Duplex ค่ะ สายสีเขียวหมายเลข 6 ค่ะ โดยมาขึ้นชานชลาป้าย Nation ค่ะ
โดยเดินทางไปลงที่สถานี Denfert-Rochereau เพื่อเปลี่ยนไปนั่งรถไฟ RER (อ่านว่าแอร์เออแอร์) สาย B ค่ะ
ป้ายสัญลักษณ์ของเส้นทางรถไฟแต่ละสายไว้เทียบตอนดูแผนที่ จะได้ไม่สับสนหรือเกิดอาการอิสสะงงๆค่ะ |
ถ้าเป็นรถไฟฟ้า Metro จะเป็นตัวเลข
แต่ถ้าเป็นรถไฟฟ้า RER จะเป็นตัวอักษรค่ะ
ตามที่ได้รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในกรุงปารีสไว้ก่อนหน้านี้แล้วที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sbA4ek
หากนั่งรถไฟฟ้า RER จะมีเวลาบอกว่า อีกกี่นาทีรถไฟจะมาถึง จะได้กะเวลาได้ทันค่ะ |
หรือชะเงอคอดูป้ายบอร์ดบอกเส้นทางนะค่ะ ว่ามาถูกชานชลาหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่หรือเปลี่ยนเลย ไม่งั้นจะตะเลิดเปิดเปิงไปไกลค่ะ |
ก็มาเชื่อมต่อด้วยการนั่งรถไฟ RER สาย B ไปลงสถานี Luxemboug (สถานีลุกซองบูร์) ตามภาพด้านที่ลูกศรชี้ลงเลยค่ะ โดยรถไฟ REE จะมีป้ายแจ้งเวลา ขบวนรถไฟให้ แต่ถ้ารถไฟ Metro ไม่มีแจ้งนะค่ะ
ภาพรถไฟ RER สาย B ก็มาพอดี
ก็ขึ้นรถไฟไปผจญภัยต่อได้เลยค่ะ
พอเข้ามาในตู้ขบวนรถไฟแล้ว ให้สังเกตุป้ายแสดงสถานีแต่ละสถานีด้านบนประตูรถไฟค่ะ เนื่องจากบางขบวนก็ไม่ได้แจ้งว่าถึงสถานีใหนแล้ว และก็ไม่มีแจ้ง พลีสมายเด้อเกต บีทะวีนเทรนแอนด์แพลตฟอม ดังนั้นต้องดูและสังเกตุให้ดีเลยค่ะ ไม่งั้นมีหวัง ตะเลิดเปิดเปิงไปไกลแน่ๆ
นั่งรถไฟ RER สาย B มาไม่นานนักก็ถึงสถานี Luxembourg
จากนั้นก็มองหาป้ายอาซ้อ หรือป้าย Sortie ซึ่งป้ายทางออกไปยัง Jardin du luxembourg หรือสวนลุกซองบูร์นั้นเองจ้า
เดินขึ้นมาด้านบนก็จะเป็นป้ายสถานี Luxembourg แบบนี้ค่ะ
ในที่สุดก็ถึงสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกในการเดินทางเที่ยวปารีสวันที่ 2 นี้นะค่ะ ที่สวนลุกซ็องบูร์ |
ตอนแรกเดี๊ยนคิดว่าจะต้องเดินตะเลิดเปิดเปิง เทิดเทิงหัวใจไปไกลเสียอีกนะค่ะ
เดินเข้ามาในสวนก็ร่มรื่น ชื่นฤทัย งามวิไลและกว้างใหญ่ไพศาล ร้าวรานทรวงในนะค่ะ
มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสายเลย การเดินทางชมสวนสาธารณะในเมืองปารีส ไม่เสียค่าใช้จ่ายนะค่ะ แต่ถ้าเข้าพิพิธภัณฑ์อาจมีเสียค่าใช้จ่ายค่ะ
บรรยากาศก็สวยงาม มีที่นั่งเรียงราย สะหยายตัวไปตามทางเดิน ดูเพลิดเพลินแล้วจำเริญใจดีจังค่ะ
เดินมาเรื่อยก็ถึงศูนย์กลางจักรวาลของสวนที่อยู่ด้านใน จะเห็นพระราชวังลุกซ็องบูร์เด่นตระหง่านอยู่ให้ชื่นชมและถ่ายภาพกันอย่างร้าวรานใจ
แวะมาเดินชิลๆชมวิวในสวนลุกซ็องบูร์ Luxembourg Palace garden |
แวะมาเดินชิลๆชมวิว ถ่ายรูปวิวในสวนลุกซ็องบูร์ Luxembourg Palace garden |
ดอกไม้แต่ละดอก ก็ใหญ่เว่อร์วัง กุหลาบสีชมพูอ่อน ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจ
ส่วนอีกดอกนั้นไซ้ร กลีบก็เริ่มโรยราไปตามกาลเวลา ที่กลิ่นนั้นหอมช่ะช่ะช่ามากกว่ากว่าดอกสีชมพูแม่ตูมใหญ่นั้นมากนัก เพราะสลักด้วยเกสรสีเหลืองอำพรรณ คงจะส่งกลิ่นไปถึงดวงจันทร์เลยกระมัง แหม่น่าชังจริงๆ
ดอกม้งดอกไม้ในกระถาง ก็บานสะพร่างจับใจ สีสันสดใส รับไอแดดงามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักแล
สาระน่ารู้เกี่ยวกับพระราชวังลุกซองบูร์ มีที่มีอย่างไร มาอ่านไปเป็นความรู้ค่ะ
พระราชวังลุกซ็องบูร์ (ฝรั่งเศส: Palais du Luxembourg; อังกฤษ: Luxembourg Palace) เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสวนลุกซ็องบูร์ในกรุงปารีสในประเทศฝรั่งเศส ในปัจจุบันใช้เป็นที่ทำการของวุฒิสภา (French Senate) สวนลุกซ็องบูร์มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 25 เฮ็คตาร์ที่เป็นลานหญ้าและทางเดินกรวดที่มีรูปปั้นตั้งอยู่เป็นระยะ ๆ สลับกับอ่างน้ำ
ประวัติของพระราชวังแห่งนี้ มีที่มาอย่างไร
