มาแล้วค่ะบล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนกุมภาพันธ์นี้ คุณนายเว่อร์ ขอจรลีจากเมืองฟ้าไปลั๊ลลาท่องเที่ยวทำบุญที่เมืองร้อยเอ็ดจ้า |
ก็กลับมาอีกครั้งค่ะสำหรับรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนนี้ หลังจากที่เดือนที่แล้ว เมื่อช่วงต้นปีเมื่อเดือนมกราคา เดี๊ยนได้แบกเป้ลุยเดียวบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปสัมผัสอากาศหนาวเหน็บถึงเกาะฮ่องกงค่ะ พอมาเดือนกุมภาพันธ์นี้ คงไม่ไปใหนไกลแล้วค่ะ ขอเที่ยวในเมืองไทยดีกว่าค่ะ โดยเดือนนี้เดี๊ยนได้แบกเป้คนเดียวขอไปเที่ยวยังภาคอีสานอีกครั้งค่ะ โดยจังหวัดที่วางแผนไปเที่ยวเดือนนี้คือ เมืองร้อยเอ็ด หรือเมืองร้อยเกินนั้นเองค่ะ
การไปเที่ยวเมืองร้อยเอ็ดครั้งนี้ ถือเป็นทริปย้อนวันวานเลยนะค่ะ จำได้ว่าแวะมาเยือนเมืองร้อยเอ็ดครั้งล่าสุดเมื่อปี 2539 เรียกว่านานมากๆ หลายสิบปีแล้วกระมังค่ะ การแวะมาเมืองร้อยเอ็ดในครั้งนี้นอกจากอยากจะได้มาย้อนวันวานในอดีตแล้ว เดี๊ยนเองก็อยากมาไหว้พระทำบุญสุนทาน ตามวัดวาอารามต่างๆในเมืองร้อยเอ็ดด้วยค่ะ เพราะตั้งแต่ต้นปีมา ก็ยังไม่ได้จัดทริปไหว้พระตามวัดตามวาเท่าใดนัก เนื่องจากมัวแต่ยุ่งอีรุงตุงนังอยู่กับการทำงานหาเงิน ใหนๆแวะมาเที่ยวทั้งทีก็เอาเงินออกมาใช้ มากระจายรายได้หน่อยก็ดีนะค่ะ และอีกอย่างเลยก็คือ อยากจะมาเปิดมุมมองใหม่ๆ มาดูสิว่าเมืองนี้มีอะไรๆเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ใหนแล้ว มาทบทวนความจำสมัยแต่ก่อนด้วยค่ะ มาเที่ยวแล้วก็นึกถึงวันวานนะค่ะ รู้สึกว่าตัวเองแก่ชราขึ้นทุกวันเลยค๊า5555....แต่ประสบการณ์การเดินทางก็มีมากขึ้นตามไปด้วย จะได้ไม่มอดม้วยมรณา ช่ะช่ะหัวใจยิ่งๆขึ้นไปจ้า
จำได้ว่าสมัยก่อนช่วงที่มาเมื่องร้อยเอ็ดครั้งแรกเมื่อหลายสิบปีที่แล้วนั้น มาเป็นเพื่อนคุณแม่เนื่องจากมีงานบุญขึ้นบ้านใหม่ของเพื่อนคุณแม่ค่ะ และสิ่งแรกที่เดี๊ยนจำได้ตอนนั้นที่คุณแม่พามาก็คือ แวะไปไหว้พระเจ้าใหญ่ที่วัดบูรพาภิราม เป็นพระพุทธรูปสูงใหญ่ประจำเมืองนี้ เรียกว่าโดดเด่นเห็นแต่ไกลๆเลยล่ะค่ะ นอกจากนั้นคุณแม่ก็พาไปแวะทานอาหารกินส้มตำใกล้ๆกับบึงพลาญชัย เดี๊ยนเองก็จำไม่ได้ว่าร้านชื่ออะไร เพราะนานมากแล้ว แต่ว่าตอนนั้นแม่สั่งส้มตำมาทาน รสชาติเผ็ดจัดจ้าน กินแล้วร้องให้น้ำแตกไปหลายลิตรเลย นอกจากส้มตำจะอร่อยเผ็ดแสบไปถึงลำไส้และกระเพาะแล้ว ไก่ย่างก็อร่อยมากๆด้วย นึกขึ้นแล้วก็อยากกินส้มตำปลาร้ากลิ่นนัวๆ หอมยัวน้ำลายไหลนะค่ะ
เอาล่ะค่ะเดี๊ยขอไม่พร่ำเพร้ออะไรแล้วนะค่ะ เกรงจะพิมพ์อะไรเรื่อยเปื่อยเลอะเทอะไปมากกว่านี้ ขอมารีวิวเที่ยวเมืองร้อยเอ็ด ให้คุณผู้อ่านและเพื่อนๆได้สไลด์ดูภาพกัน เผื่อใครที่ยังไม่เคยมาเที่ยว ก็แวะมาเที่ยวกันดูนะค่ะ มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ความเป็นอีส๊าน อีสาน และไหว้พระทำบุญสุนทาน พร้อมกับมานั่งร้าวรานกินส้มตำแซ่บนัว รับรองว่ายวลยั่วจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนอย่างแน่นอนค๊า
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ดิฉันจัดทริปวางแผนไป 3 วัน 2 คืน
โดยเที่ยวเมืองร้อยเอ็ด 1 วัน
และเที่ยวที่กาฬสินธ์อีก 1 วัน
ที่เลือกไปกาฬสินธ์ด้วยเพราะว่ายังไม่เคยไปกาฬสินธุ์เลยค่ะ
นอนพักค้างโรงแรมในเมืองร้อยเอ็ด 2 คืน
เริ่มต้นการเดินทางมาเที่ยวยังเมืองร้อยเอ็ดในครั้งนี้
เดี๊ยนเลือกเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียทั้งขาไปและกลับค่ะ
ราคาตั๋วอยู่ที่ 890 บาทโดยเที่ยวบินนี้ เดี๊ยนมา check in รอขึ้นเครื่องบินแต่เช้าตรู่เลยค่ะ
ตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่ เพราะถ้ามาช้า มีหวังรถติด ตกเครื่องแน่ๆ เพราะเป็นวันธรรมดาด้วยค่ะ
นั่งเครื่องบินมาไม่นานใช้เวลาประมาณ 50 นาทีก็ถึงเมืองร้อยเอ็ดแล้วค่ะ |
อันนี้เป็นครั้งแรกเลยนะค่ะ ที่เดี๊ยนได้นั่งเครื่องบินจากดอนเมืองมาลงที่ร้อยเอ็ดค่ะ
สนามบินร้อยเอ็ด เป็นสนามบินขนาดเล็กๆ
ปัจจุบันมีสายการบินที่เปิดให้บริการอยู่ 2 สายการบินค่ะ
คือสายการบินแอร์เอเชียและนกแอร์ค่ะ
ส่วนราคาตั๋วก็แล้วแต่ช่วงฤดูกาลค่ะ
