Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รีวิวพาคุณแม่เที่ยวเมืองตรัง แวะมาอีกครั้ง ก็ยังปังเสมอ อาหารคาวหวานรสเลิศเลอ แวะไปปรนเปรอทะเลยามสนธยา งามระย้ายิ่งนักเชียว

บล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนนี้ คุณนายเว่อร์ เธอขอเป็นคนบ้า พาคุณแม่มาเที่ยวเมืองตรัง มาอีกครั้ง ก็ยังปังสุดขั้ว ระรัวไปด้วยอาหารการกิน ฟินเริ่ดเว่อร์จริงๆจ้า
หากย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนโน้น ดิฉันจำได้ว่าเคยจัดทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวเมืองตรังแล้วครั้งหนึ่ง การมาเที่ยวครั้งนั้น ทำให้หลงรักเมืองตรังอยู่มิใช่น้อย เพราะเมืองตรังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ของธรรมชาติทั้งทางบกและทางทะเล มีชายหาดสวยงาม และที่ขาดไม่ได้คงเป็นของกินอร่อยๆ ให้ได้แวะสร้อยต้อยติ่ง ไปลิ้มลองทานอาหารคาวหวาน ไม่ว่าจะเป็นติ่มซำ ขนมเค้ก เรียกว่าอร่อยจริง อร่อยจัง

โดยการเที่ยวครั้งนั้น เรียกว่าหลายปีมาแล้วล่ะค่ะ ดิฉันเองค่อนข้างจะเที่ยวแบบสมบุก สมบันทีเดียว เนื่องจากเช่ามอเตอร์ลัดเลาะไปเที่ยวออกนอกตัวเมือง ชำเลืองไปตามอำเภอ ไม่ค่อยได้เที่ยวในตัวเมืองมากนัก

จนเวลาผัดเปลี่ยน หมุนเวียนมาบรรจบ ครบอีกสมัย ก็เกิดนึกอยากจะมาไฉไลเที่ยวเมืองตรังนี้อีกครั้ง ก็เลยจัดทริปมาเที่ยวอีก แต่รอบนี้ไม่ได้มาเที่ยวคนเดียวเหมือนทริปที่ผ่านๆมานะคะ เพราะคุณแม่ก็อยากมาเที่ยวด้วย สงสัยคนแก่อยู่บ้านคงจะเบื่อๆ ดิฉันก็เลยชวนคุณแม่กับคุณป้ามาเที่ยวด้วย เรียกว่ามากัน 3 คน ไม่เบื่อแน่นอนค่ะ
ใหนๆก็ถึงเมืองตรังแล้ว เรามารู้จักเมืองตรังกันสักเล็กน้อยนะคะ

ใหนๆก็ถึงเมืองตรังแล้ว เรามารู้จักเมืองตรังกันสักเล็กน้อยนะคะ

เมืองตรัง หรือชื่อเดิมคือ เมืองทับเที่ยง อีกหนึ่งในจังหวัดในภาคใต้ ซึ่งในอดีตเคยเป็นเมืองท่าค้าขายกับต่างประเทศ เป็นเป็นศูนย์กลางการคมนาคมไปสู่จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดตรังเป็นจังหวัดแรกที่มีต้นยางพารามาปลูก โดยพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี หรือชื่อเดิม คอซิมบี้ ณ ระนอง เป็นเจ้าเมืองตรังในอดีต ซึ่งได้นำพันธุ์ยางพารามาจากมาเลเซีย

นอกจากนี้แล้วตรังเป็นจังหวัดหัวเมืองอยู่ทางภาคใต้ของไทยที่มีอาณาเขตติดทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย ทางชายฝั่งทะเลตะวันตก โดยจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีที่ปรากฏในจังหวัดตรังมีอยู่ทั่วไป เช่น โครงกระดูกมนุษย์โบราณที่ถ้ำซาไก อยู่ในอำเภอปะเหลียน มีขวานหินกะเทาะ ขวานหินขัด เศษภาชนะดินเผา ลูกปัดแก้ว  เครื่องประดับ ตามถ้ำต่าง ๆ เช่น เขาสามบาตร ถ้ำเขาไม้แก้ว ถ้ำเขาเทียมป่า ภาพเขียนสีที่เขาแบนะ ถ้ำตรา ซึ่งล้วนเป็นหลักฐานบ่งบอกความเป็นชุมชนก่อนประวัติศาสตร์จนถึงแรกเริ่มประวัติศาสาสตร์

ตามคำขวัญประจำจังหวัด : เมืองพระยารัษฎา ชาวประชาใจกว้าง หมูย่างรสเลิศ ถิ่นกำเนิดยางพาราเด่นสง่าดอกศรีตรัง ปะการังใต้ทะเล เสน่ห์หาดทรายงาม น้ำตกสวยตระการตา

ปุัจจุบันตรังยังคงเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักทัศนาจรจากทั่วทุกมุมโลก นิยมเดินทางมาอย่างไม่ขาดสาย มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงาม มีเกาะในหมู่ทะเลอันดามัน และที่ขาดไม่ได้เสียก็คงเป็น เมืองแห่งอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่หลงไหลการกินเป็นชีวิตจิตใจ ต้องมาลิ้มลองอาหารและขนมอร่อยๆ โดยของกินขึ้นชื่อในเมืองตรัง ได้แก่ หมู่ย่าง,ขนมเค้กมีรู และติมซำยามเช้า ที่เรียกว่าต้องถูกปากนักชิมมาแล้วแทบทุกราย จนต้องอย่างกรายมาให้ได้เลยเชียว

