เว็ปบล็อกเที่ยวประจำเดือนนี้ คุณนายเว่อร์ เธอขอเป็นบ้า เดินทางไปลั๊ลลาเที่ยวในเมืองประจวบอีกครั้ง เมืองเงียบสงบดีจัง วิวทะเลก็สวยปังยิ่งนักแล มาม๊ะ..มาเที่ยวประจวบกัน |
สวัสดีค่ะเพื่อนๆผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนกันทุกๆคนเข้าสู่เว็ปบล็อกของคนบ้าเที่ยวอีกเช่นเดิมนะคะ และเปิดศักราชฟ้าใหม่มาปีนี้ สภาพอากาศกรุงเทพไม่ค่อยจะดีนัก เพราะมลพิษฝุ่นละออง คละคลุ้งกรุงกระจายไปทั่วม่านมหานครและปริมณฑล ทำให้คนกรุงเทพและคนที่อยู่ย่านชานเมือง อกสั่น หวั่นไหวไปตามๆกัน เพราะมลพิษนี้ก็ร้ายกาจยิ่งนัก แม้จะใส่หน้ากากป้องกันไว้ก็ตาม เอาเป็นว่า ช่วงนี้อยู่กรุงเทพไม่ค่อยได้ล่ะ
ด้วยเหตุนี้ดิฉันเลยขอเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ ขอไปพักผ่อน รับอากาศดีๆที่ต่างจังหวัดดีกว่า โดยทริปลุยเดี่ยวเที่ยวประจำเดือนนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเลยขอเป็นคนบ้าไปเที่ยวเมืองประจวบคีรีขันธ์อีกครั้ง หลังจากที่ทริปเดือนที่แล้วไปเลาะแล่น แว๊นๆเที่ยวภูเขามาแล้ว มาเดือนนี้ขอลงไปทางใต้ เที่ยวทะเลบ้าง เลยเลือกเมืองประจวบเนี่ยแหละค่ะ เที่ยวง่าย โดยจุดเด่นของการเที่ยวเมืองประจวบคีรีขันธ์ นั้นก็คือควาเงียบสงบ ไม่วุ่นวา เหมือนเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ไปสบายๆ แบบชิลๆ ของกินก็อร่อย จะแทะหอย กินปู ดูวิวทะเลก็สวยงามเริ่ดสะแมนแตนจ้า ว่าแล้วก็ต้อง
บารมีปกเกล้าชาวประจวบ ภาพบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินขึ้น บันไดไปยังพระเจดีย์บนยอดเขาช่องกระจกเมื่อปี พ.ศ.2501 |
สำหรับเพื่อนๆผู้รักการทัศนาจร ที่ยังไม่เคยมาเยือนเมืองประจวบ และอยากลุยเดี่ยวมาเที่ยวด้วยตัวเองแบบคุณนายเว่อร์ ก็แวะมาเที่ยวกันได้นะคะ เมืองประจวบยังสวยงามเสมอค่ะ โดยดิฉันขอมาสรุป Guide Line ทริปโปรแกรมรีวิวที่เที่ยวในเมืองประจวบด้วยตัวเองแบบง่ายๆ และค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้เพื่อนได้อ่านกันดังนี้
วันแรก
10.30 - ออกเดินทางจากกรุงเทพ นั่งรถตู้โดยสารจากขนส่งหมอชิต มาเมืองประจวบ ค่ารถตู้ 220 บาท
15.20 - พอถึงเมืองประจวบ นั่งวินมอเตอร์ไซต์จากท่ารถตู้ไปยังโรงแรมที่พัก โดยค่าวินมอเตอร์ไซต์ 50 บาท
โดยทริปนี้พักค้างแรมที่ แพนเค้ก เฮ้าล์ บีแอนด์บี (pancake guesthouse BB) ห้องพักหลักร้อย ใกล้ทะเลในตัวเมือง ค่าที่พักคืนละ 478 บาท พักได้ 2 คนนะคะ แต่ถ้าลุยเดี่ยว เที่ยวคนเดียวแบบดิฉัน ราคาเดียวกันจ้า
16.00 - เช่ารถมอเตอร์ไซต์ที่โรงแรม ตกวันละ 150 บาท โดยมีมัดจำรถด้วย 500 บาท
จากนั้นก็แว๊นๆขับรถไปไหว้พระที่วัดอ่าวน้อย
18.00 - เดินช๊อปปิ้งตลาดโต้รุ้ง และถนนคนเดินเมืองประจวบ กลับเข้าที่พัก
วันที่สอง
9.00 - เช่ารถมอเตอร์ไซต์จากตัวเมืองประจวบไปด่านสิงขร
11.00 - เดินทางมาพิพิธภัณฑ์หว้ากอ มาย้อนวันวาน เดินทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ไม่เสียค่าเช้าชมจ้า
13.00 - เดินทางมาหาอะไรรับประทาน ให้ร้าวรานกระเพาะสักหน่อย ที่หมู่บ้านคลองวาฬ แวะนั่งชิลๆ ชมวิวริมทะเล กินข้าวต้มปลารสเด็ดแบบบ้านที่จะเปิดขายช่วงกลางวันเท่านั้น
14.00 - เดินทางไปชมหาดแสงอรุณ ชมบ้านเรือนไม้เก่าแก่ในตลาดทับสะแก แลชายหาดยามบ่าย
และไหว้พระที่เขาธงชัย วัดทางสาย นั่งสะหยายผมโป่งที่หาดบ้านกรูดยามเย็น เดินเล่นริมหาดทราย
18.00 - ขับมอเตอร์ไซต์จากหาดบ้านกรูด กลับที่พักในเมืองประจวบ หาอะไรทาน หมดไป 1 วัน
วันที่สาม
10.00 - เดินทางไปชมชิลๆรับวิวลมทะเลที่เขาช่องกระจก อีกหนึ่งจุดชมวิวทิวทัศน์ยอดนิยมอันมีชื่อเสียง หากมาประจวบแล้วไม่มาเขาช่องกระจก ถือว่ามาไม่ถึงประจวบเลยทีเดียว
และไปที่อ่าวมะนาว อีกหนึ่งหาดสวย รวยด้วยมนต์เสน่หา ช่ะช่ะช่าหัวใจ ที่ใครๆก็ต้องแวะมานอนกินลม ชมวิวริมหาดในกองบินแห่งนี้กันสักครา
12.00 - เดินทางไปที่หมู่บ้านคลองวาฬอีกครั้ง ไปหาอะไรอร่อยทานๆ กินข้าวแช่ แลลมทะเล
แวะซื้อของฝาก
14.00 - เดินทางกลับกรุงเทพด้วยรถตู้โดยสารอย่างสวัสดิภาพ
