Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวฝรั่งเศสด้วยตัวเองตอนที่ 3 เดินตามแผนที่ ฉิมพลีช๊อปปิ้ง สวิงกิ้งเมืองปารีสวันสุดท้าย ก่อนนั่งรถไฟไปเมืองมาร์เซย์ เพื่อดูทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

มาต่อคะ สำหรับรีวิวตอนที่ 3 นี้ ขอมารีวิวเดินตามแผนที่ชมวิวเมืองปารีสดูสิว่ามีอะไรน่าเที่ยวบ้าง แวะซื้อขนมของกิน อร่อยฟินเว่อร์
สวัสดี๊ดี สวีดั๊ดดัดเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผองชาวไทยและชาวโลกออนไลน์ที่น่ารักสดใส งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนกันทุกๆคนนะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน ขอมาออนซอน เว้าวอนและทักทายท่านเข้าสู่เว็ปบล็อกของคนบ้าเที่ยว บ้าเขียนบล็อกไปเรื่อยๆเปื่อย แนวโกโรโกโส สับปะรังเค ให้ท่านได้คลิ๊กสไลด์ดูภาพและอ่านกันจนปวดเศียรเวียน กินมะม่วง มะนาวโหจนเป็นบ้าไปข้างนึงกันอีกเหมือนเดิมนะคะ

ใหนๆก็แวะกันเข้ามาแล้ว อย่าพึ่งจรลีหนีกันไปก่อนนะค่ะ วันนี้ก็ขอมารีวิวพาเพื่อนๆไปเที่ยวฝรั่งเศสอีกครั้งนะค่ะ หลังจากที่รีวิวเที่ยวเมืองปารีสทั้งตอนที่ 1 กับ ตอนที่ 2 ผ่านไปแล้ว ซึ่งรีวิวก่อนหน้าเรียกว่าได้มารีวิวพาเพื่อนไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ และชมพระราชวังอันสวยงามอลังการสะท้านโลกาของเมืองปารีสแล้วนะค่ะ เรียกว่ามาเที่ยวฝรั่งเศสครั้่งแรกนี้ต้องฝึกภาษามากๆนะค่ะ เพราะมีแต่สระออง สระเออ จนเดี๊ยนเป็นโรคเอ๋อไปหมดแล้วจ้า

ต่อจากรีวิวตอนที่ 2 ตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://goo.gl/N6BGg2 มารีวิวบทความเป็นตอนที่ 3 และก็เป็นวันที่ 3 ซึ่งถือว่าเป็นตอนสุดท้ายของการเที่ยวปารีสแล้วนะค่ะ สำหรับการเที่ยวในวันนี้ เดี๊ยนขอจัดตามคำขอ สำหรับเพื่อนที่ส่งคำถามเข้ามาทางเฟสบอกว่า ช่วยเอารูปแผนที่สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงปารีสไว้ให้ด้วย ในบทความบล็อกนี้ เดี๊ยนเลยจัดให้ค่ะ และทั้งนี้จะขอสรุปรีวิวเที่ยวปารีสในวันนี้เลยนะค่ะ ว่าไปเที่ยวที่ใหนบ้าง
วันสุดท้ายในปารีสแล้ว หลังจากที่รีวิวก่อนหน้าเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ไปแบบช้าๆ ก็เลยลั๊ลลาเที่ยวแบบชะโงกทัวร์เอาวันสุดท้ายค่ะ
พอดีว่า เนื่องจากวันที่เดินทางเที่ยวนี้เป็นวันที่ 18 พ.ค.2561 ซึ่งวันนี้วางแผนไว้จะต้องเดินทางไกลแบกเป้ออกนอกเมืองปารีส เพื่อเดินทางด้วยรถไฟไปเที่ยวต่อที่เมืองมาร์เซย์(Marseille City)แล้วนะคะ

เรื่องของเรื่องก็คือวันนี้เป็นวันที่ทางรถไฟหยุดประท้วงค่ะ ทำให้รถไฟความเร็วสูงบางขบวนที่วิ่งออกนอกรุงปารีสนั้น นั้นหยุดทำการหรือมีขบวนรถไฟวิ่งน้อยกว่าเดิม ซึ่งก่อนหน้าที่จะได้เดินทางมานี้ ทางคนขายบัตร Eurail Pass ก็ได้แจ้งแล้ว ที่ประเทศฝรั่งเศส รถไฟมีการหยุดวิ่งเพื่อประท้วงสวัสดิการเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน เม.ย.- มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่เดี๊ยนเที่ยวพอดีเลย งานนี้เลยต้องปวดเศียรเวียนเกล้าวางแผนการเดินทางไปด้วยรถไฟออกจากเมืองปารีสให้ดีๆเลยนะ ไม่งั้นมีหวังพลาดแน่ๆ เพราะดูข่าวสาร บางคนไม่ได้วางแผนมา ถึงขนาดต้องนั่งรถบัสโดยสารก็มีนะคะ

ซึ่งระยะทางจากเมืองปารีสไปเมืองมาเซย์ไม่ได้ใกล้ๆเลยนะค่ะ เรียกว่าไกลมากๆ ถ้านั่งรถบัสก็ 8 ชั่วโมงเลยนะ แต่ถ้านั่งรถไฟความเร็วสูงก็แค่ 3 ชั่วโมงกว่าๆเองค่ะ ดังนี้เมื่อซื้อบัตร Eurail pass Global 15 วัน มาแล้วก็ต้องใช้ให้คุ้มเลย

ด้วยเหตุนี้เดี๊ยนก็เลยต้องแก้ปัญหาด้วยการต้องเดินทางเร็วขึ้นกว่าเดิม  โดยการใช้บัตร Eurail pass นำไปจองตั๋วที่นั่งตั้งแต่วันที่เดินทางมาตั้งแต่วันที่ 15 ทำให้ได้ที่นั่งแน่นอน เพราะไม่งั้นมีหวังที่นั่งเต็มแน่ๆค่ะ เนื่องจากรถไฟที่วิ่งออกจากเมืองปารีส (Paris) ไปยังเมืองมาร์เซย์(Marseille City) ในช่วงบ่ายมีไม่กี่ขบวนเท่านั้นค่ะ โอ้ย...เดี๊ยนล่ะปวดขมับจริงจ้า

ในการเที่ยวปารีสในวันสุดท้ายนี้ เดี๊ยนเลยขอเที่ยวแบบ walking excursion เดินเที่ยวรอบเมือง ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย และช๊อปปิ๊ง ตั้งแต่ตอนเช้า ยันบ่าย 3 โมงเลยคะ เรียกว่ามาเที่ยวปารีสวันนี้ เน้นชะโงกทัวร์มากๆ เพราะกลัวไปไม่มันรถไฟ

สรุปในการเดินทางเที่ยวปารีสวันที่ 18 พ.ค.2018 ซ่งเป็นสุดท้ายนี้ แวะไปสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่ใหนบ้าง เลยขอมาสรุปเป็นข้อๆดังนี้ค่ะ

1.เดินทางด้วยรถไฟ Metro จากที่พักไปชม มหาวิหารซาร์เครเกอร์ (Basilique du Sacré-Cœur)
2. เดินทางด้วยรถไฟ Metro ต่อเพื่อไปชม มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส (Notre Dame Cathedral หรือ Notre Dame de Paris)
3.จากนั้นก็เดินและเดิน แวะชม Statue équestre d'Henri IV
4.เดินต่อไปอีก แวะผ่าน พิพิธภัณฑ์ออร์แซ (Gare Musée d'Orsay)
5.เดินไปชมสะพานปงอาแล็กซ็องดร์-ทรัว สะพานที่สวยที่สุดในกรุงปารีส (Pont Alexandre III Bridge)
6.เดินไปแวะถ่ายรูปแถว ปลัสเดอลากงกอร์ด ถ่ายรูปเมือง
7.เดินช๊อปปิ้ง แวะซื้อขนมของกิน แถวถนนช็องเอลิเซ่ Avenue des Champs-Élysées
8.จบตอนบ่ายที่ประตูชัย อาร์กเดอทรี-ยงฟ์เดอเลตวล (Arc de Triomphe)
9.จากนี้รีบเดินทางแบกเป้เดินทางไปยังสถานีรถไฟแกเดอลียง (Paris Gare de Lyon) เพื่อเดินทางขึ้นรถไฟความเร็วสูงเพื่อยังเมืองมาร์เซย์ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ทางใต้ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ห่างจากเมืองปารีส 780 กิโลเมตรคะ

สำหรับเพื่อนๆท่านใดที่อยากได้แผนที่แหล่งท่องเที่ยวในกรุงปารีส เดี๊ยนก็ขอจัดมาไว้ในเว็ปบล็อกนี้ ว่าเมืองปารีส มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่ใหนบ้าง
แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในกรุงปารีส (Tourist map Attraction place) ภาพจากสารานุกรมเสรีวิิกิพีเดีย
โดยในแผนที่อธิบายรายละเอียดและบ่งบอกสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งเป็นตัวอักษร A-Z ว่าชื่อสถานที่อะไรบ้าง ซึ่งในภาพแผนที่ตัวเล็กกะจิ๊ดลิ๊ดมากๆ เดี๊ยนเลยขออธิายเพิ่มดังนี้ค่ะ
Must see thing in Paris A-Z
A= Arc De Triomphe ประตูชัย
B= Tour Eiffel หอไอเฟล
C= Champe De Mars สวนช็องเดอมาร์
D= Avenue des Champs-Élysées ถนนช็องเอลิเซ่
E= Grand Palais Paris
F= Pont Alexandre III Bridge สะพาน ได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่สวยที่สุด
G= The National Resident of Invalids
H= Concorde Square
I= Tuileries Garden
J= The Orsay Museum
K= Basilique du Sacré-Cœur (มหาวิหารซาร์เครเกอร์)
L= Moulin Rouge Cabaret
M= Galleries Lafayette Department Store
N= Opera Garnier Palace paris
O= Louvre Museum พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
P= Seine River แม่น้ำแซนด์
Q= Pont Neuf
R= The Holy chapel
S= Notre Dame de Paris มหาวิหารนอร์เทอแดม
T= Sorbonne University
U= Pantheon
V= Pompidou Centre
W= Le Marais district
X= City Hall Paris
Y= Place de la Bastille square
Z= Forum des halles

หากไปเที่ยวปารีสจริงแบบไป 1-3 วันคงเก็บไม่หมดแน่ๆนะค่ะ ดังนั้นวางแผนไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ยังไม่เคยไปอาทิเช่น หอไอเฟล มหาวิหารเครเกอร์ มหาวิหารนอร์เทอแดม พระราชวังแวร์ซาย ประตูชัย พิพิธภัณฑ์ลูฟ ล่องเรือชมแม่น้ำแซน อะไรประมาณนี้
แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงปารีส ถ้าจะขยายใหญ่ขึ้น ก็ประมาณนี้ค่ะ (Paris Tourist Map Attraction place)
สำหรับข้อมูลในภาพนี้ หากเพื่อนต้องการขยายใหญ่ๆดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/a8/Paris_printable_tourist_attractions_map.jpg

หรือเข้าดูแผนที่แยกเป็นหมวดหมู่ได้ที่ https://www.parispass.com/paris-tourist-map/

และเพื่อให้มองเห็นภาพนะค่ะ ดิฉันขอมารีวิวการท่องเที่ยวในกรุงปารีสในวันที่ 18 พ.ค.2018 ที่ผ่านให้เพื่อนได้ดูกันดังนี้ค่ะ ยังไงสไลด์ดูกันได้นะค่ะ หรือเพื่อนๆพี่ๆน้องๆคนใหน ที่มีคำถามอะไร ก็ฝากๆไว้ได้ เดียวจะทยอยตอบหลังเลิกงานคะ
ยามเช้าตรู่ในกรุงปารีส กับทริปแบกเป้เที่ยวปารีสวันสุดท้ายที่ 18 พ.ค.2018 นี้อากาศหนาวเหลือเกินค่ะ
เช้าตรู่วันที่ 18 พ.ค.2018 ดิฉันตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะท่ามกลางอากาศที่ยังหนาวเย็นอยู่เหมือนเดิม แต่คนที่นี้ดูจะไม่ค่อยจะหนาวกันเท่าไรนัก

