Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวเขาใหญ่ เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับไปชมน้ำตก เดินป่าดูนกในดงพนาไพร วิวทะเลหมอกสวยใส งามวิไลเลิศสะแมนแตน

บล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนกันยายน 2017 เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับไปเที่ยวเขาใหญ่ งามวิไลทะเลหมอกในฤดูฝน แสนสุขล้นอิ่มฤทัย
ขอกราบสวัสดี๊ดี สวีดั๊ดดัดเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆชาวไทยที่น่ารักกันทุกๆท่าน ที่กำลังสำเริงสำราญกันอยู่บนโลกออนไลน์ หาข้อมูลท่องเที่ยวทั่วไทย ไปไกลทั่วทีป ทั่วแดน สุดแสนจะเริ่ดสะแมนแตนกันอยู่ ณ ขณะนี้นะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน บล็อกเกอร์สมัครเล่นแนวๆกากๆ โกโรโกโส ขอมาเฮลโหลจ๊จ๋า ดี๊ด๊า ต้อนรับท่านเข้าสู่เว็บบล็อกแนะนำที่พัก รีวิวท่องเที่ยว เขียนจนปวดเยี่ยวไม่หยุด ให้ท่านได้สะดุดอ่านกันแบบระรัว จนปวดหัว ปวดสมอง ได้ประลองปัญญา เป็นคนบ้า(เที่ยว)ไปด้วยกันค่ะ ถือว่ามาอ่านบล็อกฆ่าเวลา ส่วนตัวดิฉันก็มาเขียนบล็อกเป็นงานอดิเรกหลังเลิกงานประจำไปค่ะ

และก็กลับมาอีกครั้งค่ะ สำหรับรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนกันยายนนี้ค่ะ กว่าจะได้มาเขียนก็ปาไปเกือบสิ้นเดือนแล้วล่ะค่ะ เพราะเดี๊ยนเองก็มัวแต่ยุ่งอีรุงตุงนัง ซังกะบ๊วยอยู่กับการทำงานประจำ จนลืมมาเต้นระบำเคาะคีย์บอร์ดบนเว็ปบล็อกไปเสียแล้วนะค่ะ แต่ยังไงเดี๊ยนก็ต้องปลีกวิเวกมาเขียนบล็อกท่องเที่ยวให้ได้ค่ะ

พอดีในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้วันหยุดลาพักร้อน 2 วันค่ะ  เอ้..วันหยุดลาพักร้อนเดือนกันยายนนี้ จะไปเที่ยวใหนดี คิดไปคิดมาเลยไปเขาใหญ่ดีกว่า เพราะไม่ได้ไปเยือนนานแล้วค่ะ จำได้ว่ามาเที่ยวเขาใหญ่ล่าสุดกับทริปของบริษัทจัดมาเที่ยวเมื่อ 5 ปีที่แล้วค่ะ แต่ที่ประทับใจสุดๆก็คงเป็นทริปทัศนศึกษาเขาใหญ่เมื่อหลาย 10 ปีมาแล้ว ครั้งยังเป็นสาววัยละออน เดินป่า ออนซอนศึกษาธรรมชาติ จนตัวทากดูดเลือดจากไปหลายลิตรเลยล่ะค่ะ ถึงทุกวันนี้ยังไม่ชอบเจ้าตัวทากอยู่เลย ไม่ชอบมันเอามากๆ เพราะมันเหนียวดึงออกยากสุด เกาะดูดไม่ยอมปล่อยค่ะ มาเที่ยวเขาใหญ่หน้าฝนคราใด ต้องมาสู้รบตบมือกับเจ้าตัวทากตลอดค่ะ
ปีนี้เลยขอไปเที่ยวเขาใหญ่อีกครั้ง แต่ขอไปเที่ยวรำลึกย้อนความหลัง สมัยวัยเรียน หมั่นเพียรเดินป่า ชมพฤกษาพนาไพร ที่ไปเขาใหญ่ครั้งใด ก็หวนนึกประทับใจทุกครั้งครา อากาศก็สุดชื่นรื่นอุรา สมเป็นผืนป่าแสนล้ำค่า ที่ใครต่อใครได้มาก็ตราตรึง ประทับซึ้งถึงทรวงใน ต้องแวะกลับไปเยือนกันทุกๆคนค่ะ   ..และอีกอย่างเขาใหญ่ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมีเส้นทางการคมนาคมที่แสนจะสะดวกสบาย และมีโรงแรม ที่พักตากอากาศมากมาย เอาใจคนรักป่าให้ไปนอนพักผ่อนลั๊ลลากันค่ะ แถมยังมีร้านคาเฟ่ มุมเก๋ๆ ให้เดินเสเพลถ่ายรูปสวยๆลงไอจง ไอจี ก็ดูดีดูดี๊ แบบชะวี๊ป ชะว๊าป ร้านอาหารริมทางก็มีให้เลือกทานอยู่มาก รสชาติอร่อยกระชากใจเว่อร์ค่ะ
สำหรับรีวิวเที่ยวเขาใหญ่ในทริปนี้ ดิฉันเองก็จัดทริปไปเที่ยวคนเดียวอีกเช่นเคยค่ะ ตอนแรกกะจะชวนเพื่อนมาเที่ยวด้วยอีกคน แต่นางก็ทำงาน เพราะวันหยุดไม่ตรงกันค่ะ นางหยุดเสาร์-อาทิตย์ ส่วนเดี๊ยนหยุดวันธรรมดา ทริปนี้เลยก็เลยขอไปเที่ยวคนเดียวดีกว่าค่ะ เพราะถ้ามัวแต่รอ เกรงจะไม่มีบล็อกรีวิวท่องเที่ยวมาลงประจำเดือนนี้ค่ะ เดียวเว็ปบล็อกร้างไปเสียก่อนนะค่ะ

โอ้ย..พร่ำเพร้อมาเยอะค่ะ อย่าได้ถือสาคนบ้าแบบตัวดิฉันเลยนะค่ะ ขอมาเข้าเรื่องมารีวิวเที่ยวเขาใหญ่ให้ทุกๆคนได้มาสไลด์มือถือดูภาพกันดูนะค่ะ

ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาขอมาเอาใจคนที่อยากมาเที่ยวเขาใหญ่ แต่ไม่มีรถยนต์พาหนะส่วนตัวมา ก็ไม่ต้องวิตกกังวลนะค่ะ เพราะการมาเที่ยวเขาใหญ่ ก็มีรถมอเตอร์ไซต์ให้เช่า ใหนก็แวะมาในบล็อกนี้แล้ว เดี๊ยนเลยขอมาแนะนำวิธีการเดินทางไปเขาใหญ่ สำหรับคนที่ไม่รถส่วนตัวมา ก็เที่ยวเขาใหญ่และขับรถมอเตอร์ไซต์แว๊นๆไปเที่ยว พักผ่อน ถ่ายรูป ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆได้สบายค่ะ

วิธีการเดินทางมาเที่ยวเขาใหญ่ สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวมา แนะนำให้เช่ารถเตอร์ไซต์ หรือเช่ารถยนต์ส่วนตัวได้ แนะนำดังนี้ค่ะ 

1.แนะนำให้นั่งรถตู้จากกรุงเทพมาลงที่อำเภอปากช่องค่ะ
สามารถขึ้นที่หมอชิต หรือที่รังสิตก็ได้ค่ะ  ราคาตั่วโดยสารอยู่ที่ 160 บาท ถ้าขึ้นที่รังสิต 150 บาท ต่างกัน 10 บาทค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆค่ะ (คอนขาไปปากช่อรถตู้วิ่งตอนกลางวัน วิ่งเต่า ช้ามากๆค่ะ แต่ตอนขากลับกรุงเทพ รถตู้วิ่งเร็วสปี๊ดเร็วกว่านรกเสียอีกนะค่ะ ไม่รู้คนขับรีบกลับบ้านไปนอนหรือเปล่า555) รถตู้จะไปจอดส่งแถวตลาดในเมืองปากช่องเลยค่ะ

2.เมื่อมาถึงปากช่องแล้วค่ะ มี 2 วิธีให้เลือกอีกก็คือ
2.1.เช่ารถมอเตอร์ไซต์จากอำเภอปากช่อง ขับไปที่เขาใหญ่ได้เลยค่ะ
โดยสามารถเช่ามอเตอร์ไซต์ได้ที่ ร้านทีวียนต์ทวีกิจ ร้านเช่าอยู่ตรงข้ามธนาคารกสิกรไทยค่ะ เป็นร้านใหญ่ประจำอำเภอปากช่องเลยแหล่ะค่ะ มีร้านให้เช่าร้านเดียวด้วยนะค่ะ ดูข้อมูลใน Pantip มาค่ะ
- ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ ตกวันละ 300 บาทค่ะ สำหรับผู้ใหญวัยทำงานแล้วนะค่ะ คนไทยมีค่ามัดจำรถ 5000 บาทค่ะ และสำหรับนักเรียนนักศึกษายังอยู่วัยรุ่น เค้าลดค่ามัดจำรถให้เหลือ 3000 บาทค่ะ ต้องเตรียมเงินล่วงหน้ามาให้พร้อมเลยนะค่ะ เมื่อเช่ารถจะยึดบัตรปปช.ไว้ค่ะ และมีหมวกกันน๊อคให้ค่ะ และตอนจะขับขึ้นไปเขาใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่ ที่ขายตั๋วจะบอกให้ใส่หมวกกันน๊อคตลอดเพื่อความปลอดภัยค่ะ

- ค่าเช่ารถยนต์ วันละ 1500 บาท มัดจำ 10,000 บาท พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน สำหรับคนที่ไม่อยากขับมอเตอร์ไซค์หรือยกโขย่งกันมาเที่ยวเป็นครอบครัวกลุ่มแก๊ง เด็กแนว ผู้ใหญ่ วัยชรา ก็เช่ารถยนต์มาเที่ยวชมพฤกษา พนาไพรบนเขาใหญ่ได้ค่ะ

ติดต่อเช่าได้ที่ร้านทวียนต์ เปิดจันทร์-เสาร์ 8.00-17.00 น. และวันอาทิตย์ 8.00-14.00 น.
เบอร์โทร 081-9249449,082-4922429 Line Id: Kim_spinning (ข้อมูลที่เค้าส่งมาให้เดี๊ยนทางไลน์ค่ะ)
- จุดสังเกตุ ร้านเป็นศูนย์รถมอเตอร์ไซต์ฮอนด้าและยามาฮ่า อยู่ตรงข้าม ธ.กสิกรไทยปากช่อง

2.2.เช่ามอเตอร์ไซต์ที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ ใกล้ปากทางขึ้นเขาใหญ่เลยค่ะ แต่ต้องนั่งรถ 2 แถวจากปากช่อง มาลงที่สามแยกตรงหน้าปากทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นะค่ะ โดยใกล้ๆตรง 3 แยกเส้นทางจะขึ้นไปเขาใหญ่ ในระแวกจะมีร้านให้เช่ามอเตอร์ไซต์อยู่ค่ะ
- ค่าเช่ารถมอไซต์ไซต์ไปเขาใหญ่ วันละ 500 บาท ข้อดีคือไม่ต้องมัดจำรถ แต่เสียเวลาต้องนั่ง 2 แถวจากปากช่องมาค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเงินไว้สำรองค่ามัดจำ แนะนำมาเช่าที่นี้เลยค่ะ
ติดต่อเช่ารถได้ที่ เบอร์โทร 098-210-5098 และควรจองล่วงหน้าเพราะมีรถมีน้อยค่ะ

