Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

ลุยเดี่ยวเที่ยวนาโกย่า ไปลั๊ลลาชมดอกซากุระ รีวิวนั่งรถไฟจากสนามบินไปในตัวเมือง และการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินมาฝากจ้า

เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ ขอเป็นคนบ้า มาเที่ยวนาโกย่า รีวิวการเดินทางจากสนามบินเข้าไปตัวเมือง และชำเลืองการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน Subway ย่านใจกลางเมืองด้วยตัวเองมาฝาก เพื่อนๆผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้นทุกคนจ้า
พอย่างเข้าสู่ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนคราใด อีกหนึ่งฤดูกาลท่องเที่ยว ที่เหล่าผู้รักการทัศนาจร ต้องแวะไปตะลอนชมกันสักครั้ง คงหนีไม่พ้น การมาชมเทศกาลดอกซากุระบานในประเทศญี่ปุ่นนันเอง ว่ากันว่า ดอกซากุระก็จะบานสะพรั่งแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ทำให้เทศกาลฮานามิ(ดอกซากุระบาน) เป็นที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างแดน ต่างก็หมายมุ่งมาชื่นชม ดอกดม ดอกไม้สีสันสดใส ที่เป็นสัญลักษณ์เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ ณ แดนปลาดิบแห่งนี้


ด้วยเหตุนี้ทำให้เลือดสูบฉีด ชีพจรลงไปยังเท้าของดิฉัน ทำให้อยากจะไปชมดอกซากุระให้อลังการเต็มสองลูกกะตาตัวเองสักครั้ง เพราะยังไม่เคยมาเที่ยวชมดอกซากุระเลยนะคะ เนื่องจากทริปรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อนโน้น มาเที่ยวช่วงฤดูร้อน  ว่ากันว่าในช่วงฤดูกาลนี้ จะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนญี่ปุ่นมากที่สุด ทำให้ห้องพักต่างๆนั้นถูกจองเต็มเกือบทุกแห่ง และราคาก็แพงด้วย

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นฤดูกาล Peak season ที่ดอกไม้บาน คนจะเยอะเพียงใหน เดี๊ยนก็ขอไปชมเป็นบุญตาตัวเองสักครั้ง ดิฉันเลยจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้า ได้มารีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนแล้ว

มาเที่ยวญี่ปุ่นรอบนี้ ก็เลยขอมารีวิวเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงดอกซากุระบาน หรือช่วงฤดูใบไม้ผลิให้เพื่อนได้สไลด์เลื่อนดูกันค่ะ และเพื่อให้รีวิวนี้เกิดประโยชน์ ดิฉันเลยขอมาแบ่งปัน รีวิวการเดินทางจากสนามบินชินบูเซนแทร์ไปยังตัวเมืองนาโกย่า และการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินรอบเมืองนาโกย่าด้วยตัวเองมาฝากค่ะ

เอาล่ะค่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลา กับการพร่ำเพร้อ ลำไยให้รำคาญใจ ไปมากกว่านี้ ดิฉันคุณนายเว่อร์ ขอเป็นคนบ้า พาเพื่อนๆไปเที่ยวชมรีวิวกันเลยจ้า
เริ่มต้นไปญี่ปุ่นวันนี้ เดินออกจากกรุงเทพ เมืองฟ้าอมรฯ วันที่ 28 มี.ค. ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ไฟล์ดึกมากๆ ตอนตี 2 กับ 15 นาทีค่ะ

นั่งเครื่องบินใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงกับอีก 10 นาทีก็ถึงสนามบินชูบูเซ็นแทรร์ เมืองนาโกย่า เวลาประมาณ 10 โมงเช้าอย่างปลอดภัยคร้า...โดยเวลาที่ญี่ปุ่นจะเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง มาถึงก็ปรับเข็มนาฬิกาด่วนเลยนะ

เรียกว่าบินตรงจากไทยถึงญี่ปุ่นอย่างปลอดภัย แต่ก็ไม่ค่อยจะได้นอนหลับสนิทเท่าไหร่ เนื่องจากมีผู้โดยสารบนเครื่องเดินเข้าห้องน้ำตลอดทั้งคืน กลิ่นหอมระรื่นชืนใจตลอดเชียว