วันนี้ถือเป็นการเดินทางแบกเป้เที่ยวเมืองปารีสวันสุดท้ายแล้วค่ะ เดี๊ยนก็เลยต้องรีบตื่นมาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ให้เรียบร้อย
ส่วนห้องพักก็ตามภาพที่เห็นค่ะ พักค้างมา 2 คืน ห้องพักไม่มีปัญหาอะไร แม้จะเก่าแก่ไปหน่อย และราคาสูงไปบ้าง แต่ก็ให้ผ่านค่ะ
 หลังจากที่เก็บกระเป๋าใส่เป้ใบใหญ่เรียบร้อยแล้ว ก็ลงมาทานอาหารเช้าที่โรงแรม ณ ห้องใต้ดินชั้นล่างเหมือนเดิมค่ะ มารอบนี้พึ่งสังเกตุว่ามีห้องทานอาหารอีกห้องนึงด้วย เพราะเมื่อวานไม่ได้เดินดูนะค่ะ แต่ห้องนี้ดูสว่างกว่าห้องถ้ำนั้นมากๆ แต่เสียอย่างก็คือ ต้องเดินมุดประตูข้ามไปอีกห้องเพื่อตักอาหารค่ะ
อาหารเช้านี้ ก็เป็นบุฟเฟ่ต์แบบ Continental Breakfast เหมือนเดิมค่ะ
ส่วนอาหารมื้อนี้ก็เหมือนเดิมกับเมื่อวานนี้แหละค่ะ ก็เป็นอาหารบุฟเฟ่ต์สไตล์ตะวันตกหรือที่เรารู้จักนั้นก็คือ Oriental Breakfast ค่ะ อาหารเช้าแบบตะวันตก มีขนมปัง ซีเรียล นม ผลไม้ อะไรประมาณนี้แหละค่ะ
แต่เสียดายที่นี้ไม่มีบริการอาหารจำพวก ไข่ดาว omelet scramble egg นะค่ะ ถ้ามีจะเริ่ดมากๆ แต่ก็อย่างว่านะค่ะ เพราะบ้านเค้าทานอาหารเช้าแบบนี้ เดี๊ยนก็ต้องหลิ่วตาตามเค้าไปนะ
อาหารมื้อเช้านี้กินไปเบาๆค่ะ ขนมปังครัวซอง แฮม ชีส ซีเรียล โก้โก้ร้อน และก็น้ำส้ม จบแค่นี้แหละค่ะ ทานเยอะ เดียวเกิดอาการแน่นท้อง โรคกรดไหลย้อนถามหา ไม่เอาเด็ดขาดนะค่ะ
หลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว ดิฉันก็แบกกระเป๋าเป้ลงลิฟท์มาทำการเช็คเอาท์ที่พักตรง Reception desk ให้เรียบร้อยเลยค่ะ
ที่โรงแรมมีบริการฝากกระเป๋าให้ด้วยฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มนะค่ะ แต่ต้องแบกกระเป๋าไปเก็บไว้ที่ห้องชั้นใต้ดินเองค่ะ โดยเจ้าหน้าที่จะนำกุญแจห้องมาให้ ่จากนั้นก็เอากระเป๋าเป้มาเก็บไว้ตามภาพค่ะ ไม่มีคนช่วยเราแบกนั้นค่ะ ดังนั้นใครที่กระเป๋าหนักๆก็ต้องแบกและลากลงไปเองค่ะ เดียวตอนบ่ายๆค่อยกลับมาเอา

เพราะถ้าจะให้แบกเป้ใบใหญ่เดินเที่ยวไปด้วย มีหวังหลังหักแน่ๆ ยังไงเพื่อนที่วางแผนไปเที่ยวต่างประเทศ ดูข้อมูลเรื่องการบริการฝากกระเป๋าของที่พักไว้ให้ดีด้วยนะค่ะ เพราะโรงแรมบางแห่งนั้นมีบริการฝาก แต่คิดค่าใช้จ่ายด้วย ยังไงแล้วดูข้อมูลดีๆเลยนะค่ะ จะได้ไม่เสียสตังค่าฝากกระเป๋า
และหลังจากที่ได้ทำการเช็คเอาท์ จากที่พักเรียบร้อย ก็ได้เวลาตะลอนเที่ยวเก็บภาพแหล่งท่องเที่ยวที่เหลือแล้วค่ะ วันนี้ถือว่าเป็นวันที่ใช้เวลาเที่ยวน้อยที่สุด เพราะช่วงเวลาบ่าย 3 ก็ต้องเดินทางกลับมาเอากระเป๋าแล้วค่ะ

เนื่องจากว่าต้องเดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟ Gare de lyon เพื่อเดินทางลงไปยังเมืองมาร์เซย์ เมืองทางใต้ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยนค่ะ

เริ่มต้นสถานที่ท่องเที่ยวจุดแรกที่แวะไปวันนี้ก็คือ มหาวิหารซาร์เครเกอร์ (Basilique du Sacré-Cœur)
วิธีการเดินทางด้วยรถไฟ Metro คือแบบว่าสะดวกสบายและประหยัดสุดๆแล้วค่ะ
 อธิบายอีกครั้งสำหรับราคาตั๋วโดยสาร บัตรรถไฟ Metro และ RER นะค่ะ
ใช้เดินทางใน Zone 1 และ 2 ราคาเที่ยวเดียว 1.90 ยูโร
แต่ถ้าซื้อยกชุด 10 ใบ ราคาทั้งหมด 14.90 ยูโรค่ะ
ดังนั้นหากใครที่จะเที่ยวปารีสหลายๆวัน หรือเดินทางหลายคน ก็จัดมายกชุดเลยก็ดีค่ะ
 เริ่มต้นการเดินทางเที่ยวปารีสวันสุดท้ายนี้
เดี๊ยนเริ่มต้นเดินทางด้วยรถไฟ Metro สายสีเขียวหมายเลข 6 ตามเริ่มที่สถานี Duplexi นั่งรถไฟไปลงสุดปลายทางที่สถานี Chales de gaulle-etoile (ภาษาฝรั่งเศสอ่านว่าอย่างไรไม่รู้ แต่เดี๊ยนก็จุ๊กกรูอ่านเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยค่ะ)
 อยากบอกว่ารถไฟที่นี้ป้ายบอร์ดเป็นภาษาฝรั่งเศสหมดเลยนะค่ะ มีภาษาอังกฤษบ้างแต่ก็น้อยมาก เดี๊ียนอ่านภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยค่ะ เนื่องจากตัวอักษรและการเขียนคล้ายกันหมดค่ะ
หลังจากที่เดินทางมาถึงสถานี Chales de gaulle-etoile แล้วก็เปลี่ยนไปนั่งรถไฟ Metro สายสีน้ำเงิน หมายเลข 2 ตามภาพค่ะ เพื่อไปลงสถานี Anvers ซึ่งเป็นสถานีของมหาวิหารเครเกอร์ ที่มีรูปคนเดินนั้นแหล่ะค่ะ
สถานีรถไฟ Metro Anvers ใกล้วิหารมงมาร์ต
นั่งรถไฟ Metro มาไม่นานก็ถึงสถานี Anvers แล้วค่ะ เดินออกจากสถานีมาก็จะเห็นป้ายรถไฟ Metropolitan แบบนี้ค่ะ ป้ายรถไฟMetro ในปารีสแต่แห่งแตกต่างกันทุกทีเลยนะค่ะ แต่เดี๊ยนเห็นป้ายรถไฟ Metro นี้แล้ว นีึกถึงบ้านผีสิง ที่อยู่ในแดนเนรมิตรอะไรประมาณนั้นเลยค่ะ
เมื่อเดินเข้ามาแล้วก็เดินข้ามทางม้าลายเข้ามาตามถนนนี้เลยนะค่ะ
ตอนช่วงเช้าๆไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ อากาศก็เย็นจี๊ดสบายดีเหลือเกิน ถ้าใครขี้หนาวแบบเดี๊ยน ก็จะหนาวมาก มือไม้ชาไปหมด เดินเข้ามาก็ไม่ต้องกลัวนะค่ะ เพราะมีร้านคง ร้านขายของที่ระลึก ให้ระทึกหัวใจไปหมดค่ะ
ร้านขายของที่ระลึกในถนนที่จะเดินเข้ามายังมหาวิหารซารเคร์เกอร์นะค่ะ ร้านก็ทยอยเปิดกันแล้วค่ะ นักท่องเที่ยวก็ทยอยเดินเข้ามาเรื่อยๆ 
 ของฝากที่อยู่ในถนนเส้นนี้ ก็จะเป็นแนวของที่ระลึก เป็นพวงกุญจง พวงกุญแจ ให้แลอยากซื้อไปฝากคนที่บ้าน และที่ทำงาน
ส่วนใหญ่จะเป็นแนวแบบหอไอเฟล มีสีสันสวยงาม น่าซื้อดีนะค่ะ แต่ราคาถ้าเทียบบ้านเราก็แพงนะ แต่ถ้าเทียบกับที่นี้ ราคาก็ถือว่าถูกแล้ว เริ่มต้นแต่ 2-3 ยูโรขึ้นไปเลยค่ะ
มหาวิหารซาร์เครเกอร์ (Basilique du Sacré-Cœur)
เดินผ่านถนนและร้านของฝากที่ระลึกมาแป็บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ มหาวิหารซาร์เครเกอร์ (Basilique du Sacré-Cœur)

มหาวิหารดูใหญ่โตสวยงามดีค่ะ และมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาอย่างไม่ขาดสายเลย บรรยากาศโดยรอบก็ร่มรื่น เหมาะแก่การนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยดี
มีดอกม้ง ดอกไม้ปลูกแซะแซ๋ม เติมแต้มสีสันให้จุดเที่ยวแห่งนี้ น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
มีนักท่องเที่ยวถ่ายรูปไว้ที่ระลึกกันตลอดเวลา ตอนเดี๊ยนไปก็เป็นช่างภาพจำเป็นถ่ายรูปให้เค้าด้วยนะค่ะ แต่คนที่เลือกให้เดี๊ยนถ่ายให้ก็คิดผิดมาก  เพราะเดี๊ยนถ่ายรูปคนไม่ค่อยสวยเลย ถ่ายไปหัวขาด แขนขาดบ้างก็มี โชคดีที่กล้องมือถือปรับแต่งได้นะ ส่วนเดี๊ยนก็ได้ขอโทษ ซอรี่ ซออู้ ซอด้วงไปจ้า 555
และตอนเดินเข้าในมหาวิหารซารเคร์เกอร์ก็อย่าได้ตกใจกลัวคนผิวสีเหล่านี้นะค่ะ
เพราะเค้าจะขอสานสัมพันธไมตรีกับคุณ ด้วยการจะขอผูกสายสิญจบายศรีสู่ขวัญกับคุณค่ะ แต่ก็ขอให้ปฎิเสธไปนะ เพราะเดี๊ยนมาเที่ยววันแรกก็เจอ นางพูดเซ เฮลโหลมายเฟรนด แวอายูฟรอม เราก็ไม่กลัวนะค่ะ ตอบไปเลย No thank you sitdow bye bye แบบง่ายๆ แล้วก็เดินไปแบบฉลุย ถ้ามาตื้ออีกก็บอกว่า No I already have it  แล้วก็เดินจากไปแบบง่ายๆอีก อย่ากลัวนะค่ะ มาเที่ยวคนเดียวไม่ต้องกลัว เริ่ดๆเชิ่ดๆไปชะนะเลิศ เพราะยังไงก็หนีไม่พ้น ยังมีอีกหลายที่ก็เป็นเหมือนๆกันค่ะ

พูดถึงเรื่องนี้ ก็เลยขอบอกว่ามาเที่ยวปารีสก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะค่ะ ตอนแรกอ่านกระทู้ใน pantip และบล็อกต่างๆ บอกว่ามาเที่ยวกรุงปารีสให้ระวังมิจฉาชีพและโจรให้ดี เพราะเมืองนี้โจรชุมมากๆ เห็นคนเอเชียของหายเยอะมาก ทำให้เดี๊ยนล่ะอิสสะกลัวมาก รู้สึกนอยไปเลย แบบไม่อยากมาเที่ยวเมืองนี้ แต่ใหนๆวางแผนมาแล้ว ถ้าของจะหายก็หายไป ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมเราล่ะค่ะ

วิธีการป้องกันมิจฉาชีพในเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ อยากแนะนำให้วางแผนและป้องกันมาดังนี้ค่ะ

1.เงิน ทรัพย์สินหรือของมีค่า ไม่ควรพกมาเยอะ แยกเงินเป็น 2 ส่วน คือเงินไว้พกพา และเงินเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางค่ะ

2.ตอนแลกเงินสดมาจากต่างประเทศ ก็ไม่ต้องแลกมาเยอะนะค่ะ เพราะที่ยุโรป เน้นใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตจะสะดวกมากๆ ไม่ว่าจะซื้อร้านใหนก็รับบัตรเครดิตทั้งนั้น เผื่อบัตรหายก็โทรอายัดได้ แต่ค่าโทรกลับต่างประเทศเพื่อมาโทรมาอายัดโคตรแพงกว่าสุดเลยล่ะค่ะ

3.ถ่ายเอกสารสำเนาพาสปอร์ต ตั๋วเดินทางกลับ ประกันภัยเดินทาง รวมทั้งเบอร์โทรติดต่อสถานทูตที่เดินทางไปเที่ยวเก็บไว้ในกระเป๋าเดินเสื้อผ้าด้วยก็จะดีมาก เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินพาสปอร์ตหาย มือถือหาย ก็ยังมีหลักฐานรองรับค่ะ

4.กระเป๋าสตางค์ก็ใช้แบบแขวนหิ้วคอหรือแบบรัดเอวแล้วใส่เสื้อคลุมปิดก็จะช่วยให้สบายใจขึ้นมาก คือแบบว่าป้องกันไว้ดีที่สุด ดีกว่าใส่ในสะพายข้างหรือกระเป๋าถือนะ

5.หากใช้กระเป้าเป้ใบเล็กพวกเก็บของมีค่า ก็ให้สะพายไว้ด้านหน้า เพื่อป้องกันการถูกกรีดเอาของมีค่า แต่ส่วนใหญ่ในกระเป๋าก็ใส่แต่ของกิน พวกน้ำดื่มอะไรประมาณนี้นะค่ะ เพราะเงินก็ซ่อนไว้ในเสื้อด้านในอยู่ล่ะ ยกเว้นเสียแต่จะมีขบวนการโจรรุมโทรมเอาของมีค่าไป อันนั้นซวยจริงๆ

6.หากมีคนถามว่ามากับใคร หากมาเที่ยวคนเดียว ให้โกหกไปว่ามากับเพื่อน บอกว่าเพื่อนอยู่ที่โน้นนี้นั้นกำลังจะมารับอะไรก็ได้ เพราะไม่งั้นอาจมีขบวนการหรือทีมงานโจร รอดักปล้นอยู่

