รับลมหนาวต้นปีนี้ ขอมาเขียนรีวิวแบกเป้คนเดียว เที่ยวมาเก๊าด้วยตัวเอง พร้อมแนะนำวิธีการนั่งรถเมลล์โดยสารจากสนามบินไปเกาะมาเก๊ามาฝากค่ะ |
ก็กลับมาอีกครั้งสำหรับรีวิวทริปท่องเที่ยวประจำเดือนมกราคมนี้
หลังจากทริปเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ดิฉันได้ไปเที่ยวเกาะกูด
แวะนอนชะลูดอาบแดดจนผิวเป็นสีแทนเต็มตัวแล้วนะค่ะ
เริ่มต้นศักราชใหม่ในปี 2018 นี้
ดิฉันได้มีโอกาสเดินทางไปลั๊ลลายังต่างประเทศอีกครั้ง
โดยในเดือนมกราคมนี้ ดิฉันเลยขอไปเที่ยวรับอากาศเย็นๆที่เกาะมาเก๊า กับเกาะฮ่องกง
ซึ่งเป็นการเดินทางไปเที่ยวทั้ง 2 เกาะนี้ครั้งแรกของดิฉันเลยค่ะ ไม่เคยไปมาก่อนเลย
หลังจากที่ได้อ่านรีวิวท่องเที่ยวของกูรูหลายๆคนใน pantip และในเว็ปบล็อกดังๆต่างๆแล้วก็ดึงดูดกิเลสทำให้เดี๊ยนอยากโบยบินถลาเล่นลม สุขสมฤทัยไปเยือนเกาะแห่งนี้สักครั้งนะค่ะ
ตอนแรกดิฉัน กะว่าจะไปฮ่องกงอย่างเดียว
แต่ใหนๆได้วันลาพักร้อนมา 4 วันแล้ว เดี๊ยนก็เลยจัดไปเที่ยวทั้ง 2 ที่เลยแล้วกันค่ะ
เน้นชะโงกทัวร์แบบออเดิฟ ถ้าถูกใจแล้ว เดียวจะตามมาเสริฟเที่ยวอีกครั้ง
ที่ไปทั้ง 2 เกาะ เพราะจะได้ไม่เสียเที่ยว จะได้ไปเก็บประสบการณ์การเดินทางจากเกาะนี้มาด้วย
ว่ามีอะไรบ้าง และจะได้สนุกและหลงทางแค่ใหนบ้าง เพราะไปคนเดียว หัวหายตลอดจ้า
โดยการไปเที่ยวมาเก๊ากับฮ่องกงครั้งนี้
ดิฉันแบ่งได้วางแผนไปเที่ยวมาเก๊า 1 วัน คือวันแรกค่ะ ไปมาแล้ว
และอีก 3 วันเที่ยวที่เกาะฮ่องกง
โดยเลือกตีตั๋วนั่งเครื่องบินแบบไป-และกลับที่สนามบินมาเก๊า ราคาตั๋วจองก่อนมาเที่ยว 1 เดือนหลังจา
เนื่องจากว่าตรวจสอบราคาตั๋วเครื่องบินแล้ว ราคาถูกกว่ากลับจากฮ่องกงค่ะ
ทริปนี้เดี๊ยนก็เลยได้ใช้บริการเรือเฟอรี่ทั้งขาไปและกลับที่มาเก๊าค่ะ
สรุปทริปเที่ยวมาเก๊าและไปฮ่องกงด้วยรวม 4 วันในช่วงหน้าหนาว แบบชะโงกทัวร์ Macau and Hongkong travel on 1 |
การเดินทางแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวมาเก๊ากับฮ่องกง 4 วันของเดี๊ยนในครั้งนี้
ก็เลยสับสน งวยงง กับเส้นทางใน 2 เกาะนี้ไม่น้อย
แถมยังโดน เจ้าหน้าที่ ตม.ทีฮ่องกง เรียกเข้าห้องเย็นอีกด้วย ถือเป็นครั้งแรกเลยนะค่ะ
ที่โดยเรียกสอบเข้าห้องเย็น สงสัยเค้าเห็นเดี๊ยนหอบของพะรุงพะรังเป็นใยเพิงแน่ๆเลย
เนื่องจากว่าตอนไปเที่ยว ดิฉันก็มีทั้งกระเป๋าเป้สะพายหลังและโน๊ตบู๊ค เจ้าหน้าที่ ตม.เห็นมีพิรุทกระมัง
ก็เลยเรียกเข้าห้องเย็นซ่ะเลย
เอาเป็นว่า เดี๊ยนขอไม่เสียเวลาพร่ำเพร้อไปกว่านี้แล้วค่ะ
ขอมารีวิวการเดินทาง และพิเศษเพื่อให้บล็อกนี้มีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่าน
และนักเดินทางแบกเป้คนใดที่จะลุยเดียวเที่ยมาเก๊าแบบดิฉัน
ดิฉันเลยขอมารีวิวแบ่งปัน การเดินทางเที่ยวมาเก๊าและนั่งเรือไปฮ่องกงให้ท่านได้อ่านกันด้วยค่ะ
ผิดพลาดยังไงต้องขออภัยด้วยนะค่ะ
เช้าวันที่ 15 ม.ค.2561
ดิฉันตื่นแต่เช้ามืด เรียกว่ามืดมากๆ เพราะตื่นแต่ตี 3 เลย
เพราะว่าตอนรีบมารอ check in ขึ้นเครื่องบินไปมาเก๊าในช่วงไฟล์ทเช้าตรู่ค่ะ
นั่งรถแท๊กซี่ออกจากบ้านมาถึงสนามบินก็ได้เวลาเช็คอินน์พอดี
โดยเที่ยวบินไปมาเก๊ารอบนี้ ออกตั้งแต่ 6.45 น. ออกเช้ามาก
Donmung airport,bangkok |
เมื่อเดือนที่แล้ว ราคาช่วงเช้าถูกกว่าช่วงอื่นๆ
เดี๊ยนก็เลยเลือกไฟล์ทนี้ค่ะ จะได้ประหยัดตังไปด้วย
โดยสายการบินที่เลือกในครั้งนี้ ก็ไม่พ้นแอร์เอเชียค่ะ
เทียบราคากับสายการบินอื่นแล้วก็ยังถูกกว่าอยู่ดี
แต่ถ้าให้ดี มีอาหารเช้าให้ด้วยจะเริ่ดมาก
ราคาตั่วเครื่องบินทั้งขาไป และขากลับ ค่าเสียหาย 3,960 บาท
จองก่อนมา 1 เดือน แต่ถ้าจองข้ามปีก็น่าจะถูกกว่านี้นะค่ะ
แต่ก็ไม่ได้เป็นคนแพลนอะไรยาวนานขนาดนั้นค่ะ เพราะเดียวจะลางานไม่ได้นะค่ะ
ส่วนใหญ่จะลางานก่อนมา 1 เดือน จะได้เคลียงานและนำงานมาทำระหว่างเที่ยวด้วยได้ด้วย
เที่ยวไปด้วย ทำงานไปด้วย เริ่ดๆเชิ่ดๆค่ะ
นานๆครั้งจะได้ที่นั่งริมหน้าต่างๆค่ะ
เพราะปกติจองตั๋วทีไร ก็ได้นั่งด้านใน
มาเที่ยวปฐมกฤกษ์รับต้นปีนี้ บินไปไกลถึงมาเก๊า
ได้นั่งริมหน้าต่าง แต่ก็โชคร้ายอยู่บ้าง เพราะถ้าเกิดปวดอึ ปวดฉี่ ขึ้นมา
ก็ต้องรบกวนคนข้างๆให้ช่วยหลีกทางให้ด้วยตลอด
ระหว่างนั่งเครื่องบินมาก็ไม่ยอมทานอะไรนะค่ะ
เนื่องจากหอบแซนวิชมาทานตั้งแต่อยู่ที่สนามบินแล้วค่ะ
กินทานไว้รองท้อง ถ้าไม่ทานเดียวโรคกระเพาะถามหาค่ะ
ขึ้นเครื่องบินรอบนี้ก็เลยนอนพัก และแหงนหน้ามองท้องฟ้า
เห็นแต่เมฆสีขาว ลอยเคลาคละคลุ้ ฟุ้งกระจายสหยายตัวไปทั่วนภากาศค่ะ
นั่งเครื่องบินมาก็หลับๆตื่นๆ เมื่อไหร่จะถึงสักทีน๊า
เพราะเดี๊ยนปวดฉี่มากๆค่ะ คนนั่งๆข้างก็เป็นใยคุณป้าชาวจีน
จะบอกให้คุณป้าลุก เดี๊ยนก็เกรงใจมากๆ เพราะคุณป้าหลับโดยมิรู้โรย มิรู้ตืนเลยจ้า
เดี๊ยนก็เลยต้องอดทนแหงนหน้ามองเมฆและท้องฟ้า อั้นฉี่ไว้ต่อไปค่ะ
Macau international Aiport |
ในที่สุดก็ถึงสักทีค่ะ สนามบินมาเก๊าเวลา 10.30 น.เป๊ะค่ะ
เวลาที่มาเก๊าจะเร็วกว่าในประเทศไทย 1 ชั่วโมงนะค่ะ
ต้องปรับเวลาให้ตรงกับบ้านเค้าด้วยค่ะ จะได้ไม่สับสนจ้า
มาถึงสนามบิน สิ่งแรกที่ดิฉันขอไปทำ คือเข้าห้องน้ำค่ะ
ขอไปปลดทุกข์ก่อนค่ะ จากนั้นต้องรีบหาเสื่อกันหนาวมาใส่
เพราะอากาศที่นี้ค่อนข้างเย็นค่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับเย็นมากนะค่ะ
อากาศในมาเก๊าช่วงฤดูหนาวที่นี้ เย็นประมาณสัก 20 องศา น่าจะอุ่นพอดีค่ะ
สนามบินมาเก๊า เดินมานั่งที่อาคารผู้โดยสารขาออกด้านบนค่ะ เนื่องจากมีเก้าอี้ให้นั่ง |
ไม่มีอะไรติดขัดค่ะ ผ่านมาอย่างง่ายดาย
(แต่ไปติดด่าน ตม.ที่ฮ่องกง เดียวเดี๊ยนจะเล่าให้ฟังตอนท้ายสุดนะค่ะ)
Macau international Aiport มานั่งที่อาคารผู้โดสารขาออก เพื่อตั้งหลักก่อนสักพักค่ะ |
เป็นคนบ้าหอบฝางตั้งแต่ใหนแต่ไรแล้วค่ะ
ออกมาจากสนามบินมาตั้งหลักก่อนค่ะ
มาถึงสิ่งแรกที่ต้องทำคือ
1.ข้อมูลในการเดินทางในเกาะมาเก๊าจะไปเอาที่ใหนดี
2.จะเดินทางในเกาะนี้อย่างไร
ที่ดูข้อมูลของกูรูท่านอื่นๆ แจ้งมาบอกว่า การเดินทางในเกาะมาเก๊า
ส่วนใหญ่ใช้รถเมลล์โดยสารค่ะ เพราะในเกาะแห่งนี้ไม่มีรถไฟฟ้านะค่ะ
มาลองเปิดใช้เปิด Sim2Fly ซิมเน็ตสำหรับใช้ในต่างประเทศ มาใช้ดูสิว่าจะใช้ได้หรือใช้ดีแค่ใหนค่ะ |
ก็เลยเปลี่ยนซิมเน็ตก่อนเลยค่ะ เพราะถ้าขาดอินเตอร์เนต
รับรองว่าไม่รอดแน่ๆค่ะ ดิฉันเลยลองซื้อ Sim2fly มาใช้ดู ราคา 399 บาท