โดยวันที่ดิฉันมาเที่ยวเป็นวันธรรมดา ราคาตั๋วก็อาจจะถูกหน่อยค่ะ
แต่ถ้าเป็นวันหยุดราคาก็จะแพงกว่านิดนึงค่ะ
แผนที่ท่องเที่ยวเมืองร้อยเอ็ด แผ่นพับที่ประชาสัมพันธ์สนามบินและตามโรงแรมมีแจกฟรีค่ะ |
เดี๊ยนก็ขอตั้งหลักแป๊บนึงค่ะ ว่าจะเดินทางเข้าไปในเมืองยังไงดี
ก็เลยเดินมาสอบถามกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของสนามบินค่ะ
เจ้าหน้าที่ให้ให้โบว์ชัวร์ท่องเที่ยวเมืองร้อยเอ็ดมาด้วย พร้อมแนะนำว่าถ้าจะเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองร้อยเอ็ด มีการโดยสารวิธีเดียวคือ นั่งรถตู้หรือรถแท๊กซี่เข้าไปค่ะ
โดยสนามบินร้อยเอ็ดตั้งอยู่ห่างจากเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร การเดินทางที่สะดวกที่สุดคงแท๊กซี่ค่ะ
ดิฉันเลือกนั่งแท๊กซี่จากสนามบินร้อยเอ็ดเข้ามาในเมืองค่ะ เพราะเป็นทางเลือกที่รวดเร็วที่สุดแล้ว |
ไปติดต่อแท็กซี่ค่ะ ซึ่งจะอยู่ด้านหน้าเป็นรถคล้ายๆ รถแท๊กซี่มิเตอร์ในกรุงเทพเลยค่ะ
ราคาแท๊กซี่เป็นแบบเหมานะค่ะ
อยู่ที่ 250 บาทต่อคันค่ะ มาคนเดียวก็ราคานี้ แต่ถ้านั่ง 4 คนหรือมาหลายคน ก็จะประหยัดหน่อยเพราะช่วยกันแชร์ แต่เดี๊ยนมาเที่ยวคนเดียวก็จ่ายไปเต็มๆค่ะ ไม่ได้ต่อรองราคาเลยนะค่ะ เห็นใจคนขับ เพราะบางวันก็ไม่มีผู้โดยสาร เนื่องจากวันธรรมดาคนก็ไม่ค่อยมาเที่ยวค่ะ ใจเขาใจเรานะค่ะ
แต่ถ้าหากใครที่อยากประหยัดกว่านี้ ไม่อยากนั่งแท๊กซี่ก็ทำได้นะค่ะ
ต้องเดินออกจากสนามบินมาปากทางที่ถนนใหญ่ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
เพื่อนั่งรถหวานเย็นคันสีฟ้าดูเซอๆหน่อยค่ะ ราคาก็จะถูกกว่าเยอะเลยค่ะ
แต่วันที่ดิฉันไป อากาศมันอิสสะร้อนมากๆจ้า เดี๊ยนไม่ไหว เลยนั่งแท๊กซี่ดีกว่า
และอีกอย่างทางเจ้าหน้าที่สนามบินบอกว่า กว่ารถหวานเย็นจะมาต้องรอเป็นชั่วโมงเลยนะค่ะ
ติดต่อร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ในร้อยเอ็ดไว้แล้ว เห็นจะมีร้านเดียวกระมังค่ะ อยู่ที่โรงแรมวันดีดีเพลส ใกล้ๆกับบิ๊กซีค่ะ |
เนื่องจากว่าต้องใช้พาหนะในการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ
ดังนั้นพาหนะที่ดีที่สุดหนีไม่พ้นมอเตอร์ไซต์ค่ะ
ค้นหาในเน็ต ข้อมูลร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ในร้อยเอ็ด ก็เห็นจะมีแค่ร้านเดียวเนี่ยแหละค่ะ
ใครที่มาจะเที่ยวร้อยเอ็ด หรือแวะมาทำธุระก็มาเช่าได้ค่ะ ร้านเช่าอยู่ที่โรงแรมวันดีดีเพลส
ในอนาคตถ้ามีคนมาเที่ยวเยอะขึ้น น่าจะมีร้านให้เช่ามอเตอร์ไซต์เยอะขึ้นก็เป็นได้ค่ะ
เช่ารถมอเตอร์ไซต์เริ่มต้นวันละ 300 บาท รถรุ่นใหม่แบบออโต้วันละ 500 บาทคะ |
และเนื่องด้วยวันที่มาติดต่อขอเช่า รถแบบธรรมดามีคนเช่าไปแล้ว และเดี๊ยนเองก็จ่ายมัดจำแบบรถธรรมดาไปแล้วด้วย รู้สึกจะเป็นรถแบบฮอนดาเวฟค่ะ
ทางร้านเลยอัพเกรดให้เช่ารถรุ่นใหม่ไปเลยค่ะ เพระรถรุ่นเก่าไม่ว่างค่ะ ก็จ่ายเท่าเดิม จริงแล้วรถคันนี้เช่าวันละ 500 บาทนะค่ะ แต่อัพเกรดให้ เดี๊ยนเลยจ่ายเท่าเดิมแค่วันละ 300 บาทค่ะ.... โดยรถที่ได้ก็เป็นรถรุ่นใหม่เสียด้วย อยากจะบอกว่าเดี๊ยนเองไม่ถนัดกับรถออโต้เอาเสียมากเลยนะค่ะ
เพราะเป็นคนโบราณ ชอบขับแบบเก่าๆ พวกฮอนด้าเวฟ ฮอนด้าเทน่า ฮอนด้าดรีม เจอาร์ คาวาซากิ รุ่นเก่าๆ อะไรประมาณนี้ พอไปได้จ้า แต่รถรุ่นใหม่ ต้องให้เจ้าของรถสอนขับ เพราะแค่จะเปิดถังเติมน้ำมันยังสับสนงงๆเอ๋อเหรอเลยจ้า5555 เวลาจะเช่ารถ ถ้าได้รถรุ่นใหม่ เดี๊ยนกลัวเรื่องนี้แหละค่ะ กลัวเปิดถังน้ำมันรถไม่เป็น เดียวไปทะเลาะกับเด็กปั๊มน้ำมันเข้า จะกลายเป็นเรื่องดราม่า เป็นดาราคาดังกอยู่บนโลกออนไลน์จ้า
โรงเรียนสอนคนตาบอดร้อยเอ็ด มาร่วมสร้างสรรค์การปันแบ่งแก่นักเรียนที่ด้อยโอกาสกันนะค่ะ |
และสถานที่แห่งแรกที่ขอไปก่อนเลยก็คือ ขอไปร่วมบริจาคเงินสงเคราะห์ที่โรงเรียนคนตาบอดค่ะ เพราะจะทำทุกต้นๆปีค่ะ โดยปีที่แล้วไปทำที่โรงเรียนสอนคนตาบอดเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี แต่ปีนี้แวะเวียนมาเที่ยวอีสาน เลยขอมาทำบุญสุนทานที่ โรงเรียนสอนคนตาบอดร้อยเอ็ดค่ะ
โรงเรียนสอนคนตาบอดร้อยเอ็ด มาร่วมสร้างสรรค์การปันแบ่งแก่นักเรียนที่ด้อยโอกาสกันนะค่ะ |