7.อย่าเดินในที่เปลี่ยวซึ่งที่ไม่ค่อยมีคนดินผ่าน รอกลุ่มคนหรือนักท่องเที่ยวที่ยกมาเป็นกลุ่มๆเป็นพวกๆ แล้วเกาะไปกับเค้าค่ะ น่าจะปลอดภัย เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีมิจฉาชีพซ่อนตัวมาหรือไม่ แต่ก็อย่าได้ชะล้าใจ เพราะกลุ่มคนที่ยกมาเป็นกลุ่มอาจเป็นโจรก็ได้ สรุปคือตนแลเป็นตัวพึงแห่งตนแล้วกันนะค่ะ

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ป้องกันตัวเองให้ดี แต่อย่ากลัวจนนอยกังวลไปเลย จะทำให้เที่ยวไม่สนุกค่ะ เพราะช่วงที่ดิฉันมาแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวฝรั่งเศสในกรุงปารีส 3 วันก็ไม่มีอะไรนะค่ะ เดี๊ยนแบกเป้ใบใหญ่ไว้ด้านหลังก็ไม่มีใครมากรีดนะ เพราะมีแต่เสื้อผ้ายัดมาหลายสิบกิโลกะว่าไม่ซักเลย กลิ่นเหม็นโชยเตะจมูกเชียว ถ้าโจรจะปล้นก็แบกเป้เถอะค่ะ เพราะกระเป๋าหนักมาก พนันให้แบกเดินไปได้ 1 กิโลเมตรจะสาธุเลย ส่วนในกระเป๋าเป้ก็ยัดตังไว้บ้าง แต่ต้องเล่นเกมส์ซ่อนหานะถึงจะหาเจอ อะไรประมาณนี้ 

จะน่ากลัวก็แต่สถานที่เค้าเนี่ยแหละค่ะ พวกรถไฟฟ้า Metro ก็มืด สลัวๆหน่อย บ้านช่องเค้าก็เป็นล็อค เป็นซอย อาคารอิฐหินดินปูนสูงโอ่อ่า ไฟเฟยก็มือสีสัม สลัด โอ้ยดูแล้วเปลี่ยว ก็เหมือนกับไฟในเมืองไทยบ้านเราเนี่ยแหละค่ะ ดิฉันคิดว่าที่ใหนก็เหมือนๆกัน ต่างกันแค่บรรยากาศของสถานที่และความรู้สึีกนึกกลัวที่เราสร้างขึ้นไปแค่นั้นเอง
มหาวิหารซาร์เครเกอร์ (Basilique du Sacré-Cœur)
 มาต่อกันค่ะ...หลังจากนั้นผ่านด่านผูกสายรัดข้อมือมาแล้วนะค่ะ
ก็เดินตามทางบันใดขึ้นมาเรือย จะเป็นจุดนั่งพักชมวิวชิลๆ สวยดีค่ะ 
 พอยิ่งเดินขึ้นมาก็จะยิ่งพบนักท่องเที่ยวมากมายที่นั่งตรงบันใด สงสัยจะเหนื่อยกระมัง บ้างก็นั่งคุยกัน บ้างก็นั่งถ่ายรูป บ้างจูบหอมแก้มกันแบบตะวันตก ก็อย่าได้มองเป็นเรืองตลกไป เพราะที่นี้คือประเทศในแทบยุโรปนะค่ะ
 ตรงทางเดินขึั้นก็มีดอกม้ง ดอกไม้ให้ชื่นชม กำลังผลิดอกออกบานสะพรั่งรับฤดูกาลใหม่ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน
เกี่ยวกับ มหาวิหารซาเคร-เกอร์  (ฝรั่งเศส: Basilique du Sacré-Cœur de Montmartre)
 สาระเกี่ยวกับมหาวิหารซาเคร-เกอร์ ว่ามีที่มาอย่างไร มาอ่านดูเป็นความรู้ค่ะ

มหาวิหารพระหฤทัยแห่งมงมาทร์ (ฝรั่งเศส: Basilique du Sacré-Cœur de Montmartre) เป็นโบสถ์และมหาวิหารรองในคริสตจักรโรมันคาทอลิก ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดของกรุงปารีส หรือที่เรียกกันว่า "มงมาทร์" สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่พระหฤทัยของพระเยซู ปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของกรุงปารีส โดยถือเป็นอนุสาวรีย์ของทั้งสองด้าน คือการเมือง และวัฒนธรรม
โดยโบสถ์ได้ถูกออกแบบโดยโปล อะบาดี ซึ่งเป็นสถาปนิกชาวฝรั่งเศสที่เป็นหนึ่งใน 77 สถาปนิกผู้ชนะการประกวด เริ่มการก่อสร้างในปี ค.ศ.1875 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1914 โดยได้รับการแต่งตั้งโดยสมบูรณ์ (วางศิลาฤกษ์) ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีค.ศ.1919
 โดยโบส์ถด้านใน สามารถเข้าไปชมด้านในฟรีไม่ต้องเสียตังค่ะ แต่ต้องอยู่ในอาการสำรวมและเงียบสงบห้ามเสียงดังนค่ะ และตอนเข้าไปก็ต้องแถว
เดินเข้าชมด้านในได้ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ
และในปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ทุกวันตั้งแต่ 06.00 น. จนถึง 22.30 น.
โดยสามารถเข้าชมบริเวณโดมได้ตั้งแต่ 09.00 น. จนถึงเวลา 19.00 น. หรือ 18.00 น. ในช่วงฤดูหนาว
เกี่ยวกับการก่อสร้างของอาคารนี้ 

รูปแบบทางสถาปัตยกรรมของโบสถ์มีความเป็นเอกลักษณ์มากในยุคนั้น โดยสถาปนิกเจ้าของโครงการ โปล อะบาดี ได้เรียกว่า สถาปัตยกรรมแบบโรมัน-ไบแซนไทน์ (Romano-Byzantine) ซึ่งจัดว่าแปลกใหม่ เพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านสถาปัตยกรรมแบบฟื้นฟูบาโรก (Neo-Baroque)
ดั่งที่ปรากฏที่โรงอุปรากรปาแลการ์นีเยอย่างสิ้นเชิง การออกแบบโบสถ์ได้หยิบยกสัญลักษณ์ของลัทธิชาตินิยมในสมัยนั้นมาเป็นองค์ประกอบ อาทิเช่น ประตูทางเข้า อันประกอบไปด้วยช่องโค้ง (ซุ้มประตู) 3 ช่อง ด้านบนประดับรูปสำริด ของนักบุญแห่งประเทศฝรั่งเศส คือ นักบุญโยนออฟอาร์ค และนักบุญพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส โดยมีระฆังหนักกว่า 19 ตัน หล่อในปีค.ศ.1895
 นอกจากนี้แล้ว ยังมีจุดชมวิวด้านบนของวิหารให้ขึ้นไปชมวิว 360 องศาด้วยค่ะ
โดยต้องลงไปที่ด้านล่างตามป้ายบอกทางได้เลยค่ะ
 สำหรับการขึ้นไปชมวิวพาโนราม่า 360 องศาด้านบนโบสถ์วิหารนั้น
มีค่าธรรมเนียมด้วยค่ะ สำหรับผู้ใหญ่คนละ 6 ยูโร แต่ถ้ามาเป็นกรู๊ปหมู่คณะตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป ตกละ 5 ยูโร ส่วนเด็กอยู่ที่คนละ 4 ยูโรค่ะ
วันที่มาโชคดี คนไม่ค่อยขึ้นไปชมด้านบนเยอะเท่าไหร่ เดี๊ยนเลยตัดสินใจซื้อค่ะ จ่ายไป 6 ยูโรค่ะ
เพราะตอนซื้อ พนักงานก็บอกว่าไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปมากนัก เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างแคบ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ชมวิวอยู่ด้านล่างกัน
 พอขึ้นลิฟท์มาแล้ว ก็จะต้องเดินขึ้นไปบันใดเหมือนขนมเกลียว เลี้ยวลดขึั้นมาอีกนะค่ะ เดี๊ยนล่ะไม่ชอบบันใดแบบนี้เลย รู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้ามากๆ
เดินชมวิวกรุงปารีสแบบ 360 ที่มหาวิหารซาร์เครเกอร์ (Basilique du Sacré-Cœur)
พอขึ้นมาก็จะเป็นทางเดินแคบวนรอบเป็น 360 องศา มองวิวเมืองปารีสได้สวยงามมากค่ะ แต่อากาศด้านบน ลมก็พัดเย๊นเย็นจนหน้าชาไปล่ะค่ะ
มองไปทางใหนก็เห็นแต่อาคารบ้านเรือน ตึกรางบ้านช่องเป็นล็อคๆ ดูสวยงามแปลกตาดี หาได้มีก้านกิ่ง ช่อฟ้า ใบระกา หางหงษ์เหมือนบ้านเราไม่ เพราะมองไปที่ใดก็มีแต่อาคารบ้านเรือนสไตล์ฝรั่งเศส
 คิดจะมองหาเสาไฟฟง เสาไฟฟ้าชูก้านออกมา ก็ไม่ค่อยมีนะค่ะ
ดูสวยงามแปลกตาดี
 นอกจากนี้บนอาคารก็ยังมีมุมประติกรรมปูนปั้น ให้ได้ถ่ายรูปสะบั้นหั่นแหลกกันด้วย
ใครที่ชอบต้องไม่พลาด เพราะมีเยอะมาก ส่วนเดี๊ยนชอบถ่ายอะไรกว้าง เพราะดูแล้วกระจ่างตาดีค่ะ

 มองไปด้านล่างก็เห็นผู้คนตัวเล็กกะจิ๊ดลิ๊ด
มองเห็นหอไอเฟล เด่นตระหง่านอยู่กลางเมืองปารีส
 หรือซูมกล้องไปอีกฝั่ง ก็มองเห็นแม่ย่านางไอเฟล ยืนเด่นตระหง่านอยู่กลางเมือง เหมือนจะอยู่ใกล้ๆกันนะ แต่แท้จริงแล้วอยู่ไกลพอสมควรค่ะ
ทัศนียภาพทิวทัศน์กรุงปารีสในช่วงเดือนพฤษภาคม เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่อากาศก็ยังหนาวเย็นสุดๆ
สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูปในมุมบรรยากาศเงียบไม่วุ่นวายแบบเดิน 360 องศา
ก็ลองแบกกล้องท่องนะโม มาเฮโลชมวิวกันได้นะค่ะ 
สำหร้ับตัวโบสต์ก่อจากหินปูนประเภททราเวอร์ทีน ซึ่งมีเหมืองตั้งอยู่ที่เมือง ชาโต้-ลองดง ในเขตชานเมืองปารีส โดยคุณสมบัติพิเศษของหินชนิดนี้จะมีการคายแคลเซียมออกมาเป็นระยะ ทำให้คงความขาวของสิ่งปลูกสร้างได้ยาวนาน ในสภาวะภูมิอากาศต่างๆได้
ภายหลังจากการเริ่มต้นก่อสร้างส่วนฐานรากไม่นาน อะบาดี ก็ถึงแก่กรรมลงในปีค.ศ.1884 โดยได้มีสถาปนิกอีก 5 คนรับผิดชอบต่อ โดยในระหว่างการก่อสร้าง สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้ทำให้การก่อสร้างหยุดชะงักลง จนเสร็จสิ้นภายหลังสงครามในปีค.ศ.1919
และมูลค่าการก่อสร้างทั้งหมดในการสร้างวิหารแห่งนี้ คิดเป็นเงินประมาณ 7 ล้านฟรังก์ โดยมาจากเงินบริจาคทั้งสิ้น โดยผู้มีจิตศรัทธาสามารถมีส่วนร่วมในการอุทิศเงินสร้างส่วนต่างๆของโบสถ์ได้อีกด้วย และยังได้รับการสนับสนุนจากสภาผู้แทนราษฎรในสมัยนั้นให้สนับสนุนงบประมาณก่อสร้างจนแล้วเสร็จ
เครดิตข้อมูลดีๆจากเว็ปไซต์ : https://en.wikipedia.org/wiki/มหาวิหารซาเคร-เกอร์

รูปประติมากรรมปูนปั้นคุณลุงติดฝั่งในวิหาร ดูมีชีวิตราวกับว่ากำลังจะชะเงอหน้ามองอะไรสักอย่างอะไรแบบนั้นเลยนะค่ะ ดูเค้าทำเหมือนนะค่ะ
และหลังจากที่ได้เดินวนชมวิว 360 องศาเมืองปารีสที่วิหารมงมาร์ตแห่งนี้แล้วนะค่ะ ก็ได้เวลาลงแล้วค่ะ
หลังจากเดินลงมา ก็ยังเจอหุ่นของคุณพี่เสืื้อขาว ยืนเด่นตระหง่าน รอคนมาหยอดสตางค์ให้อยู่เลยค่ะ ตอนที่เดี๊ยนเห็นครั้งแรก ก็ตกอ๊กตกใจหมดเลยนะค่ะ คิดว่าหุ่นสีขาวจริงๆ แต่ก็ดูแปลกตายังไงชอบกล คนที่มาเที่ยวที่นี้ก็ต้องหยิบกล้องถ่ายกันทุกคน แต่ก็น่าเห็นใจคุณพี่แกนะค่ะ เพราะไม่มีใครหยอดเหรียญยูโรให้แกบ้างเลย
 หลังจากที่ได้ชมวิหารซาร์เครเกอร์แล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่อไปแล้วค่ะ นั้นก็คือ วิหาร
 เดินผ่านร้านขายของฝาก และของที่ระลึกมากมายเรียงรายเปิดกันเต็มเลยค่ะ
นอกจากนี้ตอนที่เดินผ่านลงมา ก็มีร้านขายเสื้อผ้ามือสอง ราคาถูกแบบสะบั้นหั่นแหลก แหกอก ถลกทรวงกันไปข้างนึงเลยนะค่ะ เพราะราคาแค่ 30 เซนต์ เท่านั้น ไม่รู้เดี๊ยนเข้าใจถูกหรือเปล่า เพราะเค้าเขียนเป็นตัวเลข 0.30 เซนต์ ก็เข้าใจไปตามนั้น
 หากใครที่กลัวหลง ก็อย่าลืมมางงๆดูแผนที่จะได้ยวลยีเข้าใจขึ้น ว่าตอนนี้อยู่ที่ใหนแล้ว
ยังไงหากใครที่จะมาเที่ยวปารีส ต้องศึกษาแผนที่และทำการบ้านเรื่องการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมาให้ดี ไม่งั้นมีหลงทาง เดินสะพร่างไปมั่วซั่วนะค่ะ 
 สำหรับการเดินทางไปยังวิหารนอร์ทเทอแดม จากมงมาร์ตนั้น
เดี๊ยนใช้การเดินทางด้วยรถไฟ Metro เหมือนเดิมค่ะ