ค่าใช้จ่ายทริปนี้
ค่ารถตู้ไปกลับ- 440 บาท
ค่าที่พัก 2 คืน 956 บาท
ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์วันละ 150 บาท เช่า 3 วัน รวม 450 บาท
ค่ากินจิปาถะ+ค่าน้ำมันรถ 682 บาท
สรุป 2,528 บาท (ไม่รวมของฝาก)
ก่อนจะเข้าสู่ภาพรีวิวเที่ยวประจวบ เราก็มารู้จักเมืองประจวบคีรีขันธ์แห่งนีักันเล็กน้อย
คำขวัญประจำจังหวัด : เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าวสับปะรด สวยสดหาดเขาถ้ำ งามล้ำ น้ำใจ
ทำไมถึงชื่อเมืองประจวบคีรีขันธ์ มีที่มาอย่างไรหนา?
ในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2398 โปรดเกล้าฯ ให้รวมเมืองกุย เมืองคลองวาฬ และเมืองบางนางรมเข้าด้วยกัน โดยที่ตั้งเมืองยังคงตั้งอยู่ที่เมืองกุย (คืออำเภอกุยบุรีในปัจจุบัน) และโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเมืองกุยเป็น เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้ชื่อคล้องจองกันกับเมืองประจันตคีรีเขต ซึ่งแต่เดิมคือเกาะกงที่แยกออกจากจังหวัดตราด
โดยปัจจุบันเมืองประจวบคีรีขันธ์ยังเป็นเมืองสำคัญ ที่มีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจและมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามหลากหลายแห่ง โดยเฉพาะชายหาดอันสวยงามในตัวเมืองที่อยู่ติดกันถึง 3 อ่าว จึงเป็นชื่อที่มาเมืองสาวอ่าว คือ อ่าวน้อย อ่าวประจวบ และอ่าวมะนาว โดยมีส่วนที่แคบที่สุดของประเทศไทย ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร ด้วยสภาพของเมืองที่ไม่วุ่นวาย และเงียบสงบ ทำให้เมืองประจวบยังคงมีนักเดินทางแวะเวียนมาเยือนเมืองนี้อย่างไม่ขาดสาย
หลังจากรู้เรื่องเมืองประจวบก็ไปบ้างแล้ว ดิฉันขอมาร่ายรีวิวตามภาพให้เพื่อนๆได้ดูกันดังนี้ค่ะ มาดูสิว่าเมืองประจวบวันนี้ ยังสวยงามเหมือนในอดีตที่เคยมาเยือนเมื่อหลายสิบปีก่อนใหม๊
นั่งรถตู้จากหมอชิตมาเมืองประจวบ ราคารถตู้อยู่ที่ 220 บาท ขึ้นรถได้ที่ท่ารถตู้ฝั่งตรงข้ามหมอชิตเลยค่ะ ระหว่างนั่งรถมาก็ใจหวั่นๆหน่อย เพราะบางครั้งคนขับรถเร่งความเร็ว จนเสียงเตือนความเร็วดังๆติ๊ดๆๆตลอดเวลา
นั่งรถมาประมาณเกือบ 5 ชั่วโมงก็ถึงเมืองประจวบโดยสวัดิภาพ โดยรถจอดที่ท่ารถตู้ จากนั้นดิฉันก็นั่งวินมอเตอร์ไซต์เพื่อไปยังโรงแรมที่พักค่ะ
ทริปนี้พักค้างแรมโรงแรมเล็กๆ เหมือนมานอนบ้านญาติ สไตล์เกสต์เฮ้าส์หลักร้อย แบบคนงบน้อยๆ คืนละ 478 บาท ที่ แพนเค้ก เฮ้าล์ บีแอนด์บี (pancake guesthouse BB) แพนเค้ก เฮ้าล์ บีแอนด์บี (Pancake guesthouse BB)>>> |
จากนั้นก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์จากที่พัก ค่าเช่าตกวันละ 150 บาท สำหรับรถฟีโน่ แต่ถ้ารถไฮโซกว่านี้ ราคาตกวันละ 200 บาท จะเป็นรถใหม่ ไฉไลกว่านี้มาก แต่ดิฉันขอเลือกแค่ 150 บาท เพราะประหยัด
จุดเด่นของการมาเที่ยวเมืองประจวบคีรีขันธ์ คือความไม่วุ่นวาย และพลุ่กพล่านเหมือนเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ จะเห็นได้จากบ้านม่านชานเรือนยังคงอนุรักษ์ไว้อย่างดี วิถีชีวิตในผู้คนย่านนี้ก็เรียบง่าย สบายๆ เหมาะแก่การมาใช้ชีวิตแบบช้าๆ สุขอุรายิ่งนักแล
ยิ่งถ้าหากมาเที่ยววันธรรมดาแบบนี้ เมืองประจวบยิ่งเงียบนัก เหมาะแก่การมาพักชมวิว หรือปั่นจักรยาน คงจะเบิกบานฤทัยไม่น้อยทีเดียว
มาถึงเมืองแห่งสัปปะรัดทั้งที ก็ต้องซื้อสัปปะรดทานซ่ะเลย ว่ากันว่าสัปปะรดเมืองนี้ รสชาติหวานกรอบ และหวานฉ่ำ ไม่แพ้สัปปะรดทางภาคอีสาน หรือภาคเหนือเลยทีเดียว โดยแม่ค้าคนขายก็ยินยอมให้ลิ้มลองรสชาติก่อนซื้อซ่ะด้วย ต้องบอกว่าหวานจริงๆ เนื่องจากช่วงนี้ก็เป็นช่วงหน้าสัปปะรดด้วย สัปปะรดที่ประจวบราคาเลยถูกมากๆ แถมหวานอร่อยทีเดียว
หากใครกลัวหลงทาง ก็มีแผนที่แนะนำแหล่งท่องเที่ยวในเมืองประจวบคีรีขันธ์ให้ด้วยนะคะ
ปักหมุดไว้เลยว่าจะไปที่ใหนบ้าง ในเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดตาหลายแห่งเลย
ใครว่าเมืองประจวบไม่มีที่เที่ยว ลองเลี้ยวแวะมาชมให้อภิรมย์สมใจดูสิ!!
