|
แบ่งปันทริปแบกเป้ลุยเดี่ยว ไปคนเดียวก็เดินทางไปเที่ยวในกรุงสต็อกโฮล์มได้ด้วยตัวเองง่าย มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจให้ไปเช็คอินถ่ายรูปสวยๆกันบ้าง ตามไปกันเลยจ้า |
ก็กลับมาทักทาย สวัสดีคุณผู้อ่านและเพื่อนๆเหล่านักทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจทุกๆคนอีกครั้งค่ะ กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับบทความบล็อกท่องเที่ยว ที่จะพาคุณผู้อ่านมาสไลด์เลื่อนดูรูปภาพกัน หลังจากบทความรีวิวท่องเที่ยวก่อนหน้าได้พาไปรีวิวเที่ยวประเทศนอร์เวย์ แวะไปเที่ยวเมืองออสโล ไปเที่ยวนอร์ทเคป เพื่อชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่อยู่ทางเหนือสุดของประเทศนอร์เวย์ อีกทั้งยังได้นั่งรถไฟที่สวยโรแมนติกที่สุดในโลกกันไปแล้ว ซึ่งได้เขียนไว้ก่อนหน้านี้แล้วที่เว็ปไซต์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2024/08/Review-first-class-Bergen-Railway-trip-to-oslo.html
และหลังจากที่ได้เดินทางไปเที่ยวประเทศนอร์เวย์แล้ว แน่นอนว่าต้องไม่พลาดเดินทางไปเที่ยวประเทศสวีเดน ซึ่งเป็นประเทศที่มีอาณาเขตพื้นที่ติดกัน และหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมต้องห้ามพลาดที่ใครมาเยือนแดนสแกนดิเนเวีย ก็ต้องไปเช็คอินเที่ยวกันในเมืองสต็อกโฮล์ม ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศสวีเดน ถูกจัดให้เป็นเมืองท่องเที่ยวมีชื่อเสียงที่ใครก็ต้องมาเที่ยวกันสักครั้ง และในทริปนี้ เดี๊ยนเองก็วางแผนเที่ยวสวีเดนประมาณ 4 วัน 3 คืน ซึ่งเป็นทริปเที่ยวที่ไม่ได้เร่งรีบอะไรมากนัก เพราะเน้นเที่ยวในตัวเมือง และออกไปย่านชานเมืองบ้าง
โดยการเดินทางเที่ยวในกรุงสต็อกโฮล์มนั้น ก็ถือว่าเดินทางเที่ยวได้ง่ายมากๆค่ะ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งนั้นอยู่ใกล้ๆกัน แต่ก่อนที่เราจะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เราก็มารู้จักสาระน่ารู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเมืองสต็อกโฮล์มแห่งนี้กันสักเล็กน้อยค่ะ
|
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน (Stockholm City, Sweden) |
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน (Stockholm City, Sweden)
สต็อกโฮล์มเป็นเมืองหลวงของมณฑลสต็อกโฮล์ม และเป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม สื่อ การเมือง และเศรษฐกิจของประเทศสวีเดน ภูมิภาคสต็อกโฮล์มมีมูลค่าสูงกว่าหนึ่งในสามของจีดีพีของประเทศ[12] และเป็นหนึ่งในสิบภูมิภาคที่มีจีดีพีต่อหัวสูงสุดในทวีปยุโรป สต็อกโฮล์มได้รับการจัดอันดับเป็นมหานครโลกระดับอัลฟา รวมถึงเป็นนครที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคสแกนดิเนเวีย รวมถึงเป็นศูนย์กลางของสำนักงานใหญ่บริษัทใหญ่ ๆ ในภูมิภาคนอร์ดิก สถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยระดับต้น ๆ ของโลกที่ตั้งอยู่ในสต็อกโฮล์ม เช่น สถาบันเศรษฐศาสตร์สต็อกโฮล์ม, สถาบันคาโรลินสกา, ราชวิทยาลัยเทคโนโลยีเคทีเอช และ มหาวิทยาลัยลุนด์
|
พื้นที่ของสต็อกโฮล์มปรากฏหลักฐานว่ามีการตั้งรกรากมาตั้งแต่ยุคหิน ราวหกพันปีก่อนคริสตกาล และจัดตั้งขึ้นมาในฐานะเมืองเมื่อปี 1252 โดยบีรเยร์ ยาร์ล |
และในกรุงสต็อกโฮล์ม ก็มีพื้นที่กินเกาะจำนวนสิบสี่ที่ซึ่งมีทะเลสาบมะลาเรนไหลลงทะเลบอลติก และเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะสต็อกโฮล์ม พื้นที่ของสต็อกโฮล์มปรากฏหลักฐานว่ามีการตั้งรกรากมาตั้งแต่ยุคหิน ราวหกพันปีก่อนคริสตกาล และจัดตั้งขึ้นมาในฐานะเมืองเมื่อปี 1252 โดยบีรเยร์ ยาร์ล