วิธีการเดินทาง
ดิฉันเลือกเดินทางด้วยรถไฟ Metro สีแดง หมายเลข 4 จากสถานี Barbes Rochechouart เพื่อไปลงที่สถานี Saint Michel ค่ะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ วิหารนอร์ทเทอแดม ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งที่เหล่านักท่องเที่ยวเลี้ยวเข้าไปแวะชมกันนะค่ะ
แต่ถ้ากลัวหลงทาง ก็ต้องเปิด GPS นำทางพอช่วยได้บ้างนะค่ะ  แบบ 50ห้าสิบ
แต่บางครั้งแผนที่ในมือถือก็มาเดี๊ยนหลงเหมือนกัน ยังไงก็อย่าเชื่อ 100 เปอร์เซ็น เพราะพาเดี๊ยนเดินหลงทางไปลงคลองแม่น้ำลำคลองมาแล้วค่ะ
 พอถึงสถานีรถไฟ Saint Michel ก็ได้เวลาที่ต้องเดิน และก็เดินแล้วค่ะ
เพื่อเดินไปชมวิหารนอร์เทอแดม ซึ่งอยู่ไม่ไกล
น้ำพุแซงมิเชล
 ระหว่างเดินไปยังวิหารก็ผ่านลานน้ำพุแซงมิเชล ซึ่งเป็นลานน้ำพุที่สวยงาม ร้าวรานจับใจอีกแห่งของเลเหล่าคนที่ชอบถ่ายภาพ
น้ำพุแซงมิเชล
 น้ำพุสวยงามตามสไตล์ฝรั่งเศส มีหุ่นรูปปั้นแม่นาย หรือพ่อนายมิทราบได้ มีปีกเหมือนนก กำลังจะโบยบินขึ้นฟ้า
ถนนหนทางในเมืองเค้าก็ดูสวยงาม เป็นระเบียบร้อยเรียบ และเรียบร้อยดีนะค่ะ แต่ดีหน่อยที่รถยังไม่ติดนะค่ะ เนื่องจากไม่ใช่เวลาเร่งด่วน ถ้าเป็นเวลาเร่งด่วน รถราที่นี้ก็ติดขัด ฉวัดเฉวียงเอียงเลียงลม ไม่แพ้เมืองไทยเราเลยค่ะ แต่เมืองไทยเราหนักกว่ามาก เพราะยังครองตำแหน่งรางวัลชนะเลิศรถติดอันดับต้นๆของโลกอยู่เลยค่ะ
เดินผ่านก็เห็นวิวแม่น้ำแซนด์ บรรยากาศสวยงามเริ่ดสะแมนแตนดีมากๆ คือแบบว่า อากาศเย็นสบายดี แดดร้อนจ้าช่วยให้อบอุ่นนะค่ะ
ริมแม่น้ำแซนด์ระหว่างเดินไปวิหารนอร์ทเทอแดน ก็มีร้านคง ร้านค้า ขายรูปภาพโปสการ์ด สวยงามกระชากใจเว่อร์มาก เดีี๊ยนก็ถ่ายแบบรวมๆมา มิกล้าอาจเอื้อม กระเพื่อมใจเจาะจงถ่ายไปที่บางรูปได้ เพราะเห็นจะเป็นภาพวาดงานชิ้นเดียวกระมัง น่าจะเดาไม่ผิดนะ
 ส่วนถ้าไม่ได้วางขายริมทาง
ก็จะเป็นร้านแกลเลอรี่เฉพาะกิจเลยนะค่ะ ราคาก็น่าจะหลายยูโรอยู่
แต่ละภาพก็สวยงามตามสไตล์ยุโรป ไม่ค่อยมีจวัดเขียนเรียนเป็นลายกนก ชู่ช่อเป็นก้านกิ่งช่อฟ้า ใบระกาหางหงษ์เหมือนเรานะค่ะ
 ส่วนร้านอาหาร ร้านขนมปัง และที่พักหรือโรงแรม ก็เซาะแซม แตมแต่ง ตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป ดูกิ๊บเก๋ไฉไล แต่ราคานั้นแพงกระชากใจเหมือนกันนะค่ะ
วิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส (Cathédrale Notre-Dame de Paris)
 ในที่สุดก็ถึงสักที เพราะเดินจรลี ตามแผนที่ในมือถือมาเรื่อยๆ เมื่อยก็แวะพักชมโน้นนี้นั้น สุขสันต์เริงร่าช่ะช่ะช่าหัวใจ กับอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส (Cathédrale Notre-Dame de Paris)
เดินมาก็ปัง จริงจังกับดอกกุหลาบสีชมพู ชูช่อส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล เย้ายวลใจเดี๊ยนยิ่งนัก เพราะได้หลั่งอะดรีนาดีน เหมือนกับฉีดมอร์ฟีนเข้ารูจมูกอะไรประมาณนั้นเลยค่ะ เดี๊ยนล่ะเห็นดอกไม้งามไม่ได้นะค่ะ ชอบถ่ายรูปดอกไม้ เพราะมีสีสัน อยากจะเด็ดก้านกันมาถัดที่ใบหู ก็กลัวว่าใยนี้บ้าแน่ๆ จริงๆเดี๊ยนก็เป็นคนบ้าอยู่แล้วล่ะค่ะ
 สาระน่ารู้เกี่ยวอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส (Cathédrale Notre-Dame de Paris)

อาสนวิหารแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1163 ระหว่างรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ส่วนผู้วางศิลาฤกษ์นั้นไม่แน่ชัด บางหลักฐานก็ว่าบิชอปซุลยีเอง บางหลักฐานก็ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 3 เป็นผู้วาง แต่ที่แน่คือทั้งสองคนเข้าร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ และตั้งแต่นั้นมาบิชอปซุลยีก็อุทิศชีวิตให้กับการสร้างอาสนวิหารนี้
วิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส (Cathédrale Notre-Dame de Paris)
เป็นอาสนวิหารประจำอัครมุขมณฑลปารีส ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส คำว่า Notre Dame แปลว่า แม่พระ (Our Lady) ซึ่งเป็นคำที่ชาวคาทอลิกใช้เรียกพระนางมารีย์พรหมจารี ปัจจุบันอาสนวิหารก็ยังใช้เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกและเป็นที่ตั้งคาเทดราของอาร์ชบิชอปแห่งปารีส อาสนวิหารน็อทร์-ดามถือกันว่าเป็นโบสถ์ที่สวยงามที่สุดในลักษณะกอทิกแบบฝรั่งเศส โบสถ์นี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยเออแฌน วียอแล-เลอ-ดุก ผู้เป็นสถาปนิกคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของฝรั่งเศส

โดยการก่อสร้างเป็นแบบกอทิก นับเป็นอาสนวิหารแรกที่สร้างในลักษณะนี้ และการก่อสร้างก็ทำต่อเนื่องมาตลอดสมัยกอทิก ประติมากรรม และหน้าต่างประดับกระจกสี (stained glass) มีอิทธิพลจากศิลปะแบบแนทเชอราลลิสม์ ทำให้แตกต่างจากศิลปะโรมาเนสก์ที่สร้างก่อนหน้านั้น
ในปี ค.ศ. 1793 ระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส โบสถ์ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ประติมากรรมและศิลปะทางศาสนาถูกทำลายไปมาก อาสนวิหารได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19 จนมีสภาพเหมือนก่อนหน้าที่ถูกทำลาย

และระหว่างปี ค.ศ. 1210 ค.ศ. 1220 สถาปนิกคนที่สี่เป็นผู้ดุแลการสร้างระดับหน้าต่างกลมและโถงภายใต้หอ หอสร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1245 และอาสนวิหารเมื่อปี ค.ศ. 1345
เครดิตข้อมูลสาระดีจากเว็ปไซต์ : https://th.wikipedia.org/wiki/อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส 

เดี๊ยนล่ะชอบแม่หนูคนนี้จริงๆ เพราะกำลังเริ่งร่าช่ะช่ะช่าอยู่กับฝูงนกมากมาย มีนกตัวนึงอยู่บนหัวด้วยนะ  เดี๊ยนล่ะกลัวนกขี้ใส่หัวจริงนะค่ะ ถ้านกขี้ใส่หัวขึ้นมา แม่หนูคงต้องโดนลงไปสระผมที่แม่น้ำแซนด์แน่นอนเลยจ้า แต่ภาพนี้บ่งบอกว่า คนกับสัตว์อยู่ร่วมกันได้ และนกที่นี้ก็ไม่กลัวคนนะค่ะ
แม่น้ำแซนส์ seine river paris
 และหลังจากที่ได้แวะชมวิหารน็อทดามแล้วนะค่ะ ก็ตัดสินใจเดินชมเมืองต่อเลย ตอนแรกจะรอคิวเข้าแถวชมด้านใน แต่ไม่แล้วค่ะ เกรงจะไม่ทันที่เที่ยวอื่นค่ะ
 แวะเดินลัดเลาะตามฟุตบาทถนนริมแม่น้ำแซนด์ สวยงาม บรรยากาศดี
 มีเรือลอยละล่องให้บริการสำหรับคนที่อยากล่องเรือด้วยนะค่ะ
 ส่วนใครที่ชอบอะไรแบบสโลว์ไลฟ์ก็จัดไปนั่งแบบชิวๆ ชมวิวแม่น้ำแซนด์ ก็เริ่ดสะแมนแตนสวยงามดี ตามวิถีคนตะวันตกนะค่ะ
ส่วนคนเอเชียแบบเดี๊ยนคงไม่นั่งสโลว์ไลฟ์นะค่ะ เพราะชอบเดินชมวิว ชิลๆโน้นนี้ ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย เมื่อยก็หยุดนั่งพักสักแป๊บ แล้วไปชะแว๊ปแวะชะโงกทัวร์ต่อค่ะ
 เดินและก็เดินค่ะ ชมวิวเมืองไปนะค่ะ ถือว่าเป็นการออกกำลังกายล่ะค่ะ แถวนี้ก็จะเป็นอาคารสถาปัตยกรรมสวยงาม ตามแบบฝรั่งเศส
 มีสะพานข้ามแม่น้ำแซนด์ไหลผ่าน มีจุดถ่ายรูปตามมุมต่างๆ
 ริมแม่น้ำแซนด์ก็มีจุดนั่งพัก ชมชิล รับวิวสวยๆหลายแห่ง ถ่ายไปดูแม่น้ำสีเขียวไม่ใช่ตะใคร้น้ำนะค่ะ
จริงแล้วน้ำก็ใสอยู่นะ 
 มองไปอีกฝั่งก็เป็นสะพาน Pont des Arts สะพานเหล็กข้ามแม่น้ำสวยอีกแห่งในเมืองปารีส
 ส่วนที่เดินมามุมนี้เป็นอนุสาวรีย์ Statue équestre d'Henri IV (เดาว่าน่าจะเป็นอนุสาวรีย์พระเจ้าเฮนรี่ที่ 4 แต่อ่านภาษาเป็นฝรั่งเศสว่าอย่างไร เดี๊ยนก็มิทราบได้ เพราะถ้าให้อ่านคงอ่านเป๋นภาษาอังกฤษ)
ซูมถ่ายไปให้เห็นกันแบบชัดๆ ประติมากรรมปูนปั้นที่ฝรั่งเศสยอมรับเลยค่ะ ว่าสวยงามละเอียดอ่อนดูเหมือนจริงมากๆ ตั้งแต่เข้าไปชมที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์แล้วค่ะ หุ่นและประติมากรรมหินหรือสัมฤทธิ์แกะสลักได้สวยงาม ละเมียดละไมสมจริงมากๆ
อุทยาน Square du Vert-Galant
มีสวนสาธารณะที่เกาะกลางแม่น้ำแซนด์ด้วยนะค่ะ เป็นอุทยาน Square du Vert-Galant
บรรยากาศร่มรื่นย์น่าพักมากๆ
มีจักรยานอยู่บนเรือแต่ก็ไม่มีใครนำจักรยานออกมาปั้นได้ เนื่องจากเรือลอยเคว้งอยู่กลางแม่น้ำ
Institut de France
เดินมาหน่อยที่เป็นอาคารโคมใหญ่อลังการนี้ ถ้าดูในแผนที่น่าจะเป็นศูนย์วัฒนธรรมประจำประเทศฝรั่งเศสค่ะ ดูโอฬารอลังการมากๆนะค่ะ
มองไปอีกฝั่งก็เป็นพิพิธภัณฑ์ลูฟท์ ที่ดิฉันได้เดินทางไปมาเมื่อวันแรกค่ะ
เส้นทางเข้าไปยังพิพิธภัณฑลูฟท์ ข้ามสะพานแม่น้ำแซนด์ไปได้ค่ะ
หากใครที่ไม่ได้เดินผ่านสวนตุยเลอรี่
 เดินและก็เดินค่ะ ถ้าใครที่เมื่อยล้าจากการเดิน ก็นั่งพักชมวิวแม่น้ำได้ค่ะ
เดินผ่านพิพิธภัณฑ์ออร์แซร์
ผ่านพิพิธภัณฑ์ออร์แซ อีกหนึ่งพิพิธภัณฑที่น่าสนใจเกี่ยวกับศิลปะ การออกแบบ สิ่งทอ
โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ที่ตั้งอยู่ในกรุงปารีสในประเทศฝรั่งเศส พิพิธภัณฑ์ออร์แซก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1986 บนฝั่งซ้ายแม่น้ำเซนในสถานที่ที่เดิม เคยเป็นสถานีรถไฟออร์แซ ที่สร้างในแบบสถาปัตยกรรมแบบโบซาร์โดยสถานีรถไฟแห่งนี้ถูกสร้างระหว่างปี ค.ศ. 1898 ถึง ค.ศ. 1900 เพื่อให้เสร็จทันงาน Exposition Universelle เพื่อใช้เป็นชุมทางรถไฟสายตะวันตกเฉียงใต้ จนถึงปีค.ศ. 1939 ได้เลิกกิจการเนื่องจากขนาดของชานชลาไม่กว้างพอสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางจำนวนมาก สถานีรถไฟออร์แซ จึงลดความสำคัญลงเป็นสถานีรถไฟสำหรับเดินทางในระยะใกล้ ในปัจจุบันใต้ดินส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ยังคงใช้เป็นสถานีรถไฟชานเมืองด่วนพิเศษ หรือ RER โดยใช้ชื่อสถานีเดียวกัน
ในปีค.ศ. 1970 ในขณะที่กำลังจะมีการรื้อถอนสถานีออร์แซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้โต้แย้งโดยเสนอให้ปรับปรุงเป็นโรงแรมขึ้นแทน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในปีค.ศ.1978 และภายหลังได้มีการเสนอแผนการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อผสานความแตกต่างระหว่างสองพิพิธภัณฑ์หลักในขณะนั้น คือ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์กับพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ ที่ตั้งอยู่ที่ศูนย์ฌอร์ฌ ปงปีดู โดยได้รับการสนับสนุนโดยประธานาธิบดีฌอร์ฌ ปงปีดู 
เดินผ่านพิพิธภัณฑ์ออร์แซ
ในปีค.ศ. 1978 ทีมสถาปนิกผู้ชนะการแข่งขันเพื่อการออกแบบพิพิธภัณฑ์ได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการโดยปรับพื้นที่แสดงผลงานบนพื้นที่ 4 ชั้น รวมกว่า 20,000 ตารางเมตร และสถาปนิกชาวอิตาลี นายกาเอ โอเลนตี ได้รับเลือกเพื่อรับผิดชอบการตกแต่งภายใน ซึ่งรวมถึงการจัดสรรพื้นที่แสดงผลงาน การตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ เพื่อใช้ในพิพิธภัณฑ์ และได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม ปีค.ศ. 1986 โดยประธานาธิบดีฟร็องซัว มีแตร็อง พร้อมกับภาพเขียนกว่า 2,000 ชิ้น รูปปั้นและประติมากรรมกว่า 600 ชิ้น
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์ : https://th.wikipedia.org/wiki/

