มาแล้วจ้า บทความรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนเมษายนี้ ไม่ได้จรลีหนีไปใหนไกล เลยขอเช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวในสิงห์บุรีแล้วกันจ้า |
ใหนๆแวะเข้ามาทั้งทีอย่าพึ่งด่วนจี๋ คลิ๊กหนีไปใหนนะค่ะ เพราะวันนี้เดี๊ยนจะมาขอเคาะแป้นพิมพ์ ร่ายบทความบล็อกท่องเที่ยวประจำเดือนนี้ให้เพื่อนได้สไลด์ดูกันค่ะ โดยเดือนนี้ เดี๊ยนเองก็ไม่ได้จรลี บินลัดฟ้าหนีไม่ใหนไกลค่ะ เนื่องจากเมษายน มันร้อนรน และงานที่ทำประจำอยู่มันล้นมือเหลือเกิน ก็เลยขอแวะไปเที่ยวใกล้ๆในภาคกลางแล้วกัน เลยตัดสินใจไปเที่ยวที่เมืองลพบุรี และเมืองสิงห์บุรีล่ะกันค่ะ
โดยทริปนี้เดี๊ยนแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวคนเดียวอีกเช่นเคยค่ะ เหมือนกับทริปที่ผ่านมานั้นแหละค่ะ ตอนแรกได้กริ๊งกร๊างชวนเพื่อนเหลานางๆชายไม่จริง หญิงไม่แท้แต่ละนางแล้ว นางก็ไม่ว่างสักที และอีกอย่างแต่ละนางก็มีสามีรวยได้ รวยดีกันหมดล่ะ เหลือเดี๊ยนนี้แหละค่ะ ยังไม่ลงจากคานสักที แต่ก็ขอเป็นโสดแบบนี้แหละ อิสระดี ไปใหนก็ได้สบายใจเว่อร์ แต่บางครั้งก็เที่ยวจนเอ๋อเหรอจนสมองเบลอเหมือนกันนะ จัดไปค่ะ เที่ยวมันส์ให้ทั่วไทย ไปมันส์ให้ทั่วโลกเลย ฮ่าๆๆ
สำหรับทริปนี้วางแผนไปเที่ยวทั้งเมืองลพบุรีและสิงห์บุรีมารวม 2 วัน 1 คืนค่ะ โดยเลือกเมืองลพบุรีเป็นศูนย์กลางจักรวาลในการพักค้างแรมค่ะ เนื่องจากว่าที่โรงแรมในลพบุรี มีรถมอเตอร์ไซต์ให้เช่าด้วย ตอนแรกกะว่าจะมาเที่ยวเมืองลพบุรีอย่างเดียวนะค่ะ แต่ๆเผอิญได้ติดต่อกับโรงแรม Noom's guesthouse ไว้ซึ่งทางที่พักมีรถมอเตอร์ไซต์ให้เช่าด้วย วันละ 300 บาท เดี๊ยนเลยจัดไปค่ะ เช่ามอเตอร์ขับตะลุยไปเทีี่ยวสิงห์บุรีด้วยเลยแล้วกัน เพราะสองจังหวัดนี้อยู่ใกล้ๆกัน ขับไปไม่กี่สิบโลก็ถึงล่ะ และอีกอย่างถนนหนทางก็กว้างขวาง ใหญ่โตโอฬาร ่ไปที่ราบภาคกลาง ราวรานถึงทรวงในยิ่งนัก
แม้จะเมืองสิงห์บุรีจะเป็นเมืองเล็กกะจิ๊ดลิ๊ด แต่ก็มีเสน่ห์กิ๊บเก๋ ยูเรก้าช่ะช่ะหัวใจ ให้แวะไปเดินลั๊ลลาชมกันไม่น้อยค่ะ เพื่อนๆคนใหนที่ยังไม่เคยไปเที่ยวสิงห์บุรี มาม๊ะออกไปเที่ยวเมืองนี้กันค่ะ อย่าคิดเสียว่าเป็นเมืองผ่าน ลองแวะมาเดินร้าวรานดูสักครั้ง เพราะมีของอร่อยเริ่ดแบบปังๆ ให้ไปนั่งทานอยู่ไม่น้อย และเมืองสิงห์บุรียังมีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆทั้งของกินก็ถูกปาก ของฝากก็ถูกใจ งามวิไลเร่ิ่ดสะแมนแตนอย่างแน่นอนจ้า
เอาล่ะ เดี๊ยนจะไม่บ่นพร่ำเพร้อไปมากกว่านี้แล้วค่ะ ขอมาสรุปแผนการเดินทางท่องเที่ยวสิงห์บุรีในเว็ปบล็อกนี้ให้ท่านได้ฉิมพลีอ่านกัน เผื่อใครจะมาตามรอยก็ไม่ว่ากันค่ะ มาม๊ะ มาเที่ยวแบบไทยๆสไตล์ภาคกลาง รับรองว่างามสพร่างอย่างแน่นอนจ้า
วันแรก เดือนเมษายน 2561
- 9.00 น. เริ่มต้นเดินทางโดยสารนั่งรถตู้จากกรุงเทพ- ไปลงลพบุรี (ตอนแรกจะนั่งรถไฟ แต่ดูแล้วไม่น่าจะทันค่ะ เลยตัดสินใจนั่งรถตู้นี้แหละสะดวกดี)
- 11.00 น. ถึงเมืองลพบุรี เช็คอินน์ ณ ที่พักโรงแรม Noom's guesthouse จ่ายค่าห้องพักคืนละ 200 บาท คือแบบถูกมาก ห้องพักพัดลม เตียงเดี่ยวนอนคนเดียว เน้นแค่นอนอย่างเดียว ไม่เน้นสบายๆเอาแบบง่ายๆ
- 13.30 เช่ารถมอเตอร์ไซต์จากที่พัก โดยเช่ารถวันละ 300 บาท ขับจากเมืองลพบุรีไปยังสิงห์บุรี ระยะทางประมาณ 26 กิโลเมตร ถือว่าไม่ไกลนะค่ะ จังหวัดอยู่ใกล้ๆกันเลย
ส่วนโปรแกรมเที่ยวช่วงบ่าย ที่เดี๊ยนขับมอเตอร์ไซต์ตะลอนเที่ยวในสิงห์บุรี มีดังนี้ค่ะ
- 14.00 น. ไปใหว้พระนอนจักรสีห์
- 14.30 น. ไปไหว้พระวัดหน้าพระธาตุ ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดพระนอนจักสีห์
- 15.00 น. ไปไหว้พระที่วัดพิกุลทอง
- 16.00 น. ไปที่ตลาดค่ายบางระจัน เดินเลาะหาของกิน วันที่เดี๊ยนไปถึงนั้น ตลาดก็เริ่มวายแล้วค่ะแนะนำหากใครจะไป แวะไปเนิ่นๆหน่อยก็ดีนะค่ะ
- 18.00 น. เดินทางเข้าเมืองสิงห์บุรี แวะไปทานอาหารที่ร้านรำพึง ดูในรีวิวมีคนบอกว่าเป็นร้านดังประจำจังหวัด เดี๊ยนเลยขอแวะไปลิ้มลองซักหน่อย
- 19.00 น. เดินทางกลับ ขับมอเตอร์ไซต์ฝ่าความมืดกลับเมืองลพบุรี จบทริปเที่ยวเมืองสิงห์บุรีค่ะ
เพื่อให้เห็นภาพ ดิฉันขอมาร่ายรีวิวเที่ยวสิงห์บุรี ตามรูปภาพดังนี้ค่ะ เผื่อใครจะที่จะมาเที่ยวแต่ไม่มีรถส่วนตัว ก็แวะมาเที่ยวได้ทั้งสองเมืองเลย เริ่ดๆเชิ่ดจ้า เช่ามอเตอร์ไซต์เที่ยว แม้จะร้อนหน่อย แต่สีทนได้ค่ะ
