รีวิวเที่ยวเมืองเพชรบุรี ไปเดินกินของดีที่หาดเจ้าสำราญ ยลตระการถ้ำเขาหลวง นั่งกินมะม่วงอร่อยเริ่ดเว่อร์ (รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.พ.60) |
ขอสวัสดี๊ดี สวีดั๊ดดัดเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผองชาวไทยทุกๆท่านที่กำลังท่องโลกออนไลน์ นั่งวุ่นวายหาข้อมูลท่องเที่ยวทั่วไทย ไปไกลนอกโลกกันอยู่ ณ ขณะนี้นะค่ะ (ดิฉัน) เดี๊ยนคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน บล็อกเกอร์สมัครเล่นแนวๆกากๆ โกโรโกโส สับปะรังเค ขอมาสรวญเสเฮฮา ลั๊นลาทักทานทุกๆท่านเข้าสู่เว็ปบล็อก แนะนำที่พัก รีวิวท่องเที่ยว เขียนไปเรื่อยเปื่อย มั่วซั่ว บ้าๆบอๆ หาสาระดีๆไม่ค่อยจะมี ให้ทุกๆท่านได้มาอ่านยวยยีกันแบบสับสน งุนๆงงๆอีกครั้งนะค่ะ ถือเป็นงานอดิเรกฆ่าเวลาหลังงานไปค่ะ
ก็กลับมาอีกครั้งนะค่ะ สำหรับรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนกุมพาพันธ์ ประจำปี 2560 ค่ะ หลังจากที่เดือนที่แล้ว เอาทริปทำงานที่เมืองโฮจิมินห์มาลงเป็นทริปท่องเที่ยว รู้สึกว่ามันกากเหลือเกินค่ะ มาเดือนนี้ เดี๊ยนเลยขอมาจัดทริปไหว้พระทำบุญ ทำทาน ตามประสาคนแก่ที่ยังพอมีพละกำลังวังชา ออกไปลั๊นลาตะแล็ดแต๊ดแต๋เที่ยวเตร่ไปเรื่อยค่ะ
หลายสิบปีแล้วกระมังค่ะ ที่เดี๊ยนเองนั่งรถแวะผ่านเมืองเพชรบุรีไม่รู้ก็ร้อยที ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ไปเดินยวยยีเมืองนี้สักครั้ง ปีนี้รู้สึกมีพลัง เลยขอนั่งรถตู้โดยสาร สุดแสนร้าวรานทรวารฤทัย เดินถือโอกาสจุดดวงไฟปฐมกฤษ์ ไปเดินเอิกเกริกเที่ยวงานเขาวัง ที่ตระหง่านคอตั้ง สุดแสนอลังการสะท้านโลกาอยู่ใจกลางเมือง และได้ไปเดินย้ำเยื้องชมชุมชนเก่าฝั่งริมแม่น้ำ ได้นอนพักให้สุขสำราญเพียง 1 คืน ก็สุดจะรื่นรมย์อุรา แล้วขับมอเตอร์ไซต์ลั๊นลาไปถ้ำเขาหลวง นั่งกินมะม่วงที่หาดเจ้าสำราญ ทะเลงดงามเบิกบานฤทัย นั่งกินข้าวแช่ ขนมหมอแกง ถ้วยตะไล ก็อร่อยไฉไลเริ่ดสะแมนแตนเว่อร์ค่ะ
พอดีว่าเดือนที่แล้ว ที่ทำงานได้รวบรวมปฏิทินตั้งโต๊ะไว้ให้จนครบ ได้มาลังใหญ่พอสมควรค่ะ เดี๊ยนเลยจัดทริปแบกลังปฎิทินใส่รถตู้โดยสารนั่งจากกรุงเทพมาเที่ยวเมืองเพชรบุรีค่ะ เพราะในช่วงวันที่ 10-19 ก.พ. 60 นี้นะค่ะ มีงานแสดงแสงสีเสียงที่เขาวัง เดี๊ยนเลยอยากไปรำลึกความหลังสักหน่อยค่ะ ไม่ได้ขึ้นมานานมากๆแล้วค่ะ เป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ นั่งรถหายใจหนึ่งเฮื๊อกก็ถึงแล้วค่ะ และอีกอย่างมี โรงเรียนสอนคนตาบอดอยู่ระหว่างเส้นทางด้วย เดี๊ยนเลยจัดไปเลยค่ะ ทริปนี้ไม่ใกล้และก็ไม่ไกลจากบางกอก ได้มานั่งเย้าหยอกลิงลม แสนสุขสมอุรา นั่งซดน้ำปลาร้า หอมเย็นซ่าไปถึงทรวง นั่งจิ้มมะม่วงกินข้าวแช่ ตะแล๊ดแต๊ดแต๋ยิ่งนักเชียวล่ะ
โดยทริปที่ผ่านมานี้นะค่ะ จัดทริปสั้นไป 2 วัน 1 ค่ะ ตอนแรกเดี๊ยนกะว่าจะไปช่วงปลายวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ดูจะไม่เข้าท่า เพราะคนไปเที่ยวลั๊นลากันเยอะเสียเหลือเกิน เดี๊ยนไปอยากไปเดินเบียดเสียด ก็เลยนั่งคิดให้ละเอียด ละเมียดละไม วางแผนไปเที่ยววันธรรมดาดีกว่า น่าจะดีกว่าเยอะค่ะ สำหรับทริปนี้เดี๊ยนเลยขอมารีวิวท่องเที่ยวเมืองเพชรบุรี ให้ท่านได้ไปเดินยวนยี รำลึกความหลังอันแสนอลังการที่งานเขาวังกันค่ะ หากใครที่มีโอกาสแวะผ่านมาเมืองเพชรบุรี ลองแวะเข้ามาไหว้พระทำบุญในเมืองนี้ดู รับรองจุ๊กกรู๊จับจ้วงสู่ดั่งดวงหฤทัย ประทับจิตติดตราตรึงถึงทรวงในอย่างแน่นอนค่ะ
เพื่อไม่ให้สาเวเลีย เสียเวลาไปกับการเวิ่นเว้อร์มากนัก เดี๊ยนขอมารีวิวท่องเที่ยวในเมืองเพชรบุรี ให้เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ทุกท่านได้อ่านกันเลยค่ะ let's go
วันแรก เดี๊ยนตีตั๋วรถตู้โดยสาร ราคา 160 บาท พร้อมปฏิทินที่ไม่ใช้แล้ว กล่องใหญ่เบอเริ้มเทิ่ม นั่งจากกรุงเทพฯมาที่เมืองเพชรบุรี โดยจุดหมายสถานที่แรกของทริปนี้ คือ โรงเรียนสอนคนตาบอดที่อำเภอเขาย้อยค่ะ ตอนนั่งรถตู้นะค่ะ เดี๊ยนก็กลัวๆกล้า ได้แต่ภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโข ขอให้รัอดปลอดภัย เพราะคนขับรถ ไม่รู้จะรีบสปีดเร็วกว่านรกไปถึงใหน ขับรถเร็วเหลือเกินค่ะ เห็นว่าเป็นวันธรรมดา ถนนโล่งกระมัง เลยขับรถเพลินยังกะสนามแข่งรถเชียว
นั่งรถตู้มาไม่นาน ประมาณชั่วโมงกว่าๆได้กระมังค่ะ ก็ถึงเขาย้อยอย่างปลอดภัย พอถึงที่อำเภอเขาย้อย เดี๊ยนก็ใช้บริการคุณพี่วินมอเตอร์ไซต์ที่เขาย้อย ให้ช่วยแบกปฏฺิทินกล่องใหญ่ใส่มอเตอร์ไซต์ พาเดี๊ยนไป โรงเรียนธรรมิกวิทยา (โรงเรียนสอนคนตาบอด)
คุณพี่วินใจดีมากค่ะ ช่วยเดี๊ยนยกปฏิทินกล่องใหญ่ไปบริจาคค่ะ เพราะกล่องหนักมากๆนะค่ะ
