บล็อกเที่ยวประจำเดือนพฤษภาคม รีวิวเที่ยวสวนผึ้ง-ราชบุรี ขับมอเตอร์ไซต์ไปยวนยีชมแกะน้อย งามหยดย้อยเมืองโอ่งมังกร อรชรดีเริ่ดเว่อร์ |
ก็กลับมาอีกครั้งตามคำขอนะค่ะ สำหรับรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนพฤษภาคมนี้นะค่ะ หลังจากที่เดี๊ยนห่างหายไปเป็นเดือนเลย กว่าจะมารีวิวอีกครั้ง สนิมก็เกาะเว็ปบล็อกเดี๊ยนหนาเกราะกรัง บังลังก์แทบพินาไปแล้ว เพราะมัวแต่ไปกุลีกุจอ อุทิศกายถวายตนทำงานให้กับองค์กรของบริษัท เพื่อที่ว่าจะได้มีสตุ้งสตังซื้ออาหารมากินประทังชีวิตและจับจ่ายใช้สอยไปวันๆค่ะ และหลังจากที่ได้ทำงานมาแล้วร่วมเดือน เดือนนี้เจ้านายผู้ใจดีนะค่ะ ยอมอนุมัติเซ็นใบลาให้เดี๊ยนได้วันลาพักร้อนตั้ง 2 วันเลยนะค่ะ (โฮ้เยอะมากค่ะ) ตอนแรกขอไป 5 วัน ไปๆมาได้แค่ 2 วัน (แอบเสียใจเล็กน้อย) ต่างจากทริปเดินไปเที่ยวเมื่อเดือนที่แล้วให้ลาตั้งหลายวันเลยค่ะ
แต่เอ้.. มีเวลาแค่ 2 วัน จะไปที่ใหนดี วันน้อยๆแบบนี้ เลยขอตัดสินใจ จรลีหนีงาน ไปร้านรานดวงฤทัย เลยขอไปนอนพักให้เย็นใจชมธรรมชาติที่สวยงาม เว่อร์วังอลังการสะท้านโลกกา จัดทริปแบกเป้ลุยเดียวอีกครั้งไปเที่ยวสวนผึ้ง และไปตะลึงตึงชะแว๊ป แวะเที่ยวในเมืองราชบุรีดีกว่าค่ะ ลองไปชมของดีเมืองนี้ดูสิว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดตาและตราตรึงใจที่ใหนบ้างให้ไปเย้ายวนชม
และอีกอย่างนะค่ะ ไม่อยากจะบ่นเม้ามอยเลบนะค่ะ สำหรับทริปการเดินทางไปเที่ยวสวนผึ้งนี้ก็แสนฉุกละหุกเอาเสียเหลือเกินเชียวล่ะค่ะ เพราะเดี๊ยนเองวางแผนก่อนเดินทางไปราชบุรีแค่ 2 วัน อยากจะสมหน้าตัวเองมากค่ะ วางแผนไปวันอาทิตย์ กะว่าจะได้พัก 3 วัน รวมวันจันทร์และวันอังคารด้วย ไปๆมาๆ เอ้าอีกแล้วค่ะ มีเรื่องให้กวนใจ ต้องไปทำธุรให้ที่บ้านอีกค่ะ สรุปคือได้ไปเที่ยวเมืองสวนผึ้งและเมืองราชบุรี 1 วันค๊า เป็นทริปชะโงกทัวร์มากเลยนะค่ะ
เอ้าล่ะค่ะ เดี๊ยนไม่ขอบนพร่ำทำเพลง บรรเลงคีย์บอดร์ดมากนักแล้วนะค่ะ เดี๊ยนขอมาขยับลีล่า ชะชะช่า พิมพ์บล็อกบทความตามสไตล์ความบ้าๆบอๆของคุณนายเว่อร์ ให้ทุกท่านได้อ่านจนเอ๋อเหรอ สมองเบลอไปด้วยกันนะค่ะ.....สำหรับบล็อกวันนี้เดี๊ยนเลยขอมาเขียนบล๊อกรีวิวท่องเที่ยวฆ่าเวลาให้ทุกๆท่านได้อ่านกันนะค่ะ เผื่อใครที่มีเวลาว่างช่่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ อยากจะจรลีหนีงาน ไปร้านรานดวงฤทัย ลองเก็บกระเป๋าแบกเป้ เฮโลออกไปเที่ยวลั๊นลาเมืองโอ่งมังกรกันดู เดี๊ยนรับรองค่ะว่า ท่านจะจ๊กกรู และยูฮู้ สุขใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนอย่างแน่นอนค๊า
ก่อนจะเข้าอาร้มภบทมาสรุปรีวิวทริปการเดินทางเสียก่อนค่ะ สรุปไว้แต่ต้นบล็อก เดี๊ยนทุกท่านสไลด์ไปไม่ถึงปลายทางด้านล่างบล็อก เพราะเกรงจะออกจากบล็อกเดี๊ยนไปเสียก่อน เกรงจะไม่กลับมาเว้าวอน ออนซอน อรชรบล็อกแนวกากๆของเดี๊ยนอีกค่ะ ใหนๆก็เข้ามาแล้ว อย่าพึ่งด่วนจี๋ ไปรษณีย์จ๋า ลั๊นลาคลิ๊กหนีไปนะค่ะ
สรุปโปรแกรมรีวิวการเดินทางไปเที่ยวสวนผึ้งและเมืองราชบุรี แบบชะโงกทัวร์ 1 วัน แบบสุขสันต์ลั๊ลลาจับใจ งามวิไลโชกไชไปด้วยเหงื่อท่วมตัว แสนระรัวจับใจ สุดไฉไลเริ่ดสะแมนแตนค๊า
วันแรก เดือน พ.ค. 2560 (วันเดินทาง)
- 14.00 น. นั่งรถตู้ออกจากขนส่งหมอชิต มุ่งหน้าสู่อำเภอจอมบึง
- 16.00 น.โดยประมาณ ก็เช่ามอเตอร์ไซต์จากอำเภอจอมบึง เช่ารถวันละ 400 บาทค่ะ ขับแว๊น แว๊น มุ่งหน้าสู่อำเภอสวนผึ้ง ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนเร้าดั่งไฟเผาทรวงค่ะ
- 17.00 น.ถึงอำเภอสวนผึ้งโดยสวัสดิภาพ แวะเดินตลาด หาซื้อของกินไปทานที่รีสอร์ทค่ะ
- 18.00 น. เข้าเช็คอินท์ที่พักที่ได้จองไว้แล้วก่อนเข้าพักแค่ 1 วัน พักค้างที่โรงแรมภูมิลดา รีสอร์ทค่ะ
วันที่สอง เดือน พ.ค.2560 (วันท่องเที่ยว วันเดียวเที่ยวสวนผึ้งราชบุรีได้จ้า)
- 8.00 น.ทานอาหารเช้าที่โรงแรม
- 9.00-10.00 น.เช็คเอาท์ออกจากที่พัก ขับมอเตอร์ไซต์แว๊นไปเที่ยวชมน้ำผุร้อนบ่อคลึง ร้อนตะลึงตึงตึงจริงค่ะ แวะไปน้ำตกเก้าโจน หรือน้ำตกเก้าชัน สวยงามดั่งอำพรรณ ดุจสวรรค์ชั้นฟ้ามาลาดินจริงๆค่ะ เสียดายน้ำน้อยมากๆค่ะ
- 10-11.20 น.เดินทางไปชมแกะที่ เซนเนอรี วินเทจ ฟาร์ม ให้อาหารน้องแกะ
- 11.30-11.50 น.ขับรถจะเข้าไปในอำเภอ แวะผ่านบ้านหอมเทียนผึ้ง เลยแวะชมสักหน่อยค่ะ
- 12.00 ทานอาหารเที่ยงที่ร้านครัวตะนาวศรี 2 เห็นร่ำลือกันว่าร้านอร่อยดีเลยขอไปลิ้งลองหน่อยค่ะ
- 12.00-13.00 ขับมอเตอร์ไซต์ออกจากสวนผึ้ง มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองราชบุรี ระยะทางกว่า 60 กิโลเมตร ท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผาดั่งไฟสุ่มทรวง ยิ่งกว่ากินมะม่วงอกร่องอีกเจ้าค่ะ
- 13.20 น.แวะไปชมอุทยานหินเขางู สวยงามจุ๊กกรูจริงค่ะ นั่งพักให้หายเมื่อย รับลมเย็น แต่แดดเปรี้ยงเว่อร์วังอลังการสะท้านโลกามากๆค่ะ
- 14.00 น.ขับมอเตอร์ไซต์ไปชมโรงงาน เถ้าฮงไถ่ ผู้ผลิตโองมังกรและเซรามิคเจ้าแรกๆของราชบุรี
- 15.00 น.เดินทางไปยังตัวเมือง จะแวะไปพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ แต่พลาดเพราะปิดทำการเนื่องจากปิดวันจันทร์และอังคารค่ะ
- 15.30 น.แวะไปกราบพระให้สุขใจ ที่วัดมหาธาตุ วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองราชบุรีอีกแห่งที่ต้องมาเยือนค่ะ
