|
แบ่งปันทริปรีวิวแบกเป้เดินทางคนเดียวไปเที่ยวประเทศฟินแลนด์ แวะไปเดินเริ่ดสะแมนแตนชมเเมืองเฮลซิงกิ เมืองหลวงแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า |
ก็กลับมาทักทายสวัสดีเพื่อนๆนักทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจทุกๆคนค่ะ.........แบกเป้เดินทางไกลมาเที่ยวประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียครั้งนี้ ในที่สุดก็มาถึงประเทศฟินแลนด์แล้วล่ะค่ะ หลังจากที่บทความก่อนหน้าได้มาแบ่งปันการเดินทางโดยการนั่งเรือจากเมืองสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ใช้เวลา 17 ชั่วโมง จากการนั่งเรือเฟอรี่มาจนถึงเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งได้เขียนไว้เขียนในบทความก่อนหน้าตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2024/09/stockholm-to-helsinki-ferry.html
โดยประเทศฟินแลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศในแดนดินถิ่นสแกนดิเนเวีย ที่เดี๊ยนปักหมุดปฎิทินไว้ตั้งนานนมแล้วว่า จะต้องมาเที่ยวให้ได้ โดยทริปที่เคยวางแผนไว้ก็น่าจะเป็นปี 2020 แต่แผนทริปก็ต้องพับเก็บไป เพราะว่าเกิดเหตุการณ์วิกฤตโรคโควิดระบาดอย่างหนัก พอโควิดเริ่มคลีคลายในช่วงปี 2023 เดี๊ยนเลยวางแผนไปเที่ยวประเทศในแถบยุโรปอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ไปนาน และเมืองเฮลซิงกิ ก็เป็นหนึ่งในเมืองที่ไม่พลาดต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง
และก่อนจะเข้าสู่บทความภาพรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองเฮงซิงกิ เป็นเมืองหลวงท่องเที่ยวอันดันต้นๆของประเทศนี้ เราก็มาทำความรู้จักเกี่ยวกับเมืองเฮลซิงกิ กันบ้างสักเล็กน้อยนะคะ
|
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองเฮลซิงกิ (Helsinki City) เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ |
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเมืองเฮลซิงกิ (Helsinki City) เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์
เฮลซิงกิ เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศฟินแลนด์ ตั้งอยู่บนชายฝั่งอ่าวฟินแลนด์และเป็นที่ตั้งของภูมิภาค Uusimaa ทางตอนใต้ของฟินแลนด์ โดยมีประชาชนประมาณ 682,000 คนอาศัยอยู่ในเขตเทศบาล โดย 1.26 ล้านคนในเขตเมืองหลวง และ 1.6 ล้านคนในเขตเมืองใหญ่ เนื่องจากเป็นเขตเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในฟินแลนด์ ดังนั้นเมืองแห่งนี้จึงเป็นศูนย์กลางทางการเมือง การศึกษา การเงิน วัฒนธรรม และการวิจัยที่สำคัญที่สุดของประเทศ เฮลซิงกิอยู่ห่างจากทาลลินน์ไปทางเหนือ 80 กิโลเมตร (50 ไมล์) ประเทศเอสโตเนีย ซึ่งจากเฮลซิงกิ ฟินแลนด์ จะมีเรือโดยสารข้้ามฟากไปยังเมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนียให้บริการทุกวัน โดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ทำให้การเดินทางระหว่าง 2 ประเทศได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว
|
เฮลซิงฟอร์สเป็นชื่อเมืองดั้งเดิม และยังคงเป็นชื่อเมืองในภาษาสวีเดนในปัจจุบัน ในอดีตเป็นชื่อที่ใช้ในระดับนานาชาติด้วย |
เฮลซิงกิมีมาตรฐานการครองชีพในเมืองที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในปี พ.ศ. 2554 นิตยสาร Monocle ของอังกฤษได้จัดอันดับเฮลซิงกิให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกในดัชนีเมืองที่น่าอยู่ด้วยเช่นกัน ในการสำรวจความเป็นอยู่ของ Economist Intelligence Unit ปี 2016 เฮลซิงกิอยู่ในอันดับที่ 9 จาก 140 เมืองในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 นิตยสารไทม์ของอเมริกาได้ยกให้เฮลซิงกิเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่ "สามารถเติบโตเป็นแหล่งวัฒนธรรมที่ขยายตัวได้ในอนาคต" และเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ในการสำรวจเมืองยอดนิยมระดับนานาชาติที่จัดทำขึ้นในปี 2564 โดย Boston Consulting Group และสถาบัน BCG Henderson