พอได้เช่ารถส่วนตัวมาแล้ว ทีนี้ก็ Let's go to Khoayai ride on the way เลยค่ะ แต่ยังไงก็ขับรถอย่างระมัดระวังด้วยนะค่ะ เพราะหน้าฝน ถนนลื่นค่ะ และหากเจอช้างป่าริมถนนก็อย่าได้ตกใจ เพราะท่านจะได้เป็นใหญ่ถือว่าโชคดีค่ะ แต่ถ้าเจอช้างวิ่งไล่ ก็ตัวใครตัวมันเด้อค๊า
วันที่ 22 ก.ย.50 วันแรกของการเดินทาง ดิฉันออกจากบ้านมาขึ้นรถตู้ที่หมอชิตค่ะ
แต่กว่าจะได้ออกจากบ้านมาก็ปามาเที่ยงครึ่งแล้วค่ะ มาถึงหมอชิตก็บ่ายโมงกว่าพอดีค่ะ
 มาซื้อตั๋วโดยสารที่ท่ารถตู้ตรงจุดขายตั๋วแถวเกาะพญาไทค่ะ เป็นท่ารถตู้ไปปากช่องค่ะ 
 ตามรูปเขียนป้ายไว้ว่า ปากช่อง-เขาใหญ่ค่ะ ซื้อตรงนี้เลยค่ะ น่าจะมีหลายเจ้าให้เลือกอยู่นะค่ะ แต่เดี๊ยนไม่รู้ว่าอยู่ตรงใหนบ้าง เพราะดูคละเคล้าเยอะไปหมดเลยค่ะ อีกอย่างอากาศก็ร้อนมากๆด้วยค่ะ
นั่งรถตู้โดยสารจากหมอชิตไปลงที่อำเภอปากช่อง ราคา 160 บาทจ้า
ซื้อตั๋วโดยสารราคา 160 บาทค่ะ
พอได้ตั๋วแล้วก็มาขึ้นรถตู้เลยค่ะ เข้ามาด้านในรถตู้ ร้อนมากๆค่ะ แอร์ไม่เย็นเลย คือแบบแอร์ออกมาแต่ลม ยังดีที่มีพัดลมบนเพดานช่วยไว้ค่ะ พอคลายร้อนได้บ้าง แต่ก็รู้สึกอบอ้าวอยู่ดีค่ะ ตอนขึ้นมาบนรถตู้จากหมอชิต ผู้โดยสารยังไม่เยอะมาก แต่พอรถตู้ขับไปรับคนที่รังสิต คนเต็มคันรถเลยค่ะ
นั่งรถตู้มาถึงก่อนถึงสระบุรี รถตู้ก็จอดแวะเต็มแก๊สค่ะ เดี๊ยนก็ต้องจากรถ จรลีมาปลดทุกข์ที่ห้องน้ำค่ะ
นั่งรถตู้ออกจากหมอชิต 13.30 น. ถึงปากช่อง 16.40 น.ค่ะ รถตู้ใช้เวลาวิ่ง 3 ชั่วโมงกว่าๆเลยค่ะ เพราะมีจอดแวะรับผู้โดยสารตลอดทางค่ะ และอีกอย่างรถวิ่งค่อนข้างเป็นเต่ามากๆ รู้สึกปลอดภัยดีค่ะ แต่ไม่ค่อนทันใจเดี๊ยนเลยค่ะ เพราะร้านเช่ามอเตอร์ไซต์แจ้งไว้ว่าจะปิด 5 โมงเย็นค่ะ เดี๊ยนก็เกรงจะไปไม่ทันและอีกอย่างช่วงนั้น นักเรียนและคนกำลังจะเลิกงานด้วย รถราติดกันไฟแดงนานเชียวค่ะ
เมือถึงปากช่องแล้วนะค่ะ รถตู้ก็มาจอดตรงตลาดแขก ใกล้ ธ.กสิกรไทยพอดีค่ะ ซึ่งตรงข้ามเป็นร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ทีวียนต์ทวีกิจค่ะ
ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับไปเขาใหญ่ ค่าเช่าวันละ 300 บาท มีรถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์ให้เช่าด้วยนะ แต่เดี๊ยนคงขับไม่ใหวค่ะ
เดินเข้ามาติดต่อเช่ารถมอเตอร์ไซต์ค่ะ
- ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ ตกวันละ 300 บาทค่ะ สำหรับผู้ใหญวัยทำงานแล้วนะค่ะ คนไทยมีค่ามัดจำรถ 5000 บาทค่ะ และสำหรับนักเรียนนักศึกษายังอยู่วัยรุ่น เค้าลดค่ามัดจำรถให้เหลือ 3000 บาทค่ะ ต้องเตรียมเงินล่วงหน้ามาให้พร้อมเลยนะค่ะ เมื่อเช่ารถจะยึดบัตรปปช.ไว้ค่ะ และมีหมวกกันน๊อคให้ค่ะ และตอนจะขับขึ้นไปเขาใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่ ที่ขายตั๋วจะบอกให้ใส่หมวกกันน๊อคตลอดเพื่อความปลอดภัยค่ะ

เนื่องจากวันที่ดิฉันมาถึงก็ 5 โมงแล้วค่ะ ก็เลยคิดค่าเช่าไป 1 วันค่ะ ตอนแรกกะว่าจะเที่ยวต่ออีก 1 วันแต่มีงานด่วนต่อในวันเสาร์ค่ะ ก็เลยเช่ารถมอเตอร์ไซต์ไปเที่ยวเขาใหญ่แค่ 1 วันค่ะ เดียวรอบหน้ามาใหม่จะไป
เช่ารถมอเตอร์ไซต์ที่อำเภอปากช่อง ขับไปเขาใหญ่ มัดจำรถแพงไปหน่อย ต้องเตรียมสะตังมามากโข่อยู่นะ
 เมื่อชำระเงินค่าเช่าไปแล้วนะค่ะ ก็ได้มอเตอร์ไซต์มาแล้วค่ะ เป็นรถมอเตอร์ไซต์แบบเกียร์ออโต้ แต่เดี๊ยนเองก็ไม่ถนัดขับแบบรถมอเตอร์ไซออโต้เลยค่ะ ก็ถามเจ้าหน้าที่ว่ามีแบบมอเตอร์ไซต์เกียร์แบบธรรมดาใหม๊ค่ะ ทางร้านไม่มีค่ะ ก็เลยจำใจต้องขับออโต้ค่ะ พอดีเป็นคนเคยชินกับการขับรถมอเตอร์ไซต์ยุค 80-90 เสียมากกว่านะค่ะ
ได้มอเตอร์ไซต์มาแล้วนะค่ะ ก็ปรับตัวแป๊บนึงค่ะ ขับแวะมาที่ตลอดไนท์บาซาร์ปากช่อง มีของขายให้เลือกทานมากมายเลยค่ะ เดี๊ยนเลยแวะมาซื้อของทานทีนี้รอบเดียวค่ะ เพราะกว่าจะขับมอเตอร์ไซต์ไปถึงที่พักก็คงมืดพอดีค่ะ
 เมื่อซื้อกับข้าวกับปลาจากตลาด Nigh Bazar ปากช่องมาแล้วนะค่ะ ก็ขับมอเตอร์ไซต์แว๊นๆตรงมาตามเส้นทางถนนธนะรัชต์จากอำเภอปากช่องไปโรงแรมที่พักคืนนี้ ซึ่งอยู่ใกล้ๆปากทางขึ้นเขาใหญ่เลยค่ะ ระหว่างทางหากขับมาเหนื่อย เมื่อยก็หยุดพักค่ะ เห็นคนขับกำลังปั่นจักรยานเรียงกันเป็นแถวเลยค่ะ
ที่พักคืนนี้นอนพักที่ เขาใหญ่ คิดแอดเวนเจอร์ บ้านพักเป็นหลังๆ ราคาหลักร้อย คลิ๊กดูรายละเอียดห้องพักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/ry9Chn
ขับมอเตอร์ไซต์ออกจากปากช่องมาถึงที่พักคืนนี้แล้วค่ะ เขาใหญ่ คิดแอดเวนเจอร์ ที่พักริมทาง ราคาถูกหลักร้อยเหมาะสำหรับคนงบน้อยๆแบบดิฉันค่ะ ที่พักอยู่ใกล้ปากทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เลยค่ะ
โดยระยะทางขับมอเตอร์ไซต์จากปากช่องมาก็ไม่ได้ไกลมาก ประมาณ 30 กิโล ขับกินลมชมวิวมาเรื่อย เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงไปเยอะพอสมควร มีร้านอาหาร ร้านค้า และโรงแรมที่พักเปิดให้บริการเยอะมากๆนะค่ะ 
ด้านหน้าทางเข้าที่พักเขาใหญ่ คิดแอ๊ดเวนเจอร์ คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/ry9Chn
ที่พักคืนนี้เป็นที่พักแบบง่ายๆ ไม่หรูหราอะไรเลยค่ะ ดูแบบสมถะ ไม่เน้นการตกแต่งดีไซน์อะไรทั้งนั้นค่ะ แบบธรรมดา
เข้ามาติดต่อเช็คอินน์ เจ้าหน้าที่เป็นน้องผู้ชาย พูดไทยไม่ค่อยจะชัดนิดหน่อยค่ะ แต่บริการดีค่ะ ก็ถ่ายรูปบัตรใบขับขี่ของดิฉันค่ะ กับหมายเลขการจองทางออนไลน์ไปค่ะ จากนั้นก็ได้กุญแจมาค่ะ ไม่ต้องจ่ายมัดจำอะไรทั้งนั้นนะค่ะ ดูง่ายๆ เป็นกันเองดี ไม่ต้องกรอกข้อมูลอะไรให้ยุ่งยากค่ะ เอาใจคนชอบที่พักแบบชิลๆ ไม่เน้นวิวสวย แค่มานอนพักค้างคืน เพื่อตื่นตอนเช้าๆ ขึ้นไปเที่ยวเขาใหญ่ได้ใกล้ๆค่ะ 
ภายในรีสอร์ท ก็มีเครื่องเล่นจำพวกยิงเป้า ยิงธนูให้ด้วยนะค่ะ แต่บางอย่างก็ชำรุดเสียหายเล่นไม่ค่อยได้ค่ะ และบางโซนก็เป็นที่เก็บโต๊ะเก้าอี้ไปค่ะ
ที่พักเป็นแบบบังกะโล บ้านพักเป็นหลังๆเหมาะสำหรับคู่รักและครอบครัว คลิ๊กดูรายละเอียดห้องพักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/ry9Chn
ที่พักคืนนี้ นอนบ้านเป็นหลังเลยนะค่ะ แบบบังกะโลส่วนตัว ราคาถูกหลักร้อย ไม่แพงค่ะ ดิฉันเองพึ่งจะจองก่อนมาพักแค่ 1 วันค่ะ จองผ่านอโกด้าไปราคาคืนละ 760 บาท ถ้าจองผ่านโรงแรมโดยตรงคืนละ 800 บาท ต่างกัน 40 บาทค่ะ ไม่มีอาหารเช้าให้ค่ะ นอนได้ 2 คน และเด็กเล็กก็มานอนได้ไม่ชาร์จเพิ่มค่ะ แถมเอาน้องหมามาพักในบังกะโลได้ค่ะ
เข้ามาด้านในมีแบ่งเป็น Space เตียงนอนอยู่ชั้นบนค่ะ ส่วนด้านล่างเป็นห้องนั่งเล่น
เข้ามาด้านในบ้านพักก็ถือว่าสะอาดใช้ได้ค่ะ มี 2 ชั้น ด้านล่างเป็นห้องนั่งเล่น ส่วนด้านบนเป็นห้องนอนค่ะ เป็นห้องแอร์
มีทีวี โต๊ะทานข้าว โซฟาให้นั่งพักค่ะ
ภายในบ้านพักมีทีวีจอแบนติดอยู่กับผนังเลย หมุนไปทางโซฟาไม่ได้ค่ะ ต้องมานั่งดูตรงโต๊ะทานข้าวอย่างเดียว
มีตู้เย็น ไมโครเวฟ และจานชามให้ด้วย คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/ry9Chn
มีตู้เย็น ไมโครเวฟ จานชาม และที่ล้างชามให้ด้วยค่ะ  ถือว่าก็โอเคนะ แต่มีมดตัวดำๆเดินต้วมเตี๊ยมอยู่ใกล้กับไมโครเวฟค่ะ
ภาพห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำให้ด้วย คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/ry9Chn
ส่วนห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำ และเครื่องทำน้ำร้อน  ผ้าขนหนูเช็ดตัวและเช็ดหน้าให้อย่างละ 2 ผืนค่ะ แต่เสียอย่างเดียวไม่มี สบู่กับแชมพูให้นะค่ะ ปกติโรงแรมทุกแห่งก็มีจะมีให้ แต่อันนี้ไม่มีให้ค่ะ  เดี๊ยนผิดเองที่ไม่ได้อ่านในรายละเอียดค่ะในข้อมูลรายละเอียดที่พักก็ไม่ได้ระบุไว้ค่ะ หากใครมาพักที่นี้เตรียมสบู่ แชมพู มาให้่ครบเซทนะค่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกไปซื้อข้างนอก
ตรงมุมผนังห้องนั่งเล่น ใกล้ประตู มีกระปุกออมสินสำหรับหยอดเหรียญเพื่อร่วมทำบุญคนชราให้ด้วยนะค่ะ เดี๊ยนชอบตรงนี้แหละค่ะ  น่าจะมีแขกที่เข้ามาพักก่อนหน้านี้ พากันหยอดจนเหรียญ จนเต็มกระปุกแล้วค่ะ
ส่วนอาหารมื้อเย็นนี้ ดิฉันคงไม่ได้ออกไปทานที่ใหนค่ะ เพราะซื้อของกินมาจากตลาดที่ปากช่องแล้วค่ะ มีหลายอย่างเลยนะค่ะ ทั้งยำวุ้นเส้น ผัดกระเพรา สลัดผัก และองุ่น คงทานไม่หมดหรอกค่ะ กะว่าคงจะเอาไว้ทานพรุ่งนี้ แกะออกมาถ่ายรูปให้ดูอลังๆเฉยค่ะ 555
ส่วนที่นอนอยู่ชั้นบนค่ะ มีปลั๊กไฟให้ด้วย คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/ry9Chn
หลังจากที่ได้ทานอาหารจนอิ่มแล้วนะค่ะ ดิฉันก็อาบน้ำ ทำภารกิจจนเสร็จ เพื่อเข้าพักผ่อนค่ะ หลังจากเดินทางมาร่วมครึ่งวันเลยค่ะ
ส่วนห้องนอนคืนนี้ ก็อยู่ด้านบนค่ะ ใกล้จะติดกับเพดานหลังคาเลยค่ะ พอเดินขึ้นมาด้านบน รู้สึกว่าร้อนอบอ้าวกว่าด้านล่างมากค่ะ ไม่ค่อยโอเคเลย จนเดี๊ยนต้องไปปรับทิศทางของแอร์ให้พ่นความเย็นขึ้นมาด้านบน ก็พอจะช่วยได้ แต่ต้องขยับที่นอนให้มาใกล้ๆระเบียงหน่อยค่ะ ความเย็นของแอร์มาถึงนิดนึง  แต่ชอบตรงที่มีปลั๊กไฟให้ด้วยค่ะ จะได้ไม่ต้องเดินลงบันใด
โดยรวมสภาพห้องพักคืนนี้สำหรับตัวดิฉัน ถือว่าโอเค ใช้ได้นะค่ะ เหมาะสมกับราคาอยู่ค่ะ แต่ขอติอยู่อย่างเดียว น่าจะมีสบู่ แชมพูให้สักชิ้นสองชิ้นก็จะดี และห้องนอนด้านบน ความเย็นมาไม่ถึงค่ะ ขอพัดลมสักตัวจะดีเริ่ดมากค่ะ