สำหรับการเดินทางมาเที่ยวเมืองตรัง ดิฉันเลือกเดินทางโดยสาร ด้วยรถไฟมายังเมืองตรัง แทนการนั่งเครื่องบิน อันเนื่องจากว่าคุณแม่และคุณป้าอยากจะย้อนวันวานความหลังในวัยสาว
ดิฉันเลยจัดให้ตามคำขอค่ะ แม้จะมีคำกล่าวว่า การนั่งรถไฟไทยจะถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง แต่ก็เราก็เลือกนั่งค่ะ และอีกอย่างนึงก็คือ ดิฉันเองก็ไม่ได้นั่งรถไฟนานมากๆแล้วซ่ะด้วย ก็เลยอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการเดินทางแบบเดิมๆ มานั่งรถไฟ ก็ไฉไลไปอีกแบบค่ะ
เริ่มต้นเดินทางออกจากหัวลำโพงเวลา 17.05 น. โดยถึงจุดหมายที่เมืองตรังเวลา 8.05 น.
ตู้รถไฟที่เราเลือกนั่งไปตรังในครั้งนี้ ก็ไม่ได้เลือกตู้นั่งนะคะ ถ้าเลือกโบกู้ตู้นั่ง มีหวังนั่งตูดบานแน่นอนเลย และอีกอย่างพาคนแก่มาเที่ยวแบบนี้ คงลำบากแน่ๆ เลือกตู้นอนน่าจะดีที่สุด่ะ
ดิฉันเลือก เป็นรถไฟตู้นอนค่ะ ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยนะคะ ที่ได้ใช้บริการรถไฟตู้นอน โดยเป็นตู้นอนชั้น 2 เลือกที่นอนด้านล่าง ราคาตกคนละ 871 บาทค่ะ รวม 3 คน ราคาก็ 2,631 บาท แต่ถ้าเป็นที่นอนชั้นบนราคาจะถูกกว่าเล็กน้อย
สภาพโดยรวมถือว่าโอเคอยู่นะค่ะ มีโต๊ะบานพับดัดแปลงทำให้โต๊ะนั่งทำงานได้ด้วย เอาโน๊ตบุ๊คมาทำงานด้วยก็ได้
ส่วนอาหารบนรถไฟ ดิฉันสั่งอาหารบนรถไฟทาน เป็นอาหารชุด ราคาสูงเหมือนกันนะคะ ชุดละ 130 บาท
ส่วนอาหารบนรถไฟ ดิฉันสั่งอาหารบนรถไฟทาน เป็นอาหารชุด ราคาสูงเหมือนกันนะคะ ชุดละ 130 บาท เป็นข้าวผัดกุ้งไข่ดาว+แกงจืดหมูสับ+น้ำเปล่าให้ ไม่รวมขนมหม้อแกงนะคะ นักเดินทางส่วนใหญ่จะนิยมซื้อจากด้านนอกมาทานมากกว่า เนื่องจากราคาถูกกว่าเยอะเลย
 และเสน่ห์ของการนั่งรถไฟ นอกจากจะได้ยินเสียงฉึกฉัก ฉึกฉักแล้ว ที่ขาดไม่ได้คงเป็นคนขายอาหารและขนมตามเส้นทางที่รถไฟผ่าน เนี่ยแหละค่ะ คือรถไฟไทย มีเสน่ห์เย้ายวน ชวนให้นึกถึงก็ตรงนี้แหละ
นั่งรถไฟมาตลอดคืน ในที่สุดก็ถึงสถานีรถไฟเมืองตรังแล้วล่ะค่ะ รถไฟมาถึงเวลา 8.10 น. ล่าช้าเล็กน้อย ถือว่าโอเคอยู่นะ
สถานีรถไฟเมืองตรัง
ตอนแรกนึกภาพไว้ว่า หากนั่งรถไฟมา คงจะล่าช้าไปเป็นชั่วโมงแน่ๆ แต่แท้จริงแล้ว เวลาก็โอเคอยู่นะ
เดินเพลินๆออกจากสถานรถไฟเมืองตรัง
รถตุ๊กๆหัวกบ อีกหนึ่งเสน่ห์ที่ดึงดูดนักเดินทางให้มาเยือนเมืองนี้
ที่ขาดไม่ได้อีกอย่างที่นักท่องเที่ยวต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้ให้ระทึกหัวใจ ก็คงจะเป็นรถตุ๊กๆหัวกบที่เมืองนี้ คันเล็กกะจิ๋วหลิวน่ารักแบบนี้ เนี่ยแหละค่ะ