พอถึงสนามบินผ่านด่าน ตม.เรียบร้อยแล้ว ก็เดินมาที่ศูนย์ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวเมืองนาโกย่า(Tourist information & Service) ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่พูดภาษาอังกฤษได้ให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว และการเดินทางไปยังเมืองนาโกย่า
ในศูนย์ก็จะมีข้อมูลแผ่นพับ ข้อมูลท่องเที่ยวต่างๆให้หยิบไปดูกันค่ะ
แผนที่เดินทางในเมืองนาโกย่ามาให้ด้วย
ข้อมูลการเดินทางด้วยรถไฟจากสนามบินเข้าไปในเมืองนาโกย่า โดยเจ้าหน้าที่สรุปในแผ่นกระดาษใบเล็กๆ เพื่อแจกให้นักท่องเที่ยว
ส่วนการเดินทางจากสนามบินชูบิเซ็นแทร์ไปยังตัวเมืองนาโกย่า ทางเจ้าหน้าที่ได้หยิบแผ่นกระดาษที่เขียนและถ่ายเป็นสำเนาเอกสารไว้แล้ว ยื่นมาให้ดิฉันตามรูปด้านบนเลย

เดินทางด้วยรถไฟ Meitesu Line จากสนามบินชูบูเซนแทร์ (Chubu Airport) ไปยังเมืองนาโกย่า to Nagoya ราคา 870 เยน ไม่ต้องไป Transfer อะไรทั้งนั้นนะคะ ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินไปยังตัวเมืองแค่ประมาณ 30 นาทีก็ถึงค่ะ