นอกจากนี้สต็อกโฮล์มยังเป็นเมืองเจ้าภาพการจัดพิธีมอบรางวัลโนเบลที่โถงคอนเสิร์ตสต็อกโฮล์ม และ ศาลาว่าการเมืองสต็อกโฮล์ม หนึ่งในบรรดาพิพิธภัณฑ์ชั้นนำของสต็อกโฮล์มคือพิพิธภัณฑ์วาซา ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ไม่ใช่หอศิลป์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในภูมิภาคสแกนดิเนเวีย รถไฟใต้ดินสต็อกโฮล์ม ซึ่งเปิดทำการในปี 1950 เป็นที่รู้จักทั่วโลกจากการตกแต่งภายในสถานีทุกสถานี จนได้รับการขนานนามให้เป็นหอศิลป์ที่ยาวที่สุดในโลก
|
สตอกโฮล์มเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่สะอาดอีกแห่งในโลก เมืองนี้ได้รับรางวัล European Green Capital Award ประจำปี 2010 |
สตอกโฮล์มเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่สะอาดอีกแห่งในโลก เมืองนี้ได้รับรางวัล European Green Capital Award ประจำปี 2010 จากคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป นี่เป็น "เมืองหลวงสีเขียว" แห่งแรกของยุโรป เมืองที่สมัครได้รับการประเมินในหลายๆ ด้าน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การคมนาคมในท้องถิ่น พื้นที่สีเขียวสาธารณะ คุณภาพอากาศ เสียง ของเสีย การใช้น้ำ การบำบัดน้ำเสีย การใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้แล้วสตอกโฮล์มเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นนำของทวีปยุโรป อุตสาหกรรมที่ทรงอิทธิพลนี้ตั้งอยู่ในเมือง Kista ซึ่งเป็นย่านชานเมืองทางตอนเหนือของสตอกโฮล์ม ซึ่งเป็นคลัสเตอร์สารสนเทศและเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป
|
ระบบขนส่งสาธารณะ มีรถรางเก่าแก่ที่ยังคงถูกอนุรักษ์และเปิดให้บริการในย่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ |
|
ระบบขนส่งสาธารณะในเมืองสตอกโฮล์มนั้นเดินทางได้สะดวกมาก ประกอบด้วยรถไฟใต้ดินสตอกโฮล์ม (สวีเดน: Tunnelbanan) ซึ่งประกอบด้วยระบบหลักสามสี (เขียว แดง และน้ำเงิน) |
ส่วนระบบขนส่งสาธารณะในเมืองสตอกโฮล์มนั้นเดินทางได้สะดวกมาก ประกอบด้วยรถไฟใต้ดินสตอกโฮล์ม (สวีเดน: Tunnelbanan) ซึ่งประกอบด้วยระบบหลักสามสี (เขียว แดง และน้ำเงิน) โดยมีเจ็ดสาย และระบบ SL มีระบบตั๋วร่วมทั่วทั้งเขตสตอกโฮล์ม ซึ่งช่วยให้สามารถเดินทางระหว่างรูปแบบการเดินทางต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ตั๋วมีสองประเภทหลัก ได้แก่ ตั๋วเดี่ยวและบัตรเดินทาง ซึ่งทั้งสองประเภทอนุญาตให้เดินทางได้ไม่จำกัดกับ SL ทั่วทั้งเขตสตอกโฮล์มตลอดระยะเวลาที่ตั๋วยังใช้ได้ทั่วถึงกัน
|
ด้วยฐานะเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของสวีเดน มีการดำรงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเก่าแก่ไว้ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ |
และด้วยฐานะเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของสวีเดน มีการดำรงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเก่าแก่ไว้ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้
และหลังจากที่ได้อ่านสาระน่ารู้สั้นๆเกี่ยวกับเมืองสต็อกโฮมไปแล้ว ก็เดินทางไปเที่ยวประเทศสวีเดนกันเลยค่ะ
เริ่มต้นการเดินทางแบกเป้ไปเที่ยวสวีเดนทริปนี้ มานั่งรอที่บริเวณสถานีรถไฟในเมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งช่วงที่รอรถไฟไปเที่ยวเป็นช่วงบ่ายเวลา 14.00 และบริเวณสถานีรถไฟก็มีปลั๊กไฟให้สามารถนั่งทำงานได้ด้วย
ระหว่างที่รอขึ้นรถไฟ ก็ออกไปหาซื้ออะไรมาทาน ในสถานีรถไฟเมืองออสโล มีร้านซุปเปอร์มาเก็ต ขายของกินลดราคาด้วยค่ะ เดี๊ยนเลยจัดเหมาแซนวิชมาสัก 2 อัน ทานเป็นมื้อเที่ยง และไว้ทานตอนมื้อเย็น เผื่อว่าไปถึงโรงแรมแล้ว ไม่มีอะไรกิน ก็ยังมีแซนวิชไว้ทานประทังท้องไปค่ะ
แซนวิชลดราคาแล้วเหลือ 100 กว่าบาทนิดๆ ถือว่าถูกมากๆแล้ว ปกติราคาก็ปาไปกว่า 200 บาทแล้ว
หลังจากทานอาหารและนั่งทำงานแล็ว ก็เตรียมตัวออกเดินทางค่ะ โดยขบวนรถไฟออกจากเมืองออสโลไปยังสต็อกโฮล์มจะออกเวลา 14.36 น.