- 16.30 น.ขับมอเตอร์ไซต์ไต่เขาขึ้นไปเย้ายวนชมวิวทิวทัศน์อันแสนสวย รวยเสน่ห์ที่เขาแก่นจันทร์
- 17.00-18.00 น.เดินทางขับมอเตอร์ไซต์ไปอำเภอจอมบึงเพื่อไปคืนที่ร้านเช่ารถ
- 18.00 น.เดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพค่ะ
เดี๊ยนขอมารีวิวทริปเช่ามอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวสวนผึ้งและไปตะลอนเลาะเที่ยวในตัวเมืองราชบุรีตามภาพบรรยาย หากใครจะตามรอยเที่ยวแบบเดี๊บนไม่ว่ากันค่ะ let's go
เวลา 14.00 น.เดี๊ยนมาเริ่มทริปด้วยการ นั่งรถตู้จากหมอชิตไปลงที่อำเภอจอมบึงค่ะ สาเหตุที่ไปลงจอมบึงเนื่องจากว่า หาข้อมูลในเนตแล้วมีร้านเช่ามอเตอร์ไซต์อยู่ในอำเภอนี้แห่งเดียวในราชบุรี ส่วนที่อำเภอสวนผึ้งและอำเภอเมืองราชบุรีไม่มีข้อมูลร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ เดี๊ยนเลยตีตั๋วนั่งรถตู้จากหมอชิต ไปลงที่อำเภอนี้ ค่าตั๋วรถ 130 บาทขาดตัวค่ะ
สาเหตุที่ไปลงจอมบึงเนื่องจากว่า หาข้อมูลในเนตแล้วมีร้านเช่ามอเตอร์ไซต์อยู่ในอำเภอนี้แห่งเดียวในราชบุรี ส่วนที่อำเภอสวนผึ้งและอำเภอเมืองราชบุรีไม่มีข้อมูลร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ เดี๊ยนเลยตีตั๋วนั่งรถตู้จากหมอชิต ไปลงที่อำเภอนี้ ค่าตั๋วรถ 130 บาทขาดตัวค่ะ
นั่งรถมาได้ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าก็ถึงอำเภอจอมบึงแล้วค่ะ รถตู้จอดให้เดี๊ยนลงที่หน้า มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง จากนั้นเดี๊ยนก็กริ๊งกร่างโทรไปที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ ที่Myway resort อ.จอมบึง เบอร์โทร 086 - 1708824 ให้มารับที่หน้ามหาลัยค่ะ ซึ่งเดี๊ยนก็ได้ติดประสานงานไว้ก่อนหน้านี้แล้วค่ะ
ก่อนจะเข้าสู่รีวิวแนวกากๆนะค่ะเดี๊ยนก็มีสาระน่ารู้เกี่ยวกับประวัติขอจังหวัดราชบุรี มาให้อ่านกันกันค่ะ
ราชบุรี ดินแดนวัฒนธรรมลุ่มน้ำแม่กลองและสายหมอกแห่งขุนเขาตะนาวศรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางด้านตะวันตกที่มีภูมิประเทศหลากหลาย จากพื้นที่ที่ราบต่ำ ลุ่มแม่น้ำแม่กลองอันอุดม แหล่งเพาะปลูกพืชผักผลไม้เศรษฐกิจนานาชนิด สู่พื้นที่สูงทิวเทือกเขาตะนาวศรีทอดตัวยาวทางทิศตะวันตกจรดชายแดนไทย-พม่า
จากตำนานและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า ราชบุรีเป็นหัวเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากแห่งหนึ่งของแคว้นสุวรรณภูมิมาตั้งแต่สมัยที่พระเจ้าอโศกมหาราช แห่งอินเดียได้เผยแพร่พุทธศาสนาเข้ามาในดินแดนแถบนี้ เมื่อราวปี พ.ศ. 218 โดยแคว้นสุวรรณภูมินี้มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่นครปฐมหรือที่สมัยนั้นเรียกกันว่า "ทวารวดี” ราชบุรียังเป็นแหล่งพบปะของพ่อค้าวาณิชแต่ครั้งโบราณ ทั้งยังเป็นเมืองหน้าด่านที่ติดต่อกับพม่า ราชบุรีจึงเป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ที่สุดแห่งหนึ่ง
ห่างจากกรุงเทพมหานครเบื้องทิศตะวันตกราว 110 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของจังหวัดราชบุรี ดินแดนอันเป็นที่มาของโอ่งเคลือบลายมังกรและผ้าทอบ้านไร่หรือผ้าขาวม้าอันลือชื่อ สำหรับผู้ไม่ใช่ชาวบ้านพื้นถิ่นน้อย คนนักจะเข้าใจว่าอุตสาหกรรมเครื่องปั่นดินเผาและหัตถกรรมทอผ้าพื้นเมือง เป็นเป็นเพียงผลงานบางส่วนที่สะท้อนความหลากหลายของราชบุรีที่ฝากร่องรอยทางประวัติศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรม
ขอบพระคุณเนื้อหาดีจากสารานุกรมเสรี https://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดราชบุรี
โดยทริปนี้ เช่ารถมอเตอร์ไซต์ ที่Myway resort อ.จอมบึง เบอร์โทร 086-1708824 โทรไปให้เจ้าของร้านมาร้บที่หน้า ม.ราชภัฎ |
เดี๊ยนเช่ามอเตอร์ไซต์คันนี้ 2 วันค่ะ จริงๆวันเดียวกว่าๆนะค่ะ แต่ทางร้านก็ตีไป 2 วันเลยค่ะ เพราะทำโทษที่เดี๊ยนไม่ยอมมัดจำมาล่วงหน้า เพราะมอเตอร์ไซต์ที่ร้าน มีคนเช่าตลอดค่ะ เดี๊ยนเลยเช่า 2 วัน จ่ายไป 800 บาทค่ะ
มอเตอร์ไซต์ที่เดี๊ยนเลือกเช่าขับตะลุยขับทริปนี้ ขอเลือกเวฟค่ะ ถึงแม้จะดูเก่าและสับปะรังเคไปหน่อยนะค่ะ แต่ที่ร้านเช่าบอกว่าเครื่องแรงได้ใจจริงๆค่ะ ลองขับดูลองเบิ้นทีตะเลิดเปิดเปิงไปไกลเลยล่ะค่ะ
เดี๊ยนเช่ามอเตอร์ไซต์คันนี้ 2 วันค่ะ จริงๆวันเดียวกว่าๆนะค่ะ แต่ทางร้านก็ตีไป 2 วันเลยค่ะ เพราะทำโทษที่เดี๊ยนไม่ยอมมัดจำมาล่วงหน้า เพราะมอเตอร์ไซต์ที่ร้าน มีคนเช่าตลอดค่ะ เดี๊ยนเลยเช่า 2 วัน จ่ายไป 800 บาทค่ะ
ได้พาหนะเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซต์คันเก่า แต่เครื่องแรงเริ่ดสะแมนแตนชนะเลิศเว่อร์มากค่ะ ได้เพลาแว๊นๆไปสวนผึ้งแล้วค่ะ ระยะทางจากอำเภอจอมบึงไปสวนผึ้งประมาณ 30 กว่าๆกิโลได้ค่ะ
จากอำเภอจอมบึงไปสวนผึ้ง 34 กิโลเมตรค่ะ วันที่เดี๊ยนได้เดินทางไปเป็นวันอาทิตย์ค่ะ ช่วงบ่าย 4 โมงกว่าๆ แดดร้อนแรงมากๆค่ะ ใครที่จะขับมอเตอร์ไซต์สู้แสงและไอร้อนจากพระอาทิตย์ที่ทอแสงเรไรมาจากท้องฟากฟ้า ก็อย่าลืมใส่เสื้อคลุมทาครีมกันแดดมาด้วยนะค่ะ เพราะว่าร้อนมากๆ และก็อย่าลืมพกเสื้อกันฝนมาด้วยก็ดีค่ะ แต่วันที่ไปเที่ยว ฝนไปตกเลยสักแหม่ะค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับประวัติอำเภอสวนผึ้งค่ะ