บรรยากาศยามเช้านี้ที่เมืองตรัง อากาศแจ่มใส แดดจ้าดีจัง และอีกอย่างเมืองตรัง ไม่ค่อยวุ่นวายเหมือนเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ รถราไม่ค่อยเยอะ
และไม่ไกลนักจากสถานีรถไฟ คืนนี้ดิฉันพาคุณแม่และคุณป้า มาพักค้างที่โรงแรมธรรมรินทร์ เนื่องจากอยู่ใกล้สถานีรถไฟ เดินมาแป๊บเดียวก็ถึงล่ะ และอีกอย่างราคาห้องพักไม่แพงด้วยนะคะ คืนละ 630 บาทเอง
ห้องพักที่โรงแรมธรรมรินทร์ก็ปรับปรุงใหม่ด้วย พื้นเป็นไม้ปาเก้ ไม่ได้เป็นพรมแล้วนะคะ มีแอร์ ทีวี ตู้เย็นให้ครบ จะขาดเสียก็แต่กระติกน้ำร้อน เนื่องจากคุณแม่อยากได้กาต้มน้ำร้อนไว้ชมชา กาแฟ ตามประสาคนแก่ชอบกินอะไรร้อนๆ  ทางโรงแรมก็จัดกาใส่น้ำร้อนมาให้ โดยสามารถเติมน้ำร้อนด้านล่างขึ้นไปได้
มีอ่างอาบน้ำให้ด้วย แม้จะดูเก่าหน่อย ก็ยังใช้งานได้ดี มีผ้าขนหนูเช็ดตัวและเช็ดหน้าให้ เหมาะสมกับราคาอยู่นะ ถือว่าไม่แพง
ฝากท้องอาหารมื้อเช้านี้ไว้ที่ร้านโกปี้ มาเมืองตรังทั้งที ต้องไม่พลาดมากินติ่มซำ
 หลังจากเช็คอิน นำกระเป๋าไปไว้ในห้องพักแล้ว ก็เวลาหาอะไรทานแล้วล่ะคะ แน่นอนว่ามาถึงตรัง เมืองแห่งของกินทั้งที ต้องกินให้อิ่มท้องไปเลย
ร้านโกปี้ ร้านอยู่ติดๆกับสถานีรถฟเมืองตรังและใกล้โรงแรมด้วย พาคุณแม่กับคุณป้าเดินมาได้ไม่ไกล
 มื้อเช้านี้ ใกล้ๆที่พัก ดิฉันเลยพาคุณแม่และคุณป้ามาฝากท้องไว้ที่ร้านโกปี๊้ ซึ่งอยู่ติดๆกับสถานีรถไฟและใกล้โรงแรมธรรมรินทร์ พาผู้สูงอายุเดินมาได้ใกล้ๆเลย
บรรยากาศในร้านช่วงเช้า คึกคัก
 ติ่มซำที่ใครสั่งไว้เยอะ อาจจะต้องรอนึ่งนานหน่อยนะคะ
บะกุ๊ดเต๋ ชามละ 80 บาท เป็นซี่โครงหมูตุ่นยาจีน ใครชอบอาหารจีนคงจะถูกปาก เพราะหอมกรุ่นติดจมูกเชียวล่ะ
อาหารมื้อนี้ จัดไป บะกุ๊ดเต๋ ชามละ 80 บาท เป็นซี่โครงหมูตุ่นยาจีน ใครชอบอาหารจีนคงจะถูกปาก เพราะหอมกรุ่นติดจมูกเชียวล่ะ
และก็นั่งติ่มซำหลากหลายอย่างมาทาน ทั้งขนมจีบ ซาลาเป๋า ฮะเก๋า และอื่นๆ
ส่วนคุณแม่กับคุณป้าก็ซัดโจ๊กต่ออีกคนละ จัดไปซ่ะให้อิ่ม รวมค่าเสียหาย 350 กว่าบาท
 หลังจากทานอาหารมื้อเช้าอิ่ม ก็พากันออกมาเดินย่อยอาหารต่อที่ตลาดเทศบาลค่ะ
 มาเดินย่อยอาหารเลาะชม ตลาดเทศบาลเมืองตรัง
หมูย่างเมืองตรัง ของกินชื่อดังประจำเมือง ที่ลือเลื่องไปทั่วสารทิศ
 เดินไปเดินมา อาหารเริ่มย่อย ก็นึกอยากจะกินหมูย่างขึ้นมาอีกล่ะ
ว่ากันว่า มาถึงเมืองตรังทั้งที ต้องลิ้มลองหมูย่างเมืองนี้สักครั้ง
ว่ากันว่า มาถึงเมืองตรังทั้งที ต้องลิ้มลองหมูย่างเมืองนี้สักครั้ง ว่าจะอร่อยปังแค่ใหน โดยทางเจ้าของร้านขายหมูย่าง ก็ให้เราชิมก่อนซื้อด้วยนะคะ หมูย่างตรัง รสชาติจะออกหวานๆ ถ้าใครชอบกินหวานน่าจะถูกปากแน่นอน แต่ถ้าไม่ชอบ เห็นทีคงจะส่ายหัวเซโน ไม่โอเคแน่ๆ
ตึกรางบ้านช่อง อาคารเก่าแก่ในเมืองตรังยังคงอนุรักษ์ไว้อย่างดี รอค่อยนักเดินทางจากทั่วสารทิศมาแวะชมกันอย่างไม่ขาดสาย
และอีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองตรัง นอกจากเรื่องอาหารการกินแล้ว คงจะเป็นตึกรางบ้านช่อง ที่ยังคงมีการอนุรักษ์ไว้อย่างดี
อาคารเก่าแกมีไว้ให้แลชมอย่างน่าอภิรมย์สมใจ ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเดินชม ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน
และในเมืองยังมีจุดเช็คอิน ภาพวาดฝาผนังสามมิติให้ได้ถ่ายรูปไว้อีกด้วยด้วย ดูคนแม่กับคุณป้าสิค่ะ กำลังชื่นชมกับต้นศรีตรังอยู่
สาระน่ารู้เกี่ยวกับต้นศรีตรัง มีที่มาอย่างไร?
ต้นศรีตรัง เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดตรัง ออกดอกสีม่วงพุ่มช่องามอร่ามจับตา

สาระน่ารู้เกี่ยวกับต้นศรีตรัง มีที่มาอย่างไร?