- เขาช่องกระจก
- ศาลหลักเมือง
- อ่าวประจวบฯ
- อ่าวน้อย
- วัดอ่าวน้อย
- อ่าวมะนาว
- อ่าวคั่นกระได
- ด่านสิงขร
- วนอุทยานเขาตาม่องล่าย
- หมู่บ้านคลองวาฬ
- พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์หว้ากอ
แวะรับลมชมวิวจุดแรกก่อนเลยที่ อ่าวประจวบ ควบไปกับสายลมใกล้จะพลบค่ำ ย่ำสนธยา ช่ะช่ะช่าหัวใจ
หาดสวย รวยด้วยมนต์เสน่หา อยู่คู่เมืองนี้มาช้านาน ใครแวะผ่านก็ต้องมายลตระการกันทุกครา ให้ชื่นฉ่ำอุราถึงทรวงใน |
ถ่ายรูปกับป้ายเมือง 3 อ่าว สักหน่อยป่ะไร เพื่อให้รู้ว่าได้มาถึงเมืองนี้แล้วนะ
แม่สามสาวฝรั่งมังข้า กำลังสุขอุราริมทะเล
หรือใครมีเวลาก็เดินโอ้ละเห่เลชา มารื่นอุราริมท่าเรือก็ถ่ายรูปได้งามเหลือเฟือไม่น้อยทีเดียว
ชายหาดอ่าวประจวบคีรีขันธ์ (Prachupkhirikhan beach) |
โดยเสาหลักเมืองนั้น ถือว่าเป็นสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเมืองประจวบฯ พากันมาสักการะอยู่เป็นประจำ เพราะถือว่าเป็นมงคลและเป็นหลักชัยคู่บ้านคู่เมืองทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองและมีความร่มเย็นเป็นสุ โดยเสาหลักเมืองนั้นสร้างขึ้นในสมัยที่ ร.ต.อำนวย ไทยานนท์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศาลหลักเมืองวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พุทธศักราช 2536
เขาช่องกระจก หนึ่งจุดชมวิวทัศนียภาพของเมืองสาวอ่าว ยอดนิยม ที่ใครๆที่แวะมาเที่ยวเมืองนี้ครั้งแรกก็ต้องพร้อมที่จะแหกแข้งขาไปเดินออกกำลังกายเริงร่า เพื่อไปชมความสวยระย้าของ 3 อ่าวในเมืองนี้ให้จงได้
วัดอ่าวน้อย อีกหนึ่งวัดสวยงามโดดเด่นอยู่ใกล้ทะเลอ่าวคั่นกระไดในเมืองประจวบ |
โดยจุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ พระอุโบสถไม้สักทองทั้งหลัง ทั้งยังมีการแกะสลักเป็นลวดลายไทย ด้านหน้าทางเข้าเป็นพญานาค อันประณีต และโบสถ์ทรงไทยที่สวยงามจนทำให้โบสถ์ไม้สักทองแห่งวัดอ่าวน้อยนั้น เป็นที่ชื่นชมและน่ายลตระการแก่ที่ผู้ที่ได้พบเห็นนัก
โดยภายในพระอุโบสถยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปให้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดก็คือการไปสักการะการพระพุทธไสยาสน์ในถ้ำพระนอน
เดินขึ้นมาตอนแรกคิดว่าตรงนี้คือทางขึ้นไปยังถ้ำพระนอนเสียอีก จริงๆแล้วไม่ใช่จ้า
มีชาวบ้านในระแวกกำลังถือดอกไม้ขึ้นไปไหว้พระในถ้ำพระนอน แต่เส้นทางเดินขึ้นไป บางช่วงก็ค่อนข้างชำรุดและทรุดโทรมทีเดียว
มองลงยังเบื้องล่างก็เป็นทัศนียภาพของหาดคั่นกระได กับเรือประมงที่จอดเก้ยตื้นริมหาดทราย ในช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะอัสดงลงแลลับสิ้นขอบฟ้า
ใช้เวลาเดินตามขั้นบันใดขึ้นมาจนถึงถ้ำประมาณ 10-15 นาที ก็จะพบกับพระนอนองค์ใหญ่ห่มจีวรสีเหลือง ซึ่งเป็นพระนอนศักดิ์สิทธิ์เป็นที่สักการะของชาวบ้านในระแวกนี้มาช้านาน
โดยด้านในมีพระนอน 2 องค์ประดิษฐานให้ได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล ส่วนบรรยากาศในถ้ำก็ค่อนข้างเย็นทีเดียว ว่ากันว่านอดีตถ้ำพระนอนแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่ชาวเรือมักเข้ามาอาศัยเพื่อหลบพายุฝนมาก่อนด้วย ดังนั้นชาวบ้านในระแวกจึงให้ความเคารพองค์พระนอนในถ้ำแห่งนี้มาก
ออกจากถ้ำมา ดูท้องฟ้าเริ่มจะสีหม่นๆ สนธยาจะล้าลับแล้ว ที่หาดคั่นกระได
มองเห็นสาวน้อยกำลังเล่นริมหาดกับภาพเรือเก้ยตื้นซึ่งเป็นช่วงที่น้ำทะเลลงพอดี
ถัดจากหาดคั่นกระได มาอีกไม่ไกลนัก ก็แวะมาพักเดินชมวิว ชิลๆทะเลต่อที่หาดอ่าวน้อย อีกหนึ่งหาดเงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจ
หากใครที่เดินทางมาหาดอ่าวน้อย จะเห็นบ้านม่านชานเรือนของชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวประมง จะออกเรือไปหาปลา
เด็กๆกำลังสนุกสุขสันต์กันอย่างสำราญเริงใจริมหาดอ่าวน้อย
ยามดวงอาทิตย์อัสดงสิ้นสุดขอบฟ้า สนธยาก็มาสู่ความมืดค่ำ แวะเดิมย่ำแรมรอน ริมหาดทรายใกล้เขาตาม่องล่าย มีต้นไม้ผลัดใบเห็นแต่กิ่งแตกระวิงคล้ายรากฝอย งามหยดย้อยยื่นไปริมทะเล
ใครที่เป็นคนรักทะเล และอยากปลีกวิเวกจากเมืองหลวงอันวุ่นวาย ก็มาผ่อนคลายอริยาบทที่เมืองนี้สักสักครา
ภาพชายหาดยามค่ำ ดื่มด่ำริมทะเล ลมพัดเย็นยิ่งนัก จนอยากจะนอนพักไกว่เปลที่หาดแห่งนี้เลยเชียว
มืดค่ำแล้ว ก็ได้เวลาเลาะออกไปหาอะไรรับประทาน ไม่พลาดต้องมายลตระการที่ถนนเลียบชายหาดเมืองประจวบ มีตลาดถนนคนเดินให้ได้เพลิดเพลินช๊อปปิ้งกันด้วย
ตลาดถนนคนเดินเลียบชายหาดในวันธรรมดา ร้านรวงไม่ค่อยจะเยอะนัก เลยไม่คึกคักเท่าที่ควร แต่ถ้าใครมาวันหยุด สุดสัปดาห์ที่ถนนเลียบหาดแห่งนี้ จะคึกคักมีสีสันงดงามดุจอำพันมิใช่น้อยทีเดียวเชียว
หรือหากใครหาของรับประทานไม่ถูกใจ ใกล้ๆไม่ไกลจากถนนคนเดินเลียบหาด ก็มาหาอะไรกระแทกปาก กระชากใจที่ตลาดโตุ้ร่งเมืองประจวบ ตั้งอยู่บริเวณลานหอนาฬิกา หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองเลย
ซึ่งมีของกินมากมายให้เลือกทั้งคาวหวาน
ผลหมากรากไม้ก็น่ารับประทาน ราคาไม่แพง แถมรสชาติร้อนแรงจับใจ อร่อยไฉไลเริ่ดสะแมนแตนด้วย
อาหารมื้อค่ำวันนี้ จัดไปแบบเบาๆ ข้าวผัดกระเพราปลาทะเล ข้าวเหนียวมะม่วง น้ำพริก น้ำขิง และฝรั่ง ทานจนอิ่มพุงปลิ้นไปเลยค่ะ
อาหารทานไม่หมด ก็นำมาแช่ไว้ที่ตู้เย็นรวมด้านนอกห้องพัก
ระเบียงห้องพักมีโต๊ะเก้าอี้อยู่ ก็ยกมาไว้ในห้อง นั่งทำงานต่อได้ค่ะ
หมดไป 1 วัน ทริปวันนี้ส่วนใหญ่หมดไปกับการเดินทาง แต่ก็ได้มาชิลๆชมวิวทะเลอยู่นะ
---------------------------------------------------
วันที่ 2 ของทริปเที่ยวเมืองประจวบ
อรุณเบิกฟ้ารับวันใหม่ในเมืองประจวบ
อาหารเช้าที่โรงแรมวันนี้ ก็ทานแบบง่าย สไตล์ฝรั่ง ไข่ม้วนกับขนมปัง
ยังไม่อิ่มก็ทานขนมเพิ่มไขมันในเส้นเลือดต่อ ซื้อมาตั้งแต่เมื่อวาน จัดไปเลยเช้านี้ เค้กโบราณ 3 รสอร่อยมาก
ทานอาหารมื้อเช้าอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาออกไปลั๊ลลา เที่ยวทัศนาจร ชมสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองประจวบแล้วค่ะ
ที่เที่ยวแรกเช้านี้ก็แว๊นมอเตอร์ไซต์ไม่ไกลตัวเมือง มาที่ด่านสิงขร มาชมตลาดค้าชายแดนไทยพม่า ที่มีสินค้าหลายอย่างมาขายให้ได้ช๊อปปิ้งกัน
ระยะทางจากเมืองประจวบมาด่านสิงขร ประมาณ 20 กว่ากิโลเมตรก็ถึงแล้วค่ะ
ส่วนที่แคบสุดในสยาม |
เดินไปที่ด่านสิงขร
ส่วนตลาดค้าชายแดนในวันธรรมดาแบบนี้ค่อนข้างเงียบเหงายิ่งนัก ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเดินชมเท่าใดนัก
แต่สินค้าส่วนใหญ่ที่วางขายอยู่ เป็นพวกงานหัตถกรรมจักสาน เก้าอี้ไม้ เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าหลายอย่างจากฝั่งพม่าก็น่าซื้อเช่นกันค่ะ อยากได้เก้าอี้ไม้สักอัน เพราะราคาไม่แพงด้วย แต่เสียดายค่ะที่ดิฉันไม่สามารถจะหอบใส่รถมอเตอร์ไซต์ เพราะรถคันเล็กนิดเดียว
แวะช็อปปิ้งร้านขายของที่ร้านขายของที่ระลึกที่ตลาดด่านสิงขร ดูเงียบเหงาไปหน่อย เนื่องจากเป็นวันธรรมดา |
จากนั้นก็เดินทางต่อ
หากมาเที่ยวเมืองประจวบฯแบบได้ความรู้ไปด้วย ต้องไม่พลาดมาที่อุทยานวิทยาศาสตร์พระเจ้าเกล้า ณ หว้ากอ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีชื่อเสียงอยู่คู่เมืองนี้มาช้านาน
ในอุทยานมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางทะเล ให้น้องๆหนู เด็ก นักเรียน นักศึกษา และประชาชนได้แวะเข้าไปชมกันอีกด้วย
สาระน่ารู้เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์หว้ากอ |
ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ารัชกาลที่ 4 เสด็จพระราชดำเนินโดยเรือพระที่นั่งอรรคราชวรเดช เพื่อทรงพิสูจน์การคำนวณสถานที่และเวลาการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงได้อย่างถูกต้องชัดเจน และเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระองค์และวันสำคัญทางประวัติศาสตร์นั้น ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2532 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้าขึ้น
ด้านในเป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการโซนต่างๆเอาไว้อย่างน่าสนใจ
มาเดินชมในนี้ อารมณ์ความรู้สึกเหมือนได้ไปเรียนวิชาวิทยาศาตร์ช่วงมัธยมอีกครั้งเลยค่ะ เพราะโซนห้องนิทรรศการก็จัดแสดงความรู้เกี่ยวกับพระอาทิตย์ ดวงดาว อวกาศ จักรวาล
รวมทั้งมีนักวิทยาศาสตร์ บุคคลสำคัญ และเหตุการณ์ต่างๆเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ให้ได้เดินอ่านกันอย่างเพลินใจ แถมได้ความรู้อีกด้วย เสียดายถ้าช่วงสมัยเรียนมัธยม เดี๊ยนตังใจเรียนมากกว่านี้ คงได้ทำงานเกี่ยวกับแวดวงวิทยาศาสตร์ไปนานล่ะ คงไม่ได้ออกมาตะแล๊ดแต๊ดแต๋ เที่ยวแบบนี้แน่นอนค่ะ
เดินชมนิทรรศการโซนต่างๆในพิพิธภัณฑ์จนเพลินเชียว ออกมาก็มานั่งชิลๆ รับลมชมทะเลที่หาดหว้ากอต่อค่ะ ในวันธรรมดาแบบนี้ ค่อนข้างเงียบสงบ สยบความครืนเครงยิ่งนัก
นั่งพักชมวิวทะเลสักพัก ไม่ไกลนักจากอุทยานหว้ากอ ขับมอเตอร์ไซต์มาหาอะไรทานที่ตลาดหมู่บ้านคลองวาฬ
เมื่อเช้าทานขนมไปจนแน่นท้อง มื้อเที่ยงนี้ เลยจัดแบบเบาๆ ทานข้าวแช่ชาวบ้านแล้วกันค่ะ ทานแล้วเย็นชื่นจิต ชื่นใจยิ่งนัก แถมราคาไม่แพงด้วยนะ ชุดละ 20 บาท ถูกมาก ถ้าไม่อิ่มทานเบิ้ล 2 ถ้วยไปเลยจ้า
หลังจากทานข้าวแช่จนอิ่มแล้ว ก็เดินทางมาเที่ยวแบบชิลๆต่อที่ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านแสงอรุณ ในเขตอำเภอทับสะแก อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอีกแห่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนประจวบ
โดยภายในชุมชนบ้านแสงอรุณ มีโซนที่เที่ยวให้แวะชมถึง 8 จุด ยกตัวอย่างอาทิเช่น สวนเกษตรผสมผสาน โรงงานแปรรูปมะพร้าวขาว เกาะแก้วจุดท่องเที่ยวป่าชายเลน และชายหาดทะเลแสงอรุณ
เส้นทางเกวียนเหมือนในสมัยก่อน กับสวนมะพร้าวเรียงรายอยู่ริมทะเล มีให้เห็นในชุมชนนี้
มีทะเลสวยๆ และเงียบสงบ
ทัศนียภาพโดยรอบชายหาดค่อนข้างเงียบสงบยิ่งนัก มีบ้านพักบังกะโลเปิดให้บริการอยู่ไม่กี่แห่ง เหมาะแก่การพักผ่อนยิ่งนัก เนื่องจากไม่วุ่นวาย และเงียบสงบแนบชิดติดธรรมชาติ
มนต์เสน่ห์ของหาดแสงอรุณ คงเป็นวิถีชุมชนที่นี่ที่เป็นชาวประมงอยู่คู่กับทะเล อย่างเช่นคุณยายท่านนี้ที่กำลังเดินลงทะเลออกไปหาเคยเพื่อนำไปทำกะปิ ซึ่งกะปิที่นี่รสชาติดียิ่งนักเชียว
กุ้งเคยตัวเล็กๆที่ได้ ก็นำไปทำเป็นกะปิ ชาวบ้านกำลังล้างเคยอยู่
กลิ่นออกคาวๆหน่อย แต่ดูอย่างนี้ เอาไปทำเป็นกะปิ รสชาติอร่อยเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนัก
ชายหาดแสงอรุณในช่วงที่ดิฉันมาเที่ยวนี้ ดูไม่ค่อยจะสวยสะอาดนัก เนื่องจากพายุปาปึกขนาดใหญ่ พึ่งจะสงบลงไป ทำให้มีเศษกิ่งไม้ต่างๆพัดมาเกยริมชายหาดเต็มไปหมดค่ะ
หากเพื่อนๆผู้รักการทัศนาจร อรชรทะเลอ่าวไทย ก็แวะมาไฉไลที่หาดแสงอรุณได้นะคะ หาดสวย เงียบสงบมากๆ กระชากใจเว่อร์