และทริปเดินทางในครั้งนี้ก็เริ่มต้นด้วยการนั่งรถตู้โดยสารจากกรุงเทพมาลงที่ลพบุรีก่อนเลยจ้า |
ดิฉันเลือกนั่งรถตู้โดยสารขนาดกะจิ๋วหลิว ออกจากท่ารถตู้ที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตมาลงที่เมืองลพบุรีค่ะ
เนื่องจากวันที่เดินทางนี้เป็นวันอาทิตย์ รถรถตู้ไม่นานค่ะ แป๊บเดียวคนก็เติมล่ะ
ค่าเสียหายเดินทางด้วยรถตู้จากกรุงเทพมาลพบุรีอยู่ที่ 100 บาทขาดตัวเลยจ้า |
ราคา 100 บาทขาดตัวเลยจ้า จะขอลดไม่ได้นะ
รถตู้มาจอดที่สถานีขนส่ง จากนั้นก็นั่งวินมอเตอร์ไซต์ 30 บาทรักษาทุกโรคมาชะโงกทัวร์ลงที่สถานีรถไฟลพบุรีจ้า |
เพราะไปรถไปติดตรงสระบุรี และรถไปแช่จอดรถรับคนอีก เลยนานหน่อยค่ะ แต่ก็ถึงเมืองลพบุรีอย่างปลอดภัยค่ะ
รถตู้ที่เดี๊ยนนั่งไปจอดที่สถานีขนส่งเลยค่ะ แต่เนื่องจากที่พักคืนนี้ เดี๊ยนพักใกล้ๆสถานีรถไฟ ก็เลยต้องนั่งวินมอเตอร์ไซต์ค่ะ
นั่งวินมอเตอร์ไซต์มาลงที่สถานีรถไฟก็มาตั้งหลักไซร์ งามวิไลด้วยการเปิดมือถือหาสัญญาณ เดินร้าวรานไปเพื่อไป check in ณ ที่พัก |
นอนค้างในเมืองลพบุรีคืนนี้ พักที่ Noom's guesthouse |
ห้องพักสำหรับคืนนี้ ไม่เน้นหรูหรา ขอแค่มีหลังคากันฝน ก็นอนได้ล่ะ ห้องพักคืน 215 บาท ห้องน้ำรวมจ้า |
ห้องพักเตียงเดี่ยว Single room ห้องพัดลม ห้องน้ำรวม ห้องพักคืนละ 215บาทถือว่าโอเคนะ ไม่คิดอะไรมาก สะอาดสะอ้านดีด้วย
ที่พักแนวเกสต์เฮ้าส์ สไตล์บ้านพักเรือนไม้เก่าๆออกแนวบูติคหน่อย เหมือนมานอนบ้าน อะไรประมาณนั้นแหละค่ะ เป็นที่พักแนว Backpack แขกที่มาพัก เดี๊ยนก็เห็นแต่ฝรั่งมังข้าตาน้ำข้าว ผมสกาวสีทองมาเดินย่องๆพักกันที่นี่เยอะเลย
ส่วนในห้องพักก็เป็นห้องเล็กกะทัดรัด แต่ก็ไม่ถึงกับอึดอัดมากนัก พอขยับแข้งขา ลั๊ลลาได้อยู่นะ มีกระติกน้ำร้อนให้ด้วย ส่วนเตียงนอนก็ดีเลยค่ะ แม้ห้องจะเล็ก แต่เตียงนอนก็ดีอยู่นะ ไม่นิ่มจนเกิน ส่วนหมอนก็ไม่ย้วยแบนราบไปเสียทีเดียว มีพัดลมให้อันนึง แต่ฝุ่นเกาะจนสะพรึงเชียว ดูมาตายเอาตรงพัดลมเนี่ยแหละค่ะ เดี๊ยนเลยต้องเช็ดเอง
ห้องน้ำรวมนะค่ะ แต่ก็สะอาดสะอ้านดี ฉิมพลีไม่ใช่น้อยเลย |
ส่วนด้านล่างของที่พัก ก็เป็นร้านอาหารและบาร์นั่งดื่ม ตกแต่งสไตล์ชิวๆ ชิคๆเก๋ๆ น่าจะเทห์ถูกใจวัยแนวค่ะ คืออารมณ์แบบเกสต์เฮ้าส์เอาใจคนเดินทาง พักง่าย กินง่ายๆ เที่ยวง่ายๆ จ่ายในราคาหลักร้อย
ตรงข้ามก็มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆด้วยนะค่ะ แต่อากาศช่วงเที่ยงแดดร้อนรุ่มเร้าดั่งไฟเผาทรวงยิ่งนัก
เพื่อให้การเดินทางสะดวกสบาย เดี๊ยนเลยขอพร่างพราย ด้วยการเช่ารถมอเตอร์ไซต์วันละ 300 บาท จะได้อ้อยสร้อยขับไปที่อื่นได้ |
โดยค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ วันละ 300 บาท
มัดจำรถ 3000 บาทเลยนะค่ะ หากใครจะมาเช่าก็เตรียมสะตุ้งและสตังมาแบบเว่อร์ เกินๆหน่อยนะ จะได้มีเงินมัดจำรถค่ะ
และก็บัตร ปปช.ทางร้านจะยึดบัตรไว้ค่ะ ส่วนเดี๊ยนก็ใช้ใบขับขี่รถมอเตอร์ไซต์แทน ปปช.แทนค่ะ
ได้มอเตอร์ไซต์ให้เช่าแล้ว ที่นี้ก็เตรียมลุยเดินทางเลยค่ะ ถ้าไม่มีรถมอเตอร์ไซต์ คงจะลำบากในการเดินทางเป็นแน่แท้ค่ะ เพราะจะเดินทางทีก็ต้องพี่งรถสองแถว จะด่วนแจ๋วหรือเหาะเหินเดินอากาศ ก็คงไม่กระชากใจนัก
หลังจากที่ดำเนินขั้นตอนกระบวนการเช่ารถมอเตอร์ไซต์แล้วนะค่ะ ไม่ไกลนักจากที่พัก เดี๊ยนก็ขยับแข้งขา เดินลั๊ลลามาหาอะไรทานที่ร้านข้าวแกงป้าร้านหัวมุม
มีอาหารหลากหลายให้ทานในราคาย่อมเยาว์ มีผัดกระเพรารสจัดจ้านให้ลองทานกัน
ทานอาหารเที่ยงมื้อนี้ เดี๊ยนก็ทานแบบง่ายๆ สบายๆ อาจจะร้อนหน่อยนะ แต่ก็ประหยัดตังดีค่ะ
ส่วนอาหารเที่ยงมื้อนี้ก็ง่ายๆ มาเดินทานร้านข้าวแกงคุณยายริมถนน แต่อากาศก็ร้อนรนทีเดียว เคี้ยวข้าวไปกินเหงื่อไปด้วย อร่อยจ้า |
ได้รถมอมอเตอร์ไซต์แล้วก็พร้อมลุย ขับจากเมืองลพบุรีไปยังสิงห์บุรี ทริปนี้ไม่ไกลไม่ลำบาก แต่ร้อนกระชากใจแน่ๆค่ะ |
ระยะทางจากลพบุรี ไปยังสิงห์บุรี ประมาณ 26 กิโลเมตร |
เส้นทางก็เป็นถนนลาดยาง บนที่ราบลุ่มภาคกลาง งามสะพร่างดั่งสายน้ำทิพย์ ไม่ได้เป็นถนนลูกรังเหมือนสมัยก่อนแล้วนะค่ะ เดี่ยวนี้เจริญรูดหน้าก้าวล้ำนำสมัยไปไกลเว่อร์แล้ว จะขับรถราไปมาหาสู่กันก็ง่าย พร่างพรายดีเว่อร์ แต่อย่าเผลอเรอขับเร็วล่ะ เดียวจะหกเขม้นตีลังกา เลือดขึ้นหน้าฝ้าขึ้นหลังเอานะ