ยกเว้นแต่คนที่ไปไม่ถึงสถานี Nagoya สถานีเปลี่ยนเส้นทางเดิน ได้ที่สถานีรถไฟ  Kanayama ราคา 810 เยน
 เมื่อได้ทราบข้อมูลการเดินทางแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกให้เดินไปตามไปป้ายทาง เพื่อไปยังอาคารสถานีรถไฟเลยจ้า
 หากยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับเส้นทาง ก็สอบถามข้อมูลการเดินทางกับเจ้าหน้าที่ท่องเที่ยวและศึกษาเส้นทางก่อนไปนะคะ
เดินออกจากอาคารผู้โดยสารขาเข้ามาไม่ไกลนัก ก็ถึงสถานีรถไฟแล้วจ้า
ที่อาคารสถานีรถไฟสาย Meitetsu line มีป้ายบอกราคาแต่ละสถานีชัดเจน
โดยเฉพาะป้ายสีแดงที่แสดงราคา สถานี Nagoya กับสถานี Kanayama มีราคาบอกอย่างชัดเจน
 โดยราคา Meitetsu Line ไปนาโกย่า 870 เยนจ้า ยังไงเตรียมแลกเงินเยนไปให้พร้อมนะคะ ส่วนใครที่แลกแบงค์ 10,000 เยนไป ก็ไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะไม่มีทอน เพราะเครื่องทอนได้จ้า
ซื้อตั่วโดยสารผ่านเครื่องขายบัตรอัตโนมัติราคา 870 เยน
 ส่วนการซื้อตั๋วสามารถซื้อกับตู้ขายบัตรโดยสารอัตโนมัติได้เลย 
หรือถ้าใครไม่อยากซื้อกับเครื่องขายตั๋ว ก็สามารถติดต่อซื้อกับเจ้าหน้าที่ประจำสถานีได้เลยค่ะ
 ส่วนชานชลาขาออกจากสนามบินไปยังตัวเมือง ทางเจ้าหน้าที่บอกให้มาที่ ชานชลาหมายเลข 3 ค่ะ
 เดินออกมารอที่ชานชลาหมายเลข 3 ด้านนอกอาคาร เดี๊ยนแทบเป็นลม เพราะอากาศหนาวเว่อร์ จนต้องรีบรื้อกระเป๋าเป้หาเสื้อกันหนาวเลยค่ะ
รอรถไฟไม่นานนัก รถไฟก็จะมาตรงเวลาเป๊ะ จากนั้นก็เลือกนั่งตรงใหนก็ได้ตามใจเลย ยกเว้นที่นั่งสำหรับผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ อย่าไปนั่งเอาล่ะ
รถไฟมุ่งหน้าออกจากสนามบินชูบูที่อยู่เกาะกลางทะเล มุ่งหน้าสู่ชายฝั่งไปยังในตัวเมืองนาโกย่า
ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินชูบูเช็นแทร์ประมาณ 30 นาทีก็ถึงสถานีนาโกย่าโดยปลอดภัย ไร้แผ่นดินไหวจ้า
เมื่อมาถึงนาโกย่าแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ทิศใหน ก็ต้องใช้ตัวช่วย ด้วยการเปิดซิมเน็ตในมือถือให้ช่วยนำทางไปยังโรงแรมที่จองไว้คืนนี้เลยค่ะ ไม่งั้นหลงทางแน่นอน
ตั้งหลักหน้าสถานีรถไฟเดินเท้าไปยังโรงแรมที่พัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟนาโกย่า
เดินทางมาตั้งหลักหน้าสถานีรถไฟเมืองนาโกย่า เพื่อเปิด GPS เดินทางไปยังโรงแรมที่พักได้เลยจ้า
ที่พักคืนนี้ก็อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟนาโกย่าเองค่ะ ตอนมาครั้งแรกก็ยังหลงๆนิดหน่อย แต่คลำดูเส้นทางเปิด GPS มาตามทางก็ถึงจนได้ ค้างแรมที่โรงแรม โฮสเทล วาซะบิ นาโกยา เอะกิมะเอะ (Hostel Wasabi Nagoya Ekimae) ค่าที่พักคืนละ 720 บาท ต่อคน
ค้างแรมที่โรงแรม โฮสเทล วาซะบิ นาโกยา เอะกิมะเอะ (Hostel Wasabi Nagoya Ekimae) ค่าที่พักคืนละ 720 บาท ต่อคน