พระราชวังลุกซ็องบูร์ได้รับการก่อสร้างขึ้นสำหรับสมเด็จพระราชินีมารี เดอ เมดิชิพระบรมราชชนนีในพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศสและกัสตง ดยุคแห่งออร์เลอ็อง (Gaston, Duke of Orleans) ในบริเวณใกล้กับบริเวณที่เดิมเป็นออแตลปาร์ตีกูว์ลีเย (hôtel particulier) ที่เป็นของฟร็องซัว-อ็องรี เดอ มงมอร็องซี ดุ๊กเดอลุกซ็องบูร์ (François-Henri de Montmorency, duc de Luxembourg)
ซึ่งเป็นที่มาของชื่อพระราชวัง พระราชินีนาถมารีมีพระประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังใหม่ที่ละม้ายวังพิตติในเมืองฟลอเรนซ์ที่เป็นเมืองประสูติของพระองค์ สถาปนิกเอกซาลอมง เดอ บร็อส[1] จึงส่งสถาปนิกเกลม็อง เมเตโซ (Clément Metézeau) ไปยังฟลอเรนซ์เพื่อไปนำภาพวาดผังกลับมา[2][3][4][5] พระราชินีนาถมารีทรงทรงซื้อโครงสร้างและสิ่งก่อสร้างที่ค่อนข้างใหญ่โตในปี ค.ศ. 1612 และมีพระราชโองการให้ก่อสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่ขึ้นแทนที่ที่ทรงเรียกว่า “วังเมดิชิ” (Palais Médicis)[6] ในปี ค.ศ. 1615
และการก่อสร้างพระราชวังและการตกแต่งเป็นพระราชกรณียกิจอันสำคัญทางศิลปะของพระองค์ แต่ในปัจจุบันสิ่งที่ตกแต่งภายในสำหรับพระองค์ไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว นอกไปจากบางส่วนที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ใน Salle du Livre d'Or. ภาพชุดพระราชินีมารี เดอ เมดิชิที่ทรงจ้างให้ปีเตอร์ พอล รูเบนส์และภาพเขียนอื่น ๆ ก็กระจัดกระจายไปเป็นของพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ
ขอมูลเครดิตดีๆอ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์ : https://en.wikipedia.org/wiki/Luxembourg_Palace
หรือหากใครที่เหนื่อย เมื่อยก็แวะพัก เพราะมีเก้าอี้เรียงรายให้นั่งอยู่ริมสระน้ำพุ ให้ทะลุมองดูพระราชวังกันอย่างสำราญบานใจเชียว
แผนที่ในสวนลุกซ็องบูร์
มองไปอีกด้านก็เป็นสวนต้นไม้ให้ร่มเงา จัดตกแต่งเป็นทรงสี่เหลี่ยม ดูแปลกตาดีค่ะ
เมืองนี้เค้าให้ความสำคัญกับการพักผ่อนจริงๆนะค่ะ ตั้งแต่รีวิวเที่ยวตอนที่ 1 ที่ได้แวะไปเดินสวนลุยตองรี ช่วงที่จะไปพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ก็มีเก้าอี้ให้นั่งพักกันอย่างเยอะเชียวค่ะ มาที่สวนแห่งนี้ก็มีเหมือนกันค่ะ
ถ้าที่บ้านเรามีแบบนี้คงจะดีไม่น้อยค่ะ แต่ก็กลัวว่าเก้าอี้จะไม่มีเหลือให้นั่งนะค่ะ เพราะเกรงจะมีคนมาขโมยเก้าอี้ไปหมดกระมัง
แวะมาเดินชิลๆชมวิวในสวนลุกซ็องบูร์ Luxembourg Palace garden |
อย่าเผลอไปให้เข้าล่ะ ไม่งั้นมากันพรึมเลยค่ะ เรียกว่ายกกันมาทั้งโขย่งเลย เพราะนกที่นี้ไม่กลัวคนนะค่ะ
หรือจะแวะเข้าไปชมพระราชวังด้านในใกล้ก็ได้ มีมุมถ่ายภาพสวยๆโรแมนติก ชิคๆเก๋ๆเทห์แนวๆอยู่หลายมุมเลยค่ะ
หากเพื่อนคนใหนที่ชื่นชอบท่องเที่ยวชิลๆ รับวิวชมสวน อยากจุงมือคู่รัก มาเดินพักสลักความหวาน ร้าวรานจับใจในกรุงปารีส ก็ลองแวะมางีบนอนเล่นที่สวนแห่งนี้ ก็ดีมิใช้น้อยเลยนะค่ะ
พระราชวังลุกซองบูร์ก็ดูใหญ่โตโอฬารสวยงามใหญ่โตน่ารักกำลังพอดี ไม่ได้เว่อร์วังอลังการสะท้านโลกาจนเว่อร์เกินไป
เหมาะเป็นที่ถ่ายภาพฟรีเวดดิ้งสวยๆ คงจะงดงามรวยระกามิใช้น้อยนะค่ะ และหากได้แต่งชุดไทยห่มสไบเฉียง เดินเอียงเลียงลม มาสุขสมอุรา ก็คงจะดูแปลกตา ช่ะช่ะช่าหัวใจด้วยเช่นกัน
นอกจากดอกไม้ในสวนแล้ว ยังมีดอกป๊อบปี้ ที่เริงรื่นชื่นฤดีฉิมพลีอยู่ตามมุมต่างๆมากมาย ให้ได้เดินพร่างพรายชมกันอย่างจำเริญใจ
หรือจะชมดอกกุหลายสีแดง ก็ร้อนแรงจับตา คณานับยิ่งนัก เพราะสีสันแซ่บจัดจี๊ด จนต้องกรี๊ดร้องดังๆ ให้วังพังพินาศไปเลย
แวะมากรุ่มกริ่ม อมยิ้มกับดอกกุหลาบสีชมพูหวานอ่อน สีสดอรชรกำลังดี อยากจะเด็ดมาทัดบนใบหู คงจะบ้าจุ๊กกรูมิใช่น้อย
หลังจากได้แวะชมสวนลุกซ็องบูร์แล้ว ก็เดินทางต่อมาเริ่มต้นที่สถานีรถไฟ RER Tour eiffel |