หลังจากที่ทานข้าวอิ่มแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เข้านอนพักผ่อน เพื่อเก็บแรงไว้เดินทางในวันถัดไปค่ะ
----------------------------------------------------------------------
ภาพด้านหน้าที่พักตอนเช้า หากขับมอเตอร์ไซต์มา ก็เอามาจอดได้ค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/ry9Chn
เช้าตรู่ของวันถัดมา ดิฉันตื่นแต่เช้าตรู่ค่ะ เพื่อเตรียมตัวขับมอเตอร์ไซต์ขึ้นไปยังเขาใหญ่ค่ะ สภาพอากาศตอนเช้าของวันนี้ ท้องฟ้าแจ่มใส และอากาศดีค่ะ มีลมพัด ลมพัดช่วยพักให้คลายร้อนค่ะ

เพื่อนๆพี่ๆน้องๆท่านใดที่วางแผนจะแวะมาเที่ยวเขาใหญ่ และอยากได้ที่พักแถวเขาใหญ่ ราคาถูก หลักร้อย ไม่แพง ไม่เน้นวิวสวยๆอะไรมากนัก ก็แวะมาพักที่นี้ได้ ประหยัดดีค่ะ เข้าไปดูรายละเอียดห้องพักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/ry9Chn
 
 ก่อนจะไปขอมาเดินออกกำลังกายรอบๆรีสอร์ทสักหน่อยค่ะ มีดอกกล้วยไม้กำลังเบ่งบานให้ชมด้วยค่ะ
ไม่รู้ว่ากล้วยไม้พันธุ์อะไรนะค่ะ แต่สีสวยงามดูแล้วสดชื่นสบายตาดีค่ะ
 อาหารเช้ามื้อนี้ จัดไปขนมเค้าชิฟฟ๊อนซื้อมาเมื่อวาน ทานไม่หมดค่ะ เลยเอามาทานเป็นอาหารเช้ามื้อนี้แล้วกันค่ะ ยังมีองุ่นและสลัดด้วยนะค่ะ เดียวคงหอบเอาไปทานที่เขาใหญ่ค่ะ
มีน้องหมาด้วยนะค่ะ เดินตามดิฉันต้อยๆค่ะ น่าจะเป็นหมาของที่พักแห่งนี้แหละค่ะ เห็นมีน้องหมาของแขกที่เข้าพักด้วยนะค่ะ แต่ละตัวก็มุดตัวอยู่ในตะกร้า แต่น้องหมาของที่พักก็ออกมารับแขกที่เข้าพักแต่เช้าเลยนะค่ะ ดูท่ามันน่าจะหิวนะค่ะ น่ารักดี ตัวเล็กๆมุ้งมิ้ง กระดิกหางดุ๊กดิ๊กค่ะ
และหลังจากที่ได้ทานขนม นมเนย รองท้องไปเรียบร้อยแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ใบน้อยเช็คเอาท์ออกจากที่พักค่ะ เพื่อขับมอเตอร์ไซต์ขึ้นเขาใหญ่ค่ะ และอีกหนึ่งจุดเช็คอินน์ ยอดนิยมหากใครมาเที่ยวเขาใหญ่ ต้องไม่พลาดแวะถ่ายรูปคู่กับป้ายอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ค่ะ
ป้ายสีน้ำตาล ตัวอักษรสีเหลืองโดดเด่นเห็นแต่ไกล  สมัยแต่ก่อนโน้นที่เคยมา ตอนวัยละอ่อน มีแต่ป้ายเขียนไว้ว่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่ตอนนี้มีตราสัญลักษณ์ของPatrimoine Mondial เพื่อบ่งบอกว่าผืนป่าเขาใหญ่แห่งนี้เป็นมรดกโลกค่ะ
แหล่งมรดกโลกคืออะไร??? 
บางท่านอาจจะไม่รู้ ดิฉันเลยขอไปค้นหาข้อมูลดีๆมาให้ทุกท่านได้อ่านกันเป็นความรู้ค่ะ

แหล่งมรดกโลก หรือ มรดกโลก (อังกฤษ: World Heritage Site; ฝรั่งเศส: Patrimoine Mondial) คือสถานที่ อันได้แก่ ป่าไม้ ภูเขา ทะเลสาบ ทะเลทราย อนุสาวรีย์ สิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมไปถึงเมือง ซึ่งคัดเลือกโดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงคุณค่าของสิ่งที่มนุษยชาติ หรือธรรมชาติได้สร้างขึ้นมา และควรจะปกป้องสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร เพื่อให้ได้ตกทอดไปถึงอนาคต

สำหรับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จัดอยู่ในมรดกโลกทางธรรมชาติของประเทศไทยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 10-17 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 ณ เมืองเดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติ 4 แห่ง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอีก 1 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และบุรีรัมย์ ถูกเรียกว่าเป็น ผืนป่าตะวันออก เพื่อเทียบเคียงกับ "ผืนป่าตะวันตก" บริเวณภาคตะวันตกของไทย (ขอบพระคุณข้อมูลดีๆจาก https://th.wikipedia.org/wiki/ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่)
และข้อปฎิบัติอีกอย่างก่อนจะขึ้นเขาใหญ่ก็คือ การปฎิบัติตัวเมื่อเจอข้างขณะขับรถค่ะ  What to do if you see elephant on the road 
ข้อควรปฎิบัติเมื่อเจอข้างป่าขณะขับรถมีดังนี้ค่ะ
(นำมาทุกท่านได้อ่านกัน เผื่อจะได้นำไปปฎิบัติได้อย่างถูกต้องค่ะ)

1.หากเจอช้าง ห้ามจอดดูนะค่ะ ให้ขับรถผ่านไปได้เลย อย่างไรก็ตามให้ให้สังเกตุว่าช้างมีอาการอย่างไร หากว่าช้างนั้นยืนกินใบไม้ข้างทาง แกว่งหางอยู่นั้นหมายถึง ช้างอยู่ในสภาวะปกติ ให้ขับผ่านไปช้าๆในอาการปกติ รถคันที่ขับผ่านไปแล้วกรุณาอย่าหยุดดู ซึ่งจะทำให้กีดขวางรถคันอื่นที่จะตามมาได้

2.ห้ามปิดไฟหน้ารถ ห้ามเปิดที่ปิดน้ำฝน ห้ามบีบแตร หรือทำอะไรก็ตามที่ผิดปรติ ซึ่งจะทำให้ช้างเข้าใจว่าเราเอาจเป็นอันตรายต่อเขา

3.หยุดรถให้ห่างจากช้างอย่างน้อย 30 เมตร หากช้างเดินเข้าหา ให้เคลื่อนรถหนีออกไปก่อน จนกว่าช้างจะหลบหนีเข้าข้างถนน จึงเคลื่อนรถผ่านไป

4.อย่าใช้แตรรถ หรือส่งเสียงดังรบกวนช้างหรือไล่ช้าง เพราะอาจทำให้ช้างโกรธและจู่โจ่มเข้ามาหาเราได้ค่ะ

5.งดการใช้แฟลชถ่ายรูป เพราะอาจทำให้ช้างตกใจตและตรงเข้ามาทำร้ายได้

6.ให้ติดเครื่องยนต์รถไว้เสมอ เพื่อให้สามารถเคลื่อนรถหนีได้ท้ันท่วงที

7.หากพบในเวลากลางคืน ให้เปิดไฟรถไว้เสมอ เพื่อให้สามารถสังเกตุอาการของช้าง และระยะห่างระหว่างรถกับช้างได้โดยสะดวก

8.เมื่อตกอยู่ในวงล้อมของช้าง ตั้งสติให้มั่น หากเป็นเวลากลางคืนให้ใช้ไฟสูง แล้วเคลื่อนรถไฟในทางที่มีช้างอยู่น้อย แม้บางครั้งจำเป็นต้องเข้าใกล้ หรือเบียดฝูงช้างไปก็ตาม อย่าดับเครื่องยนต์และปิดไฟรถเป็นอันขาด ค่อยๆเคลื่อนรถให้เสียงเครื่องยนต์นิ่งมากที่สุด

9.ไม่ควรจอดรถดูช้าง เพราะอาจมีรถคันอื่นตามมา แล้วรถของคุณก็กีดขวางรถผู้อื่น จนเป็นให้เหตุให้ถูกทำร้ายแทนรถของคุณได้

10.ไม่ควรจอดรถแล้วลงไปถ่ายรูปช้างในระยะใกล้ๆ เพราะทำให้คุณวิ่งหนีขึ้นรถไม่ทัน ควรระลึกอยู่เสมอๆว่า โดยทั่วไปช้างมักจะอยู่รวมกันกับครอบครัว หรือเป็นผูง ขณะที่คุณเจอช้างเพียงตัวเดียว เป็นไปได้ว่าอาจมีช้างตัวอื่นๆ กระจายตัวหากินอยู่บริเวณป่าข้างๆทางนั้นก็เป็นได้ดังนั้นจึงไม่ควรถ่ายรูปกับช้าง
ค่าธรรมเนียมขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ค่าธรรมเนียมยานพาหนะ 30 บาท
และค่าธรรมเนียมของอุทยานอีก 40 บาท
รวม 70 บาทค่ะ
และใหนๆมาเที่ยวเขาใหญ่ทั้งที่ ต้องไม่พลาดแวะไหว้ศาลเจ้าพ่อเข้าใหญ่ก่อนเพื่อความปลอดภัยให้กับตนเองระหว่างเดินทางขับมอเตอร์ไซต์ขึ้นไปเขาใหญ่จะได้ปลอดภัยค่ะ
มารู้จักประวัติศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่กันค่ะ?
สำหรับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เป็นที่เคารพบูชา ของประชาชนทั่วไปและประชาชนในจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างมาก

โดยเจ้าพ่อเขาใหญ่ แต่เดิมท่านมีชื่อว่า นายจ๋าง นิสัยสัตย์ บ้านเกิดอยู่ จ.นครนายก ท่านรับราชการเป็นปลัดกองทัพไทย และได้ผ่านศึกสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านข้างเคียงมาอย่างโชกโชก ท่านมีบุคลิกลักษณะที่สง่างาม สมชายชาตินักรบไทย เมื่อว่างหลังจากศึกสงครามท่านมันจะขี่ม้าออกเยี่ยมเยือนนักรบไทยที่เป็นลูกน้องเก่าของท่าน