 อาคารนี้เป็นอาคารอะไรมิทราบได้
 มองเห็นชิงช้าสวรรค์ท่อยู่หน้าสวยตุยเลอรี่ด้วยค่ะ  และอนุสรณ์โอเบลิกส์ลักซอร์
 ทางเดินฟุตบาทที่บ้านเค้าดูสวยงาม กว้างขวางดี แต่ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ มีก้นบุหรี่ทิ้งลงเรียงรายบ้าง
สะพานปงอาแล็กซ็องดร์-ทรัว (Pont Alexandre III)
ในที่สุดก็ถึงแล้วค่ะ สะพานปงอาแล็กซ็องดร์-ทรัว หรือ สะพานอะเลคซันดร์ที่ 3 ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสะพานที่สวยที่สุดในประเทศฝรั่งเศสและติดระดับโลกด้วย เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของสะพานแห่งนี้มานาน ถือว่าได้มาเห็นเป็นบุญตาแล้วค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับสะพาน ปงอาแล็กซ็องดร์-ทรัว (Pont Alexandre-III) มีที่มาอย่างไร อ่านเป็นความรู้กันค่ะ 

ปงอาแล็กซ็องดร์-ทรัว หรือ สะพานอะเลคซันดร์ที่ 3 (ฝรั่งเศส: Pont Alexandre-III) เป็นสะพานโค้งพาดผ่านแม่น้ำแซน เชื่อมต่อทั้งสองฝั่งแม่น้ำด้านฝั่งหอไอเฟลกับฝั่งช็องเซลีเซเข้าด้วยกัน โดยได้ถูกกล่าวขานว่าเป็นสะพานที่ประดับประดาไปด้วยงานศิลปะชั้นเลิศ และหรูหราที่สุดในปารีส โดยในปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์แห่งฝรั่งเศส
สะพานปงอาแล็กซ็องดร์-ทรัว (Pont Alexandre III)
ตัวสะพานสร้างช่วงปี ค.ศ. 1896-1900 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว ประกอบไปด้วยโคมไฟอันวิจิตร รูปปั้นทูตสวรรค์ เทพธิดา และม้าบินตั้งอยู่บนเสาหินฝั่งละ 2 เสา โดยได้ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแด่ สมเด็จพระจักรพรรดิอะเลคซันดร์ที่ 3 แห่งรัสเซีย ที่ได้ตกลงสัญญาพันธมิตรระหว่างสองประเทศในปี ค.ศ. 1892 โดยมีเจ้าชายนีโคไลเป็นมกุฎราชกุมาร ในขณะนั้นเป็นผู้วางศิลาฤกษ์ในปี ค.ศ. 1886 โดยพื้นฐานทางสถาปัตยกรรมมีความคล้ายคลึงกับของอาคารกร็องปาแลซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำไม่ไกลนัก
การก่อสร้างสะพานนี้ถือเป็นความสำเร็จทางวิศวกรรมแห่งยุคศตวรรษที่ 19 เป็นอย่างยิ่ง โดยการสร้างสะพานโค้งแบบไม่มีเสา โดยตัวสะพานสูง 6 เมตร ทำจากเหล็กกล้า ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกโฌแซ็ฟ กาเซียง-แบร์นาร์ และกัสตง กูแซ็ง โดยมีข้อแม้ว่าห้ามบดบังทัศนียภาพของช็องเซลีเซและเลแซ็งวาลีดโดยเด็ดขาด
สะพานถูกสร้างโดยวิศวกรฌ็อง เรซาล และอาเมเด ดาลบี และเปิดอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1900 สำหรับงาน Exposition Universelle พร้อม ๆ ไปกับกร็องปาแล
 ประติกรรมปูนปั้นตกตกแต่งในสะพานมีความสวยงาม ดึงดูดตาแก่ผู้พบเห็น
ปัจจุบันสะพานแห่งนี้นอกจากเป็นสะพานที่ไว้สัญจรของรถราแล้ว ยังกลายเป็นจุดเช็คอินน์และจุดแวะถ่ายภาพชมวิวของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกด้วย
 หากเดินลงมาก็จะเป็นจุดแวะนั่งพักริมแม่น้ำแซนด์ บรรยากาศดูสวยงามโรแมนติคดีนะค่ะ
เพราะมองไปอีกฝั่งก็เห็นหอไอเฟลล่ะ
มีเครื่องบินลำน้อยๆ จอดอยู่บนเรือด้วย แต่ดูแล้วน่าจะเป็นเครื่องบินเด็กค่ะ
เพราะลำเล็กน่ารักมุ้งมิ้งมากๆเชียว
อากาศในช่วงตอนบ่ายๆ แดดเริ่มจ้า ทำให้เหมาะแก่การมานอนพักอาบแสงตะวันเพื่อช่วยเพิ่มความอบอุ่น แม้จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้วก็ตาม แต่อากาศก็ยังหนาวเย็นอยู่ดีค่ะ
โอเตล เดส์ แซงวาลีดส์หรือพิพิธภัณฑ์ทหารค่ะ
  หากเดินสะพานข้ามมายังอีกฝั่งจะเห็นอาคารโดมสีทองนี้ คือโอเตล เดส์ แซงวาลีดส์
หรือพิพิธภัณฑ์ทหารค่ะ
โอเตล เดส์ แซงวาลีดส์ พิพิธภัณฑ์ทหาร
 ดูยิ่งใหญ่โตโอฬารมากๆค่ะ ตอนแรกเดี๊ยนคิดว่าเป็นปราสาทพระราชวังเสียอีก แต่ดูในแผนที่แล้วเป็นพิพิธภัณฑ์ทหารนี้เองค่ะ แต่เรียกชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศส โอเตล เดส์ แซงวาลีดส์ อ่านย๊ากยากนะค่ะ

และหากเดินเลยโอเตล เดส์ แซงวาลีดส์ไปอีกหน่อยก็ถึงหอไอเฟลพอดีค่ะ
สรุปคือถ้าไม่อยากเสียเงินค่ารถไฟ Metro และอยากถ่ายรูปชมเมือง แนะนำเดินชมเมืองเลยค่ะ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งก็อยู่ติดๆกันนะค่ะ
 หลังจากที่ได้เดินแวะชมเมืองไปแล้วนะค่ะ ก็ได้เวลามาช๊อปปิ้งแล้วค่ะ หากใครมาเที่ยวปารีสครั้งแรก คงไม่พลาด ต้องมาแหกกระเป๋าสตางค์ที่ถนนช็องเซลีเซ่นะค่ะ ระหว่างเดินก็ผ่านพิพิธภัณฑ์อีกแล้วค่ะ เมืองนี้พิพิธภัณฑ์เยอะมากๆ แต่ละแห่งก็อยู่ใกล้กันด้วยนะค่ะ
 เดินจากสะพานอะเลคซันดร์ที่ 3 มาไม่ไกลนักก็ถึงแล้วค่ะ ถนนช็องเซลีเซ่ อีกหนึ่งจุดช็อปปิ้งที่เต็มไปด้วยร้านค้าของแบรนด์เนมและร้านอาหาร
 เคยได้ยินมาว่าหากมาที่ถนนแห่งนี้ให้ระวังมิจฉาชีพให้ดีๆ แต่วันที่มาเที่ยวก็ไม่เห็นมีอะไรนะค่ะ สงสัยว่าเดี๊ยนจะแต่งตัวแนวกากๆ โกโรโกโสกระมัง ก็เลยไม่เป็นที่ต้องตาของหมู่โจร
 เห็นอาคารหลุยวิตองด้วย อีกหนึ่งแบรนด์สินค้าที่เดี๊ยนได้แค่มอง มิอาจเอื้อมเข้าไปซื้อของด้านในค่ะ เพราะถ้าใครจะเข้าไปซื้อ ต้องต่อคิวเข้าไปนะค่ะ จะเข้าไปซุ่มสี่ซุ่มห้าไปลั๊ลลาไม่ได้ค่ะ
 แต่สิ่งหนึ่งที่สะดุดใจเดี๊ยนให้ต้องกวักระเป๋าสตางค์ซื้อ คงหนีไม่พ้นขนมนมเนยที่ถนนแห่งนี้ เพราะมีร้าขายขนมมาการ็องเจ้าดังให้แวะซื้อลิ้มลองไปทานค่ะ
 ดูสีสันมาการ็องแต่ละสีแล้วน่าทานมากๆ แต่ละสีรสชาติก็แตกต่างกันออกไป
ถ้าสีเหลืองก็เป็นวนิลลา สีชมน้ำตาลเป็นช็อตโกแลค
 นอกจากนี้ยังไม่ขนมเค้กและเบเกอรี่แบบอื่นๆด้วยนะค่ะ แต่ละอย่างโอ้ยน่าทาน ส่วนราคาก็ไม่ต้องพูดถึง ถ้าเทียบเป็นเงินบาทไทยก็แพง แต่ถ้าเงินที่นี้ถือว่าอยู่ระดับกลางๆค่ะ ไม่แพงเว่อร์เกินไป
เนื่องจากเห็นขนมแล้วน่าทานมาก เลยส่อยขนมมาการ็องมาหนึ่งกล่องค่ะ 
เดินไปเรื่อยก็เห็นประตูชัยอยู่ใกล้ถนนช็องเซลีเซ่ ใหนมาเที่ยวทั้งที่ ต้องแวะไปถ่ายรูปสักหน่อยค่ะ เพราะเดี๊ยนเคยถ่ายแต่กับประตูชัยที่เวียงจันทร์ อันนี้มาดูต้นกำเนิดของจริงเลยนะค่ะ
ประตูชัยเมืองปารีส หรือชื่อเต็ม อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล
ประตูชัยบ้านเค้าใหญ่โตโอฬารมากๆนะค่ะ
สาระรู้เกี่ยวกับประตูชัยเมืองปารีส หรือชื่อเต็ม อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล มีที่มาอย่างไร อ่านดูกันค่ะ?? (ชื่อภาษาฝรั่งเศสเรียกยากนิดนึงนะค่ะ)

สำหรับอาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล (ฝรั่งเศส: Arc de triomphe de l'Étoile) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ประตูชัยฝรั่งเศส เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ล เดอ โกล (Place Charles de Gaulle) หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม "จัตุรัสแห่งดวงดาว" (Place de l'Étoile) อยู่ทางทิศตะวันตกของช็องเซลีเซ ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการสดุดีวีรชนทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามนโปเลียน และในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามอีกด้วย
ประตูชัยที่กรุงปารีส
ซึ่งที่ประตูชัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "แกนกลางอันเก่าแก่" (L'Axe historique) ซึ่งเป็นถนนเส้นตรงจากสวนพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ไปยังชานกรุงปารีส ประตูชัยแห่งนี้ออกแบบโดยฌ็อง ชาลแกร็งในปี พ.ศ. 2349 โดยมียุวชนเปลือยชาวฝรั่งเศสกำลังต่อสู้กับทหารเยอรมัน เต็มไปด้วยเคราและใส่เกราะเป็นสัญลักษณ์เพื่อเป็นการปลุกใจ และเป็นอนุสรณ์สถานจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1
ประวัติ : อาร์กเดอทรียงฟ์เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงปารีส ได้ถูกมอบหมายให้สร้างในปี พ.ศ. 2349(รัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2325-2352 ราชวงศ์จักรี) หลังจากจักรพรรดินโปเลียนที่ 1ได้รับชัยชนะในยุทธการเอาสเตอร์ลิทซ์ กว่าจะวางรากฐานของการก่อสร้างก็ใช้เวลาเกือบ 2 ปีไปแล้ว และในปี พ.ศ. 2353 เมื่อจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 เสด็จกรุงปารีสจากทางทิศตะวันตกพร้อมด้วยเจ้าสาว อาร์คดัชเชสมารี หลุยส์แห่งออสเตรีย อาร์กเดอทรียงฟ์ก็ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ในแบบจำลองเท่านั้นเอง สถาปนิกฌ็อง ชาลแกร็งได้เสียชีวิตลงในปี พ.ศ. 2354 ดังนั้นอูยงจึงได้ดูแลงานนี้ต่อมา ในช่วงราชวงศ์บูร์บงฟื้นฟู การก่อสร้างได้หยุดชะงักลงและไปเสร็จสิ้นในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปป์ ในระหว่าง พ.ศ. 2376 - พ.ศ. 2379 โดยสถาปนิกคือกูสต์ ต่อมาคืออูโยต์ ภายใต้การดูแลของหลุยส์-เอเตียน เอรีการ์ เดอ ตูว์รี (Louis-Étienne Héricart de Thury)
ประตูชัยเมืองปารีส หรือชื่อเต็ม อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล
โดยประตุชัย อาร์กเดอทรียงฟ์มีความสูง 49.5 เมตร (165 ฟุต) กว้าง 45 เมตร (148 ฟุต) และลึก 22 เมตร (72 ฟุต) เป็นประตูชัยที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน[1] แบบของอาร์กเดอทรียงฟ์นี้ได้แนวความคิดมาจากประตูชัยไตตัส อาร์กเดอทรียงฟ์มีความใหญ่มาก เพราะหลังจากมีการสวนสนามในปรุงปารีสเมื่อปี พ.ศ. 2462 ชาร์ล โกดฟรัว ได้ขับเครื่องบินนีอูปอร์ต (Nieuport) ผ่านกลางอาร์กเดอทรียงฟ์[ต้องการอ้างอิง]เพื่อเป็นการสดุดีเหล่าทหารอากาศที่ได้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1
ประตูชัยเมืองปารีส หรือชื่อเต็ม อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล
หากเพื่อนคนใหนที่แวะมาเที่ยวเมืองปารีสครั้งแรกในชีวิตเหมือนตัวดิฉัน ก็ไม่พลาดมาชมประตูชัยอันยิ่งใหญ่นี้ให้เป็นบุญตาสักครั้ง ก่อนไปเดินปังๆช็อปปิ้งซื้อของแบรนเนมที่ถนนช็องเซลีเซ่นะค่ะ
หลังจากที่ได้แวะช็อปปิ้งเดินสวิงกิ้งที่ถนนช็องเซลีเซ่ จนได้ไปละลายทรัพย์ซื้อขนมมาการ็องมา 1 กล่องแล้วนะค่ะ ก็ได้เวลาต้องรีบเดินทางไปยังโรงแรมแล้วค่ะ เพื่อไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้

ตอนแรกกะว่าจะซื้อขนมไปฝากคนที่บ้าน แต่เดี๊ยนว่าคงไม่ถึงที่บ้าน เพราะเที่ยวครั้งนี้อีกยาวไกล ขนมมาการ็องน่าจะเข้าไปอยู่ในกระเพาะของเดี๊ยนก่อนค่ะ
 เดินทางด้วยรถไฟ Metro ไปลงที่สถานี Dupleix เพื่อไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม
 หลังจากเช็คเอาท์ออกจากที่พัก เดี๊ยนก็แบกเป้มาซื้อของกินที่ร้านขายขนมใกล้ๆที่พัก
ร้านนี้ขนมอร่อยอยู่นะค่ะ ชื่อร้านตามภาพเลย Artisan Boulanger ใกล้ที่พักแถวหอไอเฟล
ดิฉันกะว่าจะนั่งทานข้าวมื้อเที่ยงก่อน แต่ดูเวลาแล้วไม่น่าจะทัน เพราะต้องรีบไปสถานีรถไฟ Gare de lyon เดียวไม่ทันจะตกรถไฟเอาค่ะ เลยซื้อไปกินที่โน้นเลยค่ะ
สถานีรถไฟ Gare de lyon สถานีรถไฟขนาดใหญ่ให้บริการรถไฟความเร็วสูงเดินทางข้ามไปยังเมืองต่างๆในฝรั่งเศส
 ดิฉันนั่งรถไฟ Metro จากย่านที่พักมาถีงสถานีรถไฟ Gare de lyon เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองมาเซย์ ซึ่งต้องนั่งรถไฟความเร็วสูงไปค่ะ
สถานีรถไฟ Gare de lyon
ตามภาพนี้ก็คือสถานีรถไฟ Gare de lyon
 สถานีรถไฟใหญ่โตมากๆ
 เมื่อมาถึงสถานีรถไฟนี้แล้วนะค่ะ หากเพื่อนคนใดที่ใช้บัตร Eurail Pass ในการเดินทางออกนอกเมืองปารีส ยังต้องมาติดต่อขอจองที่นั่งก่อนนะค่ะ โดยเข้าไปติดต่อที่เคาว์เตอร์ขายตั๋วด้านในตามภาพเลยค่ะ
สำหรับการเดินทางเที่ยวยุโรป 4 ประเทศในครั้งนี้ของดิฉัน ตัดสินใจเลือกใช้บัตร Eurail pass ในการเดินทาง เนื่องจากคำนวณการเดินทางแบกเป้ของตัวเองแล้ว น่าจะต้องใช้รถไฟเยอะ เพราะเดินทางทั้งหมด 26 วัน แต่เดินทางด้วยรถไฟต่อเนื่องจริง 15 วัน ก็เลยซื้อแบบ Eurai Pass Global และอีกอย่างที่ซื้อบัตร เค้าก็จัดโปรโมชั่นลดราคาพอดีค่ะ เลยตัดสินใจซื้อในเมืองไทยมาเลยค่ะ

สำหรับบัตร Eurail Pass มี 2 ประเภทนะค่ะ คือแบบ Consecutive Passes และ Flexi Passes

1.แบบ Consecutive Pass คือบัตรเดินทางแบบต่อเนื่องทุกวัน ผู้ที่ถือบัตรนี้สามารถใช้บัตรเดินทางโดยไม่จำกัดระยะทางแบบต่อเนื่อง ตามจำนวนวันที่เจ้าหน้าที่ได้ระบุไว้บนบัตรโดยสาร  ยกตัวอย่างเช่นใช้บัตรโดยสารเที่ยวฝรั่งเศส สวิชเซอร์แลนด์ และอิตาลี ภายใน 15 วันแบบต่อเนื่องติดต่อกันเป็นต้น เหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวแบบลุยๆ สายโหด ชะโงกทัวร์ เน้นเอามันส์ค่ะ

2.แบบ Flexi Pass คือบัตรเดินทางแบบไม่ต่อเนื่อง ผู้ที่ถือบัตรโดยสารจะเดินทางในวันใดก็ได้ภายในระยะเวลาที่ระบุ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ใช้ชีวิตช้าๆ เที่ยวแบบเนิ่บๆ นานๆจะนั่งรถไฟทางไกลสักครั้ง หรือไม่ค่อยได้เดินทางด้วยรถไฟวิ่งต่างเมืองมากนักก็เหมาะกับการใช้บัตรชนิดนี้ค่ะ

และบัตรโดยสารก็ให้เลือกซื้อ 2 แบบคือ แบบชั้น 1 และชั้น 2
- ตอนซื้อดิฉันเลือกซื้อชั้น 1 เลย เพราะอยากจะรู้ว่านั่งชั้น 1 ดีแบบใหน และแตกต่างกับรถไฟ Eurail pass ชั้น 2 อย่างไรบ้าง
-และการซื้อชั้น 1 ก็นั่งได้ชั้น 1 และชั้นเลย 2 ด้วย ก็เลยจัดไปค่ะ ซื้อมาในราคา 21000++นิดๆค่ะ แต่ถ้าชั้น 2 ก็ถูกกว่านี้เยอะมากเลย แต่จะมาเปลี่ยนนั่ง ชั้น 1 ไม่ได้นะค่ะ 
 มารีวิวต่อค่ะ..เมื่อเข้ามาเคาว์เตอร์ขายตั๋วแล้วนะค่ะ ก็ไปติดต่อรับบัตรคิว จะมีเจ้าหน้าที่จัดคิวให้ และถามว่าเรามาทำอะไร ก็บอกเค้าไปว่ามาจองที่นั่งรถไฟ Eurail Pass อยากบอกว่าพอได้บัตรคิวแล้ว รอนานมากๆค่ะ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ให้บริการไม่มาก เพราะเจ้าหน้าที่บางส่วนก็ประท้วงหยุดงานกัน เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดพอดีค่ะ ทำให้รอคิวนานสุดขั้วไปเลยล่ะ
และช่วงที่จะจองที่นั่งนะค่ะ ก็เปิดเว็ปไซต์ตารางเวลารถไฟของประเทศฝรั่งเศส ว่าเวลาที่เราจะเดินทางไปกี่โมง แคปเจอร์ไว้เลยเผื่อเน็ตหลุดนะค่ะ สำหรับเว็ปไซต์รถไฟวิ่งทางไกลของฝรั่งเศสเข้าไปดูเว็ป https://www.sncf.com/sncv1/en/passengers
นำบัตร Eurail Pass ไปยื่นกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอจองตั๋วที่นั่งรถไฟ เสียเงินค่าจองที่นั่งตามธรรมเนียม ก็จะได้ใบจองที่นั่งมาตามภาพค่ะ
จากนั้นเมื่อถึงคิวเรียกตามหมายเลขก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้เค้าดูว่า ต้องการเวลานี้ เวลานั้น อะไรก็ว่าไป เจ้าหน้าที่จะไม่ถามอะไรเราเยอะนะค่ะ เพราะรู้ว่าต้องสื่อสาร และคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆค่ะ ตอนที่เดี๊ยนไปจอง เจ้าหน้าที่ก็พูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยเหมือนกัน

ซึ่งการจองที่นั่งรถไฟ Eurail Pass จะต้องเสียค่าจองที่นั่งด้วยนะค่ะ ของดิฉันนั่งรถไฟชั้น 1 เสียค่าจองที่นั่ง 20 ยูโรเลย คือแบบแพงมากๆ ดูในเน็ตบอกว่า 10 ยูโร เดี๊ยนว่าน่าจะเป็นรถไฟชั้น 2 นะค่ะ
ตามเวลาที่จองที่นั้่งรถไฟ TGV ขบวน 6121 เวลา 16.37 น.
บรรยากาศภายในเคาว์เตอร์ขายตั๋วรถไฟวิ่งออกนอกกรุงปารีส ไปยังต่างจังหวัด
 หลังจากที่ได้ทำการจองที่นั่งแล้วนะค่ะ ก่อนเดินทางก็ต้องให้เจ้าหน้าที่เคาว์เตอร์ขายตั๋วประทับตรา วันเริ่มใช้บัตร Eurail Pass เลยค่ะ

ของดิฉันเริ่มใช้บัตร Eurial Pass วันที่ 18 พ.ค.2018 ไปจนถึงวันที่ 1 มิ.ย.2018 ค่ะ โดยบัตรมีอายุ 15 วันตามที่เราได้ซื้อมาค่ะ
และหลังจากที่ได้จองตั๋วที่นั่งเดินทางและประทับตราเริ่มใช้บัตร Eurail Pass แล้ว ก็ได้เวลาเตรียมตัวออกเดินทางแล้วค่ะ โดยการเดินทางในครั้งนี้ จุดมุ่งหมายคือสถานีรถไฟ marseille saint charles ที่เมืองมาเซย์
 เมื่อได้ทำการจองที่นั่งและได้ตั๋วที่นั่งมาแล้วนะค่ะ ทีนี้ก็ต้องมาดูตารางเวลาของขบวนรถไฟค่ะ ว่ารถไฟขบวนของเรานั้นอยู่ที่ชานชลาใหน เพราะว่าในใบไม่ได้ระบุมานะค่ะ ดังนี้เราต้องแหงนหน้ามาดูชานชลาเอง ว่าชานชลาอยู่ที่ใหน