เป็นซิมเน็ตสำหรับใช้ในต่างประเทศ พึ่งซื้อเมื่อวานนี้เองนะค่ะ
ไม่รู้จะใช้ได้และดีหรือเปล่า อ่านในรีวิว pantip และเว็ปต่างๆ บอกว่าบ้างก็ใช้ได้ บ้างก็บอกว่าใช้ไม่ได้
แต่ใหนๆซื้อมาแล้วต้องลองดู ว่าจะใช้ได้หรือไม่ได้
การเปิดก็ใช้ไม่ยาก เสียบซิมเน็ตเข้าไป
ตั้งค่าที่เปิด Roming จากนั้นก็ใช้ได้เลยค่ะ
ที่สนามบินมาเก๊า ก็มีบริการรับฝากกระเป๋าให้ด้วยนะค่ะ สำหรับคนที่ไม่อยากแบกเป้หนักไปด้วย |
แบกเป้ไปคงจะลำบากเวลาเดินทาง ก็เลยจะเอากระเป๋าไปที่ศูนย์รับฝากในสนามบินค่ะ
ราคารับฝากกระเป๋าในสนามบินมาเก๊าอยู่ที่ ชั่วโมงละ 10 MOP
เพราะที่สนามบินมีบริการฝากกระเป๋าด้วย เดียวตอนเย็นค่อยเดินทางกลับมาเอา
แต่คิดไปคิดมา ไม่ฝากดีกว่าค่ะ
พอเปลี่ยนซิมเสร็จแล้วนะค่ะ ยังไม่ได้ลองเปิดใช้ รอให้เครื่องเซทตัวสักพักค่ะ
จากนั้นดิฉันก็เดินไปที่เคาเตอร์แลกเงิน เนื่องจากได้แลกแต่เงินฮ่องกงมา
อ่านข้อมูลมาแจ้งว่า ถ้ามาเที่ยวมาเก๊า สามารถใช้เงินฮ่องกงได้ แต่จะเสียเปรียบหน่อย
เดี๊ยนเลยตัดสินใจนำเงินฮ่องกง ไปแลกเป็นเงินมาเก๊าเพื่อใช้ในการเดินทางเข้าไปตัวเมืองค่ะ
โดยนำเงินฮ่องกงไปแลก 200 ดอลลาห์ฮ่องกง
ได้เงินมาเก๊ามาประมาณ 210 ปาทาก้า (Mop)
แลกเป็นอัตราเงินมาเก๊าแล้วได้เยอะกว่านิดหน่อยค่ะ
ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวในเกาะมาเก๊า (macau tourist information) |
ลำดับต่อไปเดี๊ยนก็แบกกระเป๋าเป้และโน๊ตบุ๊คอันแสนพะรุงพะรัง
มาที่ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว ซึ่งจำเป็นอย่างมาก เพราะต้องมาหาข้อมูล
และสอบถามเจ้าหน้าในท้องถิ่นแห่งนี้ เพื่อเดินทางไปเที่ยวยังเกาะมาเก๊า
ตอนเข้ามาในสนามบิน ดิฉันเลยไปถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของสนามบินมาเก๊าว่า
ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวอยู่ที่ใหน โดยศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวอยู่ไม่ไกลค่ะ
อยู่อาคารผู้โดยสารขาเข้าด้านล่างเลยค่ะ หากประทับตราจากด่าน ตม.เดินออกมาแล้ว
ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวอยู่ด้านซ้ายมือเลยค่ะ เป็นบูทสีแดงๆ
แวะเดินเข้ามาหยิบแผนที่ท่องเที่ยวและสอบถามการเดินทางด้วยรถโดยสารจากสนามบินไปเกาะมาเก๊าค่ะ |
เดี๊ยนไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี เลยดูเข็มนาฬิกาตอนนี้ก็จะปามาถึงเวลาเที่ยงแล้วค่ะ
คงเที่ยวใหนได้ไม่ไกล คือวางแผนไว้แล้วว่า คงจะได้เที่ยวไม่เต็มวัน
เพราะตอนเย็นๆ ก็ต้องเดินทางไปฮ่องกง
ก็เลยตัดสินใจเลือกไปเที่ยวยังฝั่งเกาะมาเก๊า ตรงจุดท่องเที่ยวเด่นๆแทนค่ะ
หอบแผนที่และข้อมูลสถานทีท่องเที่ยวต่างๆในเกาะมาเก๊าเยอะเลยค่ะ |
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเดินทางท่องเที่ยวค่ะ
หยิบมาเป็นกระตั๊กเลยค่ะ เอามาเปิดดูว่าอันใหนน่าสนใจบ้าง
จากนั้นก็ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ เรื่องเส้นทางที่จะไป ว่าจะเดินทางไปอย่างไร
อย่างที่ทราบกันดีนะค่ะว่า การเดินทางในเกาะนี้ไม่มีรถไฟฟ้า
วิธีการเดินทางจากสนามบินไปยังเกาะมาเก๊า ที่สะดวกที่สุดคือ
1.การนั่งแท๊กซี่
2.นั่งรถเมลล์โดยสาร
แต่สำหรับขาเที่ยวลุยๆแบกเป้แบบดิฉัน
คงไม่นั่งแท๊กซี่ เพราะมันแพงและดูสบายเกินไปค่ะ เที่ยวทั้งทีต้องเอาให้หลงทางและลำบากหน่อยถึงจะมันส์และสนุกนะค่ะ
การเดินทางด้วยรถเมลล์โดยสารค่ะ สำหรับใครที่จะลุยเดียวเที่ยวมาเก๊าครั้งแรกแบบคุณนายเว่อร์
ยังไงมาถึงมาเก๊าครั้งแรก อาจจะเอ๋อๆหน่อยค่ะ เพราะต้องตั้งหลักสักพักค่ะ
และอีกวิธี
ส่วนการเดินทางอีกวิธีที่ไม่ต้องเสียสตางค์เลยก็คือ หรือนั่งรถบัสฟรี
การนั่งรถ shuttle bus ของโรงแรมระดับ 5 ดาว หรือบ่อนคาสิโน่ต่าง มีบริการรับส่งลูกค้าฟรีค่ะ
ยกตัวอย่างเช่นจะไปเดินช๊อปปิ้งเทียวที่เวเนเซียน ซึ่งเป็นช๊อปปิ้งยอดนิยมในเกาะไทปา ที่คนไทยนิยมไปถ่ายรูปกัน อยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ก็มีรถบัสไปส่งฟรี และยังมีโรงแรมอื่นๆด้วยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าโรงแรมใหนบ้างนะค่ะ
แผนที่ท่องเที่ยวมาเก๊า ฉบับมีภาษาอังกฤษอธิบายค่ะ |
คงไม่พลาดแวะไปถ่ายรูป เดินชมสถาปัตยกรรม โบสถ์วิหารเซนปอล์
ซึ่งเป็นจุด Check in ยอดนิยมที่หากใครมาถึงมาเก๊า ก็ต้องแวะไปถ่ายรูปค่ะ
ดิฉันเลยสอบถามเจ้าหน้าที่ท่องเที่ยว ให้ช่วยบอกการเดินทางด้วยรถเมลล์โดยสาร
จากสนามบินไป โบสถ์เซนปอล์หน่อย ว่าจะไปอย่างไร
ทางเจ้าหน้าที่ก็วงกลมในแผนที่เลยนะค่ะ ว่าให้ดิฉันนั่งรถเมลล์หมายเลข MT1 ราคาโดยสาร 4.25 ปาทาก้า ไปลงที่วงเวียนใกล้ๆโรงแรมแกรนด์คาลิบอส
โดยไปรอขึ้นที่ด้านหน้าประตูผู้โดยสารขาเข้า จะมีหมายเลขรถเมลล์มาจอดหน้าป้ายค่ะ
ตอนแรกเดี๊ยนก็อิสสะงงๆ นะค่ะจะไปขึ้นตรงใหน ก็เลยเดินมาสังเกตะ สังกา สอบถามเจ้าหน้าที่ยามด้านหน้าก็ชี้ไปที่ป้าย ก็ได้ร้องอ๋อ
แต่ติดปัญหาค่ะ ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องเตรียมเงินให้พอนะค่ะ เพราะเครื่องไม่ทอนเงิน
และการชำะเงินที่แสนจะที่สะดวกสบายในเกาะมาเก๊ามี 2 วิธี
1.ใช้เงินสดชำระ
2.ใช้บัตร Octopus ก็จะสะดวกในการขึ้นรถเมลล์และซื้อสินค้า เพราะไม่ต้องมาพะวงเรื่องหาเงินเหรียญ
แต่สำหรับดิฉันไม่ได้เที่ยวมาเก๊านานขนาดนั้น
ดิฉันเลยตัดสินใจไม่เลือกซื้อบัตร Octopus ค่ะ เพราะดูแล้วไม่น่าจะคุ้ม ก็เลยเลือกใช้เงินสดแทน
แต่ก็ติดปัญหาค่ะ เพราะเวลาขึ้นรถเมลล์ไม่มีเหรียญนะค่ะ
Tip : แนะนำสำหรับใครที่มาเที่ยวมาเก๊าไม่อยากใช้บัตร octopus แต่จะเดินทางด้วยรถเมลล์ต้องใช้เงินเหรียญ แนะนำให้ไปซื้อของที่เซเว่นในสนามบินเพื่อแลกให้เป็นเงินย่อย เพื่อนำมาใช้ในการจ่ายค่าโดยสารบนรถเมลล์ กรณีที่ไม่ได้ใช้บัตร octopus
เพื่อให้ไปวิทยาทานสำหรับคนที่จะเดินทางไปเที่ยวมาเก๊าคนเดียวครั้งแรก
ดิฉันเลยขอมาแนะนำวิธีการเดินทางจากสนามบินมาเก๊าเพื่อไปท่องเทียวยังเกาะมาเก๊า
หรือไปยังสถานที่ท่องเทียวหลักอย่างๆ โบสถ์เซนปอล์ ให้ทุกๆท่านได้อ่านกันค่ะ
ในเกาะมาเก๊ามีโซนท่องเที่ยวหลักอยู่ 3 ส่วนค่ะ
1.โคโลอาน
2.ไทปา
3.เกาะมาเก๊า
แต่จุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่ดิฉันตัดสินใจไปวันนี้อยู่ที่เกาะมาเก๊า
ไปถ่ายภาพซากประตูโบส์ถเซนต์ปอลค่ะ
