Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวตอนที่ 15 สิ้นสุดการเดินทางอันยาวไกล แวะซื้อของฝากในโอซาก้า กลับมาสรุปค่าใช้จ่าย งบบานปลายเว่อร์


จบทริปรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อน 14 วัน ตอนที่ 15 แวะเดินช๊อปปิ้งซื้อของฝากในเมืองโอซาก้าในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ก่อนเดินทางกลับเมืองไทยค่ะ
ขอสวัสดี๊ดี สวีดั๊ดดัดเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ผองชาวไทยที่น่ารักทุกๆท่านที่กำลังสำราญเริงรมย์สุขสมอุราอยู่บนหน้าจอมือถืออันทันสะหมอก ทันสมัย หาข้อมูลท่องเที่ยวทั่วไทย ไปไกลทั่วทีปทั่วแดน สุดแสนจะเริ่ดสะแมนแตนกันอยู่ ณ ขณะนี้นะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน ขอมาเว้าวอน ออนซอน ทักทายและต้อนรับท่านเข้าสู่เว็ปบล็อกแนะนำที่พัก รีวิวท่องเที่ยว ให้ท่านได้มาเลี้ยวอ่านบล็อกฆ่าแบบบ้าๆบอๆกันอีกเหมือนเดิมนะค่ะ

และสำหรับในเนื้อหาบทความในเว็ปบล็อกนี้ ดิฉันก็ขอมาเขียนรีวิวเที่ยวญี่ปุ่น 14 วันต่อให้จบนะค่ะ และก็จบแล้วจริงๆค่ะ ในบล็อกนี้ถือเป็นรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อนบล็อกสุดท้ายของทริปชะโงกทัวร์เมื่อเดือน ก.ค.แล้วค่ะ หลังจากที่แรมรอนเขียนมาเป็นเดือนเลยนะค่ะ โอ้ย..ใช้เวลานานมากๆนะค่ะ จำได้ว่าเขียนตอนแรกเริ่มเมื่อ 26 ก.ค. มาจบเอาวันที่ 10 ก.ย.เนี่ยแหละจ้า เดี๊ยนรู้สึกว่าตอนแบกเป้ไปเที่ยวข้ามไปเมืองนั้น แวะไปเมืองนี้รวมทั้งหมด 14 วัน ใช้เวลาเดินทางไปเที่ยวแป๊บเดียวเองค่ะ เวลาเร็วมากๆ แต่พอจะมาเขียนรีวิวก็รู้สึกต่างกันกับตอนเที่ยวมากๆค่ะ เพราะใช้เวลาการเขียนรีวิวนานกว่าตอนเที่ยวอีกนะค่ะ

แต่สิ่งที่ได้กลับมาหลังจากการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น 14 วันตั้งแต่เมือง คาโกาชิม่า สุดปลายทางที่เมือง ก็คือ ประสบการณ์อันล้ำค่าจากการเดินทาง ได้เห็นโลกกว้าง นั่งรถไฟดูวิวริมทางกับธรรมชาติที่สวยงามแตกต่างกันตั้งแต่ภาคใต้ไปถึงภาคเหนือ  และได้เรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่น  ความมีระเบียนวินัย และวางแผนเรื่องเวลาอย่างมากค่ะ ถือว่าคุ้มค่ากับการได้ไปเยือนต่างแดนในครั้งนี้ค่ะ

!!!หากใครที่อยากจะตามรอยแบกเป้คนเดียวเที่ยวแบบคุณนายเว่อร์ ก็ออกลุยได้เลยนะค่ะ โลกนี้ยังมีอะไรให้เราออกไปผจญภัยใน

ก่อนอื่นเลย รีวิวจะสำเร็จลุล่วงไปไม่ได้ถ้าไม่มีคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกๆท่าน เสียสละเวลา เข้ามาสไลด์เปิดดูภาพกันแต่ละตอนค่ะ ถึงแม้จะมีคนอ่านน้อยนิด เพราะเว็ปบล็อกของดิฉันก็อาจจะไม่ได้สวยหรูอะไรมากมายนักนะค่ะ รูปก็ไม่สวย เนื้อหาก็บ้าๆบอๆ แค่มีคนมาอ่านวันละ 1 คน เดี๊ยนก็สุขล้นปลื้มใจแล้วค่ะ

เอ้าล่ะค่ะ เดี๊ยนเองก็บ่นพร่ำเพร้อพรรณา บ้าๆบอๆมาเสียเยอะแล้วนะค่ะ เกรงคุณผู้อ่านจะเบื่อไปเสียก่อน ก็ขอมาสรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางทริปนี้เลยแล้วกันค่ะ หลังจากที่กองสุ่มใบเสร็จค่าใช้จ่ายไว้บนโต๊ะเสียนาน ยังไม่รู้เลยว่าตังเองใช้เงินไปจริงๆเท่าไหร่นะ มีแต่ประมาณการเอาค่ะ

สรุปค่าใช้จ่ายทริปเที่ยวญี่ปุ่น 11-24 ก.ค.2560 (Total costs trip Travel in japan 14 days)

- ค่าตั่วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพ-โอซาก้า 11,140 บาท รวมโหลดกระเป๋าเดินทางทั้งขาไปและกลับ
- ค่าบัตรโดยสารรถไฟ JR Pass แบบได้ทั่วภูมิภาค 14 วัน  13,480 บาท
- ค่าประภันภัยเดินทางในต่างประเทศเผื่อเจ็บป่วย 624 บาท 
- ค่าที่พัก 14 คืน มีดังนี้ค่ะ พักเมืองละคืน 

คืนแรกมาถึงโอซาก้า 5 ทุ่ม พักที่ Khaosan world Tennoji Osaka คืนละ 611.69 บาท คลิ๊กดูรีวิวที่พักค่ะ>>
หรือดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/HfB59a

คืนที่ 2 พักที่ Kagoshima little asia guesthouse คืนละ 450 บาท คลิ๊กดูรีวิวที่พักค่ะ>>
ดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/LAjiUj

คืนที่ 3 พักที่ Fukuoka Backpacker hostel คืนละ 789.32 บาท ดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/c63YNH

คืนที่ 4 พักที่ Hiroshima peace hotel คืนละ 811.61 บาท ดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/8LBFx5

คืนที่ 5 พักที่ Hotel riverside okayama คืนละ 1039.65 บาท ดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/FTmv4a

คืนที่ 6 พักที่ K's House Takayama Oasis คืนละ 891.13 บาท ดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/NWH7G3
 
คืนที่ 7 พักที่ Guest House Enishi คืนละ 982 บาท ดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ :
https://goo.gl/wXaG7h

คืนที่ 8 พักที่ Smile Hotel nagano คืนละ 1201.59 บาท ดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/JWc3cS

คืนที่ 9 พักที่ Social Hostel 365 Sapporo คืนละ 883.66 บาท ดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/UGjLuK

คืนที่ 10 พักที่ Log Yukari guesthouse Furano คืนละ 460 บาท ดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/8KTCio

คืนที่ 11 พักที่ Stay hostel sapporo คืนละ 901.25 บาท ดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/FzVRuc

คืนที่ 12 พักที่ Guesthouse hakodate bay คืนละ 1000 บาท ดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/i2nrB7

