Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รีวิวเที่ยวเมืองตราด ไปเดินผงาดชุมชนเก่า นั่งคลอเคล้าคลองบางพระ ก่อนไปจิ๊จ๊ะที่เกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ น้ำทะเลใสยิ่งนักเอย


บล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนธันวาคม 2017 เที่ยวเมืองตราดและเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ น้ำทะเลใสยิ่งนัก รีวิวตอนที่ 1
ก็ขอกราบสวัสดี๊ดี สวีดั๊ดดัดเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผองชาวไทย ที่น่ารักสดใสและงามวิไลเลิศสะแมนแตนกันทุกๆคนนะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน ขอมาเว้าวอน ออนซอนต้อนรับท่านเข้าสู่เว็ปบล็อกแนะนำที่พัก รีวิวท่องเที่ยว เขียนจนโลกเบี้ยวไปเรื่อยเปื่อย บ้าๆบอๆ ให้ท่านได้อ้อล้อเปิดอ่านและสไลด์ดูภาพกันจนปวดหัวกันอีกเหมือนเดิมนะค่ะ และอีกอย่างก็คือ จะได้มีเรื่องราวการเดินทางมาบันทึกไว้เป็น Diary Travel blog เว็ปจะได้ไม่ร้างไปค่ะ แม้จะมีคนมาคลิ๊กเปิดอ่านวันละ 1 คน ก็ดีล้นเหลือหลายแล้วจ้า เพราะเว็ปไซต์ท่องเที่ยวก็มีมากมายหลายแสนล้านเว็ปนะ่ะ แค่ท่านผู้อ่านคลิ๊กมาดู เดี๊ยนก็ดีใจจุ๊กกรูแล้วจ้า

ก็กลับมาอีกครั้ง สำหรับรีวิวบล็อกท่องเที่ยวประจำเดือนนี้ หลังจากที่หายไปแรมเดือน เพราะมั่วแต่ยุ่งอยู่กับการทำงานประจำ หามรุ่ง หามค่ำ เก็บตังเอาไว้ไปเที่ยวโดยเฉพาะเลยล่ะค่ะ และในเดือนธันวาคมนี้ ก็ถือเป็นบล็อกรีวิวส่งท้ายปีเก่าประจำปี 2560 แล้วล่ะค่ะ โดยเดือนนี้ดิฉันได้มีโอกาศไปเที่ยวเกาะกูดมาค่ะ ถือเป็นเกาะแห่งฝันสำหรับใครๆหลายคน รวมถึงตัวดิฉันเลยค่ะ เพราะวาดฝัน ปั้นเป้าหมายไว้มาตั้งนาน ว่าจะต้องแวะมาเยือนให้ได้ ในที่สุดก็ได้มาแล้ว 555

และในเดือนธันวาคมแบบนี้ น่าจะไปสัมผัสอากาศหนาวๆ แต่เดือนนี้ไม่ค่ะ เดี๊ยนขอสวนกระแสการท่องเที่ยว ขอเลี้ยวแวะเที่ยวแบบชิวๆสักครั้งเถอะค่ะ เพราะเที่ยวก่อนหน้านี้ ก็ได้บุกป่า ฝ่าดงพงไพร ขับมอเตอร์ไปลุยดอยที่แม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่มาแล้ว เรียกว่าสมบุกสมบัน จนกล้ามขึ้นแขนขาไปหมดแล้วจ้า.....เดือนนี้เลยขอพิเศษพิเศ๊ษ ปลีกวิเวก จรลีหนีงาน ลาพักร้อน จากงานประจำ มาเดินอาบแดดให้ตัวดำที่ชายหาด ริมทะเลสักครั้ง น่าจะสวยปังๆ ถูกใจฝรั่งมังค่าไม่น้อยค่ะ

โดยทริปนี้พิเศษเลยค่ะ !!! เพราะไม่ได้แบกเป้เที่ยวคนเดียวแล้วค่ะ เนื่องจากมีเพื่อนมาร่วมเดินทางด้วยค่ะ พอดีว่าแจ้งเพื่อนไปแล้วว่าจะไปเที่ยวเกาะกูดเดือนธันวานี้นะ เพื่อนของเดี๊ยน นางก็ไม่รีรออยากจะไปด้วยทันที เพราะว่าทริปนี้คงจะไม่ลำบากมากนัก นางเลยตอบลง ชงแบบโอเค ไม่โลเลอะไรเลยจ้า

และทริปนี้พิเศษอีกกว่าเดิมก็คือ คนที่วางแผนเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว ก็เป็นเพื่อนของดิฉันเองค่ะ เพราะว่าดิฉันเอง งานยุ่งมาก ดิฉันเลยมอบหมายหน้าที่ให้นางดำเนินการ เรื่องวางแผนการท่องเที่ยวไปเกาะกูดทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง-ที่พัก-แหล่งท่องเที่ยว เรียกว่านางจัดให้หมดค่ะ
ดิฉันมีหน้าที่อย่างเดียวคือไปเที่ยว กิน นอนและก็ถ่ายรูปค่ะ
 
ตราดเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวของไทยที่ดิฉันตั้งเป้าหมายปักหมุดปฎิทินลางานไว้ตั้งนาน ในที่สุดก็ได้มีโอกาสมาเที่ยวสักทีค่ะ มาเที่ยวตราดในวันนี้...เป็นเมืองที่ยังคงเปี่ยมล้นเป็นด้วยมนต์เสน่ห์และกลิ่นอายแห่งความหลัง เห็นได้จากตึกรางบ้านช่อง ที่คงสถาปัตยกรรมบ้านเรือนเก่าเอาไว้ให้ได้ชื่นชมกัน นอกจากนี้ยังมีอาหารอร่อยๆให้ท่านหลายอย่าง เรียกว่าของกินก็ถูกปาก ส่วนของฝากก็ถูกใจยิ่งนักค่ะ

สำหรับทริปเที่ยวเกาะกูดในเดือนธันวาคม 2560 วางแผนไปเที่ยว 4 วัน 3 คืนค่ะ
โดยนอนพักค้างที่เกาะกูดทั้ง 3 คืนเลยค่ะ กะว่าจะไปนอนอาบแดดริมชายหาดให้ผิวคล้ำดำกันไปข้างนึงเลยค่ะ และอีกอย่างในช่วงเดือนนี้ ก็ไม่มีมรสุมพายุเข้าด้วย น้ำทะเลสดใสมากค่ะ

วิธีการเดินทางที่ดิฉันและเพื่อนร่วมทางไปเที่ยวเกาะกูดในครั้งนี้
 เลือกเดินทางโดยเครื่องบินทั้งขาไปและกลับ  ใช้บริการสายการบิน Bangkok Airway Boutique Airline ราคาตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่น 990 บาทค่ะ

- เดินทางจากกรุงเทพไป ตราดโดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ค่ะ นั่งจากสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เวลา 40 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ (ถือเป็นการใช้บริการสายการบินนี้ครั้งแรกค่ะ) พอดีในช่วงเดือน พ.ย.เพื่อนของดิฉันนางแจ้งว่า มีโปรลดราคาตั๋วของสายการบินนี้ เลยจองไปเลยค่ะ จะได้ไม่ต้องนั่งรถนาน ถ้าไม่มีโปรโมชั่น คงไม่นั่งค่ะ เพราะราคาสายการบินนี้คือแบบว่า แพงมากๆ เห็นราคาแล้วหนาวเลย

