Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

แบกเป้ไปเที่ยวเบอร์เกน (Bergen) หนึ่งในเมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง

แบ่งปันทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเมืองเบอร์เกน หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวมีชื่อเสียงในประเทศนอร์เวย์แห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจให้แวะไปเช็คอินถ่ายรูปภาพกันบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า




เดินทางไปเที่ยวประเทศนอร์เวย์ทริปนี้ หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวทีมีชื่อเสียงอีกแห่ง ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้เมืองออสโล เนื่องจากเป็นเมืองท่าเรือเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน และยังเคยเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอีกแห่ง และจากบทควาวมก่อนหน้า ที่ได้มาแนะนำรีวิวการเดินทางด้วยรถบัสโดยสารจากเมือง Oslo ไป Bergen ด้วยตัวเองแล้ว ตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2024/07/How-to-go-bergen-by-bus.html


ในบทความนี้เลยขอพาเพื่อนๆและคุณผู้อ่านไปเที่ยวเมืองบาร์เกิน หรือที่คนไทยเรามักออกเสียงตามชื่อภาษาอังกฤษว่า เบอร์เกน แต่คนนอร์เวย์ออกเสียงว่า บาร์เกิน และก่อนที่เราจะไปดูภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองบาเกิน เราก็มารู้จักเมืองบาเกิน Bergen กันสักหน่อยค่ะ


น่ารู้เกี่ยวกับเมืองบาร์เกิน หรือเบอร์เกน (About Bergen city, Norway)




สาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองเบอร์เกิน หรือบาร์เกิน (About Bergen city, Norway)

บาร์เกินตั้งอยู่ในและเป็นศูนย์การปกครองของเทศมณฑลเว็สต์ลัน บนชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของนอร์เวย์ เมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญของภูมิภาค โดยถือกันอย่างไม่เป็นทางการว่าเป็นเมืองหลวงของนอร์เวย์ตะวันตก และบางครั้งถูกเรียกเป็นเมืองหลวงฝั่งแอตแลนติกของนอร์เวย์ บาร์เกินเป็นหนึ่งในเก้าเมืองที่ถูกยกย่องให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปในปีสหัสวรรษใหม่ด้วย




การค้าขายในเบอร์เกนนั้น เริ่มต้นตั้งแต่ต้นคริสต์ศักราชที่ 1020 ซึ่งเมืองนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1070 โดยกษัตริย์ Olav Kyrre และได้รับการตั้งชื่อว่า Bjørgvin ซึ่งหมายถึง "ทุ่งหญ้าสีเขียวท่ามกลางภูเขา" โดยเป็นเมืองทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของนอร์เวย์ในศตวรรษที่ 13  

รูปปั้นตุ๊กตาตัวเล็กๆน่ารักในร้านขายของฝากและของที่ระลึกย่านท่องเที่ยวเมืองเบอร์เกน

เบอร์เกนมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างนอร์เวย์เหนือและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์จนถึงคริสต์ราช 1830


จนถึงปี ค.ศ. 1789 เบอร์เกนมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างนอร์เวย์เหนือและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์จนถึงคริสต์ราช 1830 เมื่อถูกยึดครองโดยเมืองหลวงคริสเตียเนีย (ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อออสโล) สิ่งที่เหลืออยู่ของท่าเรือ Bryggen ถือเป็นมรดกโลก แม้เมืองนี้ถูกไฟไหม้หลายครั้งในช่วงหลายทศวรรษก่อนที่ผ่านมา แต่ก็มีการปรับปรุงและอนุรักษ์ไว้มาจนถึงปัจจุบัน




ท่าเรือเมืองเบอร์เกนนั้น กินบริเวณข้ามเทศบาลต่าง ๆ และยังเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดทางยุโรปตอนเหนือด้วย มีการทำธุรกิจและกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เกษตรใต้น้ำ และการเดินเรือในบาร์เกินนั้นใหญ่มาก สถาบันวิจัยสมุทรศาสตร์ Institute of Marine Research ในบาร์เกินนั้นใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรป บาร์เกินเป็นฐานทัพหลักของราชนาวีนอร์เวย์ และสนามบินนานาชาติ Flesland ก็เป็นลานขึ้นลงเฮลิคอปเตอร์หลักของบริษัท North Sea oil และอุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ




ในช่วงปี ค.ศ. 1950 และ 1960  มีความเสียหายที่เกิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลเมืองจึงได้วางแผนการพัฒนาขื้นใหม่ในหลายพื้นที่ในใจกลางเมืองเบอร์เกน  แผนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการรื้อถอนบ้านไม้หลายแห่งในละแวกใกล้เคียง ได้แก่ Nordnes, Marken และStølen  สภาเมืองเบอร์เกนได้ลงมติให้รื้อถอนมาร์เกนทั้งหมดในปี พ.ศ. 2507 อย่างไรก็ตาม ภายหลังก็มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตัวเมืองใหมีความสวยงามและสมบูรณ์แบบเดิม 


บอร์เกนมีสภาพอากาศอบอุ่นในฤดูหนาวค่อนข้างเย็น แม้ว่าจะมีฝนตกหนักก็ตาม


เมืองเบอร์เกนมีสภาพอากาศอบอุ่นในฤดูหนาวค่อนข้างเย็น แม้ว่าจะมีฝนตกหนักก็ตาม ตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม ในบางกรณี แบร์เกนอาจมีอุณหภูมิอุ่นกว่าออสโลได้มากถึง 20 °C (36 °F) แม้ว่าทั้งสองเมืองจะอยู่ที่ประมาณ 60° เหนือก็ตาม อย่างไรก็ตาม ในฤดูร้อน แบร์เกนจะมีอากาศเย็นกว่าออสโลหลายองศา เนื่องจากมีผลกระทบทางทะเลเช่นเดียวกัน กัลฟ์สตรีมทำให้ทะเลค่อนข้างอุ่นเมื่อพิจารณาจากละติจูด และภูเขาก็ปกป้องเมืองจากลมหนาวจากทางเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันออก


เครดิตข้อมูล : https://en.wikipedia.org/wiki/Bergen

การเดินทางทริปนี้ นั่งรถบัสโดยสารเดินทางจากเมืองออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์ ไปยังเมืองเบอร์เกน ใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง 


การเดินทางด้วยรถขนส่งสาธารณะในเมืองเบอร์เกิน เดินทางอย่างไร 


การเดินทางด้วยรถขนส่งสาธารณะในเมืองเบอร์เกิน เดินทางอย่างไร 

ภายในใจกลางเมืองสามารถเดินได้ง่ายกว่าการนั่งรถบัส จาก Bryggen ใช้เวลา 5 นาทีไปยังตลาดปลา และเดินไปอีกไม่กี่นาที ก็จะไปถึงไยังรถกระเช้าไฟฟ้า Fløibanen 

ป้ายรถบัสโดยสารแต่ละจุดภายในสถานีขนส่ง บขส.เมืองเบอร์เกน ตั้งอยู่่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟ 

โดยบริเวณตู้ป้ายแสดงหมายเลขรถบัสโดยสารมาจอดรับและส่งผู้โดยสาร สามารถดูได้ตามเวลา ซึ่งรถเมลล์ที่นี่ก็ตรงเวลามากๆ 


  

และหากจะเดินทางไปและกลับจากสนามบินเบอร์เกน เฟลสแลนด์ : คุณสามารถเดินทางด้วยรถไฟ Bybanen (Bergen Light Rail) หมายเลข 1 ไปและกลับจากสนามบินแบร์เกน เฟลสลันด์ (โซน A) ไปยังใจกลางเมืองแบร์เกน (โซน A) สามารถซื้อตั๋วได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋ว Skyss ทาง SMS หรือผ่านแอปมือถือ Skyss Billett คุณไม่สามารถซื้อตั๋วบนรถไฟได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการซื้อตั๋วกับ Skyss ด้านล่าง


วิธีซื้อตั๋วบัตรโดยสาร สามารถซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น:


วิธีซื้อตั๋วบัตรโดยสาร สามารถซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น: แอพตั๋ว Skyss: ชำระเงินด้วยบัตรเดบิต/เครดิต (Visa/Mastercard/AmEx) Vipps โดยจะถูกเรียกเก็บเงินค่าโทรศัพท์ของคุณ ทุกโซนมีอยู่ในแอป แอป Skyss billett 
 


หลังจากที่ได้อ่านข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเมืองบาร์เกนไปแล้ว ต่อไปก็ไปดูสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่น่าสนใจกันเลยค่ะ 