คืนที่ 13 พักที่ khaosan Tokyo Samurai คืนละ 932 บาท ดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/FwTrVa 

คืนที่ 14 พักที่ Hostel & Information samurai คืนละ 1033.69 บาท คลิ๊กดูรีวิวที่พักค่ะ>>   
ดูรายละเอียดและภาพห้องพักที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/JNAZG9
 
รวมสรุปค่าที่พัก 14 คืน ทั้งหมด 11,987.59 บาท 
- ค่าตั่วแพ็คเกจโดยสารไปเทือกเขาทาเตยาม่า เขื่อนคูโรเบะ (japan alpen route) 2700 บาท 
- รวมค่าเช่ารถจักรยานเมืองฟูราโน่ บิเอะ ทาคายาม่า และเมืองคาวากูชิโกะ รวม 800 บาท 
- ค่าซื้อซิมเนตเพื่อใช้ Wifi 15 วัน 3210 เยน ราคา 963 บาท 
- ค่ารถบัสโดยสาร Nohibus takayama-shirakawago-Toyama ราคา 1200 บาท
- ค่าโดยสารรถไฟแมวเหมียว 780 รถไฟไปฟูจิซัง 2280 เยน รวม 918 บาท 
- ค่ารถเมลท้องถิ่นไปสะพานห้าโค้ง-ไปปราสาทวาคายาม่า-ไปอินาคาดาเตะ รวม 444 บาท
- ค่านั่งรถแท๊กซี่อินาคาเตะไปสถานีรถไฟ 1400 เยน ราคา 420 บาท
- ค่ากินซือของกิน อาหารเช้า-กลางวัน-เย็นรวมใบเสร็จร้านลอซันและเซเว่น+ของกินจุ๊กจิ๊กไอติมตามเมืองต่างๆ+ขนมนมเยน ผัก ผลไม้บลาๆ ฯลฯ รวมทั้งหมด 9,854 บาท  

รวมค่าใช้จ่ายในทริปนี้ทั้งหมด 54,530 บาท ตั้งงบเที่ยวไว้ไม่เกิน 50,000 บาท ใช้เงินเกินที่ตั้งไว้ไป 4,530 บาทค่ะ ก็ถือว่าใช้เงินเกินเยอะนะค่ะ ไปเที่ยวญี่ปุ่นทีไรไม่เคยอยู่ในงบที่ตั้งไว้เลยล่ะค่ะ เกินตลอด

ที่ใช้เงินเกินงบไปเนี่ยนะค่ะก็หมดไปกับของกินค่ะ เนื่องจากของกินแต่ละอย่างในประเทศก็น่ากินทั้งนั้นเลยนะค่ะ ชวนให้ขวักเงินในกระเป๋าออกมาซื้อทาน จนงบปลายปลายค่ะ
หลังจากเดินกลับมาเมืองไทยทริปนี้นะค่ะ เดี๊ยนใช้หนี้บัตรเครดิตบานเลยค่ะ


และหลังจากที่สรุปค่าใช้จ่ายไปแล้วนะค่ะ เดี๊ยนขอมาร่ายบทความรีวิวเที่ยวเมืองโอซาก้าให้ทุกๆท่านได้มาสไลด์ดูภาพกันนะค่ะ โดยทริปเที่ยวโอซาก้าก็ไม่ได้ไปเที่วใหนมากค่ะ เนื่องจากมีเวลาเหลือแค่มีกี่ชั่วโมงเองค่ะ เดี๊ยนเลยแวะไปเดินช๊อปปิ้งย่านโดทงโบริและย่านชินเซไก เพราะอยู่ไม่ไกลกันค่ะ หลังจากนั้นก็เดินทางออกจากเมืองโอซาก้า มาลงที่สนามบินคันไซ เพื่อนั่งเครื่องบินรอบ 5 ทุ่ม กลับเมืองไทยโดยสวัสดิภาพค่ะ

(ต่อจากตอนที่ 14)
หลังที่เมื่อตอนเช้าได้แวะเดินทานอาหารเช้าแบบเบาๆจนอื่มท้องแล้วนะค่ะ
ต่อมาเดี๊ยนก็เดินกลับมายังที่พัก เพื่อติดต่อขอเช่าจักรยานปั่นออกกำลังชมเมืองนี้สักหน่อยค่ะ

ได้จักรยานมาแล้วค่ะ คันเล็กๆ ดูไม่เข้ากับเดี๊ยนเลยนะค่ะ
แต่เจ้าของที่พักบอกคันนี้เนี่ยแหละ ดีที่สุดแล้วเพราะมีเกียรด้วยค่ะ
ตอนแรกจะเอาแบบคันธรรมดาค่ะ แต่ยังไงก็ลองมาปั่นดูค่ะ
ปั่นจักรยานออกมาในช่วงเวลาตอนสายๆ ประมาณ 9 โมงเช้า แดดเริ่มร้อนแล้วค่ะ ไม่ใช่ร้อนธรรมดานะค่ะ ร้อนมากๆค่ะ
มาที่จุดเดิมเมื่อตอนเช้า แต่ดูท่าเริ่มจะมีเมฆหมอกมากินภูเขาไฟฟูจิแล้วนะค่ะ
สถานีรถไฟคาวากุจิโกะ ท้องฟ้าแจ่มใสมากๆค่ะ
มีขบวนรถไฟน่ารักสีขาวกำลังจะออกวิ่งแล้วค่ะ ขบวนน่ารัก น่าไปนั่งมากๆค่ะ
มองไปฉากหลังรถไฟแต่ไกล ก็เห็นหมู่มวลเมฆเริ่มมากัดกินปากปล่องภูเขาไฟแล้วค่ะ กว่าจะคายออกก็คงอีกนายเลยค่ะ
ดิฉันปั่นจักรยานออกจากที่พักมายังทะเลสาบคาวากูชิโกอีกครั้งค่ะ คราวนี้ปั่นมาตรงใกล้สะพานค่ะ เนื่องจากมีเวลาปั่นแค่ 1 ชั่วโมงค่ะ พอดีได้ชำระเงินค่าเช่าจักรยานไปแล้ว ว่าเช่า 1 ชั่วโมงค่ะ ถ้าเลยเวลาไปแค่ 5-10 นาที ทางที่พักจะคิดค่าเช่าจักรยานไป 2 ชั่วโมงเลยนะค่ะ
ปั่นจักรยานมาจุดชมวิวอีกมุมของทะเลสาบคาวากูชิโก จะเห็นภูเขาไฟฟูจิค่ะ แต่ตอนนี้เมฆกำลังจะปกคลุมและกัดกินปากปล่องภูเขาไฟไปแล้วค่ะ อะไรกันค่ะเนี่ย ไปเอาจักรยานแค่แป๊บเดียว สายเฆมและหมอกจะปิดบังภูเชาไปหมดแล้วค่ะ