และด้วยรถไฟที่นี้ก็ใหญ่มาก ทำให้เดี๊ยนอิสสะงง ต้องเดินหา Hall อีกจ้า ก็เลยต้องไปถามเจ้าหน้าที่ให้ช่วยบอกทางให้ค่ะ เพราะงงแบบสุดๆ

เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ดิฉันเดินทางด้วยรถไฟทางไกลออกนอกกรุงปารีสไปยังต่างจังหวัด ทำให้สับสนกับป้ายบอกทางในสถานีรถไฟที่นี้ และอีกอย่างวันนี้เป็นวันที่รถไฟเค้าหยุดประท้วงด้วยนะค่ะ ในเมื่อรถไฟบางขบวนหยุด ก็มาอั้นกับรถไฟบางขบวนที่วิ่งในวันนี้ ทำให้วันนี้เป็นวันที่วุ่นวายมากๆ คนมายืนรอออกกันแน่นเชียว
เดินมาที่อาคาร hall 2 ค่ะเพื่อรอขึ้นรถไฟ 
 ซึ่งระหว่างที่มานั่งรอรถไฟใน Hall ก็สั่งเกตุจอทีวีแสดงหมายเลขประตูชานชลารถไฟด้วยนะค่ะ ว่าขึ้นหรือยัง เพราะบางครั้ง จอยังไม่ขึ้นชานชลาก็ต้องรอต่อไปค่ะ ซึ่งในภาพจอเวลารถไฟ 16.37 น. แสดงประตูชานชลาที่ 15 ค่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่แสดงนะค่ะ จะแสดงแค่ Hall 1 หรือ Hall 2 เฉยๆค่ะ ตามภาพด้านซ้ายสุดของจอ จะมีเลขแสดงชานชลาให้ค่ะ
หากเพื่อนคนใดที่สงสัย การเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง ให้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ค่ะ
บุคคลที่ใส่เสื้อสีแดง ใส่หมวกหรือที่ใส่เสื้อกั๊กสีแดงเขียนว่า Staff นั้นคือใช่เลย เจ้าหน้าที่แน่ๆ ไปถามได้ค่ะ นางพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ
 โอ้ยเดี๊ยนจะเป็นลมไม่ไหวแล้วค่ะ เลยขอกระแทกปากด้วยแซนวิชแล้วกันค่ะ เป็นอาหารมื้อเที่ยงที่มาทานเอาซ่ะตอนเย็นเชียวค่ะ
เมื่อได้เวลาก็ไปเรียงคิวเข้าแถวตามภาพค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าแถวอยู่ตรงใหนนะค่ะ เพราะดูสับสน วกวนวุ่นวายไปหมดค่ะ เหมือนจะเกิดเหตุจราจรอะไรอย่างนั้นเลยนะค่ะ เอาเป็นว่าให้เดินมาที่ประตูชานชลาแล้วกันค่ะ
เดินคิวเข้าแถวเพื่อรอเข้าชานชลาไปขึ้นรถไฟค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่ใส่หมวกสีแดงร้อนแรงใจ เสื้อกั๊กสีแดงสดสีฉวีผ่อง เอาตั๋วที่นั่งไปยื่นจะมีเจ้าหน้าที่คอยเช็คและเปิดประตูให้ค่ะ
ขบวนรถไฟความเร็วสูง TGV จากสถานี Gare De Lyon from Paris to Marseilles
 เมื่อผ่านด่านประตูแล้ว ก็มาปวดหัวต่อค่ะ กับการเดินหาโบกี้ขบวนรถไฟค่ะ ซึ่งในตั๋วที่นั่งจะระบุหมายเลขบวนโบกี้ว่าได้ขบวนใหน และนั่งอะไร ก็ต้องเดินหา ถ้าหาไม่เจอ ให้สอบถามเจ้าหน้าที่เสื้อแดงอีกเหมือนเดิมค่ะ เดี๊ยนมาขึ้นรถไฟรอบนี้ ถามเจ้าหน้าที่ตลอด เพราะต้องแบกเป้ด้วย จะเดินแบกหาโบกี้ขบวนที่นั่งก็ไม่รู้อยู่ตรงใหน ตัวคนเดียวด้วยค่ะ แบกเป้หน้าเป้หลังเดินหาตามลำพังเลยค่ะ
ที่นั่งชั้น 1 ในขบวนรถไฟ TGV วิ่งระหว่างเมือง ออกกรุงปารีสไปยังเมืองมาเซย์ (Paris to Marseilles by TGV train)
 ในที่สุดก็หาโบกี้เจอ เป็นรถไฟ TGV ชั้น 1 ที่นั่งตามภาพ กว้างขวางสวยงาม มีที่วางกระเป๋าให้ด้วยนะค่ะ
 มีที่วางกระเป๋าให้อยู่ติดกับใกล้ๆกับห้องน้ำ  ก็วางไว้ได้เลย ไม่ต้องกลัวคนขโมยไปนะคะ เพราะเป้ใบใหญ่มาก ถ้าแบกเป้ไปได้จะสาธุเลย
 มีที่วางกระเป๋าให้อยู่ติดกับใกล้ๆกับห้องน้ำ  ก็วางไว้ได้เลย ไม่ต้องกลัวคนขโมยไปนะคะ เพราะเป้ใบใหญ่มาก ถ้าแบกเป้ไปได้จะสาธุเลย
 ส่วนที่นั่งกว้างขวางดี และก็มีที่ชาร์ตแบต มีที่วางคอม รับประทานอาหารได้ มีโคมไฟให้ด้วยค่ะ
ขบวนรถไฟที่ดิฉันนั่งนั้น มี Wifi ให้บริการด้วยนะค่ะ
 ส่วนขบวนรถไฟที่เดี๊ยนนั่งก็มี Wifi ไว้บริการด้วยนะค่ะ ไม่รู้ว่าชั้น 2 มีหรือเปล่า น่าจะมีเหมือนกันนะ (บางขบวนไม่มีให้นะค่ะ) ก็เลยเปิดใช้เลย โดยนำบัตรที่นั่งที่จองนั้นแหละมาใช้ค่ะ เดียวจะรีวิวเพิ่มอีกทีนะค่ะ รีวิวเอาแค่ออเดิฟไปก่อน
กินแซนวิชไปไม่อิ่มค่ะ จัดมาต่อกับขนมเพิ่มชั้นไขมันในร่างกาย ขนมมาการ็องที่ซื้อมาจากถนนช็องเซลีเซ่ ผูกโบว์ซ่ะสวยเชียว น่าจะเหมาะเป็นของฝากมากกว่านะค่ะ
 เที่ยวรอบนี้ไม่รู้จะลดหุ่น หรือเพิ่มหุ่นกันแน่นะค่ะ เพราะขนมก็เต็มไปด้วยแป้งกับน้ำตาลทั้งนั้นเลย
ขนมคือน่าทานมากๆ ลองลิ้มลองกินแล้ว หวานจี๊ดเลย ปกติจะไม่ทานของหวานนะ แต่เห็นขนมนี้แล้ว อยากทานมากๆ เพราะนานๆทานที คุณแม่เดี๊ยนคงไม่ว่าค่ะ รอบนี้มาลุยเดี่ยว ขอเติมน้ำตาลหน่อยล่ะกัน
ระยะทางนั่งรถไฟ TGV จากกรุงปารีสมุ่งหนาไปเมืองมาเซย์ประมาณ 800 กิโลเมตร ใช้เวลานั่งรถไฟความเร็วสูงประมาณ 3 ชั่วโมงเกือบๆ 4 ก็ถึงค่ะ แล้วแต่ขบวนด้วยค่ะ
16.37 น.รถไฟก็วิ่งออกจากชานชลาสถานีรถไฟ Gare de lyon มุ่งหน้าไปสู่เมืองมาเซย์
และแล้วเวลา 16.37 น.รถไฟก็วิ่งออกจากชานชลาสถานีรถไฟ Gare de lyon เมืองปารีส มุ่งหน้าไปทางตอนใต้สู่สถานีรถไฟ marseille saint charles
 นั่งรถไฟมานานหลายชั่วโมงจนผ่านเมืองอาวียอง แต่รถไฟจอดแป๊บเดียวคะ
เดี๊ยนก็เลยมองผ่านกระจกเอา  ถือเป็นเมืองสวยอีกแห่งในฝรั่งเศส
สถานีรถไฟ Marseille saint charles
 นั่งรถไฟมาเกือบ 4 ชั่วโมงก็ถึงเมืองมาร์เซย์ รถไฟหยุดจอดที่สถานีรถไฟ Marseille saint charles โดยสวัสดิภาพ
จากนั้นก็เดินแบกเป้ไปยังที่พัก ระหว่างอยู่ในสถานีรถไฟเมืองมาเซย์ ก็มีผู้หญิงคนนึง พูดภาษาอังกฤษด้วยมาเตือนให้เดี๊ยนนำกล้องถ่ายรูปใส่ไว้ในกระเป๋าด่วนเลย เพราะนางบอกว่าที่เมืองนี้ มีโจรกระชากกระเป๋าและมิจฉาชีพด้วยให้ระวังตัวให้ดี

เอาล่ะสิคะ..แทนที่จะได้เที่ยวถ่ายรูปแบบปลอดภัย ทำให้เดี๊ยนไม่รีรอต้องเอากล้องถ่ายรูป ใส่ในกระเป๋าเป้ด้านหน้าโดยด่วนเลย
 เนื่องจากที่พักค้างแรมคืนนี้ อยู่ไกลจากสถานีรถไฟประมาณ 1 กิโลเมตร เดี๊ยนเลยเดินแบกเป้ เปิด GPD เดินมาตามทางเรื่อยๆ ระหว่างทางก็แลซ้าย แลขวา กลัวจะมีคนมาดักปล้นหรือเปล่านะ แต่ก็รีบเร่งฝีเท้าไปให้ถึงที่พักให้ไวที่สุดคะ เพราะตอนเดินมามีผู้ชายผิวดำ 2 คน ตัวใหญ่มากนะค่ะ เดินตามหลังมาตั้งแต่อยู่ตรงบันใดสถานีรถไฟแล้ว และก็เดินตามมาติดๆด้วย และเดี๊ยนเองก็เดินช้ามากๆด้วย เพราะด้วยกระเป๋าเป้ใบใหญ่ 15 กิโลกรัม เดี๊ยนเดินมาได้สัก 500 กว่าเมตร เดี๊ยนหันหลังไป ผู้ชาย 2 คนนั้นก็หยุดเหมือนกัน ดูแล้วไม่ค่อยจะปลอดภัยเลย แต่ยังดีที่เดี๊ยนเห็นคุณป้ารายนึง เดินเข้าไปในร้าน Super market ที่อยู่ใกล้ๆ เดี๊ยนเลยเดินตามคุณป้าเข้าไป ผู้ชาย 2 คนนั้นก็เดินตามเข้าไปอีกนะ แต่ก็ไม่ได้ซื้อของอะไร จนเดี๊ยนรอเวลาสักพัก รอช่วงที่คนจ่ายเงินแล้วค่อยเดินเกาะตามคนอื่นไปค่ะ  จนเดี๊ยนเดินเกาะกลุ่มมากับคนซื้อของ ผู้ชาย 2 คนนั้น ก็แยกตัวกันออกไปคนละทิศคนทาง เหมือนเดินกลับไปที่สถานีรถไฟอีกครั้งเลย

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนคะ บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร ยังไงเกาะกลุ่มไปปลอดภัยไว้ก่อนนะค่ะ หากมาเที่ยวคนเดียวแล้วรู้สึกว่ามีใครเดินตามหลังมา พยายามหาที่เกาะเดินเป็นกลุ่ม เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เอาสบายใจ ปลอดภัยไว้ก่อนนะค่ะ
เดินแบกเป้ใบใหญ่มาอย่างเหนื่อยก็ถึงที่พักโดยปลอดภัย โอ้ยจะเป็นลมให้ได้จริงๆค่ะ....ที่พักอยู่ไกลจากสถานีรถไฟประมาณ 1 กิโลเมตรได้ แต่ช่วงเดินเท้าแบกเป้มา เหมือนใจจะขาดเลยค่ะ เพราะเป้หนักไม่พอ ต้องระแวงคนด้วยนะ รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเลย แต่ก็ถึงที่พักแบบโล่งอกเลย

 ตอนเช็คอินน์ พนักงานก็บอกว่าให้นำกล้องถ่ายรูปไว้ในกระเป๋าและของมีค่า ห้ามพกไปเยอะ เพราะอาจจะโดนขโมยได้
โรงแรมตกแต่งสวยดีค่ะ
 โรงแรมไม่มีลิฟท์นะคะ เป็นบันใดจ้า หากใครที่ลากกระเป๋าใบใหญ่ ต้องหอบขึ้นไปเองนะ ถ้าอยู่ชั้น 1 พอไหว แต่ถ้าชั้นสูงกว่านี้ อาจจะขาลากได้จ้า
ห้องพักคืนนี้ ห้องพักเตียงเดียว นอนคนเดียว ห้องพักคืนละ 2000 กว่านิดๆ
ห้องโอเค ที่พักตกแต่งสวยงามดี แต่เสียดายไม่มีตู้เย็นคะ
 ส่วนห้องน้ำก็สะอาดสะอ้านดี มีไดร์เป่าผมให้ด้วย
สรุปให้ผ่านค่ะ เอาไป 4 ล้านดาวพอนะ ส่วนอาหารเช้าต้องรอทานพรุ่งนี้ ว่าจะโอเคใหม๊
ส่วนอาหารเย็นคืนนี้ ดูสภาพเละตุ่มเป๊ะเลยค่ะ เพราะเหตุการณ์เดินหนีคนแปลกหน้าที่เดินตามมาแบบติดๆเลย
ส่วนอาหารเย็นคืนนี้ ดูสภาพเละตุ่มเป๊ะเลยค่ะ เพราะเหตุการณ์เดินหนีคนแปลกหน้าเมื่อตะกี้กระมัง อาหารมือนี้เลยตามภาพที่เห็นค่ะ ของกินซื้อมาจากปารีสเลยนะ และคงต้องพยายามทานให้หมดด้วยค่ะ เพราะในห้องไม่มีตู้เย็นจ้า

