![]() |
แบ่งปันวิธีฝึก Growth Mindset หรือฝึกกรอบแนวคิดให้เติบโต มีอะไรบ้าง มาให้อ่านกันค่ะ |
สวัสดีเพื่อนคุณผู้อ่านทุกๆคนค่ะ กลับมาพบปะทักทายซำบายดี อีหลีอยู่บ่ กันอีกครั้งกับบทความสาระดีๆที่จะมานำมาแบ่งปันให้ได้อ่านกัน หลังจากที่บทความก่อนหน้าได้มาแนะนำวิธีกำจัดความขึ้เกียจออกจากตัวเองให้ได้ผลไปแล้ว มาวันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมาแบ่งปันวิธีฝึก Growth Mindset หรือฝึกแนวคิดให้เติบโต มาให้เพื่อนได้อ่านกันค่ะ น่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ไม่มากก็น้อยนะคะ
สำหรับ Mindset คือ “กรอบความคิด” หรือ “ทัศนคติ” ที่เรามีต่อสิ่งต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อพฤติกรรม การตัดสินใจ และความสำเร็จในชีวิตของเราอย่างมาก
ประเภทของ Mindset (มายเซท) ที่สำคัญ
นักจิตวิทยาชื่อดัง Carol Dweck ได้แบ่ง Mindset ออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ:
1.Fixed Mindset (ฟิก มายเซท) (กรอบความคิดแบบตายตัว) เชื่อว่าความสามารถเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
มักหลีกเลี่ยงความท้าทาย กลัวความล้มเหลว เพราะคิดว่ามันสะท้อนตัวตน
2.Growth Mindset (โกรท มายเซท) (กรอบความคิดแบบเติบโต) เชื่อว่าความสามารถสามารถพัฒนาได้ผ่านความพยายามมองอุปสรรคเป็นโอกาสในการเรียนรู้ กล้าลองผิดลองถูก และไม่กลัวความล้มเหลว คนที่มี Growth Mindset คือคนที่ “ไม่เชื่อว่าตัวเองดีพร้อม แต่เชื่อว่าตัวเองพัฒนาได้เสมอ” และนี่คือพลังที่ทำให้เขาไปได้ไกลกว่าที่เคยคิด
ตัวอย่างของ Mindset
คนที่มี Growth Mindset จะบอกว่า:
“ฉันยังทำไม่ได้…แต่ฉันจะพยายามจนทำได้”
คนที่มี Fixed Mindset จะบอกว่า:
“ฉันไม่เก่งเรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่มีทางทำได้หรอก”
ทำไม Mindset ถึงสำคัญ? เพราะ mindset มีอิทธิพลโดยตรงต่อ: การตั้งเป้าหมาย
- ความสามารถในการฟื้นตัวจากความล้มเหลว
- ความมุ่งมั่นและแรงจูงใจ
- ความสัมพันธ์กับผู้อื่น
- ความสำเร็จในชีวิตและการงาน
ถ้าคุณอยากพัฒนาตัวเอง เปลี่ยน mindset เป็น “growth mindset” จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญมาก
การฝึก Growth Mindset คือการฝึก “กรอบความคิดให้เชื่อว่าเราเปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตทั้งในชีวิตส่วนตัว การเรียน และการทำงาน
แนะนำ 7 วิธีฝึก Growth Mindset ให้เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน มีดังนี้
1.เปลี่ยนคำพูดในใจ (Self-talk)
จาก “เราทำไม่ได้” ให้กลายเป็น เป็น “เรายังทำไม่ได้…แต่กำลังเรียนรู้”
คำว่า “ยัง” (Yet) ช่วยเปิดทางให้สมองเชื่อว่าเราพัฒนาได้
2.มองความล้มเหลวเป็นบทเรียน ไม่ใช่จุดจบ
ถามตัวเองว่า “ฉันเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้?” แทนการตำหนิตัวเอง
3.ความผิดพลาดคือโอกาสในการเติบโต
ให้ความสำคัญกับ “ความพยายาม” มากกว่าความเก่ง
4.ชื่นชมตัวเองและผู้อื่นในสิ่งที่พยายาม ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์
เช่น “ฉันภูมิใจที่ฉันไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ”
5.ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่พัฒนาได้
เริ่มจากสิ่งง่าย เช่น “วันนี้ฉันจะอ่านหนังสือเพิ่ม 5 หน้า” แล้วค่อย ๆ ขยายเป้าหมาย
6.อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมการเติบโต
ลองคุยหรือเรียนรู้กับคนที่คิดบวก กล้าลองผิดลองถูก และไม่ยอมแพ้
หลีกเลี่ยงคนที่มี Fixed Mindset ถ้าเขาทำให้คุณรู้สึกด้อยค่า
7.ฝึกวินัยและสม่ำเสมอ
ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองในวันเดียว แต่ให้ทำทีละนิด ทุกวัน
สมองจะค่อย ๆ สร้างทางเดินใหม่ของความคิดเชิงบวก
8.จดบันทึกพัฒนาการของตัวเอง
เขียนว่าในแต่ละวันคุณพัฒนาอะไรบ้าง
เช่น “วันนี้ฉันกล้าตอบคำถามในที่ประชุม” และสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้สะสมพลังใจได้มาก ที่ทำให้เรามีความกล้ามากขึ้น
คำแนะนำพิเศษ: “อย่ารอให้เก่งแล้วค่อยเริ่ม แต่ให้เริ่มก่อน แล้วความเก่งจะตามมาเอง”
นี่คือหัวใจของ Growth Mindset
--------------------------------------------------------------------------------------
ข้อดีของการฝึก Growth Mindset มีมากมายและส่งผลต่อทั้งชีวิตส่วนตัว การเรียน และการทำงาน เพราะมันเป็นรากฐานของพฤติกรรมที่ “พัฒนาได้” เสมอ
รวม 7 ข้อดีของการฝึก Growth Mindset หรือฝึกแนวคิดให้เติบโต
1. กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ และเผชิญความท้าทาย
- มองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้ ไม่กลัวผิด ไม่ยอมแพ้ง่าย
2.พัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง
- เชื่อว่าทักษะต่าง ๆ พัฒนาได้ด้วยการฝึกฝน เช่น ความจำ การพูด การเขียน หรือแม้แต่ความมั่นใจ
3.มีแรงจูงใจในตัวเองสูง
- ไม่รอให้ใครมาบังคับ เพราะเชื่อว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับความพยายามของตนเอง
4.ฟื้นตัวจากความล้มเหลวได้เร็ว (Resilience)
- ล้มแล้วลุกไว ไม่รู้สึกว่าความผิดพลาดคือจุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้
5.มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับคนรอบข้าง
- เข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนต้องเก่งทันที เห็นคุณค่าของความพยายามของผู้อื่น และเปิดใจรับฟัง
6.กล้ารับคำติและนำไปปรับปรุง
- ไม่โกรธหรือต่อต้านคำวิจารณ์ แต่นำมาพัฒนาตนเอง
7.ประสบความสำเร็จในระยะยาว
- เพราะไม่หยุดอยู่กับที่ ไม่ท้อถอยง่าย และพร้อมเติบโตตลอดเวลา
และสำหรับบทความดีๆเกี่ยวกับการฝึกกรอบความคิดแบบเติบโต หรือว่า Growth Mindset ที่ได้นำเสนอในบทความนี้ น่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆทุกคนไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยค่ะ ขอบพระคุณที่เข้ามาคลิ๊กเปิดสไลด์อ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในบทความถัดไป...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
เครดิตภาพสวยๆจาก: https://www.freepik.com/
0 ความคิดเห็น