|
เฮลซิงฟอร์สเป็นชื่อเมืองดั้งเดิม และยังคงเป็นชื่อเมืองในภาษาสวีเดนในปัจจุบัน ในอดีตเป็นชื่อที่ใช้ในระดับนานาชาติด้วย |
และเฮลซิงฟอร์สเป็นชื่อเมืองดั้งเดิม และยังคงเป็นชื่อเมืองในภาษาสวีเดนในปัจจุบัน ในอดีตเป็นชื่อที่ใช้ในระดับนานาชาติด้วย
โดยกรุงเฮลซิงกิได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ดีที่สุดอันดับสามของโลกที่น่าอยู่อาศัย โดยลอนดอนและนิวยอร์กซิตี้อยู่ในอันดับที่หนึ่งและสอง ในงานประกาศผลรางวัล Readers' Choice Awards ประจำปี 2023 ของนิตยสาร Condé Nast Traveller เฮลซิงกิได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่เป็นมิตรที่สุดอันดับที่ 4 ของยุโรป เฮลซิงกิและโรวาเนียมิในแลปแลนด์ยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของฟินแลนด์อีกด้วย เนื่องจากมีผู้โดยสารทางทะเลจำนวนมาก เฮลซิงกิจึงถูกจัดให้เป็นเมืองท่าที่สำคัญ และในปี พ.ศ. 2560 เฮลซิงกิได้รับการจัดอันดับให้เป็นท่าเรือโดยสารที่พลุกพล่านที่สุดในโลกอีกด้วย
|
หนึ่งในสามของ GDP ของชาวฟินแลนด์ มีค่าเฉลีย GDP ต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 1.3 เท่าของค่าเฉลี่ยของประเทศ |
หนึ่งในสามของ GDP ของชาวฟินแลนด์ มีค่าเฉลีย GDP ต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 1.3 เท่าของค่าเฉลี่ยของประเทศ เฮลซิงกิทำกำไรจากไอทีที่เกี่ยวข้องกับการบริการและภาครัฐ หลังจากย้ายจากงานอุตสาหกรรมหนัก บริษัทขนส่งก็จ้างคนจำนวนมากเช่นกัน
|
เฮลซิงกิก็ถูกแปรสภาพจากเมืองเล็กๆที่มีประชากรเพียง 4,000 คนเป็นศูนย์กลางการปกครองของฟินแลนด์ |
และหลังจากเฮลซิงกิถูกตั้งเป็นเมืองหลวง เฮลซิงกิก็ถูกแปรสภาพจากเมืองเล็กๆที่มีประชากรเพียง 4,000 คนเป็นศูนย์กลางการปกครองของฟินแลนด์ สถาปัตยกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ได้รับอิทธิพลจากจักรวรรดิรัสเซีย โดยเฉพาะรูปแบบนีโอคลาสสิกตามแบบเมืองเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก คาร์ล ลุดวิก เองเกล ชาวเยอรมัน ทำหน้าที่เป็นสถาปนิกใหญ่ในโครงการสร้างเมืองใหม่นี้ ศูนย์กลางของแผนอยู่ที่จัตุรัสวุฒิสภา (Senaatintori; Senatstorgot) ซึ่งมีขนาดใหญ่รองรับคนได้หลายหมื่นคน สิ่งก่อสร้างสำคัญบริเวณจัตุรัสนี้คืออาสนวิหาร (ในอดีตเรียกโบสถ์นิโคลัส) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจัตุรัส ทางทิศตะวันออกและตะวันตกเป็นทำเนียบรัฐบาลและอาคารหลักของมหาวิทยาลัยตามลำดับ
|
การขนส่งสาธารณะได้รับการจัดการโดยองค์การขนส่งส่วนภูมิภาคเฮลซิงกิ ซึ่งเป็นหน่วยงานขนส่งในเขตมหานคร ระบบขนส่งสาธารณะที่หลากหลายประกอบด้วยรถราง รางรถไฟ รถไฟใต้ดิน รถโดยสารประจำทาง เรือเฟอร์รี่ 2 สาย |
และการเดินทางด้วยระบบขนส่งในเขตเมืองหลวงเฮลซิงกิ การขนส่งสาธารณะได้รับการจัดการโดยองค์การขนส่งส่วนภูมิภาคเฮลซิงกิ ซึ่งเป็นหน่วยงานขนส่งในเขตมหานคร ระบบขนส่งสาธารณะที่หลากหลายประกอบด้วยรถราง รางรถไฟ รถไฟใต้ดิน รถโดยสารประจำทาง เรือเฟอร์รี่ 2 สาย และระบบจักรยานสาธารณะ
ระบบรถรางของเฮลซิงกิมีอายุย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2434 เมื่อมีการเปิดตัวรถรางลากม้าคันแรก ระบบนี้ได้รับกระแสไฟฟ้าในปี พ.ศ. 2443 ณ เดือนมกราคม พ.ศ. 2567 ระบบประกอบด้วยเส้นทาง 14 เส้นทางที่ครอบคลุมส่วนด้านในของใจกลางเมือง และเส้นทางรถไฟฟ้ารางเบาใหม่ 1 เส้นทางที่เชื่อมต่อ Keilaniemi ใน Espoo กับ Itäkeskus ในเฮลซิงกิตะวันออก (เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Helsinki)