ถัดจากหาดแสงอรุณ ก็ขับมอเตอร์ไซต์แว๊นๆมาเรื่อยๆก็ถึงอำเภอทับสะแก อีกหนึ่งเมืองเก่าแก่ที่อนุรักษ์บ้านเรือนไม้เก่าแก่ไว้อย่างสวยงาม ดูย้อนยุคเหมือนไปเดินในวันวานสมัยก่อนเลยล่ะค่ะ โดยจุดถ่ายรูปโดดเด่นของเมืองนี่ เห็นจะเป็นหอนาฬิกาสีสันสวยงาม คู่กับอาคารไม้เรียงรายทอดยาวไปในตลาดสองฝั่งข้างทาง
บรรยากาศโดยรวมในตลาดเก่าเรือนไม้ทับสะแกในวันนี้ ดูเงียบเหงายิ่งนัก บางส่วนก็ผุพังไปตามกาลเวลา จะรอก็แต่นักท่องเที่ยวผู้รักการเดินทางมาเดินสะพร่างกัน หากมีนักท่องเที่ยวเยอะกว่านี้ ย่านอาคารไม้เก่าแก่ในตลาดทับสะแกคงจะคึกคักยิ่งนัก
หอนาฬิกาเก่าเมืองทับสะแก |
อาคารไม้เก่าแก่ที่แลดูมีมนต์ขลัง รอนักท่องเที่ยวผู้ติดในภวัง มาถ่ายรูปเช็คอินกันสักครา
และเดินทางจากตัวอำเภอมาไม่ไกลนัก ก็ต้องมาแวะพักชมหาดทับสะแกสักหน่อย ในช่วงบ่ายแก่ๆจวนจะเจนจบ พลบค่ำสู่สนธยาแล้วนี้ เหมาะแก่การพักนั่งชมวิว กินลมทะเล
ทัศนียภาพโดยรอบริมชายหาดทับสะแก
บรรยากาศดูเงียบสงบมากๆ
แต่กิจกรรมโดดเด่นริมหาดทับสะแก คงต้องแวะไปแลดูคนยืนตกปลาริมสะพานไม้เก่าผุๆพังๆซึ่งยื่นไปทางทะเล ดูท่าคุณพี่ท่านนี้น่าจะตกปลาได้เยอะทีเดียว
พระพุทธกิติสิริชัย |
ซูมกล้องไปเป็นชายหาดบ้านกรูด
เดินตามบันใดไปอีก 120 เมตรเพื่อไปสักการะพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ หรือ พระมหาเจดีย์เก้ายอด
พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ |
หลังจากได้ไปไหว้พระที่วัดทางสาย ที่เขาปักธงช้ยแล้ว ก็เดินทางมาพักผ่อนชิลๆรับวิวลมทะเลยามเย็นต่อที่ชายหาดบ้านกรูด
หาดบ้านกรูด ในช่วงยามย่ำสนธยา |
บรรยาศริมชายหาดอันเงียบสงบยามเย็น ลมทะเลพัดเย็นดียิ่งนัก เหมาะแก่การมานั่งพัก
สวัสดีบ้านกรูด จุดถ่ายรูปเช็คอินสุดฟินของคนรักการถ่ายภาพเอาไว้เป็นที่ระลึกให้ระทึกหัวใจ
น้องหมาดูเหงา นั่งเศร้าริมชายหาด ไม่รู้เจ้าของไปอยู่ที่ใหน
มองจากหาดบ้านกรูดไปก็เห็นเขาปักธงชัย ที่ตั้งของวัดทางสาย ที่พึ่งแวะไป ซึ่งอยู่ไมไกลกันนัก
ทานอาหารมื้อเย็นที่ร้านข้าวต้มยอดต้นตาล ร้านอาหารท้องถิ่นที่คนท้องถิ่นแวะมาทานกัน |
หน้าตาอาหารสีสันอาจไม่สวยนัก แต่รสชาติอาหารที่ร้านข้าวต้มแห่งนี้ อร่อยมากๆ ทานกัน 2 คนจนอิ่ม แถมไม่หมดด้วยนะคะ ฝืนกินกันจนพุงปลิ้นเลย สรุปค่าเสียหายมื้อนี้ 490 บาท จบทริปหมดไปอีก 1 วัน
------------------------------------------------------------------------------------------
วันที่ 3 วันสุดท้ายแล้ว
วันสุดท้ายกับทริปเที่ยวเมืองประจวบ หลังจากทานอาหารเช้าอิ่มแล้ว ดิฉันก็เดินทางมาเดินย่อยอาหารด้วยการขึ้นมาชมวิวที่เขาช่องกระจก เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ใครแวะมาเมืองนี้ ก็ต้องจรลีขึ้นมาถ่ายรูปที่เขาแห่งนี้กันสักครั้ง
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเขาช่องกระจก
ถือว่าเป็นภูเขาขนาดย่อมสูงตั้งอยู่ริมอ่าวประจวบ มีความสูง 245 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล โดยยอดเขามีช่องทะลุโปร่งคล้ายกับกรอบของกระจก ก็เลยเรียกชื่อเขาแห่งนี้ว่า เขาช่องกระจก
โดยทางขึ้นเป็นบันไดคอนกรีตมีจำนวน 396 ขั้น
ซึ่ง ในปี 2497 พระเทพสุทธิโมลี(หลวงพ่อปิ่น) อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร ได้รับมอบเขาช่องกระจกจากจังหวัดให้อยู่ในความดูและรักษาของวัด
ระหว่างเดินบันใดขึ้นไปบนยอดเขา ก็จะพบน้องลิงแสนซนมากมาย โดยเป็นเจ้าถิ่นคู่เคียงเขาแห่งนี้มาช้านนานเลยทีเดียว หากใครที่จะเดินขึ้นเขาช่องกระจก ก็อย่าถือของกินขึ้นไปนะคะ เพราะเดี่ยวลิงมากระชากเอาไปไม่รู้ด้วย