เข้ามาด้านในเพื่อรอเช็คอิน ด้านในเป็นล็อบบี้ขนาดเล็กๆมุ้งมิ้ง โรงแรมแนวโฮสเทลสำหรับคนเงินน้อย ลูกค้าที่เข้ามาพักส่วนใหญ่ก็เป็นขาจร มาพักค้างแป๊บๆก็ไปที่อื่นต่อ
อาหารญี่ปุ่นจากร้านสะดวกซื้อ หน้าปากซอยของโรงแรมที่พักคืนนี้ กินแบบง่ายๆ แต่ราคาก็บานกระจายเหมือนกันนะ
 ระหว่างรอ เดี๊ยนทนไม่ไหวแล้ว ใกล้ๆที่พักตรงหน้าปากซอย มีร้าน Lawsan อยู่ค่ะ ซื้ออาหารมื้อเช้ามาทานก่อนเลย จะหาผัดกระเพราก็ไม่มีให้ทาน ก็เลยจัดเป็นข้าวกล่องชุดเบนโต๊ะแบบง่ายๆ ทานเป็นมื้อเช้าไปก่อนค่ะ ไม่งั้นเดียวโรคกระเพาะกำเริบอีก
 มีที่นั่งทานแบบสบายๆไม่แออัด เพราะแขกที่เข้าพักก็เริ่มทยอย ส่วนทางโรงแรมก็มีบริการฝากกระเป๋าให้ผู้เข้าพักด้วยนะคะ หากใครที่มาถึงนาโกย่าไฟล์เช้า ก็ฝากกระเป๋าไว้ได้ไม่เสียสตังค่ะ แต่ถ้าใครที่จะฝากกระเป๋าไว้หลังเช็คเอาท์ ที่โรงแรมโฮสเทล วาซะบิ นาโกยา เอะกิมะเอะ คิดค่าบริการคนละ 300 เยนนะคะ
 ใกล้กับที่โต๊ะนั่งทานข้าว ที่ดิฉันนั่งอยู่เป็นมุมหนังสือ ก็เห็นรูปปกปฎิทินรูปพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 วางอยู่ตรงหัวมุมด้วย เห็นแล้วก็คิดถึงนะคะ
 มองไปใกล้ๆก็มีพระบรมฉายาลักษณ์ปกปฎิทินในหลวงกับพระราชินีให้คิดถึงกันอีกด้วย
 ส่วนห้องพักคืนนี้ ก็เป็นลักษณะแบบโฮสเทล แคปซูล แยกชายหญิง มีลิฟท์ขึ้นไปบนห้องพัก ต้องถอดรองเท้าไว้ด้านหลัง เปลี่ยนรองเท้าแล้วใส่ขึ้นมานะคะ
ขึ้นมาถึงลิฟท์เดินเข้ามาก็เป็นโซนห้องพัก แบ่งเป็นล็อคๆ มีหมายเลขเตียงระบุไว้ชัดเจนว่าใครจะได้เตียงบนหรือเตียงล่าง ราคาคืนละ 720 บาทต่อคน แต่ถ้าหากใครที่ Walk in เข้ามาราคาก็จะแพงกว่านี้นิดหน่อย
ห้องพักแบบแคปซูลเล็กมากๆ ขนาดกะทัดรัดมากๆ เหมาะกับราคาจริงๆ และโชคร้ายตลอด แจ้งไปขอเตียงล่าง เดี๊ยนได้เตียงบน ต้องปีนบันใดลิงขึ้นมาที่ห้องพักตลอด
 ในห้องอันเล็กจิ๋ว คงไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมานัก เพราะเน้นแค่นอนอย่างเดียว แต่ดูแบบนี้ มีทีวี ตู้เซฟนิรภัยให้นะคะ มีไม้แขวนเสื้อ ปลั๊กไฟให้ด้วย
 รอบๆผนังห้องก็ตกแต่งเป็นลายการตูนเก๋ๆ วันพีชอีกด้วย 
ส่วนห้องน้ำก็สะอาดสะท้าน มีไดร์เป่าผม มีห้องส้วม ห้องอาบน้ำแยกชัดเจนค่ะ สรุปโดยรวมให้ผ่านค่ะ แม้จะเป็นที่พักเกสต์เฮ้าส์ขนาดเล็กๆ ห้องพักแคบไปหน่อย แต่ก็สะดวกดี เนื่องจากอยู่ใกล้สถานีรถไฟและใกล้ๆก็เป็นร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร หาของกินง่ายดี น่าจะเป็นอีกตัวเลือก สำหรับนักแบกเป้คนงบน้อยที่จะมาเที่ยวเมืองนาโกย่านะคะ 
หลังจากที่เช็คอินเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว ต่อไปดิฉันก็ขอเป็นคนบ้า มารีวิวการเดินทางด้วยรถไฟดินในเมืองนาโกย่ามาให้เพื่อนๆทุกคนได้ดูกันต่อค่ะ
 โดยตัวอย่างรีวิวแบบสับสน งวยงงในบล็อกนี้ ขอมายกตัวอย่างการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินจากสถานีนาโกย่า ไปชมสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง ปราสาทนาโกย่า