ซึ่งในเมืองบาร์เกินมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง ทั้งนั้นทางโรงแรมก็มีแผนที่แนะนำแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมือง Bergen ที่สามารถเดินเท้าเที่ยวในตัวเมืองได้ด้วยตัวเองด้วย ส่วนจะมีที่เที่ยวอะไรในเมืองบาร์เกินที่น่าสนใจบ้างนั้น สรุปมาให้อ่านกันดังนี้ค่ะ 


แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองเบอร์เกน (Bergen tourist attraction places map)



รวมสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองบาร์เกิน หรือที่เที่ยวเมืองเบอร์เกน (Bergen Tourist Attraction places) ที่สามารถเดินเที่ยวได้ด้วยตัวเอง มีดังนี้ 

1.บริกเกิน (Bryggen) ย่านอาคารไม้เก่าแก่ริมท่าเรือที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี เป็นแลนด์มาร์คมีชื่อเสียงของเมืองเบอร์เกน




1.บริกเกิน (Bryggen) ย่านอาคารไม้เก่าแก่ริมท่าเรือที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี เป็นแลนด์มาร์คมีชื่อเสียงของเมืองเบอร์เกน


1.บริกเกิน (Bryggen) ย่านอาคารไม้เก่าแก่ริมท่าเรือที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี เป็นแลนด์มาร์คมีชื่อเสียงของเมืองเบอร์เกน

1.บริกเกิน (Bryggen) ย่านอาคารไม้เก่าแก่ริมท่าเรือที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี เป็นแลนด์มาร์คมีชื่อเสียงของเมืองเบอร์เกน

1.บริกเกิน (Bryggen) ย่านอาคารไม้เก่าแก่ริมท่าเรือที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี เป็นแลนด์มาร์คมีชื่อเสียงของเมืองเบอร์เกน

1.บริกเกิน (Bryggen) ย่านอาคารไม้เก่าแก่ริมท่าเรือที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี เป็นแลนด์มาร์คมีชื่อเสียงของเมืองเบอร์เกน

1.บริกเกิน (Bryggen) ย่านอาคารไม้เก่าแก่ริมท่าเรือที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี เป็นแลนด์มาร์คมีชื่อเสียงของเมืองเบอร์เกน

1.บริกเกิน (Bryggen) ย่านอาคารไม้เก่าแก่ริมท่าเรือที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี เป็นแลนด์มาร์คมีชื่อเสียงของเมืองเบอร์เกน


1.บริกเกิน (Bryggen) จัดเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กและสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเบอร์เกน

เป็นท่าเรือเก่าของเมืองบาร์เกิน ที่เป็นหลักฐานแสดงความสำคัญของเมืองในฐานะส่วนหนึ่งของจักรวรรดิการค้าของสันนิบาตฮันเซอ ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 จนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 เคยเกิดเพลิงไหม้เผาทำลายบ้านไม้อันสวยงามของบริกเกิน มาแล้วหลายครั้ง โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2498 แต่โครงสร้างหลักยังคงสภาพดีอยู่ มีอาคารหลงเหลืออยู่ 58 หลัง ปัจจุบันหลายหลังถูกใช้เป็นห้องทำงานของศิลปิน

ในสภาพปัจจุบัน ส่วนนี้ของเมืองซึ่งมีอาคารไม้แบบโบราณ เป็นสถานที่ที่หลงเหลือจากหนึ่งในท่าเรือการค้าขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรปเหนือ และเป็นสถานีการค้านอกสันนิบาตฮันเซอเพียงแห่งเดียวที่มีโครงสร้างดั้งเดิมหลงเหลืออยู่ภายในอาณาเขตของเมือง

ท่าเรือของบาร์เกินก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 1643-1652 โดย King Olav the Peaceful (Olav Kyrre) แรกเริ่มนั้นเป็นของขุนนางชาวนอร์เวย์ที่ถือสิทธิผูกขาดการค้าปลา ในช่วงเวลานี้มีเรื่องเล่าขานถึงย่าน Bryggen ว่าเป็นถิ่นฐานของพ่อค้าจากตระกูลขุนนางโรมันโบราณ อย่างเช่นเรื่องเล่าของ King Sverre กระทั่งประมาณ พ.ศ. 1893-1902 สันนิบาตฮันเซอได้มีอำนาจเหนือบาร์เกิน และริเริ่มการค้าอาหารบรรจุหีบห่อภายในเวลาไม่นาน โดยย่านบริกเกินเป็นถิ่นที่อาศัยของชาวอาณานิคมเยอรมัน และมีลักษณะเด่นที่การก่อสร้างอาคารเรียงรายไปตามถนนแคบๆที่ทอดตัวขนานไปกับท่าเรือ