หลังจากที่เดินทางด้วยเรือเฟอรี่ ออกจากประเทศสวีเดน ใช้เวลาประมาณ 17 ชั่วโมง ก็มาถึงท่าเรือกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์แล้วค่ะ
|
นั่งเรือจากกรุงสต็อกโฮล์ม มาที่กรุงเฮลซิกิ ประเทศฟินแลนด์ |
เช็คเอาท์ออกจากตัวเรือ เดินข้ามทางเข้ามาที่อาคารขาเข้าด้านในตัวเรือ
|
เดินทางไปเที่ยวใหนคนเดียว จะสนุกและตื่นเต้นตรงที่ได้แก้ปัญหาและลุ้นว่าจะต้องเดินทางไปโรงแรมยังไงเนี่ยแหละค่ะ |
มาถึงด้านในจุดประชาสัมพันธ์บริเวณอาคารท่าเรือเฟอรีแล้ว
ก็ต้องมาตั้งหลักเปิด GPS ว่าจะเดินทางไปโรงแรมที่พักอย่างไร
เวลาเดินทางไปเที่ยวใหนคนเดียว จะสนุกและตื่นเต้นตรงที่ได้แก้ปัญหาและลุ้นว่าจะต้องเดินทางไปโรงแรมยังไงเนี่ยแหละค่ะ เพราะว่าเรานั้นไม่เคยมาสถานที่นั้นมาก่อน ถือว่าได้เปิดประสบการณ์กับสถานที่ใหม่ๆไปด้วย
ซึ่งโรงแรมที่เดี๊ยนเลือกจองพักไว้ ก็ค่อนข้างอยู่ไกลจากท่าเรือมาก หากเดินแบกเป้ไปไม่ไหวแน่นอนค่ะ
ก่อนมาก็ไปถามเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีคนที่พูดภาษาอังกฤษได้อยู่คนนึง แนะนำให้มาที่บริเวณด้าน่หน้าอาคาร มีตู้ขายตั๋วโดยสารรถสาธารณะ
เป็นตู้ขายตั๋วโดยสารสาธารณะ สามารถใช้บัตรเครดิต หรือบัตร Debit travel card ที่ทำมาจากเมืองไทยจ่ายได้เลยค่ะ
กดเข้ามาที่ตู้จะให้เลือกโซนค่ะ ซึ่งโซนโรงแรมที่ตั้งอยู่นั้น อยู่โซน A ค่ะ
จากนั้นก็เลือกเป็นภาษาอังกฤษนะคะ เพราะก่อนหน้าจะแสดงเป็นภาษาฟินแล้ว
ที่ตู้จะให้เลือกว่าจะซื้อแบบ ตั๋วเที่ยวเดียว หรือว่า ตั๋วแบบ 1 วัน เพราะราคาต่างกันค่ะ
เดี๊ยนเลือกกดแบบ 1 เที่ยวเดียว ราคาต่อเที่ยวอยู่ที่ 3.10 ยูโร ถ้าเทียบเป็นเงินไทย ก็ประมาณ 144 บาท ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับรถสาธารณะต่างๆของรัฐได้ทั้งหมดเลยค่ะ
และตั๋วโดยสารที่ซื้อมา ก็ต้องเก็บให้ดีๆนะคะ เผื่อมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจสุ่ม
ก่อนจะเดินทางไปก็มาดูแผนที่อย่างละเอียดสักเล็กน้อย ว่าท่าเรืออยู่ตรงใหน และจะเดินทางไปโรงแรมอย่างไร
และโรงแรมที่เดี๊ยนจองนั้นก็ห่างจากย่านใจกลางเมืองไปประมาณ 6 กิโลเมตร ซึ่งจะต้องเดินทางจากท่าเรือไปย่านใจกลางเมืองก่อนคะ่
ขณะมีรถรางให้บริการที่จะผ่านไปย่านใจกลางเมืองพอดีค่ะ เลยเลือกนั่งรถรางไปดีกว่าค่ะ
ใช้บริการนั่งรถรางจากท่าเรือไปยังจุดรวมรถบัสซึ่ง่อยู่บริเวณใจกลางเมือง ใกล้สถานีรถไฟในเมืองเฮลซิงกิ
เมื่อขึ้นมาบนรถรางไฟฟ้าแล้ว ก็นำตั๋วกระดาษที่ซื้อมานั้น มาแตะกับเครื่องสีฟ้าตามรูปเลยค่ะ
ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือมาที่บริเวณใจกลางเมืองไม่นานนักน่าจะประมาณสัก 4 กิโลเมตรได้ค่ะ ก็มาถึงย่านใจกลางเมืองแล้ว รถรางไฟฟ้าที่นั่งมาเมื่อตะกี้เป็นคันสีเขียวค่ะ
บริเวณย่านใจกลางเมืองกรุงเฮลซิงกิ ก็ดูสะอาดสะอ้านทีเดียวค่ะ ถนนกว้างขวาง โอ่โถ่ง เป็นแหล่งรวมศูนย์การค้า
และเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟเฮลซิงกิ ซึ่งมีผู้คนเดินทางกันอย่างพลุกพล่าน มีคนเดินกันตลอดแทบทั้งวัน ตรงข้ามสถานีรถไฟ ก็เป็นศูนย์การค้า มีร้านอาหารและสินค้าขายมากมาย
และที่สำคัญคือใกล้ๆกับสถานีรถไฟก็เป็็นจุดรวมรถบัสโดยสาร ซึ่งจะต้องนั่งรถบัสโดยสาร จากย่านใจกลางเมืองไปยังโรงแรมที่พักอีกครั้งค่ะ
เนื่องจากพยายามหาโรงแรมราคาถูกๆใกล้สถานีรถไฟแล้ว แต่ไม่มีให้เลือกเลยค่ะ น่าจะถูกจองเต้มหมด ส่วนใหญ่โรงแรมที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ก็มีแต่โรงแรมราคาแพงๆทั้งนั้น
ซึ่งห้องพักที่อยู่ในใจกลางเมืองนั้น ราคาประมาณคืนละ 3000-4000 บาทต่อคืนทั้งนั้นเลยค่ะ ราคาแพงมากๆ ถ้าพักคนเดียวคงไม่คุ้ม
เดี๊ยนเลยตัดสินใจเลือกจองห้องพักคืนละ 750 บาท เป็นแบบโฮสเทล ห้องนอนรวม ห้องน้ำรวม น่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะกว่า