-ถ้าเพื่อนไม่ได้แจ้งโปรโมชั่นสายการบินมา มีหวังเดี๊ยนต้องนั่งรถตู้ หรือไม่ก็รถทัวร์มาแน่นอน เพราะราคาถูกกว่า แต่แค่ใช้เวลานานเท่านั้นเอง
- หากไม่เลือกนั่งเครื่องบินมา สามารถนั่งรถโดยสารจากขนส่งหมอชิต หรือสถานีขนส่งเอกมัยมาได้ ประหยัดสตางค์ด้วยนะค่ะ ถ้าไม่รีบร้อนมานักก็นั่งชิวมาเรื่อยๆ หากนั่งรถมาก็ประมาณ 5-6 ชั่วโมงได้ค่ะ

ก่อนจะเข้าสู่รีวิวนะค่ะ ขอมาสรุปทริปรีวิวการเดินทางไปเที่ยวเกาะกูดในครั้งเลยค่ะ

วันแรก เดือนธันวาคม 2017 
- นั่งเครื่องบินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิตอน 9 โมงกว่า ถึง สนามบินตราดประมาณ 10 โมงจากนั้นก็ใช้บริการนั่งรถบัสลีมูซีนเข้ามาในสถานีขนส่งเมืองตราดอีก 40 นาที
- เนื่องจากเรือเที่ยวแรกที่ไปเกาะกูด เริ่มเวลา 12.30 น. เราเลยมีเวลาอีก 1 ชั่วโมงกว่าๆ เลยไปเดินลั๊ลลาเดินชุมชนเก่าคลองบางพระ ซึ่งอยู่ใกล้ตลาดเทศบาลเมืองตราดค่ะ
- เวลาประมาณ 11 โมงครึ่ง ก็โทรให้รถของบริษัทเรือมารับเพื่อไปส่งที่ท่าเรือแหลมศอกค่ะ โดยราคาเรืออยู่ที่ 350 บาทต่อคนค่ะ วันที่ไป ดิฉันใช้บริการเรือของ Koh kood Princess โดยทางเรือมีบริการมารับส่งที่สถานีขนส่งให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
- นั่งเรือรับลมทะเลเย็นๆใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงท่าเรืออ่าวสลัดเกาะกูด จากนั้นก็จะมีรถบริการมารับไปส่งถึงที่พักฟรีค่ะ

วันที่สอง - สาม ธ.ค. 2017
- เราเช่ามอเตอร์ไซต์ ขับเที่ยวรอบเกาะกูด เนื่องจากเป็นพาหนะที่สะดวกและประหยัดที่สุดแล้วค่ะ ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์อยู่ที่วันละ 200 บาท น้ำมันเติมเองค่ะ
- แวะไปเที่ยวพักผ่อน นอนพักริ มชายหาด เดินสัมผัสน้ำทะเลใส กินอาหารทะเลสดๆ รสชาติอร่อยจี๊ดจ๊าด และชมพระอาทิตย์ตกดิน สุดจะฟินยิ่งนักเอยค่ะ

วันสุดท้าย ธ.ค.2017 
- หลังจากที่ได้นอนพักในเกาะกูดมา 3 คืนเต็มๆ ดิฉันกับเพื่อนก็เช็คเอาท์ออกจากที่พักตอนเช้าๆ เพื่อนั่งเรือกลับมายังแหลมศอกค่ะ โดยนั่งเรือรอบเวลา 9 โมงเช้าใช้บริการของบุญศิริ ราคาคนละ 500 บาทค่ะ
- นั่งเรือมาถึงแหลมศอกก็ใช้บริการรถสองแถวเหมาให้ไปส่งที่สนามบินค่ะ  คุณลุงคนขับคิดราคาเหมารถไปส่งที่สนามบินคนละ 250 บาทค่ะ
- นั่งเครื่องบินออกจากสนามบินตราดเวลาบ่ายโมง ถึง สนามบินสุวรรณภูมิเกือบบ่ายสองโมง โดยสวัสดิภาพค่ะ
-------------------------------------------------------
บ่นพร่ำเพร้ออธิบายมาเยอะ ขอมารีวิวตามภาพให้คุณผู้อ่านทุกท่านได้สไลดดูกันค่ะ ภาพอาจไม่สวยมากมายค่ะ เพราะไม่ได้เอาไปแต่งใน Photoshop หรือ lightroom ค่ะ

จากที่เกริ่นไปข้างต้นแล้วนั้น
ดิฉันกับเพื่อนนัดมาเริ่มต้นเดินทางไปเกาะกูดครั้งนี้ด้วยกันที่สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ
ซึ่งเป็นพาหนะที่จะช่วยย่นระยะเวลาของเราในครั้งนี้ และเป็นครั้งแรกด้วยค่ะที่จะได้นั่งเครื่องบินลำเล็กจากกรุงเทพไปตราดค่ะ
มานั่งรอเช็คอินน์เพื่อขึ้นเครื่องบินค่ะ
Boarding Time เวลา 7.40 น.
เที่ยวบินไฟล์เช้ามากๆค่ะ ตอนแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตี 5 เลยนะคะ เพื่อจะนั่งรถแท๊กซี่มาให้ทันเวลา check in ค่ะ ตอกแรกคิดว่าจะไม่มันเสียแล้ว เพราะตอนนั่งแท๊กซี่มาจากที่บ้าน รถติดมากๆ ภาวนาขอให้ทันเวลา แต่คนขับแท๊กซี่ก็เร่งเครื่องมาส่งทันค่ะ
 ได้เวลาขึ้นเครื่องบินแล้วค่ะ
ดิฉันยืนตอนแถวคนสุดท้ายเลยค่ะ 
 เครื่องบินก็เป็นเครื่องลำเล็กๆขนาดกะทัดรัดดี
เห็นกระเป๋าผู้โดยสารที่โหลดไว้ก็ถูกเอาไปใส่ไว้ที่ใกล้กับหัวเครื่องบินเลยค่ะ
เพราะเครื่องบินลำเล็กนิดเดียวค่ะ
 เข้ามานั่งด้านใน เครื่องบินลำเล็ก กะทัดรัดมากค่ะ ที่ใส่ช่องกระเป๋าด้านบนก็เล็กๆ ใครที่แบกเป้กระเป๋าใบใหญ่มา ยัดใส่ไม่ได้นะค่ะ แนะนำโหลดกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่องค่ะ เพราะยังไงก็โหลดกระเป๋าฟรีอยู่แล้ว
วันที่ดิฉันเดินทางมาเป็นวันธรรมดา ยังมีที่นั่งว่างอยู่บ้างสัก สองสามที่นั่งค่ะ แต่ก็เกือบเต็มนะค่ะ
เครื่องบินค่อนข้างเก่า น่าจะให้บริการมานานหลายปีแล้วกระมัง
 เพื่อนของดิฉันนางนั่งติดหน้าต่างส่วนดิฉันนั่งใกล้ทางเดินค่ะ
ไม่นานนัก กัปตันก็สตาร์ทเครื่องโบยบินสู่ท้องฟ้า
วันที่ได้เดินมานั้น ท้องฟ้าแจ่มใสดีเหลือเกิน จนเห็นก้อนเมฆสีขาวนวลผ่องลอยเคว้งอยู่กลางนภากาศ ความสูงน่าจะหลายหมื่นฟุตเลยนะค่ะ
มีอาหารมาเสริฟด้วยค่ะ เนื่องจากตอนขามาเมื่อเช้า ดิฉันกับเพื่อนเดินทางมาถึงสนามบินก็จวนเวลาเช็คอินน์แล้ว ก็เลยไม่ได้ไปที่ lounge ของสายการบิน Bangkok Airway แต่บนเครื่องบินก็มีบริการอาหารให้ทานค่ะ