ปฎิทินเก่าของท่านมีค่า โปรดรักษาอย่าทำลายค่ะ เพราะปฎิทินเก่าปีที่ใช้แล้ว เอามาประดิษฐ์ทำอักษร เบรล ประกอบการเรียนของผู้พิการทางสายตา ถือเป็นสื่อเบิกแสงสว่างและความรู้ที่ดีเริ่ดเว่อร์วังอลังการสะท้านโลกา ลั๊นลาจับจ้วงสู่ดั่งดวงหฤทัยยิ่งนักเลยค่ะ
ใหนๆมาทั้งทีนะค่ะ เดี๊ยนก็เลยถือโอกาสร่วมบริจาคเงินสมทบการศึกษาของโรงเรียนด้วยเลยค่ะ มาที่นี้ทาง ผอ.ของโรงเรียนสอนคนตาบอด ก็ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองเลยค่ะ ท่าน ผอ.อัธยาศัยดีมากๆนะค่ะ
เดี๊ยนใช้เวลาอยู่ที่ รร.สอนคนตาบอดไม่นานนักนะค่ะ ก็นั่งรถคันเดิมของคุณพี่วิน พาเดี๊ยนแว๊นไปยังจุดมุ่งหมายต่อไปนั้นก็คือ วัดถ้ำเขาย้อยค่ะ
ถึงแล้วค่ะ วัดถ้ำเขาย้อย เวลาไปหัวหินหรือจะลงภาคใต้ ผ่านเขาย้อยตลอด แต่ไม่เคยแวะมาไหว้เลย ใหนๆก็แวะมาเขาย้อยทั้งที ก็ต้องมาให้ถึงถิ่นกำเนิดอำเภอเขาย้อย มาไหว้พระ ชมถ้ำเขาย้อยค่ะ
ถึงแล้วค่ะ วัดถ้ำเขาย้อย
ช่วงที่เดี๊ยนไปก็เป็นช่วงงานประจำปีของถ้ำเขาย้อย มีร้านค้าขายสินค้าของกิน ของฝากกันมากมาย ถือเป็นงานมหรสพที่ใหญ่โตพอสมควรเลยค่ะ
เข้ามาด้านในถ้ำเขาย้อยนะค่ะ เป็นถ้ำโอ่โถงใหญ่โตพอสมควร ภายในเป็นถ้ำมีหินงอกหินย้อย อ้อยสร้อยหยาดเยิ้มลงมา สมเป็นชื่อถ้ำเขาย้อยจริงๆนะค่ะ เมื่อเข้ามาก็จะเห็นพระพุทธรูปปางไสย์ยาสน์สีทองผุดผ่องอำไพ ให้ได้กราบกรานกันด้วยค่ะ
เข้ามาด้านในถ้ำเขาย้อยนะค่ะ เป็นถ้ำโอ่โถงใหญ่โตพอสมควร ภายในเป็นถ้ำมีหินงอกหินย้อย สมเป็นชื่อถ้ำเขาย้อยจริงๆค่ะ เมื่อเข้ามาก็จะเห็นพระพุทธรูปปางไสย์ยาสน์สีทองผุดผ่องอำไพ ให้ได้กราบกรานกันด้วยค่ะ
หลังจากไหว้พระด้านในถ้ำเขาย้อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อค่ะ เดี๊ยนเดินออกจากวัดเขาย้อย มุ่งหน้าไปที่ท่ารถตู้ ที่ถนนเพชรเกษม เพื่อรอนั่งรถตู้เข้าไปในเมืองเพชรบุรี
นั่งรถตู้จากเขาย้อย มาที่เมืองเพชรบุรี |
รถตู้จอดที่หน้าเขาวัง เดินเข้าไปอีกสักหน่อยก็ถึงค่ะ ก็ถึงทางขึ้นเขาวัง แต่ไม่ต้องเดินเท้าขึ้นนะค่ะ เพราะที่นี้มีรถรางไฟฟ้าบริการส่งขึ้นสู่ยอดเขาวังค่ะ ค่าโดยสาร 70 บาทค่ะ รวมค่าธรรมเนียมแล้วค่ะ
ค่าบัตรโดยสารรถรางไฟฟ้าค่ะ ในที่สุดก็ได้มานั่งอีกครั้งค่ะ เหมือนได้ย้อนวันวานเลยค่ะ
อีกใบก็จะเป็นบัตรค่าธรรมเนียมค่ะ
รถรางไฟฟ้าค่อยๆขยับๆเลือนจนถึงบนยอดเขาค่ะ เสียงกระดึ่งดั่ง กริ่งก็แสดงว่าถึงแล้วค่ะ
เหมือนได้มาเดินย้อนรำลึงความหลังเมื่อวันวานอีกครั้งนะค่ะ ไม่ได้มานานมากๆแล้วค่ะ มาตั้งแต่สมัยเด็กๆค่ะ แต่ก่อนลิงเยอะมากๆ เดียวนี้ไม่รู้ลิงหายไปใหนหมด แถมลิงที่เขาวังเนี่ยดุมากๆเสียด้วย
ไปเดินชมวังด้านในกันค่ะ
แวะผ่านที่จุดประชาสัมพันธ์ ก็มีโบชัวร์แผนผัง และความรู้เกี่ยวกับเขาวังให้ด้วยนะค่ะ ต้องหยิบมาเดินเปิดดูและชมไปตามค่ะ
จุดดแรกเลยเดินมาชม หอพิมานเพชรมเหศวรค่ะ เปิดดูในใบชัวร์ไม่เห็นมีความรู้บอก เลยไปลอกบทความมาจากสารานุกรมเสรีวิกิพีเดียมาไว้ เผือให้ได้อ่านกันค่ะ
หอพิมานเพชรมเหศวร์ ตั้งอยู่บนยอดเขาเล็ก ๆ หน้าพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์
เป็นหอขนาดเล็ก ๓ หอ หอกลางมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่
หอด้านขวาเป็นศาลเทพารักษ์ หรือที่เรียกกันว่าศาลพระภูมิเจ้าที่
หอด้านซ้ายใช้เป็นที่ประโคมสังคีตหอพิมานเพชรมเหศวร์
นี้เคยใช้เป็นที่ประกอบพิธีโสกันต์
ที่หอกลางใหญ่ได้กั้นผนังไว้สำหรับใช้เป็นห้องบรรทมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในวันที่พระองค์ทรงถืออุโบสถศีล
ขณะที่ประทับอยู่ที่พระราชวังแห่งนี้ เช่นเดียวกับหอเสถียรธรรมปริต
ในพระบรมมหาราชวังโดยหอแห่งนี้เคยใช้ประกอบพระราชพิธีโสกันต์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าพักตร์พิมลพรรณ
พระราชธิดาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาแพ และ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามัณยาภาธร
พระราชธิดาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาจันทร์
ขอบพระคุณจากข้อมูลดีๆจากสารานุกรมเสรี https://th.wikipedia.org/wiki/อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี
เดินมาก็ได้แต่กลิ่นของดอกลั่นทมโชยชวนหวนชื่น รื่นรมย์อุรา เพราะผลิดอกออกบานสะพรั่งไปทั่วบันลังค์วังสีทองผุดผ่องอำไพ สว่างสดใสแพรวพราว สุขสกาวไปทั่วพระนครคีรี หอมยวนยีเสียเหลือกเกินค่ะ
มองเห็นหอชัชวาลย์เวียงชัย และพระธาตุจอมเพชรโดดเด่นมาแต่ไกล
จุดต่อไปคือ พระที่นั่งเพชรเพชรภูมิไพโรจน์ค่ะ ในโบชัวร์มีข้อมูลโดยย่อให้อ่านด้วยค่ะ
พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์
พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ เป็นพระที่นั่งองค์แรกของพระราชวังโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยทรงเสด็จมาวางศิลาฤกษ์ด้วยพระองค์เองในวันที่7 กรกฎาคม พ.ศ. 2402 เป็นพระที่นั่งองค์ประธานของหมู่พระที่นั่งต่างๆในพระราชวัง พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้เป็นท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกขุนนางต่อมา พ.ศ.2453 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าให้แก้ใขดัดแปลงใหม่เป็นที่ประทับสำหรับ พระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศ
ด้านในเข้าไปชมด้านในก็จะแสดงโบราณวัตถุสวยงามมากค่ะ แต่ห้ามถ่ายรูปนะค่ะ
พระที่นั่งปราโมทย์มหไหสวรรย์ เป็นพระที่นั่งสองชั้น ลักษณะคล้ายเก๋งจีน ชั้นล่างของพระที่นั่งเป็นห้องโถง 2 ห้อง ชั้นบนมีห้องโถง ห้องบรรทม และห้องแต่งพระองค์
เดินมาอีกหน่อยก็เป็นพระที่นั่งธรรมสภาค่ะ มองออกไปที่เป็นยอดเจดีย์นั้นเป็นเวชยันต์วิเชียรปราสาทค่ะ เป็นปราสาทจัตรมุข ยอดปรางค์ห้ายอด ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อสำริดพระเจ้าเกล้าเจ้าอยู่หัวค่ะ
ส่วนพระที่นั่งธรรมสภา เป็นพระที่นั่งชั้นเดียวยาวคล้ายเก๋งจีน ใช้พระที่นั่่งราชธรรมสภาเป็นที่ประชุมสำคัญส่วนพระองค์ และใช้เป็นที่ประชุมสาธยายธรรม
มาถึงจุดไฮไลท์อีกแห่งค่ะ คือหอชัชวาลย์เวียงชัย ถือเป็นจุดชมวิวที่สามารถเดินขึ้นบันใดเล็กไปจุดชมวิวสวยๆของเมืองเพชรบุรีได้ค่ะ บันใดแคบมากๆค่ะ พึงมาขึ้นครั้งแรกเลยนะค่ะ เพราะเคยมาก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวเบียดเสียดกันขึ้นเยอะมากๆ มาครั้งนี้ไร้นักท่องเที่ยว เพราะเป็นวันธรรมดา เลยไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใครค่ะ
เดินขึ้นมาก็เสียววูบนิดนึงค่ะ ใครกลัวความสูงขึ้นมาไม่ได้นะค่ะ เป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาล่ะยุ่งเลยค่ะ พอขึ้นมาจะได้รับลมเย็น และมองเห็นวิวอันสวยงามอร่ามจับตาคณานับไปทั่วเมืองเพชรบุรี หอมยวนยีกลิ่นขจรของแม่ดอกออนซอนลั่นทม ที่ผลิดดอกออกบานสะพรั่งเปล่งปลังไปทั่วบันลังวังสีทอง ผุดผ่องเป็นยองใย สว่างสดใสแพรวพราว สุขสกาวรุ่งโรจน์ และช่วงโชติชัชวาลย์ของเขาวังแห่งนี้ค่ะ
มองเห็นเวชยันต์วิเชียรปราสาท ที่ตระหง่านโดดเด่นเปล่งปลังออร่าไปทั่วผืนนภากาศแห่งนี้ค่ะ อากาศบนนี้ก็เย็นสบาย หายห่วง เหมาะเป็นที่นั่งกินมะม่วงอกร่อง ตามด้วยนมพร่องมันเนย กินพร้อมอบเชย อร่อยยิ่งนักเอยเริ่ดสะแมนแตนค่ะ
ดอกลั่นทมสีขาว แพรวพราวสกาวรุ่งโรจน์ ช่วงโชติชัชวาลย์ไปสุดลูกลูกตาทั่วผืนนคราคีรีแห่งนี้ หอมยวยยีเสียจริงๆ งดงามเริ่ดสะแมนแตนอลังการเว่อร์ค่ะ
หลังจากได้เต็มอิ่มกินลมชมวิวสวยๆ เดี๊ยนก็เดินลงจากหอชัชวาลย์เวียงชัย เพื่อมุ่งหน้าไปพระธาตุจอมเพชรค่ะ
ระยะทางไปพระธาตุจอมเพชรเหมือนจะไกลนะค่ะ แต่ก็ไม่ไกลเลยค่ะ
เดินมาไมไกลนัก ก็ถึงแล้วค่ะ พระธาตุจอมเพชร ครั้งแรกเลยที่ได้มา เพราะเคยมาเที่ยวแต่ฝั่ง
พระธาตุจอมเพชร
เป็นพระธาตุที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายในเป็นพระเจดีย์ใหม่ ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นทับพระเจดีย์โบราณของวัดอินทรคีรีซึ่งชำรุดทรุดโทรม
มีอุโมงค์ลอดเข้าไปด้านในเพื่อสักการะพระธาตุ และมีบันใดขึ้นไปด้านบนค่ะ
พอขึ้นมาก็จะเห็นวัดพระแก้วน้อย
ฝั่งอีกด้านก็มองเห็นเขาวัง หอชัชวาลย์เวียงชัย เด่นตระหง่านตระการตาอยู่ที่เขาอีกลูก มองเห็นแล้วเหมือนไกลมากๆเลยนะค่ะ แต่จริงใกล้กันนิดเดียวค่ะ
มองเห็นวัดเขาบันใดอิฐด้วยค่ะ
โชตดีของการได้มาเที่ยวงานเขาวังประจำปี 2560 นี้นะค่ะ มีการนำภาพเก่าๆของในหลวงและพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ครั้งเสด็จมาเยือนเขาวังนานมากๆแล้วคะ นำมาตั้งใส่กรอบแสดงได้ให้ได้คิดถึงกันด้วยค่ะ เดี๊ยนเลยถ่ายรูปมาไว้นี้ ให้ทุกๆท่านมาชื่นชมกันค่ะ
ภาพนี้ในหลวงกับพระราชินีเสด็จมาที่พระธาตุจอมเพชร
ในหลวงทรงยืนอยู่ที่เจดีย์วัดพระแก้วน้อย สมัยนั้นเจดีย์ดูทรุดโทรมากๆนะค่ะ
ภาพเก่าหาดูยากมากๆนะค่ะ วัดพระแก้วน้อย และเวชยันต์วิเชียรปราสาทที่ในหลวงทรงเสร็จมาค่ะ
ในหลวงกับพระราชินีเสด็จมาเวียนเทียนที่พระธาตุจอมเพชร ภาพเก่าหาดูยากจริงๆค่ะ
วัดพระแก้วน้อย
เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างขึ้นบนยอดเขาทางด้านทิศตะวันออก เพื่อเป็นวัดประจำพระราชวังบนพระนครคีรี ประกอบด้วยพระอุโบสถ พระสุทธเสลเจดีย์ หอระฆัง ศาลา
มีศาลาสไตล์ยุโรปด้วยนะค่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปเยือนยุโรปเลยค่ะ ดูคลาสสิค สวยงามอร่ามจับตาคณานับค่ะ
มีเจดีย์แบบขอมสีแดงแรงฤทธิ์ประดิษฐ์สถานไว้ ดูโดดเด่นตระการตาเชียวค่ะ