ลงมาถึงรถไฟก็มาเทียบชานชลารอแล้วค่ะ
ตั๋วรถไฟที่ทางเจ้าหน้าที่ปริ้นไว้ให้แล้ว ก็นำมาเทียบดูว่า ตู้ขบวนที่จะนั่งอยู่ตรงใหน ขบวนที่ 644 ตู้หมายเลข 4 ที่นั่งหมายเลข 32 และต้องเก็บใบนี้ไว้ให้ดีนะคะ เพราะจะมีเจ้า่หน้าที่มาเดินตรวจ ถ้าไม่มีโดนปรับแน่นอน
โดยรถไฟออกจากเมืองออสโลเวลา 14.36. น. ถึงกรุงสต็อกโฮล์มเวลา 21.48 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมงเลยค่ะ ถือว่านานทีเดียว
สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่จะวางแผนเดินทางด้วยรถไฟ ก็เตรียมเสบียงอาหารให้พร้อมนะคะ
ส่วนที่นั่งของขบวนรถไฟก็เป็นที่นั่งชั้น 2 ภายในที่นั่งกว้างขวาง
ไม่คับแคบหรืออึดอัดจนเกินไป มีชั้้นวางสัมภาระด้านบนให้ด้วย
ระหว่างทางก็นั่งชมวิวทิวทัศน์ระหว่างทางไป รถไฟไม่ได้วิ่งเร็วมากนัก น่าจะเป็นอีกหนึ่งหนึ่งรถไฟนั่งชมวิวข้ามประเทศจากนอร์เวย์ ไปประเทศสวีเดน
และอีกอย่างในวันที่เดินทาง ผู้โดยสารก็ไม่ได้เยอะมากด้วย เนื่องจากเป็นวันธรรมดา บริเวณที่นั่งสามารถนำคอมพิวเตอร์แลปท็อป มีที่เสียบปลั๊กไฟให้และสามารถนั่งทำงานฆ่าเวลาระหว่างที่เดินทางได้ค่ะ แต่ความเร็วอินเตอร์เน็ต อาจจะช้าบางช่วง
ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงก็เข้าเขตเมืองสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดนแล้วค่ะ หลังจากที่นั่งรถไฟมานานมากๆ
มาถึงที่สต็อกโฮล์มก็ 3 ทุ่มแล้ว คือมืดสนิทแล้วค่ะ เดินออกจากสถานีรถไฟมาตั้งหลัก เปิด GPS ในมือถือเพื่อเดินเท้าไปยังโรงแรม
ซึ่งโรงแรมที่เดี๊ยนจองไว้ก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก เน้นที่พักใกล้ๆสถานีรถไฟหรือขนส่ง เพราะจะได้เดินเท้าไปได้สะดวก และตอนเดินคนเดียวจากสถานีรถไฟไปยังที่พัก ก็พยายามเลือกเดินเกาะกลุ่มไปกับคนอื่นๆค่ะ
บรรยากาศช่วงเวลา 3 ทุ่ม เดินเท้าจากสถานีรถไฟไปยังโรงแรมที่พัก เป็นการมาเที่ยวประเทศสวีเดนครั้งแรก และมาเยือนกรุงสต็อกโฮล์ม เนื่องจากเป็นเวลาค่ำดึกดึนแล้ว ถ้าเดินทางบริเวณที่เปลียวอาจจะไม่ปลอดภัย แม้ว่าจะอยู่ในประเทศที่ถูกจัดว่าปลอดภัยแล้วก็ตาม แต่ก็อย่าได้ชะล่าใจค่ะ เนื่องจากมิจฉาชีพมีได้ทุกที่
เดินเท้ามาเรื่อยก็ถึงที่พักแล้วล่ะค่ะ โดยโรงแรมที่เดี๊ยนเลือกจองไว้ในทริปนี้คือ โรงแรม Generator Stockholm Hotel
หลังจากที่ได้ทำการเช็คอินกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรมแล้ว ก็แบกกระเป๋าเป้เดินขึ้นบันไดแบบวน ไปยังห้องพัก เพราะว่าห้องพักเดินขึ้นไปแค่ 1 ชั้น แต่โรงแรมก็มีลิฟท์โดยสารให้นะคะ สำหรับคนที่ได้ห้องพักชั้น 3-6 ซึ่งเดินบันไดขึ้นไม่ใหวแน่ๆ
ห้องพักทริปนี้ ได้ห้องพักหมายเลข 116 ค่ะ
ใช้บัตรคีย์การ์ดของโรงแรมเปิดประตูเข้าไป
|
ห้องพักเป็นแบบโฮสเทล มี 6 เตียงในห้องพัก ราคาคืนละ 1,100 บาทต่อคนต่อคืน ไม่รวมอาหารเช้า บนเตียงมีปลั๊กไฟ ส่วนผ้าปูและผ้านวมทางแม่บ้านจัดไว้ให้แล้ว |
ส่วนเตียงนอนในห้องพักเป็นแบบโฮสเทล มี 6 เตียงในห้องพัก ราคาคืนละ 1,100 บาทต่อคนต่อคืน ไม่รวมอาหารเช้า บนเตียงมีปลั๊กไฟ ส่วนผ้าปูและผ้านวมทางแม่บ้านจัดไว้ให้แล้ว ไม่ต้องมาเสียเวลาถอดใส่เหมือนที่พักโฮสเทลในประเทศนอร์เวย์ที่พักค้างมาเมื่อคืนวานก่อนนี้ด้วย
ในห้องมีห้องน้ำส่วนตัวให้ด้วยนะคะ แต่เดี๊ยนไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะมีแขกคนอื่นใช้บริการอยู่ค่ะ และอีกอย่างก็ดึกมากแล้วด้วยค่ะ ขอพักผ่อนนอนพักผ่อนก่อนสักคืน
เช้าวันใหม่หลังจากทำธุระเสร็จก็ลงไปทานอาหารด้านล่าง มีลิฟท์โดยสารให้ใช้ด้วย แต่ต้องรอนานหน่อยค่ะ เพราะคนใช้ลิฟท์เยอะมาก
บริเวณล็อบบี้และตอนเช้าจะเปิดเป็นร้านอาหารให้สามารถสั่งอาหารทานด้วย สำหรับคนที่ไม่อยากออกไปหาอะไรทานข้างนอก
เดี๊ยนเลยเลือกสั่งอาหารที่โรงแรมทานดูก่อนค่ะ