ท่ารถ shuttle bus บริการรับส่งฟรี |
สำหรับใครที่จะไปช๊อปปิ้ง เดินสุดสวิงริงโก้ถ่ายรูปสวยๆที่เวเนเซียน
เดินออกจากอาคารสนามบินมาด้านขวามือสุด จะมีป้ายบอกตลอดทาง
ก็จะมีบริการรถ Shuttle bus รับส่งไปยังโรงแรมและบ่อนคาสิโน่ต่างๆฟรีค่ะ
ส่วนถ้าใครจะขึ้นเรือไปเกาะฮ่องกง ก็เดินตรงไปอีกหน่อย ก็จะเป็นท่าเรือไทปา
ซึ่งมีเรือเฟอรี่ลำใหญ่ข้ามไปกลับยังเกาะฮ่องเกือบทุกๆชั่วโมงค่ะ
อันนี้ดิฉันไปมาแล้วเลยมาบอกเล่าได้ค่ะ คือถ้าไม่ได้ไปก็ไม่เห็นภาพ งั้นต้องลองไปกันดูนะค่ะ
ทริปการเดินทางไปเที่ยวยังเกาะมาเก๊า ทางเจ้าหน้าที่วงกลมให้นั่งรถเมลล์โดยสารสาย MT1 |
ให้ดิฉันนั่งรถบัส หรือรถเมลล์โดยสารหมายเลข MT1 ที่หัวรถจะมีหมายเลขบอกเหมือนรถเมลล์บ้านเราค่ะ นั่งจากสนามบินไปลงที่วงเวียนชื่ออะไรสักอย่างนะค่ะชื่อเรียนยากมาก แต่ที่จำได้เ ป็นวงเวียนอยู่ใกล้ๆโรงแรมแกรนด์คาบิบอสขนาดใหญ่ เป็นตึกสีทองรูปแปลกๆค่ะ
ซึ่งจุดหมายการเดินทางของเดี๊ยนในครั้งนี้คือไปย่านท่องเที่ยวแถวแยกจตุรัสเซนาโด และโบสถ์เซนปอลค่ะ
ป้ายจุดรอขึ้นรถเมลล์โดยสาร หน้าอาคารสนามบินขาเข้าค่ะ |
จะมีป้ายหมายเลขบอกว่า รถเมลล์คันนี้มาจอดป้ายนี้
และมีกล้องคล้ายตู้ไปรษณีย์เล็ก บอกราคาและจุดหมายแต่ละจุดให้ด้วยค่ะ
หมายเลขสายรถเมลล์โดยสารประจำที่ผ่าน มีระบุในแผนที่ค่ะ |
ตอนแรกก็อิสสะ งงๆ ก็เลยเปิดดูในแผนที่ก็จะมีป้ายรถเมลล์ที่ผ่านบอก
โดยทางเจ้าหน้าวงกลมไว้ เขียนไว้ว่า mt1 ราคา 4.25 เหรียญให้ไปลงวงเวียนใกล้โรงแรม
ตารางรถโดยสารบริเวณศูนย์กลางแห่งประวัติศาสตร์มาเก๊า |
ยกตัวอย่างเช่น วัดอาม่า จัตุรัส บาร์ร่า นั่งรถหมายเลข 1,2,5,6B,7,9,10,10A ตามภาพเลยค่ะ
ในแผนที่ก็จะมีอิสอะนัมเบอร์ รถเมลล์โดยสารให้ด้วยนะค่ะ แต่ตัวเล็กกะจิ๋วหลิวไปหน่อย |
แต่ก็จะอิสสะงงหน่อยค่ะ เพราะตัวเล็กมาก มองไม่ค่อยเห็นค่ะ
ป้ายแสดงราคาโดยสารแต่ละจุดหมายปลายทางค่ะ |
ก็ไปหมุนที่วงล้อมหัศจรรย์ คล้ายๆตู้ไปรษณีย์สีแดงค่ะ
ที่ป้ายจะระบุว่าแต่ละป้ายรถเมลล์ที่ผ่านไปนั้น ค่าโดยสารเท่าไหร่
ดูที่ป้ายอาจจะอิสสะงงๆส้บสนหน่อยค่ะ แนะนำขึ้นไปบนรถ เปิด GPS ในมือถือ พร้อมดูจุดมุ่งหมายปลายทางที่เราจะไปพร้อมกันๆ จะได้ไม่หลงทางค่ะ
รอไม่นานนัก รถก็มาแล้วค่ะ
เพื่อรถมาก็ขึ้นที่รถเลยค่ะ
ถ้าไม่รีบขึ้น ก็ต้องรออีกนานเลยนะค่ะ
กว่าจะวนคันเดิมมาอีก
น่าจะมีรถเมลล์สายอื่นที่ไปได้เช่นกัน แต่เดี๊ยนไม่รู้เลยค่ะ
เปิดใน GPS ให้นำทาง ก็อิสสะงง เหลือเกิน
การขึ้นรถเมลล์โดยสารจากสนามบินไปเกาะมาเก๊าที่นี้
ต้องขึ้นที่ประตูด้านหน้ารถเลยและต้องจ่ายเงินตอนขึ้นเลยนะค่ะ
โดยต้องเตรียมเหรียญให้พอดี เพราะไม่มีเครื่องทอนเงินค่ะ
ของเดี๊ยนเงินเหรียญไม่พอค่ะแถมจ่าย เกินด้วยซ้ำ
เพราะมีอยู่ 10 ปาทาก้า เลยยอมจ่ายเกินไปเลยแล้วกันค่ะ
และเวลาลงจากรถก็ลงด้านหลังประตูค่ะ
เพื่อให้เห็นภาพดิฉันก็เลยนำภาพ วิธีการเดินทางการนั่งรถเมลล์โดยสารในมาเก๊ามาให้ค่ะ ขึ้นรถด้านหน้า ลงรถด้านหลังค่ะ |
ค่าโดยสารรถราบ้านเค้าก็ไม่ได้แพงมากด้วยนะค่ะ เริ่มต้นเทียบราคากับบ้านเราแล้ว
ก็ประมาณ 10
พอขึ้นมาบนรถก็เปิดมือถือและ GPS นำทางไว้เลยนะค่ะ เพื่อจะได้ลงได้ถูกค่ะ
ดิฉันขึ้นมานั่งบนรถ ก็ค่อนข้างลำบากนิดหน่อยค่ะ
เพราะทั้งกระเป๋าและโน๊ตบุ๊คด้วย พะรุงพะรังมากๆ
ที่นั่งบนรถก็ค่อนข้างแคบด้วย ทำให้ลุกนั่งลำบากค่ะ
แต่ก็อดทนรอและเปิด GPS ในมือถือดูตามเรื่อย จะได้ไม่หลงค่ะ
นั่งรถเมลล์โดยสารจากสนามบินไทปา ข้ามมายังเกาะมาเก๊าไม่นานค่ะ
น่าจะประมาณ 20 นาทีได้กระมังค่ะ ก็ถึงวงเวียนใกล้ๆโรงแรมแกรนคาลิบอสแล้วค่ะ
โรงแรมสีทองอร่ามฉ่ามฉ่องรูปแปลกตาที่เห็นในภาพนั่นแหละค่ะ
สถานที่โดยรอบก็เป็นโรงแรมและอาคารตึกสูงระฟ้าเต็มไปหมดค่ะ
เป็นย่านวงเวียนที่มีรถเมลล์โดยสารประจำทางหลายสายผ่านจอดในย่านนี้ค่ะ
หากให้มาขึ้นอีกครั้งก็คงจะหลงทิศหลงทางเป็นแน่แท้นะค่ะ
เพราะไม่รู้จะขึ้นฝั่งใหนๆ
เปิดโรมมิ่งแล้วก็ใช้ได้นะค่ะ แต่มันอาจจะช้าหน่อย หรือเป็นเพราะสัญญาณ |
ดิฉันก็มายืนตั้งหลักก่อนว่าจะไปทางใหน
ต้องใช้มือถือ GPS ช่วยนำทางไปค่ะ
โดยจุดมุ่งหมายคือโบสถ์เซนปอล
เดินมาแหงนหน้ามองขึ้นก็ไฉไลไปด้วยตึกสูงระฟ้า
มีทั้งโรงแรม และอาคารที่อยู่อาศัย รวมทั้งอาคารธุรกิจต่างๆ
ที่สร้างสรรค์ไว้มากมายๆ
มองไปบนถนนหนทางก็กว้างใหญ่ไพศาล
รถราไม่ค่อยจะติดขัด จรัสความหนาแน่นเหมือนกรุงเทพมากนัก
ดูสะอาดสะอ้านสบายตาดี เพราะไม่มีสายไฟระโยงระเยงให้กระเตงลูกกะตาค่ะ
เดี๊ยนเดินลัดเลาะตามฟุตบาทมาเรื่อยๆ
เพื่อไปยังจตุรัสเซนาโดค่ะ
ซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยวชื่อดังค่ะ
เดินมาใกล้จะถึงแล้วค่ะ
ต้องข้ามถนนหนทางม้าลายไปอีกหน่อยก็น่าจะถึงแล้ว
พอยิ่งเดินเข้ามาในย่านนี้คนก็เริ่มจะเยอะขึ้นหนาตาเลยค่ะ
มารู้ว่าคนเดินผุดมาจากตรงใหนกัน มากมายเหลือเกิน
ถนนหนทางก็สะอาดสะอ้านดูสวยงามสบายตาดีค่ะ
ทางเดินฟุตบาทดูแคบหน่อยค่ะ แต่ก็พอเดินได้
และอาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมที่เมืองนี้ก็สวยงาม
เหมือนอยู่ในทวีปยุโรปอะไรแบบนั้นเลยค่ะ
เนื่องจากเกาะมาเก๊าเคยเป็นเกาะที่ปกครองและดูแลโดยชาวโปรตุเกสมาก่อน
ไม่แปลยเลยที่จะเห็นอาคารสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
จัตุรัสเซนาโด |
ก็มาถึงจัตุรัสเซนาโดแล้วค่ะ
เคยเห็นแต่ในทีวีและในอินเตอร์เนต
ได้มาเห็นของจริงแล้วสวยงามอลังการมาก
เป็นตึกรางบ้านช่องแบบตะวันตกเกือบทั้งหมดเลยนะค่ะ
จตุรัสเซนาโด (Senado Square) |
เป็นศูนย์กลางของมาเก๊าตั้งแต่แรกเริ่ม ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมและงานฉลองต่างๆมากมาย ตึกต่างๆทั้งสองข้างของจตุรัสสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 และ20 ในปี 1993 ด้านหน้าของจตุรัส มีการปูหินสีดำและขาวให้ลวดลายคลื่น เพื่อดึงสีสันอันสดใสของตึกที่อยู่รอบข้างให้เด่นชัดขึ้นและสร้างเสริมบรรยากาศให้เป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียนด้วย
ส่วนที่อยู่ตรงข้ามจตุรัสเซนาโด
เป็นตึกลีอัล เซนาโดค่ะ
ตึกลีอัลเซนาโด leal senado Building |
ที่เห็นในภาพนี้คือตึก "ลีอัล เซนาโด"
สาระน่ารู้เกี่ยวกับตึกลีอัล เซนาโด