ทางเดินขึ้นไปสู่ยอดเขาด้านบน มีที่พักเหนื่อยเป็นระยะ แต่ก็เหม็นขี้ของน้องลิงอยู่นะ กลิ่นโชยเตะจมูกเชียว ตอนเดินระวังๆด้วยก็ดีค่ะ
บรรยากาศท้องฟ้าในวันนี้ มืดครึ้มยิ่งนัก เหมือนพายุฝนฟ้าจะตกอะไรอย่างนั้นเลยน บนยอดเขาก็มองเห็นอ่าวประจวบ และเขาล้อมหมวก
ศาลาจุดพักชมวิวอันงดงามบนเขาช่องกระจก
นอกจากจุดชมวิวอันสวยงามแล้ว บนยอดเขายังเป็นประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และพระเจดีย์ ภายในมีพระสถูปบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานและเสด็จพระราชดำเนินขึ้น บันไดไปยังพระเจดีย์บนยอดเขา ทรงประกอบพิธีบรรจุ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2501 พร้อมทั้ง ทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ไว้บนยอดเขาแห่งนี้ด้วย
ภูเขาลูกใหญ่ที่เห็นอยู่นี้ เป็นเขาตาม่องล่าย
เรือชาวประมงจอดเคว้งอยู่ริมอ่าว
วัดธรรมิการามวรวิหาร วัดสำคัญในเมืองประจวบอยู่ติดๆกันกับเขาช่องกระจก
น้องลิงกำลังนั่งพักชมวิวเมืองสาวอ่าวอยู่ ดูแล้วคงจะเพลินใจมิใช้น้อยทีเดียว เพราะวันนี้ไม่มีแดด ลมพัดเย็นสบายใจเชียว
ซูมกล้องไปไกลๆฝั่งถนนเพชรเกษมก็เห็นห้างแมคโคร และท้องฟ้าที่มืดครึ้ม
ใหนๆมาถึงยอดเขาทั้งทีก็เข้าไปสักการะพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคลกันสักหน่อยค่ะ
หลังจากที่ได้ไปชมวิวเมืองสามอ่าวที่เขาช่องกระจกแล้ว จากนั้นก็เดินทางไปอ่าวมะนาวอีกหนึ่งหาดสวย ซึ่งตั้งอยู่ในกองบิน5 เป็นหาดยอดนิยมมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองประจวบ ที่ใครแวะมาเที่ยวประจวบก็ต้องมาพักผ่อนกัน
อ่าวมะนาววันนี้ ทัศนียภาพดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เพราะคลื่นลมแรงมากๆ |
เต้นร่มผ้าใบดูเหงาโหว่งเหวง ไร้นักท่องเที่ยว แต่ถ้าเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่หาดแห่งนี้จะคึกคักไปด้วยนักทัศนาจรมาออนซอน นอนรับลมทะเลกันมากมาย
เดินไปรับลมริมหาดก็มิอาจเอื้อม เพราะคลื่นทะเลซัดโซเซ รวนเรเหลือเกิน คลื่นแรงยิ่งนัก หากจะเดินไปเล่นน้ำก็เกรง คลื่นน้ำจะพัดกลืนกินลงไปในทะเลด้วย
อ่าวมะนาวในวันที่ครึ้มฟ้าครึ่มฝน เหมือนพายุจะเข้า |
และใกล้ๆกับชายหาดก็มีศูนย์เรีนนรู้เศรษฐกิจพอเพียงของกองบิน 5 ให้ได้ชมกันอีกด้วย
โดยมีสัตว์เลี้ยวจำพวก กวาง แพะ และนกกระจอกเทศไว้ให้นักท่องเที่ยวที่พาครอบครัว เด็กๆได้มาเดินชมกัน
ทัศนียภาพโดยรอบบริเวณก็เป็นต้นสนขนาดใหญ่เรียงรายให้ร่มเงา สวยงาม สะอาดสะอ้านสดชื่น สบายตาเชียวค่ะ
หลังจากได้เดินชมวิวทิวทัศน์ที่อ่าวมะนาวแล้ว ถัดมาไม่ไกลนักจากกองบิน 5 ดิฉันก็เดินทางมาที่ชุมชนคลองวาฬอีกครั้ง หมู่บ้านชาวประมงริมทะเลที่มีของอร่อยให้เลือกทานหลายอย่างเลย
โดยอาหารมื้อเที่ยงนี้ ดิฉันมาฝากท้องไว้ที่ร้านข้าวต้มปลาขายเฉพาะช่วงกลางวันเท่านั้น ขายอยู่ตรงหัวมุมตรงป้อมตำรวจ มีอยู่ร้านเดียว จะเห็นแม่ค้าใส่ผ้าซิ่นพื้นบ้าน ยิ้มหวานคอยให้บริการเหล่าผู้รักการกิน มาลิ้มลองทานกันสักครา
ข้าวต้มปลารสอร่อยกลมกล่อม ชามละ 15 บาท แม้ค้าขายข้าวต้มกำลังตักข้าวต้มปลาให้ดิฉันดู กลิ่นของต้นหอมโชยเตะจมูกเชียว จนอดใจไม่ไหว ขอลองสั่งทานดูสักชาม
โดยการทานข้าวต้มที่นี้ ต้องทานคู่กับปลาโอย่าง ราคาไม้ละ 5 บาท รสชาติปลาอร่อยดีนะ |
ปลาโอหวานดิบ รอนำไปย่าง เพื่อทานคู่กับข้าวต้มร้อนๆ เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการทานข้าวต้มที่ต้องทานมื้อกลางวันจริงๆค่ะ
ทานข้าวต้มมื้อเที่ยง ก็ไม่พลาดมาซื้อของฝากกลับบ้าน ไม่พ้นอาหารแห้ง อาหารทะเล
และของฝากขึ้นชื่อที่นี่คงเป็นกะปิคลองวาฬ ที่อร่อยหอม นำไปทำเครื่องแกงต่างๆ อร่อยยิ่งนัก เพราะหอมหวนรัญจวนใจเชียว