และโรงแรมที่ราคาถูกๆ ก็มักจะไม่อยู่ในกลางเมือง เลยต้องมาเปิด GPS ใน Google ว่ามีรถบัสหมายเลขอะไรที่จะเดินทางไปถึงโรงแรมซึ่งไกลออกไปย่านใจกลางเมืองค่ะ
ซึงรถบัสที่จะผ่านไปยังโรงแรม ก็คือ รถบัสหมายเลข 67 ค่ะ
รถบัสโดยสารที่นี่ก็จะออกตรงเวลามากนะคะ ขึ้นมาบนรถ รอไม่นาน เดี่ยวรถเมล์ก็ออกแล้วค่ะ
ใช้เวลาเดินทางนั่งรถบัสมาประมาณ 15 นาที และเปิด GPS มาด้วย ก็มาลงที่ป้ายรถเมลล์โดยสารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมค่คะ
ซึ่งโรงแรมก็จะอยู่ห่างจากป้ายรถเมลล์โดยสารไปอีกประมาณ 200 เมตร
มาถึงแล้วค่ะ โรงแรมที่พักคืนนี้ มีชื่อว่าโรงแรม Cheap Sleep Hostel ซึ่งน่าจะเป็นโรงแรมที่ราคาถูกที่สุดในเมืองเฮลซิงกิแล้วค่ะ
เปิดประตูเข้ามาก็จะมีป้ายบอกให้เดินขึ้นไปเช็คอินที่ชั้น 2
เข้ามาล็อบบี้ของโรงแรมก็มานั่งรอเช็คอินก่อนเลย
โดยโรงแรมแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงเลยค่ะ และมีลูกค้า่เข้ามาพักกันตลอด เพราะว่าในเมืองเฮลซิงกิ มีโรงแรมราคาถูก ประเภท Hostel อยู่ไม่กี่แห่ง หรือว่ามีน้อยมากๆ
ส่วนใหญ่มีแต่โรงแรมราคาคืนละ 3000 บาทอัพทั้งนั้น หากเพื่อนๆคนใหน ที่วางแผนมาเที่ยวเฮลซิงกิ ก็วางแผนเรื่องจองห้องพักราคาถูกๆ เสียแต่เนิ่นๆนะคะ
เมื่อทำการเช็คอินเข้ามาในห้องพัก เป็นแบบ Hostel ห้องนอนรวม ราคาตกคืนละ 750 บาท ต่อคนต่อคืน และมีห้องน้ำแยก ก็เป็นห้องน้ำรวม แต่แยกชายหญิง สภาพห้องพักถือว่าโอเคนะคะ กว้างขวาง ดูไม่อึดอัด แต่เสียดายตรงเตียงนอน ไม่มีผ้าม่านปิดแสง
ใกล้ๆกับเตียงนอน จะมีตู้ล็อกเกอร์ ซึ่งตรงกับหมายเลขเตียงให้ใช้ได้ด้วย
มีโคมไฟและปลั๊กให้เสียบใช้งานได้ดี
และที่่สำคัญตู้ล็อกเกอร์ สามารถใช้บัตรแตะที่ตู้ ก็สามารถเปิดออกมา และนำของมีค่าใส่ไปในตู้ได้ ไม่ต้องมีกุญแจสำรองส่วนตัว เหมือนไปพักโรงแรม Hostel ที่อื่นๆค่ะ
ส่วนห้องน้ำก็แยกชาย แยกผู้หญิง มีห้องอาบน้ำ ห้องส้วม สภาพห้องน้ำถือว่าสะุอาดสะอ้านทีเดียวค่ะ แต่ว่าตอนถูกใช้งาน ก็จะเลอะเทอะเช่นกัน เพราะมีคนใช้งานตลอด
ห้องอาบน้ำก็เป็นแบบฝักบัว
และที่ชอบที่สุดสำหรับการพักโรงแรมแนวโฮสเทล คือต้องมีห้องครัว ที่สามารถทำอาหารทานเองได้ จะช่วยให้ประหยัดกว่าไปทานข้างนอกมากๆค่ะ
ที่โรงแรมมีอุปกรณ์ห้องครัว ซึ่งสามารถถทำทานได้ตามเวลาที่ทางโรงแรมกำหนดค่ะ ไม่สามารถทำทานได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดค่ะ
ส่วนมื้อนี้ของเดี๊ยนก็ทานม่าม่าต้มไปแล้วกันค่ะ
ทำบะหมี่ม่าม่าต้ม ทานกับเนื้อสัตว์ จำพวกไก่ ไส้กรอก และผัก
|
ด้้านล่างของโรงแรม มีซุปเปอร์มาเก็ตเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องหาของกิน เพราะหาทานง่ายมาก |
และที่สำคัญคือ ที่ด้านล่างติดกับโรงแรม ก็มีร้านซุปเปอร์มาเก็ต เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง คือแบบหาของกินง่ายๆมากๆ สามารถเดินลงจากโรงแรมมาซื้อของกิน หรือซื้อของสดไปทำทานที่โรงแรมได้เลยค่ะ
ในร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ ก็มีขนมประเภทต่างๆให้เลือกทานหลายอย่าง
และหากเพื่อนๆคนใหนที่เดินทางมาฟินแลนด์ ต้องไม่พลาด ลิ้มลองขนมรูปร่างคล้ายๆรูปพายเป็นวงรี รสชาติอร่อยดีค่ะ ราคาไม่แพงด้วย ตกชิ้นละ 0.62 ยูโร หรือชิ้นละ 22 บาทเท่านั้น ถือว่าถูกมากๆ
หลังจากที่ได้รีวิวห้องพักไปแล้ว ต่อไปก็มาดูสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองเฮลซิงกิกันต่อค่ะ ซึ่งในเมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งเลยค่ะ
โดยสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งในเมืองเฮลซิงกินั้น เราสามารถเดินทางด้วยเท้าไปยังที่เที่ยวซึ่งอยู่ใกล้ๆกันได้ค่ะ ส่วนถ้าแหล่งท่องเที่ยวที่ใหนซึ่งอยู่ไกลออกไปย่านชานเมือง ก็สามารถนั่งรถบัสโดยสารหรือว่ารถรางไปได้ค่ะ