โดยอาคารนี้สร้างขึ้นในปี 1784 ใช้เป็นสำนักงานเทศบาลของเกาะมาเก๊า และผ่านการปรับปรุงหลายต่อหลายครั้ง ตึกที่เห็นในปัจจุบันสร้างและปรับปรุงในปี 1874 ด้วยสถาปัตยกรรมตามสไตล์ยุโรปได้อันโดดเด่น ห้องสมุดในชั้นบนที่ 1 เปิดในปี 1929 ตามแบบ บิบลิโอเทคาโด คอนเวนโท เดอมาฟรา และมีหนังสือโบราณหลายเล่ม รวมทั้งเอกสารที่บันทึกบทบาทของโปรตุเกสในทวีปแอฟริกาและกลุ่มในประเทศเอเชียตะวันออก นอกจากนี้ยังมีสำเนาของ อาอาเบล่า ดะชีนา ภาษาโปรตุเกสฉบับแรกในประเทศจีนอีกด้วย
โดยรอบอาคารต่างๆที่เห็นสวยงามนั้น
ก็จะมีทางเดินเข้าไปเป็นมุมถ่ายรูปกิ๊บเก๋สวยงาม
นักท่องเที่ยวที่มาแต่ละคนก็ไม่พลาดที่จะต้องหยิบมือถือ
ขึ้นมาถ่ายรูปไปลงในคิวคิวค่ะ เพราะที่ประเทศจีนนิยมเล่นคิวคิวกันค่ะ
ไม่ได้นิยมเฟสบุ๊คเหมือนบ้านเรานะค่ะ
ดิฉันเดินแบกเป้อันหนักหน่วงมาเรื่อย
เริ่มรู้สึกจะหิวแล้วล่ะค่ะ แซนวิชที่ทานมาเมื่อเช้าย่อยไปหมดแล้ว
แหงนดูเข็มนาฬิกาตอนนี้ปามาจะบ่ายโมงครึ่งแล้วนะค่ะ
ต้องรีบหาอะไรทานค่ะ ก็เลยเดินเลาะไปตามตรอก ซอกซอยต่างๆ น่าจะมี
ร้านอาหารอร่อยอยู่บ้างแถวนี้ๆค่ะ
ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่ Estabelecimento De Comidas Man Lahong Kei (ชื่อเรียกยากๆค่ะ สะกดเป็นภาษาไทยไม่ถูกเลย เดี๊ยนล่ะงงจัง) |
ไม่ได้เตรียมข้อมูลเรื่องร้านอาหารมาเลยนะค่ะ แต่เดินมาเจอเอง เพราะที่เห็นข้อมูลอาหารการกินในเกาะมาเก๊า ก็มีแต่แนะนำร้านขายขนมทาร์ตไข่ แต่ที่นี้ก็มีก๋วยเตี๋ยวอร่อยให้ทานเหมือนกัน
ชื่อร้านตามในภาพเลยค่ะ เป็นภาษาอังกฤษ ลองไปค้นหาดูนะค่ะ แต่ภาษาจีน เดี๊ยนอ่านไม่ออกค่ะ
ร้านก๋วยเตี๋ยว Estabelecimento De Comidas Man Lahong Kei
ติดภาพไว้ด้วยนะคะว่าเปิดมาตั้งแต่ปี 1950
ตั้งแต่ยังเป็นรถเข็นเลย ไม่รู้ว่าคนในภาพตอนนี้อยู่ที่ใหน
น่าจะโตเป็นหนุ่มน้อยแข็งแรงบึกบึมไปแล้วล่ะค่ะ
เห็นภาพแล้วบ่งบอกว่าเป็นตำนานจริงๆ
เข้ามาในร้านคนเยอะมากๆค่ะ เสียงดังโช้งเช้งเหมือนจะหาเรื่องกันอะไรอย่างนั้น
ดิฉันยืนรอคิวอยู่หน้าร้านไม่นาน พอหนุ่มน้อยหน้าตี๋ ก็ฉิมพลี เชิญให้เข้าไปนั่งด้านในค่ะ
โดยมาร้านแบบนี้ ต้องนั่งรวมกับคนอื่นเลยนะค่ะ ไม่มีมุมโต๊ะส่วนตัว เก้าอี้ใหนว่างก็กินแม่งตรงนั้นค่ะ
เข้ามาจะมีเมนูภาษาจีนและภาษาอังกฤษให้ลูกค้าค่ะ แต่จะอิสสะงงหน่อย
เพราะในเมนูไม่มีรูปภาพ แนะนำถ้าจะสั่งอาหาร ดูรูปภาพที่ติดกับผนังเลยค่ะ
รูปใหญ่เว่อร์ อยากกินอันใหนชี้รูปนั้นแล้วสั่งทานเลย
รูปภาพให้ดูและราคาให้ด้วยค่ะ
ราคาก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้เริ่มต้นที่ 30 ปาทาก้า หากเทียบเป็นเงินไทยก็ประมาณ 120 บาท
ถ้าอยู่เมืองไทยกินก๋วยเตี๋ยวก็ได้ 3-4 ชามเลยนะค่ะ แต่ที่นี้มาเก๊า ค่าครองชีพบ้านเค้าสูงกว่าเมืองไทยมากค่ะ จะไปเที่ยวต้องระมัดระวังการใช้เงินให้พอดิบพอดีค่ะ
รอไม่นานนัก
อาหารมื้อเที่ยงนี้ก็มาแล้วค่ะ
เป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ราคา 35 ปาทาก้าจัดมาซ่ะเต็มชามเชียว
สีสันดูไม่ค่อยจะเอิกกฤษ์เท่าใดนัก ต้องลิ้มลองดูค่ะ
ตอนชิมครั้งแรกตอนที่ยังไม่ปรุง รสชาติไม่ค่อยอร่อยเลย
แต่ดิฉันเห็นคุณป้าข้างๆ ใส่พริกเผาลงไป เลยทำตามเค้า
รสชาติอร่อยขึ้นมาทีแบบเริ่ดๆเชิ่ดเลยค่ะ แสดงว่าเครื่องชูรสนี้อยู่ที่พริกเสฉวนนี้เอง
พริกเผาเสฉวนนี้เผ็ดได้ใจเหมือนกันนะค่ะ
ทานก๋วยเตี๋ยวอิ๋ม
ใกล้ๆกัน ติดกับร้านขายก๋วยเตี๋ยวชื่อดัง
ก็เป็นร้านขายขนมพื้นถิ่นที่เกาะนี้ให้ลิ้มลองด้วย
แวะเข้ามาซื้อขนมด้านใน
จัดมาลองดูสิว่าจะอร่อยใหม๊ค่ะ
เลือกขนมที่คิดว่าน่าทานที่สุด
ก็เลยเลือกขนมขนมเต้าซ้อที่ภาคใต้บ้านเราค่ะ
ลองซื้อมาทานดูว่าจะอร่อยใหม๊ค่ะ
พอซื้อขนมเสร็จแล้วนะค่ะ
ดิฉันก็เดินแบกเป้กระเตงโน๊ตบุ๊คมาเดินเริ่ดๆเชิ่ดต่อค่ะ
โดยผ่านมาจุดนี้ เรียกว่า จัตุรัส เซนต์ โดมินิคค่ะ (st.dominic's sqaure)
เป็นอีกหนึงจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับ จัตุรัสเซนต์โดมิค(St.dominic's square)
โดยจัตุรัสที่เห็นอยู่ด้านหน้าโบสถ์ เซนต์โดมินิค ไม่เพียงแต่เป็นที่สำหรับนั่งพักผ่อนเท่านั้น
แต่รอบจัตุรัสยังมีคนขายอาหาร และร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องสำอางสิ่งของอื่นๆอีกมากมายด้วย
จัตุรัส เซนต์ โดมินิคค่ะ (st.dominic's sqaure) |
เพราะตลอดทางจะมีป้ายบอกสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งให้ดูตลอด
ไม่ต้องกลัวหลงทางนะค่ะ เห็นคนเดินเยอะกันไปทางใหน
แสดงว่าทางนั้นจะต้องเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดตาและตราตรึงใจแน่นอน
เดินลัดเลาะมาทางถนนหนทางในย่านแหล่งท่องเที่ยวในเกาะมาเก๊า
ตลอดสองข้างทางก็เป็นร้านขายสินค้าและของกินมากมาย
ดูแต่ละอย่างก็น่าควักกระเป๋าเงินออกมาซื้อทั้งนั้นเลยค่ะ
ดูอย่างหมูแผ่นชิ้นนี้
เห็นแล้วก็น่าทานเหลือเกิน
คนขายกำลังจะตัดให้ลูกค้าที่แวะเข้ามาชิ้มลิ้มลองกันดู
คนที่มาเที่ยวก็แวะเข้ามาหยิบชิมกันยกใหญ่ แล้วก็เดินจากคนขายไปเลย
สงสารคนขาย คงต้องให้ชิมกันหมดถาดเสียกระมัง ถึงจะมีคนซื้อ
ของกินยอดนิยมขึ้นชื่อลือชาอีกอย่างในมาเก๊า
คงไม่พลาดต้องแวะกิน ขนมทาร์ตไข่อบร้อนๆ
ที่มีขายเรียงราย สยายอยู่ในย่านถนนของกินแห่งนี้
กลิ่นหอมหวนชวนให้อยากทานเหลือเกินค่ะ
ยังมีขนมอีกหลายอย่าง ที่น่าซื้อไปทานไม่น้อย
อย่างเช่นขนมชิ้นนี้ คล้ายๆขนมทองม้วนบ้านเราแต่ของเค้ามีไส้หมูหยอง
อร่อยเริ่ดมากๆค่ะ ชิมแล้วก็อยากซื้อไปทาน
ขนมอีกอย่างเป็นพวกถั่วตัด
ตัดใหชิมกันแบบไม่อั้นจริงๆนะค่ะ
นักท่องเที่ยวบางคนก็มารยาทเสีย หอบขนมคนขายใส่อุ้งมือเดินกิน
เห็นแล้วก็สงสารคนขาย ไม่ช่วยซื้อ แล้วยังจะหยิบกินแบบไม่ปราณีคนขายเลย
ขนมอีกอย่างที่เห็นแล้วน่าทานมากนะค่ะ
เป็นคุ๊กกี้อัลมอลหรือเปล่า กำลังทำแบบสดๆเลยค่ะ
ไม่พลาดต้องชิมดู กลิ่นหอม
รสชาติหวานอร่อยกำลังดีมาก
ทานไปแล้ว รสออกมันส์ๆ แป้งนิ่มไม่แข็ง
อร่อยเริ่ดๆ เดียวขากลับจากฮ่องกง ต้องแวะซื้อค่ะ
เพราะเจ้าคุณแม่เดี๊ยนบอกว่า ให้ซื้อของฝากเริ่ดๆมาให้ทานด้วย
ใหนแวะมาถึงมาเก๊าทั้งที ก็ไม่พลาดต้องลิ้มลอง ทาร์ตไข่ที่นี้ดูสักก้อนนะค่ะ
พึ่งทานก๋วยเตี๋ยวมา ทานทาร์ตไข่เพิ่มพลังแล้วกัน
ราคาทาร์ตไข่ที่นี้ ก้อนละ 10 ปาทาก้า
หรือชิ้นละ 40 บาทค่ะ
ถ้าที่เซเว่นในเมืองไทยเราอยู่ที่ชิ้นละ 29 บาท ถูกกว่านิดหน่อย
แต่ที่นี้เค้าทำดูน่าทานมากค่ะ เพราะอบแบบเต็มตู้ ดูอลังการ สีสันน่าทาน หอมหวานกำลังดี