เนื่องจากในสถานีรถไฟนาโกย่า มีเส้นทางรถไฟหลายสาย การเดินทางไปยังปราสาท นาโกย่า ให้สังเกตุป้ายที่เขียนไว้ว่า Subway จากนั้นก็เดินมาตามป้ายบอกทางได้เลยค่ะ
แผนที่เส้นทางรถไฟใต้ดินในเมืองนาโกย่า (Subway map of Nagoya City)
โดยเส้นทางยอดนิยมมี สายสีม่วง สีแดง สีฟ้า หรือสีเหลือง ยังไงศึกษาเส้นทางจากแผ่นพับแนะนำเส้นทางรถไฟก่อนมาได้นะคะ ไม่งั้นอาจจะหลงทางได้
 เดินมาตามป้ายบอกทางเขียนว่า Subway
 โดยตามสถานีรถไฟจะมีป้ายบอกว่าเป็นรถไฟใต้ดิน สายใหน โดยเส้นทางที่จะไป
มาจาก Nagoya >> ลงที่สถานี Sakae จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสายสีม่วงจากสถานี Sakae ลงที่สถานี Shiyakusho Station   โดยราคาโดยสารไปยังปราสาทนาโกย่าอยู่ที่ 240 เยนค่ะ
แต่สำหรับเส้นทางที่จะไปปราสาทนาโกย่า
ทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรมบอกว่าให้นั่งรถไฟสายสีเหลือง มาจาก Nagoya >> ลงที่สถานี Sakae จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสายสีม่วงจากสถานี Sakae ลงที่สถานี Shiyakusho Station
โดยราคาโดยสารไปยังปราสาทนาโกย่าอยู่ที่ 240 เยนค่ะ
โดยเส้นรถไฟสายสีม่วงจะเป็นแบบ Clockwise ลงที่ชานชลาหมายเลข 4 ค่ะ ยังไงก็แล้วแต่ ต้องสอบถามชานชลากับเจ้าหน้าที่ทุกครั้งว่าเส้นทางที่จะไปนั้น อยู่ที่สถานีและชานชลาหมายเลขใหน เพื่อป้องกันการหลงทางค่ะ ไม่งั้นจะเสียเวลาเอานะคะ