หลังจากที่ได้ทานอาหารจนอิ่มท้อง เดี๊ยนก็เข้านอนหลับฝันร้ายไปตลอดคืนเลยนะ..... เพราะยังระแวงคุณผู้ชายผิวดำ 2 คนที่เดินตามเดี๊ยนต้อยๆอยู่เลย เราจะได้เจอกันอีกใหม๊..ขอเถอะว่าเดี๊ยนอย่าเจอเลย เพราะเดี๊ยนตัวคนเดียว สู้ไม่ไหว ถ้าจะมาปล้นหรือมาทำอะไร ขอให้บอก จะได้ทราบจุดประสงค์ อยา อย่ามาเดินงงๆตามตูดเดี๊ยนแบบนี้ เดี๊ยนตกใจจ้า...เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การเที่ยวคนเดียวต้องดูแลตัวเองให้มากๆนะค่ะ

จบทริปรีวิวเที่ยวกรุงปารีสวันสุดท้ายแล้วค่ะ เดียวตอนต่อไป จะมารีวิวเที่ยวเมืองมาเซย์ให้เพื่อนๆพี่ๆและน้องทุกคนได้ดูกันนะค่ะ ว่าเมืองมาเซย์ ซึ่งเป็นเมืองติดชายหาดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าเที่ยวบ้าง รอมาคลิ๊กสไลด์เลื่อนดูกันนะค่ะ

สำหรับรีวิวทริปเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 3 กับการเดินย่องท่องกรุงปารีสวันสุดท้ายก็ขอจบเพียงเท่านี้นะค่ะ หวังว่าน่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาด ประการใด ดิฉันเองต้องขออภัยด้วยค่ะ ขอบพระคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนที่แวะเข้ามาสุขล้นดลฤทัยและปวดหัวไปด้วยกันนะค่ะ หว้งว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ ......จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
---------------------------------------------------------------------------
บทความอื่นๆมีดังนี้คะ (จะทยอยอัพเดท และเขียนรีวิวเพิ่มเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกนี้ร้างไปค่ะ)
วมเด่น 8 เมืองท่องเที่ยวในฝรั่งเศส มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย>>
แนะนำ 8 เมืองน่าเที่ยวในฝรั่งเศส ที่คนนิยมไปเสพสุขถ่ายภาพสวยๆโรแมนติกกัน มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูข้อมูลที่เที่ยวจ้า>>>
เอาใจคู่รัก แนะนำโรงแรมปารีส ราคาประหยัด ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูที่พัก>>
เอาใจคู่รัก แนะนำโรงแรมน่าพักในปารีส ราคาถูก ใกล้สถานีรถไฟ ใกล้หอไอเฟล สะดวกสบาย คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก+เบอร์โทรติดต่อ>>>
แนะนำ 8 เขตโซนที่พักกรุงปารีส พร้อมแผนที่มาให้พิจารณากันจ้า>>
จะไปเที่ยวกรุงปารีส พักโซนใหนดี ขอแนะนำ 8 เขตโซนที่พักพร้อมแผนที่มาให้เพื่อนๆได้เลือกกันจ้า คลิ๊กดูเขตโซนที่พัก>> 
หรือดูข้อมูลโซนในปารีสที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2z6cOxa
เที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะนั่งพักตากอากาศริมหาดที่เมืองนีซ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะเดินชิลๆที่เมืองนีซชมเมืองพักตากอากาศริมหาดที่มีชื่อเสียงดูสักครั้งสิ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/dLDKAX
รีวิวเที่ยวเมืองพัทลุง ชมมนต์ลูกทุ่งแห่งคุ้งน้ำทะเลน้อย แวะไปสอยเที่ยวชมกันเลย>>
มาม๊ะ..มาเที่ยวเมืองพัทลุง ชมมนต์ลูกทุ่งแห่งคุ้งน้ำทะเลน้อย งามหยดย้อยธรรมชาติ ไม่พลาดมาทัศนาจรสักครั้ง ถ่ายรูปปังแน่นอน คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองตรัง มาอีกครั้ง ก็ยังปังเสมอ อาหารรสเลิศเลอ คลิ๊กดูรีวิวเลยจ้า>>
รีวิวเที่ยวเมืองตรังอีกครั้ง ก็ยังปังเสมอ มีอาหารรสเลิศเลอ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูรีวิวและที่เที่ยวค่ะ>>
เที่ยวยุโรปตอนที่ 7 แวะชมประเทศโมนาโค เมืองโก้หรูริมทะเลดูสิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวยุโรปตอนที่ 7 นั่งรถไฟไปประเทศโมนาโค เดินแอ๊บไฮโซริมทะเล มาดูสิว่าเมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดและภาพรีวิวคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/e6o4UL
รีวิวเที่ยวตอนที่ 6 แวะเที่ยวเมืองคานส์ มีอะไรให้ยลตระการบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 6 แวะเที่ยวเมืองคานส์ ยลตระการเมืองภาพยนตร์โลก อยากรู้มีอะไรให้ชะโงกเที่ยวดูบ้างนะ คลิ๊กดรายละเอียดและภาพรีวิวคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/GpiYVK
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาเมืองโพรว็องสุดโรแมนติค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาเมืองโพรว็องส์ ท่องย่านเมืองเก่า คลอเคล้าความโรแมนติด สุดชิคเก๋ๆ คลิ๊กดูรายละเอียดและภาพรีวิวคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/4tuuke
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 4 เดินเร้าฤดีฉิมพลีเสน่ห์เมืองมาร์เซย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 4 เดินฉิมพลีแวะเมืองมาร์กเซย์ นั่งรถไฟฮาเฮไปชมยอดมหาวิหาร งดงามอลังการแปลกตาดีจัง คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/Bxaq9X
รีิวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 2 เดินย่องท่องวังแวร์ซาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 2 แวะย่องตามรอยขุนศรีวิสารวาจา เดินลั๊ลลาชมวังแวร์ซาย งามพร่างพรายอลังการเว่อร์ คลิ๊กดูภาพและรีวิวบทความค่ะ>>>
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/N6BGg2
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน พ.ค.2018 แบกเป้เที่ยวฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 1 แวะตราตรึงชมพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ดูรูปโมนาลิซ่า สวยระย้าจับใจ จนเมื่อยขาลากไปไกลเลย คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวค่ะ>>> 
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eoJBtM
แบ่งปันการเดินทางด้วยรถไฟ Metro ในกรุงปารีสครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน Metro ด้วยตัวเองในกรุงปารีสครั้งแรกแบบงงสุดๆ แต่ก็ถึงที่หมายโดยปลอดภัยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sbA4ek
แชร์วิธีการเดินจากสนามบินฝรั่งเศส เข้าไปในกรุงปารีส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
 แบ่งปันวิธีการเดินทางจากสนามบินชาร์ดเดอโกลฝรั่งเศสเข้าไปในกรุงปารีสด้วยรถบัสด้วยตัวเองมาฝากค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>>
รีิวิวสายการบินโอมานแอร์ จากกรุงเทพไปฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
แบ่งปันประสบการณ์เดินทางไกล มารีวิวสายการบินโอมานแอร์ไปฝรั่งเศสด้วยตัวเองครั้งแรกให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิว>>>
รีิวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลังครั้งวันวาน งามอลังการยิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพและรีวิวบทความค่ะ>>
รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน เม.ย.2018 ล่องเรือไหว้แม่น้ำเจ้าพระยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>
รีวิวเที่ยวกรุงเทพ 1 วัน เสพสุขสันต์เย็นซ่า ล่องเรือไหว้พระตามลำน้ำเจ้าพระยา สุขอุราชื่นบานยิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวค่ะ>>>
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/HrLddq
วิธีวางแผนเดินทางตามรถไฟสายยุโรปด้วยตัวเองแบบง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
ขอแนะนำทิปเด็ดๆ กับวิธีวางแผนเดินทางเที่ยวตามเส้นทางสายรถไฟ Eurail pass ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ประหยัดค่าใข้จ่าย ต้องทำอย่างไรบ้างนะ คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
หรือเข้าไปดูเนื้อหาบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/4nwkke
รวมเด็ด 7 โบราณสถานเด็ดเมืองอยุธยา มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวมเด็ดกับ 7 โบราณสถานเด็ดในเมืองเก่าอยุธยา ที่ต้องไปชมให้ได้สักครั้งครา มีที่ใหนบ้างหนา คลิ๊กดูกันเลยจ้าค่ะ>> 
จัดมารวมประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรม คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
จัดมาให้ค่ะ ประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรม ที่ยังไงก็จำเป็นต้องใช้ มีประโยคอะไรบ้างล่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>>
หรือดูเนื้อหาบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/uBCnFK
วิธีการกรอกข้อมูลใบสมัครเพื่อทำนัดขอวีซ่าฝรั่งเศส คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แนะนำวิธีการกรอกข้อมูลใบสมัครเพื่อขอวีซ่าเชงเก้น ประเทศฝรั่งเศสและทำนัดหมายยื่นวีซ่า ต้องทำอย่างไร คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
หรือดูรายละเอียดขั้นตอนได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/bmozLd 
อยากรู้จังว่า งานคร่ำคืออะไร คลิ๊กอ่านเป็นความรู้ค่ะ>>
สาระน่ารู้ เกี่ยวกับงานคร่ำ คร่ำคืออะไร มาอ่านไปเป็นความรู้กันค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>   
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/rc2LbD
การเขียนจดหมายแนะนำตัวภาษาอังกฤษเพื่อทำวีซ่า คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
การเขียนจดหมายแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษเพื่อขอวีซ่า สำคัญอย่างไร และมีส่วนประกอบอะไรบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/YHUCtA
หากเป็น Freelance ขอวีซ่าเชงเก้นต้องเตรียมเอกสารไปบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แบ่งปันการขอวีซ่าเชงเก้งฝรั่งเศสด้วยตัวเองครั้งแรก หากเป็น Freelance ต้องเตรียมเอกสารอะไรไปบ้าง? คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sYCgPF
รวมมาประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆใช้เดินทางทั่วโลก คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวมมาประโยคภาษาอังกฤษง่ายสำหรับใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก มีประโยคอะไรบ้างนะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>>
หรือดูบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/cN2kwu 
รีวิวเที่ยวงานอุ่นไอรักคลายความหนาว สวยสกาวน่ารัก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวงานอุ่นไอรักคลายความหนาว เดือน มี.ค.61 เดินย้อนยุคสู่ความเป็นไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน คลิ๊กดูภาพและรายละเอียดรีวิวค่ะ>> 
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sB8ccW
รีวิวเที่ยวกาฬสินธุ์ ฟินคั๊กหลายๆ ก.พ.2018 ตอนที่ 2 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวกาฬสินธุ์ เดือน ก.พ.61 เยือนถิ่นไดโนเสาร์ นอนคลอเคล้าที่เขื่อนลำปาว สวยสกาวคั๊กอีหลีเด้อ คลิ๊กดูภาพและรายละเอียดรีวิวค่ะ>> 
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/CSYvaB
รีวิวเที่ยวร้อยเอ็ด งามเด็ดอีหลีเด้อ ก.พ.2018 ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองร้อยเอ็ด เดือน ก.พ.61 เช่ามอเตอร์ไซต์ขับไปทำบุญสุนทาน สุดอลังการพระสูงใหญ่ คลิ๊กดูภาพและรายละเอียดรีวิวค่ะ>> 
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/igFAoe  
แบกเป้คนเดียวเที่ยวฮ่องกงแบบงงๆ ม.ค.2018 ตอนที่ 2 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวฮ่องกงแบบงงๆ ม.ค.61 ตอนที่ 2 (ตอนจบ) นั่งกระเช้านองปิง เดินสวิงกิ้งย่านสตรีทอาร์ต คลิ๊กดูภาพและรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวมาเก๊า นั่งเรือเมาไปถึงเกาะฮ่องกง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวมาเก๊า-ฮ่องกง ม.ค.61 ตอนที่ 1 เที่ยวมาเก๊านั่งเรือเมาไปถึงเกาะฮ่องกง แถมติดด่าน ตม. เข้าห้องเย็นเจี๊ยบ คลิ๊กดูภาพและรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
 รีวิวเดินชมเทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี 2018 ไปดูของดี 4 ภาค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวภาพงานเที่ยวเมืองไทยประจำปี 2018 ไปชมของดี 4 ภาค กระชากใจเว่อร์ จัดมาออเดิฟรับต้นปี คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>> 
แวะเที่ยวหัวหิน เยือนถิ่นกำเนิดโครงการพระราชดำริ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แวะมาหัวหิน เยือนถิ่นกำเนิดโครงการพระราชดำริ ที่บ้านเขาเต่า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
 รีวิวเที่ยวประจำเดือน ธ.ค.2017 เที่ยวเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเกาะกูด 4 วัน นอนสุขสันต์ริมชายหาด สวยสะอาดน้ำทะเลใส งามวิไลเลิศสะแมนแตน คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
 รีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคม 2017 เที่ยวเมืองตราด-เกาะกูด ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองตราด ธ.ค.2017 เดินย่องท่องชุมชนเก่า บอกเล่าความหลัง นั่งเรือไปเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น