สำหรับเพื่อนๆสายเที่ยวทัศนาจรคนใหน ที่ปักหมุดจะมาเยือนเมืองเฮลซิงกิ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ใหนดี วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงยอดนิยมในเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์มาให้เพื่อนๆได้ดูกันค่ะ
รวมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองเฮลซิงกิ เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ ที่ต้องไปเช็คอินให้เริ่ดสะแมนแตนกันสักครั้ง มีดังนี้ค่ะ
|
1.อาสนวิหารเฮลซิงกิ (Helsinki Cathedral) |
|
1.อาสนวิหารเฮลซิงกิ (Helsinki Cathedral) |
|
1.อาสนวิหารเฮลซิงกิ (Helsinki Cathedral) |
1.อาสนวิหารเฮลซิงกิ (Helsinki Cathedral)
เป็นอาสนวิหารนิกายอีวันเจลิคัลลูเทอรันฟินแลนด์ประจำอัครสังฆมณฑลเฮลซิงกิ ตั้งอยู่ในย่าน Kruununhaka ใจกลางเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ที่จัตุรัสวุฒิสภา โบสถ์สร้างขึ้นในปี 1830–1852 เพื่อเป็นการแสดงคารวะแด่แกรนด์ดยุกแห่งฟินแลนด์ ชื่อเดิมของอาสนวิหารคือ โบสถ์นักบุญนิโคลัส (ฟินแลนด์: Nikolainkirkko, ) แต่เปลี่ยนตั้งแต่ฟินแลนด์ได้เอกราชในปี 1917 โดยอาสนวิหารเป็นจุดหมายตาสำคัญของเมือง[2] และเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่เป็นเอกลักษณะที่สุดของประเทศฟินแลนด์
โดยถูกจัดให้เป็นหนึ่งในจุดเช็คอินถ่ายรูปภาพที่มีชื่อเสียงของเมือง และยังเป็นสถานที่สำคัญที่โดดเด่นในทิวทัศน์เมืองของเฮลซิงกิ โดยมีโดมสูงสีเขียวล้อมรอบด้วยโดมขนาดเล็กสี่โดม อาคารนี้อยู่ในสไตล์นีโอคลาสสิก ได้รับการออกแบบโดย Carl Ludvig Engel เป็นจุดไคลแม็กซ์ของแผนผัง Senate Square ของเขา โดยล้อมรอบด้วยอาคารขนาดเล็กอื่นๆ ที่ออกแบบโดยเขา
|
2.มหาวิหารอุสเปนสกี้ (Uspenski Church) |
|
2.มหาวิหารอุสเปนสกี้ (Uspenski Church) |
|
2.มหาวิหารอุสเปนสกี้ (Uspenski Church) |
|
2.มหาวิหารอุสเปนสกี้ (Uspenski Church) |
2.มหาวิหารอุสเปนสกี้ (Uspenski Church)
อาสนวิหารอุสเพนสกี (ฟินแลนด์: Uspenskin katedraali, สวีเดน: Uspenskijkatedralen) จัดเป็นหนึ่งในมหาวิหารสวยงาม ที่ตั้งตระหง่ายอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆในเมืองเฮลซิงกิ เป็นอาสนวิหารกรีกออร์โธดอกซ์หรืออีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ และเป็นอาสนวิหารหลักของคริสตจักรออร์โธดอกซ์แห่งฟินแลนด์ ซึ่งอุทิศให้กับการหลับใหลของธีโอโทโคส (theotokos) พระแม่มารี) ชื่อของมันมาจากคำภาษาสลาโวนิกของโบสถ์เก่า uspenie ซึ่งหมายถึงการ Dormition เป็นโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดทั้งในยุโรปเหนือและยุโรปตะวันตก
|
3.จัตุรัสซีเนท (เฮลซิงกิ, ฟินแลนด์) Senate Square |
|
3.จัตุรัสซีเนท (เฮลซิงกิ, ฟินแลนด์) Senate Square |
|
3.จัตุรัสซีเนท (เฮลซิงกิ, ฟินแลนด์) Senate Square |
|
3.จัตุรัสซีเนท (เฮลซิงกิ, ฟินแลนด์) Senate Square |
|
3.จัตุรัสซีเนท (เฮลซิงกิ, ฟินแลนด์) Senate Square |
3.จัตุรัสซีเนท (เฮลซิงกิ, ฟินแลนด์) Senate Square
จัตุรัสซีเนท หรือ ซีเนทสแควร์ (ฟินแลนด์: Senaatintori, สวีเดน: Senatstorget) เป็นหนึ่งในย่านจตุรัสที่มีชื่อเสียงของเมืองฟินแลนด์ โดยเป็นลานกว้วางขวาง ซึ่งมีจุดเด่นเป็นมหาวิหารโบสถ์เฮลซิงกิ โดยนำเสนอสถาปัตยกรรมของคาร์ล ลุดวิก เอนเกลในฐานะสัญลักษณ์เปรียบเทียบอันเป็นเอกลักษณ์ของอำนาจทางการเมือง ศาสนา วิทยาศาสตร์ และการค้า ในใจกลางเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ จัตุรัสซีเนทและบริเวณรอบๆ ถือเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของใจกลางเฮลซิงกิ สถานที่สำคัญและอาคารที่มีชื่อเสียงรอบๆ จัตุรัส ได้แก่ อาสนวิหารเฮลซิงกิ ทำเนียบรัฐบาล อาคารหลักของมหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ และบ้าน Sederholm ซึ่งเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในใจกลางเมืองเฮลซิงกิ ตั้งแต่ปี 1757