อำเภอสวนผึ้ง อำเภอเล็กอีกแห่งในจังหวัดราชบุรี ถือเป็นอำเภอที่มีการเจริญเติบโตทางด้านการท่องเที่ยวสูงอีกแห่งในเมืองไทย แต่เดิมเป็นตำบลสวนผึ้งขึ้นอยู่กับอำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ได้อนุมัติให้ตั้งกิ่งอำเภอสวนผึ้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2517 และได้เปิดบริการประชาชนเมื่อวันที่ 15 พฤศิกายน พ.ศ. 2517
ที่มาของคำว่า "สวนผึ้ง" มาจากพื้นที่โดยทั่วไปของอำเภอซึ่งมีสภาพแวดล้อมประกอบด้วยธรรมชาติ ป่าไม้ เทือกเขา และมีต้นไม้ชนิดหนึ่ง เป็นต้นไม้ที่มีสีขาวนวล ไม่มีเปลือกกะเทาะหรือลอกให้เห็น ที่สำคัญคือจะมีผึ้งจำนวนมากมาอาศัยทำรังบนต้นไม้ชนิดนี้เท่านั้น ชาวบ้านจึงเรียกต้นไม้ต้นนั้นว่า "ต้นผึ้ง" และได้กลายเป็นชื่ออำเภอในปัจจุบัน
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในสวนผึ้งได้แก่
-โป่งยุบ
-ธารน้ำร้อนบ่อคลึง
-อุทยานธรรมชาติวิทยา
-น้ำตกเก้าโจนหรือน้ำตกเก้าชั้น
-น้ำตกบ้านบ่อหวีแก่งส้มแมว (สวนป่าสิริกิติ์)
-พิพิธภัณฑ์ภโวทัยหรือสวนภูมิปัญญาชาวบ้าน
-น้ำพุร้อนโป่งกระทิง
-สำนักสงฆ์หินสูง
ขอขอบพระคุณเนื้อหาดีๆจาก สารานุกรมเสรี วิกิพีเดียค่ะ
ขับรถมอเตอร์ไซต์มาเรื่อยๆไม่นานก็ถึงตัวอำเภอสวนผึ้งแล้วค่ะ ก่อนจะแวะเข้าที่พัก ขอมาหาซื้ออะไรทานที่ตลาดสวนผึ้งดีกว่าค่ะ เพราะโรงแรมที่เดี๊ยนจองไว้ก็ไม่มีร้านอาหารแถวนั้นด้วยค่ะ เลยขอแวะมาซื้อกับข้าวเย็นไปดินเนอร์ทานกินบรรยากาศดีกว่าค่ะ ที่ตลาดแห่งนี้ก็คึกคั๊ก ตึ๊กๆ ตักๆไปด้วยผู้คนมากมาย เป็นช่วงตกเย็นพอดีค่ะ ของขายมากมายทั้งของสด ของแห้ง ฟักแฟง แตงไทย ก็ไฉไลน่ารับประทาน
เอ๊ะ..เดินแวะมาเห็นขนมครกนี้น่าทานจังค่ะ เพราะอดมื้อกินมื้อไม่ได้ทานเสียนาน ใหนๆเดินผ่านมาแล้วก็ขอมาผลาญสตุ้งสตังอันรุงรังออกมาใช้สักหน่อยค่ะ จะได้อ้อยสร้อยช่วยคนขายให้มีรายได้ไปจุนเจือครอบครัวค่ะ
แวะเดินตลาดที่สวนผึ้งจนเพลินค่ะ ได้เพลาเดินทางไปยังที่พักแล้วค่ะ เพราะอาทิตย์เริ่มจะอัสดงลงแลดับลงสู่ขอบฟ้า ได้เพลาจนต้องเข้าไปนอนในรังค่ะ.....แต่เดี๊ยนก็ไม่คุ้นเคยกับเส้นทางนะค่ะ เดี๊ยนเลยต้องใช้ตัวช่วยอย่าง GPS ในโทรศัพท์มืออันทันสะหมอก ทันสมัยช่วยนำทางค่ะ น่าจะพอนำทางได้บ้าง ถ้าโรงแรมปักหมุดไม่ผิดนะค่ะ โดยโรงแรมที่เดี๊ยนพักในสวนผึ้งคือ โรงแรมภูมลิดาค่ะ ระยะทางจากตัวอำเภอมายังที่พักประมาณอีก 10 กิโลเมตรค่ะ
เดี๊ยนขับมอเตอร์ไซต์เปิด GPS นำทางมาเรื่อยก็ถึงแล้วค่ะ ภูมลิดา ห่างจากตัวอำเภอสวนผึ้ง 10 กิโลเมตรค่ะ ที่พักก็อยู่ติดถนนเลยค่ะ หาง่าย สะดวกดีค่ะ ตอนแรกเดี๊ยนก็นึกว่าจะอยู่ในหลืบในซอยต้องขับมอเตอร์ไซต์บุกป่าฝ่าดงพงไพรไปเสียอีกนะค่ะ ติดถนนแบบนี้ก็หาง่ายดีค่ะ โรงแรมที่พักค้างคืนนี้ ลองมานอนค้างดูสิว่าห้องดีและวิวสวยแค่ใหนค่ะ
จากที่ได้ไปพักมาที่พักนี้มาแล้ว เดี๊ยนเลยขอมารีวิวภาพให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆได้ดูกันค่ะ
ที่พักคืนนี้เดี๊ยนพึ่งจองก่อนเข้าพักแค่ 1 วันเองค่ะ จองผ่านอโกด้าตัดบัตรเครดิตเรียบร้อย ราคาที่พักคืนละ 1100 บาทรวมอาหารเช้าค่ะ เป็นที่พักแบบบ้านเป็นหลังๆเล็กๆ ตั้งอยู่บนเนินเขา ต้องเดินขึ้นไปใช้แรงขาพอสมควรค่ะ ถือว่าออกกำลังกายนะค่ะ
เดินขึ้นไปห้องพักกันค่ะ ที่พักดูเก่าแล้วค่ะ แต่บรรยากาศดีโดยรอบก็ร่มรืนย์ชื่นกายยาดีมากค่ะ
เดินขึ้นมาก็เห็นวิวภูเขาเหลาดอยสีเขียว ดูแล้วสดชื่นดีมากค่ะ แต่เสียดายวันที่เดี๊ยนไป อากาศอบอ้าวไปหน่อย แต่ก็ยังมี มีลมพัด ลมเพ โอ้ล่ะเห่เลชา ช่วยให้เย็นชื่นขึ้นมาบ้างค่ะ
ที่พักแบบบังกะโล บรรยากาศดีค่ะ
มาดูห้องพักสิค่ะ เข้ามาโอ้ ห้องพักถือว่าดีเลยค่ะ ที่ตกแต่งน่ารักดี ดูจะเปลือยปูนทั้งหมดก็ไม่ใช่ จะมีสีสันชะวี๊ดชะว้าบให้เห็นบ้าง
เป็นห้องพักแบบบังกะโล กระจกบานเลื่อนสีใสสด ในห้องพักจองไว้เป็นเตียงใหญ่ 1 เตียง ภายในห้องกว้างขวางดีค่ะ ไม่แคบหรือเล็กเกินไป กำลังพอดี ด้านนอกเป็นระเบียง นั่งพักผ่อน มองเห็นวิวภูเขาเหลาดอยสีเขียว งดงามรื่นรมย์อุรา ลั๊ลลาจับใจดีค่ะ
ในห้องพักก็มีแอร์ มีทีวีตู้เย็น มีรองเท้าสลิปเปอร์
มีกะติกน้ำร้อน ชากาแฟ น้ำดื่มให้ฟรีค่ะ
มาดูห้องน้ำสิค่ะ สะอาดดีค่ะ ชักโกรก มีเครื่องทำน้ำอุ่ม และเครื่องระบายอากาศ
เดี๊ยนสังเกตุที่พักที่นี้ให้ถังขยะเยอะมากมีทุกจุด เอาใจพี่ไทยจริงๆค่ะ ข้างนอกก็มี ข้างในห้องพักมี 2 ห้องน้ำอีก 1 รวม 4 อัน เริ่ดมากค่ะ
มีน้องตุ๊กตาถูกตบแต่งวางในห้องน้ำ
ด้านนอกห้องพัก
บรรยากาศยามเย็น พระอาทิตย์ก็อัสดงลงลับสู่ขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดมนก็เข้ามาแทนที่ค่ะ
บรรยากาศยามเย็นกับอากาศอันแสนอบอ้าว แต่ก็ยังมีลมพัดมาช่วยสกาวใจและกายให้เย็นฉ่ำชื่นรื่นรมย์ฤทัยค่ะ
เวลาพลบค่ำที่นี้ บรรยากาศเงียบสงบมากๆค่ะ วันที่เดี๊ยนเข้าไปพัก รู้สึกว่าจะมีแขกมาพักอยู่แค่ไม่กี่ห้องค่ะ เนื่องจากเป็นคืนวันอาทิตย์
เดินลงมาเดินเล่น ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยค่ะ ชัดบ้าง เบลอบ้างค่ะ
เดินลงมาเห็น มีทั้งพักแบบังกะโลหลังคามุงใบจากก็มีนะค่ะ เป็นห้องพัดลม ราคาน่าจะถูกกว่าบังกะโลด้านบนแน่ๆค่ะ เพราะดูสภาพแล้วเป็นที่พักเอาใจ Backpacker จริงๆค่ะ
มีสวนหญ้า สวนย่อม บรรยากาศดีร่มรืนย์ดีค่ะ