อาหารมื้อเช้าสำหรับเที่ยวบินนี้เป็น ครังซองแฮมชีส (croissant ham cheese)
มีผลไม้ให้ทานล้างปากและน้ำถ้วยเล็กๆ มุ้งมิ้งมากค่ะ
แต่ระหว่างทานอาหารก็มีชาและกาแฟมาเสริฟให้ด้วยนะค่ะ
ดูครัวซองชิ้นเล็กแต่ก็ทานอิ่มท้องเลยล่ะ
หลังจากที่ได้ทานอาหารมื้อเช้าไปแล้วนะค่ะ นั่งเครื่องบินใช้เวลาไม่นานนักก็ถึงสนามบินตราดแล้วค่ะ มาถึงก็จะมีรถรางคันเล็กๆ ไปส่งที่อาคารผู้โดยสาร
สนามบินตราด Trat Domestic Airport
 ถึงอาคารผู้โดยสารสนามบินตราดค่ะ

เครื่องบินจอดอยู่ไกลพอสมควร ถ้าเดินไปเหงื่อตกแน่นอนค่ะ
และวันที่เดินทางมา แดดก็ส่องแสงแรงฤทธิ์ดีเหลือเกิน
เดินมาถึงอาคารผู้โดยสารขาเข้า ดิฉันกับเพื่อนก็เดินไปเอากระเป๋าที่โหลดกับมากับเครื่องบินเลยค่ะ
ตอนแรกคิดว่าจะต้องไปเดินหาตามสายพานเสียอีก แต่ที่สนามบินนี้ไม่ต้องจ้า
เดินลงเข้าที่อาคารผู้โดยสารปั๊บ กระเป๋ามาถึงก่อนผู้โดยสารเสียอีก
พอได้กระเป๋าแล้วนะค่ะ
เราก็เดินออกมาต่อแถวที่จุดให้บริการรถโดยสารค่ะ
โดยที่สนามบินก็มีรถบัสลิมูซีนให้บริการไปส่งถึงในตัวเมืองตราดด้วยค่ะ
ระยะทางจากสนามบินตราด ที่อำเภอเขาสมิง ไปที่เมืองตราดประมาณ 35 กิโลเมตร
โดยรถบัสลิมูซีนที่เราเลือกนั่งเป็นคันแบบนี้ค่ะ

สำหรับใครที่เลือกนั่งเครื่องบินมาเที่ยวเกาะกูดจะแวะไปเมืองตราด แต่ไม่อยากเหมารถในสนามบินซึ่งราคาจะแพงกว่า ก็นั่งรถบัสลิมูซีนได้ค่ะ
หากรถบัสลิมูซีนไปส่งในเมืองตกคนละ 350 บาทค่ะ
ส่วนหากเป็นรถแท๊กซี หรือรถตู้ที่ทราบมาค่าใช้จ่ายตกคนละ 500 บาทค่ะ
หรือหากใครที่มีข้อสงสัย สอบถามราคาได้ที่ บริษัทรถกรุงเทพลิมูซีนได้ที่เบอร์โทร : 086-5638889
ดูด้านข้างนะจะชัดเจนกว่า เป็นรถบัสคันเล็กๆ
น่าจะนั่งได้ประมาณ 20 คนได้กระมัง
ราคาโดยสารเข้าไปในเมืองตราด ตกละ 350 บาท
มาเที่ยว 2 คนค่าเสียหายรวม 700 บาทค่ะ
โดยรถจะมาส่งตามโรงแรม ในเมือง ในตลาด หรือสถานที่ท่านต้องการจะลงค่ะ 

แต่ถ้าหากใครที่มาแบบครอบครัว แต่ไม่อยากเสียตังนั่งรถบัสแบบคนละ 350 บาท ก็แนะนำให้ติดต่อใช้บริการรถสองแถวในตัวเมืองตราดได้ค่ะ โดยต่อรองราคากับคนขับเอานะค่ะ แต่จะเสียเวลาที่รถต้องวิ่งมารับที่สนามบินและไปส่งในเมืองอีกที ยังไงลองนำไปพิจารณากันดูค่ะ

โดยดิฉันมีรายชื่อเบอร์โทรรถสองแถวในเมืองตราดมาให้ท่านได้โทรไปสอบถามราคากันก่อนได้ค่ะ
เบอร์โทรรถสองแถวเมืองตราดได้มาจากแผ่บพับ ททท.ตราด มีดังนี้
คุณตุ๊ก : 089-2488815
คุณอั๋น : 087-1445841
คุณอู : 087-7410861
คุณมัก : 085-4301393
คุณจ๋อง : 086-0722152
คุณการ : 082-2084074
คุณไก่ : 085-6019060
(ข้อมูลเบอร์โทรทั้งหมดได้มาจากแผ่นพับการท่องเที่ยวของ ททท.เมืองตราด)
บนรถบัสลิมูซีนที่นั่งมา ก็มีน้ำดื่มให้ฟรีค่ะ
วันที่นั่งมามีผู้โดยสารเป็นชาวต่างชาติกับครอบครัวนั่งมาด้วยประมาณ 4 คน
รวมดิฉันกับเพื่อนอีก 2 คน เป็น 5 คนค่ะ
ระยะทางจากสนามบินตราดซึ่งอยู่ที่อำเภอเขาสมิงมาที่เมืองตราดประมาณ 35 กิโล
รถใช้เวลาประมาณ 30 นาทีกว่าๆก็ถึงค่ะ
โดยทางเราได้บอกให้คนขับมาส่งที่สถานีขนส่งจังหวัดตราดค่ะ
ที่มาที่นี้ก็เพื่อมาตั้งหลักก่อนค่ะ
เนื่องจากจะมีรถของบริษัทเรือไปเกาะกูดมารับฟรีค่ะ
 เดินเข้ามานั่งในอาคารผู้โดยสารในสถานีขนส่งตราด