เดินไป ชิมไป มีแต่ของกินอร่อยๆทั้งน๊านเลยนะค่ะ
ในที่สุดก็ถึงแล้วค่ะ แลนด์มาร์คจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองมาเก๊า
โบสถ์เซนปอล หรือภาษาอังกฤษ Ruin of St.Paul's
มองเห็นอยู่แต่ใกล้ๆ แต่ถ่ายรูปไป เหมือนอยู่ไกลเหลือเกิน
เดินมาถึง ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนเสียส่วนใหญ่
มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์เลยนะค่ะ โบกธงประกาศกันให้วุ่นเลย ไม่รู้กรุ๊ปใหนเป็นกรุ๊ปใหน
ตลอดทางเดินขึ้นก็จะมีคนถ่ายรูปตลอดทาง
เป็นแลนด์มาร์คที่นักเดินทางทุกต้องแวะมาจริงๆ
ถ้ามาเที่ยวมาเก๊า ไม่ได้มาถ่ายรูป ซากประตูโบสถ์เซนปอลให้นี้ ถือว่ามาไม่ถึงมาเก๊าค่ะ
แสดงว่าเดี๊ยนมาถึงแล้วนะค่ะ
ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล์ (Ruins of St.Paul's) |
เพราะนักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันทั่วทุกจุด
ถึงสักทีแลนด์มาร์คสถานที่ท่องเที่ยวในเกาะมาเก๊า |
ประตูค่อนข้างจะใหญ่โตโอฬาร อลังการมากนะค่ะ
เป็นซากประตูเก่าที่มีเรื่องราวมาช้านานมากๆ
ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล์ (Ruins of St.Paul's) |
โดยส่วนด้านหน้าที่เหลือของโบสถ์มาแตร์เดอิ ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1602-1640 โบสถ์แห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาลัยเซนต์ปอล และเป็นมหาวิทยาลัยตามแบบตะวันตกแห่งแรกของเอเชียตะวันออกอีกด้วย โดยได้เกิดเพลิงใหม้ในปี 1835 ทั้งวิทยาลัยและโบสถ์ถูกทำลายจนเหลือแต่ด้านหน้าของตึกฐานโบสถ์ส่วนใหญ่และบันใดหน้า ด้านหน้าของตึกแสดงให้เห็นถึงสไตล์ผสมระหว่างตะวันออกและตะวันตกและมีอยู่ที่นี้แห่งเดียวเท่านั้นในโลก
เดินมาที่ด้านหลังก็จะมีพิธภัณฑ์ให้ไปเดินเข้าชมกันด้วยค่ะ
ที่ด้านหลังของซากประตูโบสถ์ใช้เหล็กยืดฐานของตัวโบสถ์ไว้
เพื่อสร้างความแข็งแรงให้โบราณสถานให้นี้อยู่ได้นาน
ส่วนอีกฝั่งก็เป็นป้อมปราการเมาท์ ฟอร์เทรสค่ะ
อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวซึ่งอยู่ใกล้ๆกันค่ะ เป็นจุดท่องเที่ยวและจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งในมาเก๊า
ใหนก็มาทั้งทีต้องไม่พลาดแวะเดินขึ้นไปชมค่ะ
จะมีป้ายบอกทางเดินไปยังเมาท์ฟอร์เทรส
ภาษาเค้าก็อิสสะงงหน่อยนะค่ะ เป็นภาษาโปรตุเกส
ค่อนข้างจะอ่านยากหน่อยค่ะ
ระหว่างทางเดินก็มีจุดชมวิว
และมุมถ่ายรูปฟรุ้งฟริ้งสุดสวิงโก้ให้ได้เฮโลกันค่ะ
บางมุมก็เป็นมุมนั่งพักผ่อนค่ะ
ทางเดินบันใดขึ้นไปยังป้อมปราการ เมาท์ฟอร์เทรส
ถึงแล้วค่ะ ป้อมปราการเมาส์ฟอร์เทรส (Mount Fortress) |
มองจากป้อมปราการ
ก็จะเห็นซากโบสถ์เซนปอลอยู่ไม่ไกลค่ะ
ป้อมปราการ เมาท์ฟอร์ทเทรส (Mont Fortress) |
ทางนี้จะเป็นทางเดินขึ้นไปด้านบนป้อมค่ะ
ผ่านประตูกำแพง เข้าออกทางเดียวกันค่ะ
ป้อมปราการ เมาท์ฟอร์ทเทรส (Mont Fortress) |
ตั้งเรียงรายอยู่ริมกำแพงป้อมค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับป้อมปราการ เมาท์ฟอร์ทเทรส (Mont Fortress)
เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นระหว่างปี 1617 ถึง 1626 บนพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร รูปสี่เหลี่ยมคางหมู เป็นศูนย์กลางแห่งเครือข่ายการป้องกันตนเองของชาวมาเก๊า แต่เดิมเนินเขานี้ใช้เป็นที่บวงสรวงบูชามากกว่า 300 ปี แต่ชาวโปรตุเกสได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นป้อมปราการ ต่อมาใช้เป็นที่พักอาศัยของผู้ว่าราชการมาเก๊า เป็นค่ายทหาร เรือนจำ และเป็นหอดูดาว กระทั่งปัจจุบันกลายเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์มาเก๊า จากที่นี้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่งดงามมากของ ซากประตู
ป้อมปราการ เมาท์ฟอร์ทเทรส (Mont Fortress) |
พิพิธภัณฑ์มาเก๊า macau museum |
แต่ดูเวลาแล้ว ไม่น่าจะทัน เกรงจะอยู่นาน เดียวไม่ได้ไปทีอื่นต่อ เลยไม่เข้าไปค่ะ
มองจากวิวป้อมปราการด้านบน ก็เห็นทัศนียภาพของเมืองมาเก๊า
และประตูโบสถ์เซนปอลอยู่ไม่ไกลค่ะ
ป้อมปราการ เมาท์ฟอร์ทเทรส (Mont Fortress) |
ป้อมปราการเมาท์ ฟอร์เทรสแล้วนะค่ะ
ดิฉันก็จรลีเดินเปิด GPS ไปต่อยังจุดหมายต่อไปนั้นก็คือวัดอาม่าค่ะ
ถนนคนเดิน rua de felicidade macau ย่านโคมแดงเก่าของมาเก๊าในอดีต |
จัตุรัสเซนาโดมากนัก ตอนแรกกะว่าจะนั่งรถเมลล์ไป
แต่คิดไปคิดมา ไม่ดีกว่าค่ะ เลือกเดินไปดีกว่า
เพราะระยะทางไม่ไกลนัก ระหว่างทางก็ไปพบกับย่านเมืองเก่าอีกแห่งในเมืองมาเก๊า
นั้นก็คือ ถนนคนเดิน rua de felicidade macau
แต่ดิฉันอ่านเป็น รัวเดอเฟลิดาเด เรียกชื่อยากมากค่ะ
เป็นย่านโคมแดงเก่าของเมืองมาเก๊าในอดีต
เป็นถนนคนเดินสุดเก๋ ที่สวยงาม
เพราะเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน
เป็นย่านโคมแดงมาเก๊าในอดีต
ที่ยังทิ้งร่องรอยสถาปัตยกรรม
ความสวยงามเอาไว้ให้ได้ชื่นชนมกันค่ะ
อาคารปูน ประูตและหน้าต่างสีแดง
ถือเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของอาคารบ้านเรือนในถนนเส้นนี้
ทั้งตัวอาคารและบ้านเรือนในถนนเส้นนี้
ยังคงกลิ่นอายของวัฒนธรรมจีนได้อย่างดี
แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไปเพียงใด แต่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนมาเก๊าครั้งแรก
ก็ไม่พลาดต้องแวะถ่ายรูปกันแทบทุกคนค่ะ
ถนนคนเดิน rua de felicidade macau ย่านโคมแดงเก่าของมาเก๊าในอดีต |
เพราะ คนกำลังต่อแถวกันยาวเหยียด
เพื่อรอเข้าไปทานด้านในค่ะ
หากใครจะแวะมาลิ้มลองทานก็แวะมาทานได้นะค่ะ
อยู่ที่ถนนคนเดินโคมแดงชือว่า rua de felicidade
หลังจากแวะไปชมสถาปัตยกรรมของถนนคนเดินย่านโคมแดงเก่าในมาเก๊าแล้วนะค่ะ
ดิฉันก็เปิด GPS นำทาง เดินเท้าไปยังวัดอาม่าค่ะ
อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่นิยมมากราบไหว้เจ้าเพื่อขอพรค่ะ
จัตุรัส บาร์ร่า (ฺBarra Sqaure) หน้าวัดอาม่า |
โดยหน้าวัดอาม่าจะเป็นจัตุรัส บาร์ร่า (ฺBarra Sqaure)
สาระน่ารู้เกี่ยวก้บจัตุรัสบาร์
สำหรับจัตุรัสบาร์ร่าแห่งนี้อยู่หน้าวัดอาม่า ตรงข้ามท่าเรือใน inner harbour บริเวณด้านหน้าประดับด้วยกระเบื้องโมเสกของโปรตุเกสที่มีชื่อเสียง ใช้สีเหลืองหม่นและสีถ่านเป็นหลัก โดยจัดวางกระเบื้องเป็นลวดล้ายคล้ายคลื่น สะท้อนการไหลของแม่น้ำที่อยู่ใกล้เคียง ก่อให้เกิดความรู้สึกถึงการหลั่งไหลของสายน้ำและให้บรรยากาศริมทะเล