ครั้งหนึ่งท่านทราบว่าลูกน้องเก่าของท่านไปตั้งตัวเป็นโจรบนเขาใหญ๋และเห็นลูกน้องถางป่าบนเขาใหญ่จนโล่งเตียง ก็เสียใจมาก จึงขอร้องให้ลูกน้องเลิกและรีบอพยบกันลงไปอยู่ข้างล่าง แต่มีโจรกลุ่มหนึ่งไม่ยอมเชื่อ เมือท่านไปขอร้อง ทำให้ท่านและหัวหน้าโจรทั้ง 5 กลุ่มไม่สบายใจ จึงนัดพบกัน ณ ป่าหญ้าคา ใกล้หนองขิง แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น ปรากฎว่าหัวหน้าโจรกลุ่มนั้นถูกยิงเสียชีวิต
ในยุคนั้นท่านเป็นบุคคลที่ชาวบ้านให้ความเคารพยำเกรงเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นท่านยังมีน้ำใจโอบอ้อมอารี รักญาตุพี่น้องให้ความช่วยเหลือต่อชาวบ้านในทุกๆด้าน ท่านจบชีวิตลงด้วยไข้ป่า เมื่อวัย 75 ปี ชาวบ้านต่างพร้อมใจกัน ตั้งศาลเพียงตาไว้ให้ที่ใต้ต้นกระบกใหญ่บริเวณวัดหนองเตียม จ.นครนายก
และหลังจากที่รัฐบาลโดย ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชติ์ ได้มีการสำรวจตัดตั้งป่าเขาใหญ่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ และได้มีการสร้างถนนสายธนะรัชต์ขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฯพณฯ จอมพลกฤษดิ์ ได้เกิดมีนิมิตรฝันถึงเจ้าผู้คุ้มครองเหลาสรรพสัต์ และป่าเขาให้จึงได้สั่งการให้จัดตั้งศาลเจ้าพ่อเข้าใหญขึ้น บริเวณ กม.23 ถนนธนะรัชติ์ และได้อัญเชิญดวงวิญญาณของท่านมา สถิตย์ ณ ศาลเจ้าพ่อ และขนานนามว่า "ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่" โดยในวันที่ 26 มกราคมของทุกปี จะมีการบวงสรวงระลึกถึงพระคุณท่าน เพราะในวันดังกล่าวเป็นวันที่อัญเชิญท่านลงมาอยู่ในศาลใหม่นั้นเอง

มีตุ๊กตาช้าง ม้าลาย วางเรียงรายอยู่เต็มหน้าศาลค่ะ
เขาใหญ่ ย้อนกลับไปเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในปัจจุบันยังคงเป็นป่าดงดิบผืนใหญ่ที่ทอดยาวมา ตั้งแต่เทือกเขาเพชรบูรณ์จนถึงเทือกเขาสันกำแพง และติดต่อไปจรดถึงเทือกเขาพนมดงรัก บนพรมแดนติดกับประเทศกัมพูชา สภาพภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมทำให้เทือกเขาที่ทอดยาวนี้ ได้รับความชุ่มชื้นจากลมมรสุม ผืนป่าเขาใหญ่นี้จึงเป็นต้นธารน้ำมากมายที่หล่อเลี้ยงคนภาคกลางและภาคอีสาน ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นปราการที่แบ่งที่ราบลุ่มภาคกลาง กับที่ราบสูงภาคอีสานออกจากกันโดยสิ้นเชิง

จากคำเล่าขานครั้งก่อนของชาวบ้านทำให้คนรุ่นหลังรู้ว่า เขาใหญ่ที่เห็นอยู่วันนี้ เมื่อก่อนมีชื่อเรียกว่า "ป่าดงพญาไฟ" ป่าที่รกทึกเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายไข้ป่าและภยันตรายนานานับประการ ซึ่งได้คร่าชีวิติผู้ที่ต้องเดินทางผ่านป่าผืนนี้ไปมาระหว่างภาคกลางกับภาคอีสานมาแล้วนับไม่ถ้วน

และเดินลงมาใกล้ๆกัน ก็มีข้อมูลสาระน่ารู้
เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเขาใหญ่ให้อ่านด้วยค่ะ เดี๊ยนเลยขอเอาข้อมูลมาลงไว้ในเว็ปบล็อกให้ทุกท่านอ่านกันค่ะ

ป่าดงพญาไฟผืนใหญ่ถูกตัดออกจากกันครั้งแรก เมื่อหลายปีที่แล้ว เมื่อครั้งที่มีการตัดทางรถไฟเชื่อมภาคกลางกับภาคอีสานตามด้วยทางหลวงหมายเลข 2 หรือถนนมิตรภาพที่สร้างขึ้นในเวลาต่อมา แม้การสร้างถนนกลางป่าดงดิบผืนนี้ ต้องแลกด้วยชีวิตคนงานมากมายจากพิษของไข้ป่า

แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เมื่อถนนและทางรถไฟสร้างเสร็จ ราษฎรเริ่มอพยพเข้ามาตั้งรกราก ชื่อ “ดงพญาไฟ” ก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็ฯ “ดงพญาเย็น” พร้อมกับความโหดร้อนของไข้ป่าสัตย์ร้ายในป่าดงดิบที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ

เขาใหญ่ทุกวันนี้ เป็นเพียงเศษเสี้ยวของป่าดงพญาไฟหรือดงพญาเย็นในอดีต แต่ก็เป็นเสี้ยวที่ใหญ่ที่สุดที่เหลือรอดจากการไหลบ่าทางความเจริญในยุคพัฒนาประเทศไทย ช่วงปี พ.ศ.2465 ป่าเขาใหญ่ก็กลายเป็นที่หลบซ่อนของผู้ร้ายที่หนีคดีมาตั้งเป็นหมู่บ้านกลางป่า จนกระทั้งทางการได้ทำการปราบปรามและอพยพชุมชนออกจากป่าให้หมด และประกาศให้พื้นที่กว่า 1,350,000 ไร่ ส่วนหนึ่งของป่าดงพญาเย็นที่ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดให้เป็น "อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” และเป็นอุทยานแห่งแรกของประเทศไทย เมื่อปี 2505

เค้าโครงความเร้นกลับ ของ “ดงพญาเย็น” ยังสะท้านให้คนรุ่นหลังได้เห็นในภาพลักษณ์ของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เขาใหญ่ในวันนี้ ปราศจากไข้ป่าและสัตว์ร้ายที่เคยชุกชุม แต่ภายใต้เรือนยอดอันแน่นทึบของป่าอันหลากหลายทั้งป่าดิบชื้นไปจนถึงป่าดิบเขา ยังเต็มไปด้วยสรรพชีวิตทั้งพรรณไม้ สัตว์และแมลงผีเสื้อมากมายให้ชื่นชมและศึกษาได้ไม่รู้จบ เหนือยอดไม้เรายังได้เห็นนกเงือกเป็นเครื่องหมายแห่งความสมบูรณ์ที่ นกบินรวมกันเป็นฝูง สัตว์ใหญ่อย่างช้างป่าก็ยังหาหินอยู่ในป่าเขาใหญ่นับร้อยตัว

สรรพสิ่งต่างๆในป่าเขาใหญ่ต่างอาศัยอยู่รวมกันเป็นระบบนิเวศวิทยา ที่เกื้อกูลกัน สร้างความอุดมสมบูรณ์และผลผลิตเป็นสายธารไหลระย้านับสิบสาย ที่ไม่ได้ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนที่ปลายน้ำเท่านั้น แต่เมื่อสายธารเหล่านี้ไหลลดหลั่นผ่านโครกผาก็กลายเป็นน้ำตกหลายสิบแห่งที่สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

เขาใหญ่ในวันนี้ดำรงตนในฐานะอุทยานแห่งชาติอันดับหนึ่งของประเทศไทยที่มีผู้มาเยือนมากกว่าหนึ่งล้านคนต่อปี ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวคือ สิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก หากเพียงหวังว่าความงดงามของธรรมชาติจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้มาเยือนทุกคนเกิดความรัก และหวนแหนป่าเขาใหญ่ให้คงอยู่ตลอดไป (ขอบพระคุณข้อมูลจากบอร์ดริมทางของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ค่ะ)
 หลังจากที่ได้ไหว้ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่แล้ว  เดี๊ยนก็ตะลุยสตาร์ รถมอเตอร์ไซต์ ขับมุ่งหน้าขึ้นเขาใหญ่ โดยจุดมุ่งหมายของทริปนี้คือ ไปชมน้ำตกเหวนรกค่ะ ชื่อน้ำตกน่ากลัวจัง อยากให้เปลี่ยนเป็นน้ำตกเหวสวรรค์จังเลยนะค่ะ
ระหว่างทางขับมอเตอร์ไซต์ขึ้นมานะค่ะ ก็จะสัมผัสได้ถึงความเย็นและสดชื่นของผืนป่าไม้สองข้างทาง สีเขียวชะอุ่มชุ่มชื่นรืนบานฤทัยมากๆค่ะ และอีกอย่างวันที่เดี๊ยนเดินทางมาเที่ยวก็เป็นวันธรรมดา รถราก็ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ค่ะ เงียบสงบ สยบความครืนเครงจริงๆค่ะ เผลบๆขับไป โชดคี อาจจะได้เจอช้างใหญ่อยู่ริมทาง ก็จะได้ทักทายสวัสดี บ๊ายๆกันค่ะ
 ขับรถมอเตอร์ไซต์จากปากทางขึ้นมาได้สัก 7 กิโล มาถึงจุดท่องเที่ยวเช็คอินน์จุดแรก เป็นจุดชมวิว กม.ที่ 30 ค่ะ อีกหนึ่งจุดชมวิวยอดนิยมที่สวยงาม อยู่ติดริมทาง บรรยากาศดี ต้องแวะไปชมความงามสักหน่อยค่ะ เห็นมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกำลังจ้องมองดูนกเงือกกันด้วยค่ะ แต่เดี๊ยนเองก็มองไม่เห็นนกเงือกเลยนะค่ะ สงสัยต้องพกแว่นขยายหรือกล้องส่องทางไกลค่ะ
 อากาศบนนี้บรรยากาศดี๊ดีค่ะ ท้องฟ้าช่วงเช้าก็แจ่มใส งามวิไลสดชื่น รื่นฤทัย ลมพัดเย็นสบายใจ ไม่ร้อนเลยค่ะ
ที่จุดชมวิวทิวทัศน์ริมทางขึ้นเขาใหญ่นี้ก็สวยงาม 
 มองไปก็เป็นหุบเขาและผืนป่าสีเขียวขจี อากาศดี๊ดี น่ามานอนพักยวลยียิ่งนักแลค่ะ
ป่าที่ท่านมองเห็นอยู่เบื้องหน้านั้น จำแนกออกเป็นป่า 2 ประเภท ได้แก่ ป่าเบญจพรรณ (ป่าผสมผลัดใบ) ขึ้นอยู่บริเวณเชิงเขาด้านล่าง แล้วค่อยแน่นทึบเป็นป่าดิบ เมื่องความสูงของภูมิประเทศเพิ่มขึ้น ป่าประเภทต่างๆ ก่อให้เกิดความแตกต่างของสภาพถิ่นที่อยู่อาศัย ความสมบูรณ์ของความหลากหลายของชนิดพันธ์พืชและสัตว์
ดอกไม้แห่งพงไพร
จุดสีขาว เหลือง แดง กระจัดกระจายบนผืนป่าสีเขียว เป็นสีสรรของดอกไม้ป่าที่ผลิตดอกระหว่างช่วงฤดูแล้งไปจนถึงต้นฤดูฝน

และพื้นที่ด้านล่างจะร้อนและแห้งแล้ง ทำให้ต้นไม้ในป่าเบญจพรรณทิ้งใบ เพื่อลดการคายน้ำ รักษาชีวิตในฤดูแล้งเพื่อรอฤดูฝนใหม่
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่จุดชมวิวทิวทัศน์ริมทาง
ที่จุดชมวิวแห่งนี้ก็มีป้ายสัญลักษณ์ถึงผืนป่าที่มรดกของโลกด้วยค่ะ

แหล่งมรดกโลกเขาใหญ่-ดงพญาเย็นนั้น เป็นผืนป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง โดยมีสภาพป่าแบบต่างๆ ตั้งแต่ ป่าดงดิบ ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และทุ่งหญ้า