|
4. เกาะซัวเมนลินน่า Suomenlinna หนึ่งในเกาะท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่าแก่ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก |
|
4. เกาะซัวเมนลินน่า Suomenlinna หนึ่งในเกาะท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่าแก่ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก |
|
4. เกาะซัวเมนลินน่า Suomenlinna หนึ่งในเกาะท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่าแก่ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก |
|
4. เกาะซัวเมนลินน่า Suomenlinna หนึ่งในเกาะท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่าแก่ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก |
|
4. เกาะซัวเมนลินน่า Suomenlinna หนึ่งในเกาะท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่าแก่ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก |
|
4. เกาะซัวเมนลินน่า Suomenlinna หนึ่งในเกาะท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่าแก่ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก |
|
4. เกาะซัวเมนลินน่า Suomenlinna หนึ่งในเกาะท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่าแก่ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก |
|
4. เกาะซัวเมนลินน่า Suomenlinna หนึ่งในเกาะท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่าแก่ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก |
4. เกาะซัวเมนลินน่า Suomenlinna หนึ่งในเกาะท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่าแก่ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก
ซัวเมนลินนา เป็นป้อมปราการในทะเลที่ประกอบด้วยเกาะแปดเกาะ โดยหกเกาะได้รับการเสริมกำลังแล้ว ห่างจากใจกลางเมืองเฮลซิงกิซึ่งเป็นเมืองหลวงของฟินแลนด์ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 4 กม. ซัวเมนลินนาเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ โดยชอบที่นี่เป็นสถานที่ปิกนิกที่งดงาม เดิมชื่อสเวบอร์ก (ปราสาทของชาวสวีเดน) หรือไวอาโปริตามที่ฟินน์ที่พูดภาษาฟินแลนด์ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อในภาษาฟินแลนด์เป็นซัวเมนลินนา หรือที่เรียกกันว่า (ปราสาทแห่งฟินแลนด์)
ปัจจุบัน Suomenlinna เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเฮลซิงกิ รวมถึงจุดปิกนิกยอดนิยมสำหรับชาวเมืองด้วย ในปี พ.ศ. 2552 มีผู้มาเยือนซัวเมนลินนาเป็นประวัติการณ์ถึง 713,000 คน ส่วนใหญ่ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งบนเกาะ เช่นเดียวกับเรือดำน้ำฟินแลนด์ลำสุดท้ายที่ยังมีชีวิตรอด Vesikko
จุดเด่นของเกาะแห่งนี้คือ เป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่าแก่ที่สำคัญของของเฮลซิงกิ และถูกจัดให้เป็นแหล่งมรดกโลก
ระหว่างสงครามฟินแลนด์ สวีเดนยอมมอบป้อมปราการให้กับรัสเซียเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2351 ปูทางไปสู่การยึดครองฟินแลนด์โดยกองกำลังรัสเซียในปี พ.ศ. 2352 จากนั้นจึงสถาปนาราชรัฐฟินแลนด์เมื่อสิ้นสุดสงคราม จากนั้นเกาะเหล่านี้ถูกใช้เป็นฐานทัพสำหรับกองเรือบอลติกรัสเซียในสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยรัสเซียเริ่มการก่อสร้างเครโพสต์ สเวบอร์กในปี พ.ศ. 2458 กองกำลังรัสเซียออกไปหลังจากฟินแลนด์ประกาศเอกราชโดยสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2460 จากนั้นฟินแลนด์ก็จัดการซัวเมนลินนาผ่านกระทรวงกลาโหม จนกระทั่งส่วนใหญ่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพลเรือนในปี พ.ศ. 2516
|