ใน พ.ศ. 2522 บริกเกินรับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ด้วยลักษณะเฉพาะและความเก่าแก่ของย่านคลังสินค้าที่สร้างด้วยไม้ อันเป็นตัวอย่างชั้นเยี่ยม (https://en.wikipedia.org/wiki/Bryggen)



2.จุดชมวิวบนเขา Fløyen หรือ Fløyfjellet เป็นหนึ่งภูเขาในเมืองเบอร์เกน ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองบาร์เกนได้อย่างงดงาม

2.จุดชมวิวบนเขา Fløyen หรือ Fløyfjellet เป็นหนึ่งภูเขาในเมืองเบอร์เกน ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองบาร์เกนได้อย่างงดงาม

2.จุดชมวิวบนเขา Fløyen หรือ Fløyfjellet เป็นหนึ่งภูเขาในเมืองเบอร์เกน ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองบาร์เกนได้อย่างงดงาม

2.จุดชมวิวบนเขา Fløyen หรือ Fløyfjellet เป็นหนึ่งภูเขาในเมืองเบอร์เกน ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองบาร์เกนได้อย่างงดงาม

2.จุดชมวิวบนเขา Fløyen หรือ Fløyfjellet เป็นหนึ่งภูเขาในเมืองเบอร์เกน ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองบาร์เกนได้อย่างงดงาม

2.จุดชมวิวบนเขา Fløyen หรือ Fløyfjellet เป็นหนึ่งภูเขาในเมืองเบอร์เกน ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองบาร์เกนได้อย่างงดงาม

2.จุดชมวิวบนเขา Fløyen หรือ Fløyfjellet เป็นหนึ่งภูเขาในเมืองเบอร์เกน ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองบาร์เกนได้อย่างงดงาม

2.จุดชมวิวบนเขา Fløyen หรือ Fløyfjellet เป็นหนึ่งภูเขาในเมืองเบอร์เกน ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองบาร์เกนได้อย่างงดงาม

2.จุดชมวิวบนเขา Fløyen หรือ Fløyfjellet เป็นหนึ่งภูเขาในเมืองเบอร์เกน ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองบาร์เกนได้อย่างงดงาม

2.จุดชมวิวบนเขา Fløyen หรือ Fløyfjellet เป็นหนึ่งภูเขาในเมืองเบอร์เกน ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองบาร์เกนได้อย่างงดงาม

2.จุดชมวิวบนเขา Fløyen หรือ Fløyfjellet เป็นหนึ่งภูเขาในเมืองเบอร์เกน ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองบาร์เกนได้อย่างงดงาม

2.จุดชมวิวบนเขา Fløyen หรือ Fløyfjellet เป็นหนึ่งภูเขาในเมืองเบอร์เกน ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองบาร์เกนได้อย่างงดงาม

สามารถเดินเท้าขึ้นมาได้ด้วย

รถรางไฟฟ้าให้บริการนักท่องเที่ยวไปยังบนยอดเขา Fløyen 



2.จุดชมวิวบนเขา Fløyen หรือ Fløyfjellet เป็นหนึ่งภูเขาในเมืองเบอร์เกน ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองบาร์เกนได้อย่างงดงามโดยมี จุดสูงสุดอยู่ที่ 400 เมตร (1,300 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล ชื่อนี้ของเทือกเขาแห่งนี้มาจาก fløystangen  บนยอดเขามีจุดชมวิวบนความสูง 319 เมตร ที่สามารถเห็นเมืองเบอร์เกนและท้องทะเลได้แบบ 360 องศา โดยทิวทัศน์ของคาบสมุทรแบร์เกนทำให้ฟลอยฟเจลเลต์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาชมวิวกันสักครั้ง โดยมีระบบกระเช้าไฟฟ้าที่เรียกว่า Fløibanen ซึ่งขนส่งผู้โดยสารจากใจกลางเมืองแบร์เกนไปยังความสูง 320 ม. (1,050 ฟุต) ในเวลาประมาณแปดนาทีเท่านั้น ทำให้กลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องมาถ่ายรูปภาพเช็คอินกัน 