ส่วนภาพนี้เป็นประตูทางขึ้นไปวัดอาม่าค่ะ
เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งในมาเก๊า ใครที่ได้แวะมาเที่ยวมาเก๊าครั้งแรก
ก็ไม่พลาดต้องแวะมากราบกรานสักการะขอพรกันสักครั้งค่ะ
วัดอาม่า (A-ma temple) |
วัดอาม่า คือวัดเก่าแก่ที่สุดและเก็บรักษาศิลปวัตถุเก่าแกซึ่งมีมูลค่ามหาศาลไว้มากมาย เป็นอาคารสถาปัตยกรรมที่คงอยู่มาได้ยาวนานที่สุดของมาเก๊า ในบริเวณวัดมีศาลาซุ้มประตู (Gage Pavillion) หอเมตตาธรรม(hall of benevolence) ศาลเจ้าแม่กวนอิม และศาลพระพุทธZhenjiao เมื่อผู้ตั้งถิ่นฐานชาวโปรตุเกสรุ่นแรกมาถึงศตวรรษที่ 16 และถามถึงชื่อเกาะ ก็ได้รับคำตอบว่า "อามา เกา" ซึ่งก็คือชื่อของวัด ดังนั้นชาวโปรตุเกสจึงเรียกสถานที่นี้ว่า "มาเก๊า" นั้นเอง
อ่อ...ที่แท้ต้นกำเนิดชื่อมาเก๊ามาจากวัดอาม่านี้เองค่ะ
ถือว่าได้ความรู้มากๆนะคะ่
เดินเข้ามาด้านในก็มากราบไหว้ศาลเจ้าในวัดอาม่ากันคะ
ซึ่งในวัดก็จะมีให้ไหว้กันหลายจุดเลยค่ะ
จะเป็นทางเดินอยู่บนเนินเขาสูงเล็กน้อย
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ
หอมตลบอบอวล รันจวนใจไปด้วยกลิ่นของธูปกำยาน
ที่ส่งกลิ่นลอยคลุ้ง ฟุ้งกระจายไปทั่วค่ะ
กำยานยักษ์ใหญ่นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องบูชา
มองไปมองไปดูคล้ายฝาชีที่บ้านเรามากค่ะ
หลังจากที่ได้ไหว้พระและไหว้เจ้าที่วัดอาม่าแล้วนะค่ะ
ดิฉันก็เดินทางต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวสุดท้ายต่อไปนั้นก็คือ
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมกลางทะเลมาเก๊าค่ะ
โดยวิธีการเดินทางจากวัดอาม่าไปยังรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิ่ม
ต้องนั่งรถเมลล์โดยสารหมายเลข 10A ไปค่ะ ซึ่งในแผนที่จะมีบอกไว้ค่ะ
แนะนำให้ขึ้นฝั่งตรงข้ามวัดอาม่านั้นคะ
ตอนแรก เดี๊ยนไม่รู้ค่ะ มายืนรอรถเมลล์ 10A ฝั่งเดียวกับหน้าวัดอาม่า
รอตั้งนาน รถก็ไม่มาสักที ถามคนมาเก๊าบอกว่า รถเมลล์ 10A ต้องไปขึ้นอีกฝั่งจ้า
เดี๊ยนเองก็สะเล่อมากเลยค่ะ 555
เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามวัดอาม่า เพื่อขึ้นรถเมลล์โดยสารค่ะ
โดยมองไปจะเห็นท่าเรือ inner harbour ของเกาะอีกฝั่งค่ะ
มายืนรอรถเมลล์ไม่นานนัก
รถเมลล์โดยสารหมายเลข 10A ก็มาค่ะ
ราคาโดยสารไปยังป้ายรถเมลล์หน้า รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม 3.2 ปาทาก้า (-3.2 mop)
หรือประมาณ 16 บาทค่ะ แต่ตอนที่ขึ้นดิฉันมีเหรียญอยู่ 4 ปาทาก้า ไม่มีเศษค่ะ
ก็เลยจ่ายเกินไปแล้วกันค่ะ
ข้อเสียของการไม่มีบัตร octopus ก็เป็นเช่นนี้นี่เองค่ะ หากใครมาเที่ยวมาเก๊า อยากให้สะดวกแนะนำซื้อบัตร octopus จะสะดวกกว่าเยอะค่ะ
การนั่งรถเมลล์โดยสารบนเกาะมาเก๊า |
เกือบจะห้าโมงเย็นแล้วค่ะ ผู้โดยสารบนรถเริ่มจะเยอะขึ้นเรื่อยค่ะ
นั่งรถเมลล์โดยสารมาไม่นานก็ถึงแล้วล่ะค่ะ
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมกลางทะเล
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมริมทะเลในเกาะมาเก๊า |
ท่ามกลางลมโชยพัดเย็นสบายดีเหลือเกินค่ะ
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมกำลังทำการปรับปรุง |
เพราะบริเวณด้านในรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมกำลังทำการปรับปรุงทัศนียภาพอยู่ค่ะ
น่าจะปรับปรุงให้น่าเที่ยวมากขึ้นกว่าเดิมนะค่ะ
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมริมทะเล Kun Iam Statue |
ตั้งอยู่ที่ท่าเรือด้านนอก โดยสร้างยื่นออกไปทางทะเลห่างจากฝั่งประมาณ 60 เมตร
บริเวณ Outer Harbour ทางใต้ของฝั่งมาเก๊า
และหลังจากที่ดิฉันได้นั่งพักชมรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมริมทะเลมาเก๊าแล้วนะค่
ก็ได้เวลาเดินทางไปยังท่าเรือ outer harbour Ferry Terminal แล้วค่ะ
เนื่องจากตอนนี้เวลาก็ตกเย็นมากๆ ใกล้จะพลบค่ำแล้ว
เดี๊ยนเลยเปิด GPS ให้ช่วยนำทางไปยังท่าเรือค่ะ
ซึ่งจากรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมไปยังท่าเรือ outer harbour ferry นั้น
ไม่ไกลมากประมาณ 1.5 กิโลเมตร ซึ่งสามารถเดินแบกเป้และสะพายข้างโน๊ตบู๊คไปได้ไม่ไกลมาก
เดี๊ยนเลยเดินเท้าไปดีกว่า จะได้ออกกำลังกายและประหยัดตังไปด้วยค่ะ
โดยเดินทางตามทางก็จะผ่านสถาปัตยกรรม
ตึกอาคารทันสมัย และโรงแรมขนาดใหญ่โตมโหฬาร ร้าวรานถึงทรวงในหลายอาคารพอสมควรค่ะ
อย่างเห็นที่เป็นตึกสีทองๆอยู่ไกลโพ้นนั้น ก็เป็นโรงแรม Sand macau
macau culture centre |
อาคารดูสวยงาม ทันสมัย สะอาดสะอ้านสบายตาดีค่ะ
เดินมาอีกหน่อยก็จะเป็นมาเก๊า ฟิชเชอร์แมน วาร์ฟ
ดูเงียบเหงาจัง ไม่ค่อยมีคนมาเดินเลยนะค่ะ
เห็นแค่สองสาวนี้เอง
เดินมาเรื่อยๆก็เห็นท่าเรือ outer harbour แล้วล่ะค่ะ
อยู่ไม่ไกลเดินไปอีกไม่ถึง 1 กิโลเมตรค่ะ
ส่วนอีกฝั่งก็เป็นโรงแรมคาสิโน่
สร้างใหญ่โตอลังการสะท้านโลกามากๆนะค่ะ
ถนนหนทางในช่วงยามเย็น รถราก็เริ่มวิ่งกันขวักไขว่เยอะมากขึ้นเรื่อย
อากาศก็เย็นลงเรื่อยๆอีกด้วย
ท่าเรือ outer harbour ferry terminal ท่าเรือเฟอรี่ในเกาะมาเก๊า เพื่อนั่งเรือข้ามไปยังเกาะฮ่องกงและเกาะเกาลูน |
ท่าเรือที่อยู่ฝั่งเกาะมาเก๊า เพื่อนั่งไปยังเกาะฮ่องกงค่ะ
อาคารผู้โดยสารใน outer harbour ferry terminal |
และร้านขายสินค้าให้ได้เดินช๊อปปิ้งกันด้วยค่ะ
วิธีการเดินทางซื้อตั๋วโดยสารเรือเฟอรี่ จากเกาะมาเก๊าไปยังเกาะฮ่องกง ต่อคิวเข้าแถวซื้อตั๋วแบบ Economy ไปที่เกาะฮ่องกง |
โดยเรือที่ให้บริการจากท่าเรือเป็นเรือ turbo jet ลำสีแดงๆค่ะ
ที่ขายตั๋วก็จะเป็นป้ายสีแดงๆติดบอร์ดไว้ให้เลือกเลยว่า
จะขึ้นที่เกาะฮ่องกง หรือเกาะเกาลูนะ
ส่วนวันที่ดิฉันมาซื้อนั้นดิฉันได้ซื้อไปลงเกาะฮ่องกงค่ะ
จริงแล้วต้องซื้อไปลงที่ฝั่งเกาะเกาลูนนะค่ะ
แต่ทางเจ้าหน้าที่ที่บอกต้องรออีก 1 ชั่วโมง
ดิฉันไม่อยากรอนานค่ะ ก็เลยต้องซื้อตั๋วไปลงที่เกาะฮ่องกง
โดยตั่วโดยสารมีให้เลือกทั้งแบบ ชั้น First Class และชั้น Economy หรือชั้นประหยัดค่ะ
สำหรับตัวดิฉันเลือกแบบประหยัดค่ะ เพราะตั๋วแบบเฟิร์นคลาส อิสสะแพงมาก
ตั่วโดยสารนั่งเรือเฟอรี่จากมาเก๊าไปยังเกาะฮ่องกง |
เรือออกเวลา 1 ทุ่ม 10 นาที