เดินเล่นไม่นานได้เพลาดินเนอร์ อาหารเย็นหรูแล้วค่ะ ขนมครกที่เรียงอย่างสวยงาม เปลี่ยนสภาพเป็นขนมก้อนไปเสียแล้วค่ะ สงสัยจะทนแรงกระแทกตะกร้ารถไม่ไหวกระมังค่ะ ถ้าไม่รู้ดูดูไปอาหารชุดนี้ ปักธูปไหว้เจ้าต่อได้เลยนะค่ะ มีข้าวเหนียวปิ้งกับขนมครก.....มื้อเย็นนี้ที่สวนผึ้ง อาหารเพิ่มความอ้วนจริงๆค่ะ ดูเหมือนจะสุขภาพนะค่ะ แต่ไม่ค่ะ มีขนมผสมคารโบไฮเตรตช่วยเพิ่มชั้นไขมันล้านเปอร์เซนค่ะ เดี๊ยนชอบทานมากๆค่ะ ขนมไทยๆอร่อยไฉไลเริ่ดเว่อร์ รับประทานคู่กับ แอพพิไทเซอร์แบบสลัดผัก มีนม น้ำผลไม้ พร่างพรายด้วนน้ำแร่จากเครื่องกรองน้ำ
มื้อเย็นนี้ที่สวนผึ้ง อาหารเพิ่มความอ้วนจริงๆค่ะ ดูเหมือนจะสุขภาพนะค่ะ แต่ไม่ค่ะ มีขนมผสมคารโบไฮเตรตช่วยเพิ่มชั้นไขมันล้านเปอร์เซนค่ะ เดี๊ยนชอบทานมากๆค่ะ ขนมไทยๆอร่อยไฉไลเริ่ดเว่อร์ รับประทานคู่กับ แอพพิไทเซอร์แบบสลัดผัก มีนม น้ำผลไม้ พร่างพรายด้วนน้ำแร่จากเครื่องกรองน้ำ และบรรยากาศความมืด พร้อมลมพัดเย็นๆ นั่งทานข้างนอกแมลงและยุงเยอะมากๆค่ะ
หลังจากทานอาหารเย็นสุดหรูเรียบร้อยแล้ว ก็มาออกกำลังกายอีกครั้งค่ะ เดินขึ้นลงบันใดอย่างช้า ให้อาหารย่อยค่ะ
หลังจากทานอาหารอิ่มแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็เข้าพักผ่อน นอนหลับปุ๋ยฝันดีผสมฝันร้ายตลอดคืนค่ะ หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมากตั้งแต่กรุงเทพถึงจอมบึง และเช่ามอเตอร์ไซต์จากจอมบึงขับมาที่สวนผึ้งอีกค่ะ..จบทริปวันแรกค่ะ
-----------------------------------------------------------------------------
เช้าวันที่สองค่ะ เดี๊ยนตื่นแต่เช้าตรู่ค่ะ เดินมาออกกำลังกาย สลายไขมันให้แตกกระจาย โดยเดินขึ้นไปบนเนินชมวิวของที่พักค่ะ
ดอกกัลปพฤกษ์ สีชมพูใสสดบริสุทธิ์ ผุดผ่องเป็นยองใย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนจริงๆค่ะ |
เดินมาพบดอกกัลปพฤกษ์ สีชมพูใสสดบริสุทธิ์ ผุดผ่องเป็นยองใย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนจริงๆค่ะ ดอกสีชมพูเข้มแกมอ่อน เป็นดอกไม้ที่ต้อนรับช่วงฤดูฝนได้อย่างดีเยี่ยม
ดอกกัลปพฤกษ์ ดอกไม้สีชมพูชูช่อบานสะพรั่ง รับบัลลังค์ช่วงหน้าฝน เร้าอารมณ์สมฤดี สีสมร อรชรอ๊อนแอ๊นเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักเชียวค่ะ
เดี๊ยนเดินดอมดม ชมดอกไม้ไปเรื่อยค่ะ ถือว่ามาเดินออกกำลังกาย สลายใขมันตอนเช้า หลังจากที่เมื่อคืน ทานขนมครกกับข้าวเหนียวไปซ่ะเยอะเชียวค่ะ
เดี๊ยนเดินดอมดม ชมดอกไม้ไปเรื่อยค่ะ ถือว่ามาเดินออกกำลังกาย สลายใขมันตอนเช้า หลังจากที่เมื่อคืน ทานขนมครกกับข้าวเหนียวไปซ่ะเยอะเชียวค่ะ
บรรยากาศดียามเช้าที่รีสอร์ทแห่งนี้ อากาศดีค่ะ มีลมพัดเย็น ฟ้าสดใสเชียวค่ะ
เวลา 8 โมงเช้าก็ได้เวลาไปรับประทานอาหารเช้าแล้วค่ะ
ตุ๊กตาน้องหมานั่งรอรับแขก
ร้านอาหารของรีสอร์ท ดูเงียบเหงาจังค่ะ
ภายในร้านอาหารก็มีขนมปังปิ้ง ชา กาแฟ โก้โก้ให้ค่ะ
อาหารเช้าที่รีสอร์ทเป็นไข่กระทะค่ะ กับข้าวต้มค่ะ เสริฟมาพร้อมกันเลยนะค่ะ
ไข่กระทะอร่อยดีค่ะ ส่วนข้าวต้มพอใช้ได้ค่ะ เสียดายที่รีสอร์ทไม่มีผลหมากรากไม้ให้ทาน ล้างปากแก้เลี๊ยนหลังทานอาหารอิ่มค่ะ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเช็คเอาท์ออกจากที่พักแล้วค่ะ
เวลาช่วงสายๆประมาณ 9 โมงครึ่ง เตรียมแบกเป้ขับมอเตอร์ไซต์เที่ยวชิวๆที่สวนผึ้งค่ะ จะแวะใหนก็ไปตามใจฉัน สบายๆ เรื่อยเปื่อยค่ะ
เดี๊ยนขับรถมอเตอร์ไซต์ออกจากที่พักมาเห็นท้องฟ้าแจ่มใสขนาดนี้ แดดก็เปรี้ยงปรางมากด้วย ขอภาวนาว่าฝนฟ้าอย่าพึ่งตกนะค่ะ
โดยทริปเช้าวันนี้เดี๊ยนมุ่งหน้าออกจากที่พักไปยังสถานที่แรก หากมาเที่ยวสวนผึ้งคงไม่พลาดแวะไปธารน้ำร้อนบ่อคลึงและน้ำตกเก้าโจน ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวก็อยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนักค่ะ
ขับมอเตอร์ไซต์ออกจากที่พักแวะมาสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกค่ะ ธารน้ำร้อนบ่อคลึง เดี๊ยนขับรถตามถนนใหญ่มาก็มีป้ายบอกตลอดทางค่ะ ไม่หลงทางแน่นอนค่ะ
เสียค่าเข้าชม 5 บาทค่ะ ถูกมากเลยนะค่ะ
สภาพบรรยากาศโดยรอบก็รื่นรื่นย์ ชื่นฤทัยไปด้วยต้นไม้สีเขียวชะอุ่มชุ่มชื่นดีค่ะ แต่แดดช่วงประมาณ 9 โมง แดดแรงมากๆ ทำเหงื่อออกโซกเลยค่ะ
สำหรับธารน้ำร้อนบ่อคลึงนี้ก็เป็นของอกชน เห็นป้ายติดไว้เป็นกรรมสิทธิ์ของตระกูลโมนยะกุลค่ะ ค้นพบเมื่อปี 2468 ค่ะ โฮ้ ค้นพบมากกว่า 100 ปีแล้วนะค่ะเนี่ยะ โดยบ่อน้ำร้อนที่นี้มีน้ำไหลตลอดปีค่ะไม่เคยแห่งเลยนะค่ะ เป็นธารน้ำร้อนที่หากใครมาเที่ยวสวนผึ้งก็ไม่พลาดต้องมาแวะแช่น้ำร้อน เพื่อผ่อนคลายค่ะ ตอนแรกเดี๊ยนกะว่าจะไปแช่น้ำร้อนกับเค้าสักหน่อย แต่เห็นสภาพอากาศและแดดเปรี้ยงแล้ว เหงื่อตกเลยค่ะ ขอบายนะค่ะ
เข้ามาก็จะเป็บบ่อแช่น้ำร้อนค่ะ หากใครต้องการลงไปแช่ก็เสียค่าบริการเพิ่มอีกนิดหน่อยค่ะ
ทางเจ้าหน้าที่ขายตั๋วบอกว่า มีต้นกำเนิดของธารน้ำร้อนด้วยนะค่ะ เดินขึ้นไปอีกประมาณ 150 เมตรค่ะ ระหว่างเดินทางก็รู้สึกหวิวหน่อย เพราะเงียบมากๆ มีลมพัดทำให้มีเสียงของต้นไผ่ดังเสียดสีกันก็ดังเอื้อดแอ๊ด และจั๊กจั๋นก็ร้องเรไรสู้ศึกกับเสียงต้นไผ่ เป็นเสียงที่เพราะตราตรึงตะลึงตึงตึง บอกไม่ถูกค่ะ
ถึงแล้วค่ะ ต้นธารน้ำร้อนอยู่ตรงนี้เอง
เดี๊ยนเอามือแตะๆน้ำดู น้ำร้อนจริงๆแต่ไม่ร้อนเท่าไหร่ น้ำอุ่นๆค่ะ มีตะไคร้น้ำมาเจริญเติบโต ดูไม่ค่อยจะอยากลงไปเล่นเลยค่ะ