หอระฆังก็ดังเหง่งหง่าง
มองเห็นวิวทิวทัศน์ไปทั่วเมืองเพชรบุรี กลิ่นขจรของดอกลีลาวดี ก็หอมรื่นขยีกระทบกับหม้อแกงเผือกรสชาติดี๊ดี น่าไปลั๊นลาลิ้มลองดูสักทีค่ะ
มองเห็นวิวทิวทัศน์ไปทั่วเมืองเพชรบุรี กลิ่นขจรของดอกลีลาวดี ก็หอมรื่นขยีกระทบกับหม้อแกงเผือกรสชาติดี๊ดี น่าไปลั๊นลาลิ้มลองดูสักทีค่ะ
มองเห็นวิวทิวทัศน์ไปทั่วเมืองเพชรบุรี กลิ่นขจรของดอกลีลาวดี ก็หอมรื่นขยีกระทบกับหม้อแกงเผือกรสชาติดี๊ดี น่าไปลั๊นลาลิ้มลองดูสักทีค่ะ
ตกเพลาเย็น ก็ถึงเวลาที่จะต้องลงจากเขาแล้วค่ะ
ตอนเดี๊ยนขึ้น นั่งรถรางขึ้นมา แต่ตอนลงขอเดินลงแล้วกันค่ะ
ระหว่างเดินทางลงก็ผ่านซุ้มที่เค้าจัดงานเขาวัง มองไปเห็นรูปภาพในหลวง เป็นภาพโปสเตอร์จำหน่ายขายไม่แพง
แถมรายได้ส่วนหนึ่งก็ช่วยสมทบทุน มูลนิธิชัยพัฒนาด้วยค่ะ
เดี๊ยนเลยอุดหนุนไป 5 รูปค่ะ
ด้านในก็ภาพวาดงานแสดงให้ชมด้วยค่ะ
เดินลงมาก็เห็นป้ายการจัดงาน พระนครคีรี เมืองเพชร หวนย้อนรฤก ราชาภูมิพล ทูนเทิดไท้ องค์มหาวชิราลงกณ์ เฉลิมหล้าสดุดี 158 ปี ธานีมไหสวรรย์ โฮ้ชื่อยาวมากๆ ต้องบรรจงอ่านจริงๆนะค่ะ
หมู่บ้านสกุลช่างเมืองเพชร
เดินลงมาใกล้จะถึงหน้าเขาแล้วค่ะ เอ็
ถึงหน้าเขาแล้วค่ะ
ลงจากเขาวังมาแล้ว ช่วงเย็นเด็กๆกำลังเลิกเรียน รถเยอะเชียวค่ะ เดี๊ยนเลยมาตั้งหลักก่อนค่ะ มาเปิด GPS ในมือถือ เพื่อหาตำแหน่งโรงแรมที่พักที่ต้องนอนค้างในคืนนี้ค่ะ ช่วงเย็นประมาณเกือบจะสี่โมงเย็น เดี๊ยนเดินออกจากเขาวัง มุ่งหน้าสู่ที่พักอยู่ในย่านใจกลางเมืองเพชรบุรี ที่พักจองไว้อยู่ใกล้วัดมหาธาตุค่ะ ใกล้แม่น้ำเพชรบุรี โดยระยะทางจากเขาวังไปที่พักประมาณ 2 กิโลกว่าๆค่ะ ไม่ไกลค่ะ เดินไปได้
ที่พักสำหรับคืนนี้ โรงแรม white monky guesthouse ก็เป็นที่พักค้างแรม อยู่ไม่ไกลจากเขาวังมากนัก เดินมาได้ แถมไกลวัดวาอาราม บ้านเรือน ชานไม้ด้วยค่ะ
ตรงล๊อบบี้ก็มีแผนที่ท่องเที่ยวให้ดูกันอย่างชัดเจนแจ่มแจ๋วเชียวค่ะ
ที่พักโอเค ดูดีมากเลยค่ะ
ขึ้นมาก็เห็นแต่ตุ๊กตาน้องลิง ตกแต่งอยู่ทุกมุมน่ารักเชียวค่ะ คงจะซนน่าดูเลยนะค่ะ มีอยู่ทั่วทุกมุมเลย
ห้องพักสำหรับนอนคืนนี้ นอนคนเดียว เปล่าเปลียวหัวใจ คงไม่มีใครมาร้าวร้านแล้วค่ะ ห้องพักคืนละ 900 กว่าบาท กว้างขวางใหญ่โต เหมาะสมราคาค่ะ
มีแอร์ ทีวี ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ โต๊ะเขียนหนังสือ น้ำดื่มฟรี สะดวกสบายดีค่ะ
ด้านหน้าห้องพักก็เป็นระเบียง มีที่ให้นั่งพักผ่อนเล่น บรรยากาศดี เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย เดี๊ยนให้ผ่านเอาไปเลย 5 ล้านดาวค่ะ
หลังจากที่เดี๊ยนได้เช็คอินน์ เอากระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อย ก็ได้เพลาออกมาเดินย้ำย่อง ท่องเมืองเพชรบุรี แวะไปไหว้พระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเพชรบุรี ที่วัดมหาธาตุค่ะ
ระหว่างทางเดินนออกจากที่พักก็ไปเดินชมแม่น้ำเพชรบุรี ที่เป็นแม่น้ำสายหลัก สายชีวิตช่วยหลอมหลอมชาวเมืองเพชรบุรีให้มีกินมีใช้ด้วยน้ำที่ใสสะอาดจากเทือกเขาธรรมชาติอันไกลโพ้น
แม่น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาแหวกว่าย
ห็นผู้ชายตาน้ำข้าวกำลังจะสาวมือจ้วงตักน้ำดื่ม คงจะกระหายน้ำมากเสียกระมัง คงไม่พละกำลังวังชา เดินลั๊นลาไปซื้อน้ำดื่มที่ร้านสะดวกซื้อกระมังค่ะ
วัดวาอารามที่นี้ก็มีมากเหลือคณานับค่ะ เพราะอยู่ติดกันเป็นตับๆ พอๆกับวัดในเมืองเชียงใหม่เลยค่ะ แต่วัดที่นี้สไตล์ไทยแท้ๆไทยจ้า ลั๊นลาจับจ้วงสู่ดั่งดวงหฤทัยยิ่งนักค่ะ
เดินมาถึงแล้วค่ะ วัดมหาธาตุ วัดหลวงและวัดเก่าแก่ประจำเมืองเพชรบุรี อยู่คู่เมืองนี้มานานนมมากๆค่ะ
มาถึงทั้งทีต้องมากราบไหว้พระ
มากราบพระอุโบสถด้านใน
มากราบไหว้พระมหาธาตุ
ตกพลบค่ำยามเย็น มองเห็นพระอาทิตย์กำลังอัศดงลงแลลับ สาดทอแสงระยับลอดช่องเป็นสีทองผุดผ่องเป็นยองใย สวยงามสดใสประดุจดั่งไฟอัคนี สีสันนี้งามดูดี๊ดียิ่งนักเชียว
เดินมาหน่อยมาเดินอ้อยสร้อยชุมชนเก่าเรือนไม้ ชาวเมืองเพชรบุรี งดงามเหมือนได้ย้อนวันวานไป
แม่น้ำเพบรบุรี สายนทีที่หล่อเลี้ยงชาวเมืองแห่งนี้ ให้มีน้ำที่ใสสะอาดดื่ม รื่นรมย์ฤดี สุขเกษมเปรมปรีดิ์ ปราศจากโรคะและราคีกันทุกคืนวันค่ะ
เดินย่องท่องเมืองนี้ ก็มองเห็นน้องหมากับแม่นกสีเทานวล กำลังยวนยีหาอะไรกินอยู่เอย
ไปเจอน้องแมวตาโบ๋ นั่งโอ้โล้ ทำหน้าเอ๋อเหรออยู่โดดเดียว และเดียวดายที่กำแพงวัดแห่งนี้ ดูสิกำลังคิดอะไรอยู่เชียว
ผ่านมาเจอหน้าหมาหน้าแบ๊ว กับหนูน้อยเสื้อแดงกำลังถีบจักรยานสีร้อนแรงฤทธิ์ กำลังปั่นจักรยานไปใหนสักแห่ง คงไปคุยกับน้องหมาหน้าแบ๊ว ชวนไปกินแห้วๆรสอร่อยกระมังค่ะ