ตั่วราคาแบบ Economy อยู่ที่ 200 เหรียญฮ่องกงเลยนะค่ะ
ตอนแรกดูข้อมูลในเน็ต แจ้งไว้ว่าราคา170 เหรียญ แต่ทำไมมาซื้อจริง ถึงแพงจัง
ไปสอบถามเจ้าหน้าก็เพิ่งรู้ว่า ราคาแต่ละช่วงเวลาต่างกัน
ถ้านั่งตอนกลางวัน ตั๋วก็จะถูกหน่อย แต่ถ้ามาช่วงเย็นๆหรือค่ำ ดึกๆ ตั๋วโดยสารราคาก็จะแพงกว่าค่ะ
รูู้งี้น่าจะมาก่อนหัวค่ำก็ดีจะได้ราคาถูกกว่า
ช่วงเวลาที่รอเวลา check in ซึ่งอีกตั้งเกือบ 1 ชั่วโมง
เดี๊ยนก็เลยหยิบขนม นมเนยที่ซื้อมาเมื่อช่วงกลางวันมาทานแก้หิวไปก่อนค่ะ
ขนมรสอร่อยดีค่ะ ไม่มีขนมเต้าซ้อบ้านเราเลยนะค่ะ
แป้งนิ่ม ส่วนใส้ด้านในเป็นถั่วแต่กลิ่นทุเรียน
หอม หวานกำลังดี ไม่หวานจัดมาก รู้งี้น่าจะซื้อมาอีกก็ดีค่ะ
แต่ก็ทานไปก่อนค่ะ เพราะกว่าจะถึงฮ่องกงก็อีกเกือบชั่วโมงเลย
หลังจากทานขนมรองท้องไปแล้วนะค่ะ
เดี๊ยนก็หอบกระเป๋าเป้ เข้ามาเช็คอินน์ด้านใน ผ่านด่าน ตม.ขาออกมาเก๊าเรียบร้อย
ก็เดินมาดูบอร์ดประกาศหมายเลข Gate หรือประตูเพื่อขึ้นเรือคะ คล้ายๆ Gate ประตูหรือชานชลาเพื่อรอขึ้นเครื่องบินค่ะ
สำหรับชานชลาเรือที่จะขึ้นของเรือรอบนี้ได้ประตูหมายเลข 12 ค่ะ
เมื่อเดินมาถึงชานชลา เจ้าหน้าที่ก็จะตรวจสอบตั๋ว
จากนั้นเมื่อถึงเวลาประกาศ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะให้ผู้โดยสารทุกคน
ไปต่อคิวขึ้นเรือโดยสารตามหมายเลขที่นั่งค่ะ
ดิฉันได้นั่งเบอร์ 31A แต่ทางเจ้าหน้าที่เชิญให้เดี๊ยนมานั่งด้านหน้าเรือเลยค่ะ
เพราะมีที่นั่งว่างเยอะมากๆ ตอนขึ้นเรือก็จะมีเจ้าหน้าที่แสดงวิธีการรัดเข็มขัดเหมือนอยู่บนเครื่องบินเลยนะค่ะ โดยบนเรือมีทีวีให้ดู แต่เป็นทีวีโฆษณาโรงแรมและเรือของบริษัทเสียมากกว่าค่ะ
ไม่ค่อยมีอะไรที่จะเป็นบันเทิงให้ดูนัก
สักพักเจ้าหน้าที่ก็ถือใบ ตม.เข้ามา
ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้าฮ่องกง
ให้เขียนข้อมูลตัวตนของเราลงในใบ Immigration form
ระหว่างนั่งเรือไปได้สักพักก็เริ่มรู้สึกเวียนหัว เหมือนจะเมาเรือ
เพราะการนั่งเรือด้านหน้าในชั้นล่าง เรือค่อนข้างโยกขึ้นโยกลงถี่กันมากๆ เหมือนนั่งม้าโยกม้าหมุนอะไรแบบนั้น เดี๊ยนจะมีอาการเมาเรือเสียให้ได้ เป็นคนไม่กินเหล้านะค่ะ แต่ขึ้นเรือสปี๊ดโบ๊ดทีไร
จะเมาโซซัดโซเซ ยิ่งกว่าดื่มเหล้าขาวรวงข้าวเสียอีกนะค่ะ
แนะนำนะค่ะ หากใครที่เป็นคนที่มีอาการเมาเรืออยู่แล้ว
แนะนำให้ไปนั่งส่วนท้ายของเรือ หรือด้านบนเรือไปเลยก็จะดีค่ะ
จะได้ไม่รู้สึกถึงการโยกของหัวเรือค่ะ
หรือวิธีแก้เบื้องต้นสำหรับคนที่จะมีอาการเมาเรือ
แนะนำให้ดูทีวี หรือมองเพดานด้านบนค่ะ ห้ามก้มหน้า เพราะก้มหน้าลงจะรู้สึกได้ว่า เรือโยกสูงไปตามคลื่น เดี๊ยนใช้วิธีนี้ในการแก้อาการเมาเรือไปก่อนค่ะ อดทนไว้อย่าพึงอ้วกนะ ถ้าอ้วกออกมาต้องเวียนหัวหนักกว่าเดิมแน่ๆค่ะ
หลังจากที่ต้องอดทนกับอาการเวียนหัวบนเรือมาเกือบ 1 ชั่วโมง
ในที่สุดก็ถึงเกาะฮ่องกงแล้วค่ะ เรือ Turbo jet จอดเทียบท่าให้ผู้โดยสารลง
เดี๊ยนเป็นคนสุดท้ายที่ลงจากเรือ เพราะต้องตั้งหลักสมองสักพัก เกรงจะเซๆลมไป
พอมาถึงท่าเรือเกาะฮ่องกง ก็ต้องผ่านด่าน ตม. ในทีสุดนาทีที่ระทึกใจก็มาถึงค่ะ
เพราะตอนเข้าคิวเพื่อประทับตราด่าน ตม.ขาเข้าในเกาะฮ่องกง
ทางเจ้าหน้าที่ด่าน ก็ถามเดี๊ยนว่า มาคนเดียวเหรอ เดี๊ยนเลยตอบว่าใช่ค่ะ เดี๊ยนมาคนเดียวค่ะ
จากนั้นไม่นานนัก จนท.ที่ประทับตราก็บอกว่า Moment
หลังจากก็มี จนท.ตม.ผู้ชายหุ่นดีผิวขาวสุงโปร่ง หุ่นแซ่บมาก มาเชิญเดี๊ยนเข้าไปที่ห้องสอบสวนพิจารณาคดี เหมือนว่าเป็นผู้ร้ายชาติอะไรแบบนั้นเลยนะค่ะ สงสัยเค้าเห็นว่าเดี๊ยนหอบของพะรุงพะรังทั้งกระเป๋าเป้ ทั้งโน๊ตบุ๊ค ขนมนมเนยมาอีก ใยคนนี้มีพิรุดเลยโดนลากเข้าห้องพิพากษาความซ่ะเลย
ใจเดี๊ยนตอนนั้นหายใจทีลงไปที่ตาตุ๋มเลยค่ะ คิดในใจ เดี๊ยนจะโดนส่งกลับประเทศใหม๊เนี่ย เป็นการติดด่าน ตม.ครั้งแรกในชีวิต เป็นประสบการณ์มากค่ะ
ทาง จนท.เชิญเดี๊ยนไปที่ห้องรวม ผู้ที่โดนพิพากษาเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงหมดเลยนะค่ะ มีอยู่ประมาณ 3-4 คน มีผู้ชายหน้าฝรั่งออกลาตินด้วยอีกค่ะ โดนเรียกมาเหมือนกัน
ในห้องได้คุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง นางมาจากอินโดนีเซีย นางก็มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน นางหน้าเศร้ามากๆ เหมือนจะร้องให้ แต่เดี๊ยนก็ได้แต่ปลอบใจบอกให้ใจเย็น เค้าคงไม่ฆ่าแกง หรือเอาเราเข้าคุกหรอก สักพักเจ้าหน้าที่ก็เชิญเดี๊ยนเข้าไปที่ห้องเย็น
ผู้ชายหน้าตี๋หุ่นดีคนเดิมมาเชิญเดี๊ยนไปสัมภาษณ์ที่ห้องเย็น (ห้องพิพากษาโทษว่าจะให้ไปต่อหรือส่งตัวกลับ)
โดยทางเจ้าหน้าที่ก็สอบถามว่า มาฮ่องกง กี่วัน, นำเงินมาเที่ยวเท่าไหร่,พักอาศัยอยู่ที่ใหน,ทำงานอะไรอยู่,วางแผนไปเที่ยวที่ใหนบ้าง
เดี๊ยนก็เลยตอบไปว่า มาเที่ยว 3 วัน วันแรกเที่ยวมาเก๊า ส่วนอีก 3 วัน เที่ยวฮ่องกง พักโรงแรมในเกาะเกาลูน จากนั้นเดี๊ยนก็เลยยื่น ใบจองห้องพัก พร้อมทั้งชีสสรุปการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละวันฮ่องกง และตั่วเครื่องบินขากลับให้เจ้าหน้าที่ดูค่ะ ซึ่งขากลับเดี๊ยนก็บอกว่าจะต้องกลับไปขึ้นที่มาเก๊า
โดย จนท.ก็ซักถามอีกว่า ทำไมไม่กลับที่ฮ่องกง เดี๊ยนเลยตอบไปว่า เพราะตั๋วราคามันถูกกว่า และเดี๊ยนเองก็จะไปซื้อของฝากที่มาเก๊ากลับด้วย ใหนๆมาเที่ยวทั้งทีก็เลยเที่ยวทั้ง 2 เกาะเลย
จากนั้น จนท.ตม.ก็หยิบชีสเอกสารการเดินทางและตั๋วเครื่องบิน รวมทั้งใบจองห้องพักออกไปจากห้อง บอกว่า Just moment
ไม่นานนักก็ จนท.ผู้ชายหน้าตี๋หุ่นดีคนเดิม ก็เดินกลับมาพร้อมพาสปอร์ตของเดี๊ยน
พร้อมบอกว่า it's finish เสร็จแล้ว และขอบคุณที่ให้สัมภาษณ์ จริงๆน่าจะสัมภาษณ์นานกว่านี้ก็ได้ เพราะ จนท.หล่อล้ำหุ่นดี พูดภาษาอังกฤษเพราะพริ้ง ยิ่งกว่าผู้หญิงจริงๆเสียอีก
หลังจากได้พาสปอตกลับคืนแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็เชิญออกจากประตูห้องเย็น เข้าสู่โลกกว้างของเกาะฮ่องกงต่อไปค่ะ
สรุป!!หากใครที่มาเที่ยวคนเดียวแบบดิฉัน แล้วเกิดติดด่าน ตม.โดนเรียกเข้าห้องเย็น อย่าพึ่งตกใจ เตรียมข้อมูลให้พร้อม
1.ใบจองห้องพัก
2.ใบจองตั๋วเครื่องบิน
3.ระบุจำนวนเงินที่นำมาใช้ในเกาะฮ่องกง
4.ใบแสดงตารางการท่องเที่ยวด้วยก็จะดีมาก เพื่อแสดงว่าเราไม่ได้มาพำนักอาศัยอยู่บ้านเค้าตลอดไปค่ะ