บรรกยาศโดยรอบทะเลสาบในตรงนี้ ก็จะเป็นทุ่งหญ้า มีดอกไม้เมืองร้อนสีขาวๆเล็กตะมุตะมิ กลีบดอกกะจิ๊ดลิ๊ดบานสะพรั่งไปทั่วค่ะ
ส่วนที่ริมทะเลสาบก็จะเป็นดอกหญ้าสีเขียวน้ำตาลอ่อน ดอกตูมเป็นปล่อง เอนกิ่งก้านไปตามสายลม สวยสมรื่นรมย์ฤทัยยิ่งนักค่ะ
โคดหินริมทะเลสาบก็จะเป็นหินจากภูเขาไฟที่แตกสลายมานานหลายล้านปี
มองไปอีกฝั่งจะเห็นสะพานข้ามทะเลสาบ เพื่อจะได้สัญจรไปยังอีกฝั่งได้สะดวก  สีสันของท้องฟ้าเป็นลายเส้นสีขาว ราวก็พายุจะหมุนเวียนค่ะ

เดี๊ยนปั่นจักรยานมาอยู่ที่ริมทะเลสาบมุมนี้ ลมพัดเย็นดี๊ดีนะค่ะ แต่แสงจากดวงสุรีย์ เปล่งรัศมีทอมาอย่างร้อนแรง แผดเผาผิวเดี๊ยนให้ดำกระด่างมากขึ้นกว่าเดิมอีกค่ะ
เดี๊ยนปั่นจักรยานมาอยู่ที่ริมทะเลสาบมุมนี้ ลมพัดเย็นดี๊ดีนะค่ะ แต่แสงจากดวงสุรีย์ เปล่งรัศมีทอมาอย่างร้อนแรง แผดเผาผิวเดี๊ยนให้ดำกระด่างมากขึ้นกว่าเดิมอีกค่ะ

จักรยานจอดตากแดดไว้แป๊บเดียวค่ะ แทบจะนั่งบนอานไม่ได้เลยค่ะ เพราะร้อนมากๆค่ะ ลองนั่งทีแสบตูดไปหมดค่ะ
ขี่จักรยานมาถึงสะพานเพื่อชมวิวภูเขาไฟฟูจิค่ะ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังค่ะ เพราะแม่สายเมฆหมอกกัดกินปากปล่องภูเขาไฟฟูจิไปจนหมดสิ้นแล้ว กว่าจะคายออกมาก็คงอีกนานค่ะ  เห็นแต่ฐานภูเขาไฟ
ปั่นจักรยานข้ามสะพานข้ามทะเลสาบ
มองเห็นนักท่องเที่ยว 2 คน กำลังปั่นจักรยานมาเดินสุขสำราญที่ริมทะเลสาบแห่งนี้เหมือนกันนะค่ะ


บรรยากาศท้องฟ้าในช่วงเวลาสายๆ ฟ้าแจ่มใส ละมัยอำพันจริงๆนะค่ะ ดูสวยงามไปหมดค่ะ ภูเขาก็เขียวขจี มีสายน้ำและท้องฟ้าอยู่คู่กันตลอดกาล
ปั่นจักรยานชิวๆไปเรื่อยๆ เมื่อยก็แวะพักนั่ง ดูนาฬิกาแล้ว อะไรกันจะ 1 ชั่วโมงแล้วค่ะ
ได้เวลาต้องปั่นจักรยานกลับไปคืนที่พักแล้วค่ะ See you again Lake kawaguchiko ค่ะ
เมื่อเดี๊ยนได้ทำการคืนจักรยานไปแล้ว ก็ทำการเช็คเอาท์ ออกจากที่พัก เดินแบกเป้ออกจากที่พักเพื่อเดินทางไปยังเมืองโอซาก้า ซึ่งเป็นเมืองสุดท้าย และท้ายสุดเพราะต้องนั่งเครื่องบินกลับเมืองไทยค่ะ
เดินมาที่สถานีรถไฟ เจอผลไม้ขึ้นชื่อของที่นี้ค่ะ มองไปไกลคิดว่าลูกแอปเปิ้ล แต่ไม่ใช่ค่ะ มันคือลูกพีซค่ะ เคยกินแต่แยมลูกพีช ยังไม่เคยกินผลแบบสดๆเลยค่ะ นี้พึงมาเห็นเป็นครั้งแรกเลยค่ะ แม่ค้าคนขายก็น่ารักพรุ้งพริ้งหวานแหว๋วเสียเหลือเกิน  ส่วนกลิ่นของผลไม้ก็หอมโชยเตะจมูกมากๆค่ะ
ป้า่ยเขียนไว้เป็นลูกพีชค่ะ เป็นลูกพีช ผลไม้สด Crown in us in yamanashi เป็นผลไม้ขึ้นชื่อในจังหวัดยามานาชิค่ะ ลักษณะลูกเป็นแบบนิ่มๆ เป็นผลไม้ที่ช้ำง่ายค่ะ เปลือกแบบบางๆ ดูภายนอกเหมือนแอปเปิ้ล แต่พอดูใกล้ๆไม่ใช่เลยค่ะ
ใหนๆมาทั้งทีต้องไมพลาดแวะซื้อไปทานสักลูก สองลูกค่ะ เพราะกลิ่นหอมเหลือเกินค่ะ เดี๊ยนเลยจัดไป 1 ลูกค่ะ ลูกละ 300 เยนค่ะค่ะ
ได้เวลาเดินทางแล้วค่ะ ตอนนี้ 10 โมงเช้าแล้วค่ะ
นั่งรถไฟรอบ 10 โมง 37 นาทีค่ะ ราตาตั่วโดยสารเหมือนเดิมค่ะ 1140 เยนค่ะ
ส่วนรถไฟที่นั่งก็คันเดิมค่ะ น่าจะเปลี่ยนได้ไปนั่งรถไฟ Tomas and friend ที่จอดอยู่ฝั่งโน้นก็คงจะดีนะค่ะ
เวลา 10.37 นาทีก็นั่งรถไฟจรลี ออกจากเมืองคาวากูชิโกะเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมือง Otsuki แล้วค่ะ บรรยากาศริมทางก็เป็นวิวท่งนาและป่าเขาลำเนาไพร อากาศแจ่มใส งามวิไลเสียเหลือเกินค่ะ
กลิ่นลูกพีชหอมเย้ายวนเตะจมูก น่าทานมากๆค่ะ ดูเหมือนแอปเปิ้ลอยากจะกัดกินเลยนะค่ะ แต่คนขายบอกว่าให้ใช้มีดค่อยๆปอกเปลือกบางออก ก่อนทานค่ะ เพราะจะค่อนข้าง ฉ่ำน้ำมากๆค่ะ
นั่งรถไฟมาเป็นชั่วโมงก็ถึง สถานี Otsuki ก็เกือบเทียงแล้วค่ะ
ตอนแรกกะว่าจะเดินทางต่อเลยค่ะ แต่ไม่ไหวแล้วค่ะ มาถึงสถานีรถไฟ Otsuki ขอออกมาหาอะไรทานสักหน่อยค่ะ เมื่อเช้าทานแพนเค้กไปนิดเดียวกับนมและขนมนิดหน่อยค่ะ และเดินออกจากสถานีรถไฟโอสุกิมาหาอะไรทานใกล้ค่ะ
เดินออกมาก็เจอร้านขายบะหมี่อุด้งรสเด็ดน่าจะอร่อย เลยแวะมาลิ้มลองสักหน่อยค่ะ เข้ามาในร้าน บรรยากาศก็เป็นแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นค่ะมีเจ้าของร้าน เอาเมนูมาบริการให้ถึงที่ค่ะ  ทักทายกันแบบญี่ปุ่น เพราะคนที่ร้านพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย พอเข้าใจค่ะ
ส่วนเมนูอาหาร ทางร้านก็หยิบเมนูภาษาอังกฤษมาให้เดี๊ยนโดยเฉพาะเลยค่ะ เพราะเห็นแล้วคงไม่ใช่คนจีนหรือเกาหลีเป็นแน่แท้ค่ะ  โดยอาหารในเมนูก็มีหลายอย่างค่ะ น่าทานทั้งนั้นเลยค่ะ แต่เห็น Grandma's udon แปลเป็นไทยก็คงจะเป็น อุด้งคุณยายค่ะ ราคาชามละ 520 เยน
สั่งไปรอไม่นานอุด้งคุณยายก็มาเสริฟถึงโต๊ะเลยค่ะ ดูหน้าตาหน้าทาน และร้อนมากๆด้วยค่ะ
อุด้งเส้นใหญ่หนา พอได้ลิ้มลองรสชาติแล้วก็อร่อยดีค่ะ ถือว่าใช้ได้เลยค่ะ โอเคให้ผ่าน แถมราคาก็ไม่ได้แพงมากจนเกินไปด้วยค่ะ
หลังจากที่ดิฉันได้ทานอุด้งคุณยายจนอิ่มทองไปแล้วนะค่ะ ก็ได้เพลาเดินทางต่อไปยังเมืองโอซาก้า เพื่อเดินทางกลับเมืองไทยค่ะ