นอกจากนี้แล้ว สำหรับใครที่ไม่อยากยืนเข้าคิวต่อแถว เพื่อรอซื้อตั๋วขึ้นรถรางไฟฟ้าไปยังบนยอดเขา Fløyen ก็สามารถเดิน Hiking ขึ้นไปตามเส้นทางเรื่อยๆได้ ก็ไปถึงบนยอดเขาได้เหมือนกัน แต่อาจต้องใช้เวลานิดนึง ซึ่งระหว่างทางแวดล้อมไปด้วยต้นไม้และอากาศที่เย็นสบายมากๆด้วย 


3.ตลาดปลาท่าเรือเบอร์เกน (Fish Market Bergen หรือ Fisketorget i Bergen)

3.ตลาดปลาท่าเรือเบอร์เกน (Fish Market Bergen หรือ Fisketorget i Bergen)

3.ตลาดปลาท่าเรือเบอร์เกน (Fish Market Bergen หรือ Fisketorget i Bergen)

3.ตลาดปลาท่าเรือเบอร์เกน (Fish Market Bergen หรือ Fisketorget i Bergen)

3.ตลาดปลาท่าเรือเบอร์เกน (Fish Market Bergen หรือ Fisketorget i Bergen)

3.ตลาดปลาท่าเรือเบอร์เกน (Fish Market Bergen หรือ Fisketorget i Bergen)

3.ตลาดปลาท่าเรือเบอร์เกน (Fish Market Bergen หรือ Fisketorget i Bergen)

3.ตลาดปลาท่าเรือเบอร์เกน (Fish Market Bergen หรือ Fisketorget i Bergen)

3.ตลาดปลาท่าเรือเบอร์เกน (Fish Market Bergen หรือ Fisketorget i Bergen)


3.ตลาดปลาท่าเรือเบอร์เกน (Fish Market Bergen หรือ Fisketorget i Bergen)

สำหรับตลาดปลา จัดเป็นหนึ่งในตลาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองบาร์เกนเนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับย่านอาคารชุมชนเก่าบริกเกิน  ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับพ่อค้าขายสินค้ามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1200 ตลาดแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้ามาเป็นเวลาหลายร้อยปี ตลาดแห่งนี้ยังคงคึกคักอยู่จนทุกวันนี้และได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีอาหารทะเลสดๆให้ได้เลือกซื้อลิ้มลองทานกันหลายเมนู 


4.ป้อมปราการเบอร์เกนฮูส (Bergenhus Fortress) 


4.ป้อมปราการเบอร์เกนฮูส (Bergenhus Fortress) 

4.ป้อมปราการเบอร์เกนฮูส (Bergenhus Fortress) 

4.ป้อมปราการเบอร์เกนฮูส (Bergenhus Fortress) 

4.ป้อมปราการเบอร์เกนฮูส (Bergenhus Fortress) 

4.ป้อมปราการเบอร์เกนฮูส (Bergenhus Fortress) 

4.ป้อมปราการเบอร์เกนฮูส (Bergenhus Fortress) 

4.ป้อมปราการเบอร์เกนฮูส (Bergenhus Fortress) 



4.ป้อมปราการเบอร์เกนฮูส (Bergenhus Fortress) 

ป้อมปราการแบร์เกนฮุส (นอร์เวย์: Bergenhus festning) เป็นป้อมปราการที่ตั้งอยู่ในเมืองเบอร์เกน ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ทางเข้าท่าเรือเบอร์เกน และเป็นหนึ่งในป้อมปราการหินที่เก่าแก่และได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุดในประเทศนอร์เวย์

ป้อมปราการแห่งนี้ประกอบด้วยอาคารต่างๆ ที่มีอายุย้อนกลับไปถึงช่วงทศวรรษที่ 1240 รวมถึงสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นในเวลาต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ขอบเขตของพื้นที่ปิดในปัจจุบันเริ่มตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19


5.โบสถ์เซนต์แมรี่ เบอร์เกน (St Mary's Church, Bergen)

5.โบสถ์เซนต์แมรี่ เบอร์เกน (St Mary's Church, Bergen)

5.โบสถ์เซนต์แมรี่ เบอร์เกน (St Mary's Church, Bergen)