หากใครที่แวะมาเที่ยวเมืองร้อยเอ็ด ก็อย่าลืมปักหมุดเดินทางระเหินระเห็ดมาร่วมบริจาคทรัพย์หรือสิ่งของได้นะค่ะ มาร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่ ด้วยการแบ่งปันช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสกันนะค่ะ
พักค้าง 2 คืนที่โรงแรมเรือนริมน้ำ ร้อยเอ็ด เลยขอมารีวิวที่พักแห่งนี้ด้วยค่ะ |
ดิฉันก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์ แบกเป้ใส่หลังมา Checkin เพื่อเอากระเป๋ามาเก็บไว้ที่โรงแรมก่อนค่ะ
โดยที่พักคืนนี้ ค้างคืนที่โรงแรมเรือนริมน้ำ พอดีเห็นใน Agoda จัดโปรลดราคาและมีคะแนนเหลือ ก็เลยเอามาแลกค่ะ พัก 2 คืน รวม 1200 บาท แต่มีคะแนนเหลือในระบบเหลือ เดี๊ยนเลยจ่ายไปครึ่งเดียวค่ะ สรุปพัก 2 คืน จ่ายไปแค่ 600 กว่าบาทจ้า
ที่เลือกพักโรงแรมนี้เพราะว่า ราคาถูกดี และรีวิวคะแนนก็เลยลองมาพักดูค่ะ
เข้ามาโรงแรมก็สะดวกดีนะค่ะ หาไม่ยาก แต่ถ้าหากใครที่มาเที่ยวร้อยเอ็ดครั้งแรกๆ ก็อาจจะงงๆหน่อยค่ะ แนะนำเปิด GPS นำทางก็พอช่วยได้บ้าง แต่อย่าเชื่อ ร้อยเปอร์เซ็น เดียวหลงทางจ้า
เข้ามา check in ตอนเช้าๆ ทางเจ้าหน้าที่โรงแรมก็ใจดี ไม่ต้องฝากกระเป๋า
เพราะให้เข้าห้องพักได้เลย
เป็นห้องพักแบบธรรมดา ไม่หรูหราอะไรมากนัก เน้นความเรียบง่าย ตามแบบฉบับโรงแรมต่างจังหวัด ดูสบายตาดี ห้องพักกว้างขวาง และสะอาดสะอ้าน ไม่รกหูรกตา
ภายในห้องมีตู้เย็น มีแอร์ มีตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำในตัว มีโต๊ะนั่งทำงาน
แต่ตรงโต๊ะวางของตรงกระจกมีรอยถลอกจากการใช้งานหน่อยค่ะ
แต่ห้องน้ำมีกลิ่นเหม็นของทอหน่อยค่ะ อยากให้ปรับปรุง
สภาพห้องพักโดยรวมถือว่าโอเคให้ผ่านค่ะ
วัดบูรพาภิราม หรือเรียกสั้นๆ วัดพระเจ้าใหญ่ |
ไม่ไกลนักจากที่พัก ก็ขับมอเตอร์ไซต์มาที่วัดบูรพาภิรามค่ะ
เพื่อมาไหว้พระเจ้าใหญ่ มาย้อนวันวานวัยเด็กครันเมื่อเคยมาเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว
หากใครที่แวะมาเที่ยวร้อยเอ็ด ไม่ได้แวะมาวัดนี้ ถือว่ามาไม่ถึงร้อยเอ็ดนะค่ะ
บรรยากาศโดยรอบของวัดเปลี่ยนไปพอสมควร ตามกาลเวลา
แต่ที่ไม่เปลี่ยนคงเป็นองค์พระพุทธรูปสูงใหญ่ เด่นตระหง่าน สูงทานเทียมทัดฟ้าเลยค่ะ
เปล่งประกายเป็นสีทอง เรืองรองผุดผ่อง อยู่ใจกลางเมืองร้อยเอ็ด
หากใครก็แล้วแต่ที่ได้ระเหินระเห็ดมาเด็ดดอมดม ชมเมืองนี้ ต้องไม่พลาด แวะมาผงาดไหว้พระและสักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลสักครั้งครา จะได้ชื่นฉ่ำอุราให้ถึงทรวงใน
เข้าวัดแรกเลยนะค่ะ
เป็นวัดปฐมกฤกษ์สำหรับทริปนี้เลยค่ะ
เดียวก็มีวัดต่อๆไป แต่ก็แวะไปไหว้เท่าที่ไปได้ จะได้ไม่ต้องรีบค่ะ
มารู้จักวัดบูรพาภิรามกันค่ะ
วัดบูรพาภิรามถือเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ที่ถนนผดุงพานิช ตำบลในเมือง เขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด โดยมีองค์พระเจ้าใหญ่ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวัดนี้ อันเป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวร้อยเอ็ด ซึ่งแสดงถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอันแรงกล้าของชาวเมืองที่ได้สร้างพระพุทธรูปปางพระทานพระที่กล่าวกันว่าเป็นพระพุทธรูปยืนที่สูงที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้องค์พระเจ้าใหญ่ยังเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัด และปรากฎอยู่ในคำขวัญของเมืองร้อยเอ็ดอีกด้วย
เข้าไปกราบสักการะพระพุทธรูปด้านใน
บรรยากาศเงียบสงบ และเย็นดีมากๆค่ะ
เดินมาบริเวณวัดโดยรอบก็มีพระนอนในถ้ำขนาดเล็ก
ให้เข้าไปสักการะด้วยค่ะ
มีเณรน้อยอุ้มบาตรให้ได้หยอดทำบุญกันด้วย
วัดกลางเมือง วัดเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งในเมืองร้อยเอ็ด สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา |
เดี๊ยนก็ขับรถมอเตอร์ไซต์แว๊นมาที่วัดกลางมิ่งเมืองค่ะ
อีกหนึ่งวัดสวยและวัดสำคัญและเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งในจังหวัดร้อยเอ็ด
บรรยากาศโดยรอบวัดนั้น เงียบสงบดีมากๆค่ะ
