Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

เก็บตกไปเที่ยวเมืองเจนัว (Genova) ใน 1 วัน แวะชมบ้านเกิดคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส มีที่เที่ยวอะไรบ้าง

แบ่งปันทริปรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเมืองเจนัว หรือเมืองเจโนวา ประเทศอิตาลี แวะพักเมืองนี้สักคืน ตามไปดูสิว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง




มาค่ะ มาเที่ยวกันต่อจ้า......ก่อนอื่นก็ขอสวัสดีทักทาย ซำบายดีอีหลีอยู่บ่ กับคุณผู้อ่านและเพื่อนๆเหล่านักทัศนาจร เว้าวอนดวงหทัย งามไฉไลเริ่ดสะแมนแตนกันอีกครั้งค่ะ หลังจากที่บทความตอนที่แล้วได้พาคุณผู้อ่านไปเที่ยวชมหมู่บ้านบ้านมรดกโลกติดริมชายทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซิงเควเทอเร่ (Cinque Terre) กันไปแล้วนะคะ ทั้งนี้สามารถเข้าไปดูรีวิวก่อนหน้าได้ที่เว็ปไซต์ https://khunnaiver.blogspot.com/2024/04/cinque-terre-1.html


โดยทริปนี้ตั้งใจจะไปพักที่ซิงเควเทอเร่ แต่ด้วยค่าห้องพักแต่ละแห่งนั้นแพงมากๆ เพราะว่าเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว (Peak Season) เลยเปลี่ยนแผนมานอนค้างคืนที่เมืองเจนัว น่าจะดีกว่า  และอีกอย่างจะได้มาเปิดโลกทัศน์เดินเที่ยวชมเมืองท่าเรือที่สำคัญอีกแห่งทางตอนเหนือของประเทศอิตาลีด้วย อยากจะรู้เหมือนกันว่าในเมืองเจนัว หรือเมืองเจโนวา เมืองที่เป็นบ้านเกิดของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือและผู้บุกเบิกสำรวจการเดินเรือคนแรกของโลกแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง แต่ก่อนที่จะไปชมภาพแหล่งท่องเที่ยว เราก็มารูุ้จักสาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองเจนัวกันก่อนสักเล็กน้อยค่ะ


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเมืองเจนัว หรือ เจโนวา ประเทศอิตาลี (Genova City, Italy)


สาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองเจนัว หรือ เจโนวา ประเทศอิตาลี (Genova City, Italy)


สำหรับเมือง เจโนวา ภาษาอิตาลี: Genova หรือที่นักท่องเที่ยวเรียกว่าเมือง เจนัว (อังกฤษ: Genoa) เป็นเมืองและเมืองท่าทางทะเลที่สำคัญทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เป็นเมืองหลักของจังหวัดเจโนวาและแคว้นลีกูเรีย โดยเจนัวเคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยปัจจุบันเป็นเมืองท่าที่มีผู้คนพลุกพล่านที่สุดในอิตาลีและในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และมีผู้คนพลุกพล่านเป็นอันดับที่ 12 ในสหภาพยุโรป นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Superba ("the Superb one") อันเนื่องมาจากความรุ่งเรืองในอดีต 

เจนัวเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐทางทะเลที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอิตาลี


เจนัวเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐทางทะเลที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอิตาลีมานานกว่า 7 ศตวรรษ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ถึงศตวรรษที่ 15 เมืองนี้มีบทบาทสำคัญในการค้าเชิงพาณิชย์ในยุโรป กลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจทางเรือที่ใหญ่ที่สุดของทวีปและถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลก นอกจากนี้ Petrarch ยังได้รับฉายาว่า la Superba ("ผู้ภาคภูมิใจ") เนื่องจากมีท้องทะเลที่สวยงามและสถานที่สำคัญที่น่าประทับใจหลายแห่ง

เป็นที่ตั้งของอู่ต่อเรือและโรงงานเหล็กขนาดใหญ่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 และภาคการเงินที่แข็งแกร่งมีมาตั้งแต่ยุคกลาง Bank of Saint George


นอกจากนี้แล้วเมืองนี้เป็นที่ตั้งของอู่ต่อเรือและโรงงานเหล็กขนาดใหญ่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 และภาคการเงินที่แข็งแกร่งมีมาตั้งแต่ยุคกลาง Bank of Saint George ก่อตั้งขึ้นในปี 1407 เป็นธนาคารเงินฝากของรัฐที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และมีบทบาทสำคัญในความเจริญรุ่งเรืองของเมืองนับตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 15