จากนั้นก็มาซื้อเค้กคลองวาฬ ของฝากขึ้นอีกอย่างในชุมชนแห่งนี้ ซึ่งเป็นร้านที่เปิดมานานมากๆแล้ว
เค้กคลองวาฬ มีหลายรสให้เลือก ราคากล่องละ 35 บาท แต่แม่ค้าคนขายบอกว่าซื้อ 3 กล่อง 100 บาทจ้า |
เค้กปอนด์ขนาดเล็กๆ มีหลากรสให้เลือก รสชาติอร่อย ราคากล่องละ 35 บาท หากซื้อ 3 กล่อง ราคา 100 บาทเน้อเจ้า
และขาดไม่ได้เลยของฝากขึ้นชื่อลือชาที่สุดในเมืองประจวบคงเป็น ขนมปังชีสเชค ไส้สัปปะรดนิ่มกับขนมปังแครกเกอร์อร่อยมากๆ ลองทานแล้วไส้ไม่แข็ง ตกลงเลยซื้อไปหลายกล่องเลยหลังจากที่ได้ซื้อของฝากที่หมู่บ้านชาวประมงคลองวาฬไปแล้ว ก็เดินทางมาในตัวเมือง ชะแว๊ปไปเห็นร้านข้าวแช่คุณทวด ซึ่งขายอยู่หน้าวัดเกาะหลัก ดิฉันเลยขอไปอุดหนุนคุณยายสักหน่อย
คุณยายกำลังทำข้าวเหนียวปิ้งขาย ชิ้นละ 5 บาท ราคาถูกมาก นอกจากข้าวแช่และข้าวเหนียวปิ้งแล้ว ยังมีปลากริมไข่เต่า ปลาแนม และขนมเปียกปูนอีกด้วย
ข้าวเหนียวปิ้งของร้านข้าวแช่ยายทวดก็ชิ้นใหญ่เว่อร์เชียวค่ะ ทานชิ้นเดียวอิ่มเลยค่ะ ไม่แพงอีกด้วย ใครที่แวะมาเที่ยวเมืองประจวบ ผ่านหน้าวัดเกาะหลัก ก็มาพักรับประทานข้าวแช่คุณยายสักหน่อยนะคะ เป็นข้าวแช่แบบบ้านๆ อุดหนุนช่วยคุณยายกัน
และหลังจากที่ซื้อของฝากแล้ว ดิฉันก็ตีตั๋วโดยสารรถตู้จากเมืองประจวบ เดินทางกลับกรุงเทพเพื่อไปสูดมลพิษโดยสวัสดิภาพ จบทริปเที่ยวเมืองประจวบแบบชิลๆค่ะ |
จริงๆแล้วในเมืองประจวบคีรีขันธ์ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งให้แวะชม อย่างน่าอภิรมย์สมใจค่ะ หากเพื่อนๆคนใหนที่เบื่อๆเมืองกรุง อยากปลีกวิเวก มาพักกายให้สบายใจ ก็แวะมาเที่ยวเมืองประจวบฯกันได้นะคะ เมืองเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย อาหารการกินไม่แพงอีกด้วย
สำหรับรีวิวทริปเที่ยวประจำเดือนมกราคมปี 2562 ก็ขอจบเพียงเท่านี้ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามาสไลด์เลื่อนดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไป ส่วนเดือนหน้าจะไปเที่ยวที่ใหน รอติดตามกันนะคะ ขอบพระคุณค่ะ.....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
---------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ ที่ผ่านมา มีดังนี้ค่ะ
แนะนำชายหาดและทะเลสวยๆในประจวบคีรีขันธ์ ที่ต้องแวะไปกันสักครั้ง คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวระนอง ลองแช่น้ำแร่ เช่ารถแลชมที่เที่ยวต่างๆ ตามไปกันเลย>> |
สาระน่ารู้กับเพลงภาษาอังกฤษยุค 60-70's เพื่อฝึกภาษาพร้อมคำแปล คลิ๊กดูบทความค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองบราติสลาวา 1 วัน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง>>> |
รีวิวเที่ยวกรุงบูดาเปสต์ 1 วัน ไป-กลับ ขยับเท้าเดินชมสถานที่เที่ยวต่างๆ มีอะไรบ้าง>>> |
ไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพ ใกล้รถไฟฟ้า เดินไปได้มีวัดใหนบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียด>> |
แบกเป้เที่ยวกรุงเวียนนาด้วยตัวเอง มีที่เที่ยวจุดถ่ายรูปอะไรบ้าง ตามไปกันเลย>> |
รีวิวพาเที่ยวชมพระราชวังเดิม เติมความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลยจ้า คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
รีวิวเที่ยวชุมพร งามอรชรตลอดกาล คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Oc4kNZ
รีวิวเที่ยวหลังสวน ลิ้มลองทุเรียนจากสวนหวานฉ่ำ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง ไปดูสิว่ายังสวยปังอยู่ใหม๊ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น