สำหรับต้นศรีตรัง เป็นไม้ประจำถิ่นในประเทศบราซิลและทวีปอเมริกาใต้ แต่ต้นศรีตรังต้นแรกที่ถูกปลูกในบ้านเราอยู่ที่จังหวัดตรังนั้น ปลูกโดยพระยารัษฎานุประดิษฐ์ สมุหเทศาภิบาล มณฑลภูเก็ต เป็นผู้นำมาปลูกเมื่อประมาณ 100กว่าปีก่อน

ลักษณะเป็นไม้ยืนต้น วงศ์เดียวกับชมพูพันธุ์ทิพย์ สูงประมาณ 4-10 เมตร ต้นศรีตรังนี้มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่มีช่อดอกที่ปลายยอด กับชนิดที่มีช่อดอกออกตามซอกใบตามกิ่งก้านและปลายยอด ซึ่งเป็นชนิดที่นิยมปลูกกันในบ้านเรา ทรงพุ่มค่อนข้างโปร่ง ส่วนใบเรียวคล้ายขนนก ปลายใบแหลม โคนใบเบี้ยว ใบเล็กละเอียดคล้ายใบต้นนนทรีย์ค่ะ

ดอกสีม่วงอ่อน รูปร่างคล้ายปากแตร มีกลิ่นหอมอ่อนๆ มักจะออกดอกเป็นช่อ เป็นพุ่มสีม่วง โโยกระจายอยู่ตามกิ่งและซอกใบหรือตามส่วนยอด ลักษระดอกมีลักษณะเป็นหลอดสีม่วงเข้ม ปลายแยกเป็น 5 แฉก ซึ่งจะออกดอกประมาณเดือนมกราคม-มีนาคม โดยต้นจะผลัดใบเหลือไว้แต่ดอกสีม่วง ทำให้เป็นสีม่วงมีความสวยงามแก่ผู้ที่พบเห็น เป็นต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายไว้เป็นที่ระลึก ให้ระทึก ระทวยหัวใจทุกครั้งคราไป