ช่วงประมาณ 8 โมงเช้า แขกที่เข้าพักในโรงแรมเยอะมากๆค่ะ เนื่องจากเป็นโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก และห้องพักราคาถูก ไม่แพงเกินไป ทำให้มีคนมาพักเยอะ ตอนเช้าก็จะนิยมมาเลือกทานอาหารที่โรงแรมทานกัน
ซึ่งหากซื้ออาหารเช้ากับทางโรงแรมไว้ตั้งแต่เช็คอินน์ ก็จะได้คูปองอาหารเช้าตามรูปภาพค่ะ เพื่อนำไปแลกอาหารมาได้ 1 ชุด
โดยอาหารที่สั่งก็เป็นอาหารเช้าสไตล์อเมริกา ขนมปังทานกับไข่ จะมีเครื่องสัญญาณเสียงเพื่อไปรับอาหารที่บริเวณครัวให้ด้วย
มีเครื่องดื่มให้ด้วย นำเปล่า นำผลไม้ให้
อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ เป็นขนมปังแผ่นเล็ก กับไข่และเบคอน พร้อมผักเล็กน้อย ทานแค่พออิ่มค่ะ เดี่ยวตอนเที่ยงค่อยไปหาของกินที่อื่นทานค่ะ
บริเวณด้านนอกโรงแรมตอนเช้าฝนตกโปรยปรายมาเล็กน้อย ทำให้อากาศเย็นอยู่บ้าง ตรงข้ามกับโรงแรมมีร้านอาหารจีนเปิดให้บริการในช่วงบ่ายไปจนถึง 3 ทุ่มเลยค่ะ
และที่ชอบคงเป็นร้านสะดวกซื้อ 7-11 ซึ่งเปิดให้บริการอยู่เยื้องตรงข้ามกับโรงแรม ทำให้หาของกินได้ง่าย เผื่อว่าไม่อยากทานอาหารที่โรงแรม อาหารในร้านสะดวกซื้อ ก็เป็นทางเลือกหนึ่งของนักเดินทางสายแบกเป้ที่นิยมมาซื้อทานกัน เพราะด้านในก็มีที่นั่งให้ทานอาหารได้ด้วย
ส่วนบรรยากาศถนนหนทางที่เมืองสต็อกโฮล์มนั้น ก็ถือว่าสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบดีมาก มีเลนส์รถยนต์ เล่นจักรยาน และทางเดินเท้าแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน
เดินออกจากโรงแรมมาไม่ไกล ก็เป็นสวนสาธารณะขนาดเล็กให้เป็นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ
ส่วนเดินมาอีกสักหน่อย ก็เป็นย่านแหล่งช็อปปิ้งและร้านค้า ร้านอาหาร เต็มไปด้วยโรงแรมที่พักขนาดใหญ่มากมาย
สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่ไม่อยากเดิน ก็สามารถเช่าจักรยานปั่นเที่ยวในเมืองสต็อกโฮล์มได้ด้วย เพราะมีเลนส์หรือถนนที่สร้างให้สำหรับปั่นจักรยานโดยเฉพาะเลยค่ะ
ส่วนเส้นทางเดินเท้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็สามารถเดินเท้าไปได้ไม่ไกลด้วยค่ะ เพราะที่เที่ยวแต่ละแห่งนั้นอยู่ไม่ไกลกันมากนัก
ระบบสาธารณะขนส่งในเมืองสต็อกโฮล์ม มีทั้งรถราง รถบัส และรถไฟฟ้า แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักนิยมใช้รถบัสโดยสาร เพราะสามารถเดินทางได้ทั่วถึง
รถรางสาธารณะที่ให้บริการเข้ามาสู่ในย่านใจกลางเมืองของกรุงสต็อกโฮล์ม
และหลังจากที่ได้รีวิวภาพห้องพักและข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเมืองสต็อกโฮล์มไปแล้ว ก็ไปดูสถานที่ท่องเที่ยวกันต่อเลยค่ะ ซึ่งในเมืองสต็อกโฮล์ม มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งเลยทีเดียวค่ะ
สองเท้าก้าวเที่ยวเดินชมเมืองสต็อกโฮล์ม เมืองท่องเที่ยวมีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งของทวีปยุโรป ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย โดยสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในตัวเมือง สามารถเดินเที่ยวชมได้ด้วยตัวเอง เพราะที่เที่ยวและจุดเช็คอินแต่ละแห่งนั้นอยู่ไม่ไกลกันด้วย
|
แผนที่แนะนำแหล่งท่องเที่ยวและจุดเช็คอินถ่ายรูปสวยๆในเมืองสต็อกโฮล์ม (City Map of Stockholm,Sweden) |
ทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรมก็มีแผนท่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองสต็อกโฮล์มให้ด้วย
|
แผนที่แสดงเส้นทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่สำคัญในเมืองสต็อกโฮล์ม ที่สามารถเดินเที่ยวได้ด้วยตัวเอง ส่วนแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่นมีอะไรบ้างนั้น สรุปมาให้อ่านกันดังนี้ |
ซึงจากแผนที่แสดงเส้นทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่สำคัญในเมืองสต็อกโฮล์ม ที่สามารถเดินเที่ยวได้ด้วยตัวเอง ส่วนแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่นมีอะไรบ้างนั้น สรุปมาให้อ่านกันดังนี้ค่ะ (stockholm tourist attractions)