เรือนไม้เก่าๆแก่ๆ ก็ยังถูกอนุรักษ์ไว้ เป็นเสน่ห์ที่งามไฉไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักค่ะ
ตกพลบค่ำได้เวลาไปเดินดูงามเขาวังช่วงกลางคืนแล้วค่ะ เดี๊ยนเลยเดินออกจากที่พักมุ่งหน้าไปงานเขาวังอีกครั้ง เพื่อไปหาอะไรทานด้วยค่ะ ในช่วงพลบค่ำที่นี้ดูคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวทั่วสารทิศมาเดินเที่ยวชมงานเขาวังแห่งนี้ค่ะ เพราะแสงสีเสียงไฟที่นี้ งามระยับจับตาเชียวค่ะ
หน้าเขาวัง มีแสงไฟระโยงระเยง มีเสียงเพลงบรรเลงเคล้าคลอเคลีย เดินเข้ามาก็หายงังเงียเลยล่ะค่ะ
ที่ประตูซุ้มไฟแห่งนี้ดูสวยงามดีค่ะ เป็นจุดเซลฟง เซลฟี่ ของวัยรง วัยรุ่น ที่ถ่ายกันชุลมุนวุ่นในวันแห่งความรักนี้เชียว
บรรยากาศช่วงกลางคืนที่เขาวัง สวยงามดั่งเวียงสวรรค์ชั้นฟ้า ลั๊นลาจับจ้วงสู่ดั่งดวงฤทัย เหมือนไฟบรรลัยกัลป์ กระแทกทับทันในทรวงอก แสนสะทกสะท้านหวั่นไหวเสียจริงๆค่ะ
บรรยากาศช่วงกลางคืนที่เขาวัง สวยงามดั่งเวียงสวรรค์ชั้นฟ้า ลั๊นลาจับจ้วงสู่ดั่งดวงฤทัย เหมือนไฟบรรลัยกัลป์ กระแทกทับทันในทรวงอก แสนสะทกสะท้านหวั่นไหวเสียจริงๆค่ะ
เดินเข้ามาก็เป็นหมู่บ้านสุกลช้างเมืองเพชร
เสียงอังกะลุงไพเราะเพราะพริ้ง ดังตะลิ๊ดติ๊ดฉิ่ง มุ้งมิ้งยิ่งนักเชียวค่ะ
เดินมาหน่อย เห็นแม่หนูเงาะน้อย ร้อยชัง ผิวพรรณเธอขาวเปล่งปลังดั่งโอโม โอ้โฮ้ไม่เคยเจอ เพราะเคยแต่เห็นเงาะผิวสีดำเป็นตอตะโก คงเป็นเงาะสายพันธ์ใหม่ ที่งามไฉไลเริ่ดสะแมนแตนเสียกระมังค่ะ
ได้เวลาทานข้าวมื้อเย็นแล้วค่ะ
จัดไปค่ะ เจออาหารโปรดปราน ที่ร้าวรานถึงหัวใจ ไม่พลาดต้องทานข้าวแช่เมืองเพชรนั้นไซร์ อร่อยชื่นฉ่ำไฉไลเริ่ดเว่อร์ค่ะ
มื้อนี้เดี๊ยนจัดหนักมากค่ะ มีหลายอย่างเลยนะค่ะ มีทั้งข้าวแช่ ยำใบชะคราง และข้าวยำ
ชุดข้าวยำปักป์ใต้ มาขายถึงบนเขาวังเลยนะค่ะ
ตามต่อด้วยอาหารคาวหวานล้างปาก คือ ม้าฮ้อ ฟังชื่อก็ตกใจ เอาเนื้อม้ามาทำเป็นขนมหรือเปล่าค่ะ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ค่ะ เป็นชื่อขนมชาววังสมัยก่อน รสชาติอร่อยดีค่ะ รสชาติคล้ายๆ กับขนมสาคูไส้หมูทานคู่กับสัปปะรด ประมาณนั้นค่ะ รสเหมือกันเป๊ะ แค่จวกเข้าปาก เคี้ยวกรุบกริบ คือสาคูไส้หมูที่มีกลิ่นถั่วยวยยั่วโชยกับสัปปะรดหน้าหวานฉ่ำล้ำบึกค่ะ
ตามต่อด้วยอาหารคาวหวานล้างปาก คือ ม้าฮ้อ ฟังชื่อก็ตกใจ เอาเนื้อม้ามาทำเป็นขนมหรือเปล่าค่ะ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ค่ะ เป็นชื่อขนมชาววังสมัยก่อน รสชาติอร่อยดีค่ะ รสชาติคล้ายๆ กับขนมสาคูไส้หมูทานคู่กับสัปปะรด ประมาณนั้นค่ะ รสเหมือกันเป๊ะ แค่จวกเข้าปาก เคี้ยวกรุบกริบ คือสาคูไส้หมูที่มีกลิ่นถั่วยวยยั่วโชยกับสัปปะรดหน้าหวานฉ่ำล้ำบึกค่ะ
เดินไปก็ฟังเพลงไป สุขใจเริ่ดสะแมนแตนค่ะ
วิวูทิวทัศน์ยามกลางค่ำ กลางคืน ที่เขาวัง ประดับประดาไปด้วยแสงไฟ ดูช่างแสนศิวิไลเสียจิรงๆค่ะ
หอชัชวาลย์เวียงชัย คนก็ขึ้นไปกรูข้างบนแน่นเชียวค่ะ
มีกล้องดูดาว ที่มองสกาวทะลุไปนอกโลก
ปราสาท : เวชยันต์วิเชียรปราสาท งามสะอาดผุดผ่องเป็นยองใย สว่างสดใสแพรวพราวยิ่งนักค่ะ
อ้าว มีหนังตะลุงให้ดูด้วยนะค่ะ หาดูยากมากนะค่ะ ต้องไปทำงานสำคัญเท่านั้น ถึงจะมีให้ดู มาที่นี้โชคดีได้มาเดินจุ๊กกรูดูหนังดีๆ ที่เด็กสมัยนี้ก็จะไม่รู้จักกันเสียแล้ว เพราะมัวแต่ไปกินแห้วชมยูทูป กอดจูบกันมุ้งมิ่ง
ก่อนจะลงจากเขาวัง เดี๊ยนก็มาสะดุดสดับตรับฟังลำตัดดั่งชับชับ ก็เลยแวะฟังจนเพลิดเพลินใจ ดูเด็กวัยรุ่นเดียวนี้ก็รู้จักอนุรักษ์ความเป็นไทย น่าภูมิใจยิ่งนักเชียวค่ะ
ผู้คนมากมายรายล้อมรอบฟังลำตัดกันเต็มทางเดิน จนเบียดเสียดแน่นเอือดไปหมดค่ะ
หลังจากที่เดี๊ยนได้ไปเดินย้ำงานเขาวัง ทานข้าวจนอิ่มแน่นท้อง ก็เดินกลับสู่ที่พักเพื่อพักผ่อน นอนหลับฝันร้าย เพื่อที่จะได้คลายความเมื่อยล้า พรุ่งนี้จะได้มีแรงลั่นลาต่อไป
จบทริปวันแรกค่ะ : หลังจากที่เดี๊ยนได้ไปเดินย้ำงานเขาวัง ทานข้าวจนอิ่มแน่นท้อง ก็เดินกลับสู่ที่พักเพื่อพักผ่อน นอนหลับฝันร้าย เพื่อที่จะได้คลายความเมื่อยล้า พรุ่งนี้จะได้มีแรงลั่นลาต่อไป
----------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันที่สอง เดือนกุมพาพันธ์ 2560 เดี๊ยนตื่นสายได้โลห์เลยค่ะ เปิดหน้าต่างออกมา แสงแดดก็ทอจ้าเชียวค่ะ เป็นการเที่ยววันธรรมดาที่ดีเริ่ดมากๆนะค่ะ
วัดไทยๆ ศิลปะแบบไทย งามไฉไลเริ่ดเว่อร์ค่ะ
เที่ยวเมืองเพชรุรี วันสุดท้ายแล้วค่ะ เดี๊ยนรีบอาบน้ำ ทำภาระกิจให้เสร็จ เพื่อทำการเช็คเอาท์ออกจากที่พัก แต่ฝากกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ที่โรงแรมค่ะ เย็นๆค่อยกลับมาเอาค่ะ