วัดกลางเมือง วัดเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งในเมืองร้อยเอ็ด สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา |
ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง เป็นวัดสำคัญเก่าแก่ประจำเมืองร้อยเอ็ดอีกวัดหนึ่ง สร้างมาก่อนตั้งเมืองร้อยเอ็ด ประมาณสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง
ในอดีตเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพิฒน์สัตยามาแล้ว สิ่งที่สำคัญในวัดนี้ก็คือพระอุโบสถที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ผนังรอบพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติที่สวยงามมาก
ปัจจุบันวัดนี้เป็นสถานที่ศึกษาพระปริยัติธรรมและสถานที่สอบธรรมสถานของจังหวัดร้อยเอ็ด
เดินเข้ามากราบพระด้านในพระอุโบสถ
พระดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ สถาปัตยกรรมอาคารภายในวัดมี อุโบสถที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย กว้าง 12.50 เมตร ยาว 20 เมตร บริเวณผนังรอบอุโบสถมีลวดลายภาพวาด แสดงถึงพุทธ ประวัติ สวยงาม และมีค่าทางศิลปะ โดยภายในพระอุโบสถแห่งนี้ ประดิษฐานปูชนียวัตถุ ซึ่งเป็นพระประธานในอุโบสถมีนามว่า พระพุทธมิ่งเมือง
นอกจากนี้ก็ยังมีอาคารสถาปัตยกรรมอื่นๆภายในวัดอีก เช่น ศาลาการเปรียญ กว้าง 15 เมตร ยาว 27 เมตร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างเมื่อ พ.ศ. 2511 กุฏิสงฆ์จำนวน 9 หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 หลัง และตึก 7 หลัง และวิหารกว้าง 6 เมตร ยาว 35 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2526 เป็นอาคารคอนกรีต เป็นต้น
ภาพประติกรรมฝาผนังอันเก่าแก่ด้านนอกพระอุโบสถ ถือเป็นสิ่งบ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองของศาสนามาตั้งแต่ในอดีตได้เป็นอย่างดี
ใกล้กับพระอุโบสถก็มีหอการเปรียญสำหรับขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์เมืองร้อยเอ็ดได้ด้วย
ดิฉันเลยเดินขึ้นไปชมค่ะ
เดินขึ้นมาก็ตกใจกับบันใดนิดหน่อย เพราะมีขี้นกตลอดทางขึ้นเลยค่ะ
แต่พอเดินขึ้นมาแล้วก็หายเหนื่อยนะค่ะ เพราะด้านบนลมพัดเย็นดีเหลือเกิน
มองไปไม่ไกลนักก็เห็นพระเจ้าใหญ่ค่ะ
ส่วนอีกด้านก็เป็นวิวทิวทัศน์พระอุโบสถและเป็นตัวเมืองร้อยเอ็ดค่ะ
บรรยากาศด้านบน ลมพัดเย็นดีมากๆค่ะ
หากใครที่แวะมาเที่ยวเมืองร้อยเอ็ด อยากชมวิวทิวทัศน์เมืองร้อยเอ็ด
ต้องไม่พลาดระเหินระเห็ดมาไหว้พระที่วัดแห่งนี้นะค่ะ
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติร้อยเอ็ด |
ดิฉันก็ตะลอนขับมอเตอร์ไซต์มาที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติร้อยเอ็ด
เพื่อมาเดินดูโบราณวัตถุและศึกษาประวัติความเป็นมาต่างๆ ได้ความรู้อีกด้วยค่ะ
โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดทุกวันพุธ ถึง อาทิตย์ค่ะ ปิดวันจันทร์กับอังคารนะค่ะ
พอดีช่วงที่ดิฉันไปเที่ยวเป็นวันที่เปิดพอดี ก็เลยแวะเข้าไปดีกว่าค่ะ
เดินเข้ามาด้านในก็ชำระค่าธรรมเนียมเข้าชมค่ะ
บัตรเข้าชมผู้ใหญ่ 40 บาทค่ะ ส่วนต่างชาติ 100 บาท
ถ้าเด็กก็ 10 บาทค่ะ
เวลาเปิดทำการ 9.00-16.00 น.ค่ะ พุธ ถึงอาทิตย์
มีแผ่นพับแสดงแผนที่จุดชมต่างๆให้ได้เดินเข้าชมค่ะ และทางเจ้าหน้าที่อนุญาติให้ถ่ายภาพได้ แต่ห้ามถ่ายวีดีโอ หรือถ่ายรูปเซลฟี่ค่ะ
ภายในอาคารแสดงก็ไม่ร้อนนะค่ะ มีแอร์เย็นๆให้เดินชมและศึกษากันอย่างสบายเลยค่ะ
โดยจุดแรกที่เดินมาก็จะเป็นจุดแสดงภูมิศาสตร์และแหล่งแร่ธาตุค่ะ
ซึ่งในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติร้อยเอ็ดนี้ก็มีจุดให้ชมและเรียนรู้กันมากมายเลยนะค่ะ แบ่งเป็นส่วนต่างๆ สมัยก่อนประวัติศาตร์ สมัยประวัติศาสตร์ และสมัยปัจจุบัน
โดยเฉพาะโบราณวัตถุสำคัญชิ้นต่างๆ ที่หาดูได้ยากค่ะ
แต่ที่ดิฉันสนใจไม่น้อย คงเป็นภาพเก่าๆ ที่บอกเล่าเรื่องในอดีตค่ะ
สาระน่ารู้การตั้งเมืองร้อยเอ็ดและตำนานที่มาของชื่อ "ร้อยเอ็ด" |
สาระน่ารู้การตั้งเมืองร้อยเอ็ดและตำนานที่มาของชื่อ "ร้อยเอ็ด"