|
1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวีเดน (Sweden National Museum) |
|
1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวีเดน (Sweden National Museum) |
|
1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวีเดน (Sweden National Museum) |
|
1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวีเดน (Sweden National Museum) |
|
1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวีเดน (Sweden National Museum) |
|
1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวีเดน (Sweden National Museum) |
|
1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวีเดน (Sweden National Museum) |
|
1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวีเดน (Sweden National Museum) |
|
1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวีเดน (Sweden National museum) |
1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวีเดน (Sweden National Museum) เป็นหอศิลป์แห่งชาติของประเทศสวีเดน ตั้งอยู่บนคาบสมุทรบลอซีฮ็อลเมินในใจกลางของสต็อกโฮล์ม พิพิธภัณฑ์มีภาระรับผิดชอบนอกเหนือจากตัวอาคารที่บลอซีฮ็อลเมิน แต่ยังมีการดำเนินงานส่วนของสะสมหอศิลป์ภาพบุคคลแห่งชาติที่ปราสาทกรีปส์ฮ็อล์ม, เครื่องกระเบื้องกึสตัฟส์แบร์ย, ของจัดแสดงในปราสาทอื่น ๆ และสถาบันสวีเดนในปารีส (สถาบันเท็สซีน)
อาคารหลังปัจจุบันสร้างขึ้นในระหว่างปี 1844 ถึง 1866 โดยได้รับอิทธิพลสถาปัตยกรรมฟื้นฟูศิลปวิทยาแบบอิตาลี ผลงานออกแบบโดยฟรีดริช เอากุสท์ ชตือเลอร์ สถาปนิกชาวเยอรมันผู้ออกแบบน็อยเอิสมูเซอุมในเบอร์ลิน มีการขยับขยายพิพิธภัณฑ์ในปี 1961 เพื่อรวมบริเวณโรงฝึกงานของพิพิธภัณฑ์ ส่วนภัตตาคารเปิดในปี 1996 อาคารพิพิธภัณฑ์ปิดให้บริการเพื่อปรับครั้งใหญ่ในปี 2013 ก่อนจะเปิดให้บริการอีกครั้งในปี 2018 ภายใต้งบประมาณ 132 ล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงด้านความปลอดภัยและพัฒนาสถาบันให้มีความเป็นสมัยใหม่มากขึ้น
ของสะสมของพิพิธภัณฑ์มีขนาดประมาณ 500,000 ชิ้น มีชิ้นงานเก่าแก่ย้อนไปถึงสมัยกลาง ของสะสมภาพเขียนบุคคลขนาดย่อมของพิพิธภัณฑ์ถือว่ามีมากที่สุดในโลกที่จำนวนกว่า 5,200 ชิ้นของสะสมของพิพิธภัณฑ์มีงานศิลปะจากหลายสำนักในยุโรป รวมถึงชิ้นงานของศิลปินนิโคลัส ฮิลเลียร์ด, ไอซัก ออลิเวอร์ และหลุยส์-มารี โอตีซีเย ชิ้นงานจำนวนมากได้มาจากของสะสมของคอล เฟรียดริก ดอลเกรียน ซึ่งถูกจัดแสดงไว้ในห้องต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้กันอย่างน่าสนใจ (เครดิต : https://en.wikipedia.org/wiki/Nationalmuseum)
|
2.จตุรัสสตูทอร์เยท ย่านเมืองเก่าสต็อกโฮล์ม |
|
2.จตุรัสสตูทอร์เยท ย่านเมืองเก่าสต็อกโฮล์ม |
|
2.จตุรัสสตูทอร์เยท ย่านเมืองเก่าสต็อกโฮล์ม |
|
2.จตุรัสสตูทอร์เยท ย่านเมืองเก่าสต็อกโฮล์ม |
|
2.จตุรัสสตูทอร์เยท ย่านเมืองเก่าสต็อกโฮล์ม |
|
2.จตุรัสสตูทอร์เยท ย่านเมืองเก่าสต็อกโฮล์ม |
|
2.จตุรัสสตูทอร์เยท ย่านเมืองเก่าสต็อกโฮล์ม |
|
2.จตุรัสสตูทอร์เยท ย่านเมืองเก่าสต็อกโฮล์ม |
|
2.จตุรัสสตูทอร์เยท ย่านเมืองเก่าสต็อกโฮล์ม |
|
2.จตุรัสสตูทอร์เยท ย่านเมืองเก่าสต็อกโฮล์ม (Stortorget) |
|
2.จตุรัสสตูทอร์เยท ย่านเมืองเก่าสต็อกโฮล์ม (Stortorget) |
2.จตุรัสสตูทอร์เยท ย่านเมืองเก่าสต็อกโฮล์ม (Stortorget)
สตูทอร์เยท (สวีเดน: Stortorget; ภาษาสวีเดน หมายถึง"จัตุรัสใหญ่") เป็นจัตุรัสสาธารณะในย่านเมืองเก่ากัมลาสตานใจกลางสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน และเป็นจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง ศูนย์กลางทวประตัวิศาสตร์นี้เริ่มต้นมีมาตั้งแต่การกระจุกตัวกันของคนในสมัยยุคกลาง โดยในปัจจุบัน จัตุรัสนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่นเดียวกันกับเป็นพื้นที่เปิดสำหรับการแสดงและการประท้วง และเป็นที่รู้จักดีจากตลาดคริสต์มาสของจัตุรัส อาคารสำคัญที่รายล้อมจัตุรัสนี้อยู่เช่น อาคารตลาดหุ้น, อาสนวิหารสต็อกโฮล์ม และพระราชวังหลวงของกรุงสต็อกโฮล์ม (เครดิต : https://en.wikipedia.org/wiki/Stortorget)