แน่นอนการเดินทางเที่ยวเมืองเพชรบุรี ที่สะดวกและประหยัดที่สุด ก็คงต้องเช่ารถมอเตอร์ไซต์ค่ะ โดยที่พักก็มีมอเตอร์ไซต์ให้เช่าแว๊นกันด้วยค่ะ เสียค่าเช่า 250 บาท มัดจำ 750 บาท เดี๊ยนจ่ายไป 1000 บาท ตอนคืนรถก็เงินคืนมา 750 บาทคะ
เช้าสายๆที่เมืองเพชรบุรี ก่อนไปแว๊นนะค่ะ ก็ต้องไปเติมพลังก่อนค่ะ เดี๊ยนเลยแว๊ปไปทานอาหารใกล้ๆที่ตลาดเทศบาลเมืองเพชรบุรีเนี่ยแหละค่ะ
ตลาดเทศบาลเมืองเพชรบุรี หอมยวยยีของกินสดๆ ทั้งนั้น ทั้งเลือดหมู เลือดไก่ ไส้ ตับ ม้าม หัวใจ อร่อยแบบดิบๆไฉไลเริ่ดเว่อร์นะค่ะ
แวะไปตามตรอก ซอกซอย ก็มีร้านขายของมากมาย
แวะไปเจอร้านขายก๋วยเตี๋ยวแบบไทยจีน เลยแวะไปทานเป็นมื้อเช้าเลยค่ะ
เกี้ยมอี้รสชาติอร่อยดีค่ะ
หลังจากเติมพลังด้วยอาหารเช้าที่ตลาดเทศบาลเพชรบุรีแล้วนะค่ะ จากนั้นเดี๊ยนก็แว๊นมอเตอร์ไซต์ ไปยังถ้ำเขาหลวง สถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดตาและตราตรึงใจอีกแห่งของเมืองเพชรบุรี ที่ใครได้มาเดินยวยยี ก็ต้องมาฉิมพลีความงามของถ้ำแห่งนี้ สักครั้งสักคราให้ชื่นฉ่ำอุราไปถึงทรวงในค่ะ
การเดินทางมาถ้ำเขาหลวง ต้องจอดรถไว้ที่ปากทางเข้า จากนั้นก็นั่งรถโดยสารเข้าไป 15 บาทค่ะ ราคานี้ไปกลับแล้ว ถือเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นที่ดีเลยค่ะ เพราะชาวบ้านมีรายได้จากการรับส่งให้นักท่องเที่ยวไปที่
ที่ถ้ำเขาหลวงแห่งนี้ เต็มเปี่ยวไปด้วยน้องลิงจอมซน ที่เดินฉวัดเฉวียงตามระเบียง ต้นไม้ ใบหน้า เดินลั๊นลาตามถนนหนทางกันเยอะมากๆเชียวค่ะ
สงสัยเดี๊ยนมาเช้าไปกระมังค่ะ เพราะบรรยากาศในถ้ำเขาหลวง เงียบสงัดเชียวค่ะ
บรรยากาศภายในดูน่าเกรงขามมากนะค่ะ จุดเด่นของถ้ำเขาหลวง และมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว คงไปถ้ำที่มีรูและมีแสงทอสาดส่องลงมาสวยงามผุดผ่องเป็นยองใยเชียวค่ะ ใครที่เป็นคนรักการถ่ายรูปแบบ Professional ทั้งมือฝึดหัดและมืออาชีพ ต้องไม่พลาดมารถถ่ายรูป แสงสาดส่องจากถ้ำแห่งนี้ค่ะ
วัดถ้ำเขาหลวง
จังหวัดเพชรบุรีนอกจากเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกเรื่องราวมาเป็นมาต่าง ๆ มากมาย อันสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนเพชรบุรีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแล้ว ยังมีศาสนสถานสำคัญ ๆ เช่น วัดวาอาราม โดยเฉพาะวัดถ้ำที่สร้างอยู่บนภูเขาน้อยใหญ่ทั่วจังหวัดเพชรบุรี
จากเขตตัวเมืองห่างออกไปยังทิศที่ตั้งของเขาวังราว 5 กิโลเมตร มีวัดถ้ำแห่งหนึ่งที่สร้างอยู่บนเนินเขาขนาดเล็ก มียอดสูงเพียง 92 เมตร ดังนั้นเส้นทางการเดินทางขึ้นไป จึงไม่ลำบากนัก ทางขึ้นนั้นลาดชันไม่มากนัก สามารถใช้รถหรือเดินเท้าก็ได้ วัดถ้ำแห่งนี้มีอายุได้ราวร้อยปีเท่านั้น สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์มีพระราชประสงค์จะสร้างวัดบนยอดเขา เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเสด็จประพาสมายังถ้ำแห่งนี้ และด้วยมีพระราชดำริว่าถ้ำเขาหลวงนี้ มีความวิจิตรงดงามด้วยมีหินงอกหินย้อยทั่วทั้งผนังถ้ำ ภายในยังมีช่องกว้างที่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามากระทบแนวหิน ก่อให้เกิดความหลากหลายของสีสันภายในถ้ำ อีกทั้งโพรงหินที่แตกเป็นช่อง ทำให้มีอากาศเย็นสบายและไม่อับชื้น จนสามารถมองเห็นความสวยงามภายในถ้ำได้ทุกซอกทุกมุม
ขอขอบพระคุณ ข้อมูลดีจาก สารานุกรมเสรีวิกีพีเดีย https://th.wikipedia.org/wiki/วัดถ้ำเขาหลวง
เมื่อเข้ามาแล้ว ต้องไม่พลาด กราบไหว้พระ
รูถ้ำที่แสงลอดผ่าน ยังไม่มีแสงทอร่ำไรเลยค่ะ เพราะมาเช้าไปค่ะ
มีพระนอน ห่มด้วยจีวรสีเหลืองทองอร่อมเชียวค่ะ
เห็นช่างภาพระดับมืออาชีพ ก็นั่งรอเวลาที่แสงสีทองลอดผ่านปากปล่องรู้ถ้ำ
เดี๊ยนเดินชมอยู่ในถ้ำเขาหลวง ไม่นานนักก็ได้เพลาออกจากถ้ำแห่งนี้แล้วค่ะ
นั่งรถกะปอกลับมาปากทางขึ้นเขาหลวงเหมือนเดิม เลยแวะให้อาหารน้องลิงสักหน่อยค่ะ ลิงเยอะจริงๆค่ะ
หลังจากที่ได้ไปชมถ้ำเขาหลวงแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็ขับมอเตอร์ไซต์ เข้ามาในเมืองอีกครั้ง กับแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นวัดดังอีกแห่ง ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน คือวัดใหญ่สุวรรณาราม
วัดใหญ่สุวรรณาราม จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร อยู่ที่ตำบลท่าราบ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี มีการปฏิสังขรณ์ในรัชกาลที่ 4 มีอาคารสำคัญได้แก่
1.ศาลาการเปรียญ วัดใหญ่สุวรรณารามเป็นสถาปัตยกรรม-ศิลปกรรมยุคอยุธยาตอนปลาย สร้างด้วยไม้ผนังเป็นฝาปะกน ลงรักปิดทอง แต่การบูรณะผิดพลาดทำให้ถูกทาทับด้วยสีแดงทั้งหลัง เครื่องหลังคาเป็นโครงประดุชนิดมีจันทันต่อ มุงด้วยกระเบื้องกาบูแต่ด้วยการบูรณะที่ไม่ถูกต้องจึงมีการเทปูนตำ(ปูนโบราณ)ลงฉาบทั้งผืนหลังคา แต่ปูนตำเป็นปูนที่ใช้กะดาษฟางเป็นส่วนผสมจึงทำให้อมความชื้นและมีตะใคร่ขึ้นจับหลังคา ศาลาการเปรียญเดิมเป็นของเจ้าฟ้าพระขวัญ ตำหนัก