เมืองร้อยเอ็ดแต่เดิมมีชื่อตามตำนานว่าเมือง "สาเกตุนคร" กล่าวกันว่าเป็นใหญ่ที่มีบริวารมากมายและมีประตูเมืองถึงร้อยเอ็ดประตู จากร่องรอยของคูน้ำคันดินที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน ทำให้สันนิษฐานได้ว่าเมืองร้อยเอ็ด เดิมในตำนานคงเป็นเมืองทวารวดี
เมืองร้อยเอ็ดจะร้างไปแต่ครั้งใดไม่ปรากฎหลักฐาน จนกระทั้งมีการตั้งเมืองใหม่ใหม่ในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โดยท้าวทนต์ผู้สืบเชื้อสายจากท้าวจารย์แก้ว อดีตผู้ปกครองเมืองท่ง อันเป็นเมืองสำคัญในเขตอำเภอสุวรรณภูมิเป็นผู้รวบรวมผุ้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยมใหม่ และได้รับการสนับสนุนจากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีให้ยกพื้นที่บริเวณเมืองดังกล่าวซึ่งขณะนั้นเรียกว่า เมือกุ่มร้าง (เป็นเมืองร้างที่มีต้นกุ่มหนาแน่น) ขึ้นเปนเมืองอีกครั้งหนึ่งได้ชื่อว่า "เมืองร้อยเอ็ด" โดยตั้งให้ท้าวทนต์เป็นพระขัติยะวงษาถือเป็นพระเจ้าร้อยเอ็ดคนแรกตรงกับปีมะแม จุลศักราช1137 (พ.ศ.2318) ขึ้นตรงต่อกรุงธนบุรีตั้งแต่นั้นมา
ภาพจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติร้อยเอ็ด : การขุดลอกบึงพลาญชัยในอดีต ปี พ.ศ.2469 |
ภาพจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติร้อยเอ็ด : ภาพขบวนแห่เทียนพรรษาของชาวจังหวัดร้อยเอ็ดในอดีต |
ภาพจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติร้อยเอ็ด : ภาพการทำบุญทอดกฐินของชาวจังหวัดร้อยเอ็ดในอดีต |
ภาพจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติร้อยเอ็ด : ภาพของแต่งกายของสาวผู้ดีอีสานในสมัยรัชกาลที่ 5 |
ภาพจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติร้อยเอ็ด : ภาพการแต่งกายของชาวกุ่ยหรือชาวสวยในสมัยอดีต |
นอกจากนี้ยังมีโซนแสดงวิถีชีวิตและประเพณีของเมืองร้อยเอ็ดด้วยนั้นก็คืองานบุญผะเหวดค่ะ
บุญผะเหวดคืออะไร ?
บุญผะหวดคือ การเทศน์มหาชาติเป็น 1 ในประเพณี 12 เดือน หรือฮีต 12 ของชาวอีกสาน ที่กระทำกันในเดือนมีนาคม หรือเดือน 4 ปัจจุบันใด้รับการฟื้นฟูให้เป็นประเพณีประจำจังหวัดร้อยเอ็ด
เดินมาห้องก็จะเป็นโซนจุดแสดงวิถีชีวิตของคนไทยและคนจีนที่มาตั้งรกรากในเมืองร้อยเอ็ด
มีห้องแสดงผ้าชนิดแบบต่างๆให้ได้ชมและเรียนรู้ด้วยค่ะ
ว่าผ้าแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร
หากใครที่แวะมาเที่ยวเมืองร้อยเอ็ด อยากเที่ยวให้ได้ความรู้ ก็อย่าลืมแวะมาเดินศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติร้อยเอ็ดนะค่ะ รับรองว่าเที่ยวไปไฉไลเริ่ดเว่อร์อย่างแน่นอนค่ะ
มื้อเที่ยงนี้ มาลิ้มลองทานอาหารที่ร้านส้มตำกระเทย |
เมนูอาหารแต่ละอย่างก็น่าทานค่ะ แต่ชื่อเมนูอาหารก็เริ่ดแล้วจ้า เช่น ตำหน่อกระเทย ตำโจรสลัด ตำกระเทยลงทุ่ง เข้าใจตั้งนะค่ะ ส่วนราคาก็สมเหตุสมผลนะค่ะ บางอย่างก็ถูกบางอย่างก็แพง ตามวัตถุดิบค่ะ
มื้อเที่ยงนี้หิวมาก แต่ไม่กล้าสั่งมาเยอะ เพราะทานคนเดียว เดี๊ยนเลยสั่งมา 2 อย่างค่ะ
สั่งตำกระเทยลงทุ่ง กับแกงอ่อมมาทานค๊า
เสริฟจานแรกเป็นตำหมูยอแซ่บนัวค่ะ ลองดูสิว่าจะนัวใหม๊ค่ะ
ทานไปแล้วรสชาตินัวคั๊กๆ นัวจริงๆค่ะ ใครทานเค็มต้องชอบ รสเผ็ดจี๊ดจ๊าด ซ่าบซ่าถึงอุราและทรวงใน แบบฉบันอีสานจริงๆค่ะ
สรุปค่าเสียหายมื้อนี้รวมเครื่องดื่ม+ของหวานเป็นเต้าฮวยนมสด รวม 195 บาทค่ะ
วัดเหนือ ร้อยเอ็ด วัดเก่าแก่อีกแห่งในเมืองร้อยเอ็ด |
ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์เปิด GPS แว๊นขับมาไหว้พระต่อที่วัดเหนือซึ่งเป็นอีกวัดเก่าแก่และสำคัญในเมืองร้อยเอ็ดค่ะ
เข้ามาในวัดก็จะพบกับพระพุทธรูปปางนาคปรกองค์ใหญ่เด่นสง่า และสวยงามสะดุดตายิ่งนัก
หากใครที่แวะมาก็ไม่พลาดต้องเข้าไปกราบสักการะค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับวัดเหนือ
วัดเหนือ เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดร้อยเอ็ด ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2163 ดังคำกล่าวที่ว่า " วัดเหนือพร้อมบ้าน วัดกลางพร้อมเมือง " วัด เหนือเป็น วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองร้อยเอ็ดมาช้านาน แสดงว่าวัดเหนือเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวบ้านมาแต่โบราณกาล วัดเหนือเป็นวัดโบราณเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณะปฏิสังขรมาแล้ว สิ่งก่อสร้างและอาณาบริเวณที่เห็นถูกก่อสร้างไว้อย่างเป็นระเบียบแบบแผนงดงาม