เนื่องจากว้ันที่ไปนั้นเป็นวันอาทิตย์ ถนนหนทางก็โล่งไม่ค่อยมีรถมากนัก แต่อากาศก็ร้อนคั๊กแหงหลายอีหลีเด้อ ร้อนสุดขั้วจนอยากจะถอดเสื้อทิ้งกันเลยทีเดียวล่ะค่ะ
อากาศร้อนมากๆ แวะซื้อน้ำตาลสดริมทาง ของหวานแก้กระหายคลายร้อน |
น้ำตาลสดรสชาติหวานหอม กำลังดี กินแล้วสดชื่นรื่นฤดียิ่งนักแล |
ลูกตาลอ่อน รสออสซอน เหมาะนำไปกินคู่กับแมงกระชอน รสชาติคงสะหลอนไม่น้อย |
ใหนๆจอดแวะริมทางทั้งที ก็ช่วยอุดหนุนแม่ค้าเลยแล้วกันค่ะ แม้ค้าจะมีรายได้
แม่ค้าริมทางขายไม่แพง ถุงละ 60 บาท เบ้อเริ้มเทิ่มเลย ส่วนน้ำตาลสดรสชาติหอมหวานนั้น ถุงละ 20 บาทขาดตัว อย่าต่อเลย เดียวแม่ค้าขาดทุนนะจ๊ะ
เดี๊ยนขับรถมอเตอร์ไซต์ออกจากเมืองลพบุรีมาเรื่อยๆ เฉื่อยๆหน่อยๆแต่ปลอดภัยนะค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงมีป้ายบอกตลอดทาง ขับมาตามป้ายค่ะ แต่อย่าเอ๋อเหรอไปเข้าถนนเอเชียล่ะ เดียวจะเพลียหัวใจเอา เพราะจะหาทางคลอเคล้า จนมาถึงที่หมายกับสถานที่ท่องเที่ยวแรกเมื่อมาเยือนสิงห์บุรี คงหนีไม่พ้น มาไหว้พระวัดพระนอนจักร์สีห์
ถือวัดใหญ่โตโอฬาร ร้าวร้านถึงทรวงในยิ่งนัก เป็นวัดที่โด่งดังมีชื่อเสียงที่สุด ใครที่แวะผ่านไปหรือมาก็คงต้องมาไหว้พระวัดนี้สักครั้งครา จะได้สุขอุราถ้วนทั่วหน้ากัน มีที่จอดรถรากว้างขวาง
ดิฉันขับรถเข้าไปจอดด้านใน จากนั้นก็เดินตะไลมาไหว้พระ ก็ต้องผงะตกใจกับภาพคุณลุงถือปืนยาว นุ่งโจงกระเบน แต่งตัวโบราณ ที่ใครแวะผ่านก็ต้องหยิบมาถือมาถ่ายรูปกันทุกคนเลย
เข้ามาในวัด สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับพุทธศาสนิกชนก็ต้องจุดธูปเทียน ดอกไม้สด
ไหว้พระปิดทองที่วัดพระนอนจักรสีห์ |
ซึ่งปิดกันจนอร่ามเรืองรองผุดผ่องเป็นยองใยไปหมดเลยค่ะ
พระนอนจักรสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี |
สำหรับวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลจักรสีห์ อำเภอเมือง เป็นวัดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสิงห์บุรี เป็นสถานที่ประดิษบานพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ที่สุด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่ปรากฎหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง ทราบแต่ว่าเมื่อปี 2292 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 หรือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ได้เสด็จมาทรงนมัสการและประทับแรมที่วัดแห่งนี้ เป็นเวลา 1 คืน เมื่อเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยาแล้วโปรดให้ทำการปฎิสังขรณ์ องค์พระพุทธไสยาสน์ใหม่ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วได้เสด็จมายังวัดแห่งนี้อีก เพื่อทรงสมโภชและเฉลิมฉลองวัดเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน แล้วจึงเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา
พระนอนจักรสีห์ งดงามตามแบบศิลปะสุโขทัย งามวิไลหยดย้อยยิ่งนัก |
ภายวิหารก็ประดิษฐานพระพุทธรูปอีกด้วย
เดินออกมาก็มีเกจิอาจารย์ชื่อดังให้ได้กราบสักกาะกันด้วยค่ะ
หลังจากที่ได้ไหว้พระนอนจักรสีห์แล้ว ใกล้กับวัดพระนอนก็เป็นที่ตั้งของวัดสำคัญอีกแห่งนั้นก็คือ วัดหน้าพระธาตุ ซึ่งประดิษฐานหลวงพ่อทันใจ สามารถเดินเท้าไปได้ไม่ไกลนัก ระยะทางจากวัดพระนอนจักรสีห์ไปวัดหน้าพระธาตุประมาณ 500 เมตรค่ะ ใหนแวะมาทั้งที ก็เดินออกกำลังกายไปดีกว่าค่ะ
เดินมาไม่ไกลนักก็ถึงวัดหน้าพระธาตุแล้วค่ะ ช่างแตกต่างจากวัดพระนอนจักรสีห์ยิ่งนัก เพราะเป็นวัดที่เงียบสงัด สลัดความครืนเครง ไม่ค่อยมีนักเดินทางแวะมากันเท่าใดนัก หากเข้ามาที่วัดนี้จะเห็นองค์พระปรางค์ซึ่งเป็นโบราณสถาน
สาระน่ารู้เกี่ยวกับวัดหน้าพระธาตุ มาอ่านกันดูเป็นความรู้ค่ะ
สำหรับวัดหน้าพระธาตุนี้ แต่เดิมเรียกกันว่าวัดศรีษะเมือง ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดหน้าพระธาตุ และเชื่อกันว่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมลำน้ำจักร์สีห์ บริเวณเมืองสิงห์เก่า