เนื่องจากสถานีรถไฟใต้ดินในเมืองนาโกย่า มีหลายชั้น ชานชลาอยู่คนละชั้นกัน จะหลงทางก็ตอนหาป้ายบอกชานชลาเนี่ยแหละ เดินขาลากเลยจ้า ยิ่งเป็นคนเอ๋อๆมาคนเดียว แบบเดี๊ยนด้วยแล้ว วิ่งหาจนวุ่นเลย สนุกตรงนี้แหละค่ะ 
 มาถึงสถานี Shiyakusho Station ก็มีป้าย Exit way ป้ายบอกทางออกด้วย ว่าจะออกที่ประตูใหน สำหรับ ปราสาทนาโกย่า อยู่ที่ป้ายทางออก 1 ก็เดินออกไปได้เลย
 เดินออกจากสถานีรถไฟประตู 1 มาก็เห็นกำแพงรอบปราสาทนาโกย่าแล้วจ้า โฮ้มายกอด ถึงสักที
 บรรยากาศโดยรอบ แม้จะเป็นวันธรรมดา แต่ก็คลาคล่ำไปด้วยเหล่าผู้รักการทัศนาจรมากมาย
 เดินพร่างพรายมาเรื่อย ก็หายเมื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพราะได้เห็นดอกซากุระดอกจริง ไม่อิงนิยาย เคยเห็นแต่ดอกซากุระปลอม ที่ประดับอยู่ตามห้างในเมืองไทย แต่มาเห็นของจริง ก็สวยจริง อะไรจริง แต่สีสันไม่ฉูดฉาดเหมือนดอกไม้ปลอมที่เคยเห็นนัก
ดอกซากะระกำลังผลิดอกออกบานสะพรั่ง แต่ยังไม่อลังการนัก ถ้าอยากจะเห็นบานเต็มที ต้องรออาทิตย์ที่ 2 ของเดือนเมษา บานอลังการแน่นอนจ้า
ต้นซากุระสีขาวรอบคูน้ำริมปราสาทนาโกย่า กำลังผลิดอกออกบานสะพรั่ง แต่ยังไม่อลังการนัก ถ้าอยากจะเห็นบานเต็มที ต้องรออาทิตย์ที่ 2 ของเดือนเมษา บานอลังการแน่นอนจ้า
ดอกซากุระที่รอบปราสาทนาโกย่า กำลังผลิดอกออกบาน แต่ยังไม่สะพรั่งมากนัก เนื่องจากอากาศยังเย็นเว่อร์อยู่มาก วันที่ดิฉันมา อากาศก็เย็นจริงๆ ขนาดใส่รองเท้าหุ้มส้นแล้ว เท้ายังชาอยู่เลยค่ะ
 เหล่านักท่องเที่ยว ก็กำลังเฟี้ยวฟ้าว สุขสกาวกับดอกซากุระที่กำลังผลิดอกออกบานสะพรั่งอยู่ แม้จะบานไม่เต็มที่ก็ตาม แต่ก็ร้าวรานใจยิ่งนัก
 แหงนหน้าซูมกล้องไปยังต้นซากุระบางต้น ดอกก็บานสะพรั่งอลังการสวยงามยิ่งนัก ดอกสีขาวพราวเสน่ห์ ถ้ามีกลิ่นหอมโชยมาด้วย คงจะรื่นระรวยไม่น้อยทีเดียวเชียว
 ใหนๆมาถึงแล้ว ก็อย่ามัวแต่ชื่นชมสุขสมอุราดอกซากุระอยู่ด้านนอกปราสาทนะคะ เพราะด้านในปราสาทก็สวยงามเหมือนกัน
เสียค่าธรรมเนียมเข้าชมปราสาทนาโกยา ผู้ใหญ่คนละ 500 เยน
 โดยค่าธรรมเนียมเข้าไปชมปราสาทด้านใน ผู้ใหญ่อยู่ที่คนละ 500 เยน ตามรูปภาพเลยจ้า
แต่ถ้าเด็กนักเรียน Junior high school เข้าชมฟรีไม่เสียตังจ้า
 วันที่ไปเที่ยว ดิฉันจ่ายผ่านบัตรเครดิต เพราะแลกตังมาน้อย ใช้บัตร Credit จ่ายซ่ะเลยเสียทีเดียว
แผ่นพับ แผ่นที่และข้อมูลความรู้เกี่ยวกับปราสาทนาโกย่า
มีแผ่นพับ เป็นแผนที่ คู่มือท่องเที่ยวแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทนาโกย่าให้ด้วย ฉบับเป็นภาษาอังกฤษ เสียดายไม่มีภาษาไทย เพราะบางคำไม่รู้ความหมาย เดี๊ยนต้องเปิดดิชันนารี่ในมือถือช่วยแปลทุกครั้งเลยค่ะ  แต่ก็ได้ความรู้ดีนะ
เรืองน่ารู้เล็กน้อย พอสังเขป เกี่ยวกับปราสาท นาโกย่า (Nagoya Castle)
ข้อมูลน่ารู้เล็กๆน้อยเกี่ยวกับปราสาทนาโกย่า 