ด้านหลังโบสถ์มีเจดีย์โบราณเส้นผ่านศูนย์กลาง ๔ เมตร ๗๓ เซนติเมตร สูง ๑๐ เมตร บรรจุพระบรมธาตุมีอายุเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนต้น นักโบราณคดีเชื่อว่าเก่าแก่ กว่าพระธาตุศรีสองรัก ถือว่าเจดีย์วัดเหนือเป็นต้นแบบศิลปะเจดีย์อีสาน
ระเบียงคตเป็นอาคารระเบียงสร้างล้อมอุโบสถและศาลาการเปรียญมีความยาวทั้งสิ้น ๔๕ เมตรแบ่งเป็น ๔๕ ห้องได้รับการออกแบบอย่างลงตัวด้วยซุ้มช่อทรงไทย ประกอบด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์แต่งหน้าบรรณด้วยปูนปั้นมีลวดลายสีขาวเรียบเพื่อลดความโดดเด่นต่อปีกซ้าย-ขวาเป็นระเบียง ลดหลังคา ๒ ชั้น แบ่งพื้นที่ทางเดินด้วยแนวเสาเป็น ๒ ช่องทาง
และภายในวัดก็กำลังมีการจัดเตรียมงานประเพณีบุญผะเหวดด้วยค่ะ
ที่เห็นอยู่นี้คือตุงใยแมงมุมค่ะ ทำไว้เพื่อปัดเป่าและป้องกันสิ่งชั่วร้าย.....ตุงใย โดยจะใช้เส้นฝ้ายสีขาวมัดหรือสานคล้ายใยแมงมุม ก็เลยเรียกว่าตุงใยแมงมุม โดยมีไม้ไผ่สอดเป็นโครงยึดเป็นช่วง ๆ ทำด้วยดอกไม้หรือพู่ห้อย นอกจากนั้นจะจัดทำเป็นตุงราว ประดับด้วยผ้าหรือกระดาษสีต่างๆต่างๆได้อีกด้วย
หลังจาได้ไหว้พระธาตุเก่าแก่ที่วัดเหนือแล้วนะค่ะ
ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์ออกจากเมืองร้อยเอ็ดขึ้นมาทางทิศเหนือทางจะไปกาฬสินธ์มาประมาณ 4 กิโลเมตรเพื่อไปชมเจดีย์มหามงคลบัว อีกหนึ่งเจดีย์สวยงามอยู่ไม่ไกลจากเมืองร้อยเอ็ดค่ะ
ขับมอเตอร์ไซต์มาช่วงบ่ายๆ อากาศร้อนหน่อยค่ะ ไม่ได้ร้อนธรรมดา ร้อนมากๆ
แต่ก็ยังดีที่มีลมพัด ลมเพ โอ้ละเห่เลชา ค่อยช่วยบรรเทาความเร้าร้อนค่ะ
ถึงแล้วค่ะ เจดีย์มหามงคลบัว สวยงาม ดูแล้วคล้ายๆกับพระธาตุหลวงเวียงจันทร์เลยค่ะ
เจดีย์มหามงคลบัว |
มีไม้ดอก ไม้ประดับโดยรอบสบายตา
เจดีย์มหามงคลบัว |
โดย"เจดีย์มหามงคลบัว" แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ บ้านบัว ตำบลหนองแวง อำเภอเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด บนถนนทางหลวงหมายเลข 214 อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองร้อยเอ็ดมากนักระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นเจดีย์เดียวที่ได้รับอนุญาตจากพระธรรมวิสุทธิมงคล(หลวงตามหาบัว)ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้มาดูการถมที่ วางศิลาฤกษ์ และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุด้วยตัวท่านเอง
เหตุที่พระเชพระคุณท่านให้สร้างเจดีย์ที่ร้อยเอ็ด แทนที่จะเป็นที่อุดรธานี พระเดชพระคุณท่านอธิบายว่า ร้อยเอ็ดเป็นศูนย์กลางของอีสาน เจดีย์นี้นับเป็นเจดีย์ที่ได้ประโยชน์สูงสุดในการใช้พื้นที่ เพราะเจดีย์ทั่วไปจะมีแต่รูปเคารพให้กราบไหว้ แต่ที่นี้ชั้นล่างสุดจะมีห้องอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านไทยอีสาน ซึ่งรวบรวมเพลงพื้นบ้านไทยอีสานไว้
เข้าไปเดินชมด้านในค่ะ
โดยต้องถอดรองเท้าไว้ตั้งแต่บันใดขั้นแรกเลยนะค่ะ
อาจจะร้อนเท้าหน่อย แต่ก็ต้องอดทนค่ะ
เจดีย์มหามงคลบัว |
ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปให้ได้สักการะกราบไหว้กันด้วย
วันที่ดิฉันมา ไม่ค่อยมีคน บรรยากาศก็เลยเงียบสงบมากๆ ด้านในก็อากาศเย็นมากๆค่ะ
แม้จะไม่มีเครื่องปรับอากาศแต่ก็เย็นดีทีเดียว
โดยรอบก็มีไม้ดอกสีสันสดใสให้แลชมกันอีกด้วยค่ะ
ดอกว่านสีทิศ งามจริตติดตาและตราตรึงอยู่ท่ามกลางแสงแดดอันเร้าร้อน แต่ก็ผลิดอกออกบานสวยงามดีเหลือเกิน เป็นไม้ดอกและไม้ประดับสวยงามอีกหนึ่งชนิดค่ะ
เดินทางไปวัดประชาคมวนาราม เพื่อไปชมเจดีย์หินทราย วัดป่ากุง บรมพุทโธร้อยเอ็ด |
เดี๊ยนก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ ขับมาที่วัดป่ากุง ซึ่งเป็นที่ตั้งของเจดีย์หินทรายอันมีชื่อเสียงค่ะ
โดยระยะทางของวัดป่ากุง ห่างจากเมืองร้อยเอ็ดประมาณ 20 กิโลเมตร
ขับรถมาถึงก็จอดรถไว้ด้านหน้าค่ะ หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในตัววัด
โดยด้านหน้า มีแม่ค้าขายอาหารปลาด้วย เดี๊ยนเลยช่วยอุดหนุนแม่ค้า เพราะวันที่ไปเป็นวันธรรมดา ซึ่งนักท่องเที่ยวเงียบมากๆ แม่ค้าไม่มีรายได้ ก็ช่วยๆอุดหนุนหน่อยนะค่ะ
บรรยากาศด้านในวัดป่ากุง เป็นวัดป่าจริงค่ะ โดยรอบเงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจเลยแม้แต่น้อย มีแต่เสียงใบไม้พริ้วใหว หล่นลงพื้น
เดินมาที่เจดีย์กลางน้ำเพื่อมาให้อาหารปลาค่ะ
โยนขนมปังลงไป หมู่มัจฉาก็แหวกว่ายกรูกันมารูมกินก็ละลานตาเชียวค่ะ เหมือนมันจะไม่ได้กินอะไรมาหลายวันกระมัง เพราะบรรยากาศรอบๆวัดก็เงียบสงัดเสียจริงๆ
หลังจากที่ได้ให้อาหารปลาแล้วนะค่ะ
ดิฉันก็เดินมาชมความงามและกราบพระที่เจดีย์หินทราย หรือที่รู้จักกันว่า บรมพุทโธร้อยเอ็ดค่ะ
แรงบันดาลใจจาก บรมพุทธโธ มรดกโลกที่อินเดีย ทำให้หลวงปู่ศรี พระเกจิชื่อดังแห่งภาคอีสาน ได้สร้างแบบจำลองความยิ่งใหญ่นี้ ไว้ที่วัดป่ากุงร้อยเอ็ด โดยบรรดาศิษยานุศิษย์ ร่วมกัน ก่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 90 ปี พรรษา 60 พระเทพวิสุทธิมงคล "หลวงปู่ศรี มหาวิโร" จำลองแบบจากเจดีย์โบโรบูโด (บรมพุทโธ) ที่เกาะชวา อินโดนีเซีย เห็นก็งดงามจริง
เจดีย์หินทราย วัดป่ากุง บรมพุทโธร้อยเอ็ด |
เนื่องจากเมื่อพ.ศ. 2531 หลวงปู่ได้ไปปฏิบัติศาสนกิจ ณ มหาเจดีย์บุโรพุทโธ หรือ โบโรบูโดร์ และได้ประทับใจในความยิ่งใหญ่อลังการของมหาเจดีย์แห่งนี้ จึงได้เล่าให้คณะศิษย์ฟัง ต่อมาใน ปี พ.ศ 2535 การก่อสร้างจึงเริ่มขึ้น จนกระทั่งแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2547 มีพิธียกยอดเจดีย์ทองคำแท้หนัก 101 ขึ้นประดิษฐาน ด้วยแรงศรัทธาของคณะศิษยานุศิษย์ เสียสละกำลังกายกำลังทรัพย์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความสมัครสมานสามัคคี เทิดทูนความดีที่หลวงปู่ศรีได้ประพฤติปฏิบัติ ซึ่งจัดพิธีสมโภชไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2549 ด้วยงบประมาณ 40 ล้านบาท
ภายในพระเจดีย์เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุซึ่งอยู่จุดศูนย์กลางของเจดีย์ ผนังแกะสลักเรื่องราวพระพุทธประวัติและเวสสันดรชาดก รวมทั้งประวัติของหลวงปู่ศรีและรูปบูรพาจารย์
เนื่องจากวัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุงเป็นสถานที่จำพรรษาของพระเทพวิสุทธิมงคล (หลวงปู่ศรี มหาวีโร) ซึ่งในทุกๆปีวัดป่ากุงจะได้จัดพิธีระลึกถึงพระคุณของหลวงปู่ศรีในวันคล้ายวันเกิด มีกิจกรรมการสวดมนต์ จัดตั้งโรงทาน ตักบาตร ในระว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคม ของทุกปี ซึ่งในระหว่างระยะเวลาดังกล่าว จะมีพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาร่วมงานในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก
(เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://thai.tourismthailand.org/)
ประตูเมืองร้อยเอ็ด สาเกตุนคร |
พลบค่ำยามเย็น ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์แว๊นๆกลับมายังเมืองร้อยเอ็ดค่ะ
บึงพลาญชัย |
ซึ่งหากใครที่แวะมาเมืองร้อยเอ็ด ต้องมาไม่พลาดที่จะต้องระเหินระเห็ดกันมาเด็ดดอมดม ถ่ายรูปให้สวยสม ณ บึงแห่งนี้สักครั้งค่ะ
บึงพลาญชัย |
ด้านในสวน มีพระพุทโธดมมงคลศาสดา สิริพัฒนาบึงพลาญชัยร้อยเอ็ด องค์ใหญ่สวยงาม ประดิษฐานท่ามกลางสวนดอกไม้ในบึง วังมัจฉามีปลาชนิดต่างๆแหวกว่ายไปมา ช่ะช่ะช่าหัวใจ มีเรือสำหรับให้ประชาชนได้พายเล่นชมปลา และถ่ายรูปกันลั๊ลลาอย่างสุขใจอีกด้วย ถือเป็นหนึ่งจุดเช็คอินน์ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวร้อยเอ็ด
ดิฉันเดินออกกำลังกายเบาอยู่ที่บึงพลาญชัยจนพลบค่ำ
ก็ได้เวลาออกไปหาอะไรทานมื้อเย็นแล้วค่ะ
ตอนหัวค่ำนี้ ไม่อยากออกไปทานไกล เดี๊ยนเลยไปถามเจ้าหน้าที่โรงแรมอีกว่ามีอะไรทานใกล้ๆใหม๊ค่ะ
ทางเจ้าหน้าที่โรงแรมแนะนำว่า มีร้านก๋วยเตี๋ยวหลายร้าน อยู่เลยถนนริมน้ำให้เลือกทาน เดี๊ยนเลยขับไปลิ้มลองทานดูค่ะ
เห็นร้านหมี่ฮกเกี๊ยนร้านนึง คนนั่งทานเยอะ น่าจะอร่อยดีค่ะ เลยขอไปลิ้มลองทานดูสิว่าจะอร่อยใหม๊
เดี๊ยนเลยสั่งพิเศษ คนขายก็จัดให้ มีกระดูกหมู่อ่อนตุ๋นจนเปื่อยมาให้ด้วย กลิ่นหอมน่าทานมากๆ