ตัววัดตั้งอยู่บนลานดินยกพื้นสูง มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดประมาณ 34x116 เมตร ล้อมรอบไปด้วยกำแพงแก้ว ภายในประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงปรางค์เป็นหลักของวัด องค์ปรางค์ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นรูปครูฑขนาบด้วยอสูรถือกระบองบนชั้นอัสดง วิหารตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก และพระอุโบสถตั้งอยู่ด้านตะวันตก
พระปรางค์เก่าแก่ในวัดพระธาตุ |
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานวัดหน้าพระธาตุ เป็นโบราณสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2478
องค์หลวงพ่อทันใจ อีกหนึ่งพระศักดิ์สิทธิ์ที่นักเดินทางห้ามพลาด ต้องมาผงาดเคารพสักการะกันสักครั้ง |
และหากใครที่มาวัดหน้าพระธาตุแห่งนี้ ก็ไม่พลาดที่จะต้องกราบสักกาะขอพ่อหลวงพ่อทันใจ เพื่อความเป็นสิริมงคลกันค่ะ ซึ่งแต่ก่อนองค์หลวงพ่อจะเป็นสีขาว แต่ตอนนี้เปลียนเป็นองค์สีทอง และทำศาลากำบังแดดและฝนได้ด้วย
หลังจากได้ไหว้พระเสร็จก็มาระเหินระเห็ดเดินช๊อปปิ้งแวะซื้อของกินหรือของฝากที่ตลาดต้องชม ซึ่งอยู่ภายในวัดพระนอนจักรสีห์เลยค่ะ
แวะเดินช๊อปแอนด์ชิล ที่ตลาดต้องชม ให้สุขสมอุรา |
เดินมาชักจะหิว เห็นแม่ค้ากำลังปิ้งข้าวเกรียบว่าวใบใหญ่เว่อร์อยู่ เดี๊ยนไม่รีรอขอมาเป็นลูกค้าอุดหนุนแม่ค้าด้วยคนค่ะ เพราะเห็นทำสดๆดูน่าทานมาก
รอไม่นานนักก็ได้มาทานแล้วค่ะ ขนมข้าวเกรียบแบบไทยๆ อร่อยไฉไลในราคาถูกเว่อร์ค่ะ หากเพื่อนท่านใดที่แวะมาเที่ยวที่นี้ ก็อย่าลืมแวะซื้อและเลือกหาอุดหนุนสินค้าของฝากจากชาวบ้านด้วยนะค่ะ เพราะชาวบ้านจะได้มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว
แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรี ยังมีอีกหลายแห่งเลย แม้จังหวัดจะเล็กกะจิ๊ดลิ๊ด แต่มีสถานที่ศุภนิมิตรมงคลรื่นรมย์อุราอยู่ไม่น้อยเลย |
และหลังจากที่ได้ไหว้พระที่วัดพระนอนจักรสีห์และไหว้พลวงพ่อทันใจที่วัดหน้าพระธาตุแล้วนะค่ะ
ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์มุ่งหน้าเดินทางไปไหว้พระต่อที่วัดพิกุลทองเป็นที่ตั้งขององค์หลวงพ่อใหญ่
วัดพิกุลทอง |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับวัดพิกุลทอง อ่านกันดูค่ะ
เหตุที่วัดพิกุลทอง (เดิมชื่อวัดใหม่พิกุลทอง) เป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวบ้านตำบลพิกุลทองนั้น น่าจะเป็นเพราะความเสื่อมใสในหลวงพ่อแพ (พระเทพสิงหบุราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี) อดีตเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ซึ่งเป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่งที่ทำประโยชน์ต่อพุทธศาสนามากมาย ทั้งยังมีส่วนทำให้วัดพิกุลทองแห่งนี้สวยงามอยู่ตลอดเวลา จนชาวบ้านพากันเรียกวัดนี้อีกชื่อหนึ่งว่า “วัดหลวงพ่อแพ” และนี่เองคือที่มาของพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อแพ ที่ตั้งอยู่ภายในวัดซึ่งจัดแสดงเรื่องราวประวัติของหลวงพ่อแพและเครื่องอัฐบริขารของท่านตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ไม่ควรพลาดชมพระพุทธสุวรรณมงคลมหามุนี หรือ หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีขนาดหน้าตักกว้าง 11 วา 2 ศอก สูง 21 วา 1 คืบ 3 นิ้ว ภายในเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กประดับด้วยโมเสกทองคำธรรมชาติชนิด 24 อีกทั้งรอบพระวิหารใหญ่ยังมีวิหารคตซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันต่างๆ และพระสังกัจจายน์องค์ใหญ่และด้วยบรรยากาศภายในวัดมีความร่มรื่น สะอาดสะอ้าน จึงทำให้มีผู้เดินทางมาชมวัดนี้กันอยู่เสมอโดยเฉพาะ ในช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุดพิเศษ
ขอบพระคุณสาระข้อมูลจาก https://thai.tourismthailand.org/สถานที่ท่องเที่ยว/วัดพิกุลทอง--2553
ภายในวัดก็มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมากราบสักการะองค์หลวงพ่อกันตลอดทั้งวัน แต่ไม่เยอะเท่าวัดพระนอนจักรสีห์ สำหรับบรรยากาศในวัดพิกุลทองแห่งนี้ ถือว่าสวยงามมากๆ แวดล้อมไปด้วยทุ่งนา ที่จอดรถกว้างขวาง ไม่แออัด มีมุมน่งเล่นสบายๆ
เด็กกำลังสนุกสนานกับการตีระฆัง กังวาลดียิ่งนัก |
ถนนสวยงาม ต้องตามมาชม |
นาข้าวหว่านเอา ต้นกล้าอ่อนกำลังเนินเนาเจริญงอกงาม |