พอทาอาหารอิ่มแล้วนะค่ะ ก็แบกเป้เพื่อนั่งรถไฟเดินทางไปยังเมืองโอซาก้าค่ะ ซึ่งการเดินทางไปโอซาก้านั้นนะค่ะ จะต้องไปขึ้นรถไฟชินกันเซนที่สถานีชินโยโกฮาม่าค่ะ

วิธีการเดินทางคือ
นั่งรถไฟท้องถิ่นจากคาวากูชิโกะ มาลงที่สถานี Otsuki จากนั้นก็นั่งรถไฟจากสถานี Otsuki ไปลงที่สถานี Hajioji ค่ะเพื่อนั่งรถไฟ JR ไปลงที่สถานี Shin Yokohama  แล้วจากนั้นนะค่ะก็ตีตั๋วนั่งรถไฟชินกันเซนจากโยโกฮาม่า ไปลงที่สถานีชิน โอซาก้าค่ะ
 นั่งรถไฟออกจากสถานี  Ostuki เวลา 12.49 น.ค่ะ
 จากนั้นก็มาถึงสถานี Hachioji ค่ะเมื่อมาถึง สถานีนี้แล้วนะค่ะ ก็นั่งรถไฟ jr สายโยโกฮาม่ามาลงที่สถานี Shin yokohamaค่ะ
 เมื่อสถานีชินโอซาก้าแล้วนะค่ะ ก็จองตั่วรถไฟแบบนั่งจากสถานี Shinyokohama ไปลงสถานีชินโยโกฮามาค่ะ
 ตั่วรถไฟได้มาแล้วค่ะ ได้นั่งรถไฟเวลา 13.52 น. ถึงโอซาก้าเวลา 16.26 น.ค่ะ
 รถไม่นานรถไฟก็มาตรงเวลาเป๊ะค่ะ อยากจะเข้าไปนั่งข้างในมากๆนะค่ะ เพราะอากาศข้างนอก ร้อนมากๆค่ะ เรียกว่าอบอ้าว ร้อนรุ่มเร้าดั่งไฟเผาทรวงเลยค่ะ 
 ได้ที่นั่งริมหน้าต่างอีกแล้วค่ะ โชคดีมากๆค่ะ เพราะรถไฟที่นั่งมา ไม่ได้อยู่ในเวลาเร่งด่วนนะค่ะ ไม่งั้นมีหวังยืนเหมือนตอนนั่งรถไฟจากฟูกุโอกะมาฮิโรชิม่าแน่ค่ะ หากใครมาเที่ยวญี่ปุ่นนั่งรถไฟชินกันเซนให้เลือกนั่งริมหน้าต่างนะค่ะ เพราะมีที่เสียบปลั๊กไฟไว้ชาร์ตแบตหรือนั่งทำงานได้ค่ะ
 นั่งรถไฟชินกันเซนมาได้สักพัก ก็ผ่านเมืองเกียวโตแล้วค่ะ
เลยจากเมืองเกียวโตมาก็ถึงเมืองโอซาก้า เวลา 16.26 น.เป๊ะเลยค่ะ คือแบบว่ารถไฟตรงเวลามากๆค่ะ....  พอถึงเมืองโอซาก้า เดี๊ยนก็นั่งรถไฟ Jr จากสถานีชินโอซาก้า มาลงที่สถานีโอซาก้า และจากนั้นก็นั่งรถไฟ JR รอบเมืองมาลงที่สถานี ชินอิมามิยะ เพื่อเดินทางไปแหล่งช๊อปปิ้งแห่งแรกคือ ถนนช๊อปปิ้งย่านชินเซไกค่ะ ซึ่งสัญลักษณ์ของที่เที่ยวย่านนี้คงเป็น หอคอยซึเทนคาคุ ที่เด่นตระหง่านอยู่กลางเมืองค่ะ
ดิฉันเดินแบกเป้เดินจากสถานี Shin-imamiya เข้ามาย่านชินเซไกนี้ไม่ไกล นับเวลาได้เพียง 5-7 นาทีค่ะ

ซึ่งพอเดินมาถึงย่านนี้แล้ว ก็ยังไม่ค่อยคึกคักมากนักค่ะ เพราะอาจจะยังไม่ถึงเวลามืดค่ะ  บรรยากาศเลยเหงาๆหน่อยค่ะ ปกติถ้ามาเที่ยวย่านนี้ต้องมาตอนมืดค่ะ เพราะไฟตามร้านอาหารริมทางจะเปิดมีสีสันสวยงามมากค่ะ