เมืองเก่าของเจนัวเป็นหนึ่งในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรหนาแน่นที่สุดในยุโรป[13] ส่วนหนึ่งยังถูกจารึกไว้ในบัญชีมรดกโลก (UNESCO) ในปี 2549 ในชื่อ Genoa: Le Strade Nuove และระบบ Palazzi dei Rolli ใจกลางเมืองประวัติศาสตร์ของเจนัวยังขึ้นชื่อจากตรอกแคบๆ และถนนที่คนในพื้นที่เรียกว่า "การุจจี" ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งในตัววเมือง 


ในเมืองเจนัวยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเจนัวซึ่งมีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปถึงศตวรรษที่ 15 เมื่อเป็นที่รู้จักในชื่อ Genuense Athenaeum 


และในเมืองเจนัวยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเจนัวซึ่งมีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปถึงศตวรรษที่ 15 เมื่อเป็นที่รู้จักในชื่อ Genuense Athenaeum ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมอันยาวนานของเมืองในด้านศิลปะ ดนตรี และอาหารทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปในปี 2004 เป็นบ้านเกิดของ Guglielmo Embriaco, คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ซึ่งเป็นเป็นนักสำรวจและนักเดินเรือชาวอิตาลีที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเป็ฺนทั่วโลก ซึ่งได้เดินทางบนเรือครบสี่ครั้งทั่วทั้งมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งเป็นการเปิดทางให้ยุโรปได้สำรวจอย่างกว้างขวางและการก่อตั้งดินแดนอาณานิคมในทวีปอเมริกา  ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เมืองเจนัว กลายเป็นเมืองที่รู้จักกับนักท่องเที่ยวทั่วโลก


ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเจนัวตั้งอยู่ในเขาวงกตที่มีจัตุรัสและ caruggi แคบๆ (ตรอกซอกซอยทั่วไปของชาวเมืองเจนัว Genoese โดยจะเป็นศิลปะสไตล์ยุคกลางของศตวรรษที่ 16 และบาโรก (Via Aurea


โดยศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเจนัวตั้งอยู่ในเขาวงกตที่มีจัตุรัสและ caruggi แคบๆ (ตรอกซอกซอยทั่วไปของชาวเมืองเจนัว Genoese โดยจะเป็นศิลปะสไตล์ยุคกลางของศตวรรษที่ 16 และบาโรก (Via Aurea  ซึ่งโบราณปัจจุบันคือ Via Garibaldi มีสถานที่ท่องเที่ยวหลักสำคัญหลายแห่ง แต่ที่โดดเด่นที่สุด คือ พระราชวัง Doge ซึ่งเป็นที่นั่งเก่าแก่ของรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐผู้มีอำนาจ พระราชวังเซนต์จอร์จ สร้างขึ้นในปี 1260 สิ่งที่โดดเด่นของเมืองนี้คือ Palazzi dei Rolli ซึ่งรวมอยู่ในมรดกโลกขององค์การยูเนสโกในเจนัวอีกด้วย


และหลังจากที่ได้อ่านสาระน่ารู้เล็กๆน้อยเกี่ยวกับเมืองเจนัวไปบ้างแล้ว ก็ตามไปดูภาพการเดินทางไปเที่ยวเจนัวกันเลยค่ะ


และทริปนี้ก็เขียนต่อจากบทความที่แล้ว https://khunnaiver.blogspot.com/2024/04/cinque-terre-1.html

เริ่มต้นกับการไปเที่ยวเมืองเจนัวทริปนี้ เขียนต่อจากบทความก่อนหน้าที่ได้พาไปเที่ยวซิงเคว เทอเร่ หมู่บ้านติดริมทะเลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแล้ว เพื่อนๆสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็ปไซต์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2024/04/cinque-terre-1.html

ตามแผนการเดินทางทริปนี้ ต้องเดินทางออกจาก Cinque Terre ที่สถานีรถไฟหมู่บ้าน Vernazza เพื่อไปนอนพักค้างคืนที่เมืองเจนัว ใช้เวลาเดินทางนั่งรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง




หลังจากที่ได้ไปเที่ยวซิงเควเทอเร่ ช่วงบ่ายแก่ๆก็ไปเอากระเป๋าที่ร้านรับฝากของ และนั่งรถไฟจากสถานีหมู่บ้าน vernazza  นั่งไปที่เมืองเจนัว 


