Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

แบ่งปันรีวิวแบกเป้ไปเที่ยว ซิงเคว เทอเร่ (Cinque Terre) ใน 1 วัน กับหมู่บ้านมรดกโลกติดริมชายทะเลแห่งนี้ มีอะไรบ้าง

แบ่งปันทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวซิงเคว เทอเร่ (Cinque Terre) ใน 1 วัน แวะชมหมู่บ้านชาวประมงมีชื่อเสียงในอิตาลีจนได้รับเป็นมรดกโลกแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปเที่ยวกันจ้า



เดินทางไกลมาถึงประเทศอิตาลีในการเดินทางทริปนี้ ไม่พลาดปักหมุดไปเที่ยว ซิงเคว เทอร่ หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงอีกแห่งของประเทศอิตาลี  และยังเป็นหมู่บ้านชาวประมงติดริมทะเล ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ ให้เป็นมรดกโลกทางประวัติศาสตร์ด้วย และด้วยภาพอาคารบ้านเรือนสีสันฉูดฉาดบาดตา ตัั้งตระหง่านอยุ่ติดริมชายทะเล กลายเป็นภาพที่เดี๊ยนจะต้องปักหมุดมาเที่ยวให้ได้สักครั้ง


 ทั้งนี้ก็เพราะว่าเมื่อปี 2018 ที่เดี๊ยนได้เดินทางมาเที่ยวอิตาลีเมื่อหลายปีก่อนโน้น ก็ไม่ได้มาเที่ยวเมืองนี้เลย เนื่องจากมีเวลาจำกัด จะต้องเดินทางลงไปทางภาคใต้ของอิตาลีให้ทันเวลา พอกลับมาเที่ยวยุโรปในครั้งนี้ ก็เลยต้องมาเที่ยวชม ซิงเควเทอเร่ ให้เห็นเป็นบุญตาด้วยตัวเองสักครั้ง แม้ว่าจะเป็นการเดินทางไปเที่ยวแบบ 1 วัน หรือว่า One day trip ก็ตาม แต่ก็สามารถเก็บภาพความทรงจำในการเดินทางมาเยือนชม ซิงเควเทอเร่ ที่สวยงามทีเดียว 


และในการเดินทางแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวยุโรปครั้งนี้ เดี๊ยนก็เลยขอมาแบ่งปันภาพประกอบและเนื่้อหาเกี่ยวกับหมู่บ้านชาวประมงซิงเควเทอรี่ มาให้เพื่อนได้ดูกันด้วยค่ะ แต่ก่อนที่จะไปชมภาพที่เที่ยวต่างๆ เราก็มารู้จัก :ซิงเควเทอเร่ กันสักเล็กน้อยว่ามีประวัติเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงได้ชื่อว่า ซิงเควเทอเร่ นำมาให้อ่านเป็นความรู้กันค่ะ 


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ซิงเคว เทอเร่ (Cinque Terre) ประเทศอิตาลี 


สาระน่ารู้เกี่ยวกับ ซิงเคว เทอเร่ (Cinque Terre) ประเทศอิตาลี 


ชิงเกวแตร์เร หรือที่หลายคนเรียกว่า ซิงเควเทอเร่   Cinque Terre  โดยคำว่า Cinque หมายถึง 5 ส่วนคำว่า Terre หมายถึง แผ่นดิน ความหมายรวมของซิงเคเทอเร่ ก็คือ 5 แผ่นดินนั้นเอง โดยซิงเคว เทอเร่นั้นถือเป็นเมืองเก่าแก่ที่ก่อตั้งยาวนานกว่า 1,300 ปีมาแล้ว เป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลภายในลิกูเรียทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัดลาสเปเซีย โดยมีระยะทางห่างจากกรุงโรม เมืองหลวงของอิตาลีประมาณ 415 กิโลเมตร 

 

ซิงเควเทอเร่ (Cinque Terre) ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่ง ได้แก่ มอนเตรอสโซ อัล มาเร, แวร์นาซซา, คอร์นิเกลีย, มานาโรลา และริโอมักจิโอเร 


โดยซิงเควเทอเร่ (Cinque Terre) ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่ง ได้แก่ มอนเตรอสโซ อัล มาเร, แวร์นาซซา, คอร์นิเกลีย, มานาโรลา และริโอมักจิโอเร แนวชายฝั่ง หมู่บ้านทั้งห้า และเชิงเขาโดยรอบล้วนเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติชิงเควแตร์เร และด้วยชัยภูมิที่ตั้งของหมู่บ้านที่อยู่ติดริมทะเลและสร้างบนเชิงหน้าผา ทำให้ในหมู่บ้าน ไม่มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ไม่มีถนนและรถยนต์สัญจรผ่านได้ มีแต่ตรอกซอกซอยเล็กๆที่เดินลัดเลาะไปตามเชิงเขาและหน้าผา พร้อมกับอาคารบ้านเรือนสีสันฉูดฉาด 


ทำให้หมู่บ้านทั้ง 5 แห่ง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ให้เป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในอิตาลี


ทำให้หมู่บ้านทั้ง 5 แห่ง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ให้เป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในอิตาลี ด้วยสีสันของอาคารบ้านเรือนที่สีสันสดใส สะดุดตา และมีทางเดินเขาติดริมชายทะเลเมดิเตอรเรเนีย หรือหุบเขาแห่งริเวียร่าแห่งนี้ จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงที่สร้างรายได้ให้คนในพื้นที่เป็นอย่างมาก 