และอาหารขึ้นชื่อของย่านชินเซไกที่ห้ามพลาดเลยก็คือ ของทอดเสียบไม้ เรียกว่า คุชิคาสึ(kushikatsu) ของทอดเสียบไม้ มีทั้ง ปลาหมึก กุ้ง อาหารทะเล หมู่ เห็ด เป็ด ไก่ ฟักทอง และหน่อไม้ รวมถึงมีของหวานก็มีกล้วยและไอศกรีมทอดด้วยเช่นกันนะค่ะ เอาเข้าใจง่ายคือ เหมือนลูกชิ้นทอดบ้านเราเลยค่ะ  และตามร้านต่างๆจะคึกคักมากเป็นพิเศษในตอนหัวค่ำ เพราะมีนักท่องเที่ยวแวะมาทานกันเยอะ
เดินมาก็จะมีร้านอาหารต่างมากมาย แต่ละอย่างก็น่ากินทั้งนั้นค่ะ  
 สีสันตอนเย็นๆดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ค่ะ เคยมาตอนค่ำมืดๆ นักท่องเที่ยวเดินกันคึกมากๆนะค่ะ แต่ช่วงที่ไปเดินเที่ยวในฤดูร้อน ก็มีนักท่องเที่ยวมากันเรื่อยนะค่ะ
เดินมาต้องไม่พลาดแวะถ่ายรูปหอคอยซึเทนคาคุ(Tsutenkaku Tower) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในเอเชียมาก่อนค่ะ
เกี่ยวกับหอคอยเทนคาคุ 
โดยหอคอยซึเทนคาคุ(Tsutenkaku Tower) โดยถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1912 ตามหอไอเฟลในปารีสมีความสูง 64 เมตร แต่พอเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หอคอยแห่งนี้ก็ได้ถูกทำลายลง และถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อปี 1956 และมีความสูงเพิ่มขึ้นเป็น 103 เมตรเลยค่ะ
 เจ้าปลาปักกะเป้าตัวใหญ่ อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ใครก็มาถ่ายรูปกันค่ะ
ใหนๆแวะเข้ามาในย่านชินเซไกทั้งที ต้องไม่พลาดแวะทาน คุชิคาสึค่ะ ของทอดอันขึ้นชื่อในย่านนี้ มีหลายร้านให้เลือกเลยค่ะ  ร้านใหนคนเยอะ ร้านนั้นน่าจะอร่อยนะค่ะ แต่ดูเหมือนกันค่ะ
 เข้ามาในร้านนี้ขายลูกชิ้นทอดคุชิคาสึ ติดป้ายและราคาไว้ให้เลือกทานค่ะ ต้องสังเกตุป้ายราคามากนะค่ะ เพราะภาษาอังกฤษตัวกะจิ๊กลิ๊ดเล็กมากๆค่ะ ต้องใช้แว่นขยานให้กว้าง ที่จะสะพร่างอ่านออกว่าเมนูแต่อย่างคืออะไร จะได้สั่งถูกค่ะ

พอสักพักก็มีพนักงานผู้หญิงเดินเข้ามาถามเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ เดี๊ยนเลยชี้ๆเอาตามที่อยากทานค่ะ  โดยเมนูแต่ละรายการเนี่ยนะค่ะ ราคาลูกชิ้นไม้นึงราคาต่ำสุดอยู่ที่ 100 เยน หรือไม้ละ 30 บาทเลยนะค่ะ   บางไม้เป็นปลาหมึกตกที่ไม้ละ 180 เยน ถ้าอยู่ในเมืองไทยเราซื้อลูกชิ้นได้ 3 ไม้เลยจ้า อันนี้คุชิคาสึตกไม้ละ 30 บาทจ้า ใหนๆก็มาทั้งทีต้องลิ้มลองสักครั้งค่ะ
บรรยากาศในร้านดูสะอาดสะอ้าน น่านั่งดีค่ะ เพียงแต่คับแคบไปหน่อย เป็นร้านเล็กๆแบบนั่งยาวไปด้านในค่ะ
 รอไม่นานนักนะค่ะ เจ้าอาหารคุชิคาสึ หรือเรียกง่ายๆ ลูกชิ้นทอดค่ะ ของทอดจิ้มกับน้ำซอส ดูสีคล้ายโชยุค่ะ เดี๊ยนสั่งมาทาน 5 ไม้ค่ะ มีหมึก ไข่นกกระทาน ไส้กรอก หอมใหญ๋และก็อะไรอีกซักอย่างจำไม่ได้แล้วนะค่ะ  เวลาทานต้องจุ่มลงจิ้มกับน้ำซอส ซึ่งรสชาติออกเค็มๆค่ะ พอได้ลิ้มลองแล้ว รสชาติไม่ค่อยถูกปากเลยค่ะ ดูค่อนข้างจะมันๆ เลี่ยนๆค่ะ ทานแล้วไม่อร่อยเลยค่ะ

ค่าเสียหายลูกชิ้น 5 ไม้ รวม 600 เยนค่ะ หรือประมาณ 180 บาทไทยค่ะ
 หลังจากทานเจ้าคุชิคาสึไปไม่ค่อยอะไรนักนะค่ะ เดี๊ยนก็เดินออกจากย่านชินเซไกไปเดินช๊อปปิ้งต่อที่โดทมโบะริค่ะ แหล่งช๊อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งในเมืองโอซาก้า ถ้าใครแวะมาโอซาก้า ต้องไม่พลาดแวะมาเดินชิลๆถ่ายรูปในยานนี้ค่ะ
 นั่งรถไฟจากสถานีชินอิมามิยะ เพื่อไปลงที่สถานีรถไฟ นัมบะค่ะ
 นั่งรถไฟมาไม่นานก็ถึงแล้วค่ะ สถานีรถไฟ JR นัมบะค่ะ
 จากนั้นก็เดินจากสถานีรถไฟนัมบะมาอีกประมาณ 1 กิโลเมตรก็ถึงแล้วค่ะ แหล่งช๊อปปิ้งย่านโดทมโบริแล้วค่ะ บรรยากาศในช่วงหัวค่ำ ผู้คนก็คึกคักมากๆค่ะ
 มารู้จักแหล่งช๊อปปิ้งย่าน โดทมโบะริ
โดทมโบะริ (dotonbori) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้าค่ะ มีลักษณะเป็นถนนเส้นเดียวเลียบขนานกับคลองโดทมโบะริ ตั้งแต่สะพานโดทมโบะริบะชิไปจนถึงสะพานนิปปงบะชิในเขตนัมบะของโอซะกะ  โดยย่านโดทมโบะริเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปจากการที่มีโรงภาพยนตร์ในสมัยโบราณ (ปัจจุบันไม่มีหลงเหลือแล้ว) มีร้านค้า ร้านอาหาร และป้ายโฆษณานีออนที่โด่งดัง โดยเฉพาะป้ายโฆษณานีออนของกุลิโกะ บริษัทผลิตขนมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น เด่นตระหง่านอยู่ริมคลอง ซึ่งใครไปใครมาต้องไม่พลาดแวะถ่ายรูปกันค่ะ

ประวัติศาสตร์ของถนนโดทมโบะริ
โดทมโบะริ เป็นถนนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1612 เมื่อ ยาซุอิ โดทง พ่อค้าท้องถิ่นเริ่มขุดขยายแม่น้ำอุเมะซุที่ไหลจากตะวันออกไปตะวันตก หวังจะช่วยเพิ่มรายได้จากการค้าขายในแถบนั้นด้วยการขุดคลองเชื่อมต่อกับแม่น้ำสองสายย่อยที่ไหลจากเหนือลงใต้ของแม่น้ำโยะโดะ โครงการของพ่อค้าโดทงต้องหยุดชะงักไปเมื่อเสียชีวิตจากการรบในศึกการล้อมโอซะกะเพื่อปกป้องโทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะริ แต่หลานชายของพ่อค้าโดทงได้สานต่อเจตนารมณ์และขุดคลองจนสำเร็จในปี ค.ศ. 1615 ทะดะกิ มัตสึไดระ ผู้ปกครองคนใหม่ประจำปราสาทโอซะกะจึงได้ตั้งชื่อคลองและถนนเลียบคลองว่า "โดทมโบะริ" (โบะริ มาจากคำว่า โฮะริ ที่แปลว่า "คลอง" หรือ "คูเมือง") แม้ว่าชายที่ชื่อ "โดทง" จะเสียชีวิตไปตั้งแต่ศึกระหว่างสองผู้ปกครองญี่ปุ่นในครานั้น