 และไม่ไกลนักจากตลาดเทศกาล เดินมาเรื่อยๆก็เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม ถ้ำมรกต ที่สะกดตาสะกดใจ ให้นักเดินทางหลงไหลมาเช็คอินน์กันอย่างไม่ขาดสาย
 รูปภาพเด็ดน้อยกำลังยื่นมือไปจับแมว
ภาพวาดสามมิติ จุดเช็คอินถ่ายรูปยอดนิยมในเมืองตรัง
หากใครที่แวะมาเที่ยวเมืองตรัง คงไม่พลาดมาถ่ายรูปไว้ที่ระลึกกันนะคะ
ในเดือนนี้เป็นช่วงวันวาเลนไทน์และวันตรุษจีน มีการประดับตกแต่งซูมให้ถ่ายรูปอย่างสวยงาม
ดิฉันพาคุณแม่และคุณป้าเดินย้อนขึ้นไปยังหอนาฬิกา ถ่ายรูปไว้ที่ระลึก ณ ที่ตรงนี้ ก่อนที่จะส่งคุณแม่และคุณป้าไปที่โรงแรม เพราะรู้สึกว่าแกจะเดินไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ เนื่องจากเริ่มเมื่อยขาล่ะ
หลังจากส่งคุณแม่กับคุณป้าไปที่โรงแรมเพื่อพักผ่อนแล้ว ก็ได้เวลาตะลอนเลาะเที่ยวเมือตรังอีกครั้งแล้วค่ะ โดยการเดินทางตะลอนไปเที่ยวเมืองตรังให้สะดวก คงต้องพึ่งพายานพาหนะอย่าง มอเตอร์ไซต์อีกเช่นเคยค่ะ ใกล้โรงแรมธรรมรินทร์ และสถานีรถไฟ มีร้านมอเตอร์ไซต์ให้เช่าอยู่ค่ะ
ราคาเช่ามอเตอร์ไซต์ตกวันละ 200 บาท มัดจำน้ำมัน 100 บาท เนื่องจากต้องเติมน้ำมันให้เติมถังตอนคืนรถ
เช่ามอเตอร์ไซต์ตกวันละ 200 บาท มัดจำน้ำมัน 100 บาท เนื่องจากต้องเติมน้ำมันให้เติมถังตอน
 ได้มอเตอร์ไซต์แล้ว ก็ออกไปตะลอนเลย
วิหารคริสตจักรตรัง เป็นโบราณสถานเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองตรังมาอย่างช้านาน
จุดแรกขับรถมาถ่ายรูปวิหารคริสตจักรตรัง เป็นโบราณสถานเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองตรังมาอย่างช้านาน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1915 หรือ พ.ศ.2458 หรือในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 5
โดยเป็นวิหารคริสตจักรแห่งนี้ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นเขตที่ดินโบราณสถาน ลงเมื่อวันที่ 29 พ.ย.2545
และของฝากขึ้นชื่ออีกอย่างในเมืองตรัง ที่มาแล้วต้องซื้อไปทาน ก็คงเป็นขนมเปี๊ยซอย 9 ว่ากันว่ารสชาติอร่อยยิ่งนัก เพราะเป็นขนมเปี๊ยะแบบทอด ไม่ใส่สารกันบูด เก็บไว้ได้ไม่นานนะ ต้องรีบทานให้หมด
เดินเข้ามาในร้าน ก็ได้รับการต้อนรับจากพนักงานและเจ้าของให้ชิมขนมกันแบบฟรี หลากหลายไส้เลยค่ะ 
 เดินเข้ามาในร้าน ก็ได้รับการต้อนรับจากพนักงานและเจ้าของให้ชิมขนมกันแบบฟรี หลากหลายไส้เลยค่ะ เรียกว่า จะชิมหรือกินก็ไม่ทราบนะคะ ดิฉันเข้ามาก็ชิมหลายไส้ จนอิ่มไปเลย
 พอชิมขนมเปี๊ยะไปหลายไส้ ก็ต้องซื้อติดไม้ติดมือไปเป็นของฝากทุกครั้ง
ขนมเปี๊ยะจัดใส่ถาดไว้ให้ลูกค้าได้ชิมกันแบบฟรี ใครที่เป็นคนชอบทานขนมเปี๊ยะ คงต้องมาลิ้มลองซื้อไปทานกันสักครั้ง
 หลังจากได้ซื้อขนมเปี๊ยะซอย 9 แล้ว ดิฉันก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์มาลิ้มลองความอร่อยของต้นตำรับขนมเค้กมีรู เจ้าแรกในเมืองตรังต่อที่ เค้กขุกมิ่ง ลำภูรา ซึ่งห่างจากตัวเมืองไกลมากประมาณ 15 กิโลเมตร เพื่อมาซื้อเค้กต้นตำรับที่นี้
หากมาเมืองตรัง อยากกินเค้าต้นตำรับ ว่ากันว่าต้องมาที่ร้านเค้กขุกมิ่ง ซึ่งตำนานเค้กมีรูเริ่มที่นี่
 โดยเค้กขุกมิ่ง เป็นเค้กที่ไม่มีสาขา หากใครอยากทาน คงต้องโทรสั่ง หรือมาซื้อที่ร้านโดยตรงค่ะ
เค้กที่ได้รับความนิยมสุด เห็นจะเป็นเค้กไข่ ซึ่งเป็นเค้กต้นตำรับ รสชาติดั้งเดิม ที่ขายมาจนถึงปัจจุบัน
 โดยเค้กที่ได้รับความนิยมสุด เห็นจะเป็นเค้กไข่ ซึ่งเป็นเค้กต้นตำรับ รสชาติดั้งเดิม ที่ขายมาจนถึงปัจจุบัน
ใหนก็ขับรถมาไกลที่ถิ่นต้นตำรับเค้กพื้นเมืองตรังทั้งที ก็ซื้อไปฝากที่บ้านและเอาไปให้คุณแม่ทานด้วย
ขับรถกลับมาที่เมืองตรังอีกครั้ง และอีกหนึ่งตลาดของกินยามเที่ยงของชาวเมืองตรังแท้ๆ แบบราคาไม่แพง ขอแนะนำมาที่ตลาดวินเพชร
ขับรถกลับมาที่เมืองตรังอีกครั้ง และอีกหนึ่งตลาดของกินยามเที่ยงของชาวเมืองตรังแท้ๆ แบบราคาไม่แพง ขอแนะนำมาที่ตลาดวินเพชร อยู่เส้นถนนหลังคริสจักรโบสถ์เก่าแก่เมืองตรังเลยค่ะ ช่วงเที่ยงคนมาที่ตลาดแห่งนี้คึกคักมากๆ แม้จะเป็นตลาดเล็กๆ แต่ก็มีอาหารพื้นเมืองให้เลือกทานหลายอย่างๆ หากใครที่อยากหาของทานราคาถูก แนะนำมาที่นี้เลยค่ะ
 อย่างเช่นขนมปากหม้อเมืองตรัง ที่ไม่เหมือนปากหม้อทางภาคกลางแน่นอนค่ะ
ขนมปากหม้อแบบเมืองตรัง รสชาติออกหวานๆ อร่อยไปอีกแบบ
 เนื่องจากเป็นขนมปากหม้อที่ราดน้ำซอสมาให้ รสออกหวานๆ เหมือนทานขนมจีนเลย
 บรรยากาศในตลาดวินเพชรช่วงใกล้ๆบ่ายโมง
ข้าวต้มพุ้ย เมืองตรัง อีกหนึ่งเสน่ห์ของข้าวต้มในเมืองนี้
ข้าวต้มพุ้ย เมืองตรัง อีกหนึ่งเสน่ห์ของข้าวต้มในเมืองนี้ ที่ไม่เหมือนตรัง หน้าตาของอาหารหน้าทานยิ่งนัก แม่ค้าก็จัดเรียงรายเครื่องเคียงไว้อย่างสวยงาม
ขนมกระทงทองเจ๊มาลี ขนมกระทงทองแบบทางภาตใต้ ที่ต้องกินแนมกับผักและไส้ปูอร่อยไปอีกแบบ
 เดินไปเดินมาในตลาดวินเพชร ก็ชะแว๊ปไปเจอขนมกระทงทองเมืองตรัง ซึ่งก็ไม่เหมือนขนมกระทงทองแบบภาคกลางที่เคยทานอีกนั้นแหละค่ะ โดยขนมกระทงทองที่นี้เป็นกระทงทอง มีไส้และผักเอาไว้แนมทานอีกต่างหาก
ขนมกระทงทอง ที่ตลาดวินเพชรก็เป็นอาหารว่างที่น่าลิ้มลองเช่นกัน
 เห็นแล้วดิฉันก็เลยขอจัดซื้อมาสักชุด เอาไปให้คุณแม่และคุณป้า รออยู่ที่โรงแรมได้ลองทานดูสิ
ขนมกระทงทอง เห็นแล้วต้องลอง เพราะเป็นอาหารยามว่างของภาคใต้
แวะมาอีก ซื้อเค้กชื่อดังอีกเจ้าซึ่งมีชื่อเสียงไม่แพ้เค้กขุกมิ่ง คงเป็นเค้กรสเลิศ ซึ่งเป็นต้นตำรับเค้กสามรสเจ้าแรกในจังหวัดตรัง
 และเค้กชื่อดังอีกเจ้าซึ่งมีชื่อเสียงไม่แพ้เค้กขุกมิ่ง คงเป็นเค้กรสเลิศ ซึ่งเป็นต้นตำรับเค้กสามรสเจ้าแรกในจังหวัดตรัง ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟและใกล้โรงแรมที่เราพักค้างกันอยู่ค่ะ
มาถึงทั้งที ก็จัดไปอีกสักกล่องก่อน เอาให้คุณแม่กับคุณป้าได้กินกันทั้งสองยี่ห้อไปเลย
 หลังจากที่ได้ลิ้มลองกินอาหารอร่อยๆและซื้อของฝากในเมืองตรังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดิฉันก็ขอเป็นผู้สาวขาเลาะ ขับมอเตอร์ไปชมสถานที่ท่องเที่ยวต่อ โดยช่วงบ่ายแก่ๆแบบนี้ ดิฉันเลยตัดสินใจขอชื่นชมธรรมชาติและชายหาดสวยๆในจังหวัดตรังอีกครั้ง