ดิฉันก็เดินทางด้วยรถไฟเดินทางต่อมาเริ่มต้นที่สถานีรถไฟ RER สายสี ที่สถานี Tour Eiffel เพื่อเดินทางไปยังพระราชวังแวร์ซาย ซึ่งอยู่ออกไปนอกชานเมืองเลยค่ะ
ว่าจะกินอาหารมื้อเที่ยง ไม่ทานแล้วค่ะ เพราะไม่หิวเลย เนื่องจากขนมปังมื้อเช้า ยังทำให้ท้องของเดี๊ยนแน่นจนพุงปลิ้นอยู่เลย เกรงถ้าทานมีหวังไปอ้วกที่พระราชวังแวร์ซายแน่ๆค่ะ
มาเริ่มต้นการเดินทางไปชมวังแวร์ซาย ด้วยการนั่งรถไฟ RER จากสถานี Tour Eiffel ซึ่งอยู่ใกล้ๆก้ับที่พัก |
เดินลงมาก็จะมีป้ายแจ้งเวลาที่รถไฟมาถึงว่ามาถึงเวลาใหนบ้าง
นอกจานี้มีแผนที่เส้นของรถไฟ RER สาย C ให้ดูด้วยว่ามีไปใหนบ้าง
แต่เป้าหมายของดิฉันในครั้งนี้ก็คือ ไปเที่ยวชมพระราชวังแวร์ซายค่ะ
บัตรโดยสารซื้อกับเจ้าหน้าที่ขายตั๋ว ราคาไปเมืองแวซาย์อยู่ที่ 3.65 ยูโรค่ะ |
มารอที่ชานชลาฝั่งที่จะไปสุดปลายทางเมืองแวซาย์ค่ะ |
รอไม่นานนัก พักไปยกนึง รถไฟ RER ก็มาตามเวลาเป๊ะเลยนะ |
เดินเข้ามาด้านในขบวนรถไฟ RER ที่จะไปเมืองแวซายนี้
เป็นรถไฟสองชั้นค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นอย่างนี้ทุกขบวนหรือเปล่า แต่ที่ดูรีวิวจาก pantip บางขบวนก็หรูหรา บางขบวนก็โกโรโกโส ดูไม่ค่อยจะเฮโลเท่ากันนะค่ะ แล้วแต่ว่าจะดวงวาสนาว่าจะได้นั่งคันใหน แต่ก็ถึงที่หมายเหมือนกัน
ระหว่างทางก็ผ่านบ้านม่าน ชานเรือนของชาวฝรั่งเศสที่ดูเรียบร้อยเป็นสัดเป็นส่วนดีค่ะ
บ้านม่านชานเรือนแถวชานเมือง ดูสวยงาม มุ้งมิ้งน่าอยู่มากๆ ไม่เหมือนในเมือง ที่ดูวุ่นวายไปหมดเลย มองไปทางใหนก็แลดูน่ารัก น่าอยู่ดีนะค่ะ แต่ถ้าให้เดี๊ยนมาอยู่จริง คงไม่ล่ะค่ะ เพราะชอบอากาศร้อนเร้าแบบในเมืองไทยมากกว่า เนื่องจากความเคยชิน และอีกอย่างก็คือ ค่าครองชีพที่ปารีสค่อนข้างสูงลิ่บ จนเงินเดี๊ยนปลิวออกจากกระเป๋าสตางค์เยอะพอสมควร
นั่งรถไฟจากสถานีไอเฟลมาไม่นานนักนะค่ะ ก็ถึงสถานีรถไฟ Care Versailles Chateau Rive Gauche แล้วค่ะ เรียกง่ายๆก็คือสถานีรถไฟเมืองแวร์ซายเลยค่ะ
เนื่องจากพระราชวังแวร์ซายอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ เดินไปได้ไม่ไกล ไม่ต้องนั่งรถไปให้เปลืองสตางค์ค่ะ
มาถึงก็จะอิสสะงงๆหน่อยนะค่ะ ไม่รู้ไปทางใหน ยังไงให้เพื่อนเปิดมือถือช่วยนำทางได้ค่ะ
เดินข้ามทางม้าลาย แล้วเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปเรื่อยๆได้เลย |
จากนั้นก็เดินตรงมาเรื่อยๆ เมื่อยก็หยุดพักสลักจิต สลักใจ ชมบ้านเมืองเค้าสวยงามวิไลน่าอยู่นะค่ะ แถวย่านชานเมืองดูโอ่โถ่ง ถนนหนทางกว้างใหญ่ เป็นสัดเป็นส่วนดีค่ะ
จากนั้นก็เดินเลี้ยวขวาตรงไปอีกหน่อย แต่อย่ามากะจ๊อยร๊อยเดินตามทางหญ้านะค่ะ
เพราะทางเดินเค้ามีใหนค่ะ
ตามทางเดินไปวังแวร์ซายมีศูนย์ให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ
เดินมาไม่ไกลก็ถึงแล้วค่ะ พระราชวังแวร์ซาย เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนาม มาเห็นของจริง ดูอลังการใหญ่โตโอฬาร สมค่ำล่ำลือนะค่ะ
มีป้ายบอกทางไปยังสถานที่อื่นๆด้วยนะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าไปที่ใหนบ้าง
เพราะเดี๊ยนอ่านภาษาฝรั่งเศส เป็นภาษาอังกฤษหมดเลยค่ะ
เดินข้ามทางม้าลายม้าก็จะเจอกับอนุสาวรีย์ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (Louis XIV statue, Palace of Versailles) อีกหนึี่งมุมเช็คอินน์ถ่ายภาพเริ่มแรกก่อนเดินเข้าไปชมวังแวร์ซายค่ะ ตามภาพจะเห็นได้ว่ามีหนึ่งหนุ่มยืนเก็กถ่ายภาพอยู่ ดีนะที่ไม่เซลฟี่ ไม่งั้นจะขอร่วมวงศาไปลั๊ลลาถ่ายด้วยค่ะ
Louis XIV de France; |