หลังจากได้ไปสัมผัสความร้อนของธารน้ำร้อนบ่อคลึงแล้ว ไม่ไกลจากธารน้ำร้อน เดี๊ยนขับมอเตอร์ไซต์ตรงขึ้นมาอีก 2 กิโลก็ถึงน้ำตกเก้าชั้น หรือน้ำตกเก้าโจน แหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งที่มีน้ำเย็นๆให้ได้สัมผัสของสายน้ำเย็นค่ะ
น้ำตกเก้าโจน เป็นน้ำตกที่ไหลจากเทือกเขาตะนาวศรี น้ำตกมีทั้งหมด 9 ชั้น มีทางเดินขึ้นไปชมตามแต่ละชั้นค่ะ
เสียค่าเข้าชมน้ำตก 10 บาทค่ะ กับบรรยากาศน้ำตกที่แสนจะเงียบสงบ สยบความครืนเครง ที่แต่เสียงบรรเลงของจั๊กจั๋นร้องเรไรค่ะ เพราะเป็นวันธรรมดา นักท่องเที่ยวน้อยมากค่ะ
บรรยากาศรอบน้ำตก ดูร่มรืนย์ดีค่ะ เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวสูงใหญ่ มีไผ่ตงล้อมวงษ์ เสียงดังเอื้อดแอ๊ดเชียวค่ะ ส่วนนักท่องเที่ยวในวันธรรมดาแบบนี้ เงียบสงบดีมากค่ะ
เดินจากที่ขายตั๋วมานิดเดียว ก็ถึงชั้นที่ 1 ค่ะ วัน มีป้ายบอกด้วยนะค่ะ นับไปอีก 93 ก้าวจะถึงชั้นที่ 2
เดินมามาเห็นน้ำตกแล้วชื่นใจค่ะ ยังพอมีน้ำตกให้ถ่ายรูปบ้างค่ะ วันที่เดี๊ยนไปเที่ยว เป็นช่วงต้นฤดูฝน น้ำยังไม่เยอะมากค่ะ น้ำเลยยังไหลไม่แรง ไม่ค่อยน่าเล่นเท่าไหร่ค่ะ
นั่งชมน้ำตกชั้นแรกไม่นาน เดินมาอีกนิดเดียวก็ถึงชั้นที่ 2 แล้วค่ะ ดูเหมือนฝายกันน้ำเลยนะค่ะ น้ำตกเล็กกะมุ้งกะมิ้งมากค่ะ
ขอหยุดพักที่ชั้นh 2 นะค่ะ เพราะชั้นที่ 3-4 ต้องเดินขึ้นเขาไปอีก 1500 เมตรค่ะ และอีกอย่างวันที่ไป น้ำน้อยมากๆค่ะ อาจจะเป็นเพราะเป็นช่วงต้นฤดูฝน ฝนไม่ค่อยตกเท่าไหร่ น้ำก็เลยไม่ค่อยมีค่ะ
หลังจากที่เดี๊ยนได้ชมความงามของธรรมชาติที่สรรสร้างขึ้นมาแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวต่อไปก็คงเป็นสถานทีท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นบ้างค่ะ แหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งที่หากใครมาสวนผึ้ง คงไม่พลาดต้องแวะมาถ่ายรูปชมน้องแกะตัวเล็ก ตัวน้อย ถือเป็นกิมมิคของอำเภอสวนผึ้งไปแล้วค่ะ
มาจอดพักแวะเดินชมน้องแกะตัวๆน้อยค่ะ ที่เซนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์มค่ะ ฟาร์มแกะสไตล์ยุโรป ที่มีมุมถ่ายรูปมุ้งมิ้งให้ไปเดิชมถ่ายรูปกันค่ะ และมีกิจกรรมให้เล่น
ซีนเนอรี่วินเทจฟาร์ม (scenery vintage farm) ฟาร์มแกะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ต้องแวะมาถ่ายรูปกันค่ะ เดี๊ยนเองก็พึงเคยมาเนี่ยะแหลค่ะ ใหนๆแวะมาแล้ว ต้องมาแคล้วมาชื่นชมสักครั้งค่ะ
เสียค่าบัตรเข้าชม 50 บาท ในบัตรมีตั๋วเอาไปแลกหญ้าให้อาหารแกะได้ด้วยค่ะ มีคูปองแลกซื้อไอติมด้วยนะค่ะ ซื้อสองแถมน้ำฟรี 1 ขวดค่ะ
เดินเข้ามาเป็นทางเดิน มีมุมถ่ายรูป โน้นนี้นั้น ไม่ว่าจะเป็นกระทง กระทางต้นมง ต้นไม้ก็ตกแต่งสวยงาม มุ้งมิ้ง น่ารักเชียวค่ะ
เป็นฟาร์มที่ร่มรืนย์ มีกิจกรรมให้เล่น ให้เดินชมกันสวยงามเชียวค่ะ
ศาลพระภูมิ กิ๊บเก๋มากค่ะ
มีมุมถ่ายรูปสวยๆหลายมุมเลยค่ะ ถ่ายมุมใหนก็ไร้นักท่องเที่ยวค่ะ เพราะว่าเดี๊ยนมาเที่ยววันธรรมดา สบายเว่อร์ค่ะ
น้องหมาตัวใหญ่ยักษ์ น่ารักเชียวค่ะ ตระหง่านอยู่ในฟาร์มแกะ
น้องหมาตัวใหญ่ยักษ์ น่ารักเชียวค่ะ ตระหง่านอยู่ในฟาร์มแกะ
ได้คูปองป้อนอาหารแกะฟรี ต้องเอาไปแลกค่ะ
ไปให้อาหารแกะกันค่ะ พอดีน้องผู้หญิงที่รับคูปองให้อาหาร ก็มาช่วยเป็นนางแบบป้อนต้นหญ้าให้แกะค่ะ ส่วนเดี๊ยนขอถ่ายรูปแกะน้อยไปแล้วกันค่ะ
น้องผู้หญิงให้หญ้าแกะ แต่งกายเป็นชุดฟาร์มของพนักงานในฟาร์มดูเข้ากันดีเหลือเกินกับฝูงแกะที่กำลัง ยือแย้งทานต้นหญ้า ที่มีอยู่ไม่กี่ต้น
แป๊บเดียวเองนะค่ะ ต้นหญ้าก็หมดภายในพริบตา ไม่รู้น้องแกะจะอิ่มหรือเปล่า เห็นกินกันไม่ทั่วถึงเลย ต้นหญ้าน่าจะให้เยอะกว่านี้หน่อยนะค่ะ
แป๊บเดียวเองนะค่ะ ต้นหญ้าก็หมดภายในพริบตา ไม่รู้น้องแกะจะอิ่มหรือเปล่า เห็นกินกันไม่ทั่วถึงเลย ต้นหญ้าน่าจะให้เยอะกว่านี้หน่อยนะค่ะ
ภายในฟาร์มก็มีแกะตัวเล็กตัวใหญ่ค่ะ ดูตัวนี้สิ มองไปก็เหมือนแพะนะค่ะ ถ้าโกนขนแกะออกก็เหมือนแพะเลยนะค่ะ
แกะสีขาวตัวนี้ เดินวนไป วนมานะค่ะ สงสัยจะไม่พอใจที่ไม่ได้กินต้นหญ้ากระมังค่ะ
แกะกำลังกินหญ้า แกะบางตัวก็ขนฟู้ฟูหนาเกรอะกรังเชียวค่ะ น้องแกะไม่ร้อนบ้างหรือไร เห็นอากาศในเมืองไทยก็ร้อนแรงจับใจเสียเหลือเกินค่ะ
ให้หาอาหารน้องแกะแล้ว ภายในก็มีกิจกรรม มีร้านขายไอศกรีม ร้ายเสื้อผ้า ของที่ระลึกและมุมถ่ายรูปสวยๆมากมายค่ะ
อ่างล้างมือก็ออกแบบสวยงาม
มีดอกไม้งาม รับอากาศร้อนๆในเมืองไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนค่ะ
มีมุมนั่งเล่นสวยๆนะค่ะ
มุมนี้มีมุมผู้หญิงเที่ยวไทย แพ็คเกจนี้ มีไว้เพื่อเธอ ไม่รู้แพ็คเกจอะไร เดี๊ยนก็ไม่ได้ถามค่ะ
จักรยานใครไม่รู้ ไปอยู่บนต้นไม้ค่ะ เป็นจักรยานผักเสียด้วยสิค่ะ
เป็ดตัวน้อยมานั่งอาบแดดอยู่ตรงนี้ค่ะ
ร้านของแกรนป๊า เวิคช๊อปกันค่ะ น่ารักเชียวค่ะ
มีรถลากให้นั่งด้วยนะค่ะ
ร้านน้ำชา กาแฟ ร้านขายของที่ระลึก อาคารสถาปัตยกรรม ตกแต่งสวยงามดีค่ะ แนวน่ารัก กิ๊บๆเก๋ๆ
เดินชม เดินชิวๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยค่ะ ในวันธรรมดา น่าเที่ยวดีค่ะ เงียบสงบ สยบความครืนเครงดีจริงๆค่ะ
มีกิจกรรมให้เล่น อาทิยิงเป้า เอาตุ๊กตาตัวเล็กตัวใหญ่ มีมุมให้ถ่ายรูปมากมายเลยค่ะ