จำได้ว่าครั้งที่แล้ว ติดช่วงหน้าฝน มีมรสุมเข้าก็เลยไม่ได้มาเที่ยวชมทะเลนัก แต่รอบนี้มาถูกช่วง เพราะไม่มีมรสุม ทะเลอันดามันในจังหวัดตรัง คงจะงดงามมิใช้น้อยเชียว

แวะมาชมบ่อน้ำร้อนเมืองตรัง อีกหนึ่งที่เที่ยวชื่อดังในอำเภอกันตัง ที่ต้องแวะมาชมกัน
แวะมาดื่มด่ำชมวนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง
 วนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง
 เดินเข้ามาก็พบชาวบ้านกำลังมีความสุขอยู่กับการอาบน้ำร้อนกันอยู่เลยค่ะ แต่กลิ่นกำมะถันในบ่อก็ส่งกลิ่นหอมหวน ตลบอบอวนให้ปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อยเชียวค่ะ
 บ่อน้ำร้อนที่นี้ ถือว่าเป็นบ่อน้ำร้อนที่ร้อนจริงๆ ตอนแรกดิฉันก็คิดว่าแค่อุ่นๆเสียอีก แต่พอเอามือเลาะแตะๆดู ร้อนทีเดียว
แต่น้ำที่อยู่ในบ่อก็ใสราวกับกระจก น่าลงไปเล่นมากๆ แต่เสียอยู่อย่างเดียว น้ำค่อนข้างร้อนไปหน่อย ขนาดเห็นยังมีไอระเหยเหนือน้ำเลยค่ะ ถ้าหากน้ำเดือด 100 องศา มีหวังสุกไปทั้งตัวแน่นอนค่ะ
 หลังจากที่ได้ชมบ่อน้ำร้อนธรรมชาติในอำเภอกันตังแล้ว ก็ขับมอเตอร์ไซต์ลัดเลาะมาชื่นชมทะเลอันดามัน โดยชายหาดแรกที่แวะมาชมคือ หาดมดตะนอย
ชายหาดมดตะนอย ยังคงงามหยดย้อยอยู่เสมอ แวะมาปรนเปรอได้ไม่เบื่อ
ว่ากันว่า หากจะมาเที่ยวหาดมดตะนอย ให้มาช่วงเช้าเพราะเป็นช่วงน้ำลง จะเห็นเนินทรายทางเดินยาว จนได้รับฉายาว่า เป็นสันหลังมังกรเผือนที่งดงามอีกแห่งในเมืองไทยก็ว่าได้
และจุดเด่นของหาดแห่งนี้ ก็คงเป็นความเงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจ เหมาะสำหรบการพักผ่อนอย่างแท้จริงๆ ช่วงที่ดิฉันขับรถเข้ามาที่หาด ก็เห็นนักท่องเที่ยวไม่กี่คน จะเห็นก็แต่ฝรั่งมังข้า ออกมาช่ะช่ะช่าหัวใจอยู่คนเดียวนี่แหละค่ะ
ชายหาดมดตะนอย ยังคงงามหยดย้อยอยู่เสมอ ใกล้ๆชายหาดก็แวดล้อมไปด้วยทัศนียภาพอันงดงามของต้นสนเรียงรายไปทิวแถว ช่วยให้ร่มเงา โดยการเดินทางมาที่หาดแห่งนี้จะผ่านพบกับชุมชนชาวประมงริมทะเลที่นี้ที่มีชีวิตแบบเรียบง่าย สบายๆเริ่ดเว่อร์
หาดยาว อีกหนึ่งหาดสวย รวยด้วยมนต์เสน่หา ช่ะช่ะช่าหัวใจ ตั้งอยู่ใกล้อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม
หาดต่อมาที่ดิฉันแวะมาเที่ยวคือ หาดยาว อีกหนึ่งหาดสวย รวยด้วยมนต์เสน่หา ช่ะช่ะช่าหัวใจ ตั้งอยู่ใกล้อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม
ชายหาดยาว ก็งามเพริ้ดแพร้ว น้ำทะเลใสแจ๋วเหมือนกันนะ
 หาดยาวแห่งนี้ ยาวสมชื่อลือชายิ่งนัก เพราะเป็นหาดที่เงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจ หากมาเที่ยวในเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงที่ไม่มีมรสุมครุมเครือ ก็งามเหลือแท้ เนื่องจากแลไปที่น้ำทะเล ก็ใสฟรุ้งฟริ้ง น่าไปสวิงกิ้งเล่นยิ่งนัก
 หากมาเที่ยวช่วงวันธรรมดา ก็เหมาะหนักที่จะนำเสื่อมาปูอาบแดด ให้แสบสะท้านผิวเป็นสีแทน คงจะงามเริ่ดสะแมนแตนไม่น้อยทีเดียว
ขับมอเตอร์ไซต์มาเรื่อย แวะเข้าไปชมชายหาดในอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ว่ากันว่างามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนัก
หลังจากที่ได้แวะชมหาดยาวไม่นานนัก ดิฉันก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์มารื่นรมย์ให้สมฤทัยต่อที่ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เสียค่าเข้าอุทยาน 20 บาท ค่ารถมอเตอร์ไซต์ 40 บาท รวม 60 บาท ขับไปด้านในได้เพื่อไปฟังเสียงคลื่นทะเลอันดามัน ที่งดงามดุจอำพัน ดั่งสวรรค์ชั้นฟ้า ร่วงโรยรา ระย้ามาสู่ดิน
ว่ากันว่าหากใครได้มาเยือนที่อุทยานแห่งชาติที่นี้ ต้องไม่รอรี ที่จะถ่ายรูปเช็คอินกับอุโมงต้นไม้ในเขตอุทยานที่งดงามร้าวรานสะท้านโลกา จนชาวฝรั่งมังค่าจะต้องมาลั๊ลลาให้ได้เลยเชียว
 โดยเฉพาะในช่วงใกล้จะพลบค่ำ ยามย่ำสู่สนธยาแบบนี้ บรรยากาศเงียบสงบ สยบทความครืนเครงดียิ่งนัก จะได้เสียงก็แต่คลื่นทะเล กับต้นสนเสียดสีกับลมทะเลให้โย้เย้หัวใจ
ชายหาดเจ้าไหมในช่วงยามสนธยาตกเย็น เดินเล่นริมหาดทราย งามพร่างพรายยิ่งนักเชียว
หากใครที่เมื่อยล้าจากงานประจำ ก็ออกมาเริงระบำริมชายหาดเจ้าไหมแห่งนี้ได้นะคะ และถ้าให้ดี แนะนำมาช่วงต้นปี ที่ไม่มีมรสุมพายุเข้า ออกมาเดินเนินเนา คลอเคล้าทะเล น่าจะสรวญเสเฮฮา ช่วยผ่อนคลายอริยาบทได้ดีเชียวล่ะ 
ชายหาดเจ้าไหมในช่วงยามสนธยาตกเย็น เดินเล่นริมหาดทราย งามพร่างพรายยิ่งนักเชียว
นอกจากนี้แล้ว ในอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมก็ยังมีที่พักเปิดให้บริการ ห้องพักในราคาถูก มีบ้านพัก บังกะโลให้มานอนค้างแรมกันอีกด้วย
 หลังจากที่ได้อภิรมย์ชมชื่นชายหาดอันสวยงามยามสนธยาแล้ว ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไปต่อให้สุดเส้นทางก่อนที่อัสดงจะแลลับลงสู่ขอบฟ้าค่ะ
 ขับรถมอเตอร์ไซต์มาเรื่อยๆ เมื่อยก็หยุดพักตรงหัวสะพาน ให้ร้าวรานทรวงใน
  ชะเง้อมองไปตรงปากอ่าว ก็เห็นเรือยาวของชาวประมงที่นี่กำลังจะวิ่งหนีแสงอัศเจรีย์ กลับเข้าสู่หลังคาบ้าน
 ซูมกล้องไปหน่อย เรือๆค่อยแล่นไปข้างหน้า แม้จะไม่ค่อยชัด มองเห็นหนูน้อยกลอยใจ ตัวเล็กๆน่ารักมุ้งมิ้ง เป็นกับตันเรือกำลังถือเชือกอยู่ ส่วนคนขับก็คอยบังคับหางเรือนำทางไปยังจุดหมายด้านหน้า ดูช่างน่ารักและเรียบง่าย สไตล์วิถีประมงชาวเลที่นี่ 
อีกฝั่งของสะพานก็เห็นน้องหมากำลังลั๊ลลามีความสุขกับหมู่มัจฉา ที่คนกำลังตกปลานำมาให้ทาน
 ขับรถลงจากสะพาน ก็ผ่านอุโมงต้นสนเรียงราย ให้ได้พร่างพรายสะหยายผมโป่งกันอีกแล้ว
ชายหาดปากเมงในช่วงพลบค่ำ ยามย่ำสู่สนธยา เหล่าคู่รักก็ออกมาเริงร่า รับลมทะเลกันอย่างสำราญเบิกบานใจ
 และหาดสุดท้ายของทริปนี้ มาหยุดที่หาดปากเมง ชายหาดอันมีชื่อเสียงเลื่องชื่อลือชา ที่ใครๆก็ต้องก็แวะมากัน บรรยากาศในช่วงพระอาทิตย์กำลังจะอัสดงลงแลลับสิ้นสุดขอบฟ้า
 แวะมาถ่ายภาพรูปปั้นปลาพะยูน
หรือหากใครที่เมื่อยล้าจากการเดินทาง ก็มาปล่อยว่างหัวใจ นั่งรับลม ชมทะเลไปเรื่อยๆ ก็หายเหนื่อยได้เช่นกัน