บริเวณชิงเคว เทเรเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ผู้คนที่เข้ามาอาศัยอยู่ได้สร้างอาคารบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์ เรียงรายอยู่บนหน้าผาอันสูงชัน และด้วยการเดินทางที่ยากลำบาก ทำให้การเดินทางที่สะดวกที่สุดในอดีตนั้น จะเดินทางกันด้วยทางเรือ ไปยังหมู่บ้านต่างๆที่ตั้งอยู่ริมหน้าผา และผู้คนที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ก็เป็นชาวประมง และทำอาชีพเกษตรกรรมกันเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ การปลูกองุ่น บนเชิงเชา ที่สามารถพบได้ อีกทั้ง มีสินค้าพื้นเมืองเช่น  มะนาวลูกโตสีเหลือง น้ำมันมะกอก ปลาแอนโชวี่ที่เป็นปลาจากชาวประมงในหมู่บ้าน และไวท์องุ่นที่ทำเองของชาวบ้านให้ได้ลิ้มลองทานกันด้วย 


ประวัติความเป็นมาของการกำเนิดเกิด หมู่บ้าน ซิงเคว เทอเร่ (Cinque Terre) มีการกล่าวถึงชิงเควเทอเรในเอกสารที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 มอนเตรอสโซและแวร์นาซซา


ประวัติความเป็นมาของการกำเนิดเกิด หมู่บ้าน ซิงเคว เทอเร่ (Cinque Terre) มีการกล่าวถึงชิงเควเทอเรในเอกสารที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 มอนเตรอสโซและแวร์นาซซา ตั้งถิ่นฐานก่อน ส่วนหมู่บ้านอื่นๆ ก็มีการตั้งรกรากและเจริญเติบโตกันในเวลาต่อมา ขณะที่อยู่ในอาณาเขตของสาธารณรัฐเจนัว ในศตวรรษที่ 16 ผู้คนที่อยู่อาศัยได้เสริมกำลังป้อมที่มีอยู่และสร้างหอคอยป้องกันใหม่เพื่อปกป้องประชากรจากการถูกโจมตีจากพวกเติร์ก  และในช่วง ชิงเคว แตร์เรประสบปัญหาทางเศรษฐกิจตกต่ำตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ถึง 19 และกำลังฟื้นตัวขึ้นเมื่อมีการสร้างคลังในการเก็บอาวุธ ที่เมืองลา สเปเซีย และมีทางรถไฟเชื่อมไปยังเจนัว ทำให้การเดินทางไปยังหมู่บ้านซิงเควเทอเรี่นั้นสะดวกยิ่งขึ้น จากแต่เดินที่การเดินทางไปยังหมู่บ้านทั้ง 5 ต้องเดินทางด้วยเรือโดยสารเท่านั้น 




เนื่องจากทำเลที่ตั้งของ ซิงเควเทอเร่ อยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อาหารทะเลที่นี่จึงมีอยู่มากมาย ได้กลายเป็นอาหารประจำท้องถิ่น  ไมว่าจะเป็นปลากะตักแห่งหมู่บ้านมอนเตรอสโซ ซึ่งถูกจัดให้เป็นอาหารพิเศษในท้องถิ่นที่ได้รับสถานะแหล่งกำเนิดสินค้าที่ได้รับการคุ้มครองจากสหภาพยุโรป  และยังมีทางเดินไหล่เขาของชิงเควแตร์เร โดยมีขั้นบันไดหนาทึบและใช้สำหรับปลูกองุ่นและมะกอกอันมีชื่อเสียง โดย



 พื้นที่นี้และภูมิภาคลิกูเรียโดยรวมมีชื่อเสียงในเรื่องเพสโต้ ซึ่งเป็นซอสที่ทำจากใบโหระพา กระเทียม เกลือ น้ำมันมะกอก ถั่วสน และชีสเพโคริโน Focaccia  อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ขนมปังอบที่พบได้ทั่วไปในท้องถิ่น Farinata เป็นของขบเคี้ยวทั่วไปที่พบในร้านเบเกอรี่และร้านพิซซ่า เป็นแพนเค้กรสเผ็ดและกรุบกรอบที่ทำจากแป้งถั่วลูกไก่ รสชาติเยี่ยม ของหมู่บย้านCorniglia ได้รับความนิยมเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน  


การเดินทางมาเที่ยวซิงเควเทอเร่ ที่สะดวกและได้รับความนิยมมากที่สุด คือ การเดินทางด้วยรถไฟ


สำหรับการเดินทางมาเที่ยวซิงเควเทอเร่ ที่สะดวกและได้รับความนิยมมากที่สุด คือ การเดินทางด้วยรถไฟ เพราะว่าหมู่บ้านแต่ละแห่งตั้งอยู่บนเทือกเขาติดริมทะเล ทำให้การเดินทางสัญจรด้วยรถยนต์ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นการเดินทางด้วยรถไฟไปเที่ยวยังหมู่บ้าน 5 แห่งใน ซิงเควเทอเร่ จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวกันเป็นส่วนใหญ่ เนืองจากสะดวกกว่าในอดีตมาก 


และหลังจากที่ได้อ่านสาระน่ารู้เกี่ยวกับซิงเคว เทอเร่กันไปแล้ว ก็ตามไปชมรีวิวการเดินทางไปเที่ยวกันได้เลยค่ะว่า ใน 1 วัน สามารถเที่ยวหมู่บ้านใหนได้บ้าง 


สำหรับทริปนี้ เริ่มต้นการเดินทางไปเที่ยวซิงเควเทอเร่ เดี๊ยนเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแต่เช้าตรู่ เพื่อไปที่สถานีรถไฟในกรุงโรม (Roma Termini) เพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านเวอร์แนสซ่า ซิงเควเทอเร่ Vernazza cinque terre

เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ เดี๊ยนเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแต่เช้าตรู่่เลยค่ะ  จากนั้นก็เดินแบกกระเป๋าเป้ใบใหญ่มารอขึ้นรถไฟที่สถานีในกรุงโรม เพื่อเดินทางไปเที่ยวหมู่บ้านเวอร์แนสซ่า ซิงเควเทอเร่ Vernazza cinque terre


แต่ไม่ได้นอนที่ซิงเควเทอเร่นะคะ เนื่องจากโรงแรมที่พักแถวซิงเควเทอเร่ นั้นราคาห้องพักแพงมากๆ เดี๊ยนสู้ไม่ไหว เลยไปนอนพักที่เมืองเจนัวแทน ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวถัดไปจากซิงเควเทอเร่


ทริปนี้เริ่มต้นการเดินทางจาก กรุงโรม อิตาลี มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้าน Vernazza ในเขตอุทยานแห่งชาติ Cinque Terre


โดยทริปนี้ขอไปเที่ยวเก็บภาพบรรยากาศหมู่บ้าน เพื่อให้เห็นเป็นบุญตาสักครั้ง เนื่องจากเคยได้ยินและเคยเห็นแต่ในสื่อโซเชียล และตามอินเตอร์เน็ต หากไปเที่ยวและได้สัมผัสด้วยตัวเอง น่าจะมาบอกเล่าเก้าสิบได้เยอะกว่าค่ะ


 หากเพื่อนๆคนใหนที่จะเดิน แนะนำจองตั๋วรถไฟทางออนไลน์ไว้แต่เนิ่นๆนะคะ เพราะถ้าเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว คนจะเดินทางกันเยอะมากๆ 



บรรยากาศด้านในสถานีรถไฟในช่วงเช้าตรู่ ผู้คนยังไม่เยอะมากนัก 


โดยขบวนรถไฟที่ขึ้น ก็เป็นรถไฟความเร็วสูงของอิตาลีโดยตรง หรือที่รู้จักกันในขบวนรถไฟ Frecciargento เป็นรถไฟที่ผ่านไปตามเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เมืองฟลอเรน ปิซ่า และลาสปิเชีย  

โดยต้องนั่งรถไฟความเร็วสูงจากกรุงโรมไปลงที่สถานีรถไฟเมือง La Spezia จากนั้นก็นั่งรถไฟขบวนท้องถิ่นต่อไปลงที่สถานี หมู่บ้าน vernazza ซึงเป็นหนึ่งใน 5 หมู่บ้านชาวประมงที่มีชื่อเสียงใน ซิงเ้ควเทอเร่ 

เข้ามาด้านในขบวนรถไฟ ก็ยังไม่มีผู้โดยสารมากมายนัก เนื่องจากเป็นช่วงเช้าตรู่มาก แต่ระหว่างทางน่าจะมีผู้โดยสารเยอะขึ้น 

ซึ่งเดี๊ยนต้องนั่งรถไฟความเร็วสูงไปลงที่สถานีรถไฟเมือง La Spezia แล้วนั่งรถไฟขบวนท้องถิ่นต่อไปลงที่ หมู่บ้าน vernazza เป็นหนึ่งใน 5 หมู่บ้านชาวประมงใน ซิงเควเทอเร่ ที่มีชื่อเสียงที่สุด



และเมื่อขบวนรถไฟออกจากกรุงโรมมา ก็จะเป็นย่านชนบท ที่เต็มไปด้วยไร่อุง่นและไร่ผักผลไม ้ สวนมะกอก ที่ปลูกเรียงรายริมเนินเขา 
 

ถือเป็นการนั่งรถไฟชมวิวริมทาง ที่ได้เห็นบรรยากาศสวยงามอีกอย่าง ดูสวยงามที่แตกต่างไปจากบ้านเรา 

ขาดไม่ได้เลย คือเสบียงอาหาร ที่ต้องพกใส่กระเป๋ามาด้วย ยังไงก็ต้องแบกมาด้วยค่ะ

เดินทางมาเที่ยวตอนเช้าๆตรู่แบบนี้ ที่ขาดไม่ได้เลย คือเสบียงอาหาร ที่ต้องพกใส่กระเป๋ามาด้วย ยังไงก็ต้องแบกมาด้วยค่ะ เดี๊ยนเตรียมอาหารไว้ที่ห้องครัวของโรงแรมตั้งแต่เมื่อวานตอนค่ำ กะว่าตอนเช้าเช็คเอาท์ แล้วก็หอบใส่กระเป๋ามาทานบนรถไฟเลย 

อาหารเติมพลังที่ทานแล้วต้องอิ่มมากๆ กะว่ามาเที่ยวอิตาลีในฤดูร้อน ต้องใช้พลังงานเยอะเช่นกัน ดังนั้น เรื่องอาหารการกิน ห้ามอดค่ะ 

 โดยอาหารมื้่อเช้านี้บนรถไฟ ก็ทานไปเลย ไก่ครึ่งตัว กับผักต้ม ขนมปังแฮมเบอร์เกอร์ ทานแนมกับแอปเปิ้ล ถือว่าเป็นอาหารเติมพลังที่ทานแล้วต้องอิ่มมากๆ กะว่ามาเที่ยวอิตาลีในฤดูร้อน ต้องใช้พลังงานเยอะเช่นกัน ดังนั้น เรื่องอาหารการกิน ห้ามอดค่ะ 

ใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ใกล้จะถึงเมือง La Spezia แล้วค่ะ 


เมื่อมาถึงสถานีรถไฟเมือง La Spezia ก็ลงมาตั้งหลัก ดูป้ายบอร์ดหมายเลขชานชลาที่จะไป Vernazza (เวร์นาซซา) cinque terre โดยให้เลือกขบวนรถไฟที่จะไป Levanto เพราะเป็นรถไฟที่ผ่านไปยังหมู่บ้าน Vernazza 


ขึ้นรถไฟขบวนท้องถิ่น ที่จะผ่านทั้ง 5 หมู่บ้านใน Cinque terre ขึ้นมา ผู้โดยสารยังไม่เยอะมากนัก


จากภาพที่เดี๊ยนถ่ายไว้ จากสถานีรถไฟ La Spezia  จะผ่านหมู่บ้านในเขตอุทยานแห่งชาติ Cinque Terre ทั้งหมด ไปสุดปลายทางที่ Levanto เลยค่ะ  แต่หมู่บ้านที่จะไปลงคือ Vernazza 