ใช้เวลานั่งรถไฟจากซิงเควเทอเร่ ที่่หมู่บ้านเวอนาซซ่า มาที่เมืองเจนัว ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ้่งก็ถึงจุดหมายปลายทางค่ะ แต่ช่วงที่นั่งรถไฟในวันหยุด ผู้โดยสารเยอะมากๆ แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงช่วงวันหยุดเทศกาล เนื่องจากบางครั้งอาจจะไม่มีที่นั่งบนรถไฟเลยก็ได้ 


มาถีงเมืองเจนัวครั้งแรก ก็มาตั้งหลักด้านในสถานี เปิดหาพิกัดเพื่อที่จะเดินทางไปโรงแรมที่พักในคืนนี้ค่ะ 

ซึ่งโรงแรมที่ได้จองไว้ ก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเมืองเจนัวมากนัก  สามารถเดินแบกเป้ไปตามทางเท้าได้ไม่ไกล


ทั้งนี้ก๋อนเข้าพัก ทางโรงแรมก็แจ้งมาด้วยว่า สามารถเช็คอินได้ตั้งแต่เช้าและฝากกระเป๋าไว้ได้ แต่เดี๊ยนเองก็ใช้เวลาเดินเที่ยวซิงเควเทอเร่ ชมหมู่บ้านมรดกโลกติดริมชายทะเลอยู่เกือบทั้งวัน ทำให้กว่าจะเดินทางมาเที่ยวเมืองเจนัว ก็ตกเย็นพอดีค่ะ 



ซึ่งโรงแรมที่พักคืนนี้ นอนพักที่โรงแรม Ostello Bello Genova


เข้ามาที่โรงแรมก็ทำการเช็คอินห้องพักก่อนเลยค่ะ

ที่โรงแรม Ostello Bello Genova  มีลิฟท์โดยสาร 2 จุด สามารถขึ้นไปยังห้องงพักชั้นบน

ยังดีที่โรงแรมมีลิฟท์ให้ขึ้นไปยังชั้นบน ถ้าเป็นบันได คงเดินแบกเป้ขึ้นไปไม่ไหวแน่ๆ 


โดยห้องพักเป็นแนวโฮสเทล ห้องเตียงนอนรวม ภายในห้องพักมี 6 เตียง ราคาเตียงคืนละ 1980 บาทต่อคนต่อคืน ถือว่าเป็นห้องพักแบบนอนรวมที่ราคาสูงมากๆค่ะ เนื่องจากเป็นชวงวันหยุดสุดสัปดาห์ อีกทั้งโรงแรมที่เป็นแบบโฮสเทลในเมืองเจนัว ก็มีอยู่ไม่กี่แห่ง 


และที่พักซึ่งใกล้สถานีรถไฟที่สุด ก็เห็นจะมีโรงแรมนี้แห่งเดียว  ที่พักอื่นๆที่เป็นแนวโฮสเทลหรือโรงแรมสำหรับสายแบกเป้เทื่ยว ก็ค่อนข้างอยู่ไกลสถานีรถไฟมาก การเดินทางไปก็ค่อนข้างลำบาก 


ซึ่งภายในห้องพักก็มีห้องน้ำให้ในตัวค่ะ ห้องพักสะอาดสะอ้านดี มีแบ่งเป็นโซนเปียกและโซนแห้งให้ชัดเจน



แต่ที่ชอบสุดๆกับสิ่งอำนวยความสะดวกสบายของโรงแรม คือ มีห้องครัวและมีอุปกรณ์ครบครันให้ทำอาหารทานเองได้ด้วย 


และด้านนอกห้องครัว ก็มีระเบียงเปิดโล่งกว้าง มีโต๊ะเก้าอี้ให้เลือกนั่งหลายจุด 


อาหารมื้อค่ำนี้ ก็ทำทานเองที่ห้องครัวของโรงแรม แต่ว่าต้องเดินออกไปซื้อของสดที่ห้าง carrefour ซึ่งไกลจากโรงแรมพอสมควร เพราะร้านอื่นปิดหมดแล้ว