5.โบสถ์เทมเป ลิโอ คิโอ เมืองเฮลซิงกิ หรือโบสถ์หิน (Temppeliaukio Church) |
|
5.โบสถ์เทมเป ลิโอ คิโอ เมืองเฮลซิงกิ หรือโบสถ์หิน (Temppeliaukio Church) |
|
5.โบสถ์เทมเป ลิโอ คิโอ เมืองเฮลซิงกิ หรือโบสถ์หิน (Temppeliaukio Church) |
|
5.โบสถ์เทมเป ลิโอ คิโอ เมืองเฮลซิงกิ หรือโบสถ์หิน (Temppeliaukio Church) |
|
5.โบสถ์เทมเป ลิโอ คิโอ เมืองเฮลซิงกิ หรือโบสถ์หิน (Temppeliaukio Church) |
|
5.โบสถ์เทมเป ลิโอ คิโอ เมืองเฮลซิงกิ หรือโบสถ์หิน (Temppeliaukio Church) |
|
5.โบสถ์เทมเป ลิโอ คิโอ เมืองเฮลซิงกิ หรือโบสถ์หิน (Temppeliaukio Church) |
|
5.โบสถ์เทมเป ลิโอ คิโอ เมืองเฮลซิงกิ หรือโบสถ์หิน (Temppeliaukio Church) |
|
5.โบสถ์เทมเป ลิโอ คิโอ เมืองเฮลซิงกิ หรือโบสถ์หิน (Temppeliaukio Church) |
|
5.โบสถ์เทมเป ลิโอ คิโอ เมืองเฮลซิงกิ หรือโบสถ์หิน (Temppeliaukio Church) |
5.โบสถ์เทมเป ลิโอ คิโอ เมืองเฮลซิงกิ หรือโบสถ์หิน (Temppeliaukio Church)
เรียกอีกชื่อว่าเป็นโบสถ์แห่งความรัก โดยเป็นโบสถ์นิกายลูเธอรันในย่านTöölöของเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โบสถ์แห่งนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกและสองพี่น้อง Timo และ Tuomo Suomalainen และเปิดในปี 1969 สร้างขึ้นจากหินแข็งโดยตรง และเป็นที่รู้จักในนามโบสถ์หินที่ตั้งอยู่ในเมืองเฮลซิงกิ ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวย่านใจกลางเมือง
|
6.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติฟินแลนด์ (National Museum of Finland)
|
|
6.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติฟินแลนด์ (National Museum of Finland)
|
|
6.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติฟินแลนด์ (National Museum of Finland)
|
|
6.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติฟินแลนด์ (National Museum of Finland)
|
|
6.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติฟินแลนด์ (National Museum of Finland)
|
|
6.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติฟินแลนด์ (National Museum of Finland)
|
|
6.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติฟินแลนด์ (National Museum of Finland)
|
|
6.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติฟินแลนด์ (National Museum of Finland) |
6.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติฟินแลนด์ (National Museum of Finland)
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติฟินแลนด์ เป็นพิพิธภัณฑ์ในเฮลซิงกิที่นำเสนอประวัติศาสตร์ฟินแลนด์ตั้งแต่ยุคหินจนถึงปัจจุบันผ่านวัตถุและประวัติศาสตร์วัฒนธรรม อาคารสไตล์โรแมนติกแห่งชาติฟินแลนด์ตั้งอยู่ที่ Mannerheimintie 34 ในใจกลางเฮลซิงกิ และเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานมรดกฟินแลนด์ (จนถึงปี 2018 ของคณะกรรมการโบราณวัตถุแห่งชาติ) (ฟินแลนด์: Museovirasto, สวีเดน: Museiverket) ภายใต้กระทรวงวัฒนธรรมและการศึกษา
สิ่งที่น่าสนใจภายในคือ มีการจัดนิทรรศการถาวรของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแบ่งออกเป็นส่วนๆ มีของสะสมเหรียญ เหรียญรางวัล ออร์เดอร์และของประดับตกแต่ง เครื่องเงิน เครื่องประดับและอาวุธ มียุคก่อนประวัติศาสตร์ของประเทศฟินแลนด์ พัฒนาการของสังคมและวัฒนธรรมฟินแลนด์ตั้งแต่ยุคกลาง ศตวรรษที่ 12 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 ผ่านสมัยราชอาณาจักรสวีเดนจนถึงยุคจักรวรรดิรัสเซีย และวัฒนธรรมพื้นบ้านของฟินแลนด์ในศตวรรษที่ 18 และ 19 ที่มีชีวิตในชนบท ก่อนเข้าสู่อุตสาหกรรมและนิทรรศการอื่นๆไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมอย่างน่าสนใจ