ซึ่งการเดินทางไปยังสถานีรถไฟในแต่ละหมู่บ้านของ ซิงเควเทอเร่ นั้น จะใช้เวลาไม่นาน ประมาณสถานีละ 3-5 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ คือใช้เวลาสั้นมากๆ 


ถึงสถานีรถไฟหมู่บ้านVernazza (เวร์นาซซา) แล้วค่ะ อีกหนึ่งหมู่บ้านชาวประมงในกลุ่ม Cinque Terre ที่มีชื่อเสียงที่สุด จะได้รับการขนามนามว่าเป็น ริเวียร่าแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 



เมื่อเดินทางมาถึง ก็มาตั้งหลักเปิด GPS เพื่อหาพิกัด ร้านฝากกระเป๋า ซึ่งใน ซิงเควเทอเร่ มีร้านที่รับฝากกระเป๋าไม่กี่แห่งเท่านั้น 

โดยร้านรับฝากกระเป๋าเป้ใบใหญ่ ก็เห็นจะมีอยู่ร้านเดียว  ที่หมู่บ้าน vernazza


เดินลงจากสถานีรถไฟมา ก็จะเป็นย่านถนนคนเดินซึ่งจะไปสุดปลายทางที่ชายทะเลพอดีค่ะ แต่ระหว่างนี้ ก็เดินหาร้านรับฝากกระเป๋าก่อนเลยค่ะ เพราะถ้าแบกเป้ไปด้วย หลังหักแน่นอน 


เจอแล้วค่ะ ร้านรับฝากกระเป๋า เดินเท้ามาไม่ไกลประมาณ 50 เมตรจากสถานีรถไฟก็ถึงแล้ว โดยร้านมีชื่อว่า Cinque Terra Riviera Bag Store Luggage 



สำหรับเพื่อนๆคนใหน ที่เดินทางสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่มาเที่ยว และต้องการฝากกระเป๋า แนะนำมาฝากที่ร้าน Cinque Terra Riviera Bag Store Luggage ค่าฝากกระเป๋าอยู่ที่ 6 ยูโรต่อวัน 



มาถึงก็แจ้งหน้าที่ด้านในเลยค่ะ แต่เจ้าหน้าที่กำลังยุ่งอยู่กระมัง เดี๊ยนเลยนั่งรอสักครู่นึ่ง

ค่าฝากกระเป๋าอยู่ที่ 6 ยูโรต่อวัน


ซึ่งค่าฝากกระเป๋าอยู่ที่ 6 ยูโรต่อวัน  กระเป๋าเดี๊ยนทั้ง 3 ใบ แต่ฝากไว้เฉพาะ 2 ใบค่ะ อีกใบเป็นกระเป๋าเป้ใบเล็ก เอาไว้ใส่น้ำดื่มตอนเดินเที่ยวค่ะ 


เมื่อทำการฝากกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาออกไปเที่ยวได้เลยค่ะ ไปดูสิ่ว่าในหมู่บ้าน vernazza มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ไปเช็คอินกันบ้าง

1.ท่าเรือชาวประมง และย่านถนนคนเดินไปสุดปลายทางที่ท่าเรือในหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา)  ซึ่งเป็น 1 ใน 5 หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติและ UNESCO มรดกโลก Cinque Terre


1.ท่าเรือชาวประมง และย่านถนนคนเดินไปสุดปลายทางที่ท่าเรือในหมู่บ้าน Vernazza  ซึ่งเป็น 1 ใน 5 หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติและ UNESCO มรดกโลก Cinque Terre

1.ท่าเรือชาวประมง และย่านถนนคนเดินไปสุดปลายทางที่ท่าเรือในหมู่บ้าน Vernazza  ซึ่งเป็น 1 ใน 5 หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติและ UNESCO มรดกโลก Cinque Terre

หมู่บ้าน Vernazza หนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่แท้จริง ถูกขนามนามให้เป็น ริเวียร่าแห่งอิตาลี

มีชายหาดเล็กๆให้นักท่องเที่ยวได้อาบแดดกันด้วย 

หนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่แท้จริง ถูกขนามนามให้เป็น ริเวียร่าแห่งอิตาลี

1.ท่าเรือชาวประมง และย่านถนนคนเดินไปสุดปลายทางที่ท่าเรือในหมู่บ้าน Vernazza  ซึ่งเป็น 1 ใน 5 หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติและ UNESCO มรดกโลก Cinque Terre



1.ย่านถนนคนเดินไปสุดปลายทางที่ชายหาดในหมู่บ้าน Vernazza  ซึ่งเป็น 1 ใน 5 หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติและ UNESCO มรดกโลก Cinque Terre 

มีร้านขายของที่ระลึกและของฝาก

เดินมาไม่ไกลก็จะเห็นท่าเรือและชายหาดเล็กๆ 

1.ท่าเรือชาวประมง และย่านถนนคนเดินไปสุดปลายทางที่ท่าเรือในหมู่บ้าน Vernazza  ซึ่งเป็น 1 ใน 5 หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติและ UNESCO มรดกโลก Cinque Terre

แม้ชายหาดจะไม่ได้กว้างขวาง ใหญ่มากนัก แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมานอนอาบแดดกัน

ใกล้ๆกับท่าเรือและชายหาดในหมู่บ้าน Vernazza ก็เป็นร้านอาหารและร้านค้า

1.ท่าเรือชาวประมง และย่านถนนคนเดินไปสุดปลายทางที่ท่าเรือในหมู่บ้าน Vernazza  ซึ่งเป็น 1 ใน 5 หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติและ UNESCO มรดกโลก Cinque Terre (ชิงเคว่ แตร์เร่ โดยหมู่บ้านดังกล่าว จัดเป็นหมู่บ้านชาวประมงในจังหวัด Laspecia ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลีและเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่แท้จริงที่สุดในลิเวียร่าอิตาลี เป็นท่าเรือธรรมชาติแห่งเดียวในห้าหมู่บ้านชาวประมง ชื่อ Vernazza มาจากคําอธิบายภาษาละติน verna ซึ่งแปลว่า “คนท้องถิ่น”" อีกทั้งยังมีชายหาดเล็กๆของหมู่บ้านที่ติดกับท่าเรือให้ได้นอนรับลม และอาบแดด หรือลงเล่นน้ำทะเลได้ด้วย 