ส่วนอาหารกับข้าวมื้อค่ำนี้ ก็ทำกินเองเลยค่ะ แต่ต้องเดินออกไปร้านซุปเปอร์มาเก็ต ค่อนข้างไกลเลยค่ะ เพราะว่าร้านในสถานีรถไฟส่วนใหญ่ปิดกันหมดแล้ว  ซึ่งร้านเดียวที่ยังเปิดอยู่คือ ร้านซุปเปอร์มาเก็ตคาร์ฟูร ที่ยังเปิดอยู่ แต่ต้องเดินเท้าไปไกลพอสมควร 


แนะนำหากเพื่อนๆคนใหนที่มาเที่ยว แนะนำซื่้ออาหารการกิน กักตุนเสบียงไว้โดยซื้อที่ร้านในสถานีรถไฟไว้ก็ดีค่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกไปข้างนอกตอนค่ำๆ ซึ่งเส้นทางค่อนข้างเปลียวสำหรับการเดินทางคนเดียว 


บริการเส้นเพนเน่ และเส้นสปาเกตตี้มให้ต้มทานได้

และถ้าหากมืด ดึกดืนแล้ว ไม่ต้องออกไปหากินที่ร้านข้างนอก ที่ห้องครัวโรงแรมก็มีเส้นเพนเน่ เส้นสปาเกตตี้ให้ต้มทานได้ฟรีด้วย สามารถต้มทานกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่พกใส่กับกระเป๋า ทานไปก่อนได้ด้วยค่ะ

เมืองเจนัว หรือ เจโนวา (Genova Italy)

อรุณเบิกฟ้าเช้าวันใหม่ในเมืองเจนัว  วันนี้เดี๊ยนเช็คเอ้าท์ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมตั้งแต่เช้าเลยค่ะ เพราะว่าจะต้องไปสำรวจเดินเที่ยวเมืองเจนัวว่าในเมืองนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นอะไรบ้าง ที่สามารถไปเดินเที่ยวได้


แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเมืองเจนัว (Genova Travel Map, Italy)

ทางเจ้าหน้าที่โรงแรมก็มีแผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเจนัวให้กับแขกที่เข้าพักด้วย 

สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเจนัว ที่สามารถเดินเท้าจากสถานีรถไฟมาได้ไม่ไกล

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้วงกลมเขียนโซนที่สามารถเดินเท้าไปเที่ยวในตัวเมืองได้ไม่ไกลให้ วันนี้เดี๊ยนเลยขอมาสรุปสถานที่ท่องเที่ยวเด่นสัก 5 แห่ง มาให้เพื่อนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวเมืองนี้ได้มาตามรอยกันค่ะ

1.่จัตุรัสเปียซซาเดเฟอร์รารี  (Piazza De Ferrari) ถ่ายรูปชมน้ำพุใจกลางเมือง

1.่จัตุรัสเปียซซาเดเฟอร์รารี  (Piazza De Ferrari) ถ่ายรูปชมน้ำพุใจกลางเมือง

1.่จัตุรัสเปียซซาเดเฟอร์รารี  (Piazza De Ferrari) ถ่ายรูปชมน้ำพุใจกลางเมือง

1.่จัตุรัสเปียซซาเดเฟอร์รารี  (Piazza De Ferrari) ถ่ายรูปชมน้ำพุใจกลางเมือง

1.่จัตุรัสเปียซซาเดเฟอร์รารี  (Piazza De Ferrari) ถ่ายรูปชมน้ำพุใจกลางเมือง


1.่จัตุรัสเปียซซาเดเฟอร์รารี  (Piazza De Ferrari) ถ่ายรูปชมน้ำพุใจกลางเมือง




1.่จัตุรัสเปียซซาเดเฟอร์รารี  (Piazza De Ferrari) ถ่ายรูปชมน้ำพุใจกลางเมือง 

จัดเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของเมือง Genoa ที่สามารถเดินเท้าจากสถานีรถไฟมาได้ไม่ไกล โดยความโดดเด่นของจตุรัสแห่งนี้คือ น้ำพุขนาดใหญ่ที่ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเช็คอินกัน ปัจจุบันถัดจากจัตุรัส Piazza De Ferrari มีอาคารสำนักงาน สำนักงานใหญ่ของธนาคาร ประกันภัย และบริษัทเอกชนอื่นๆ มากมาย ซึ่งทำให้ย่านนี้เป็นศูนย์กลางทางการเงินและธุรกิจที่สำคัญของเจนัว ดังนั้นชาว Genoese จึงนิยมเรียกที่นี่ว่า "เมือง" ของเจนัว โดยในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เจนัวเป็นศูนย์กลางทางการเงินหลักของอิตาลีร่วมกับมิลาน และจัตุรัสเดเฟอร์รารีเป็นสถานที่ที่มีการก่อตั้งสถาบันหลายแห่ง เช่น ตลาดหลักทรัพย์ Credito Italiano ซึ่งเป็นสำนักงานสาขาของธนาคาร ของประเทศอิตาลี ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2436 ซึ่งถือวาเป็นธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดอีกแห่งของอิตาลีด้วย