เดินมาที่ชานชลา 25 เพื่อจะรอรถไปท่าเรือแหลมศอก
โดยเพื่อนของดิฉัน นางได้โทรไปหาคนขับรถที่จะมารับที่สถานีขนส่งเพื่อไปส่งที่แหลมศอกฟรีค่ะ
นางบอกว่ารถจะมารับเวลาประมาณตอนเที่ยง 12 นาฬิกา
รถที่จะมารับไปส่งที่แหลมศอก
เป็นคันสีน้ำเงินแบบนี้ค่ะ
หากใครที่จะมาเที่ยวเกาะกูด รถสีแบบนี้นะค่ะ
ส่วนใหญ่รถก็เป็นสีแบบนี้เหมือนกัน แต่ป้ายต่างกัน มีรถวิ่งในเมืองด้วยต่างหาก
ตารางเวลาเวลาเดินรถไปแหลมศอก เพื่อขึ้อเรือไปเกาะกูดมีดังนี้ค่ะ
จากสถานีขนส่งตราด เวลา 8.40 ถึง แหลมศอก 9.32 น.
9.00 น. ถึงแหลมศอก 9.52 น.
เนื่องด้วยมีเวลาอีกตั้งชั่วโมงกว่าๆ เราไม่อยากนั่งรถที่สถานีขนส่ง
เลยตัดสินใจนั่งรถสองแถวจากขนส่งตราด เข้ามาในตัวเมืองค่ะ
โดยเพื่อนของดิฉันได้โทรบอกให้รถที่บริษัทเรือมารับที่หน้าตลาดเทศบาลค่ะ 
ตัดสินใจใช้บริการรถสองแถวเข้าไปในตัวเมือง ค่าบริการคนละ 30 บาทค่ะ
นั่งรถสองแถวไปในเมือง ก็มีฝรั่งมังค่าเป็นหนุ่มตาน้ำข้าวมานั่งด้วย เพื่อนของดิฉัน นางสปี๊คอิงลิชเวลมาก ก็ทักทายเมามอยกันใหญ่ ส่วนเดี๊ยนได้แต่นั่งฟังพอเข้าใหญ่ไม่ขอเม้ามอย เพราะสู้นางไม่ค่อยจะได้
 นั่งรถสองแถวจากขนส่งมาไม่นานนัก ก็ถึงแล้วค่ะ ย่านใจกลางเมืองเป็นตลาดหน้าเทศบาลเมืองตราด
มีตราดสรรพสินค้าเด่นตระหง่านอยู่ตรงข้ามตลาด แต่เสียดายห้างร้างไปแล้ว
ที่ตลาดเทศบาลก็มีร้านสินค้าหลากหลายอย่างค่ะ

แต่เพื่อนของดิฉันนางบอกว่า ใกล้ตลาดจะมีชุมชนเก่าคลองบางพระอยู่ นางเลยพาดิฉันเดินไปตะลอนเลาะดูเมืองนี้ ใหนก็แวะมาทั้งที่จะได้มีเสียเที่ยวค่ะ
เราเดินออกจากตลาดเทศบาลมุ่งหน้ามาในย่านชุมชนเก่าคลองบางพระ
หรือในย่านนี้จะมีตึกรางบ้านช่อง และเรือนไม้เก่าแก่ให้ได้แลชม และถ่ายรูปกันด้วยค่ะ
เพื่อนของดิฉัน นางเดินนำหน้าไปก่อนเลยค่ะ

บรรยากาศในชุมชนเก่า วันที่ดิฉันมานี้ ค่อนข้างเงียบมากๆ อาจจะเป็นเพราะวันธรรมดาด้วย
วันเสาร์-อาทิตย์ นักท่องเที่ยวน่าจะเยอะกว่านี้มากนะค่ะ
 เดินมาก็คุณยายกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในร้านตึกแถวเก่า
ซึ่งยังคงความดั้งเดิมเอาไว้อย่างดี ดูแล้วมีมนต์เสน่ห์ชวนให้หลงใหลและเคลิบเคลิ้มไปไม่น้อยทีเดียว

มารู้จักเมืองตราดกันหน่อย เป็นความรู้เล็กๆน้อยค่ะ ???

เมืองตราด เป็นอีกหนึ่งจังหวัดในภาคตะวันออกที่มีความสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ มีทะเล ป่าไม้และภูเขาและหมู่เกาะต่าง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย 

ตราดนับเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงปลายอยุธยา สินค้าที่ส่งออกขายยังแดนไกล โดยเฉพาะของป่า เช่น เขากวาง หนังสัตว์ ไม้หอม และเครื่องเทศต่าง ๆ ล้วนมาจากเขตป่าเขาชายฝั่งทะเลตะวันออก แถบระยอง จันทบุรี ตราด โดยลำเลียงสินค้าผ่านมาตามแม่น้ำเขาสมิง ออกสู่ปากอ่าวตราดด้วย 
ขอขอบพระคุณข้อมูลดีๆจาก https://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดตราด 

เราเดินเลาะตามฟุตบาท เดินมาตามถนนเส้นเล็กๆ
ก็จะพบบ้านเรือน ไม้เก่าะแกที่ยังแลดูมีมนต์ขลังมากค่ะ
ดูบ้านหลังนี้มุมด้วยสังกะสีทั้งหมด สงสัยน่าจะอายุนานพอสมควร
แต่เห็นป้ายติดไว้ว่าจะขายด้วยนะ
ถ้ามีคนมาซื้อไป บ้านเก่าหลังนี้ คงไม่มีสังกระสีมุงให้เห็นแล้วล่ะ
บรรยากาศเงียบสงบ สยบความครืนเครงมากค่ะ
ขนาดอยู่ในตัวเมืองแล้วนะ นานๆจะเห็นรถผ่านสักคัน
ก็คงมีจักรยานของคุณพี่แกปั่นมาเนี่ยแหละค่ะ สร้างชีวิตชีวาได้ไม่น้อย
 แต่ในความเงียบสงบ ก็มีภาพวาดติดฝาผนังเป็น ถนน Street Art ให้ได้ชื่นชมกันอยู่นะค่ะ
อย่างเช่นมุมเป็นนี้เป็น มุมธนาคารออมสินสาขาตราดค่ะ
มีโอ่งมังกรใส่น้ำให้ได้เห็น
ลองเอาไปมือไปจับแล้วเย็นชื่นใจดีจัง
มีโรงพิมพ์เก่าซึ่งยังเปิดให้บริการอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
ถนนที่เราเดินอยู่นี้เป็นถนนชัยมงคลค่ะ เดินมาจากตลาดหน้าเทศบาลได้ไม่ไกลนัก
มีตึกและอาคารบ้านเรือเก่าแกให้ได้แลเห็นกันสวยงาม มีเสน่ห์ไม่น้อยทีเดียว
ไม่ไกลนักจากถนนไชยมงคล เราเดินซ้ายตรงมาอีกนิดหน่อยประมาณ 50 เมตร
ก็มาถึงโบราณสถานเรซิดังกัมปอร์ค่ะ
ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับ โบราณสถานเรซิดังกัมปอร์ตค่ะ

เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 3 ชั่น หลังคาทรงปั่นหยาลดชั้น
แต่ก่อนเคยใช้เป็นที่พำนักของข้าหลวงฝรั่งเศส
ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลฝรั่งเศสให้ปกครองจังหวัดตราด ในระหว่างปี 2453 และได้กลายเป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อปี 2471
 หลังจากได้ชมโบราณสถานเรซิดังกัมปอร์ตแล้วนะค่ะ
เราก็เดินเลาะไปยังซอยชุมชนเก่าคลองบางพระค่ะ
ตึกอาคารเก่าในเมืองแห่งนี้ ก็สวยงามมีเสน่ห์น่าหลงไหลไม่น้อยค่ะ
และอีกอย่างบรรยากาศเมือง เหมาะแกการเดินชมมาก
เพราะรถราก็ไม่ค่อยเยอะมาก แถมเงียบสงบ
หากใครที่รักการถ่ายภาพสถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือน ก็แวะมากันได้นะค่ะ
เราเดินกันมาที่ตรอกซอยในชุมชนคลองบางพระแล้วค่ะ
เป็นตรอกซอยเล็กๆ น่ารัก มุ้งมิ้ง แต่ก็มีมุมถ่ายรูปสวยสวิงริงโก้ ให้ได้เฮโลกันไม่น้อยค่ะ
บรรยากาศในตรอกก็เงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจแม้แต่น้อย
นานๆจะมีรถสักคันผ่านมา
เดินมาก็เห็นภาพวาดฝาผนังสวยงาม ให้ได้ถ่ายรูปกันด้วยค่ะ
เป็นภาพวาดแม่ค้าพายเรืออยู่ในแม่น้ำ
ในตรอกชุมชนเก่าคลองบางพระแห่งนี้ มีอาคารบ้านเรือนไม้เก่าแกให้เห็นกันอยู่พอสมควรค่ะ
บ้างก็ถูกดัดแปลงเป็นโรงแรมที่พัก
บ้างก็ทำเป็นร้านคาเฟ่ นั่งดื่ม ต้อนรับนักท่องเที่ยว
แต่เสียดายวันที่มาเป็นวันธรรมดาค่ะ
บรรยากาศเลยเงียบเหงา ร้านคง ร้านค้าก็ปิดก็เยอะเชียว
ถ้ามีนักท่องเที่ยวมาเยอะกว่านี้ คงจะมีคึกคักไม่น้อย
มาม๊ะ!! ลาพักร้อนปีนี้ ก่อนไปเที่ยวเกาะกูดแวะมาเดินย้ำ ย่านชุมชนเมืองตราดกันนะค่ะ 
เนื่องด้วยระยะเวลาที่จำกัด ตอนแรกกะจะเดินไปให้ถึงคลองบางพระ
แต่เพื่อนของดิฉัน นางบอกว่าเดินต่อไม่ได้แล้ว
เดี่ยวจะไม่ทันรถมารับ เพราะรถที่จะมารับไปท่าเรือแหลมศอกนั้น มารับเวลาเที่ยง

เราก็เลยต้องเร่งฝีเท้าไปยังตลาดหน้าเทศบาลค่ะ
เพื่อไปให้ทันรถมารับค่ะ เพราะคนขับบอกว่า หากเลยเวลาจะไม่รอ ให้เหมารถไปเองนะค่ะ
ยังไงหากใครมาเที่ยวเลาะเดินในย่านชุมชนเก่าแบบเรา ก็อย่าลืมเวลากันด้วยนะค่ะ

เมืองตราดนี้เหมาะสำหรับปั่นจักรยานมากค่ะ 
เพราะดูแล้ว ไม่ค่อยมีรถรา สัญจรเยอะเท่าที่ควร  
ไปใหนมาใหน ปั่นจักรยานน่าจะดีไม่น้อย ได้ออกกำลังกายอีกด้วย
 ระหว่างทางก่อนมาที่ตลาดหน้าเทศบาล
ก็แวะที่ร้านขายข้าวแกงด้วยค่ะ เลยซื้อขนมและข้าวห่อใส่กล่องมาด้วย
เพื่อจะได้เอาไปทานบนเรือ เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงล่ะ
 เราเดินมาที่ตลาดหน้าเทศบาลมารอคุณพี่คนรับรถ บอกว่าจะมารับตอนเที่ยง
นี้ก็เวลาเที่ยงแล้วนะค่ะ ทำไมคุณพี่ยังไม่มาสักที
เดี๊ยนบ่นไม่นานนัก รถก็มาจอดรับเราที่หน้าเทศบาลค่ะ
แต่ก็ไม่ได้มีแค่เราสองคนนะค่ะ ยังมีนักเดินทางและนักท่องเที่ยว รวมทั้งชาวบ้านบนเกาะกูดก็ขึ้นมาแจมบนรถด้วยจ้า
ตารางเวลาและราคาค่าเรือโดยสารไปเกาะกูดของเรือให้บริการแต่ละแห่งค่ะ
 หากเพื่อนท่านใดที่กำลังวางแผนมาเที่ยวเกาะกูด ยังไงตรวจสอบตารางเวลาให้บริการเรือโดยสารจากแหลมศอกไปเกาะกูดให้แน่นอนก่อนมาได้ค่ะ โดยมีเบอร์โทรและเวลาระบุชัดเจน

ส่วนใหญ่จะนั่งบัสหรือรถตู้มาลงที่สถานีขนส่งตราด (บขส.ตราด) ก็โทรไปที่บริษัทเรือที่ท่านต้องการใช้บริการให้รถกระบะสองแถวมารับที่ สถานีขนส่ง หรือหน้าตลาดเทศบาลเมืองตราดได้ฟรีค่ะ

ดิฉันเลยถ่ายรูปข้อมูลจากค่าโดยสารเรือจากแหลมแผ่นพับท่องเที่ยวมาให้ทุกท่านได้ดูกันเป็นข้อมูลค่ะ (ขอบคุณข้อมูลจากแผ่นพับของ ททท.)

เรือโดยสารเที่ยวแรก เป็นของบริษัท Koh Kood Princess Boat ออกจากแหลมศอก เวลา 12.30 น. ถึงท่าเรืออ่าวสลัดเกาะกูดเวลาประมาณ บ่าย 2 โมงค่ะ ราคาเรือโดยสารตกคนละ 350 บาท

และเรือออกจากเกาะกูดเที่ยวแรกเวลา 9 โมงเช้า ของบริษัท koh kood Boonsiri ค่าเสียหายตกคนละ 500 บาท แต่ถ้าราคาถูกกว่านี้ก็ไปนั่งของบริษัทเรืออื่นได้ค่ะ สามารถติดสอบถามได้ค่ะ

ตารางค่าเรือโดยสารจากเกาะช้างไปเกาะกูดค่ะ
และหากท่านใดที่จะเดินทางจากเกาะช้างมาเกาะกูดก็มีเรือโดยสารให้บริการด้วยนะค่ะ
ราคาค่าเรือก็แพงไปอีกนิดนึงค่ะ
 