ต่อมาพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือพระเจ้าเสือ รื้อมาถวายพระสังฆราชแตงโมโดยมีบานประตูแกะสลักที่งดงามและมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์และศิลปกรรมนั่นคือเป็นศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย และที่บานประตูมีหลัก มีรอยแผลบนประตู ทำให้มีประตูแตก ชำรุดถาวร เรียกรอยพม่าฟัน แต่นักวิชาการให้ความเห็นว่า น่าจะเป็นการทำลายประตูตั้งแต่ครั้งรื้อตำหนักถวายสมเด็จเจ้าแตงโม (พระสุวรรณมุณี) พระสังฆราช เกี่ยวเนื่องกับเรื่องวิญญานเจ้าฟ้าพระขวัญ เจ้าของตำหนักเดิม ที่ถูกพระเจ้าเสือสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ เมื่อครั้งสมเด็จพระเพทราชาประชวรใกล้สวรรคต
2.หอเก็บพระไตรปิฏก เป็นอาคารไม้ผนังฝาปะกน รองรับด้วยเสาไม้ 3เสา จากแนวคิดที่ว่า พระไตรปิฎก ประกอบด้วย 3 ปิฎกคือ พระธรรมปิฏก พระไตรปิฏก และพระสุตันตปิฎก
ขอขอบพระคุณข้อมูลดีๆจากสารานุกรมเสรี วิกิพีเดียค่ะ
ไหว้พระอุโบสถด้านใน พร้อมชมภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่มีอายุยาวนานหลายร้อยปีค่ะ
แวะให้อาหารปลาค่ะ
หน้าวัดใหญ่สุวรรณาราม มีร้านข้าวแช่เจ้าอร่อยขาย อากาศร้อนๆอย่างนี้ ต้องแวะไปทานสักหน่อยค่ะ ให้ชื่นใจค่ะ
ข้าวแช่ที่นี้ขายถูกนะค่ะ ชุดละ 20 บาท เครื่องเคียงมีไม่มากค่ะ มีลูกกะปิทอด ไชโป๊หวาน และปลาหวาน
เสน่ห์ของการทานข้าวแช่ที่นี้ คงเป็นช้อนทองเหลือ ที่เก็บความเย็นได้ดีเหลือเกินนะค่ะ ตักเข้าปากทีเย็นซ่าเลยค่ะ หอมกลิ่นน้ำข้าวแช่ ที่ครุกรุ่นกลิ่นดอกกระดังงา เทียนอบ ดอกชมนาถ และกุหลาบมอญที่ออนซอนชอนใชอยู่ในน้ำปรุง หอมสะดุ้งพุ่งไปยอดเขาเอฟเวอร์เรสเลยค่ะ
หลังจากที่ได้ทานข้าวแช่อิ่มแล้วนะค่ะ ไม่ไกลมากนักจากวัดใหญ่สุวรรณาราม เดี๊ยนก็แวะมาบริจาคทรัพย์สมทบทุนช่วยเหลือผู้ยากไร้ใน สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกุ่มสะแกค่ะ
เสร็จจากทำทานที่สถานสงเคราะห์กุมสะแกแล้ว ก็ได้เวลาแว๊นไปไกล ไปร่ำลึกความหลังที่หาดเจ้าสำราญแล้วค่ะ นานมากๆที่ไม่ได้มาเยือนชายหาดแห่งนี้ค่ะ
แวะผ่านทุ่งนาเกลือ ที่กำลังจะเป็นเปลี่ยนเป็นสีขาวค่ะ
เป็นทุ่งนาเกลือที่ใหญ่โตโอฬารพอๆกับแถวสมุทรสาครเลยค่ะ
แวะมาสุะดุดตาลั๊นลากับจุดชมวิวที่นี้ค่ะ เป็นรูปหัวใจ มีหนุ่มบ่าวสาวนาเหลือเอาหัวชนกัน ตั้งมั่นพยานรักอยู่ริมทะเล น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งนะค่ แต่ดูมันร้างๆยังไงไม่รู้นะค่ะ ไม่ค่อยมีคนมาดูแลเลยค่ะ หัวจง หัวใจ สีถลอกปอกเปิกหมดแล้วค่ะ
แวะมาสุะดุดตาลั๊นลากับจุดชมวิวที่นี้ค่ะ เป็นรูปหัวใจ มีหนุ่มบ่าวสาวนาเหลือเอาหัวชนกัน ตั้งมั่นพยานรักอยู่ริมทะเล น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งนะค่ แต่ดูมันร้างๆยังไงไม่รู้นะค่ะ ไม่ค่อยมีคนมาดูแลเลยค่ะ หัวจง หัวใจ สีถลอกปอกเปิกหมดแล้วค่ะ
ขับมอเตอร์ไซต์ แว็นดูนาเกลือมาเรื่อยๆมาตามเส้นทางไม่นาน ก็มาถึงอีกแห่งแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ แหลมผักเบี้ยอันเนื่องจากมาจากพระราชดำริค่ะ มีโบวร์ชัวให้ด้วยนะค่ะ ก่อนเข้าไปด้านในต้องลงชื่อ จะได้โบว์ชัวร์ให้เพื่อศึกษาตามสถานที่ต่างๆค่ะ ถือเป็นอีกแห่งที่ดีมากๆเลยค่ะ เพราะเป็นโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมของนักหลวง เพื่อบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำดีค่ะ
บ่อบำบัดน้ำเสีย
เดินชมป่าชายเลน แต่สะพานชำรุด ติดป้ายไว ห้ามเข้าค่ะ
ต่อจากแหลมผักเบี้ย ขับมอเตอร์ไซต์มาอีก 7 กิโล ก็ถึงแล้วค่ะ หาดเจ้าสำราญ ทะเลสวยน้ำใส งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน ชายหาดสวยงามอีกแห่ง ที่เป็นที่พักผักผ่อนหย่อนใจ
ชายหาดเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย เหมาะอย่างยิ่งที่จะมาปูเสื่อ ทานส้มตำปูม้า ดูดดื่มน้ำปลาร้า ก็อร่อยซ่าบซ่าไปถึงทรวงค่ะ
ชายหาดเจ้าสำราญ ยังคงความงามอลังการสะท้านโลกายิ่งนักเชียวค่ะ