บรรยากาศชายหาดปากเมงในช่วงยามสนธยา ก็ลมพัดเย็นดีหนักหนา ถ้ามีเสื่อมาปูนอน ก็จะอรชร นอนไปยันเช้าเลยกระมัง
 ซูมกล้องไปก็เห็นแสงอัศเจรีย์สีทองของดวงพระอาทิตย์ กำลังจะอัสดงสิ้นลงสู่ขอบฟ้า
ชมพระอาทิตย์อัสดงลงแลลับสิ้นสุดขอบฟ้าที่ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ยังงามวิไลอยู่เสมอ
เลาะเลียบชายหาดยาว คลอเคล้ามาถึงหาดฉางหลาง ก็มาปล่อยว่างที่หาดปากเมง ถือเป็นอีกหนึ่งจุดพระอาทิตย์ตกดิน ที่งดงามฟินสุดขั้ว ระรัวถึงใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนอีกแห่งหนึ่งก็ว่าได้ จนชาวฝรั่งมังค่าและคู่รักต่างมาเริงร่ากันที่หาดแห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง
ดวงพระอาทิตย์ที่นี้ค่อยๆบ่ายคล้อย เลื่อนลอยลงไปเรื่อยๆ ยังคงเหลือไว้แต่ความโดดเด่นที่ทอแสงเรืองรองเป็นสีทอง งามผยองยิ่งนัก 
และแล้วไม่นานนัก ดวงอาทิตย์ที่ดูสักครู่ ก็จุ๊กกรูลาลับสิ้นลงสู่ขอบฟ้าไปแล้ว หมดไปอีก 1 วันกับทริปเที่ยวเมืองตรังอีกครั้ง ก็ยังปังเสมอ งามเลิศเลอธรรมชาติภูเขา คลอเคล้าทะเลอันดามัน สุขสันต์เมืองของกิน ฟินไปสุดๆเลย