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (ฝรั่งเศส: Louis XIV de France; หลุยส์กาโตร์ซเดอฟร็องส์, 5 กันยายน พ.ศ. 2181 – 1 กันยายน พ.ศ. 2258) หรือเรียกว่า หลุยส์มหาราช (ฝรั่งเศส: Louis le Grand; หลุยส์ เลอ กร็อง) หรือ สุริยกษัตริยาธิราช (ฝรั่งเศส: le Roi Soleil) เป็นพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสและนาวาร์ ทรงครองราชย์เมื่อมีพระชนมายุได้เพียง 5 ชันษา เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 3 ของราชวงศ์บูร์บงแห่งราชวงศ์กาเปเตียง เสวยราชสมบัติเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2186 และทรงครองราชย์นานถึง 72 ปี นับเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในยุโรป และในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ฝรั่งเศสของพระเจ้าหลุยส์เป็นช่วงที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นผู้นำทางด้านศูนย์กลางการรวมอำนาจของแผ่นดิน
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (Louis XIV de France) |
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2258 ด้วยโรคติดเชื้อจากแผลกดทับ พระองค์ได้ทรงประกาศก่อนสิ้นพระทัยว่า "ข้าจะไปแล้ว แต่รัฐของข้าจะคงอยู่ตลอดไป" รัชสมัยของพระองค์กินเวลา 72 ปี กับ 100 วัน พระศพถูกฝังไว้ที่บาซิลิก ซังต์ เดอนี ซึ่งหลุมพระศพนี้ถูกบุกรุกทำลายในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสในกาลต่อมา ดยุคแห่งอองจู เหลนของพระองค์ผู้มีพระชนม์เพียงห้าชันษาได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระองค์ต่อมา ภายใต้พระนามว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส โดยมีเจ้าชายฟิลิปป์ ดยุคแห่งออร์เลอง พระนัดดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นผู้สำเร็จราชการตลอดช่วงที่กษัตริย์ยังทรงพระเยาว์
เครดิตข้อมูลดีๆจากเว็ปไซต์ : https://en.wikipedia.org/wiki/Louis_XIV_of_France
หลังจากถ่ายภาพที่มุมอนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์แล้ว ก็เข้าไปในพระราชวังแวร์ซายด้านในแล้วค่ะ
ซึ่งการจะเข้าไปด้านใน ก็ต้องผ่านด่านตรวจรักษาความปลอดภัยก่อนค่ะ ถ้าใครที่ไม่พกอาวุธร้ายแรง จำพวกปืนเอ็ม 16 หรือระเบิดปรมาณู ก็เดินผ่านด่านไปได้อย่างง่ายดายค่ะ แต่ถ้าใครพกระเบิดปรมาณูมาก็เขวี้ยงทิ้งก่อนนะค่ะ ถึงจะเข้าไปได้
แต่สามารถนำอาหารน้ำดื่มเข้าไปได้นะค่ะ ทางพิพิธภัณฑ์ไม่ห้ามค่ะ เนื่องจากว่าร้านอาหารด้านในก็มีมากนัก ยังไงพกแซนวิชมาด้วย หรือน้ำดื่มสักขวดมาก็ยังดีค่ะ ไม่งั้นเดินขาลากแน่นอน
เมื่อผ่านด่านเข้ามาด้านในพระราชวัง ก็จะพบกับความใหญ่โตโอฬารอลังการสะท้านโลกามากๆนะค่ะ
มีประติมากรรมหุ่นประดับประดาตามเสาเสียงเรียงตามประตู สวยงามจุ๊กกรูยิ่งนัก ดูแล้วงดงามตระการตา
เมืื่อเดินเข้ามาก็มาแล้ว ก็มองหาป้ายอาคารขายบัตรเข้าชมวังด้านในค่ะ
หากเดินเข้ามาให้สังเกุตอาคารด้านซ้ายมือนะค่ะ จะมีป้ายสีเหลืออร่ามฉามฉ่อง มองแล้วดูเด่น เขียนไว้ว่า Billets information และ Toilletes ให้เดินมาที่อาคารนี้ได้เลยค่ะ
เดินเข้ามาด้านในก็มาติดต่อซื้อบัตรเข้าชม
สำหรับราคาบัตรเข้าชมพระราชวังด้านในอยู่ที่ 18 ยูโรค่ะ
หรือหากใครที่ไม่อยากต่อแถว ก็ซื้อตั๋วผ่านเว็ปไซต์ออนไลน์ของวังแวร์ซายได้เลยค่ะ
แต่ช่วงที่เดี๊ยนมาช่วงบ่ายแล้ว คนก็ไม่ค่อยมีแล้วนะค่ะ มาถึงก็มาซื้อได้เลย แต่เห็นอ่านในกระทู้ pantip บอกว่าบางช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ คนต่อแถวจนล้นอาคารเลยล่ะค่ะ
เมื่อซื้อบัตรเข้าชมวังด้านในจ่ายค่าเสียหายไปแล้ว 18 ยูโร
ก็จะได้แผนที่มาด้วย
เปิดูในแผนที่ก็จะอธิบายภาพแสดงจุดของห้องต่างๆให้ได้ชมค่ะ
เรียกว่าเดินชมได้ทั้งวันเลยทีเดียว
จ่ายเสร็จแล้วก็เดินมาที่อาคาร A เลยนะค่ะ เพื่อเดินเข้าไปชมการจัดแสดงห้องต่างๆภายในวังค่ะ
ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่อแถวกันอย่างยาวเหยียดค่ะ ยังดีนะค่ะช่วงที่มานี้ อาคารตอนบ่ายไม่ร้อน เย็นสบายกำลังดีเลย ถ้าอากาศร้อนจัด เดี๊ยนว่าคงเป็นลมแน่ๆเลย