จบทริปเที่ยวมาเก๊าครึ่งวัน สรุปทริปนี้ ได้ความตื่นตา ได้ความรู้จากแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานในเกาะมาเก๊า ได้กินของอยร่อย และได้มาเปิดโลกกว้างในต่างแดน แถมได้ประสบการณ์จากการติดด่าน ตม.ครั้งแรกด้วย ยังไม่จบนะค่ะ เดี่ยวมาต่อตอนที่ 2 จะพาเที่ยวบนเกาะฮ่องกงต่อค่ะ
สำหรับบล็อกรีวิวท่องเที่ยวมาเก๊าทริปนี้ก็ขอจบเพียงเท่านี้ ไว้พบกันใหม่ในตอนต่อไปค่ะ
ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆท่านที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามาอ่านกันนะค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
----------------------------------------------------------------
รวมบทความบล็อกเที่ยวเดือนละ 1 ครั้งมีดังนี้ค่ะ(จะทยอยอัพเดทเรื่อยๆ เว็ปบล็อกจะได้ไม่ร้างไปค่ะ)
แบกเป้คนเดียวเที่ยวฮ่องกงแบบงงๆ ม.ค.2018 ตอนที่ 2 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีิวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 2 เดินย่องท่องวังแวร์ซาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/N6BGg2
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน พ.ค.2018 แบกเป้เที่ยวฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eoJBtM
แบ่งปันการเดินทางด้วยรถไฟ Metro ในกรุงปารีสครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แชร์วิธีการเดินจากสนามบินฝรั่งเศส เข้าไปในกรุงปารีส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
รีิวิวสายการบินโอมานแอร์ จากกรุงเทพไปฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
รีิวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/7ZB3pt
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน เม.ย.นี้ แวะไปเที่ยวสิงห์บุรีมาค่ะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eL6fHw
รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน เม.ย.2018 ล่องเรือไหว้แม่น้ำเจ้าพระยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/HrLddq
วิธีวางแผนเดินทางตามรถไฟสายยุโรปด้วยตัวเองแบบง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือเข้าไปดูเนื้อหาบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/4nwkke
จัดมารีวิวเที่ยวสัตหีบ 2 วัน 1 คืน เดือน มี.ค.61 ไปที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/YV4FbW
รวมเด็ด 7 โบราณสถานเด็ดเมืองอยุธยา มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
จัดมารวมประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรม คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูเนื้อหาบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/uBCnFK
วิธีการกรอกข้อมูลใบสมัครเพื่อทำนัดขอวีซ่าฝรั่งเศส คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดขั้นตอนได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/bmozLd
วิธีการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อทำวีซ่าแบบไม่เสียสตัง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/nog7ED
อยากรู้จังว่า งานคร่ำคืออะไร คลิ๊กอ่านเป็นความรู้ค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/rc2LbD
การเขียนจดหมายแนะนำตัวภาษาอังกฤษเพื่อทำวีซ่า คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/YHUCtA
หากเป็น Freelance ขอวีซ่าเชงเก้นต้องเตรียมเอกสารไปบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sYCgPF
รวมมาประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆใช้เดินทางทั่วโลก คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/cN2kwu
รีวิวเที่ยวงานอุ่นไอรักคลายความหนาว สวยสกาวน่ารัก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sB8ccW
รีวิวเที่ยวกาฬสินธุ์ ฟินคั๊กหลายๆ ก.พ.2018 ตอนที่ 2 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/CSYvaB
รีวิวเที่ยวร้อยเอ็ด งามเด็ดอีหลีเด้อ ก.พ.2018 ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/igFAoe
แบกเป้คนเดียวเที่ยวฮ่องกงแบบงงๆ ม.ค.2018 ตอนที่ 2 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวมาเก๊า นั่งเรือเมาไปถึงเกาะฮ่องกง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเดินชมเทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี 2018 ไปดูของดี 4 ภาค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แวะเที่ยวหัวหิน เยือนถิ่นกำเนิดโครงการพระราชดำริ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือน ธ.ค.2017 เที่ยวเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคม 2017 เที่ยวเมืองตราด-เกาะกูด ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
มาหารายได้เสริมด้วยการเขียน Blog หลังเลิกงาน คลิ๊กดูบทความ>> |
6 จุดชมวิวทะเลหมอกในเชียงราย พลาดไม่ได้เลยนะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
10 สิ่งที่ชาวต่างชาติ นึกถึงกรุงเทพฯมากที่สุด มีอะไรบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤศจิกายน แบกเป้ไปย่อง ท่องเมืองปาย ตอนที่ 3 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวปางอุ๋ง-บ้านรักไทย งามวิไลไร่ชา เดินลั๊นลากินสตอเบอรี่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
บล็อกรีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤศจิกายน แบกเป้ไปเยือนแม่ฮ่องสอน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แนะนำที่เที่ยวชมทุ่งดอกไม้เมืองหนาว ต้องไปกันให้ได้สักครั้ง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
บล็อกรีวิวเที่ยวแม่กำปอง ต้องลองมาสักครั้ง อากาศดีปังเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนตุลาคม แวะบ้านป่าปงเปียง นอนดูนาขั้นบันใด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
บล็อกรีวิวท่องเที่ยวเดือนตุลาคม 60 ไปตามรอยโครงการหลวง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รวมที่พักในเมืองซัปโปโร สำหรับนอนคู่ดูโอ้ ใกล้สถานีรถไฟ JR คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น