|
7.อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ (Sibelius Monument) |
|
7.อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ (Sibelius Monument) |
|
7.อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ (Sibelius Monument) |
|
7.อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ (Sibelius Monument) |
|
7.อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ (Sibelius Monument) |
7.อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ (Sibelius Monument)
อนุสาวรีย์ Sibelius สร้้างขึ้นโดย Eila Hiltunen อุทิศให้กับนักแต่งเพลงชาวฟินแลนด์ Jean Sibelius (1865–1957) อนุสาวรีย์ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ Sibelius (ฟินแลนด์: Sibeliuspuisto; สวีเดน: Sibeliusparken) ในเขตTöölöของเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
อนุสาวรีย์นี้เป็นประติมากรรมโดยศิลปินชาวฟินแลนด์ ไอลา ฮิลทูเนน ชื่อ Passio Musicae และได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2510 ประติมากรรมชิ้นนี้ชนะการแข่งขัน ซึ่งจัดโดยสมาคมซิเบลิอุส หลังจากนักแต่งเพลงเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2500 และแม้ว่าการออกแบบจะดูเหมือนไปป์ออร์แกนเก๋ๆ แต่ก็ทราบกันว่าผู้แต่งได้สร้างดนตรีเพียงเล็กน้อยสำหรับออร์แกน ฮิลทูเนนกล่าวถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ของเธอโดยเพิ่มใบหน้าของซิเบลิอุสซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ประติมากรรมหลักทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ และกลายเป็นอนุสาวรีย์ที่โดดเด่นกลายเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ต้องแวะมาเช็คอินถ่ายรูปภาพสวยๆกัน
|
8.มาร์เก็ตสแควร์, เฮลซิงกิ (Market Square, Helsinki) |
|
8.มาร์เก็ตสแควร์, เฮลซิงกิ (Market Square, Helsinki) |
|
8.มาร์เก็ตสแควร์, เฮลซิงกิ (Market Square, Helsinki) |
|
8.มาร์เก็ตสแควร์, เฮลซิงกิ (Market Square, Helsinki) |
|
8.มาร์เก็ตสแควร์, เฮลซิงกิ (Market Square, Helsinki) |
|
8.มาร์เก็ตสแควร์, เฮลซิงกิ (Market Square, Helsinki) |
|
8.มาร์เก็ตสแควร์, เฮลซิงกิ (Market Square, Helsinki) |
|
8.มาร์เก็ตสแควร์, เฮลซิงกิ (Market Square, Helsinki) |
|
8.มาร์เก็ตสแควร์, เฮลซิงกิ (Market Square, Helsinki) |
8.มาร์เก็ตสแควร์, เฮลซิงกิ (Market Square, Helsinki)
มาร์เก็ตสแควร์ เป็นจัตุรัสกลางในเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเฮลซิงกิ ทางตะวันออกสุดของ Esplanadi และติดกับทะเลบอลติกทางทิศใต้ และ Katajanokka ทางทิศตะวันออก HSL โดยบริเวรดังกล่างเป็นสสถานที่ตั้งของตลาดขายผลไม้สด และเป็นจุดบริเวณท่าเรือ มีการเชื่อมโยงเรือข้ามฟากตลอดทั้งปีจาก Market Square ไปยัง Suomenlinna และในช่วงฤดูร้อนยังมีบริษัทเอกชนที่ให้บริการล่องเรือเฟอร์รี่ ทั้งไปยัง Suomenlinna และไปยังเกาะใกล้เคียงอื่นๆ ทำเนียบประธานาธิบดี, ศาลาว่าการเฮลซิงกิ, สถานทูตสวีเดน และอาคารสำนักงานใหญ่ Stora Enso (ออกแบบโดย Alvar Aalto) ล้วนตั้งอยู่ติดกับมาร์เก็ตสแควร์
|
ท่าเรือโดยสารบริเวณมาร์เก็ตสแควร์ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองเฮลซิงกิ |
และสำหรับข้อมูลแนะนำแหล่งท่องเที่ยวในเมืองเฮลซิงกิ และจุดเช็คอินถ่ายรูปสวยๆ ที่ได้นำมาเสนอ แนะนำไว้ในบทความบล็อกนี้ น่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่กำลังวางแผนไปเที่ยวประเทศฟินแลนด์อยู่ไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไปค่ะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
---------------------------------------------------------
0 ความคิดเห็น