ต่อแถวผ่านด่านสแกนบัตรเข้าชมค่ะ
ต้องค่อยเดินขยับไปเรื่อยๆนะค่ะ เนื่องจากมีคนค่อนข้างเยอะมากๆ
พระราชวังแวร์ซาย (Château de Versailles) |
พื้นกระเบื้องก็เป็นลายขาวดำ เป็นกราฟฟิคชิคๆเก๋ๆ มีคนถ่ายรูปกันตลอดเวลาเลยล่ะค่ะ บางคนก็แต่งชง แต่งชุดแบบจัดเต็ม ส่วมสร้อยเพชร เกล็ดห้อยระย้ายังกับจะไปงานเลี้ยงสังสรรค์กาลาดินเนอร์อะไรประมาณนั้นเลยก็มี บ้างก็จัดเต็มแฟชั่นแปลกตา โอ้ยเดี๊ยนเห็นแล้วยกธงขาวยอมแพ้ค่ะ เพราะวันที่ไปเดี๊ยนก็แต่งตัวธรรมดา ใส่เสื้อผ้าแนวๆขาดไป จะได้ไม่โดนปล้นจ้า
และเดินมาชมอีกอาคาร (Grands Appartment Galerie Des Glaces)จัดแสดงห้องแต่งตัว และห้องกระจกที่ใครแวะมาที่พระราชวังแห่งนี้ หากไม่ได้มาถ่ายรูปและเดินชม ยังไงก็มาไม่ถึงวังแวร์ซายแน่นอนค่ะ
เดี๊ยนมาเที่ยวปารีส ก็เพื่อมาชมห้องกระจกเนี่ยแหละค่ะ มาตามรอยขุนวิสารวาจาร กล่าวรำเพยไว้ว่า ห้องกระจกที่พระราชวังแวร์ซายแห่งนี้สวยสดงดงาม เว่อร์วังอลังการ สะท้านโลกา ดูแล้วชื่นฉ่ำอุรา หรูหราไปถึงทรวงใน เพราะงามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนัก อยากมาเห็นกับตาตัวเอง เพราะดูแต่ในรูปแล้ว ยังไม่อลัง เลยขอมาเดินชมให้ปัง พังพินาศไปด้วยตัวเองซ่ะเลยน่าจะดี
มีเครื่องฟังคำอธิบายของห้องต่างๆแต่ละห้องให้ด้วยนะค่ะ แต่ภาษาอังกฤษจ้า |
ลืมไปเลยค่ะ มีแผ่นพับแสดงข้อมูลเกี่ยวกับพระราชวังแวร์ซายให้ด้วยเป็นภาษาอังกฤษค่ะ
ถ้าใครที่อ่านและแปลรู้คำศัพท์ได้ทั้งหมด ก็เก่งกาจชนะเลิศไปเลยค่ะ เพราะจะเข้าใจอย่างท่องแท้แน่นอนนิ่ง สวิ้งกิ้งยิ่งนักเชียว
The tor of the state Apartments starts at the Hercules drawing room,Place |
เริ่มต้นที่ห้อง hercules drawing room ค่ะ
เดินเข้ามาก็ไม่ต้องห่วงว่าจะหลงนะค่ะ เพราะว่าขยับไปใหนไม่ค่อยได้หรอกค่ะ เนื่องจากนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ เดี๊ยนเองก็ค่อยขยับตัวตามเค้าไป เค้าเดินไปใหน ก็ต้องไปตามเค้าค่ะ
เพิ่มคำอธิบายภาพ |
ยกตัวอย่างมุมนี้ เป็น Royal Chapel ก็จะมีป้ายอธิบายบอกให้นะค่ะว่า มีที่มาอย่างไร อะไรประมาณนี้ค่ะ บางคำก็แปลรู้เรื่อง บางคำก็ไม่รู้เรื่อง แต่เดี๊ยนก็เดาๆเอานะค่ะ เป็นคนที่ขยันเดาเอามากๆ เพราะเดาเก่ง แต่ผิดทุกข้อเลย อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าให้แปลเอง ก็แปลผิดหมดแน่นอนจ้า
เดินมาเรื่อยๆ เมื่อยก็หยุดแวะพักไปค่ะ
เดินมาห้องนี้เป็นอีกห้องที่สวยงามตระการตา เป็นที่สนใจของนักเดินทางที่ได้มาเห็น
เพราะสีแดงร้อนแรง กับเพดานสีทอง วาดภาพจิตรกรรมงดงาม ประดับภาพวาดบุคคลสำคัญของพระราชวังแห่งนี้ได้อย่างน่าสนใจ
มีโคมไฟระย้าสวยเด่น
ห้องนี้คือห้องแต่งผมค่ะ โอ้โฮ้เนี่ยเฉพาะห้องแต่งผมนะค่ะ แล้วห้องแต่งหน้า แต่งตา จะขนาดใหนค่ะเนี่ย ดูเค้าขยันแต่งจังเลยนะค่ะ ไม่ใช้แต่งตัวก็ทั้งวันเหรอค่ะ เพราะไปห้องแต่งผมเสร็จ ก็ไปห้องแต่ง
ตามป้ายบอกไว้ว่า Salon D' Apollion
ต้องเป็นห้องแต่งผมแน่ๆค่ะ เพราะว่าเป็น Salon อะไรที่เป็นล่อนๆ น่าจะใช่เส้นผมแน่ๆจ้า
ในป้ายมีหมายเลขบอก โดยนำหมายนั้นไปกดกับเครื่องแปลคำอธิบายได้ค่ะ
เดี๊ยนเดินชมห้องต่างๆมาเรื่อยๆ ท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่แวะชมอย่างแน่นถนัดตา
เรียกว่ามาจากทั่วสารทิศจริงนะค่ะ เพื่อมาชมวังแห่งนี้
ในที่สุดก็ถึงห้องที่ดิฉันรอคอย มาถึงสักทีนะค่ะ ห้องกระจก สวยงามที่เล่าขานกันว่าหรูหรา อลังการสะท้านโลกายิ่งนัก ได้มาเห็นเป็นบุญตาตัวเองสักทีค่ะ เคยได้ยินขุนวิสารวาจารกล่าวไว้ในละคร ได้มาออนซอน เห็นของจริง แต่ไม่ต้องนั่งเรือข้ามน้ำข้ามทะเลยาวนานเป็นแรมปี เพราะดลฤดีมาได้ด้วยการนั่งเรือบินลัดฟ้ามาได้จากเมืองไทยไม่ถึง 20 ชั่วโมงค่ะ
ก่อนจะชมห้องกระจก มารู้จักพระราชวังแวร์ซายกันสักนิด มีที่มาอย่างไร อ่านไปความรู้ค่ะ ??