นั่งรถออกจากเมืองตราดมาตอนเวลาเที่ยง ดิฉันนั่งอยู่ท้ายรถ
สัมผัสได้ถึงความร้อนแรงของพระอาทิตย์ ที่เจิดจรัดแผดรังสีได้ร้อนเร้านัก
แต่ก็ยังดีมีลมพัดโชย ช่วยคลายร้อนไปได้บ้าง เพราะคุณพี่คนขับรถนั่ง ขับรถเร็วมากค่ะ
 ขับรถมาไม่นานนะ คุณพี่คนขับรถ เลี้ยวรถเข้ามายังจุดจำหน่ายตั๋วโดยสารของบริษัทเรือ Princess
เพื่อเก็บค่าโดยสารจากพวกเราค่ะ
โดยค่าโดยสารไปยังเกาะกูด เที่ยวเวลา 12.30 น. ราคาตกคนละ 350 บาทค่ะ
 หลังจากที่ได้ซื้อตั๋วแล้วนะค่ะ
รถก็ขับมายังสุดปลายทางที่ท่าเรือแหลมศอกเลยค่ะ
เรือที่จะขึ้นโดยสารไปยังเกาะสวาท หาดสวรรค์ของเราในวันนี้ คือลำนี้ค่ะ
ที่นั่งโล่งอยู่ชั้นบน แต่ที่นั่งแอร์อยู่ด้านล่างค่ะ
ดิฉันกับเพื่อนเดินเข้ามานั่งที่ชั้นล่างก่อนค่ะ
โดยบรรยากาศภายในเรือโดยสาร ก็มีนักท่องเที่ยวมากันเกือบครึ่งลำเลยนะค่ะ แต่ก็มีที่นั่งให้เลือกอยู่พอสมควร
ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นชาวต่างชาติมากกว่าคนไทยค่ะ
เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วง High Season นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ชาวฝรั่งมังค่าก็บินถลามาจากแดนไกล เพื่อแวะมาอาบแดดและเล่นน้ำทะเลใสในเกาะนี้ค่ะ
 ตั่วโดยสารของเรือ Princess เป็นแบบนี้ค่ะ
ราคาตั๋วอยู่ที่คนละ 350 บาท
เรือออกเวลา 12.30 น.
 รู้สึกปวดฉี่ก็เลยแวะไปเข้าห้องน้ำ หากใครมาก็อย่างงกับปุ่มกดชักโครกนะค่ะ เพราะไม่มี
แต่ใช้ระบบชักแล้วก็โครกเอาค่ะ โดยมีเชือกดึงเพื่อให้น้ำโครกลงไปค่ะ เรียกว่าเป็น แมนนวลจริงๆจ้า
หลังจากที่เรานั่งอยู่ด้านล่างเรือไม่นานนัก 
ก็แวะมาขึ้นนั่งพักทานข้าวกันที่ด้านบนเรือ ซึ่งลมพัดเย็นกว่าค่ะ
หากใครที่จะกลัวเมาเรือ ก็มานั่งรับลมเย็นๆด้านบนจะได้บรรยากาศกว่าค่ะ
หลังจากที่เรานั่งอยู่ด้านล่างเรือไม่นานนัก 
ก็แวะมาขึ้นนั่งพักทานข้าวกันที่ด้านบนเรือ ซึ่งลมพัดเย็นกว่าค่ะ
หากใครที่จะกลัวเมาเรือ ก็มานั่งรับลมเย็นๆด้านบนจะได้บรรยากาศกว่าค่ะ
 เดินไปที่หัวเรือก็เห็นมาดามทันนึง นั่งเป็นโรสรอแจ๊คอยู่ค่ะ เหมือนเรือไททานิคเลยนะ แต่ลำเล็กกว่า555
มีหนุ่มหน้าน้อยหน้าหวาน นั่งหันหลังดูแล้วร้าวรานใจค่ะ
 น้ำทะเลในวันนี้ ดูสดใสสีฟ้าครามยิ่งนัก
ลมพัดเย็นดี๊ดี เหมาะกับการมาพักผ่อนจริงๆค่ะ
 คุณมาดามโรสที่นั่งรอแจ๊คอยู่ที่หัวเรือนั้น ไม่นานนัก คุณลุงแจ๊คก็เดินมาประคู่กันแล้วค่ะ
ภาพสวยหวานแหว๋วแจ๋วจ่า ดูกิ๊บเก๋ยูเรก้า ลั๊นลาโรแมนติกจริงๆ
ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเยือนบนเกาะแห่งนี้ คงจะมีความสุขลั๊ลลาช่ะช่ะช่าหัวใจไม่น้อย
ไม่ต่างจากพวกเราที่ได้ ลาพักร้อน ลางาน มานอนร้าวรานที่เกาะสวาท หาดสวรรค์แห่งนี้
เพราะนานๆจะได้มาเที่ยวไกลๆแบบนี้สักทีนึงนะค่ะ
 หลังจากที่นั่งเรือมาเป็นชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงสักทีค่ะเกาะกูด
เห็นพระพุทธรูปสีทองโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ใกล้ๆ
 เรือโดยสารกำลังแล่นเข้าเทียบท่าเรืออ่าวสลัด
 ตอนลงจากเรือสิ่งแรกที่ได้สัมผัสเลยคือวิถีชีวิตของชุมชนชาวเรือที่อ่าวแห่งนี้ค่ะ
มีป้ายชาวเกาะกูดยินดีต้อนรับจ้า
กุ้งแห้งตากบนแผงติดทางเดินที่ท่าเทียบเรือ กลิ่นโชยเตะจมูกค่ะ
หากใครที่ไม่เคยได้กลิ่นกุ้งตาก อาจจะเหม็นและฉุนหน่อยค่ะ
แต่ถ้าได้กินกุ้งที่ตากเหลานี้แล้ว จะลืมกลิ่นไปเลย เพราะรสชาติอร่อยเริ่ดมากๆค่ะ
 ดิฉันกับเพื่อนเดินแบกเป้ไปยังท่ารถที่มารับบริการลูกค้าด้วยค่ะ
โดยที่ท่ารถแห่งนี้จะมีรถมารับลูกค้าจากเรือที่เรานั่งมาไปส่งถึงที่พักฟรีค่ะ
สำหรับใครที่มาเที่ยวเกาะกูดแห่งนี้ ไม่ต้องกลัวนะค่ะว่าจะไม่มีรถมารับ เพราะค่าบริการที่พักส่วนใหญ่ก็ถูกรวมเข้ากับที่พักเรียบร้อยแล้วจ้า
เราเดินออกมาจากที่พักก็มีคนขับบอกว่าไปพักที่ใหน
เพื่อนดิฉันเลยบอกไปว่าไปพักที่ อนาเลย์ รีสอร์ท
สักพักก็มีพี่ผู้ชายเดินมาบอกให้ไปคืนรถดังกล่าว โดยรถรับส่งจะเป็นรถกระบะมีที่นั่งด้านหลังค่ะ

เนื่องจากเกาะกูดเป็นเกาะที่มีชายหาดมากมาย ทำให้มีรถมารับบริการไปส่งผู้เข้าพักตามจุดต่างๆหลายแห่งค่ะ
ที่พักของเราคืนนี้พักที่ A-na-lay-resort Koh kood ค่ะ ที่พักอยู่ติดทะเลเลยนะค่ะ พักแค่คืนเดียวนะค่ะ ราคาคืนละ 1500 บาท

ส่วนอีก 2 คืนที่เหลือ เราจะไปพักที่โรงแรม Koh kood paradise  คืนนี้เลยนอนเอาแรงไปก่อน ส่วนอีกคืนที่เหลือค่อยไปนอนอาบแดดค่ะ