โดยพื้นที่ตรงผืนป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้น เคยได้รับการเสนอชื่อขึ้นไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2533 แล้ว ซึ่งในขณะนั้นได้เสนอแหล่งธรรมชาติอีก 3 แหล่งสู่ที่ประชุมองค์การยูเนสโกเพื่อพิจารณา คือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เขตรักษาพันธุ์สัตวป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง และอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และปรากฏว่า เขตรักษาพันธุ์สัตวป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกเพียงแห่งเดียว ด้วยเหตุที่ว่าอุทยานแห่งชาติที่เหลือทั้ง 2 แห่งนั้น เล็กเกินไป และยังมีนโยบายที่แม่แน่นอนและไม่เพียงพอ

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นแหล่งที่มีชนิดพันธุ์ของพืช และสัตว์ที่ไม่สามารถพบได้ที่อื่นเป็นจำนวนมาก โดยในจำนวนพืชราว 15,000 ชนิดที่พบในประเทศไทย สามารถพบในแหล่งมรดกโลกนี้ถึง 2,500 ชนิด มีพืชเฉพาะผืนป่านี้ถึง 16 ชนิด มีสัตว์ป่ากว่า 800 ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 112 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำกว่า 209 ชนิด นกกว่า 392 ชนิด และเงือก 4 ชนิด ใน 13 ชนิดที่พบในประเทศไทย
นักท่องเที่ยวท่านนี้ กำลังรอลุ้นนกเงือกบินมาที่ต้นไม้ใหญ่นั้นอยู่กระมังค่ะ
ป้ายบอกทาง แหล่งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
 หลังจากได้ชมวิวทิวทัศน์แสนสวยงามที่ จุดชมวิว กม.30 แล้วนะคะ่ ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์ขึ้นไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ค่ะ ท้องฟ้าแจ่มใสมากๆค่ะ
ขับมาไม่นานก็ถึงแล้วค่ะ ที่ทำการศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ค่ะ  
ใหนๆเข้ามาทั้งทีก็แวะเดินศึกษาหาความรู้ดีๆในนี้สักหน่อยค่ะ จะเป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับเขาใหญ่ 
 และมีการจัดแสดงความรู้เกียวกับสัตว์ป่าชนิดต่างๆบนผืนป่าแห่งนี้ด้วยค่ะ หากใครแวะมาเขาใหญ่อย่าลืมแวะเข้ามาเดินศึกษากันดูนะค่ะ
 เดินออกจากห้องจัดแสดงนิทรรศการก็จะเป็นจุดนั่งพักริมลำธาร อากาศดี๊ดี สดชื่นมากๆค่ะ
 เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนหน่อนใจ ใกล้ๆก็มีร้านขายน้ำชา กาแฟ ขนมนมเนยให้นั่งทานกันด้วยนะค่ะ
แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ได้แผนที่ท่องเที่ยวบนเขาใหญ่มาแล้วค่ะ และทางเจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้ไปน้ำตกเหวนรกค่ะ เพราะช่วงนี้มีน้ำเยอะ น้ำตกสวย ดิฉันเองก็ยังไม่เคยไปน้ำตกแห่งนี่้เลยนะค่ะ เคยไปแต่น้ำตกเหวสุวัตร เลยขอไปเยี่ยมชมน้ำตกเหวนกรกนี้สักครั้ง ว่าจะสวยสะทกสะท้านแค่ใหน มีกระทะทองแดงร้อน ให้ลงไปแช่ด้วยหรือไม่ค่ะ แค่ได้ยินชื่อน้ำตกก็น่ากลัวแล้วค่ะ

ระยะทางจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวในเขาใหญ่ มีดังนี้ค่ะ
- น้ำตกผากล้วยไม้ ระยะทาง 11 กิโลเมตร
- น้ำตกเหวสุวัตร ระยะทาง 12 กิโลเมตร
- จุดชมวิวผาเดียวดาย ระยะทาง 14 กิโลเมตร
- น้ำตกเหวนรก ระยะทาง 24 กิโลเมตร

โดยทริปวันนี้ขับมอเตอร์ไซต์ไปชมน้ำตกเหวนรกค่ะ ระยะทางก็ไม่ใกล้และไม่ไกลค่ะ 24 กิโลเมตรค่ะ 
 ดูในแผนแนะนำท่องเที่ยว มีเส้นทางเดินป่าแบบสั้นๆด้วยค่ะ

มารู้จักเส้นทางศึกษาธรรมชาติเดินป่าในเขาใหญ่กันค่ะ ว่ามีที่ใหนบ้าง??? 

1.เส้นทางศูนย์บริการนักท่องเที่ยว-น้ำตกกองแก้ว ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร

2.เส้นทางน้ำตกผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัตร ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร

3.เส้นทางเดินป่า กม.33 - หอดูสัตว์หนองผักชี ระยะทาง 3.3 กิโลเมตร 

4.เส้นทางดงติ้ว- มอสิงโต 2.7 กิโลเมตร

5.เส้นทางดงติ้วข หอดูสัตว์หนองผักชี ระยะทาง 5 กิโลเมตร

 มาเที่ยวเขาใหญ่ช่วงฤดูฝน และจะมาเดินป่าในช่วงฤดูนี้ อย่าลืมค่ะถุงกันทากมาด้วยนะค่ะ ไม่งั้นโดนทากดูดเลือดจนหมดตัวแน่ค่ะ
 และเส้นทางเดินทางป่าระยะสั้นๆที่อยู่ใกล้ๆกับที่ทำการอุทยานก็คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกองแก้วค่ะ ระยะทางในแผนที่บอกไว้ว่า 1.2 กิโลเมตรค่ะ

ตามข้อมูลระบุไว้ว่า
.....เส้นทางศึกษาธรรมชาติกองแก้ว 
เส้นนี้ จะนำท่านไปพบกับป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ สวยงาม มีเรื่องราวของกลไกธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงตามอิทธิพลของน้ำ ลม และแสงแดด ท่านจะได้เรียนรู้ถึงเรื่องราวของป่าไม้สูงใหญ่สวยงามริมน้ำ ลำธารสร้างป่า น้ำและแสงแดด ช่วยกันดูแลหวาย “รูปแบบชีวิตต้นไม้ในบึง” ลมช่วยปลูกต้นยางเสียน อิทธิพลของแสงต่อโครงสร้างป่า ป่าซ่อมแซมตัวเอง และน้ำตกหินภูเขาไฟเส้นทางนี้

มีระยะทาง 1200 เมตร มีความลาดชันเล็กน้อย ใช้เวลาเดินประมาณ 45นาที เพื่อการชมธรรมชาติให้สนุก ควรมีกล้องถ่ายรูป สมุดบันมึก กระติกน้ำ รองเท้าหุ้มส้น สำหรับในฤดูฝนเส้นทางนี้ มีทากชุกชม ควรสวมรองเท้าหุ้มส้นทาด้วยสบู่เหลวและสวมถุงกันทากด้วยค่ะ(แสดงว่าทากต้องเยอะจริงๆนะค่ะ แต่เดินเข้ามาก็รู้เลยว่าชุ่มชื้นแค่ใหนค่ะ )
เดินข้ามสะพานไปยังจุดเริ่มต้นเส้นทางศึกษาธรรมชาติกองแก้วค่ะ 
 เส้นทางเดินป่าจะเป็นเส้นทางเดินเล็กๆให้เดินศึกษาดูต้นไม้กันค่ะ
จุดแรกจะเป็นดงหวายค่ะ

หวายชูยอดหาแสง  
ส่งรากหาความชื้นหวายอยู่รวมกันเป็นกอ ใช้กาบที่มีหนามหุ้มลำอ่อน เพื่อป้องกันตัวไม่ให้สัตว์ป่ามากินยอด เพราะการเจริญเติบโตของหวายจะออกจากยอดเพียงจุดเดียวเท่านั้น

หวายจะทอวางลำตัวเข้าหาแสงแดด โดยใช้ตะขอบนแช่ที่งอกออกมาจากปลายใบด้วยความยาว 2-3 เมตร ชูขึ้นไปในอากาศ เมื่อลมพัดโยกไปเกาะติดต้นไม้ ก็สามารถพายอดไต่ปีนขึ้นเรือนยอดไม้อื่นเพื่อรับแสงแดดได้ ปกติจะพบหวายในร่องหุบเขาริมห้วย หากขุดดินดู จะพบดินที่อุดมสมบูรณ์และชุ่มชื้นตลอดปี
 เดินป่าเข้ามาสู่ดงหวายและป่าไม้ดิบชื้นอุดมสมบูรณ์ อากาศสดชื้นดีมากๆ บรรยากาศก็เงียบสงบ สยบความครืนเครงไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจเลยนะค่ะ บางครั้งก็กลัวเดินไป แล้วไปพบเสือโคร่งเข้าคงวิ่งจรลี หนีไม่ทันแน่ๆค่ะ
 เวลาจะเดินบางครั้งก็ต้องระวังไม้และใบหญ้าชูมาริมทางเดิน เพราะมีตัวทากตัวอยู่ มันจะกระโดดเด้งหดึง ตลึง ตึงตึงมาให้ได้ค่ะ
ต้นไม้ใหญ่สูงลิ่วริมทาง มีเถาวัลย์เลื้อยปกคลุมต้นเขียวชะอุ่มไปหมดค่ะ
"ลมช่วยสร้างป่"
ในอดีตป่าบริเวณนี้ เคยถูกลมพัดแรง จนไม้ใหญ่หักเป็นแนวกว้าง พื้นดินกลางป่าใหญ๋ที่แสงแดดเคยส่องรำไร ถูกเปิดเป็นช่องแสงโล่งแจ้ง คล้ายหน้าต่างป่าเปิด เปลี่ยนแปลงความร้อนในอากาศ ความชุ่มชื้นในดิน เชิญชวนให้ไม้ลุ้มลุกชอบแดดเข้ามาเจริญเติบโต

วันนี้ไม้พุ่มและไม้เถาชอบแดด เข้ามาเบียดไล่แผ่พุ่มใวบบดบังแสง ทำให้ลดความร้อนและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดิน และแม่ไม้ป่าดงดินเริ่มทยอดส่งลูกไม้กลับเข้ามาเติบโตทุกปี กระแสลมแรงจึงเป็นผู้พลิกผันป่าสูงใหญ่ให้เป็นป่าเกิดใหม่ได้เสมอ

ตลอดระยะเส้นทาง หากใครได้มาเดินคนเดียวแบบตัวดิฉันนะค่ะ จะรู้สึกได้ถึงความเงียบสงัด สลัดความกลัว และตื่นเต้นจนใจระรัวอยู่ไม่น้อย เพราะมีเสียงนกร้องจิ๊บๆ และเสียงลมพัดต้นไม้ไปๆมาๆ ช่วยทำให้อุราให้หวั่นไหว
เดินมาเรื่อยๆก็เริ่มจะเป็นเส้นทางต้องผจญภัยกับพงป่า ต้องค่อยๆก้มตัวลงเวลาเดินค่ะ และต้องระวังเดียวต้นไม้เกียวเอาคะ
และหลังจากที่ได้ไปเดินป่าชมพฤกษาในป่าดิบชื้นแล้วนะค่ะ  เดี๊ยนก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์มุ่งหน้าต่อไปยังจุดท่องเที่ยวถัดไปนั้นก็คือ น้ำตกเหวนรกค่ะ
 ระหว่างทางขับรถออกมาจากที่ทำการไม่ไกลนัก ขอแวะพักชมอ่างเก็บน้ำสายศรสักหน่อยค่ะ อ่างเก็บน้ำที่อยู่ติดริมทาง หากใครแวะผ่านต้องมาถ่ายรูปชมวิวที่อ่างแห่งนี้ค่ะ

ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับอ่างเก็บน้ำสายศรมีความกว้างประมาณ 200-300 เมตร ลึกกว่า 2 เมตร ปัจจุบันเป็นแหล่งน้ำใช้สำหรับบ้านพักของนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ เดิมชื่ออ่างเก็บน้ำมอสิงโต ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น อ่างเก็บน้ำสายศร เพื่อเป็นเกียรติแก่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่คนแรก คือ นายบุญเรือง สายศร
 บรรยากาศที่ริมอ่างเก็บน้ำ ลมพัดเย็นดี๊ดีนะค่ะ
 ท้องฟ้าก็แจ่มใส งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนจริงๆค่ะ
 ดูน้ำในอ่างเก็บน้ำสิค่ะ ใสราวกับกระจกส่งหน้าเลยค่ะ
 มีจุดชมวิวให้ขึ้นไปถ่ายรูปกันด้วยนะค่ะ
 อีกมุมของอ่างเก็บน้ำ สุดโรแมนติกที่คู่รัก และหมู่คณะ นิยมมาถ่ายรูปให้สวยฟรุ้งฟริ้ง สุดสวิงริงโก้ เอาไปลงในไอจง ไอจี ตามสมัยนิยมค่ะ
หลังจากได้เดินชมวิวสวยๆ ริมอ่างเก็บน้ำนี้แล้วนะค่ะ ดิฉันก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังน้ำตกเหวนรก ระยะทางจากที่ทำการอุทยานไปน้ำตกประมาณ 24 กิโลเมตรค่ะ ค่อนข้างไกลพอสมควรค่ะ
 ระหว่างขับรถมอเตอร์ไซต์ก็จะผ่านวิวทุ่งหญ้าคาสีเขียวสวยใส งามวิไลน่ามองค่ะ 
บางครั้งขับรถมาเหนื่อยๆเมื่อยก็แวะพักค่ะ 
 หากขับรถมาเที่ยวเขาใหญ่ จะพบทางขึ้นลงเนินเขาแบบสวยฟินๆ ดีเลิศเว่อร์ค่ะ
 ขับรถมาเหนื่อย เริ่มเมื่อยหลังค่ะ ก็เลยแวะพักสักแป๊บค่ะ
 ดิฉันใช้เวลาขับรถเกือบชั่วโมงได้กระมังค่ะ ในที่สุดก็ถึงแล้วค่ะน้ำตกเหวนรก พึ่งเคยมาครั้งแรก มาดูสิว่า น้ำตกเหวนรก จะสวยสะทกสะท้านแค่ใหน มีกระทะทองแดงและเปลวไฟให้ไปลงเล่นด้วยหรือไม่ ใคร่อยากจะรู้เสียจริงๆค่ะ
โดยตัวน้ำตกต้องเดินเท้าจากปากทางเข้าไปอีกค่ะ ระยะทางไม่ไกลนัก ตลอดสองข้างทางก็เป็นป่าไม้สูงใหญ่ให้ร่มเงาตลอดค่ะ
เดินข้ามสะพานไม้สุดแสนจะโรแมนติกค่ะ บรรยากาศวิวสุดชิคและสดใสไปด้วยผืนป่าสีเขียวค่ะ

 มองเห็นแม่น้ำกำลังไหลเชี่ยวเลยละค่ะ
 เดินมาถึงจุดนี้ก็ได้ยินเสียงน้ำตกไหลแรงมากๆค่ะ ต้องเดินลงบันใดไปอีกนะค่ะ บันไดค่อนข้างชันพอสมควรค่ะ ต้องระมัดระวังเวลาลงนะค่ะ เดียวหัวขมัมตกลงไปน่าจะเจ็บปวดรวดร้าวน่าดูนะค่ะ ตอนลงไม่เท่าไหร่ค่ะ เดี๊ยนว่าตอนขึ้นบันใดคงจะเหนื่อยกว่าน่าดูค่ะ
ถึงแล้วค่ะ น้ำตกเหวนรก น้ำตกใหญ่น้ำไหลแรงดีเหลือเกิน แถมละอองน้ำก็ลอยฟุ้งกระจุยกระจาย กระเจือก กระจ่อน มาออนซอนติดที่เสื้อผ้าหน้าผมและกล้องถ่ายรูปค่ะ
บรรยากาศที่น้ำตกเย็นสดชื่น ชุ่มฉ่ำดีเหลือเกินนะค่ะ ครั้งแรกที่ได้มาเยือนน้ำตกแห่งนี้ เคยได้ยินแต่ชื่อ น้ำตกสวยงามมากๆค่ะ ใยถึงตั้งชื่อน้ำตกซ่ะน่ากลัว น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น น้ำตกสรวงสวรรค์ชั้นฟ้ามาลาดินฟินเริ่ดเว่อร์ อะไรประมาณนี้ น่าจะไพเราะเสนาะหูกว่านะค่ะ

เกี่ยวกับ น้ำตกเหวนรก 
เป็นน้ำตกที่เกิดจากคลองท่าด่าน น้ำตกเหวนรกเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นน้ำตกที่มีความสูงและสวยงามมากแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่เดิมก่อนที่จะมีการตัดถนนสายปราจีนบุรี-เขาใหญ่นั้น จะต้องเดินเท้าเข้ามาโดยใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง แต่หลังจากตัดถนนสายปราจีนบุรี-เขาใหญ่เสร็จแล้ว ถนนตัดผ่านใกล้น้ำตกเหวนรกมาก โดยมีลานจอดรถห่างจากตัวน้ำตกเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ระหว่างทางสามารถเดินชมธรรมชาติอันสวยงามสองข้างทางได้ เมื่อถึงตัวน้ำตกจะมีบันไดลงไปอีกราว 50 เมตร ซึ่งค่อนข้างแคบและชัน แต่เมื่อลงไปถึงจุดชมวิวก็จะเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกได้อย่างสวยงาม หากไปในฤดูฝนมีน้ำมาก ละอองน้ำจะกระเซ็นต้องกับแสงอาทิตย์เป็นสายรุ้งอย่างงดงาม แต่หากมาชมในหน้าแล้งนั้นอาจต้องผิดหวังเพราะไม่มีน้ำ เห็นแต่เพียงหน้าผาแห้งๆ เท่านั้น

ระหว่างทางเดินมายังน้ำตกเหวนรกนี้ จะสังเกตเห็นแนวคันปูนเป็นระยะ สร้างขึ้นเพื่อป้องกันช้างพลัดตกไปยังน้ำตก ตั้งแต่ในปี 2530 จะมีช้างตกลงไปยังผาข้างล่างปีละเชือกหรือสองเชือกเสมอ และในครั้งใหญ่ที่สุดปี 2535 มีช้างโขลงหนึ่งจำนวน 8 เชือกหลงเข้ามาและถูกกระแสน้ำพัดตกลงไปตายหมด ทางอุทยานแห่งชาติจึงได้สร้างแนวป้องกันนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันอันตรายแก่ช้างป่ามิให้เกิดขึ้นอีก
และในความเป็นจริงแล้ว น้ำตกเหวนรกนั้นมีอยู่ 2 ชั้น ที่ได้ชมนี้เป็นชั้นที่ 1 โดยมีความสูงของตัวน้ำตกประมาณ 50 เมตร ส่วนชั้นที่ 2 และ 3 นั้นอยู่ห่างออกไป ซึ่งชั้นที่สองนี้มีความสูงมากกว่าชั้นแรกเสียอีก ในความเป็นจริงแล้วมีเส้นทางสำรวจป่าของทางอุทยานเพื่อไปยังผาอีกด้านหนึ่งเพื่อชมทัศนียภาพของน้ำตกชั้นที่สองและสามแต่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมโดยทั่วไปเนื่องจากเป็นทางเข้าไปในป่าดิบ มีสัตว์ป่าออกหากินตลอด หากต้องการเข้าชมควรติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานนำทางเข้าไปเพื่อความปลอดภัย และหากต้องการชมทัศนียภาพของน้ำตกชั้นที่ 2 และ 3 ให้สวยงามที่สุด ควรเดินทางมาชมในช่วงกันยายนหรือตุลาคม เนื่องจากจะมีน้ำมาก ตกลงมาเป็นละออง และหากมาชมในช่วงเวลา 10 นาฬิกา จะเป็นเวลาพอเหมาะที่แสงอาทิตย์ตกกระทบกับละอองน้ำตกเกิดเป็นสายรุ้ง โดยรวมความสูงของน้ำตกชั้นที่ 2 และ 3 นี้ประมาณ 150 เมตร
ขอบพระคุณข้อมูลน้ำตกเหวนรกจาก https://th.wikipedia.org/wiki/อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
 และโดยรอบน้ำตกก็จะพบเห็นมอส และเฟิร์นเกาะตามกิ่งไม้ใบหญ้า 
ละอองของน้ำที่กระเด็น กระดอน กระเจือก กระจ่อน มาเกาะติดที่ยอดใบหญ้าของมอส ดูเขียวชะอุ่มชื่นชื่นบานฤทัย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักค่ะ
 หยดน้ำจากละอองน้ำตกในธรรมชาติ สวยงามสะอานสดชื่น รื่นฤทัยดีเหลือเกินค่ะ
 มีดอกไม้ป่าชูช่อผลิบานเป็นสีชมพูหวานเย็น อยู่ตรงจุดชมวิว พร้อมกับละอองของน้ำตกที่กระเด็น กระดอน กระเจือก กระจ่อนมาจนถึงกลีบดอก สวยงามจับตาเชียวค่ะ
กล้องถ่ายรูปของเดี๊ยน แบ็ตเตอรี่เริ่มแสดงสัญญาณการใกล้จะหมดพลังแล้วค่ะ เพราะเมื่อวานลืมเอาที่ชาร์ตแบตกล้องมาด้วย เลยไม่ได้ชาร์จไว้ค่ะ วันนี้เลยเสี่ยงดวงเอา ถ่ายรูปเท่าที่ใด ไม่ได้สวยมากมาย แต่ขอให้ได้รูปกลับไปลงในเว็ปบล็อกนะค่ะ

ดีนะค่ะที่กล้องมือถือน่าจะช่วยได้บ้าง ถ่ายแล้วดูสวยฟรุ้งฟรุ้งกว่ากล้อง DSLR เสียอีกนะค่ะ 
 เห็นผีเสื้อสีน้ำตาล กำลังทำสมาธิอยู่ ไม่ขยับปีกไปใหนเลยค่ะ ขนาดเดี๊ยนซูมกล้องไปใกล้ๆแล้วนะค่ะ มันนิ่ง ไม่ยอมขยับปีนสวิงริงโก้ บินเฮโลไปใหนเลยล่ะค๊า
 ชุ่มชื่นดีเหลือเกินค่ะ  หากใครที่เบื่อการอยู่บ้าน ลองขับรถมอเตอร์แว๊นๆ มาเที่ยวราวร้านชมน้ำตกแบบเดี๊ยนได้นะค่ะ รับรองว่าชุ่มฉ่ำชื่นบานใจอย่างแน่นอนค๊า
เดินหันกลับมาอีกครั้ง เจ้าผีเสื้อสมุทรแสนเสนหาตัวนี้ ก็ไม่ยอมจรลีบินหนีใหนเลยจริงๆกระมังค่ะเนี่ย ไม่รู้รอที่รักอยู่ ณ แห่งหนตำบลใดมิทราบได้
และหลังจากที่ดิฉันได้ไปเดินชุ่มฉ่ำรับความเย็นซ่า ลั๊นลาที่น้ำตกเหวนรกแล้วนะค่ะ ก็ได้ขับมอเตอร์ไซต์กลับมายังที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ระหว่างทางยังขับไม่ถึงหรอกค่ะ ฝนตกลงมาเสียก่อน ก็เลยต้องหาที่หลบเข้าต้นไม้ใหญ่ แวะหาเสื้อกันฝนสักแป๊บค่ะ