|
3.พระราชวังสต็อกโฮล์ม หรือ พระราชวังหลวง (The Royal of Stockholm Palace) |
|
3.พระราชวังสต็อกโฮล์ม หรือ พระราชวังหลวง (The Royal of Stockholm Palace) |
|
3.พระราชวังสต็อกโฮล์ม หรือ พระราชวังหลวง (The Royal of Stockholm Palace) |
|
3.พระราชวังสต็อกโฮล์ม หรือ พระราชวังหลวง (The Royal of Stockholm Palace) |
|
3.พระราชวังสต็อกโฮล์ม หรือ พระราชวังหลวง (The Royal of Stockholm Palace) |
|
3.พระราชวังสต็อกโฮล์ม หรือ พระราชวังหลวง (The Royal of Stockholm Palace) |
|
3.พระราชวังสต็อกโฮล์ม หรือ พระราชวังหลวง (The Royal of Stockholm Palace) |
|
3.พระราชวังสต็อกโฮล์ม หรือ พระราชวังหลวง (The Royal of Stockholm Palace) |
|
3.พระราชวังสต็อกโฮล์ม หรือ พระราชวังหลวง (The Royal of Stockholm Palace) |
|
3.พระราชวังสต็อกโฮล์ม หรือ พระราชวังหลวง (The Royal of Stockholm Palace) |
3.พระราชวังสต็อกโฮล์ม หรือ พระราชวังหลวง (The Royal of Stockholm Palace) (สวีเดน: Stockholms slott หรือ Kungliga slottet) เป็นที่ประทับทางการและพระราชวังหลวงแห่งหลักของสถาบันพระมหากษัตริย์แห่งสวีเดน (ที่ประทับจริง ๆ ของพระเจ้าคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ และ พระราชินีนาถซิลเวีย อยู่ที่พระราชวังโดรตต์นิงฮ็อล์ม) พระราชวังสต็อกโฮล์มตั้งอยู่บนสตัดสโฮลเมิน ในย่านกัมลาสตานของสต็อกโฮล์ม โดยพระราชวังตั้งอยู่ติดกับอาคารริกสดัก พระราชวังนี้เป็นสถานที่ทรงงานหลักของพระมหากษัตริย์, พระบรมวงศานุวงศ์ และราชสำนัก
พระราชวังเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลสวีเดนในนามคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์แห่งสวีเดนซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาและดูแลการใช้งานของพระราชวัง ส่วน สโตตโฮลลาแรมบีเต็ต (Ståthållarämbetet; สำนักงานผู้ว่าการพระราชวัง) เป็นผู้ดูแลพระราชสิทธิ์ในการควบคุมจัดการพระราชวัง พระราชวังเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังหลวงในสวีเดนซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมจัดการของพระราชวงศ์และราชสำนัก (https://en.wikipedia.org/wiki/Stockholm_Palace)
|
4.พระราชวังดร็อตนิงฮ็อล์ม (Drottningholms Palace) |
|
4.พระราชวังดร็อตนิงฮ็อล์ม (Drottningholms Palace) |
|
4.พระราชวังดร็อตนิงฮ็อล์ม (Drottningholms Palace) |
|
4.พระราชวังดร็อตนิงฮ็อล์ม (Drottningholms Palace) |
|
4.พระราชวังดร็อตนิงฮ็อล์ม (Drottningholms Palace) |
|
4.พระราชวังดร็อตนิงฮ็อล์ม (Drottningholms Palace) |
|
4.พระราชวังดร็อตนิงฮ็อล์ม (Drottningholms Palace) |
|
4.พระราชวังดร็อตนิงฮ็อล์ม (Drottningholms Palace)
|
4.พระราชวังดร็อตนิงฮ็อล์ม (Drottningholms Palace)
อีกหนึ่งพระราชวังสวยงามในประเทศสวีเดน ที่ตั้งอยู่ย่านชานเมืองของกรุงสต็อกโฮล์ม เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพระบรมวงศานุวงศ์สวีเดน ตั้งอยู่ในดร็อตนิงฮ็อล์ม บนเกาะโลววน เทศบาลเอเคเรอ มณฑลสต็อกโฮล์ม และเป็นหนึ่งในพระราชวังหลวงของสวีเดน สร้างขึ้นครั้งแรกในปลายศตวรรษที่ 16 และเป้นที่ประทับฤดูร้อนของราขสำนักสวีเดนในศตวรรษที่ 18 ในปัจจุบัน นอกจากพระราชวังนี้จะเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของราชวงศ์แล้ว ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญชานเมืองสต็อกโฮล์มเช่นกัน