แรกเริ่มนั้น อิมางาวะ อูจิชิกะ สร้างปราสาทขึ้นในเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2068 (ค.ศ. 1525) จนกระทั่งปี พ.ศ. 2075 (ค.ศ. 1532) โอดะ โนบูฮิเดะ ได้แย่งชิงปราสาทจากอิมางาวะ อูจิโตโยะ แต่ภายหลังก็ปล่อยทิ้งปราสาทไว้
เรืองน่ารู้เล็กน้อย พอสังเขป เกี่ยวกับปราสาท นาโกย่า (Nagoya Castle)
และในปี พ.ศ. 2153 (ค.ศ. 1610) โทกูงาวะ อิเอยาซุ ได้สั่งให้สร้างอาคารปราสาทขึ้นใหม่ในบริเวณเดิม การก่อสร้างเสร็จสิ้นในปี 1612 
บนยอดปราสาทมีรูปสลักปลาหัวเสือทองคำหนึ่งคู่ เรียกว่า "คินชาจิ" เป็นเครื่องรางสำหรับป้องกันอัคคีภัย
โดยบนยอดปราสาทมีรูปสลักปลาหัวเสือทองคำหนึ่งคู่ เรียกว่า "คินชาจิ" เป็นเครื่องรางสำหรับป้องกันอัคคีภัย และยังกล่าวกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจขุนนางศักดินา รูปสลักคินชาจิคู่นี้เคยถูกนำลงไปจัดแสดงในนิทรรศการเอ็กซ์โป 2005 ระหว่างวันที่ 19 มีนาคม ถึงวันที่ 19 มิถุนายน ปี พ.ศ. 2548 และนำกลับไปไว้บนยอดปราสาทในวันที่ 9 กรกฎาคมในปีเดียวกัน
และเมื่อในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ปราสาทนาโงย่า ได้ถูกเพลิงไหม้จากการทิ้งระเบิดของกองทัพอากาศสหรัฐเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 สิ่งของและเครื่องตกแต่งต่าง ๆ ในปราสาทเสียหายเป็นส่วนใหญ่ แต่มีภาพเขียนจำนวนมากรอดจากการถูกทำลายได้ การสร้างปราสาทขึ้นใหม่เสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2502 ปราสาทที่เห็นในทุกวันนี้เป็นอาคารคอนกรีตสมัยใหม่ที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศและลิฟต์ไว้ด้วย
เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ปราสาทนาโงยะ
ยังมีอาคารส่วนต่างให้เดินเข้าไปชมด้านในด้วย แต่ต้องต่อคิวเรียงแถวเข้าไปนะคะ เพราะเพื่อลดความแออัดของนักท่องเที่ยว เนื่องจากช่วงฤดูกาลดอกไม้บานแบบนี้ นักท่องเที่ยวเยอะมากๆ
 ส่วนไฮไลท์ของการนักเดินทางและเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรช อ้อนแอ้นส่วนใหญ่ที่เข้ามาในตัวปราสาท ต่างก็พากันชื่นชม ถ่ายรูปดอกซากุระสีสันสดใส ทั้งต้นสีขาว และสีชมพู ที่ผลิดอก ออกบานให้ดูอย่างสวยจู๊กกรูเชียว
โดยเฉพาะต้นซากุระสีชมพู สีออกยู้ฮู้หวานแหว๋วทีเดียว 
ว่ากันว่าดอกซากุระจะบานสะพรั่งอยู่ไม่นาน ก็จะร่วงโรยไป
ดังนั้นฤดูกาลนี้ จึงเป็นฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวมาเยือนญี่ปุ่นมากที่สุด
วันธรรมดาที่ปราสาทนาโกย่า แต่ก็ลั๊ลลาไปด้วยนักเดินทางที่แวะมาอย่างไม่ขาดสาย มาถ่ายรูปคู่เทศกาลดอกซากุระบาน อร่ามจับใจ
ดอกไม้กำลังผลิดอก ออกดอกสีชมพูบานสะพรั่ง แต่ก็งามอลังปังยิ่งนักเชียว
 ส่วนใหญ่ที่ดิฉันเห็น ก็จะเป็นนักท่องเที่ยวมากันเป็นคู่รัก แวะเดินจูงมือมาพักผ่อน ถ่ายรูปกับดอกซากุระสีสันสดใส งามไฉไลสดสี รื่นฤดีความหวาน ร้าวรานจับใจยิ่งนัก
สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนมาเที่ยวนาโกย่าในช่วงดอกซากุระบาน ก็ลองมาเที่ยวกันสักครั้งนะคะ
สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนมาเที่ยวนาโกย่าในช่วงดอกซากุระบาน ก็ลองมาเที่ยวกันสักครั้งนะคะ รับรองว่าสวยอลังแน่นอน และในเมืองนาโกย่า ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายแห่งให้แวะไปชมอย่างสุขสมอุรา
 ไม่ว่าจะเป็นที่บริเวณริมแม่น้ำ Yamazaki river ก็มีต้นซากุระกำลังผลิดอกออกบานให้ชมเช่นกัน
เดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน Subway สายสีแดง ไปลงที่สถานีรถไฟ Mizuho undojo Nishi แล้วเดินไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรก็ถึง แม่น้ำ yamazaki แล้วค่ะ
เดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน Subway สายสีแดง ไปลงที่สถานีรถไฟ Mizuho undojo Nishi แล้วเดินไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรก็ถึง แม่น้ำ yamazaki แล้วค่ะ