2.มหาวิหารเซนต์ลอเรนโซ Cathedral di San Lorenzo (Genova)

2.มหาวิหารเซนต์ลอเรนโซ Cathedrale di San Lorenzo (Genova)

2.มหาวิหารเซนต์ลอเรนโซ Cathedral di San Lorenzo (Genova)

2.มหาวิหารเซนต์ลอเรนโซ Cathedral di San Lorenzo (Genova)


2.มหาวิหารเซนต์ลอเรนโซ Cathedral di San Lorenzo (Genova)

โดยวิหารซานลอเรนโซเป็นสถานที่สักการะคาทอลิกที่สำคัญที่สุดในเมืองเจนัว ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองใกล้จตุรัสเปียซซาเดอเฟอรารี  ซึ่งมีการสร้างเพื่อการอุทิศให้กับนักบุญเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1118 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกลาซิอุสที่ 2  ซึ่งในขณะนั้นมีเพียงแท่นบูชาและพื้นที่โดยรอบที่สงวนไว้สำหรับการสวดมนต์เท่านั้น แต่ไม่มีโครงสร้างยกสูงเป็นตัวอาคารขึ้นมา จนกระทั้งในช่วงศตวรรษที่ 12 ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้น แต่ยังคงสร้างไม่เสร็จในช่วงไตรมาสที่ 3 ของศตวรรษที่ 3 และไม่มีส่วนหน้าอาคารจริง มหาวิหารเซนลอเรนโซ จัดเป็นมหาวิหารขนาดใหญ่ที่ชาวเมืองเจนัวและคริสต์ศาสนิกชนให้ความเคารพเป็นอย่างมาก 

ย่านถนนท่องเที่ยวโดยรอบใจกลางเมืองเจนัว ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว


และที่ขาดไม่ได้คงเป็น รถยนต์ขนาดเล็กๆ หรือรถเฟียต ที่จอดริมถนนให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป ซึ่งรถคันนี้จอดมานานหลายสืบปี จนกลายเป็นจุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาดมาถ่ายรูปเลยทีเดียว 


3.พระราชวังดอจ์ด(Doge's Palace, Genova) เมืองเจนัว 

3.พระราชวังดอจ์ด(Doge's Palace, Genova) เมืองเจนัว 


3.พระราชวังดอจ์ด(Doge's Palace, Genova) เมืองเจนัว 


3.พระราชวังดอจ์ด(Doge's Palace, Genova) เมืองเจนัว 


3.พระราชวังดอจ์ด(Doge's Palace, Genova) เมืองเจนัว 


3.พระราชวังดอจ์ด(Doge's Palace, Genova) เมืองเจนัว 


3.พระราชวังดอจ์ด(Doge's Palace, Genova) เมืองเจนัว 


3.พระราชวังดอจ์ด(Doge's Palace) 


ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของ Doges of Genoa ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์และศูนย์กลางสำหรับกิจกรรมทางวัฒนธรรมและนิทรรศการศิลปะ ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง โดยมีทางเข้าและส่วนหน้าอาคารที่แตกต่างกันสองทาง โดยทางหลักอยู่ที่ Piazza Giacomo Matteotti และทางที่สองบน Piazza De Ferrari  


การก่อสร้างพระราชวังดอจเริ่มต้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 13 เมื่อเจนัวค่อยๆ รวบรวมอำนาจทางการทหารและเศรษฐกิจในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และในเวลานั้นเมืองได้รับการจัดระเบียบตามแบบแผนของ "Compagna Communis" (ชื่ออย่างเป็นทางการของสาธารณรัฐในขณะนั้น) ซึ่งกำหนดให้มีการแต่งตั้ง Capitano del popolo เป็นประมุขแห่งรัฐเจนัว ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะและวัฒนธรรมที่สำคัญของเมืองเจนัว 