5.โบสถ์เซนต์แมรี่ เบอร์เกน (St Mary's Church, Bergen) เป็นหนึ่งในโบสถ์สำหรับเขตอาสนวิหารแบร์เกน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Bergen domprosti (อัครคณบดี) ในสังฆมณฑลบียอร์กวิน โบสถ์หินสีเทาขนาดใหญ่แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยการออกแบบโบสถ์ขนาดยาว โดยใช้แบบแปลนที่ออกแบบโดยสถาปนิกมีชื่อเสียง ภายใน โบสถ์สามารถรองรับคนได้ประมาณ 240 คน เชื่อกันว่าการก่อสร้างโบสถ์นี้เริ่มต้นในช่วงปี 1130 หรือ 1140 และแล้วเสร็จประมาณปี 1180 ทำให้โบสถ์แห่งนี้เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในเมืองเบอร์เกนทั้งเมือง


6.พิพิธภัณฑ์บริกเกนส์ (Bryggens Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์บริกเกนส์ (Bryggens Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์บริกเกนส์ (Bryggens Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์บริกเกนส์ (Bryggens Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์บริกเกนส์ (Bryggens Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์บริกเกนส์ (Bryggens Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์บริกเกนส์ (Bryggens Museum) 



6.พิพิธภัณฑ์บริกเกนส์ (Bryggens Museum) 

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในเมืองเบอร์เกน ประเทศนอร์เวย์ โดยในช่วงปี 1955 นิทรรทศการบางส่วนของย่านประวัติศาสตร์ Bryggen ได้รับผลกระทบจากเพลิงไหม้ ในระหว่างการขุดค้นทางโบราณคดีในช่วงนั้น มีการค้นพบวัตถุจำนวนหนึ่ง ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการพาณิชย์ การขนส่ง หัตถกรรม และชีวิตประจำวันในช่วงยุคกลางในบริเวณชุมชนดังกล่าวนี้เอง ทำให้ปัจจุบันวัตถุโบราณเหล่านี้จำนวนมาถูกนำมาจัดแสดงให้เป็นแหล่งเรียนรู้ไว้ของพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่และจัดแสดงอย่างถาวร ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมอย่างน่าสนใจ 


7.สวนสาธารณะเฟสฟราเซน (Festplassen)

7.สวนสาธารณะเฟสฟราเซน (Festplassen)

7.สวนสาธารณะเฟสฟราเซน (Festplassen)

7.สวนสาธารณะเฟสฟราเซน (Festplassen)

7.สวนสาธารณะเฟสฟราเซน (Festplassen)

7.สวนสาธารณะเฟสฟราเซน (Festplassen)

7.สวนสาธารณะเฟสฟราเซน (Festplassen)

7.สวนสาธารณะเฟสฟราเซน (Festplassen)



7.สวนสาธารณะเฟสฟราเซน (Festplassen) เป็นพื้นที่สวนสาธารณะแบบเปิดโล่งใจกลางเมืองเบอร์เกน ทางตอนเหนือสุดของ Lille Lungegårdsvann ตั้งแต่ปี 1929 Festplassen เป็นบศูนย์กลางของการเฉลิมฉลองและยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น พื้นที่จัดงานแสดงสินค้า ละครสัตว์ และเทศกาลแสดงแสงสีแบบดั้งเดิมในศูนย์ก่อนวันคริสต์มาส ปัจจุบันกลายเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจและสวนสาธารณะใจกลางเมือง มีสระน้ำเล็กๆ และมีพื้นที่ให้ได้นั่งด้วย


8.พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยแห่งเบอร์เกน (University Museum of Bergen) นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับมานุษยวิทยา โบราณคดี พฤกษศาสตร์ ธรณีวิทยา สัตววิทยา ศิลปะ และประวัติศาสตร์วัฒนธรรม

8.พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยแห่งเบอร์เกน (University Museum of Bergen) นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับมานุษยวิทยา โบราณคดี พฤกษศาสตร์ ธรณีวิทยา สัตววิทยา ศิลปะ และประวัติศาสตร์วัฒนธรรม

8.พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยแห่งเบอร์เกน (University Museum of Bergen) นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับมานุษยวิทยา โบราณคดี พฤกษศาสตร์ ธรณีวิทยา สัตววิทยา ศิลปะ และประวัติศาสตร์วัฒนธรรม

8.พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยแห่งเบอร์เกน (University Museum of Bergen) นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับมานุษยวิทยา โบราณคดี พฤกษศาสตร์ ธรณีวิทยา สัตววิทยา ศิลปะ และประวัติศาสตร์วัฒนธรรม