บรรยากาศร้านค้าและร้านอาหารโดยรอบ 

ส่วนมนต์เสน่ห์อีกอย่างของหมู่บ้านแห่งนี้ จะมี่ทางเดินตามตรอกซอกเล็กๆ ที่สร้างเชือมไปตามเชิงเขาและสามารถเดินตามบันไดไปมาหากันได้ 

การเดินขึ้นบันไดแต่ละขั้น แต่ละชั้นนั้น ก็ใช้พลังงานมากๆ น้ำคือเครื่องดื่มที่จำเป็นที่สุด พกกระเป๋าและน้ำดื่มไว้เสมอค่ะ หรือไม่ก็ซื้อจากร้านค้าไว้เลย ตอนไปซื้อบอกคนขายว่า ขอซื้อน้ำแร่ไม่ผสมโซดานะคะ

ซึ่งแน่นอนว่า ในการเดินขึ้นบันไดแต่ละขั้น แต่ละชั้นนั้น ก็ใช้พลังงานมากๆ น้ำคือเครื่องดื่มที่จำเป็นที่สุด พกกระเป๋าและน้ำดื่มไว้เสมอค่ะ หรือไม่ก็ซื้อจากร้านค้าไว้เลย ตอนไปซื้อบอกคนขายว่า ขอซื้อน้ำแร่ไม่ผสมโซดานะคะ  Minera water with out Soda เพราะถ้าบอกว่าซื้อน้ำแร่อย่างเดียว คนขายอาจจะหยิบน้ำแร่ผสมโซดามาให้

2.จุดชมวิวถ่ายรูปหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินไป Corniglia (คอร์นีเลีย) หนึ่งในจุดชมวิวถ่ายรูปที่สวยงามอีกแห่งเมื่อมาเที่ยวหมู่บ้านเวนาซซา 

2.จุดชมวิวถ่ายรูปหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินไป Corniglia (คอร์นีเลีย) หนึ่งในจุดชมวิวถ่ายรูปที่สวยงามอีกแห่งเมื่อมาเที่ยวหมู่บ้านเวนาซซา 


2.จุดชมวิวถ่ายรูปหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินไป Corniglia (คอร์นีเลีย) หนึ่งในจุดชมวิวถ่ายรูปที่สวยงามอีกแห่งเมื่อมาเที่ยวหมู่บ้านเวนาซซา 


2.จุดชมวิวถ่ายรูปหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินไป Corniglia (คอร์นีเลีย) หนึ่งในจุดชมวิวถ่ายรูปที่สวยงามอีกแห่งเมื่อมาเที่ยวหมู่บ้านเวนาซซา 

2.จุดชมวิวถ่ายรูปหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินไป Corniglia (คอร์นีเลีย) หนึ่งในจุดชมวิวถ่ายรูปที่สวยงามอีกแห่งเมื่อมาเที่ยวหมู่บ้านเวนาซซา 

2.จุดชมวิวถ่ายรูปหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินไป Corniglia (คอร์นีเลีย) หนึ่งในจุดชมวิวถ่ายรูปที่สวยงามอีกแห่งเมื่อมาเที่ยวหมู่บ้านเวนาซซา 

เดินขึ้นมารับรองว่าได้เหงื่อเยอะแน่นอนค่ะ เพราะใช้กำลังแข้ง เดินไต่ตามสันเขามาเรื่อยๆ 

2.จุดชมวิวถ่ายรูปหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินไป Corniglia (คอร์นีเลีย) หนึ่งในจุดชมวิวถ่ายรูปที่สวยงามอีกแห่งเมื่อมาเที่ยวหมู่บ้านเวนาซซา 

2.จุดชมวิวถ่ายรูปหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินไป Corniglia (คอร์นีเลีย) หนึ่งในจุดชมวิวถ่ายรูปที่สวยงามอีกแห่งเมื่อมาเที่ยวหมู่บ้านเวนาซซา 


2.จุดชมวิวถ่ายรูปหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินไป Corniglia (คอร์นีเลีย) หนึ่งในจุดชมวิวถ่ายรูปที่สวยงามอีกแห่งเมื่อมาเที่ยวหมู่บ้านเวนาซซา  โดยต้องเดินลัดเลาะตามเชิงเขาขึ้นมาด้านบนเรื่อยๆ ระหว่างจะมีร้านอาหารและร้านคาเฟ่เล็กๆของชาวบ้านในพื้นที่ให้ได้ไปใช้บริการลิ้มลองทานอาหารกันด้วย 

สภาพอากาศและพื้นที่ในเขตอบุอ่นที่เอื้อต่อการเพาะปลูกผลไม้ ทำให้บริเวณในเขต Cinque Terre เป็นแหล่งปลูกองุ่นริมเชิงเขา ไว้สำหรับทำไวน์ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของอิตาลี 

ด้วยภูมิศาสตร์และสภาพอากาศและพื้นที่ในเขตอบุอ่นที่เอื้อต่อการเพาะปลูกผลไม้ ทำให้บริเวณในเขต Cinque Terre เป็นแหล่งปลูกองุ่นริมเชิงเขา ไว้สำหรับทำไวน์ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของอิตาลี 

บริเวณในเขตกลุ่มหมู่บ้าน Cinque Terre เป็นแหล่งปลูกองุ่นริมเชิงเขา ไว้สำหรับทำไวน์ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของอิตาลี 

เดินไปเดินมา ก็อยากจะเด็ดองุ่นทานจังคะ 



3.จุดชมวิวหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินตามไหล่สันเขาไป Monterosso


3.จุดชมวิวหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินตามไหล่สันเขาไป Monterosso