ระหว่างหยุดแวะพักริมทางที่ฝนตก อยู่ใกล้ใต้ต้นดอกเสี้ยวป่า สีชมพูหวานระย้าน่ามาเด็ดดมค่ะ
เดี๊ยนพยายามขับรถฝ่าสายฝนมาจนถึงร้านค้าสวัสดิการตรงที่ทำการอุทยานค่ะ เมื่อตอนกลางวันฟ้ายังสดใส พอจะมาช่วงบ่ายดูฝนตกหนักเลยค่ะ  และฝนก็กระหน่ำตกไม่หยุดด้วยนะค่ะ
 แหงนดูนาฬิกาในข้อมือแล้ว ตอนนี้เพลาก็จะปาไปบ่ายโมงแล้วค่ะ ได้เวลาทานข้าวแล้วค่ะ  มาหาอะไรทานมื้อเที่ยงนี้ค่ะ ที่ร้านสวัสดิการใกล้ที่ทำการเขาใหญ่ค่ะ
อาหารเที่ยงมื้อนี้จัดไปค่ะ อาหารง่ายๆไม่หรูหรา แต่ว่าน่าจะพอได้โภชนาการอยู่นะค่ะ ข้าวผัด+แกงจืดมะระรสช่มๆ ทานแล้วบ่งบอกชีวิตที่ขืนข่มทุกข์ตรมอุราดีเหลือเกินค่ะ
ฝนยังตกไม่หยุด มองไปอีกมุม เห็นนักถ่ายภาพมืออาชีพ กำลังชะวี๊ปชะว๊าปแชะถ่ายรูปนก หรือปลามิทรายได้ค่ะ เห็นความพยามไม่มีลดหลั่นเลยค่ะ คงได้ภาพสวยๆไปเยอะทีเดียวค่ะ
หลังจากทานข้าวอิ่มแล้วนะค่ะ ก็ให้ฝนซ่าลงซักพักค่ะ แต่ก็ไม่ซ่าสักทีค่ะ เดี๊ยนเลยไม่รอรี รีบจรลีขับมอเตอร์ไซต์ไปยังจุดท่องเที่ยวต่อไปค่ะ 
สำหรับจุดท่องเที่ยวช่วงบ่ายวางแผนไว้จะไปหอดูสัตว์หนองผักชี เพื่อไปเดินรำลึกความหลังสมัยมาเที่ยวเขาใหญ่ครั้งแรกเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา ไม่อยากบอกเลยว่าอายุอานาเยอะแล้วค๊า หอดูสัตว์หนองผักชีที่แห่งนี้ หากใครได้จัดทริปมาทัศนศึกษาหรือเดินป่า ต้องผ่านหอดูสัตว์แห่งนี้ค่ะ 
เดี๊ยนขับมอเตอร์ไซต์มาจอดที่ปากทางเดินเข้าไปหอดูสัตว์หนองผักชี ระยะทางประมาณ 900 เมตรค่ะ ใช้เวลาเดิน 30 นาที สัตว์ป่าที่พบเห็นได้แก่ กวาง เก้ง หมู่ป่า ช้าง มีข้อปฎิบัติคือ ไม่นำอาหารเข้าในหอดูสัตว์ ไม่ส่งเสียงดัง ไม่ทิ้งขยะค่ะ
ฝนจะตกโปรยปราย ต้องกางร่มเดินไปตามเส้นทางค่ะ 
ระหว่างทางเดินต้องระวังนะค่ะ เพราะเป็นเส้นทางธรรมชาติค่อนข้างสมบุก สมบันพอควรค่ะ 
เดินมาไม่มีนักท่องเที่ยวที่ใหนเลยค่ะ คือแบบว่า เงียบมากๆ ก็กลัวเหมือนกันว่าจะมีเสือ สิง กระทิง แรด ออกมาแว๊ดๆๆ อยู่ตรงทางเดินค่ะ 
เดินและก็เดินมาเรือย ก็เห็นหอดูสัตว์แล้วค่ะ เด่นตระหง่านอยู่กลางทุ่งหญ้าคา ท่ามกลางฝนฟ้าที่โปรยปราย
 ถึงแล้วค่ะ หอดูสัตว์หนองผักชี มาถึงที่นี้แล้วก็นึกย้อนความหลังครั้งวันวาน แต่ดูสถานที่แล้วโล่งเตียง ดูเป็นระเบียบ เรียบร้อย ไม่ค่อยเป็นป่ารกชักเหมือนสมัยก่อนเลยนะค่ะ
สัตว์ป่าหนองผักชี  สัตว์ป่าที่พบเห็นได้ง่ายบริเวณหนองผักชี ได้แก่ เก้ง กวางป่า หมู่ป่า รวมถึงสัตว์ป่าที่พบได้ในบางโอกาศ เช่น ช้างป่า กระทิง และหมาใน

กระทิง 
ผู้คัดเลือกพันธุกรรมพืช โดยกระทิงกินใบไม้ที่สูงในระดับไม้พุ่มเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะในฤดูแล้งหลังไฟไหม้ทุ่งหญ้าคา กระทิงมักจะออกมากินขี้เถ้าและหญ้าที่แตกใบอ่อนใหม่ ที่เรียกว่า "หญ้าระบัด" การกินใบไม้และหญ้าระมัดของกระทิง เท่ากับเป็นงานคัดเลือกสายพันธ์เฉพาะต้นที่แข็งแรงทนทานขนงอกใบใหม่ได้
ใหนๆก็แวะมาถึงที่หอนี้ทั้งที ต้องไปเดินฉิมพลีขึ้นไปที่หอด้านบน เผื่อได้พบสัตว์ออกมาหากินกันค่ะ 
เดี๊ยนเดินขึ้นมาด้านบนก็โล่งเตียน เงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจค่ะ ข้างนอกฝนก็ตก พอขึ้นมาด้านบนหอ บรรยากาศน่าเอาเสื่อมาปูนอนเชียวค่ะ
 ขึ้นมาด้านบนหอดูสัตว์ พยามเหลียวมองหาสัตว์แล้ว ก็ไม่มีวี่แว่ว ออกมาเดินแจ๋วอวดโฉมให้เดี๊ยนเห็นเลยนะค่ะ สงสัยจะไปหลบฝนอยู่กระมัง

ก็เลยดูวิวทิวทัศน์ของไอหมอกที่สำรอกออกมาจากต้นไม้ กำลังพร่างพรายสะหยายขึ้นสู่ท้องฟ้า สวยงามลั๊ลลาดูชุ่มฉ่ำเชียวค่ะ
เดี๊ยนพยายาม แล้วพยายามอีกค่ะ มองไปที่ทุ่งหญ้าคาสะวันนาเผื่อจะได้เจอเสือดาว หรือสิงโตตัวใหญ่ออกมาเริงร่าใกล้บริเวณนี้  ถ้าออกมาคงไม่กล้าลงจากหอนี้แน่ค่ะ กะว่าถ้ามันออกเดินเพ่นพ่านอยู่ใต้หอดูสัตว์ที่หนองผักชี เดี๊ยนจะไม่จรลีลงจากหอนี้เด็ดขาดค่ะ กะว่านอนค้างที่นี้เลย หรือไม่ก็กริ๊งกร๊างโทรไปหาเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยค่ะ
เดี๊ยนมองจากหอดูสัตว์ที่หนองผักชีแห่งนี้ ยังไม่เห็นสัตว์ออกมาจรลีเลยแม้แต่ตัวเดียวค่ะ ก็เลยนั่งดูวิวผืนป่าในหน้าฝนจนเพลินๆแทบอยากจะง่วงนอนค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับผืนป่าเขาใหญ่ที่หอดูสัตว์หนองผักชี

โป่งดิน
ข้างอ่างเก็บน้ำมีการเสริมเกลือให้ทุกปี เพื่อให้สัตว์กินพืช เช่น ช้างป่า กระทิง เก้ง กวางป่า มากินเป็นประจำ ขณะเดียวกันสัตว์กินสัตว์ เช่น หมาใน ชอบแอบซุ่มเพื่อไล่ล่าเก้ง กวางป่ากินเป็นอาหารด้วย ซึ่งเป็นวิถีธรรมชาติในการควบคุมจำนวนสัตว์กินพืชให้มีพอเหมาะกับแหล่งอาหาร ขณะเดียวกันได้คัดคุณภาพสัตว์ป่าที่ไม่แข็งแรง ไม่ฉลาดมิให้มีโอกาสได้ขยายพันธ์ต่อไป

ทุ่งหญ้าคา 
 รอบหอดูสัตว์หนองผักชี มีการจุดไฟเผาทุกฤดูแล้งเพื่อให้แตกใบอ่อนเป็นแหล่งอาหารของเก้ง กวางป่า กระทิง มานานมากกว่า 50 ปี แตกต่างจากดงไม้รอบอ่างเก็บน้ำและแนวต้นไม้โตเร็วที่เชื่อมต่อกับป่าดงดิบแล้งที่ไม่เคยถูกไฟเผา จึงฟืนตัวเป็นป่ารุ่นสอง

ป่าดงดิบ
โดยรอบทุ่งหญ้าแห่งนี้ มีความชื้นสูง ได้รับแสงที่มีความเข้มต่างกัน จึงก่อให้เกิดพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดตามระดับความสูงต่างๆ ซึ่งเป็นการปรับตัวเพื่อการอยู่รอดในพื้นที่ ที่แออัดของต้นไม้เหล่านั้น โครงสร้างป่าแบบนี้เป็นโครงสร้างแบบเก่าแก่ดั้งเดิม
วิวอ่างเก็บน้ำหนองผักชี เป็นทุ่งหญ้าคาและป่าดงดิบ
ทุ่งหญ้าคาพบเห็นได้ทั่วไปในผืนป่าเขาใหญ่
เดี๊ยนใช้เวลาอยู่บนหอดูสัตว์แห่งนี้ได้สักพอ ดูนาฬิกาแล้วต้องรีบเดินทางกลับแล้วค่ะ ฝนยังไม่หยุดตกนะค่ะ ยังตกเปอะแปะ โปรยปรายอยู่เลยค่ะ
 อุตสาห์ใส่ถุงกันทากมานะค่ะ คงไม่ได้กันทากแล้วล่ะค่ะ ใส่กันกางเกงด้านในเปื้อนนะคะ ดูสภาพเปื้อนดินเปื้อนโคลนที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุจากดินสีส้มค่ะ
หลังจากได้เดินชมหอดูสัตว์หนองผักชีแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็ขับมอเตอร์ไซต์เพื่อจะเดินทางกลับไปให้ทันก่อนร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ปิดค่ะ ระหว่างทางผ่าน จุดชมวิว กม.30 ก็ต้องตะลึงตึงตึงกับวิวทะเลหมอกที่ออกมาลอยละล่องต้อนรับนักท่องเที่ยวที่แวะผ่าน ต้องหยุดมาสำราญริมจุดเช็คอินน์แห่งนี้กันทุกรายค่ะ 
 ไอหมอกที่ระเหยมากจากต้นไม้กำลังพร่างพรายลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นภาพสวยงามบาดตาจริงๆค่ะ ตอนนี้กล้องถ่ายรูป DSLR ของเดี๊ยนก็หมดพลังงานไปแล้วค่ะ ใช้กล้องมือถือถ่ายก็สวยฟรุ้งพริ้งสวิงโก้ไม่เบาเลยค่ะ
วิวทะเลหมอกสวยงามมากๆค่ะ อากาศก็เย็นกำลังดีไม่ร้อน ดูชุ่มฉ่ำบานใจยิ่งนักเชียว
เดี๊ยนนั่งพักดูวิวทะเลหมอกอยู่จนเพลินเลยค่ะ ลืมนึกไปว่าต้องรีบลั๊ลลาเดินทางกลับแล้วค๊า  
หากใครที่แวะมาเที่ยวเขาใหญ่ช่วงฤดูฝน อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปสวยๆที่จุดชมวิวแห่งนี้นะค่ะ รับรองว่าสวยปัง บัลลังก์พินาศแน่นอนค๊า