ตอนแรกกะว่าจะไปพักในเมืองตราดก่อนคึงนึงค่ะ แต่เนื่องจากว่าใหนๆก็มาเกาะทั้งที ก็แวะเที่ยวเกาะกูดให้ครบไปเลย คืนแรกก็เลยมานอนที่นี้ก่อน ส่วนอีก2 คืนค่อยไปโรงแรมเกาะกูดพาราไดซ์ ค่ะ
มารีวิวห้องพักที่ อนาเลย์รีสอร์ท เกาะกูดกันค่ะ
โดยที่พักเป็นแบบบังกะโลเล็กเป็นหลังๆแบบส่วนตัว โดยห้องพักที่ได้ก็อยู่ใกล้โพ้นจาก reception เลยค่ะรอบที่พักเป็นป่าและต้นไม้ล้อมรอบ มองเห็นทะเลได้บางส่วนค่ะ

ห้องพักเป็นแบบเตียงเดียว มีห้องน้ำในตัว มีแอร์ ทีวี ตู้เย็น ผ้าขนหนูให้ค่ะ ห้องกว้างขวาง ไม่แออัด
แต่เตียงนอนไม่ค่อยโอเคเลย ลองนั่งแล้วบุ๋มยุบลงไปทั้วตัวเลยค่ะ 555 เพราะเป็นแบบสปริงเด้งดีมากๆค่ะ
หากใครที่ชอบนอนแบบนี้ น่าจะโอเค แต่สำหรับเดี๊ยนคงไม่ไหวค่ะ เพราะนอนไปแล้วคงปวดหลังเป็นแน่แท้

 ส่วนด้านหน้าที่พักมีระเบียง มองเห็นทะเลได้บางส่วนค่ะ
โดยรวมที่พักพอใช้ได้ค่ะ แถมราคาไม่แพงด้วยนะค่ะ 
ส่วนห้องน้ำโอเคเลยนะค่ะ เพราะกว้างขวาง ไม่คับแคบแออัดจนเกินไปค่ะ
ที่ต้องปรับปรุงอยากให้เปลี่ยนเตียงนอนจ้า
แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเกาะกูด
 แผนที่ท่องเที่ยวเกาะกูดจากแผ่นพับที่ได้มาจากรีสอร์ท ส่วนใหญ่ตามที่พักต่างๆก็จะมีแจกลูกค้าที่เข้ามาพัก เพื่อเป็นไกด์ไลน์นำทางไว้เที่ยวบนเกาะค่ะ 
หลังจากที่ไดันั่งเพิ่มที่ห้องแล้วนะค่ะ
เราก็เดินออกจากที่พักมารับลมทะเลเย็นที่ริมสระน้ำของโรงแรมค่ะ
บรรยากาศยามเย็นนี้ ลมพัดดีเหลือเกิน
สระว่ายน้ำก็สะอาดน่าเล่นอยู่นะค่ะ มีสระเด็กและสระผู้ใหญ่ด้วย 
 หลังที่ได้นั่งพักริมสระน้ำแล้วนะค่ะ
เราก็เดินลงตามทางเดินเพื่อมาชมน้ำที่ทะเลแห่งนี้
มาดูสิว่าน้ำจะใสแค่ใหนค่ะ
โดยที่รีสอร์ท ก็มีทางเดินเป็นสะพานไม้เดินเลียบไปตามชายฝั่งค่ะ
บรรยากาศดีมากๆค่ะ
เห็นชาวฝรั่งมังค่ากำลังเดินอยู่ในน้ำทะเล
น่าจะเดินจับปู หาปลาอยู่กระมังค่ะ
 เดินมาสักพักมาเจอน้องหมา นั่งพักชิลๆขวางทางเดินอยู่ค่ะ
น่าจะเป็นเจ้าถิ่นที่นี้กระมัง
มองไปที่น้ำทะเลแล้ว น้ำใสจริงๆ มองเห็นไปถึงก้นบึ้งของทรายที่อยู่ด้านล่างเลย
ในช่วงยามเย็นแบบนี้  น้ำในทะเลรอบชายฝั่งเป็นสีเขียวคราม อร่ามจับตา น่าลงไปเล่นจริงๆ
น้ำใสจนมองเห็นทราย จนชาวฝรั่งมังค่า ต้องมาแหวกว่ายดูปลาที่อยู่ใต้น้ำ
ถึงไม่ได้ลงไปว่าย ก็มองเห็นปลาทะเลว่ายเวียนวนอยู่ในน้ำเลยค่ะ
ช่วงยามเย็น พระอาทิตย์เริ่มจะบ่ายคลอยลง ความมืดก็เริ่มเข้ามาแทนที่
อีกหนึ่งมุมเช็คอินน์ที่หากใครมาเกาะกูด
คงต้องไม่พลาดมาเดินถ่ายรูปสวยริมสะพานไม้ที่ยืนไปในปลายทะเล
ถือเป็นไฮไลท์สวยเก๋ที่ต้องถ่ายเก็บไว้ที่ระลึกค่ะเพราะหากมาเกาะกูดแล้ว ไม่ได้เดินบนสะพานไม้ที่ยืนไปในทะเล
รับรองว่ามาไม่ถึงเกาะกูดแน่นอนค่ะ ซึ่งสะพานไม้เหล่านี้ก็จะมีอยู่ตามหลายชายหาดเลยค่ะ
ส่วนใหญ่หากมาเที่ยวกัน ก็ต้องแวะถ่ายรูปกันทุกๆคน
สำหรับดิฉันกับเพื่อน ก็เดินลัดเลาะไปตามชายหาดเพื่อไปยังสะพานไม้อีกฝั่งนึกค่ะ
บรรยากาศโดยรอบก็เป็นชายหาดโค้งเว้า สวยงามตายิ่งนัก
ส่วนน้ำทะเลก็พัดโซเซ กวาดเอาก้อนหินดินทรายและเศษหอยมาเกยก้อยที่ริมชายหาด
ดิฉันกับเพื่อนรีบเร่งฝีเท้าเลยค่ะ
เพื่อไปหามุมชมพระอาทิตย์ตกดินค่ะ
รู้สึกว่าพระอาทิตย์ใกล้จะโพเพ่ตกดินแล้ว 
มองจะสะพานปลาแห่งนี้ก็สวยงามดี
แต่น่าจะมีอีกมุมที่ดูได้เต็มตากว่าค่ะ
แสงอสุรีย์ของดวงอัคคีย์เริ่มจะจรลีจากไปแล้วค่ะ
ต้องรีบหามุมถ่ายเลยนะค่ะ 
พวกเรารีบเดินเร่งฝีเท้ามาชมพระอาทิตย์ตกดินแบบเต็มๆตา
ในที่สุดก็มาได้มุมที่ปลายชายหาดค่ะ สวยหรือเปล่าไม่รู้
แต่สำหรับดิฉันกับเพื่อนเดินหอบมาถึงมุมนี้ก็โอเคแล้วค่ะ
เพราะสุดปลายหาด ไปต่อไม่ได้แล้วค่ะ
ในช่วงเวลาสุดท้ายก็เลยรอเวลาที่พระอาทิตย์จะลาลับสู่ขอบฟ้า
ตอนนี้ยังเป็นดวงอาทิตย์กลมแบ๋วอยู่เลยค่ะ
มองไปไกลๆก็เห็นเรือประมงอยู่ไกลลิ่บๆ
 ไม่นานนักไม่กี่นาที ดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆบ่ายคลอย เลือนลอยลงลบสู่ขอบฟ้าค่ะ
สวยงามสง่ายิ่งนักเอย
ริมชายหาดก็เกลื่อนกลาดไปด้วยเศษหอยมากมายหลายแบบ
แต่ที่เห็นสวยงามสุขสกาว คงเป็นเปลือกหอยแครงที่งามร้อนแรงยิ่งนัก
 เดินกลับมาทักที่สะพานปลา หรือสะพานไม้ต่อ ก็มีนักท่องเที่ยวคู่อินเลิฟ
กำลังเดินเสริฟหาความสุขกับบรรยกาศอันสวยงาม ณ ที่แห่งนี้
 แม้พระอาทิตย์จะตกลาลับขอบฟ้าไปแล้ว
แต่สีสันของท้องฟ้ายังมีออร่าของแสงอสุรีย์ ที่ส่องแสงเป็นสีแดง งามร้อนแรงเหลือเกินค่ะ
 หลังจากที่ได้ไปเดินเลาะเลียบชมพระอาทิตย์ตกดินยามเย็นแล้วนะค่ะ
เวลาค่ำเราก็เดินกลับมายังที่พักค่ะ
ตอนแรกกะว่าจะออกไปหากินใกล้ๆที่พัก แต่เดินออกไปแล้ว ไม่ค่อยมีร้านอาหารใกล้ๆเลย
ถ้าออกไปก็ต้องเช่ารถมอเตอร์ไซต์ออกไปค่ะ
แต่ด้วยเวลานี้ ถ้าจะเช่ารถขับออกไปคงจะไม่คุ้ม