มองเห็นเส้นทางรถไฟที่สร้างทะลุภูเขาผ่านไปยังอีกหมู่บ้าน ซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วมากขึ้น

3.จุดชมวิวหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินตามไหล่สันเขาไป Monterosso

3.จุดชมวิวหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินตามไหล่สันเขาไป Monterosso

3.จุดชมวิวหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินตามไหล่สันเขาไป Monterosso

3.จุดชมวิวหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินตามไหล่สันเขาไป Monterosso

3.จุดชมวิวหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินตามไหล่สันเขาไป Monterosso


3.จุดชมวิวหมู่บ้าน Vernazza (เวร์นาซซา) บริเวณทางเดินตามไหล่สันเขาไป Monterosso ก็เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สามารถมองเห็น เวิ่งอ่าวท่าเรือชาวประมงได้อย่างสวยงามชัดเจน ซึ่งจากบริเวณดังกล่าวนักท่องเที่ยวที่ชอบการ Trekking สามารถเดินเท้าไปยังหมู่บ้าน Monterosso ได้เช่นกัน 

4.ป้อมปราการหอคอยโดเรีย ริมชายทะเลในหมู่บ้านเวนาซซา (Castello Doria (Vernazza)

4.ป้อมปราการหอคอยโดเรีย ริมชายทะเลในหมู่บ้านเวนาซซา (Castello Doria (Vernazza)

4.ป้อมปราการหอคอยโดเรีย ริมชายทะเลในหมู่บ้านเวนาซซา (Castello Doria (Vernazza)

4.ป้อมปราการหอคอยโดเรีย ริมชายทะเลในหมู่บ้านเวนาซซา (Castello Doria (Vernazza)

บันไดขึ้นลงทางเดียวที่ป้อมปราการหอคอยโดเรีย 

จุดชมวิวที่มองจากป้อมปราการหอคอยโดเรีย ริมชายทะเลในหมู่บ้านเวนาซซา (Castello Doria (Vernazza)

บันไดวน ขึ้นลงทางเดียว 

4.จุดชมวิวจากป้อมปราการหอคอยโดเรีย ริมชายทะเลในหมู่บ้านเวนาซซา (Castello Doria (Vernazza)

4.ป้อมปราการหอคอยโดเรีย ริมชายทะเลในหมู่บ้านเวนาซซา (Castello Doria (Vernazza)

4.ป้อมปราการหอคอยโดเรีย ริมชายทะเลในหมู่บ้านเวนาซซา (Castello Doria (Vernazza)




4.ป้อมปราการหอคอยโดเรีย ริมชายทะเลในหมู่บ้านเวนาซซา (Castello Doria (Vernazza) สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูปภาพ แน่นอนว่า เมื่อมาถึงหมู่บ้านเวนาซซา ก็ไม่พลาดต้องเดินขึ้นไปชมป้อมปราการเก่าแก่ที่อยู่คู่หมู่บ้านแห่งนี้มาอย่างยาวนาน โดยตัวป้อมป้อมปราการหอคอยโดเรียแห่งนี้ สร้างขึ้นในสมัยการปกครองของ Obertenghi ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 13 แต่เชื่อกันว่าเริ่มแรกของป้อมปราการแห่งนี้มีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 11

ปราสาทโดเรียเป็นป้อมปราการยุคกลาง สร้างขึ้นบนสันเขาหินสูงประมาณ 70 เมตร ซึ่งประกอบเป็นชายฝั่งทางใต้ของจุดขึ้นฝั่ง Vernazza ใน Cinque Terre ในจังหวัด La Spezia หอคอยทรงกระบอกซึ่งตั้งอยู่ใจกลางลานทางเดิน  โดยได้รับการบูรณะในศตวรรษที่ 20 ถือเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของป้อมปราการ โดยตัวป้อมปราการเก่าแก่แห่งนี้ มีปรับให้เข้ากับรูปร่างของเดือยหินที่ใช้สร้าง ซึ่งจากป้อมที่เห็นในปัจจุบันเป็นผลมาจากการเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงและปรบปรุงมานานหลายศตวรรษ 



ทางเดินในหมู่บ้านซิงเควเทอเร่ ส่วนใหญ่นั้นสร้างอยู่บนเชิงเขาและเป็นอาคารสร้างติดๆกัน

และอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงคือ ทางเดินในหมู่บ้านซิงเควเทอเร่ ส่วนใหญ่นั้นสร้างอยู่บนเชิงเขาและเป็นอาคารสร้างติดๆกัน ทำให้ทางเดินเชื่อมไปแต่ละแห่งนั้นค่อนข้างเล็กและแคบมากๆ  แต่ก็กลายเป็นหนึ่งในเสน่ห์ที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนกันอย่างไม่ขาดสาย 

ร้านอาหารติดริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

และระหว่างเดินไต่ไปตามบันไดทางเดิน ก็จะพบร้านอาหารวิวสวยๆ ให้ได้ไปนั่งทานกันด้วย 

โดยร้านอาหารบางร้าน ก็อาจจะเปิดให้บริการช่วงบ่ายๆ

แต่บริเวณใกล้ๆกับท่าเรือ น่าจะมีร้านค้าและร้านอาหารเปิดให้บริการอยู่เยอะที่สุดแล้วค่ะ อีกอย่างนักท่องเที่ยวก็ทยอยมากันเยอะเรื่อยๆ 

บริเวณชายหาดติดกับท่าเรือในหมู่บ้าน Vernazza มีนักท่องเที่ยวมาอาบแดดกันเป็นจำนวนมาก


บริเวณชายหาดแม้จะไม่ได้เป็นชายหาดทรายสีขาว แต่น้ำทะเลก็ใสน่าเล่นอยู่ไม่ใช่น้อย จะเห็นได้จากนักท่องเที่ยวที่มาอาบแดดกันส่วนใหญ่ ก็มักจะเดินลงไปแช่น้ำทะเลเช่นกัน 