หลังจากนั้นก็ขับมอเตอร์ไซต์มาตะลอนแวะที่วัดโพธิ์เก้าต้น |
ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน หากใครแวะมาสิงห์บุรีในช่วงวันหยุด ต้องไม่พลาดมาสะดุดหาของกิน อร่อยฟินที่นี้นะค่ะ |
เดินเข้ามาก็มีบริการรถม้า และวัวเทียมเกวียนให้นั่งด้วยนะค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน
สำหรับตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ที่วัดโพธิ์เก้าต้น เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณกลางปี 2559 จากการรวมตัวของชาวบ้านทำตลาดเล็กๆ บริเวณหน้าวัดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวด้านอาหารการกิน ตานนโยบายของพระครูวิิชิตวุฒิคุณ เจ้าคณะอำเภอค่ายบางระจัน เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เก้าต้น ที่ต้องการให้วัดเป็นที่พึ่งของชาวบ้านอย่างแท้จริ เนื่องจากช่วงสองสามปีที่ผ่านมาชาวบ้านประสบปัญหาความยากจน เนื่องจากภัยแล้ง ต่อมาพอจะทำการเพาะปลูกได้ ราคาผลิตก็ตกต่ำอีก ชาวบ้านเป็นคนชนบท ไม่มีทางเลือกในการประกอบอาชีพมากนัก ส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดรายได้ และปัญหาหนี้สิน
พระครูวิชิตวุฒิคุณจึงออกดำริว่าชาวบ้านแถวบ้านแถบนี้มีภูมิปัญญาอาหารไทยพื้นบ้านอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น จึงมีการพูดคุยกับคุณทำงานที่ใกล้ชิดในการรวบรวมจัดทำร้านค้าชุมชน ช่วงนั้นมีประมาณ 20 ร้าน ที่สนใจเข้ามาจัดทำตลาดพื้นบ้านบริเวณสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ด้านหน้าของวัด เนื่องจากวัดโพธิ์เก้าต้นก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีผู้คนแวะเวียนมาเป็นประจำโดยเฉพาะช่วงเสาร์ อาทิตย์ จากจุดนั้นผ่านมาปีเศษ กลับกลายเป็นตลาดไทยย้อนยุค บ้านระจัน มีร้านค้ากว่า 300 ร้านค้า ในพื้นที่ประมาณ 5 ไร่เศษ ด้านหลังของวัดซึ่งติดกับคลองประวัติศาสตร์บางระจัน
ปัจจุบันตลาดไทยย้อนยุคได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จนประมาณปี 2559 ช่วงงานลอยกระทง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้พิจารณาให้ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน เป็นหนึ่งในอันซีนทัวร์ไทยแลนด์ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจ ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ มีงานทำ สามารถเลี้ยงครอบครัวได้
เดินมาในตลาดก็มีมุมถ่ายรูปสไตล์ไทยย้อนยุคบางระจัน ให้มุ้งมิ้งกันอยู่หลายมุมเลยค่ะ
และที่ขาดไม่ได้ก็คงเป็นการถ่ายรูปกับเหล่านักรบบางระจันที่เป็นมนต์เสน่ห์ของตลาดแห่งนี้ไปเสียแล้วค่ะ เนื่องจากการทำตลาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและโดดเด่น และอีกอย่างคนไทยเราเองก็บ้าถ่ายรูปด้วย ไม่เว้นแม้กระทั้งเดี๊ยนก็บ้าถ่ายรูปโน้นนี้นั้นไปเรื่อยเปื่อย ก็ยิ่งทำให้คนอยากจะออกมาเที่ยวค่ะ
ส่วนอาหารของกินก็ยังมีอยู่บ้าง แต่หลายร้านก็เริ่มทยอยปิดไปแล้วล่ะ
ในตลาดส่วนใหญ่ก็จะเน้นขายของกินแบบไทยให้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นผัดไทย ส้มตำถาด ของหวาน ขนมไทยๆ ทุกอย่างเน้นความเป็นไทยดีงาม ตามย้อนยุคไปสมัยกรุงศรีเป็นสุดๆค่ะ
มีที่นั่งริมแม่น้ำ ให้ได้พักผ่อนกันอย่างร้าวรานใจอีกด้วย |
เนื่องจากตลาดเริ่มวายแล้ว หลายร้านต่างทยอยเก็บของหมด เหลือแต่ร้านขนมเปียกปูนสดๆเนี่ยแหละค่ะ ที่ยังเปิดอยู่ |
เนื่องจากมาเอาซ่ะตอนตลาดวาย ดิฉันก็เลยต้องเดินพร่างพรายต่อคิว หิวโหยสั่งขนมเปียกปูนสดๆ มาทานค่ะ |
ขายไม่แพงด้วย แค่ถ้วยละ 20 บาทค่ะ
แม่ค้าขายขนมเปียกปูน ใส่หมวกงอบ หอบความสุข |
มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ให้กราบสักการะกันอีกด้วย
ประวัติความเป็นมาของวีรกรรมชาวบ้านบางระจัน |
ณ สถานที่นี้ประมาณ 240 ปีเศษมาแล้ว ชาวบ้านบางระจันได้ประกอบวีรกรรมพลีชีวิต ต่อสู้กับกองทัพพม่า ข้าศึกที่รุกกราน เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยเป็นมรดก ตกทอดมาถึงทุกวันนี้