และในปี ค.ศ. 1621 รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะได้วางโครงสร้างเมืองใหม่ ออกแบบให้โดทมโบะริเป็นแหล่งบันเทิงของโอซะกะ จากนั้น ในปี ค.ศ. 1662 ก็มีโรงละครคะบุกิและโรงละครบุนระกุตั้งขึ้น ตลอดจนโรงละครหุ่นทะเคะดะ คะระคุริ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ร้านอาหารและคาเฟ่ต่างก็ทะยอยเปิดเพื่อรองรับการหลั่งไหลมาของนักท่องเที่ยวตลอดจนนักท่องราตรีในยามค่ำคืนของโอซะกะ
จุดถ่ายรูปเช็คอินน์ยอดนิยมอีกแห่งในย่านโดทมโบะริ คือเจ้าปูยักษ์คะนิโดระกุ: ปูจักรกลยักษ์ขนาด 6 เมตรครึ่ง ตั้งอยู่หน้าร้านอาหารคะนิโดะระกุ สามารถขยับแขนและลูกตาได้ ติดตั้งตั้งแต่ปีในปี ค.ศ. 1960 และติดมาจนถึงปัจจุบัน แต่อาจมีการแก้ไขปรับปรุงบ้าง แต็ยังคงเสน่าห์สีสันโดดเด่นในยามค่ำคืน
ซึ่งจุดเช็คอินน์ยอดนิยมอีกแห่ง ก็ต้องยกให้ เจ้าป้ายคูลิโกะเนี่ยแหละค่ะ
ป้ายไฟกุลิโกะ: เริ่มติดตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1935 เป็นป้ายไฟนีออนรูปนักกรีฑาวิ่งบนลู่วิ่งอันเป็นสัญลักษณ์ของกุลิโกะ สัญลักษณ์นี้ถูกเปลี่ยนอยู่หลายครั้ง เช่น ช่วงฟุตบอลโลก 2002 และปัจจุบันก็เปลี่ยนให้เป็นการแสดงการสนับสนุนทีมเบสบอล ฮันชิน ไทเกอร์ส ที่โด่งดังของเมือง
ขอขอบพระคุณข้อมูลอ้างอิงดีๆจาก https://th.wikipedia.org/wiki/โดตมโบะริ
ตอนหัวค่ำ ไฟยังไม่เปิดค่ะ น่าจะประมาณทุ่มนึง เค้าคงจะเปิดไฟค่ะ
 ดิฉันเดินเลียบลัดเลาะริมคลองโดทมโบะริมมาเรื่อยๆเพื่อไปยังร้านขายของฝากค่ะ จำได้ว่าเคยมาซื้อเมื่อ 2 ปีที่แล้วค่ะ
 ถึงแล้วค่ะ ร้านขายขนมนมเนยและของฝากๆต่างค่ะ ไม่รู้ว่าชื่อร้านอะไร ติดป้ายญี่ปุ่นไว้ก็อ่านไม่ออกค่ะ แต่จำได้ว่าเป็นร้านขายนมเนยเนี่ยแหละค่ะ  บรรยากาศภายในร้าน คนก็เยอะมากๆด้วยนะค่ะ
 ใหนๆก็มาอุตสาห์ตั้งใจมาซื้อของฝากให้คนที่บ้านและที่ทำงานทั้งทีค่ะ แต่ติดกระเป๋าเป้ใบใหญ่เนี่ยแหละค่ะ เพราะที่ร้านเค้าก็ไม่รับฝากนะค่ะ เดี๊ยนเลยวางกระเป๋าไว้ริมระเบียงหน้าร้านเลยค่ะ ใครจะแบกไปก็เชิญค่ะ เพราะมัมหนักมากๆค่ะ
เดี๊ยนใช้เวลาเลือกซื้อของฝากอยู่ในร้านสักพักค่ะ  (หมดไปหลายตังค่ะ) เดี๊ยนก็แบกเป้พร้อมหอบของพะรุงพะรัง ทั้งสองมือเป็นถุงขนมเต็มไปหมดค่ะ เพราะในกระเป๋าเป้ก็ยัดใส่ไม่ได้แล้วค่ะ ก็เลยเป็นใยป้า บ้าหอบฟางมากๆค่ะ 555
บรรยากาศช่วงหัวค่ำที่ย่านนี้ คงก็เยอะขึ้นเรื่อยๆนะค่ะ ดูคึกคักตึ๊กๆตั๊กๆมากๆค่ะ แต่เวลาเดินต้องระวังมากๆค่ะ เพราะเดี๊ยนก็แบกของเต็มไปหมด ถุงขนมก็ไปเบียดคนข้างที่เดิน โอ้ยลำบากๆ กระเป๋าก็หนักอีกนะค่ะ ต้องอดทนค่ะ อีกนิดเดียวจะได้กลับเมืองไทยแล้วค่ะ
หลังจากที่ได้มาช๊อปปิ้งซื้อของฝากที่ย่านโดทงโบะริแล้วนะค่ะ ก็ได้เวลาเดินทางกลับแล้วค่ะ
เวลาประมาณซัก 1 ทุ่มครึ่ง ตอนขากลับมาก็เดินจากย่าโดทงโบะริไปสถานีรถไฟ JR Namba ค่ะ
 จากนั้นนั่งรถไฟมาลงที่สถานี shin imamiya เพื่อนั่งรถไฟ JR ไปลงสนามบินคันไซค่ะ ระหว่างนั่งรถไฟในช่วงเวลานี้ ถือว่าต้องอดทนมากๆนะค่ะ เพราะเป็นช่วงเวลาที่คนญี่ปุ่นก็เลิกงานค่ะ รถไฟทุกเที่ยวแน่นมากๆค่ะ ดิฉันยืนบนรถไฟ เอาขาหนีบกระเป๋าไว้อยู่นานกว่าจะมีที่ให้นั่งค่ะ เรียกว่าเมื่อยขาและเพลียมากๆค่ะ
  ในที่สุดก็ถึงสนามบินคันไซแล้วค่ะ มาถึงสนามบินนี้ค่อยโล่งอกค่ะ
พอถึงสนามบินแล้วกระเพาะอาหารก็เรียกร้องหาอาหารแล้วค่ะ หิวมากๆค่ะ เลยจัดไปค่ะ เหมือนทุกมื้อที่ผ่านมากค่ะ อาหารกล่องจากร้านสะดวกซื้อเหมือนเดิมค่ะ ถือว่าเป็นอาหารญี่ปุ่นมื้อสุดท้ายแล้วกันนะค่ะ ก่อนจะกลับไปทานกระเพราะไก่ไข่ดาวจากร้านเซเว่นที่เมืองไทยต่อค่ะ มื้อนี้อิ่มมากค่ะ มีขนม นม น้ำผลไม้และลูกพีชที่ซื้อมาจากคาวากูชิโกะ เอามาทานด้วย หวานฉ่ำมากๆ 
ทานเสร็จก็อยากอาบน้ำ แต่ไม่รู้จะไปอาบที่ใหน ก็เลยเข้าไปเช็ดตัวในห้องน้ำอย่างเดียวค่ะ คงต้องกลับตัวเหม็นเนี่ยแหละค่ะ ใครนั่งบนเครื่องบินใกล้ๆก็ทนเหม็นหน่อยนะค่ะ 
เวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ดิฉันก็แบกกระเป๋ามาเช็คอินน์ที่สนามบิน เพื่อรอขึ้นเครื่องค่ะ
จนเวลา 23.55 น.ก็นั่งเครื่องบินออกจากสนามบินคันไซ ถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ
จบทริปรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อน 14 วันค่ะ จบแล้วจริงๆจ้า