และบริเวณย่านถนนคนเดิน ก็เต็มไปด้วยร้านอาหารเล็กๆ และร้านขายของที่ระลึกมากมาย
ย่านถนนคนเดินเล็กๆจากสถานีรถไฟ เต็มด้วยร้านอาหาร ร้านค้าของที่ระลึก 

ของฝากและของที่ระลึกที่ซิงเควเทอเร่ 

จะเป็นสบู่หอม และถุงมะนาวหอม ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน 


ส่วนใครที่หิว และไม่อยากไปนั่งรอคิวทานตามร้านอาหาร ก็ซื้ออาหารกล่องมาได้เลยค่ะ  อาหารที่นี่ส่วนใหญ่ เป็นแนวสลัดกล่องค่ะ และยังมีผลไม้ใส่กล่อง  ราคา 5 ยูโร แต่ถ้าเพิ่มโยเกิร์ตไปด้วย จะรวมเป็น 6.5 ยูโร เพือนๆคนใหน ที่แวะมาเที่ยวที่นี่ ก็เลือกซื้อทานกันได้ค่ะ 


และอาหารเที่ยงของเดี๊ยนมื้อกลางวันนี้  ก็เติมพลังด้วยการทานอาหารเป็นมะกะโรนีใส่กล่องที่หอบมาจากกรุงโรม นำมาทานให้หมด จะได้บูดระหว่างทาง ก็ช่วยประหยัดค่าอาหารไปอีก 1 มื้อ 



ส่วนอาหารเที่ยงของเดี๊ยนมื้อกลางวัน ก็ทานอาหารเป็นมะกะโรนีใส่กล่องที่หอบมาจากกรุงโรม ก็นำมาทานให้หมดค่ะ ช่วยประหยัดไปอีก 1 มื้อ 



หลังจากที่ได้เที่ยวชมหมู่บ้าน Vernazza แล้ว ในช่วงบ่ายก็ไปเที่ยวต่อที่หมู่บ้าน Monterosso al Mare (มอนเตรอสโซ อัล มาเร โดยมารอขึ้นรถไฟที่สถานีเวนาซซาได้เลยค่ะ 

ใช้เวลารอรถไฟไม่นาน ประมาณ 15-20 นาที เดี่ยวรถไฟก็เดินทางมาค่ะ 


เดินทางแป๊บเดียวแค่ 3 นาที นั่งรถไฟมาถึงสถานี Monterosso 


5.ช่วงบ่ายไปเดินเที่ยวชมหมู่บ้านมอนเตรอสโซ อัล มาเร (Monterosso al Mare) หมู่บ้านชาวประมงกลุ่ม Cinque Terre ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อีกทั้งยังมีชายหาดทรายกว้างและยาวที่สุดของกลุ่มด้วย

5.ช่วงบ่ายไปเดินเที่ยวชมหมู่บ้านมอนเตรอสโซ อัล มาเร (Monterosso al Mare) หมู่บ้านชาวประมงกลุ่ม Cinque Terre ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อีกทั้งยังมีชายหาดทรายกว้างและยาวที่สุดของกลุ่มด้วย

5.ช่วงบ่ายไปเดินเที่ยวชมหมู่บ้านมอนเตรอสโซ อัล มาเร (Monterosso al Mare) หมู่บ้านชาวประมงกลุ่ม Cinque Terre ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อีกทั้งยังมีชายหาดทรายกว้างและยาวที่สุดของกลุ่มด้วย

ชายหาดกว้างขวาง ทอดตัวเรียงยาวที่ มอนเตรอสโซ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก 

เดินมาก็จะเห็นร่มและเตียงผ้าใบเปิดให้บริการอยู่มากมาย มีทั้งร่มสีส้มและร่มสีน้ำเงิน สีสันสวยงาม

เดินมาก็เห็นร่มและเตียงผ้าใบเปิดให้บริการอยู่มากมาย มีทั้งร่มสีส้มและร่มสีน้ำเงิน สีสันสวยงาม

ท่าเรือชาวประมงในหมู่บ้าน Monterosso 

ชายหาดอีกแห่งที่อยู่ในหมู่บ้านมอนเตรอสโซ 

แหล่งท่องเที่ยวภายในหมู่บ้านมอนเตรอสโซ จุดชมวิวบนอนุสรณ์ Statua di San Francesco d'Assisi

5.ช่วงบ่ายไปเดินเที่ยวชมหมู่บ้านมอนเตรอสโซ อัล มาเร (Monterosso al Mare) หมู่บ้านชาวประมงกลุ่ม Cinque Terre ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อีกทั้งยังมีชายหาดทรายกว้างและยาวที่สุดของกลุ่มด้วย

ร้านค้าเล็กๆน่ารักในหมู่บ้าน Monterosso

5.ย่านช็อปปิ้งในบ้านมอนเตรอสโซ อัล มาเร (Monterosso al Mare) มีทางเดินที่กว้างขวาง สะดวกสบาย เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย 

5.ช่วงบ่ายไปเดินเที่ยวชมหมู่บ้านมอนเตรอสโซ อัล มาเร (Monterosso al Mare) หมู่บ้านชาวประมงกลุ่ม Cinque Terre ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อีกทั้งยังมีชายหาดทรายกว้างและยาวที่สุดของกลุ่มด้วย




5.ช่วงบ่ายไปเดินเที่ยวชมหมู่บ้านมอนเตรอสโซ อัล มาเร (Monterosso al Mare)  เป็น 1 ใน 5 หมู่บ้านชาวประมงกลุ่ม Cinque Terre ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อีกทั้งยังมีชายหาดทรายกว้างและยาวที่สุดใน Cinque Terre ตั้งอยู่ในจังหวัดลา สเปเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคลิกูเรีย ทางตอนเหนือของอิตาลี เป็นหนึ่งในห้าหมู่บ้านในชิงเควแตร์เร 