หลังจากที่ได้นั่งพักชมวิวทะเลหมอกอยู่จนเพลิน เดี๊ยนก็ขับมอเตอร์ไซต์ลงจากเขาใหญ่ เพื่อมุ่งหน้ากลับไปอำเภอปากช่องค่ะ
 เนื่องจากเวลายังมีเหลืออยู่อีก 1 ชั่วโมง เดี๊ยนเลยขอมาเดินชิลๆที่ปาลิโอค่ะ จำได้ว่ามาช่วงปาลิโอเปิดใหม่ๆ คนเยอะมากๆ ผ่านไปหลายปี ลองมาเดินอีกครั้ง ปาลิโอสวยกว่าเดิมค่ะ ดูแบบมีต้นม้ง ต้นไม้ เถาวัลย์ปกคลุมหลังคา สวยงามเชียวค่ะ
 มีร้านขายสินค้ามากมายให้เลือกซื้อ เลือกหา ทั้งของฝาก ขนมนม นม หรือเสื้อผ้ามีราคาก็ซื้อไปใส่ได้ลั๊ลลาจับใจค่ะ
 ตึกนี้เคยเดินมาเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่ก่อนเป็นตึกโล่งเตียนๆ แต่ตอนนี้ปกคลุมไปด้วยใบไม้ ดูสวยงาม โรแมนติก เหมือนอยู่ในต่างประเทศเลยนะค่ะ
เดินมาเจอแม่หนูตุ๊กตาน่ารัก 2 คน มายืนอมยิ้มต้อนรับลูกค้าไม่เมื่อยเอาเลยหรือไร
เดี๊ยนเดินชิลๆไปเรื่อยเปื่อยค่ะ หากใครที่เบื่อๆอยู่บ้าน แวะมาช๊อปปิ้งเดินสำราญที่ปาลิโอนี้ดูนะค่ะ หรือใครที่เคยมาแล้ว ลองแวะมาอีกสักครั้ง รับรองว่าสวยเป๊ะปังกว่าตอนเปิดใหม่ๆแน่นอนค่ะ
 บรรยากาศสวนสไตล์ฝรั่งก็สวยงามดีค่ะ
 หลังจากที่ได้แวะเดินช๊อปปิ้งที่ปาลิโอแล้วนะคะ เดี๊ยนก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์มุ่งหน้าจะกลับอำเภอปากช่อง แต่บังเอิญแวะผ่าน ช็อกโกแลตแฟคทอรี่ อยากมาลิ้มลองสักครั้ง ดูสิว่าจะอร่อยปังแค่ใหนค่ะ
โดยของอร่อยขึ้นชื่อที่ร้านนี้ก็คงหนีไม่พ้นช๊อกโกแลตค่ะ
เดินเข้ามาก็เห็นคนกำลังทำขนมอยู่เลยค่ะ อารมณ์เหมือนไปเที่ยวโรงงานทำขนมที่เกาะฮอกไกโดเลยนะค่ะ 
 มีช๊อคโกแลตหลากหลายรสให้เลือกซื้อไปเป็นของฝาก
แต่ที่น่าทานก็คงจะเป็นเค้กชนิดต่างๆ ทำได้น่าทานมากๆค่ะ
ช๊อคโกแลตขายเป็นชิ้นๆก็มีค่ะ ใหนๆแวะมาทั้งทีก็สั่งมาลิ้มลองสักหน่อย จะอร่อยฟินใหม๊จ๊ะ
เห็นช๊อกโกแลตนี้แล้ว คิดถึงช๊อกโกแลตโรเช่ของฝากขึ้นชื่อเกาะฮอกไกโดเลยค่ะ เห็นแล้วอยากทานอีกค่ะ
เดี๊ยนจัดมา 4 ก้อนค่ะ ก้อนละ 30 บาท ลองเปิดแกะกินไปชิ้นนึง อร่อยหวานกำลังดี ใช่ได้เลยค่ะ ไม่แพ้ช๊อกโกแลตที่ของเกาะฮอกไกโดเลยนะค่ะ 
ค่ะและหลังจากที่ได้ขับมอเตอร์ไซต์ขึ้นไปเที่ยวบนเขาใหญ่ ไปเดินชมน้ำตก ชมนก ชมไม้ และไปเดินพร่างพรายช๊อปปิ้งแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็ขับมอเตอร์ไซต์ตรงมาที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ให้ทันเวลาก่อนร้านจะปิดค่ะ
พอขับมาถึงตัวอำเภอปากช่อง เดี๊ยนก็แวะปั้ม เติมน้ำมันให้เต็มถัง จากนั้นก็ขับมอเตอร์ไซต์มาคืนที่ร้านเช่า ได้เงินมัดจำคืน 5000 บาทค่ะ
จากนั้นก็เดินข้ามสะพานลอยมาเพื่อไปเดินช๊อปปิ้งซื้อของฝากอีกสักหน่อย เอาไปฝากคุณแม่ค่ะ 
มาเดินตลาดปากช่องไนท์บาซาร์ มาเดินหาของอร่อยๆทานค่ะ เพราะกว่าจะนั่งถึงกรุงเทพ ตูดบานพอดีค่ะ
ผลหมากรากไม้ที่นี้ก็ถูกดีนะค่ะ แอปปง แอปเปิ้ล สีเขียว หรือแดง ก็ราคาไม่แพง จัดไป 2 ถุงค่ะ 
 แวะมาเจอร้านขนมอร่อยเมืองปากช่อง เป็นขนมรังผึ้งแผ่นกรอบๆบางๆ ส่งกลิ่นหอมเตะจมูก เลยซื้อมาลิ้มลองสักหน่อยค่ะ 3 ชิ้น 20 บาทค่ะ
ได้ของฝากมาเยอะเลยค่ะ อยู่ในกระเป๋าเป้อีกค่ะ ซื้อไปหลายอย่างเลยค่ะ เอาไปฝากคนที่ทำงานและคนที่บ้านด้วย ไม่รู้จะอร่อยถูกปาก และของฝากจะถูกใจหรือเปล่าน๊า
เวลา 6 โมงก็มาซื้อตั๋วโดยสารเพื่อนั่งรถตู้กลับกรุงเทพค่ะ
ราคาตั่วรถตู้โดยสารกลับกรุงเทพ 150 บาทค่ะ
เดี๊ยนเข้ามานั่งรอในรถตู้ไม่นานนัก ผู้โดยสารก็เต็มคันรถ แป๊บเดียวรถตู้ก็สตาร์ทเครื่องขับจากปากช่อง มุ่งหน้าสู่กรุงเทพ เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพค่ะ จบทริปรีวิวเช่ารถมอเตอร์ไซต์ ขับไปเที่ยวเขาใหญ่ในฤดูฝน แสนสุขล้นชื่นฉ่ำฤทัยเหลือเกินค่ะ

สรุปค่าเสียหายจากทริปนี้ค่ะ
ค่าที่พักนอนคืนเดียว 760 บาท
ค่าเดินทางรถตู้ปากช่อง-กรุงเทพ 150+160 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์เช่า 1 วัน 300 บาท
ค่าเติมมันรถมอเตอรไซค์ 70 บาท
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 30+40 บาท
ค่ากินจิ๊ปาถะ 428 บาท (ไม่รวมของฝาก)
รวมค่าเสียหายจากการท่องเที่ยวทริปนี้ 1,938 บาทค่ะ

จบแล้วค่ะสำหรับรีวิวทริปท่องเที่ยวประจำเดือนกันยายน 2017 ในเดือนนี้ค่ะ เดี๊ยนเองหวังเป็นอย่างยิ่งนะค่ะว่า น่าจะมีประโยชน์และกระตุ้นให้ท่านได้ออกมาเดินทางท่องเที่ยวที่เขาใหญ่กันอีกครั้งไม่มากก็น้อย หากข้อมูลดังกล่าวมีข้อผิดพลาด อักขระพิมพ์ๆ ผิดๆ ตกๆหล่นๆ ประการใด ตัวดิฉันเองต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกในบทความบล็อกถัดไปนะค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
----------------------------------------------------------------------------------------------
รวมบทความรีวิวบล็อกท่องเที่ยวเดือนละ 1 ครั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ค่ะ (จะทยอยอัพเดทเรื่อยๆค่ะ บล็อกจะได้ไม่ร้างค่ะ)
แบ่งปันรีวิวเที่ยวฮัลล์สตัทด้วยตัวเอง มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกัน>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวฮัลล์สตัทด้วยตัวเองแบบชิลๆ เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยววิวสวยๆอะไรให้ชมกันบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>> 
แบ่งปันทริปรีวิวเที่ยวเมืองเก่าซาลซ์บูร์ก 1 วัน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
เปิดโลกกว้าง เดินทางไปเที่ยวเมืองซาลซ์บูร์ก(Salzburg) เมืองเก่าแก่แห่งนี้ มีที่เที่ยวจุดชมวิวสวยๆอะไรบ้าคลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

รีวิวเที่ยวเมืองมิวนิค เดินชิคๆไปชมสถานที่สวยงามต่างๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวเมืองมิวนิค เดินชิคๆไปชมสถานที่สวยงามต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปชมกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
เที่ยวนครนายกไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวไปทั่วได้ด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิว>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวนครนายก ไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์รื่นระรัวเที่ยวไปทั่วใน 1 วันแบบชิลๆ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวจ้า>>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว เที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสชาติแซ่บๆกันจ้า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 1 มาเด้อ..มาเที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสชาติแซ่บอีหลี แสนสุขขีแวะทำบุญสุนทาน ร้าวรานจับใจ มาเที่ยวกันได้เลย คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>>
รวมอัพเดทข้อมูลที่พักเขายายเที่ยง วิวสวยๆ อากาศดี คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
แนะนำที่พักแถวเขื่อนลำตะคอง วิวสวยๆ ใกล้ปากช่องเขาใหญ่ บ้านพักบนภูเขาสูง บรรยากาศดี สำหรับครอบครัวและหมู่คณะ ดูรายละเอียดที่พักเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/gp9bB1
รีวิวเที่ยวหลังสวน ลิ้มลองทุเรียนจากสวนหวานฉ่ำ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวหลังสวน แวะเยือนเมืองผลไม้ เมืองนี้มีอะไรให้เที่ยวชมบ้างนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>

รีวิวตอนที่ 24 แวะเที่ยวกรุงเอเธนส์ 1 วัน มีที่เที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้ตอนที่ 24 แวะเที่ยวในกรุงเอเธนส์ 1 วัน เดินสุขสันต์ชมโบราณสถาน และมีที่เที่ยวใหนให้ชมบ้างอีกนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2NrtXcU
รีวิวตอนที่ 23 เมื่อฉันต้องนั่งเรือเฟอรี่จากอิตาลีไปกรีซครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 23 ขอแบ่งปันประสบการณ์ วิธีการเดินทางนั่งเรือเฟอรี่จากอิตาลี ข้ามไปยังประเทศกรีซด้วยตัวเองมาฝากคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>

รีวิวตอนที่ 21 ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเนเปิล-เมืองมรณะปอมเปอี คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 21 แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวซากเมืองมรณะปอมเปอี เมืองนี้ไงที่โดนระเบิดภูเขาไฟฝั่งคนไว้ทั้งเป็น ต้องแวะให้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง คลิ๊กดูรายเอียดรีวิวค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2oiNldZ
รีวิวตอนที่ 20 เที่ยวกรุงโรม ไปจู่โจมอาณาจักรโรมันสักครั้งสิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวตอนที่ 20 แบกเป้เที่ยวกรุงโรม แวะไปจู่โจมอาณาจักรโรมัน มีที่เที่ยวอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2BI8ckL 
รีวิวตอนที่ 18 แบกเป้ลุยเดี่ยวเมืองเวนิชครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 18 เที่ยวเมืองเวนิช นอนแนบชิดติดริมน้ำ เดินตามหาของกินอร่อยในซอกซอยเล็กๆ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2KQvnsh 
รีวิวเที่ยวปางอุ๋ง-บ้านรักไทย งามวิไลไร่ชา เดินลั๊ลลากินสตอเบอรี่ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รีวิวเที่ยวแม่ฮ่องสอนตอนที่ 2 ขับมอเตอร์ไซต์ไปออนซอนที่บ้านรักไทย งามวิไลปางอุ๋ง สวยจูงเบย คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
บล็อกรีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤศจิกายน แบกเป้ไปแม่ฮ่องสอน คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวแม่ฮ่องสอนตอนที่ 1 สวยตราตรึงทุ่งดอกบัวตอง งามผุดผ่องพระธาตุกองมู วิวสวยหรูดีเลิศเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
บล็อกรีวิวเที่ยวเดือนตุลาคม นอนที่บ้านป่าปงเปียง กินโอเลี้ยงอร่อยเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน ตอนที่ 2 นอนพักชมนาขั้นบันใด และแนะนำที่พักโฮมสเตย์บ้านป่าปงเปียงมาฝากค่คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
บล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนตุลาคม ไปตามรอยโครงการหลวง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเชียงใหม่ในฤดูฝน งามสุขล้นตามรอยโครงการหลวง ชมพุ่มพวงดอกไม้งามเบิกบานใจ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวท่องเที่ยวเดือน สิงหาคม 2560 รีวิวเที่ยวเมืองเก่าอยุธยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวอยุธยาครึ่งวัน ขี่จักรยานสุขสันต์ตามโบราณสถาน ย้อนวันวานภูมิหลัง งามอลังการชนะเลิศเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
 รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวตอนที่ 15 (ตอนจบ) สิ้นสุดการเดินทางอันยาวไกล แวะไปซื้อของฝากเมืองโอซาก้า คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
ที่พักเมืองโตเกียว เอาใจขาเที่ยวงบน้อยๆ คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
แนะนำโรงแรมในโตเกียว ราคาหลักร้อย ประหยัด ใกล้สถานีรถไฟ JR เดินทางได้ใกล้ๆค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักค่ะ>> 
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 ไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งดูวิวทะเลสาบคาวากูชิโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งริมทะเลสาบคาวากูชิโกะ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว นั่งรถไฟไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 13 เที่ยวโตเกียวใน 1 วัน นั่งรถไฟสุขส้นต์ไปเมืองคามากุระ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 12  เดินชิลเมืองท่าเรือสุดแสนโรแมนติก ริมทะเล คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 12 แวะเดินชิลๆเมืองฮาโกดาเตะ สุดแสนโรแมนติก ชิคๆน่ารัก คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมไร่นาเมืองบิเอะ สวยเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็ครีวิวญี่ปุ่นญี่ปุ่น ตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมทุ่งนาข้าวบาร์เลย์เมืองบิเอะตอนบ่าย งามพร่างพรายสวยเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น