เดี๊ยนใช้เวลาเดินชิว เดินชม เดินเล่นในซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์มนี้ อยู่ประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงกระมัง แหงนดูนาฬิกาในข้อมือก็จะถึงแล้วค่ะ ได้เพลาจรลี หนีออกจากที่นี้ไปสู่ที่ใหม่แล้วค่ะ
และสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่ง swiss vallay farm ก็เลี้ยงแกะน้อย ที่อยู่ในรุ่นบุกเบิกสวนผึ้งเหมือนกันค่ะ
ก่อนจะไปที่อื่นต่อ ขับมอเตอร์ไซต์ผ่านมา เห็นเพิงร้านขายสับปะรดริมทาง ต้องแวะซื้อลิ้มลองสักหน่อยค่ะ เพราะสัปปะรดที่นี้ก็หวานฉ่ำมากค่ะ
หลังจากที่ได้เดินชมความน่ารักของแกะน้อยที่ซีนนารี วินเทจ ฟาร์มแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอีกแห่งถัดมาหากได้มาดูแกะ ก็ต้องแวะมาเดินชม เดินช๊อป ถ่ายรูปวิ้งๆกันก็คือ บ้านหอมเทียนค่ะ บ้านที่รวบรวมเอาเทียนมาสร้างสรรค์ มีกลิ่นหอม และภายในบ้านก็ดีไซน์สไตล์แนวย้อนยุค กิ๊บเก๋ๆ ภายในบ้านก็มีเทียนหอมฟุ้งกระจายเชียวค่ะ มีทั้งกิจกรรมทำเทียน มีร้านค้า ขายเสื้อผ้าแฟชั่นเก๋ๆ ร้านค๊อฟฟี่ช๊อป นั่งเล่นชมวิวสวยๆ และร้านขายของที่ระลึกมากมายค่ะ
มาถึงบ้านหอมเทียน พนักงานขายตั๋วบอกว่า เดี๊ยนเป็นคนแรกของวันนี้เลยค่ะ นี้มันจะเที่ยงแล้วนะค่ะ เสียค่าเข้าชม 60 บาทค่ะ บัตรสีส้มเอาไปแลกเทียนได้ 1 อันค่ะ
เดินเข้ามาก็เห็นเทียนประดับระยิบระย้าอยูทั่วเพดานเลยค่ะ ภายในบ้านก็ตกแต่งด้วยของเก่า กิ๊บเก๋ ดูเท่ห์ไม่เบามากมาย ให้ได้เดินพร่างพรายชมกันลายตาเชียวค่ะ
เดินเข้ามาชม ก็จะเป็นการตกแต่ง บรรยากาศดีที่ดูแนวย้อนยุคเก๋ๆ ออกแนวชิคๆ จิ๊กโก๋หน่อยๆค่ะ
บรรยากาศเงียบเหงามากค่ะ ถ้าเป็นวันเสาร์ อาทิตยต์ หรือวันหยุด ผู้คนก็น่าจะคึกๆคักๆตึ๊กๆตั๊กๆกว่านี้มากค่ะ
บัตรสีส้มที่ซื้อตั๋วเข้ามาชมก็เอามาแลกเทียนได้ค่ะ
บัตรสีส้มแลกเทียน เลือกเอาเทียนสีม่วง โชติช่วงชัชวาลย์ ร้าวรานถึงทรวงใน งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนเชียวค่ะ
แก้วเซรามิคสวนผึ้งของฝากที่เคยได้จากน้องที่ทำงานเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้ยังเก็บไว้ในกล่อง ยังไม่เอามาใช้เลยค่ะ
ภายในก็เป็นการจัดแสดงผลิตภัณฑ์จากเทียนหอมแบบต่างๆ
มีมุมร้านค๊อฟฟี่ช๊อปให้นั่งชมวิวสวยๆด้วยค่ะ
ถ่านดูดกลิ่นอับชื่นก็เอามาปั้นเป็นแกะตัวน้อยๆน่ารักเชียวค่ะ
ค่ะและหลังจากได้เดินชมความเก๋ไก๋ของบ้านหอมเทียนไปแล้ว ได้เวลามาทานอาหารเที่ยงแล้วค่ะ ร้านอาหารอร่อยมื้อนี้ เดี๊ยนก็หาข้อมูลมาจากในเนตค่ะ ชื่อร้านครัวตะนาวศรี 2 เห็นเป็นร้านที่มีชื่อเสียงและร่ำลือเรื่องรสชาติว่าอร่อยแซ่บเว่อร์กันนัก เลยมาลิ้มลองสักหน่อยค่ะ
ภายในร้านกว้างขวาง มีลูกค้านั่งทานกันเยอะเลยค่ะ ขนาดวันธรรมดานะค่ะ แสดงว่าต้องอร่อยจริง เดียวต้องลองค่ะ
อาหารมื้อเที่ยงนี้ ไม่รู้ทานอะไรดี เลยสั่งอาหารจานเดียวมาทานคู่กับ ทอดมันปลากรายใส่ผักกรูด จัดใส่พานมาอย่างอลังการสมกับราคาเลยค่ะ
น่าทานดีค่ะ มีน้ำอาจาดมาให้ด้วย จัดใส่ชามตกแต่งมาอย่างสวยงามอลังการน่าทานเชียวค่ะ
ลองทานดูแล้วรสชาติอร่อยดีค่ะ ชิ้นทอดมันใหญ่ดีค่ะ รสชาติเค้มหน่อยๆ อร่อยใช่ได้ ให้ผ่านค่ะ
ทานอาหารคาวอิ่ม ต้องลิ้มลองล้างปากแก้เลี๊ยนด้วยสัปปะรด รสชาติหวานฉ่ำจริงๆค่ะ เสียดายซื้อมาน้อยนะค่ะ เพราะราคาถูกมากๆค่ะ
และหลังจากได้ท่องเที่ยวสวนผึ้งในช่วงเช้าไปแล้ว ช่วงบ่าย เดี๊ยนก็แว๊นรถมอเตอร์ไซต์ออกจากอำเภอสวนผึั้งมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองราชบุรีค่ะ ระยะทาง 60 กว่ากิโล ท่ามกลางแสงแดดและไอความร้อนแรงจับใจจริงๆค่ะ
สถานที่ท่องเที่ยวต่อมาที่แวะก็คือ อุทยานหินเขางูค่ะ อุทยานหินซึ่งสมัยแต่ก่อนเคยเป็นเหมืองแร่ แต่ปัจจุบันกลายเป็นจุดท่องเที่ยว และจุดถ่ายรูปชมวิวอันสวยงาม ที่ดึงดูดตาและตราตรึงใจนักท่องเที่ยวทั่วทั้งโลกา ต้องลั๊นลามาเชยชม ให้สุขสมดั่งอุราค่ะ
ช่วงเวลาที่เดี๊ยนมาถึงนี้ อากาศร้อนมากๆค่ะ แดดเปรี้ยงเชียวค่ะ
ตอนแรกกะจะเดินไปตามทางเดิน เพื่อดูภูเขาเพลิน แต่ก็หลบและพ่ายแพ้กับแสงอุตราไวโอเลยที่แผดเผากระจายรังสีความร้อนทำให้รู้สึกเพลียเหลือเกินค่ะ
บรรยากาศโดยรอบดูเป็นภูเขาหิน ดูสวยแปลกตาดีค่ะ มีน้ำขังโดยรอบ เหมือนเคยเห็นในหนังเรื่องจักรๆวงศ์นะค่ะ
มีสะพานแขวนเดินข้ามไปชมความงามขอวิวทิวทัศน์อันสวยงาม
แต่เดี๊ยนขอนั่งพักในศาลาดีกว่าค่ะ อากาศร้อนจับใจ อยากจะขอพระอาทิตย์ให้หยุดพักผ่อนฉายแสงบ้างก็ดี เพราะเดี๊ยนแบ็ตเตอร์พลังงานก็เริ่มริบหรี่แล้วค่ะ
และหลังจากที่ได้ไปชมความงดงามของอุทยานหินเขางู สวยจุ๊กกรูจับใจ ท่ามกลางความไวของแสงที่เร้าร้อนรุ่ม ยิ่งกว่ากินมะรุ่มมะตุ่มอีกนะค่ะ ขับมอเตอร์ไซต์มาอีกไม่ไกล ก็เดินไฉไลที่โรงงาน เถ้าฮงไถ่ โรงงานผลิตโอ่งมังกร ของดีประจำจังหวัดราชบุรี ที่ใครๆก็รู้จักกันดีกับโอ่งลวดลายมังกร ที่มีต้นฉบับมาจากที่เมืองนี้แหละค่ะ
และโรงงานเถ้าฮงไถ่ก็เป็นโรงงานทำโอ่งในยุคแรกๆของเมืองราชบุรี และขายดิบขายดีไปทั่วประเทศ จนได้ขนามนามว่าเป็นเมืองโอ่งมังกรมาถึงปัจจุบันค่ะ และถึงแม้ในยุคปัจจุบันนี้ผู้คนจะนิยมการใช้โอ่งน้อยลง ทางโรงงานนี้ก็ได้ปรับตัวเองมาทำงานเซรามิค ดีไซน์แบบเก๋ไก๋ งามวิไลเริ่ดเว่อร์ ออกมาจำหน่ายส่งออกขายทั้งในและต่างประเทศค่ะ และมีการเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ แสดงเครื่องปั้นดินเผา และงานศิลปะร่วมสมัยต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวมาเดินเนินเนาให้คลายความเศร้ามองได้มองของสวยๆงามๆ