สาระน่ารู้เกี่ยวกับพระราชวังแวร์ซาย
พระราชวังแวร์ซาย (ฝรั่งเศส: Château de Versailles) เป็นพระราชวังหลวงแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่แวร์ซาย ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของกรุงปารีส พระราชวังแวร์ซายเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งของโลก
ห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors) |
เมื่อ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส แห่งฝรั่งเศส ขึ้นครองบัลลังก์ มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี พ.ศ. 2204 ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จในพ.ศ. 2231 ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงาม ภายในแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง
การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายแห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมาในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสได้มีกองทัพประชาชนและผู้ประท้วงบุกเข้าพระราชวังเพื่อตามหาพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส กับพระนางมารี อองตัวเนต จนเหล่าเชื้อพระวงศ์ต้องย้ายไปพำนักที่พระราชวังตุยเลอรีส์
ห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors) |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับห้องกระจก
ห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors) เป็นห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดซึ่งเคยใช้เป็นห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับจักรวรรดิเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และใช้เป็นที่ลงนามเมื่อครั้งเยอรมนีบุกตีชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทำการก่อสร้างเอง ภายในห้องประกอบด้วยกระจกยักษ์ 17 บาน เปิดออกแล้วจะเห็นสวนแวร์ซายอันสวยงาม
ห้องกระจกตกแต่งด้วยโคมไฟระย้า ดูหรูหรางดงาม ฟู่ฟ่ายิ่งนัก
ทางผนัง บังกำแพง ก็ร้อนแรงไปด้วยกระจก สะทกสะท้านหวั่นไหวไปด้วยประติมากรรม หรือไม่ก็โคมไฟระแนง ทแยงไปใยแมงมุมด้วยสวยงามแปลกตาดี
แต่ที่เห็นงดงามสะดุดตา คงเป็นโคมไฟระย้าที่เป็นเด่นเด่นประดับประดาอยู่ในม่านฟ้าห้องนี้
ถ้าขาดโคมไฟนี้ คงจะไม่งดงามอลังการสะท้านโลกากระมังค่ะ
นักเดินทางที่แวะเที่ยวก็ต่างนำมือถือมาถ่ายรูปดูกันแทบทุกคน
ห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors) |
พระราชวังแวร์ซายได้รับจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2522 ที่ประเทศอียิปต์ ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้
Window at Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors |
2.- เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
3.- มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์
เครดิตข้อมูลสาระดีๆจากสารานุกรมเสรี wikipedia : https://en.wikipedia.org/wiki/Palace_of_Versailles
นอกจากนี้ยังมีห้องแสดงส่วนอื่นๆให้แวะชมกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญตา ดูแล้วหรูหรา ฟุ่ฟ่าฟุ่มเฟื่อยมากๆนะค่ะ
บางห้องก็แยกยิบ แยกย่อย มีห้องแต่งตัวเล็กๆน้อย แต่ก็อลังการไม่ใช่น้อยเหมือนกันค่ะ
แต่ละห้องในพระราชวังก็ดูโปร่ง โอ่อ่า โอ่โถง ใหญ่โต สมค่ำล่ำลือ
หลังจากที่ดิฉันได้เดินชมในวังแล้วนะค่ะ ยังไงขอมารีวิวลัดขั้นตอนชมแต่ละห้องไปชมด้านนอกวังบ้างนะค่ะ เอาเป็นว่ายังไง หากเพื่อนคนใดที่แวะมาเที่ยวปารีส ก็ต้องปักหมุดมาเที่ยวชมกันสักครั้งนะค่ะ เพราะว่าอลังจริงๆ
หากเดินทางออกมาที่สวนแห่งนี้ สังเกตุที่ป้ายบอร์ดบอกทางและรายละเอียดในสวนของวังแห่งนี้ให้ดีๆนะค่ะ จะพบกับรูปป้ายบอร์ดของผู้บุกเบิกมาฝรั่งเศสคนแรกๆของประเทศไทยเรา
เดินออกจากวังก็พบกับ สองนักการฑูตสยาม ที่มาเยือนพระราชวังแวร์ซาย์แห่งนี้คนแรกเลย น่าจะเป็นขุนวิสารวาจารกับ โกษาปานนะค่ะ เดาไม่ผิดนะ |
หลังจากที่ได้เดินชมห้องต่างๆในวัง ก็มาชมการจัดสวนต่างๆในวังนี้บ้าง เดินออกมาก็รู้แล้วว่า อลังการแค่ใหน เค้าสร้างได้ใหญ่โตจริงๆค่ะ และยังสมบูรณ์อยู่ยาวนานหลายร้อยปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2167 หรือ 394 ปีมาแล้ว
มองไปด้านล่างก็มองเห็นสวนสวยงาม จัดสไตล์เรขาคณิต ดูโรแมนติคชิคๆเก๋ๆ เท่ห์สวยงามแปลกตาดีนะค่ะ และยังเป็นสวนต้นแบบของสวนอื่นๆอีกแห่งนโลกอีกด้วย เพราะจัดเรียง ระเบียงตัวเป็นแนว เป็นฉาก ดูเป็นล็อค สัดส่วนเหมาะสม ดูแล้วก็รื่นรมย์อุรา ช่ะช่ะช่าหัวใจยิ่งนัก
อีกหนึ่งสวนสวยที่เหล่าคนรัก นิยมมาปักหลักถ่ายรูปกันที่แห่งนี้ คงต้องมองจากที่สูงกระมังจะสวย เพราะถ้าไปเดินระทวยทม คงจะไม่งามนัก
มองไปอีกมุมก็เป็นสวนต้นไม้เรียงยาว จัดสวนยาวเรียงราย สไตล์รูปทรงเรขาคณิตอีกแล้วค่ะ มองไปก็เหมือนเขาวงกตนะค่ะ ถ้าหลุดเข้าไปคงจะหลงทิศหลงทาง งามสะพร่างอยู่ในสวนนี้เป็นแน่แท้
เดินชมสวนในพระราชวังไปเรื่อย มีมุมถ่ายรูปมากมายค่ะ
แล้วแต่ว่าชอบมุมใหน ของเดีี๊ยนชอบถ่ายอะไรแบบกว้างๆ ดูแล้วเต็มลูกกะตาดีค่ะ
หรือจะแวะมาถ่ายรูปกับหุ่นรูปปั้น ก็สุขสันต์เริงร่าแปลกตาไม่ใช่น้อยนะค่ะ
พระราชวังแวร์ซายใหญ่โตโอฬาร ร้าวรานทรวงในมากๆนะค่ะ