ชื่อ Drottningholm แปลตรงตัวว่า "Queen's islet" (เกาะเล็กเกาะน้อยของพระราชินี) และเป็นชื่อของอาคารหลังเดิมที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมเรเนสซองส์ ผลงานออกแบบของวิลเลิม โบย ที่ซึ่งก่อนหน้าเคยเป็นพระที่นั่งเดิมชื่อ โทร์เวซุนด์ (Torvesund) เครดิต : https://en.wikipedia.org/wiki/Drottningholm_Palace
|
5.พิพิธภัณฑ์เรือโบราณวอซา (Vasa Museum) พิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้ามากที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย |
|
5.พิพิธภัณฑ์เรือโบราณวอซา (Vasa Museum) พิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้ามากที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย |
|
5.พิพิธภัณฑ์เรือโบราณวอซา (Vasa Museum) พิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้ามากที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย |
|
5.พิพิธภัณฑ์เรือโบราณวอซา (Vasa Museum) พิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้ามากที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย |
|
5.พิพิธภัณฑ์เรือโบราณวอซา (Vasa Museum) พิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้ามากที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย |
|
5.พิพิธภัณฑ์เรือโบราณวอซา (Vasa Museum) พิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้ามากที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย |
|
5.พิพิธภัณฑ์เรือโบราณวอซา (Vasa Museum) พิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้ามากที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย |
|
5.พิพิธภัณฑ์เรือโบราณวอซา (Vasa Museum) พิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้ามากที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย |
5.พิพิธภัณฑ์เรือโบราณวอซา (Vasa Museum) พิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้ามากที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย
จัดเป็นพิพิธภัณฑ์การเดินเรือในสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ตั้งอยู่บนเกาะยือร์กัวเดิน พิพิธภัณฑ์แสดงซากเรือรบ วอซา ที่เกือบจะคงสภาพเดิมทั้งหมด เรือถูกสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 17 และอับปางในการเดินเรือครั้งแรกใน ค.ศ. 1628 พิพิธภัณฑ์เรือวอซาให้บริการตั้งแต่ ค.ศ. 1990 และเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้าชมมากที่สุดในสแกนดิเนเวีย พิพิธภัณฑ์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพิพิธภัณฑ์การเดินเรือแห่งชาติสวีเดน
เรือวอซาได้ล่มและอับปางลงในการเดินเรือครั้งแรกที่สต็อกโฮล์มช่วงปี ค.ศ. 1628 หลังจากที่จมอยู่ใต้ทะเลมานานกว่า 333 ปี เรือรบที่ทรงอานุภาพลำนี้ก็ได้ถูกกู้ขึ้นมาและการเดินทางของมันก็ได้ดำเนินต่อไป ในปัจจุบัน เรือวอซาคือเรือในยุคศตวรรษที่ 17 ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้และมีความงดงามมากที่สุดลำหนึ่งของโลก โดยสามารถเยี่ยมชมได้ที่พิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษในสต็อกโฮล์ม เรือวอซาคือทรัพย์สมบัติทางศิลปะอันเลอค่าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 98 เปอร์เซ็นต์ของเรือถูกสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนดั้งเดิมและงานแกะสลักด้วยมือหลายร้อยชิ้น (เครดิต : https://en.wikipedia.org/wiki/Vasa_Museum)
|
6.ศูนย์อาหารเก่าแก่โอสเตอร์มาล์ม เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ.1889 อายุกว่า 134 ปี (Östermalms Saluhall) |
|
6.ศูนย์อาหารเก่าแก่โอสเตอร์มาล์ม เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ.1889 อายุกว่า 134 ปี (Östermalms Saluhall)
|
|