ก่อนกรุงศรีอยุธยาจะเสียแก่พม่า กองทัพพม่าได้ล้อมกรุงศรีอยุธยาโดยมี เนเมียวสีหบดีเป็นแม่ทัพ ได้ให้กองทหารพม่าไปปล้นทรัพย์และจับชาวบ้านเมืองวิเศษชัยชาญ พวกชาวบ้านพากันโกรธ จึงคิดแก้แค้น ผู้นำชาวบ้านซึ่งมีนายดอก นายทองแก้ว ได้ลวงทหารพม่าไปฆ่าเสียหลายนาย แล้วพากันมายังบ้านบางระจันสมทบกับชาวบ้านบางระจันซึ่งมี นายแท่าน นายโชติ นายอิน นายเมือง นายทองเหม็น นายจันหนวดเขี้ยว นายทองแสงใหญ่ ขุนสรรค์ พันเรือง เป็นผู้นำได้รวบรวมกำลังชายชกรรจ์กว่า 400 คน ตั้งค่ายขึ้น ณ บ้านบางระจัน เพื่อต่อสู้กับกองทัพพม่าและได้นิมนต์ พระอาจารย์ธรรมโชติ ผู้เรืองวิทยาคม มาเป็นขวัญกำลังใจ ให้ชาวบ้านบางระจันด้วย
เมื่อกองทัพพม่า รู้เรื่องค่ายบางระจัน ก็จัดกองทัพมาปราบแต่ก็แตกพ่ายไปถึง 7 ครั้ง ชาวบ้านบางระจัน ซึ่งกำลังคนและอาวุธน้อยกว่า ได้ต่อสู้กับกองทัพที่กำลังพลและอาวุธเหนือกว่าจนเสียชีวิตทั้งหมดในค่ายบางระจันแห่งนี้ ค่ายบางระจันเสียแก่พม่า เมื่อวันแรม 2 ค่ำ เดือน 8 ปี 2309 ถึงกระนั้นทัพพม่าก็ต้องใช้เวลาตีค่ายบางระจันนานถึง 5 เดือนเศษ
เกิดมาใครไม่ม้วย มีไฉน
บางระจันม้วยสม ศักดิ์ม้วย
ม้วยด้วยเกียรติเกรียงไกร เกริ่นเกริก
ออมยศยอมม้วยด้วย ค่าแพง
(ขอบพระคุณป้ายความรู้ในวัดค่ายโพธิ์เก้าต้น)
แวะมากราบสักการะอนุสาวรีย์อนุสรณ์ค่ายบางระจัน |
หากใครที่แวะมาที่สิงห์บุรีแห่งนี้ ก็ไม่ควรพลาดแวะมาเคารพสักการะ เพื่อรำลึกถึงบรรพชนไทย ที่ปกป้องคุ้มเย้ารักอธิปไตยไว้จนถึงทุกวันนี้
อนุสรณ์วีรชนค่ายบางระจัน |
นี้ก็เลยเวลามาจวนจะพลบค่ำแล้ว ได้เวลาเดินทางกลับแล้วค่ะ
หลังจากที่ได้กราบสักการะอนุสาวรีย์บางระจันแล้ว
ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์เดินทางเข้ามาในเมืองสิงห์บุรี
ระหว่างเดินทางมานั้น ก็แวะพักถ่ายรูปยามเย็น ที่ลานพุทธมณฑลตรงวัดพระนอนจักร์สีห์
หากใครที่แวะไปจะเห็นสวยเด่นเป็นสง่าอยู่ริมถนนเลยค่ะ
บรรยากาศยามเย็น มานั่งเล่นริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเมืองสิงห์บุรี |
แต่ยังดีที่ตามต่างจังหวัด ลมพัดโชยโบก โชกโชยยิ่งนัก ถึงแม้จะร้อน
ขับมอเตอร์ไซต์เข้ามาในเมืองสิงห์บุรี ก็มาเดินฉิมพลีที่ทำนบริมแม่น้ำเจ้าพระยาในตัวเมือง
บรรยากาศโดยรอบนั้น เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย เหมาะแก่การมาผ่อนคลายเดินเล่นยิ่งนักแล
มองลงไปก็เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาและเนินดินหายทรายที่ตื้นเขินในช่วงหน้าแล้ง จนสามารถลงไปเดินเล่นได้เลยนะค่ะ มองแต่ไกล ถ้ากล้องซูมได้มากกว่านี้คงดี เพราะเห็นคนตัวเท่ามด เดินลงไปยังแม่น้ำด้วย
มื้อเย็นนี้ มาฝากท้อง มาลิ้มลองที่ร้านอาหารรำพึง มาทานดูสิว่าจะอร่อยถูกปาก กระชากใจเว่อร์ใหม๊ |
โดยร้านอาหารตั้งอยู่ในเมืองเลย เยื้องๆกับโรงพยาบาลสิงห์บุรี
มาถึงร้านอาหาร จะเป็นร้านแบบตึกแถวนะค่ะ ตอนแรกคิดว่าเป็นสวนอาหารใหญ่โตซ่ะอีก แต่ไม่เลย เป็นร้านอาหารเล็กๆเข้ามาในร้าน ก็มีเมนูอาหารและรูปภาพดาราการันตีความอร่อยติดตามผนังให้ชมอีกด้วย
เข้ามาในร้าน ดิฉันเลือกนั่งข้างนอกร้านค่ะ เนื่องจากได้บรรยากาศกว่า เพราะเห็นพ่อครัวกำลังทำอาหาร ผัดโช้งเช้งดูน่าทานมากๆ แถมได้กลิ่นอาหารเรียกน้ำย่อยด้วย
เมนูอาหารในร้านรำพึง |
ดูข้อมูลมาในเน็ต บอกว่าเป็นร้านอาหารสำหรับครอบครัว ดูแล้วน่าจะจริงนะค่ะ เพราะเน้นแบบจัดใหญ่ จัดเต็ม เนื่องจากเห็นเด็กเสริฟอาหาร เสริฟหม้อไฟก็ดูใหญ่ น่าจะทานได้หลายคน
อาหารมื้อเย็นนี้สั่ง ปลาช่อนผัดต้นคะน้า กลิ่นหอมน้ำปลาโชยเตะจมูก รสชาติอร่อยแบบไทยๆ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน |
เสริฟทานกับข้าว ส่วนข้าวสวยก็ร้อนๆ ให้มาอย่างเยอะเลยนะค่ะ
ได้ลิ้มลองรสชาติอาหารแล้ว อร่อยดีนะค่ะ โดยเฉพาะต้นคะน้าสดและกรอบมากๆ ส่วนปลาช่อนเนื้อแน่นรสออกเค็มๆมีกลิ่นน้ำปลาโชยเตะจมูก แต่รสชาติเค็มกำลังดี แต่ติเสียอย่างเดียว หนังปลาเหนียว เดี๊ยนเคี้ยวไม่ไหว้ค่ะ หนังปลาเหนียวไปหน่อย ถ้ากรอบได้คงดี เดี๊ยนว่าปลาหน้าจะทอดไว้นานแล้ว หนังเลยเหนียวไปนิดเนอะ นอกนั้นโอเคนะ
ทานข้าวอิ่มแล้ว มาทานขนมต่ออีกค่ะ มื้อนี้จัดเต็มมาก ปกติไม่ทานเยอะขนาดนี้
อยากจะบอกว่าขนมเปียกปูนอร่อยมากๆ ดูหน้าตาเละเทะแบบนี้ แต่รสชาติดีสุดๆ รสไม่หวานร้าวรานใจนัก กำลังดี กะทิรสออกเค็มๆ กินแล้วโอเคอร่อยเลย เดี๊ยนชอบค่ะ