มองไปทางใหนก็ดูตระการตา ดูแล้วหรูหราคณานับจริงๆนะค่ะ ไม่รู้ว่ายุคนั้นเอาเงินเอาทองมาจากใหน
สร้างซ่ะใหญ่โตเชียว
แถมได้ดูข้อมูลมาด้วยนะค่ะว่า ที่วังแห่งนี้ก็ไม่มีห้องน้ำนะค่ะ เพราะห้องน้ำที่ทำขึ้นมา ก็สร้างแยกออกมาให้นักท่องเที่ยวมาอยู่ด้านนอกค่ะ
สวนสวนก็สรางซ่ะใหญ่โตโอฬารไม่แพ้พระราชวังเลยค่ะ
จะเดินไปดอมดมต้นไม้ใบหญ้าที ก็ต้องดื่่มน้ำให้หมดก่อน 1 ลิตรนะค่ะ
ไม่งั้นหมดเรี่ยวแรงก่อนค่ะ เพราะอยู่ไกลเกินตัววังไปอีกนะ
แต่สวนที่พระราชวังแห่งนี้ ก็ตกแต่งสวยงามยิ่งนัก เหมาะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
หรือนั่งกินส้มตำ ทำยำปลาร้า น่าจะดีเริ่ดมากๆนะค่ะ
เดินลงไปเรื่อยก็มานั่งพักเมื่อยริมบ่อน้ำพุ สวยทะลุสู่ยอดฟ้า เพราะหรูหราเหลือเกินค่ะ
แต่เสียดายไม่เปิดให้น้ำพุเริงระบำ ถ้าเปิดได้คงจะงดงามร้าวรานใจ ผู้ที่มาพบเห็นเดินชมสวนแห่งนี้ไม่ใช่น้อยเลยนะค่ะ
One of the fountains on the château grounds |
เพราะบรรยากาศสวยงาม เขียวชะอุ่มชุ่มฤทัย ไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวที่กำลังผลิบานสะพรั่ง
รับไออุ่นของฤดูกาลใหม่ เพราะฤดูหนาวกำลังหมดไป เริ่มต้นฤดูใหม่กับความสดใสอีกครั้ง
One of the fountains on the château grounds |
กับต้นไม้สองข้างทาง ที่ถูกจัดเป็นสวนรูปทรงเรขาคณิต หากเดินเข้าไปในสวนเหมือนเข้าไปในเขาวงกตอะไรประมาณนั้นเลยแหล่ะค่ะ
เดินมาสุดท้ายก็พบบ่อน้ำพุอีกแล้วค่ะ บ่อน้ำพุแต่ละทีก็อลังเหลือเกินนะค่ะ
แต่เสียดาย ไม่เปิดให้น้ำพุเริงระบำ
เดินมาก็ยังไม่สุดทางนะค่ะ เดินต่อไปได้อีก จะเป็นGrand Cannal หรือคลองขนาดใหญ่และมีสวนหย่อมปลุกซอมแซ่ะ กระแทะเรียงราย ให้เดินพร่างพรายออกกำลังกายกันจนเมื่อยไปข้างนึงเลยล่ะค่ะ
หากใครที่ชอบถ่ายรูป หรือพาคู่รักมาเดินสลักจิตสลักใจที่ปารีส ต้องไม่พลาดแวะที่สวนแห่งนี้นะค่ะ จูงมือกันมาถ่ายรูป จูบหอมกันได้ตามใจชอบ เพราะที่นี้เมืองฝาหรั่ง เค้าก็จูบหอมแก้มกันพองาม แต่ก็ครวญครางทำจนเกินตัวไปนะค่ะ เดี่ยวจะไม่งามเอาจ้า
มีร้านขายของฝากในสวนแห่งนี้ด้วนนะค่ะ
เดินเข้าไปดูด้านใน มีแต่ของฝากน่าซื้อทั้งนั้นเลยค่ะ ดีนะที่เดี๊ยนพกเงินมาน้อย ไม่งั้นมีหวังสอยของฝากที่ร้านนี้ไปเยอะเลย พยายามพกเงินไปไม่เยอะนะค่ะ เพราะของฝากแต่ละอย่างบ้านเค้า น่าซื้อทั้งนั้น และราคาเมื่อเทียบบ้านเราก็ไม่ใช่น้อยๆนะค่ะ
เมื่อไม่ได้ซื้อของฝาก ก็มากระชากใจด้วยการจัดตกแต่งของมุ้งมุ้งรอบๆร้านเค้าค่ะ
หากใครที่อยากทานร้านอาหารที่เก่าแก่ที่สุดอีกแห่งในฝรั่งเศส
ต้องไม่พลาดแวะทานที่ร้านในสวนวังแวร์ซายแห่งนี้นะค่ะ ชื่อร้าน La Flottille
ดูข้อมูลในป้ายร้านอาหารแห่งนี้แล้ว เปิดมาตั้งแต่ปี 1896 เลยล่ะค่ะ เรียกว่านานมากๆแล้ว
ราคาอาหารก็สมเหตุสมผล แต่ก็มีนักท่องเที่ยวแวะทานกันตลอดเลยนะค่ะ
ส่วนใครที่เดินออกจากวังมาชมสวนแห่งนี้เรื่อยๆ สวนใหญ่ก็หมดเรี่ยวหมดแรงกันทุกคน สดปลายทางของสวนก็มีคลองและลานหญ้าให้นอนโรยรารับแสงแดด และสายลมนะค่ะ
หรือใครที่ยังมีแรงพอ ก็ลองประจบสอพล่อคู่รักมานั่งเรือกวักไปตามลำคลอง Grand Canal ในสวนแห่งนี้ ก็ดูโรแมนติกดีไม่ใช่น้อยเลย
มีแม่หงส์ และลูกหงส์ กำลังอัสดงอยู่ในคลอง มีเสน่ห์น่ารักกิ๊บเก๋สุดๆ
จนหยุดใจไม่อยู่ ต้องถ่ายรูปซักแช๊ะสองแช๊ะให้กระแทะหัวใจนะค่ะ
หรือจะพายเรือกับครอบครัว ก็ระรัวจับใจเช่นเดียวกัน
เหมาะเป็นกิจกรรมเสริมสร้างสัมพันธไมตรี เร้าฤดีในครอบครัวนะค่ะ
เจอดอกไม้น่ารัก กำลังผลิบานร้าวรานใจ รับฤดูใบไม้ผลิสีสันสดใส น่ารักไฉไลยิ่งนักแลนัก
หรือจะเป็นดอกไม้เล็กๆสีเหลือง ที่กำลังเฟื่องฟุ้งเบ่งบาน ยลตระการรับไออุ่นของแสงแดดในตอนบ่ายแก่ๆ ก็แลดูงดงามเช่นเดียวกันค่ะ
มาจบที่ภาพสองสาวฝรั่งผมฟู ดูแล้วจุ๊กจับใจ เพราะแบ็ตเตอรี่ในกล้องหมดแล้วนั้นไซ้ร โอกาสหน้าฟ้าใหม่จะมารีวิวตอนต่อไปค่ะ |
หวังว่าบทความรีวิวเที่ยวพระราชวังแวร์ซาย และสวนลุกซ็องบูร์ในบทความนี้ น่าจะกระตุ้นต่อมให้ท่านออกไปท่องเที่ยวไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ และหวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไป ยังไงจะมาทยอยเขียนเร่ื่อยให้ครบทุกตอน แวะบล็อกจะได้ไม่ร้างไปค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
------------------------------------------------------------------------------------------------------
แนะนำบทความบล็อกรีวิวท่องเที่ยวไปเรื่อยเปื่อย ตามเมืองต่างๆ มีดังนี้ค่ะ
เอาใจคู่รัก แนะนำโรงแรมปารีส ราคาประหยัด ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูที่พัก>> |
แนะนำ 8 เขตโซนที่พักกรุงปารีส พร้อมแผนที่มาให้พิจารณากันจ้า>> |
หรือดูข้อมูลโซนในปารีสที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2z6cOxa
รีวิวเที่ยวเมืองตรัง มาอีกครั้ง ก็ยังปังเสมอ อาหารรสเลิศเลอ คลิ๊กดูรีวิวเลยจ้า>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนมกราคม แบกเป้ไปกินลมชมเมืองประจวบฯ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง ไปดูสิว่ายังสวยปังอยู่ใหม๊ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวในเมืองเพชรบูรณ์ แบบช้าๆ มีที่เที่ยวให้ลั๊ลลามากมาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อมาเที่ยวเมืองแพร่ แลยลชมธรรมชาติ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวในบุรีรัมย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้ลุยเดี่ยว เที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสชาติแซ่บๆกันจ้า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวตอนที่ 20 เที่ยวกรุงโรม ไปจู่โจมอาณาจักรโรมันสักครั้งสิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2BI8ckL
รีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ 14 แบกเป้ไปชมความน่ารักที่เมืองกอลมาร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2uQBBTE
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 13 วิธีการเดินทางไปจุงเฟราด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2LHckBV
เที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะนั่งพักตากอากาศริมหาดที่เมืองนีซ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/dLDKAX
เที่ยวยุโรปตอนที่ 7 แวะชมประเทศโมนาโค เมืองโก้หรูริมทะเลดูสิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/e6o4UL
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาเมืองโพรว็องสุดโรแมนติค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/4tuuke
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 4 เดินเร้าฤดีฉิมพลีเสน่ห์เมืองมาร์เซย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/Bxaq9X
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน พ.ค.2018 แบกเป้เที่ยวฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eoJBtM
แบ่งปันการเดินทางด้วยรถไฟ Metro ในกรุงปารีสครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sbA4ek
แชร์วิธีการเดินจากสนามบินฝรั่งเศส เข้าไปในกรุงปารีส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
รีิวิวสายการบินโอมานแอร์ จากกรุงเทพไปฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
รีิวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/7ZB3pt
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน เม.ย.นี้ แวะไปเที่ยวสิงห์บุรีมาค่ะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eL6fHw
รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน เม.ย.2018 ล่องเรือไหว้แม่น้ำเจ้าพระยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/HrLddq
วิธีวางแผนเดินทางตามรถไฟสายยุโรปด้วยตัวเองแบบง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือเข้าไปดูเนื้อหาบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/4nwkke
จัดมารีวิวเที่ยวสัตหีบ 2 วัน 1 คืน เดือน มี.ค.61 ไปที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/YV4FbW
รวมเด็ด 7 โบราณสถานเด็ดเมืองอยุธยา มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
จัดมารวมประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรม คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูเนื้อหาบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/uBCnFK
วิธีการกรอกข้อมูลใบสมัครเพื่อทำนัดขอวีซ่าฝรั่งเศส คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดขั้นตอนได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/bmozLd
วิธีการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อทำวีซ่าแบบไม่เสียสตัง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/nog7ED
การเขียนจดหมายแนะนำตัวภาษาอังกฤษเพื่อทำวีซ่า คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/YHUCtA
หากเป็น Freelance ขอวีซ่าเชงเก้นต้องเตรียมเอกสารไปบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sYCgPF
รวมมาประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆใช้เดินทางทั่วโลก คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/cN2kwu
รีวิวเที่ยวงานอุ่นไอรักคลายความหนาว สวยสกาวน่ารัก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sB8ccW
รีวิวเที่ยวกาฬสินธุ์ ฟินคั๊กหลายๆ ก.พ.2018 ตอนที่ 2 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/CSYvaB
รีวิวเที่ยวร้อยเอ็ด งามเด็ดอีหลีเด้อ ก.พ.2018 ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/igFAoe
แบกเป้คนเดียวเที่ยวฮ่องกงแบบงงๆ ม.ค.2018 ตอนที่ 2 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวมาเก๊า นั่งเรือเมาไปถึงเกาะฮ่องกง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แวะเที่ยวหัวหิน เยือนถิ่นกำเนิดโครงการพระราชดำริ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือน ธ.ค.2017 เที่ยวเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคม 2017 เที่ยวเมืองตราด-เกาะกูด ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤศจิกายน แบกเป้ไปย่อง ท่องเมืองปาย ตอนที่ 3 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวปางอุ๋ง-บ้านรักไทย งามวิไลไร่ชา เดินลั๊นลากินสตอเบอรี่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
บล็อกรีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤศจิกายน แบกเป้ไปเยือนแม่ฮ่องสอน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น