จบแล้วค่ะสำหรับทริปพาคุณแม่เที่ยวเมืองตรัง แบบฉาบฉวย เพราะส่วนใหญ่คุณแม่กับคุณป้าก็จะชอบนอนที่โรงแรม รอดูรายการทีวีโปรดปราณ คงจะไม่อยากมาตะล่อนเลาะไปเรื่อยแบบคุณนายเว่อร์ ดิฉันว่าคงจะเหนื่อยพาเป็นลมเป็นแล้งแน่แท้

ยังไงก็แล้วแต่ ดิฉันเองก็ต้องขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกคนที่เสียสละเวลา คลิ๊กเข้ามาสไลด์เลื่อนดูกัน แม้จะมีคนมาดูแค่ 1 คน แค่นี้ก็สุขล้นแล้วล่ะค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะคะ...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
-------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ รีวิวท่องเที่ยวไปตามเมืองต่างๆ มีดังนี้ 
แนะนำที่พักเมืองซาปาเปิดใหม่ วิวสวยเก่ไก๋ ในราคาสุดประหยัด คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
รวมที่พักซาปาเปิดใหม่ วิวสวยกว่าใคร ในราคาถูกสุดๆ มีอาหารเช้าให้ทาน และมีระเบียงมุมถ่ายรูปสวยๆอีกด้วย คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก+เบอร์โทรติดต่อค่ะ>>>
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/34jfq81

แบ่งปันรีวิวเดินทางไปชมปราสาทน็อยชวานสไตน์ด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิววิธีการเดินทางไปเที่ยวชมปราสาทน็อยชวานสไตน์ด้วยตัวเองมาฝากใน 1 วัน มีที่เที่ยวอะไรให้ชมอีกบ้าง ตามไปชมกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
รีวิวพาชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลย>>
พารีวิวเที่ยวชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ เดินชมในนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้ คลิ๊กดูรายละเอียดภาพรีวิวค่ะ>>>
หรือดูรายละเอียดที่ : http://bit.ly/2l05FdT
รีวิวเที่ยวงานแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช นอนตากอากาศที่คีรีวง คลิ๊กดูรีวิว>>
รีวิวพาคุณแม่แห่ผ้าขึ้นธาตุเมืองนคร นอนที่บ้านคีรีวง ชมวิถีชาวประมงที่ปากพนัง ต้องมาเที่ยวอีกครั้งให้ได้เลยเชียว คลิ๊กดูภาพที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองพัทลุง ชมมนต์ลูกทุ่งแห่งคุ้งน้ำทะเลน้อย แวะไปสอยเที่ยวชมกันเลย>>
มาม๊ะ..มาเที่ยวเมืองพัทลุง ชมมนต์ลูกทุ่งแห่งคุ้งน้ำทะเลน้อย งามหยดย้อยธรรมชาติ ไม่พลาดมาทัศนาจรสักครั้ง ถ่ายรูปปังแน่นอน คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>
มาม๊ะ..มารีวิวเที่ยวเมืองนครสวรรค์ใน 1 วัน ยลสุขสันต์เมืองชุมทางสี่แคว คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวนครสวรรค์ ยลสุขสันต์เมืองสี่แคว งามจริงแท้ยอดเขาคีรีวง ชมอาทิตย์อัสดงก็งามเริ่ดสะแมนแตคลิ๊กดูภาพรีวิวและที่เที่ยวค่ะ>>


รีวิวเที่ยวเดือนมกราคม แบกเป้ไปกินลมชมเมืองประจวบฯ 3 วัน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
มาม๊ะ..มาเที่ยวเมืองประจวบ 3 วัน 2 คืน ชื่นบานใจ ไปใช้ชีวิตแบบช้าๆ งามระย้าเมืองสาวอ่าว ต้องก้าวย่างมาสักครา คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>

รีวิวแบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง ไปดูสิว่ายังสวยปังอยู่ใหม๊ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง มาดูสิว่ายังสวยงาม อลังปังอยู่ใหม๊ มีที่เที่ยวใหม่ๆอะไรบ้าง ไปดูสิ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>> 
รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
มาเน้อเจ้า..มาแอ่วภูลังกา ดูทะเลหมอกสวยระย้าจับใจ แวะตะไลไปเชียงคำ สัมผัสวัฒนธรรมไทลื้อ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>>

มาม๊ะ..แวะมาเที่ยวเมืองสุรินทร์ ชมถิ่นช้างใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 3 มาม๊ะ..มาเที่ยวสุรินทร์ ไม่ต้องกินสุรา แวะไปดูช้าง ดูชาวบ้านทอผ้า สวยระย้านาข้าวหอมมะลิ กำลังผลิบาน ร้าวรานจับใจ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวเลยจ้า>>>
รีวิวเที่ยวหลังสวน ลิ้มลองทุเรียนจากสวนหวานฉ่ำ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวหลังสวน เดือน ก.ย.2018 แวะเยือนเมืองผลไม้ เมืองนี้มีอะไรให้เที่ยวชมบ้างนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>
แบ่งปันการเดินทางในเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดจ้า>>
รีวิวแบกเป้ตอนที่ 25 แบ่งปันวิธีการเดินทางเที่ยวเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองมาฝาก ไม่ยากเลยจ้า ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะคะ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2p5eQZf

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น