ส่วนค่าเสียหายอาหารมื้อนี้รวม 230 บาทค่ะ ตอนแรกก็เอะใจ ทำไมถูกจัง ทางร้านน่าจะลดราคาให้หรือเปล่า อันนี้เดี๊ยนก็ไม่ทราบ เพราะเห็นเดี๊ยนมาทานคนเดียว แต่รีวิวอาหารโดยรวมแล้วอร่อยมากๆสมกับราคา โดยเฉพาะผักคะน้าสดกรอบชอบสุดๆ ส่วนปลาก็สะดุดแบบชิ้นใหญ่ๆแม้จะเค็มน้ำปลาไปหน่อย แต่ทานคู่กับข้าวสวยก็รวยระกาช่ะช่ะช่าหัวใจจริงๆ
หลังจากทานข้าวอิ่มจนพุ้งปลิ้นแล้ว ดิฉันก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์ออกจากเมืองสิงห์บุรี เพื่อจรลีหนีกลับไปพักค้างแรมที่เมืองลพบุรีต่อค่ะ
เนื่องจากที่ห้องพักไม่มีตู้เย็น จะไปแช่ห้องครัวของโรงแรมก็เกรงใจ เลยต้องกระซวกทานให้หมดจด รสอร่อยเว่อร์ |
หลังจากทานขนมเปียกปูนแสนอร่อยได้แป๊บเดียว ฝนก็เฮโลเทลงมาอย่างหนักเลยค่ะ ถือเป็นการปิดฉากอย่างงดงามสำหรับทริปเที่ยวสิงห์บุรีในวันนี้ แม้จะเที่ยวได้ไม่ครบทุกที่ แต่ก็ได้แวะเปิดหู เปิดตา กับสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ได้ไหว้พระ และกินของอร่อยๆอีกด้วย ถือว่ามาไม่เสียเที่ยวเลยค่ะ
หากเพื่อนท่านใดที่ช่วงอาทิตย์นี้ไม่รู้ไปใหนดี ก็จรลีลองมาเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวที่สิงห์บุรีได้นะค่ะ รับรองว่าได้ลิ้มลองทานอาหารรสเลิศ ตะเลิดเปิดเปิงสำราญเริงใจอย่างแน่นอนค่ะ
สรุปค่าเสียหายเที่ยวสิงห์บุรีวันนี้มีอะไรบ้างหนา
ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ 300 บาท
น้ำมันรถเติมเองจ้า 100 บาท
ขนมเปียกปูนอร่อยมากๆ 40 บาท (อยากทานอีกนะ)
ค่ารถตู้จากกรุงเทพ 100 บาท
ค่ากับข้าวร้านป้าใกลัวังนารายณ์ 45 บาท
ค่าอาหารมื้อเย็นที่ร้านรำพึง 230 บาท (คะน้าสดกรอบชอบมาก)
ค่าที่พักห้องน้ำรวมในเมืองลพบุรี 215 บาท
รวม 1,030 บาทค่ะ ยังไม่จบนะค่ะ!! มีตอนที่ 2 ต่อค่ะ คลิ๊กดูรีวิวต่อที่เว็ปบล็อก : https://goo.gl/7ZB3pt
สำหรับรีวิวเที่ยวสิงห์บุรีประจำเดือนเมษายน 2561 นี้ ก็ขอจบเพียงเท่านี้นะค่ะ หากมีโอกาศคงได้แวะไปตะลอน กินปลาช่อนอร่อยๆอีกครั้ง และขอบพระคุณชาวสิงห์บุรีที่แนะนำเส้นทางไม่ให้เดี๊ยนหลงทิศหลงทาง ขอบพระคุณผู้อ่านทุกคนที่เสียสละเวลาอันมีค่า มาลั๊ลลาคลิ๊กดูคนบ้ารีวิวเที่ยวไปเรื่อยเปื่อย หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปค่ะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
------------------------------------------------------------------------------
รวมบทความบล็อกอื่นๆ และรีวิวท่องเที่ยวที่ผ่านมา มีดังนี้จ้า(จะทยอยอัพเดทเรื่อยๆ เว็ปบล็อกจะได้ไม่ร้างไปค่ะ)อย่าลืมมา 5 สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสิงห์บุรี คลิ๊กดูที่พักเที่ยวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง ไปดูสิว่ายังสวยปังอยู่ใหม๊ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเชียงคำ-งามล้ำทะเลหมอกภูลังกา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว มาเน้อเที่ยวเมืองแพร่ แลยลชมธรรมชาติ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
มาม๊ะ..แวะมาเที่ยวเมืองสุรินทร์ ชมถิ่นช้างใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวในบุรีรัมย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้ลุยเดี่ยว เที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสชาติแซ่บๆกันจ้า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวชุมพร งามอรชรตลอดกาล เดือน ก.ย.2018 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Oc4kNZ
รวมประโยคภาษาอังกฤษจำเป็นสำหรับใช้ในสถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดคะ>> |
หรือดูเนื้อหาบทความได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2OC7PdR
รีิวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 2 เดินย่องท่องวังแวร์ซาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/N6BGg2
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน พ.ค.2018 แบกเป้เที่ยวฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eoJBtM
แบ่งปันการเดินทางด้วยรถไฟ Metro ในกรุงปารีสครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แชร์วิธีการเดินจากสนามบินฝรั่งเศส เข้าไปในกรุงปารีส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
รีิวิวสายการบินโอมานแอร์ จากกรุงเทพไปฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
รีิวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/7ZB3pt
แวะพักโฮมสเตย์เก๋ๆในอัมพวา ตื่นมาใส่บาตรเช้า คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/LPFfjP
รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน เม.ย.2018 ล่องเรือไหว้แม่น้ำเจ้าพระยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/HrLddq
วิธีวางแผนเดินทางตามรถไฟสายยุโรปด้วยตัวเองแบบง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือเข้าไปดูเนื้อหาบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/4nwkke
จัดมารีวิวเที่ยวสัตหีบ 2 วัน 1 คืน เดือน มี.ค.61 ไปที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/YV4FbW
รวมเด็ด 7 โบราณสถานเด็ดเมืองอยุธยา มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
จัดมารวมประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรม คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูเนื้อหาบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/uBCnFK
วิธีการกรอกข้อมูลใบสมัครเพื่อทำนัดขอวีซ่าฝรั่งเศส คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดขั้นตอนได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/bmozLd
วิธีการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อทำวีซ่าแบบไม่เสียสตัง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/nog7ED
การเขียนจดหมายแนะนำตัวภาษาอังกฤษเพื่อทำวีซ่า คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/YHUCtA
หากเป็น Freelance ขอวีซ่าเชงเก้นต้องเตรียมเอกสารไปบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sYCgPF
รวมมาประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆใช้เดินทางทั่วโลก คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูบทความได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/cN2kwu
รีวิวเที่ยวงานอุ่นไอรักคลายความหนาว สวยสกาวน่ารัก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sB8ccW
รีวิวเที่ยวกาฬสินธุ์ ฟินคั๊กหลายๆ ก.พ.2018 ตอนที่ 2 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/CSYvaB
รีวิวเที่ยวร้อยเอ็ด งามเด็ดอีหลีเด้อ ก.พ.2018 ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/igFAoe
แบกเป้คนเดียวเที่ยวฮ่องกงแบบงงๆ ม.ค.2018 ตอนที่ 2 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวมาเก๊า นั่งเรือเมาไปถึงเกาะฮ่องกง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือน ธ.ค.2017 เที่ยวเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคม 2017 เที่ยวเมืองตราด-เกาะกูด ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤศจิกายน แบกเป้ไปย่อง ท่องเมืองปาย ตอนที่ 3 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวปางอุ๋ง-บ้านรักไทย งามวิไลไร่ชา เดินลั๊นลากินสตอเบอรี่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
บล็อกรีวิวเที่ยวประจำเดือนพฤศจิกายน แบกเป้ไปเยือนแม่ฮ่องสอน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
บล็อกรีวิวเที่ยวแม่กำปอง ต้องลองมาสักครั้ง อากาศดีปังเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนตุลาคม แวะบ้านป่าปงเปียง นอนดูนาขั้นบันใด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
บล็อกรีวิวท่องเที่ยวเดือนตุลาคม 60 ไปตามรอยโครงการหลวง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รวมที่พักในเมืองซัปโปโร สำหรับนอนคู่ดูโอ้ ใกล้สถานีรถไฟ JR คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนกันยายน ลุยเดี่ยวเช่ามอเตอร์ไซต์ไปเขาใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนสิงหาคม ไปปั่นจักรยานชมเมืองเก่าอยุธยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ที่พักเมืองโตเกียว เอาใจขาเที่ยวงบน้อยๆ ห้องพักหลักร้อย คลิ๊กดูที่พักค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้คนเดียวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปฟูจิซัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น