ลองชิมดูแล้ว รสชาติอร่อยใช้ได้เลยนะค่ะ เป็นก๋วยเตี่ยวต้มยำโบราณ มะหวานเปรี้ยวกำลังดี ถ้าให้ดีขอแบบแซ่บเพิ่มมะนาวอีกนิดก็จี๊ดเลยค่ะ
ค่าเสียหายก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้ สั่งชามพิเศษ 50 บาทค่ะ ถ้าราคาปกติก็ 40 บาทค่ะ
รสชาติโอเคนะค่ะ ทานจนอิ่มท้องเลย หากใครที่ชอบทานก๋วยเตี๋ยว แนะนำลองมาทานดูนะค่ะ
หลังจากทานอาหารมือเย็นจนอิ่มแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็แว๊นมอเตอร์ไซต์กลับเข้าที่พักอาบน้ำ เข้านอนหลับเป็นตายไปตลอดคืนเลยค่ะ.....สรุปวันนี้ แค่เที่ยวในเมืองร้อยเอ็ดก็หมดไปวันนึงแล้วค่ะ จริงในจังหวัดร้อยเอ็ดยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดตาและตรึงใจอีกหลายแห่งให้ไปเยือนเลยค่ะ
หากใครที่วันหยุดนี้ อยากเปลี่ยนบรรยากาศการเที่ยวแบบใหม่ ลองแวะมาไฉไลในจังหวัดร้อยเอ็ด ก็งามเด็ดไม่น้อยนะค่ะ เที่ยวไปทำบุญไป อาหารก็อร่อย ราคาถูก ประหยัด ไม่พลุ่กพล่านและไมุ่วุ่นวาย แถมได้เดินพร่างพรายแบบชิวๆ รับวิวลมเย็นๆ นั่งกินส้มตำเล่นๆ กับปลาราเป็นตัวๆเป็นต่อนๆ ออนซอนอีหลีเด้อจ้า....จบทริปเที่ยวร้อยเอ็ดค่ะ
มีตอนที่ 2 ต่อนะค่ะ เข้าไปสไลด์ดูรีวิวท่องเที่ยวได้ที่บล็อกเว็ปไซต์ : https://goo.gl/CSYvaB
สำหรับบล็อกรีวิวท่องเที่ยวร้อยเอ็ดบทความนี้ ก็ขอจบเพียงเท่านี้ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
---------------------------------------------------------------------
รวมบทความบล็อกเที่ยวเดือนละ 1 ครั้ง มีดังนี้ (จะทยอยเขียนเพิ่มเรื่อย เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกนี้ร้างไปจ้า)
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดในเมืองร้อยเอ็ด จุดเช็คอิน ถ่ายรูปสวยๆ คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุเดี่ยว มาเน้อมาเที่ยวเมืองแพร่ แลยลชมธรรมชาติ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวในบุรีรัมย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้ลุยเดี่ยว เที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสชาติแซ่บๆกันจ้า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ 14 แบกเป้ไปชมความน่ารักที่เมืองกอลมาร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2uQBBTE
รีวิวเที่ยวกาฬสินธุ์ ฟินคั๊กหลายๆ ก.พ.2018 ตอนที่ 2 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/CSYvaB
รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน เม.ย.2018 ล่องเรือไหว้แม่น้ำเจ้าพระยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/HrLddq
รีวิวเที่ยวงานอุ่นไอรักคลายความหนาว สวยสกาวน่ารัก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sB8ccW
แบกเป้คนเดียวเที่ยวฮ่องกงแบบงงๆ ม.ค.2018 ตอนที่ 2 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวมาเก๊า นั่งเรือเมาไปถึงเกาะฮ่องกง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเดินชมเทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี 2018 ไปดูของดี 4 ภาค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แวะเที่ยวหัวหิน เยือนถิ่นกำเนิดโครงการพระราชดำริ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือน ธ.ค.2017 เที่ยวเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคม 2017 เที่ยวเมืองตราด-เกาะกูด ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้คนเดียวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปฟูจิซัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว ไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 เดินย่องท่องเมืองฮาโกดาเตะ สุดโรแมนติก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวท่องเที่ยวเดือน สิงหาคม 2560 รีวิวเที่ยวเมืองเก่าอยุธยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์: https://goo.gl/df15Xi
รีวิวเที่ยวประจำเดือนกันยายน ลุยเดี่ยวเช่ามอเตอร์ไซต์ไปเขาใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น