ภายในก็มีการจัดแสดงศิลปะเครื่องปั้นดินเผาในมุมต่างๆค่ะ ส่วนใหญ่ก็ดูแนวๆชิคๆ กิ๊บเก๋ๆทั้งนั้นเลยค่ะ
ทางโรงงานก็ใจดี เปิดให้ไปดูเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิคต่างๆในโรงงานได้ด้วยนะค่ะ
เข้ามาก็จะเห็นกระเบื้อง ชาม ไห โอ่ง กระถง กระถาง งานเซรามิตต่างๆ กองเป็นพะเนินเทินทึกประดุจดั่งตึกร้อยชั้น สีสันสะดุดตา ลั๊ลลาจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักค่ะ
เข้ามาก็จะเห็นกระเบื้อง ชาม ไห โอ่ง กระถง กระถาง งานเซรามิตต่างๆ
กองเป็นพะเนินเทินทึกประดุจดั่งตึกร้อยชั้น สีสันสะดุดตา ลั๊ลลาจับใจ
งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักค่ะมาเดินดูในโรงงาน ก็มีพิพิธภัณฑ์ให้ไปเดินชมศึกษาดูค่ะ แต่เดี๊ยนเห็นเค้าทำงานกันอยู่ เสียงเครื่องจักรกำลังร้องคร่ำครือ เลยไม่กล้าเดินไปเข้าไปรื้อของเค้าดู เดียวงานเค้าพังค่ะ
เดินมาดูพิพิธภัณฑ์ด้านหน้า เป็นศูนย์แสดงบันดาลไทย มีบ้านเรือนไม้ทรงไทย แต่ไม่มีใครอยู่ เห็นแต่ตุ๊กตาเซรามิคหลายร้อยตัวยืนเรียงแถวกันเป็นตับ ไม่เคยขยับไปใหนเลยนะค่ะ
หลังจากได้เดินชมศิลปะเครื่องปั้นดินเผาที่โรงงานเถ้าฮงไถ่แล้ว เดี๊ยนวางแผนเดินไปแจ๋วแหว๋วต่อในเมืองที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติค่ะ
ขับมอเตอร์ไซต์แว๊นมาเลียบเลาะคลองริมแม่น้ำกลอง คันลองใสสดจริงๆค่ะ
หอฬิกาเมืองราชบุรี เด่นตระหง่านยวนยีอยู่กลางเมือง ติดตลาดเมืองราชบุรี
แวะมาพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติราชบุรีค่ะ ประตูเปิดอยู่ แต่ไม่ได้ดูป้ายค่ะ วันจันทร์และอังคาร พิพิธภัณฑ์ปิดทำการจ้า ว้า...แอบเสียดาย แต่ก็ต้องโทษตัวเองค่ะ เพราะไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก่อนเลยว่าเค้าเปิดปิดวันใหนบ้างนะค่ะ
แวะมาพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติราชบุรีค่ะ ประตูเปิดอยู่ แต่ไม่ได้ดูป้ายค่ะ วันจันทร์และอังคาร พิพิธภัณฑ์ปิดทำการจ้า ว้า...แอบเสียดาย แต่ก็ต้องโทษตัวเองค่ะ เพราะไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก่อนเลยว่าเค้าเปิดปิดวันใหนบ้างนะค่ะ
ใหนมาถึงแล้ว ก็เลยถ่ายรูปหน้าตึกไว้สักแชะ สองแชะล่ะกันค่ะ
เดียวคราวหลังหากได้แวะมาเที่ยวเมืองราชบุรีอีก เดี๊ยนคงไม่พลาดได้มาเดินฉิมพลีความงาม ร้าวรานถึงทรวงใน เดินตะไลศึกษาหาความรู้จุ๊กกรูจับใจอย่างแน่นอนค่ะ
เดียวคราวหลังหากได้แวะมาเที่ยวเมืองราชบุรีอีก เดี๊ยนคงไม่พลาดได้มาเดินฉิมพลีความงาม ร้าวรานถึงทรวงใน เดินตะไลศึกษาหาความรู้จุ๊กกรูจับใจอย่างแน่นอนค่ะ
และหลังจากที่พลาดไม่ได้ไปเดินพิพิธภัณฑ์เมืองราชบุรี เดี๊ยนเลยเปลี่ยนแผนมาทำบุญ ไหว้พระ วัดเก่าแก่อีกแห่งในเมืองนี้ นั้นก็คือ วัดมหาธาตุค่ะ...เดี๊ยนขับมอเตอร์ไซต์ออกจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเปิด GPS ดูไม่ไกลถึงวัดมหาธาตุ เป็นวัดเก่าแก่จริงๆค่ะ ดูลักษณะคล้ายได้ไปเดินปราสาทหินพิพาย หรือพนมรุ้งเลยนะค่ะ เพราะกำแพงวัดดูเหมือนเป็นกำแพงศิลาแลงใหญ่เรียงไต่กันเป็นตับสวยงามดูเก่า มีมนต์ขลังให้น่าไปตกอยู่ในพวังค์เสียจริงๆค่ะ
ขับมอเตอร์ไซต์ออกจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเปิด GPS ดูไม่ไกลถึงวัดมหาธาตุ เป็นวัดเก่าแก่จริงๆค่ะ ดูลักษณะคล้ายได้ไปเดินปราสาทหินพิพาย หรือพนมรุ้งเลยนะค่ะ เพราะกำแพงวัดดูเหมือนเป็นกำแพงศิลาแลงใหญ่เรียงไต่กันเป็นตับสวยงามดูเก่า มีมนต์ขลังให้น่าไปตกอยู่ในพวังค์เสียจริงๆค่ะ
วัดมหาธาตุ ถือเป็นวัดที่สำคัญอีกแห่งในเมืองราชบุรี พระมหาธาตุเมืองราชบุรี สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาต้อนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 ลักษณะเจดีย์ทรงปรางค์ขนาดใหญ่ นิยมเรียกว่าปรางค์ประธาน เนื่องจากมีเจดีย์ทรงปรางค์เป็นบริวารอีก 3 องค์ องค์มหาธาตุตั้งอยู่บนฐานก่อด้วยอิฐศิลาแลง ตามศูนย์กลางตามคติความเชื่อ เรื่องภูมจักรวาลของเขมร
มีวิหารหลวงอยู่ด้านหน้าพระปรางค์ มีพระมงคลบุรี และพระศรีนันดร์หันพระปฤษฎางค์ชนกัน (หันหลังให้กัน) เป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนต้น
ร่วมทำบุญไถ่ชีวิตโคค่ะ หยอดใส่ตู้เลยนะค่ะ
จากนั้นเดินไปชมองค์พระปรางค์สามยอด
เป็นวัดที่เก่าแก่ดูร่องรอยและการบูรณะแล้ว มีหลักฐานบ่งบอกถึงอายุวัดที่ยาวนานจริงๆค่ะ
พระมหาธาตุเมืองราชบุรี สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาต้อนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 ลักษณะเจดีย์ทรงปรางค์ขนาดใหญ่ นิยมเรียกว่าปรางค์ประธาน เนื่องจากมีเจดีย์ทรงปรางค์เป็นบริวารอีก 3 องค์ องค์มหาธาตุตั้งอยู่บนฐานก่อด้วยอิฐศิลาแลง ตามศูนย์กลางตามคติความเชื่อ เรื่องภูมจักรวาลของเขมร
เดี๊ยนมาไหว้พระและเดินชมความงดงามของโบราณสถานที่วัดมหาธาตุไม่นานนัก เวลาก็เลยมาถึง 4 โมงเย็นแล้วค่ะ นักเรียนกำลังเลิกเรียนกันพอดี ดูวุ่นวายเชียวค่ะ