ต้องขอขอบพระคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผองชาวไทยที่น่ารักทุกๆท่านเลยนะค่ะที่เสียสละเวลาเข้ามาคลิ๊กเข้ามาดูบล็อกของคุณนายเว่อร์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารีวิวทั้ง 15 ตอนที่ดิฉันได้นำมาเสนอไว้ในเว็ปบล็อกนี้ น่าจะเป็นประโยชน์และเป็นไกด์ไลน์ให้ท่านออกไปเดินทางท่องเที่ยวบ้างไม่มากก็น้อยค่ะ หากมีข้อผิดพลาด อักขระ พิมพ์ผิดๆ ตกหล่นๆ ก.ไก่ไม่มีขา ป.ปลาไม่แขน ดิฉันต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
-----------------------------------------------------------
รวมบทความรีวิวบล๊อกท่องเที่ยวเดือนละ 1 ครั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ค่ะ (จะทยอยอัพเดทเรื่อยๆค่ะ บล็อกจะได้ไม่ร้างค่ะ)
โรงแรมในเมืองฮาโกดาเตะ สุดน่ารัก แถมราคาถูกอีกด้วย คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>>
สุดน่ารัก 10 ที่พักฮาโกดาเตะ ราคาถูก ใกล้สถานีรถไฟJR นอนพักสบายๆในเมืองสวยโรแมนติค คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>>> 
หรือดูข้อมูลได้ที่เว็ปบล็อก : http://bit.ly/2EMob0W
รวมข้อมูลโรงแรมในเมืองซัปโปโร สำหรับครอบครัวนอนหลายๆคน คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
รวมเด็ด 12 โรงแรมในซัปโปโร เน้นสำหรับครอบครัวนอนหลายๆคน ใกล้สถานีรถไฟ JR ใกล้สวนโอโดริ คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>>
หรือดูข้อมูลได้ที่เว็ปบล็อก : http://bit.ly/2Ey10Z0
แนะนำโรงแรมในนาโกย่า ใกล้สถานีรถไฟ ราคาสุดประหยัด คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>>
แนะนำข้อมูลที่พักเมืองนาโกย่า เน้นใกล้สถานีรถไฟ ห้องราคาถูก สำหรับพักคู่และครอบครัว คลิ๊กดูรายชื่อที่พักค่ะ>>
แนะนำโรงแรมโตเกียวเปิดใหม่ปี 2108 สำหรับคู่รัก คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แนะนำโรงแรมโตเกียวเปิดใหม่2018 วิวสวยๆ สำหรับคู่รักฮันนีมูน ราคาสุดประหยัด ใกล้สถานีรถไฟอีกด้วย คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักค่ะ>>  
หรือดูข้อมูลได้ที่บล็อก : http://bit.ly/2L3Nivv 
รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
มาเน้อเจ้า..มาแอ่วภูลังกา ดูทะเลหมอกสวยระย้าจับใจ แวะตะไลไปเชียงคำ สัมผัสวัฒนธรรมไทลื้อ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางจ้า>>> 
แนะนำโรงแรมในซัปโปโร ห้องนอนคู่ดูโอ้ ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวมที่พักซับโปโร ห้องพักนอนคู่ดูโอ้ ราคาถูก เน้นใกล้สถานีรถไฟ JR เดินลั๊ลลาได้ชิวเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> 
แนะนำจ้า ที่พักเกียวโต ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
คัดมา 15 ที่พักเกียวโต สไตล์เรียวกัง ราคาถูก ใกล้สถานีรถไฟ สำหรับคู่รักและครอบครัวค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>  
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 4 เดินเร้าฤดีฉิมพลีเสน่ห์เมืองมาร์เซย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 4 เดินฉิมพลีแวะเมืองมาร์กเซย์ นั่งรถไฟฮาเฮไปชมยอดมหาวิหาร งดงามอลังการแปลกตาดีจัง คลิ๊กดูภาพและบทความรีวิวคะ>>>
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/Bxaq9X
รีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤศจิกายน แบกเป้ไปล่องท่องเมืองปาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองปาย สไตล์ชิคๆ แวะกุ๊กกิ๊กถนนคนเดิน เช่ามอเตอร์ไซต์ขับเพลินๆ ดีเลิศสะแมนแตน คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>> 
บล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนตุลาคม ไปตามรอยโครงการหลวง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเชียงใหม่ในฤดูฝน งามสุขล้นตามรอยโครงการหลวง ชมพุ่มพวงดอกไม้งามเบิกบานใจ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
ที่พักเมืองโตเกียว เอาใจขาเที่ยวงบน้อยๆ คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
แนะนำโรงแรมในโตเกียว ราคาหลักร้อย ประหยัด ใกล้สถานีรถไฟ JR เดินทางได้ใกล้ๆค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักค่ะ>>
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 ไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งดูวิวทะเลสาบคาวากูชิโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งริมทะเลสาบคาวากูชิโกะ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว นั่งรถไฟไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 13 เที่ยวโตเกียวใน 1 วัน นั่งรถไฟสุขส้นต์ไปเมืองคามากุระ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 12  เดินชิลเมืองท่าเรือสุดแสนโรแมนติก ริมทะเล คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 12 แวะเดินชิลๆเมืองฮาโกดาเตะ สุดแสนโรแมนติก ชิคๆน่ารัก คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมไร่นาเมืองบิเอะ สวยเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็ครีวิวญี่ปุ่นญี่ปุ่น ตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมทุ่งนาข้าวบาร์เลย์เมืองบิเอะตอนบ่าย งามพร่างพรายสวยเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักยานไปชมดอกลาเวนเดอร์บานๆ อลังการเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้คนเดียวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 10 ปั่นจักรยานไปชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์บานตอนเช้าๆ สวยแพรวพราวน่ารักเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 9 เดินชิลชมเมืองซับโปโรครึ่งวัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แบ็คแพ็ครีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 9 เดินชิลๆชมเมืองซับโปโร ไปเดินเฮโลที่คลองโอตารุ สวยทะลุสู่ยอดฟ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 8 ชมศิลปะทุ่งนาข้าวผลิหลากสีสวยงาม คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 8 แวะผ่านอาโอโมริ ไปชมศิลปะทุ่งนาข้าวผลิหลากสีที่ อินาคาดาเตะ งามเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 7 รีวิวการเดินทางไปหลังคาญี่ปุ่นด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 7 รีวิววิธีการเดินทางไปเจแปนแอลป์ด้วยตัวเองมาฝาก ภูเขาสวยงามมาก กระชากใจเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 6 เดินตลาดเช้าทาคายาม่า แวะดูทุ่งนาชิราคาวาโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 6 เดินตลาดเช้าทาคายาม่า แวะไปชมทุ่งนาที่ชิราคาว่าโก สวยโอฬาร งามเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาดูเมืองเก่าคุราชิกิ ชมใบไม้ผลิสวยเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาดูเมืองเก่าสมัยเอโดะที่คุราชิกิ ชื่นชมใบไม้ผลิสีแดง แรงเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 4 ตามรอยระเบิดเมืองฮิโรชิม่า ไปลั๊นลาเกาะมิยาจิมะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 4 ตามรอยระเบิดนิวเคลียร์เมืองฮิโรชิม่า นั่งรถไฟลั๊ลลาไปสะพานคินไตเคียว คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 3 ท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะ งามเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 3 เดินย่องท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะในหน้าร้อน งามอรชรดีเริ่ด คลิ๊กดูบทความรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 2 นั่งไฟออนซอนไปอบทรายร้อนที่อิบูชูกิ คลิ๊กดูค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 2 ลัดเลาะเนินเขาชมวิวคาโกชิม่า นั่งรถไฟลั๊ลลาไปอบทรายร้อนอิบูซูกิ คลิ๊กดูบทความรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวทามะ แวะพักชมปราสาทสวย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวเหมียวทามะสุดน่ารัก แวะเดินพักชมปราสาทวาคายามะ คลิ๊กดูบทความรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
 10 ที่พักโอซาก้า ราคาถูกสุดๆ ใกล้สถานีรถไฟ JR คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวมที่พักโอซาก้าราคาถูกหลักร้อย ใกล้สถานีรถไฟ JR เดินไปได้ใกล้ๆ สะดวกสุดๆ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักค่ะ>> 
วิธีการวางแผนเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองมาฝาก คลิ๊กดูค่ะ>>
อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี มีวิธีการวางแผนเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองมาฝากค่ะ คลิ๊กอ่านบทความค่ะ>>