4.Palazzo San Giorgio หรือ พระราชวังเซนต์จอร์จ

4.Palazzo San Giorgio หรือ พระราชวังเซนต์จอร์จ

4.Palazzo San Giorgio หรือ พระราชวังเซนต์จอร์จ

4.Palazzo San Giorgio หรือ พระราชวังเซนต์จอร์จ

4.Palazzo San Giorgio หรือ พระราชวังเซนต์จอร์จ


4.Palazzo San Giorgio หรือ พระราชวังเซนต์จอร์จ


Palazzo San Giorgio หรือพระราชวังเซนต์จอร์จ (หรือที่รู้จักในชื่อ Palazzo delle Compere di San Giorgio) เป็นหนึ่งในอาคารประวัติศาสตร์ที่สำคัญและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในเจนัว ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของการท่าเรือแห่งทะเลลิกูเรียนตะวันตก


 พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นระหว่างปี 1257 ถึง 1260 โดยคำสั่งของ Capitano del Popolo Guglielmo Boccanegra ผู้ซึ่งตั้งใจที่จะสร้างที่นั่งของตนเองสำหรับอำนาจพลเมือง แตกต่างจากอำนาจทางศาสนา ซึ่งก่อตั้งขึ้นใกล้กับอาสนวิหารเจนัว โดยพระราชวังซึ่งรวมอยู่ในเขตโมโล ประกอบด้วยสองส่วนที่แตกต่างกันมาก คือ ส่วนที่เก่ากว่า ซึ่งเป็นตัวอย่างทั่วไปของสถาปัตยกรรมโยธาในยุคกลาง โดยส่วนหน้าหันหน้าไปทางระเบียง Sottoripa และส่วนเรอเนซองส์หันหน้าไปทางทะเล ซึ่งมีโอกาส มองเห็น Via della Mercanzia ซึ่งเป็นถนนสายสั้นๆ ที่เชื่อมระหว่าง Piazza Caricamento และ Piazza Cavour ใกล้กับท่าเรือที่สำคัญของเมือง โดยตัวอาคารมีจุดเด่นด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม อีกทั้งตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือแหล่งท่องเที่ยวของเมืองเจนัว 


5.ท่าเรือเมืองเจนัว (Porto antico di Genova)

5.ท่าเรือเมืองเจนัว (Porto antico di Genova)

5.ท่าเรือเมืองเจนัว (Porto antico di Genova)

5.ท่าเรือเมืองเจนัว (Porto antico di Genova)

5.ท่าเรือเมืองเจนัว (Porto antico di Genova)

5.ท่าเรือเมืองเจนัว (Porto antico di Genova)

5.ท่าเรือเมืองเจนัว (Porto antico di Genova)



5.ท่าเรือเมืองเจนัว (Porto antico at Genova)

ท่าเรือโบราณแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของท่าเรือเจนัว ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นย่านที่อยู่อาศัย การท่องเที่ยว ศูนย์บริการทางวัฒนธรรม และการบริการ ซึ่งแบ่งออกเป็นสองพื้นที่หลักๆ ได้แก่ที่ทรัพย์สินของรัฐมอบให้แก่บริษัท Porto Antico di Genova S.p.A. และมารีน่า ปอร์โต อันติโก เอส.พี.เอ. และพื้นที่ที่จัดการโดยเทศบาลเมืองเจนัวโดยตรง

ปัจจุบันการสืบเชื้อสายมาอย่างต่อเนื่องแม้จะใช้ชื่อที่แตกต่างกัน ทำให้บริเวณท่าเรือเก่าเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่สามารถมองเห็นทะเลได้ ซึ่งนอกเหนือจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแล้ว ยังเป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ พิพิธภัณฑ์ และแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงงานแสดงสินค้าอีกด้วย และความบันเทิงบนพื้นที่กว่า 230,000 ตารางเมตร


แวะเดินช็อปปิ้งตามซอกตรอกซอยต่างๆในเมืองเจนัว ซึ่งมีร้านค้าเปิดให้บริการหลายแห่งเลยค่ะ

ป้ายทะเบียนโปสการ์ดของที่ระลึกและของฝากในเมืองเจนัว ราคาประหยัด ไม่แพง

และก่อนจบทริปเที่ยวเมืองเจโนวา หรือเมืองเจนัวในบทความนี้ ต้องขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกคนที่เข้ามาสสไลด์เลื่อนเปิดอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในบทความถัดไปค่ะ.....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน 


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น