ก่อนจะแวะเดินทางกลับไปยังอำเภอจอมบึงนะค่ะ เดี๊ยนก็แว๊นๆ ขับมอเตอร์ไซต์ออกจากวัดมหาธาตุมุ่งหน้าไปยังเขาแก่นจันทร์ ระยะทางไม่ไกลนักค่ะ ไปยังเขาแก่นจันทร์ จุดพักชมวิวอันสวยงามอีกแห่งในเมืองราชบุรี และเป็นภูเขาเดินขึ้นลงสำหรับคนอยากลดน้ำหนักน่าจะเป็นอีกวิธีที่ดีเลยค่ะ เพราะต้องเดี๊ยนขับมอเตอร์ไซต์ขึ้นมา ทางขึ้นเขาค่อนข้างชันพอสมควรค่ะ ถนนก็ไม่ค่อยจะราบเรียบมากนัก ขรุๆขระๆค่ะ
เขาแก่นจันทร์ เดิมชื่อว่าเขาแดงค่ะ บนยอดเขาประดิษฐานพระพุทธนิโรคันรายชัยวัฒน์จตุรทิศ (อ่านยากมากค่ะ ต้องสะกดทีละตัว) หรือพระสีมุมเมือง เป็นพระหนึ่งในสี่องค์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างขึ้น พระราชทาน ณ เมืองต่างๆ
เห็นกระถางใบใหญ่เรียงกันเป็นตับค่ะ
โอ่งก็มีขายนะค่ะ ใบเบอเริ้มเลยค่ะ ว่าจะซื้อไปฝากที่บ้านสักใบนะค่ะ แต่เกรงจะขนไปลำบากค่ะ
โอ่งมังกรอยู่นี้เองค่ะ แต่เสียดาย หาอันที่ถูกใจไม่มีค่ะ เลยไม่ได้ซื้อค่ะ
หลังจากที่เดี๊ยนได้ขับเตอร์ไซต์เที่ยวลอยละล่อง ท่องสวนผึ้งและเมืองราชบุรีไปแล้ว ก็ขับมอเตอร์จากเมืองราชบุรีมาคืนที่ร้านเช่าที่อำเภอจอมบึง ได้เงินมัดจำคืนเรียบร้อยค่ะ ที่ร้านก็ขับมาส่งเดี๊ยนที่ท่ารถตู้ค่ะ
ค่าตั่วโดยสารเดินทางกลับกรุงเทพ สุดปลายทางที่หมอชิต ราคา 130 บาทค่ะ
รถตู้โดยสารจากจอมบึงเดินทางกลับกรุงเทพ โดยสวัสดิภาพค่ะ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ ประทุดั่งไฟสุ่มทรวง แต่สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งก็สวยงามจับใจค่ะ เป็นเมืองท่องเที่ยวอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ มาเสพได้ใกล้ เดินทางมาเที่ยวได้ง่ายๆ ประหยัดสตางค์ หรือใครจะเช่ามอเตอร์ไซต์ขับเทียวไป เที่ยวมาราชบุรี-จอมบึงแบบเดี๊ยนก็ไม่ว่ากันค่ะ ถือว่ามาเปิดหู เปิดตา เปิดโลกทัศน์ให้กว้างใกล จะได้สุขใจเริ่ดสะแมนแตนค๊า...
สำหรับรีวิวทริปท่องเที่ยวประจำเดือนพฤษภาคมนี้ เดี๊ยนหวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์และเป็นข้อมูลให้ท่านออกมาตะแล๊ดแต๊ดแต๋เดินทางท่องเที่ยวไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากข้อมูลดังกล่าวที่ได้นำเสนอไปนี้ มีข้อผิดพลาดประการใด เดี๊ยนต้องกราบขอขมาลาอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาลั๊ลลาอ่านบล็อกแนวๆกากๆ ของเดี๊ยนค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
-------------------------------------------------------
อัพเดทข้อมูลที่พักสวนผึ้งปี 61 นำสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือคลิ๊กดูรายชื่อที่พักแต่ละแห่งได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/aibkgS
บล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนตุลาคม ไปตามรอยโครงการหลวง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
จัดมา 9 เพลงเทิดพระเกียรติ ฟังทีไร ก็นึกถึงในหลวง คลิ๊กดูบทความค่ะ>> |
มาร่วมตามรอย ธรรมราชาในดินแดนภาคอีสาน คลิ๊กดูบทความค่ะ>> |
ข้อดีของการออกไปเที่ยวคนเดียวมีอะไรบ้างนะ คลิ๊กดูบทความค่ะ>> |
10 ข้อแนะนำไปพิชิตภูกระดึง ต้องเตรียมตัวอะไรไปบ้าง คลิ๊กดูบทความค่ะ>> |
รีวิวท่องเที่ยวเดือนกันยายน ลุยเดียวเช่ามอเตอร์ไซต์ขับไปเขาใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวท่องเที่ยวเดือน สิงหาคม 2560 รีวิวเที่ยวเมืองเก่าอยุธยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 ไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งดูวิวทะเลสาบคาวากูชิโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว นั่งรถไฟไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 12 เดินชิลเมืองท่าเรือสุดแสนโรแมนติก ริมทะเล คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมไร่นาเมืองบิเอะ สวยเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักยานไปชมดอกลาเวนเดอร์บานๆ อลังการเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 9 เดินชิลชมเมืองซับโปโรครึ่งวัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 8 ชมศิลปะทุ่งนาข้าวผลิหลากสีสวยงาม คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 7 รีวิวการเดินทางไปหลังคาญี่ปุ่นด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 6 เดินตลาดเช้าทาคายาม่า แวะดูทุ่งนาชิราคาวาโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาดูเมืองเก่าคุราชิกิ ชมใบไม้ผลิสวยเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 4 ตามรอยระเบิดเมืองฮิโรชิม่า ไปลั๊นลาเกาะมิยาจิมะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 3 ท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะ งามเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 2 นั่งไฟออนซอนไปอบทรายร้อนที่อิบูชูกิ คลิ๊กดูค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวทามะ แวะพักชมปราสาทสวย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
10 ที่พักโอซาก้า ราคาถูกสุดๆ ใกล้สถานีรถไฟ JR คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
วิธีการวางแผนเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองมาฝาก คลิ๊กดูค่ะ>> |
ล่องเรือไทยในภาคกลาง งามสะพร่างดุจสายน้ำทิพย์ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น