ดิฉันกับเพื่อนเลยตัดสินใจมานั่งทานอาหารที่รีสอร์ทดีกว่าค่ะ 
อาหารมื้อนี้จัดแบบเบาๆ ทานง่ายๆค่ะ
มีไข่เจียว
ต้มส้มปลาอินทรีย์
ข้าวผัด
รสชาติอร่อยที่สุดคงต้องยกให้ ต้มส้มปลาที่รสชาติหวานอมเปรี้ยวออกแนวๆต้มส้มแบบใส่ระกำลงไป มีกลิ่นหอม ถูกใจเรามากค่ะ
ส่วนไข่เจียวกับข้าวผัดก็โอเคค่ะ
และเมื่อได้ทานข้าวอิ่มแล้วนะค่ะ
เราก็เดินกลับเข้าที่พัก
ระหว่างเดินไปยังที่พักก็ต้องเปิดมือถือนำทางด้วยนะค่ะ
เพราะจากร้านอาหารของรีสอร์ทไปยังที่พักค่อนข้างมืดพอสมควร
เมื่อไปถึงที่พักแล้ว จากนั้นก็อาบน้ำและก็เข้านอนพักผ่อนค่ะ
จบทริปวันแรกค่ะ
หมดไป 1 วัน วันนี้ได้ไปเที่ยวที่ใหนบ้าง สรุปคือ แม้จะเป็นวันที่ต้องเดินทาง
แต่ระหว่างการเดินทางดิฉันกับเพื่อนก็ได้แวะไปชมชุมชนเก่าคลองบางพระในเมืองตราด
ถือว่าไม่พลาดโอกาศที่ได้แวะมาเยือน แม้จะมีเวลาแค่น้อยนิด แต่ก็ได้ชิดใกล้และสัมผัสเมืองนี้ไม่น้อย
เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ น่ามาเดินเที่ยวชมมากค่ะ เพราะมีประวัติศาสตร์และความเป็นมาที่ยาวนาน มีเรื่องราว วิถีชีวิต และอาหารการกินที่อร่อยถูกปาก ส่วนของฝากก็ถูกใจค่ะ

หากเพื่อนๆพี่ๆน้องท่านใดที่แวะมาเกาะกูด อย่าลืมไปเดินเที่ยวในเมืองตราดสักครั้งนะค่ะ ไปเดิน Check in ถ่ายภาพสวย และอุดหนุนสินค้าของชาวบ้านในชุมชน จะได้กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอีกด้วยค่ะ

ยังไม่จบนะค่ะ!! ยังมีต่อ เดียวตอนต่อไป ดิฉันจะพาเพื่อนขับมอเตอร์ไซต์ขับเลาะไปรอบเกาะกูด ไปเดินป่า ชมน้ำตกที่ใครต่อใครก็ต่างล่ำลือกันว่าสวยงามนัก และแวะชายหาดสวยใส ที่โด่งดังไปไกลถึงเมืองนอกเมืองนาค่ะ  สำหรับทริปนี้ก็ขอจบเพียงเท่านี้ ไว้พบกันใหม่ทริปตอนต่อไปนะค่ะ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกคนที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามาอ่านกันค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
---------------------------------------------------------------------
รวมบทความบล็อกเที่ยวเดือนละ 1 ครั้ง มีดังนี้ค่ะ(จะทยอยอัพเดทเรื่อยๆ เว็ปบล็อกจะได้ไม่ร้างไปค่ะ)
อัพเดทที่พักตราด อยู่ทะเล วิวสวยๆ ราคาประหยัด คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>>
อัพเดทล่าสุด 15 ที่พักตราด อยู่ติดทะเล ติดชายหาด ราคาประหยัด นอนพักสบาย สำหรับพักคู่และครอบครัวหมู่คณะ คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก+เบอร์โทรติดต่อค่ะ>>>
หรือดูข้อมูลภาพห้องพักได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2DcvPTk
รีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคม 2017 เที่ยวเกาะกูด 4 วัน นอนชิวๆ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเกาะกูด 4 วัน นอนสุขสันต์ริมชายหาด สวยสะอาดน้ำทะเลใส งามวิไลเลิศสะแมนแตน คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวฮัลล์สตัทด้วยตัวเอง มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกัน>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวฮัลล์สตัทด้วยตัวเองแบบชิลๆ เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยววิวสวยๆอะไรให้ชมกันบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>> 
แบ่งปันทริปรีวิวเที่ยวเมืองเก่าซาลซ์บูร์ก 1 วัน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
เปิดโลกกว้าง เดินทางไปเที่ยวเมืองซาลซ์บูร์ก(Salzburg) เมืองเก่าแก่แห่งนี้ มีที่เที่ยวจุดชมวิวสวยๆอะไรบ้าคลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 4 เดินเร้าฤดีฉิมพลีเสน่ห์เมืองมาร์เซย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 4 เดินฉิมพลีแวะเมืองมาร์กเซย์ นั่งรถไฟฮาเฮไปชมยอดมหาวิหาร งดงามอลังการแปลกตาดีจัง คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/Bxaq9X
แนะนำจ้า ที่พักเกียวโต ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
คัดมา 15 ที่พักเกียวโต สไตล์เรียวกัง ราคาถูก ใกล้สถานีรถไฟ สำหรับคู่รักและครอบครัวค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>  
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมไร่นาเมืองบิเอะ สวยเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็ครีวิวญี่ปุ่นญี่ปุ่น ตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมทุ่งนาข้าวบาร์เลย์เมืองบิเอะตอนบ่าย งามพร่างพรายสวยเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักยานไปชมดอกลาเวนเดอร์บานๆ อลังการเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้คนเดียวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 10 ปั่นจักรยานไปชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์บานตอนเช้าๆ สวยแพรวพราวน่ารักเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น