ชายหาดที่มอนเตรอสโซทอดยาวไปตามแนวชายฝั่งส่วนใหญ่ และนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่นิยมใช้กันเป็นอย่างดี ชายหาดนี้เป็นหาดทรายที่กว้างขวางเพียงแห่งเดียวในชิงเควแตร์เร มอนเตรอสโซเป็นเมืองเล็กๆ ที่นักท่องเที่ยวบุกรุกเข้ามาในช่วงฤดูร้อน 

และที่หมู่บ้านมอนเตรอสโซ มีชื่อเสียงในเรื่องการปลูกต้นมะนาว  หากนักท่องเที่ยวที่เดินทางตามไหล่สักเข่าจะเห็นสวนมะนาวที่ปลูกได้ทั่วมอนเตรอสโซ นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านไวน์ขาว องุ่น และมะกอกอีกด้วย

ทำให้ที่หมู่บ้านแห่งนี้ กลายเป็นแหล่งศูนย์กลางของนักท่องเที่ยว ที่จะมาเล่นชายหาด อีกทั้งยังมีร้านค้า  สถานประกอบการที่พัก มีทางเดินที่กว้างขวาง ไม่คับแคบ จึงกลายเป็นหนึ่งในชายหาดที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ชายหาดมอนเตรอสโซ ได้กลายเป็นชายหาดสวรรค์ของคนรักทะเลเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีกิจกรรม อาบแดด ว่ายน้ำ และมีร้านอาหาร ร้านขายของฝาก ให้เลือกซื้อเลือกหากันอย่างเพลิดเพลินใจ 

 ทำให้ที่นี่เป็นที่รวมของนักท่องเที่ยวที่มานั่งเล่น เดินเล่นตามชายหาดมากมาย เหมาะสำหรับคนที่ชอบมานั่งชิลล์ๆ อาบแดด ว่ายน้ำเล่น เดินเล่นเพลินเพลินในซอยของหมู่บ้าน ร้านอาหาร ร้านขายของฝากของ



หลังจากที่ได้เดินเที่ยวชมหมู่บ้านมอนเตรอสโซแล้ว ก็นั่งรถไฟมาที่สถานีหมู่บ้าน Vernazza เพื่อมาเอากระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ร้านรับฝาก และซื้อตั๋วนั่งรถไฟจาก Vernazza ไปที่เมือง Genoa 



โดยเดี๊ยนเลือกเดินทางช่วงเวลาประมาณ 5 โมงเย็น แต่แดดที่นี่ ยังร้อนเหมือนอยู่ช่วงบ่าย 2 อยู่เลยค่ะ เนื่องจากเวลากลางวันที่นี่ จะค่อนข้างช้ากว่าที่เมืองไทย ซึ่งกว่าตะวันจะมืดลับฟ้าก็ปาไปถึง 3 ทุ่ม


ซึ่งขบวนรถไฟที่นั่งจาก Vernazza มายัง Genova (เจนัว) ผู้โดยสารเยอะมากๆ เรียกว่าแน่นเต็มขบวน แต่ภาพที่เห็นคือคนลงจากรถไฟหมดแล้ว เดี๊ยนเลยถ่ายรูปมาได้ค่ะ 

สถานีรถไฟเมืองเจนัว (Genova Train Station)

เดี๊ยนเลือกมาพักค้างที่เมืองเจนัว ซึ่งเป็นเมืองท่าเรือขนาดใหญ่ มีชื่อเสียงอีกแห่งในอิตาลี เพราะมีโรงแรมและที่พักให้เลือกเยอะ อีกทั้งยังอยากมาเดินเที่ยวชมเมืองเจนัว ซึ่งเป็นเมืองที่เป็นบ้านเกิดของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือที่มีชื่อเสียงของโลกด้วย 

สถานีรถไฟเมืองเจนัว  (Genova train station) 
เดินทางมาถึงสถานีรถไฟในเมืองเจนัว ก็มาตั้งหลัก เปิด GPS เดินทางไปยังโรงแรมที่พัก 


ซึ่งโรงแรมที่จะพักค้างในคืนนี้ อยู่ใกล้สถานีรถไฟมากๆ พยายามเลือกโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟที่สุด จะได้ไม่ต้องเดินไกล และราคาห้องก็ไม่แพงเกินไปด้วย

 โดยโรงแรมที่พักในเมืองเจนัว คืนนี้ เดี๊ยนเลือกพักที่โรงแรม Ostello Bello Genova 


ห้องพักที่โรงแรม ตกคืนละ 1,900 บาท/คน/คืน  พิมพ์ไม่ผิดค่ะ คืนละ พันเก้า ถือว่าเป็นโฮสเทล ห้องแบบนอนรวม ซึ่งมีราคาแพงกว่าที่กรุงโรมนะคะ เดี๊ยนพักที่กรุงโรม ตกคืนละ 800 บาท 


ซึ่งห้องพักที่โรงแรม ตกคืนละ 1,900 บาท/คน/คืน  พิมพ์ไม่ผิดค่ะ คืนละ พันเก้า ถือว่าเป็นโฮสเทล ห้องแบบนอนรวม ซึ่งมีราคาแพงกว่าที่กรุงโรมนะคะ เดี๊ยนพักที่กรุงโรม ตกคืนละ 800 บาท แต่ราคาห้องที่เมืองเจนัว ก็ถูกกว่าที่หมู่บ้านในกลุ่ม Cinque terre เพราะห้องพักในหมู่บ้านซิงเควเทอเร่ราคามีแต่คืนละ 3000 อัพทั้งนั้น 

ในช่วงฤดูร้อน ถือเป็นช่วงพีค ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาห้องพักค่อนข้างแพง ต่างจากช่วงฤดูหนาว ที่ห้องพักราคาจะถูกกว่า 


และสำหรับทริปการเดินทางเที่ยว Cinque Terre ครั้งนี้ ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกคน ที่เข้ามาสไลด์เลื่อนอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไปค่ะ.....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน 
---------------------------------------------------------

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น