หาดเจ้าสำราญ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบุรี ประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นชายหาด ที่เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ มาแต่สมัยโบราณ มีประวัติเล่ากันมาว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เคยเสด็จมาที่นี่ พร้อมด้วยสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงพอพระราชหฤทัย ในความงามของหาดนี้มาก ทรงประทับแรมอยู่หลายวัน จน ชาวบ้าน เรียกหาดนี้ว่า หาดเจ้าสำราญ จากหาดเจ้าสำราญ ไปทางใต้ประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นชายหาดปึกเตียน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว อีกแห่งของจังหวัดเพชรบุรี หาดเจ้าสำราญเจริญถึงขีดสุดในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากกว่าหาดอื่นๆในสมัยนั้น โดยโปรดเกล้าให้สร้างค่ายหลวงขึ้นเรียกว่า "ค่ายหลวงบางทะลุ" ตามชื่อของตำบลบางทะลุ ที่เป็นที่ตั้งโดยมี "พระตำหนักบริเวณริมหาดแห่งนี้เรียกว่า “พระตำหนักหาดเจ้าสำราญ” ภายหลังทรงหายจากพระประชวร ทรงได้เปลี่ยนชื่อตำบลเสียใหม่ ด้วยชื่อเดิมเห็นว่าไม่เป็นมงคล เป็น ตำบลหาดเจ้าสำราญ ตามชื่อของหาดแต่ต่อมาทรงได้ย้ายพระตำหนักไปยังจุดที่เป็น พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ในปัจจุบันเพราะหาดเจ้า สำราญมีแมลงวันชุมเนื่องจากพระตำหนักแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านชาวประมงทำให้พระตำหนักแห่งนี้มีแมลงวันชุมจนพระองค์แอบได้ยินข้าราชบริพารในพระองค์ บ่นว่า "หาดเจ้าสำราญแต่ข้าราชบริพารเบื่อ" และหาดแห่งนี้ขาดแคลนน้ำจืดจึงโปรดให้ย้ายไปในที่สุด
ขอบพระคุณข้อมูลดีๆจากสารานุกรมเสรี Wikipedia
ชายหาดเจ้าสำราญ ยังคงความงามอลังการสะท้านโลกายิ่งนักเชียวค่ะ
แหงนดูนาฬิกาในข้อมือ เวลาเที่ยงเป๊ะ ขับมอเตอร์ไซต์มาเรื่อยๆ หาร้านอาหารทะเลบรรยากาศดี อาหารราคาไม่แพงนัก นั่งรับลม ชมทะเล ให้สุขสำราญเบิกบานฤทัยค่ะ แวะทานอาหารง่าย สไตล์มนุษย์เงินเดือนน้อยๆ เลยสั่งอาหารจานเดียวมาทาน ผัดกระเพราะทะเล รสชาติอร่อยเริ่ดเว่อร์มากๆค่ะ
นั่งทานอาหารก็ไม่อิ่มมากเท่าไหร่ แต่ก็กินบรรยากาศลมทะเล ที่สรวญเส ปราศจากความเฮฮา แต่ลั๊นลาทำท่าจะง่วงหงาว หาวนอนยิ่งนักค่ะ บรรยากาศดีเริ่ดมากๆ แต่ก็เห็นใจคนขายอาหารรินทะเลนะค่ะ เพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่นักในวันธรรมดา ทำให้ขาดรายได้ไปเยอะพอสมควรค่ะ
เดี๊ยนนั่งกินลมชมวิวทะเล จากนั่งๆ กลายเป็นนอนๆ สับผะหงกอยู่โต๊ะอาหารริมทะเล เพราะหลงไหลในบรรยากาศอันเงียบสงบ สยบความครืนเครง ที่หาดเจ้าสำราญแห่งนี้ค่ะ
หลักจากที่ได้ไปนั่งรับลม ชมวิวทะเล สรวญเสเฮฮา ลั๊นลาบ้าๆบอที่หาดเจ้าสำราญตั้งเกือบ 2 ชั่วโมง ก็ได้เพลาที่ต้องแว๊นๆ แอ๊นๆ มอเตอร์ไซต์กลับเข้ามาในเมืองเพชรบุรีแล้วค่ะก่อนกลับ ที่บ้านอยากทานหม้อแกง เลยต้องซื้อไปฝาก 6 หม้อเลยค่ะ
เดี๊ยนขับมอเตอร์ไซต์มาคืนที่โรงแรมพร้อมเช็คเอาท์ออกจากที่พัก เวลายังเหลืออยู่ เลยเดินมาจิบน้ำชาร้อน ที่ร้านระเบียงไม้ ร้านอาหารเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองเพชรบุรีมาเนิ่นนาน
นั่งรับลมชมวิวแม่น้ำเพชรบุรี
หิวอีกแล้วค่ะ กลิ่นหม้อแกงที่หิ้วเดินออกจากโรงแรมมา น่าทานเหลือเกิน โดยเฉพาะหน้าที่สีไหม้น้ำตาล ชอบทานมากๆ อดใจไม่ไหว เลยหยิบหม้อแกงมาทาน จะได้เพิ่มเบาหวานในเส้นเลือดค่ะ
หิวอีกแล้วค่ะ กลิ่นหม้อแกงที่หิ้วเดินออกจากโรงแรมมา น่าทานเหลือเกิน โดยเฉพาะหน้าที่สีไหม้น้ำตาล ชอบทานมากๆ อดใจไม่ไหว เลยหยิบหม้อแกงมาทาน จะได้เพิ่มเบาหวานในเส้นเลือดค่ะ
หลังจากที่ได้นั่งทานขนมหม้อแกงจนอิ่มหมดไป 1 หม้อ เดี๊ยนก็นั่งวินมอเตอร์ไซต์ มาที่ท่ารถตู้ในเมืองเพชรบุรี อยู่ใกล้ๆเขาวังค่ะ ฝั่งถนนเพชรเกษม นั่งรถตู้กลับกรุงเทพ 100 บาท รอบเวลา 6 โมงเย็นเป๊ะเลยค่ะ เป็นอันจบทริปเที่ยวเมืองเพชรบุรี สุขเกษมเปรมปรีดิ์ยิ่งนักเชียวค่ะ
สำหรับรีวิวทริปเดินทางเที่ยวเมืองเพชรบุรีในครั้ง เดี๊ยนต้องขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่เสียสละเวลาเข้ามาดูรูปภาพกากๆ มาอ่านเนื้อหาโกโรโกโส ที่เดี๊ยนได้ลงไว้ในเว็ปบล็อกนี้นะค่ะ เดี๊ยนเองก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รีวิวเที่ยวเมืองเพชรบุรี ที่เดี๊ยนได้นำเสนอไปคงจะเป็นแรงบันดาลใจให้ท่านออกมาโลดแล่น ตะแล๊ดแต๊ดแต๋ท่องเที่ยวทั่วไทย ไปไกลนอกโลกกันไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากข้อมูลดังกล่าวที่ดิฉันนำเสนอไปผิดพลาด อักขระตกหล่น ก.ไก่ มีไม่ขา ป.ปลาไม่มีแขน ประการใด เดี๊ยนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
แวะเที่ยวหัวหิน เยือนถิ่นกำเนิดโครงการพระราชดำริ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แวะมาหัวหิน เยือนถิ่นกำเนิดโครงการพระราชดำริ ที่บ้านเขาเต่า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
บล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนตุลาคม ไปตามรอยโครงการหลวง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น