รีวิวเที่ยวพิษณุโลก นั่งชะโงกกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ไปลั๊นลาบ้านรักไทย งามวิไลเนินมะปราง สวยสะพร่างแก่งโสภา คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
ล่องเรือไทยในภาคกลาง งามสะพร่างดุจสายน้ำทิพย์ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
จัดมาให้ค่ะ ล่องเรือไทยสไตล์ภาคกลาง แวะไปใหนบ้างมาดูกันค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียค่ะ>>

10 อันดับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองไทย คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
ไปดูกันค่ะว่า 10 อันดับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองไทย ที่ไปกันมากที่สุด มีที่ใหนบ้างค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>
รวมอุทยานแห่งชาติยอดนิยมในเมืองไทย ต้องตามไปชมให้ชื่นใจ คลิ๊กดูค่ะ>>
จัดให้ค่ะ รวมอุทยานแห่งชาติยอดนิยมในเมืองไทย ต้องตามไปชมให้ชื่นใจ คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
รวมเขื่อนยอดนิยมในเมืองไทย ที่ต้องไปชมสักครั้ง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวม 9 เขื่อนยอดนิยมในเมืองไทย ที่ต้องไปชมสักครั้ง รับรองว่าสวยเป๊ะปัง คลิ๊กดูบทความค่ะ>>>
7 ที่เที่ยวช่วงหน้าฝนปีนี้ น่าจรลี หนีงานไปร้าวรานสุดๆค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
เข้าหน้าฝนปีนี้ แนะนำ 7 ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ คลิ๊กดูรายละเอียค่ะ>>

รีวิวเที่ยวสวนผึ้ง ราชบุรี นอนยวนยีชมแกะน้อย งามหยดย้อยอุทยานหินเขางู สวยจุ๊กกรูเมืองโอ่งมังกร  งามอรชรดีเริ่ดสะแมนแตน คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวนครพนม เม.ย.60 ขับมอเตอร์ไซต์ไปมูลนิธิคนชราที่ท่าอุเทน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวนครพนม นั่งเรือรับลมชมสองฝั่งโขง เชื่อมโยงไทยลาว สวยสกาวองค์พระธาตุ เด่นผงาดสูงเสียดฟ้า นั่งกินปลาร้าอร่อยเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>


บล็อกสุขสันต์วันสงกรานต์ประจำปี 2560 มาให้ทุกท่านได้อ่านกันค่ะ>>
ขอส่ง E-card สุขสันต์วันสงกรานต์ ประจำปี 2560 (2017) บทอวยพรสุขสันต์วันสงกรานต์จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน มาอวยพรให้ทุกๆท่านอ่านกันค่ะ คลิ๊กดูบทความบล๊อกค่ะ>> 
รีวิวเที่ยวระยอง มี.ค. 60 ท่องเกาะเสม็ด นั่งกินเห็ดอร่อยเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวระยอง งามผุดผ่องเขาแหลมหญ้า ไปเดินลั๊นลาที่เกาะเสม็ด นั่งกินเห็ดที่หาดแม่รำพึง อร่อยตะลึงตึงตึง ตราตรึงเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวเที่ยวระยองค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเพชรบุรี ก.พ.60 ไปฉิมพลีที่เขาวัง รำลึกความหลังหาดเจ้าสำราญ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองเพชรบุรี เดินฉิมพลีที่งานเขาวัง แวะรำลึกความหลังที่หาดเจ้าสำราญ งามอลังการถ้ำเขาหลวง นั่งกินมะม่วงอร่อยเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

รีวิวแอบเที่ยวเมืองโฮจิมินห์ครึ่งวัน นั่งสุขสันต์ริมแม่น้ำไซ่ง่อน คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
ลุยอาเซียน!! รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน ม.ค.2560 รีวิวเที่ยวเวียดนาม ไปสำราญนครโฮจิมินห์ครึ่งวัน นั่งสุขสันต์ริมแม่น้ำไซ่ง่อน กินบั๋นแบ๋วรสออนซอน คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
วมภาพงานเที่ยวเมืองไทยปี 2560 ณ สวนลุมพีนี เริ่ดสะแมนแตนอีหลีเด้อจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
ประมวลภาพงานเที่ยวเมืองไทยปี 2560 ณ สวนลุมพินี ไปเดินยวนยี เริ่ดสะแมนแตนอีหลีเด้อค๊า คลิ๊กดูบล็อกรวมภาพรีวิวงานค่ะ>>

รีวิวเที่ยวสุพรรณบุรี ปั่นจักรยานแสนสุขขีไปบึงฉวาก คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวสุพรรณบุรี ประจำเดือน ธ.ค.2559 แวะไหว้พระที่วัดป่าเลไลย์ ปั่นจักรยานบุกไปบึงฉวาก ชมหมู่มัจฉาสวยงามมาก เดินย้ำซื้อของฝากตลาดสามชุก คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น