8.พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยแห่งเบอร์เกน (University Museum of Bergen) นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับมานุษยวิทยา โบราณคดี พฤกษศาสตร์ ธรณีวิทยา สัตววิทยา ศิลปะ และประวัติศาสตร์วัฒนธรรม

8.พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยแห่งเบอร์เกน (University Museum of Bergen) นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับมานุษยวิทยา โบราณคดี พฤกษศาสตร์ ธรณีวิทยา สัตววิทยา ศิลปะ และประวัติศาสตร์วัฒนธรรม

8.พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยแห่งเบอร์เกน (University Museum of Bergen) นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับมานุษยวิทยา โบราณคดี พฤกษศาสตร์ ธรณีวิทยา สัตววิทยา ศิลปะ และประวัติศาสตร์วัฒนธรรม

8.พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยแห่งเบอร์เกน (University Museum of Bergen) นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับมานุษยวิทยา โบราณคดี พฤกษศาสตร์ ธรณีวิทยา สัตววิทยา ศิลปะ และประวัติศาสตร์วัฒนธรรม

8.พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยแห่งเบอร์เกน (University Museum of Bergen) นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับมานุษยวิทยา โบราณคดี พฤกษศาสตร์ ธรณีวิทยา สัตววิทยา ศิลปะ และประวัติศาสตร์วัฒนธรรม



8.พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยแห่งเบอร์เกน (University Museum of Bergen)

เป็นพิพิธภัณฑ์ของมหาวิทยาลัยในเมืองเบอร์เกน ประเทศนอร์เวย์ พิพิธภัณฑ์นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับมานุษยวิทยา โบราณคดี พฤกษศาสตร์ ธรณีวิทยา สัตววิทยา ศิลปะ และประวัติศาสตร์วัฒนธรรม

พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยเบอร์เกน ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2368 โดยวิลเฮล์ม ฟรีมันน์ โคเรน คริสตี้ ซึ่งเป็นประธานกลุ่ม Storting ในขณะนั้นก่อตั้งขึ้นภายใต้ชื่อ University Museum of Bergen โดยมีจุดประสงค์เพื่อแหล่งรวบรวมของสะสมและวัตถุต่างที่มีควาสำคัญในด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ธรรมชาติ

 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงกลายเป็นพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางวิชาการส่วนใหญ่ในเมือง ซึ่งเป็นประเพณีที่แพร่หลายตั้งแต่พิพิธภัณฑ์กลายเป็นส่วนหนึ่งของ มหาวิทยาลัยเบอร์เกน. พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยเบอร์เกนแบ่งออกเป็นสองแผนก ได้แก่ จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับชันประวัติศาสตร์ธรรมชาติ และด้านประวัติศาสตร์วัฒนธรรม นอกจากนี้ยังเป็นผู้ดูแลสวนพิพิธภัณฑ์ซึ่งเดิมเคยเป็นสวนพฤกษศาสตร์ ล้อมรอบอาคารประวัติศาสตร์ธรรมชาติ และสวนรุกขชาติของเมืองที่ให้นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้ามาเรียนรู้และเดินชมกันอย่างน่าสนใจ

เดินลัดเลาะตามซอกซอยต่างๆ จะมีร้านคาเฟ่เล็กๆน่ารักให้ไปนั่งชิลเอาท์กันด้วย

แวะเดินชมวิวทิวทัศน์ในเมืองเบอร์เกน


บรรยากาศจุดเช็คอินตามบ้านเรือนต่างๆในเมืองเบอร์เกน

บรรยากาศจุดเช็คอินตามบ้านเรือนต่างๆในเมืองเบอร์เกน

บรรยากาศจุดเช็คอินตามบ้านเรือนต่างๆในเมืองเบอร์เกน



สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวประเทศนอร์เวย์ และจะจัดทริปมาเที่ยวเบอร์เกน หรือว่าเมืองเบอร์เกิน ข้อมูลที่เที่ยวดังกล่าวข้างต้น น่าจะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆสายเที่ยวแบกเป้ที่จะวางแผนไปเที่ยว Bergen กันอยู่มไม่มากก็น้อยนะคะ  ขอบพระคุณที่เข้ามาคลิ๊กเปิดสไลด์เลื่อนอ่านกันค่ะ.....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน 
------------------------------------------------------------------------------

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น