แต่วันที่ไปเป็นช่วงต้นเดือนเมษายน ดอกไม้ริมแม่น้ำยังบานไม่เต็มทีนัก หากมาช่วงอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนเมษา ดอกจะบานอลังมากๆ
 และอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมยามค่ำคืน ที่คนแวะมาชมก็คือ บริเวณด้านบนห้างสรรพสินค้าโอเอซิส 21 มีสระน้ำพุบนชั้นดาดฟ้าให้ไปเดินชม ถ่ายรูปคู่กับหอคอยนาโกย่า ทีวีทาวเวอร์ (Nagoya TV Tower) โดยผู้คนจะมาถ่ายรูปกันมากที่สุดตอนพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ยิ่งช่วงหัวค่ำคนก็จะเยอะมากๆ
โดยการเดินทางมาห้างโอเอซิส ก็ไม่ยากค่ะ นั่งรถไฟสายสีเหลืองจากสถานี nagoya มาลงทีสถานี Sakae แล้วเดินเท้ามาอีกหน่อยก็ถึงห้างสรรพสินค้าโอเอซิล21 แล้วค่ะ ยังไงแวะมาเที่ยวกันได้นะคะ

สำหรับรีวิวการเดินทางด้วยรถไฟที่ได้นำเสนอไว้ในเว็ปบล็อกนี้ น่าจะเป็นแนวทางสำหรับเพื่อนๆที่วางแผนไปเที่ยวอยู่ไม่มากก็น้อย หากข้อมูลดังกล่าวมีข้อผิดพลาด ประการใด ดิฉันต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ  หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไป...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
----------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้ 
ทริปสั้นๆ รีวิวแบกเป้นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองนีกาตะยามเย็น คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
ทริปสั้นๆรีวิวนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองนีกาตะยามเย็น เดินเล่นชมเมือง กับเวลาอันน้อยนิด ไปดูสิมีอะไรให้ชมบ้าง คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเกียวโตยามสนธยา แวะไปลั๊ลลาเมืองฮิเมจิ คลิ๊กดูรีวิวการเดินทางจ้า>>
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเกียวโตยามสนธยา วะไปช่ะช่ะช่าเมืองฮิเมจิ ไปดูสิว่ามีอะไรให้ชื่นชมบ้า คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
แบกเป้ไปเกาะชิโกกุ เที่ยวทะลุเมืองทามัตสึ มีแต่อันปังแมนน่ารัก คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
แบกเป้ไปเกาะชิโกกุ แวะเที่ยวทะลุเมืองทาคามัตสึ ไปดูสิว่ามีอะไรน่าเที่ยวบ้าง Let's go คลิ๊กดูภาพรีวิวและการเดินทางค่ะ>>
เที่ยวเทศกาลฮานามิ และรีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมืองมาฝากจ้า คลิ๊กดูรีวิว>>
แบกเป้เที่ยวเทศกาลฮานามิเมืองฟุกุโอกะ กับรีวิวการเดินทางด้วรถไฟใต้ดินในตัวเมืองง่ายๆมาฝากจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวและการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองคุมาโมโตะ ชมปราสาทใหญ่โตโอฬารและดอกไม้บาน คลิ๊กดูรีวิวการเดินทาง>>
รีวิวเที่ยวเมืองคุมาโมโตะ ไปชมปราสาทใหญ่โตที่โดนแผ่นดินไหว แต่ก็งามวิไลด้วยดอกไม้บาน ของทานอร่อยเริ่ดๆ คลิ๊กดูภาพรีวิวและการเดินทางค่ะ>>>
10 กิจกรรมดีๆวันสงกรานต์ เบิกบานฉ่ำใจ ที่ยังไงก็ต้องทำกัน คลิ๊กดูรายละเอียด>>
แนะนำ 10 กิจกรรมดีๆวันสงกรานต์ ที่ยังไงก็ต้องทำ มีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
เก็บตกรีวิวเที่ยวอำเภอชุมแสง สวยมาแรงตลาดเก่า100ปี แวะมาที่นี่ให้ได้สักครา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
เก็บตก รีวิวเที่ยวชุมแสง งามร้อนแรงบึงบอระเพ็ด สวยเด็ดตลาดเก่า100ปี ต้องแวะมาฉิมพลีสักครั้งครา คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>
มาม๊ะ..มารีวิวเที่ยวเมืองนครสวรรค์ใน 1 วัน ยลสุขสันต์เมืองชุมทางสี่แคว คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวนครสวรรค์ ยลสุขสันต์เมืองสี่แคว งามจริงแท้ยอดเขาคีรีวง ชมอาทิตย์อัสดง งามเริ่ดสะแมนแตคลิ๊กดูภาพรีวิวและที่เที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวงานแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช นอนตากอากาศที่คีรีวง คลิ๊กดูรีวิว>>
รีวิวพาคุณแม่แห่ผ้าขึ้นธาตุเมืองนคร นอนที่บ้านคีรีวง ชมวิถีชาวประมงที่ปากพนัง ต้องมาเที่ยวอีกครั้งให้ได้เลยเชียว คลิ๊กดูภาพที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองพัทลุง ชมมนต์ลูกทุ่งแห่งคุ้งน้ำทะเลน้อย แวะไปสอยเที่ยวชมกันเลย>>
มาม๊ะ..มาเที่ยวเมืองพัทลุง ชมมนต์ลูกทุ่งแห่งคุ้งน้ำทะเลน้อย งามหยดย้อยธรรมชาติ ไม่พลาดมาทัศนาจรสักครั้ง ถ่ายรูปปังแน่นอน คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองตรัง มาอีกครั้ง ก็ยังปังเสมอ อาหารรสเลิศเลอ คลิ๊กดูรีวิวเลยจ้า>>
รีวิวเที่ยวเมืองตรังอีกครั้ง ก็ยังปังเสมอ มีอาหารรสเลิศเลอ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูรีวิวและที่เที่ยวค่ะ>>
รวม12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงปารีส ที่คู่รักสายจี๊ด แวะไปกัน คลิ๊กดูที่เที่ยว>>
รวมเด็ด 12 ที่เที่ยวในกรุงปารีส ที่เหล่าคู่รักสายจี๊ด ต้องไปถ่ายรูปให้แซ่บซี๊ดกันสักครั้ง มีที่ใหนบ้างนั้น คลิ๊กตามไปเที่ยวดูกันเลย>>

รีวิวเที่ยวเดือนมกราคม แบกเป้ไปกินลมชมเมืองประจวบฯ 3 วัน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
มาม๊ะ..มาเที่ยวเมืองประจวบ 3 วัน 2 คืน ชื่นบานใจ ไปใช้ชีวิตแบบช้าๆ งามระย้าเมืองสาวอ่าว ต้องก้าวย่างมาสักครา คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>

 รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวตอนที่ 15 (ตอนจบ) สิ้นสุดการเดินทางอันยาวไกล แวะไปซื้อของฝากเมืองโอซาก้า คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
 แบกเป้คนเดียวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปฟูจิซัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งริมทะเลสาบคาวากูชิโกะ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว ไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 13 เที่ยวโตเกียวใน 1 วัน นั่งรถไฟสุขส้นต์ไปเมืองคามากุระ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 เดินย่องท่องเมืองฮาโกดาเตะ สุดโรแมนติก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 12 แวะเดินชิลๆเมืองฮาโกดาเตะ สุดแสนโรแมนติก ชิคๆน่ารัก คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น