6.ศูนย์อาหารเก่าแก่โอสเตอร์มาล์ม เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ.1889 อายุกว่า 134 ปี (Östermalms Saluhall)
|
|
อาหารของกินที่ขายในศูนย์อาหารแห่งนี้ ก็ตกแต่งสวยงามน่าทานมากๆค่ะ |
|
6.ศูนย์อาหารเก่าแก่โอสเตอร์มาล์ม เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ.1889 อายุกว่า 134 ปี |
|
6.ศูนย์อาหารเก่าแก่โอสเตอร์มาล์ม เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ.1889 อายุกว่า 134 ปี (Östermalms Saluhall)
|
|
6.ศูนย์อาหารเก่าแก่โอสเตอร์มาล์ม เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ.1889 อายุกว่า 134 ปี |
|
6.ศูนย์อาหารเก่าแก่โอสเตอร์มาล์ม เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ.1889 อายุกว่า 134 ปี (Östermalms Saluhall)
|
|
6.ศูนย์อาหารเก่าแก่โอสเตอร์มาล์ม เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ.1889 อายุกว่า 134 ปี |
|
6.ศูนย์อาหารเก่าแก่โอสเตอร์มาล์ม เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ.1889 อายุกว่า 134 ปี |
|
6.ศูนย์อาหารเก่าแก่โอสเตอร์มาล์ม เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ.1889 อายุกว่า 134 ปี |
|
6.ศูนย์อาหารเก่าแก่โอสเตอร์มาล์ม เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ.1889 อายุกว่า 134 ปี |
|
6.ศูนย์อาหารเก่าแก่โอสเตอร์มาล์ม เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ.1889 อายุกว่า 134 ปี |
6.ศูนย์อาหารเก่าแก่โอสเตอร์มาล์ม เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ.1889 อายุกว่า 134 ปี (Östermalms Saluhall)
เป็นจัตุรัสในย่าน Östermalm ในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เป็นที่รู้จักจาก Östermalm Market Hall (Östermalmshallen) ซึ่งเปิดครั้งแรกในปี 1889 การตกแต่งภายในของ Östermalmshallen เป็นตลาดสำหรับอาหารและของอร่อยที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ Östermalmstorg ยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้า Åhléns แห่งแรกที่เปิดในปี 1932 ถัดจากจัตุรัสคือรูปปั้น The Meeting (สวีเดน: "Möte") แสดงให้เห็นชายเปลือยกำลังถือชิ้นเนื้ออยู่บนไหล่ของเขา ต่อหน้ารูปปั้นหญิงเอนกาย สร้างโดยศิลปินวิลลี่ กอร์ดอน (พ.ศ. 2461-2546) (เครดิต : https://en.wikipedia.org/wiki/%C3%96stermalmstorg)
7.จุดถ่ายรูปอาคารศาลาว่าการสต็อกโฮล์ม (Stockholm City Hall)
โดยศาลาว่าการสต็อกโฮล์ม (สวีเดน: Stockholms stadshus หรือรู้จักในท้องถิ่นว่า Stadshuset; อังกฤษ: Stockholm City Hall) เป็นสอาคารที่ทำการของสภาเทศบาลของนครสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน อาคารตั้งอยู่ที่ปลายทางนะวันออกของเกาะคุงสโฮลเมน ถัดจากชายฝั่งทางเหนือของริดดาร์ฟแจร์เดน หันหน้าเข้าสู่ริดดาร์โฮลเมนและเซอเดร์มาลิม นอกจากเป็นที่ทำการของรัฐบาลแล้ว ศาลาว่าการนี้ยังเป็นอาคารที่จัดพิธีมอบรางวัลโนเบลและพิธีมอบช่อดอกไม้ของรางวัลโนเบล
ย่านท่องเที่ยวในเมืองสต็อกโฮล์มยอดนิยมเป็นสวนสาธารณะใกล้กับสวน Skansen
|
ย่านท่องเที่ยวในเมืองสต็อกโฮล์มยอดนิยมเป็นสวนสาธารณะใกล้กับสวน Skansen |
|
ย่านท่องเที่ยวในเมืองสต็อกโฮล์มยอดนิยมเป็นสวนสาธารณะใกล้กับสวน Skansen |
โดยย่านท่องเที่ยวดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งย่านท่องเที่ยวที่มีนักเดินทางมาเยือนกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีพิพิธภัณฑ์และกิจกรรมสำหรับครอบครัวให้ได้เล่นด้วย
ส่วนในย่านใจกลางเมือง Kulturhuset – The Stockholm คัลเธอร์ฮูเซท์ ก็มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินผ่านได้ชมกันอีกด้วย
พอตกช่วงเวลาเย็น ซึ่งแสงแดดที่นี่ยังส่องอยู่ ก็จะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย และได้เวลาที่ต้องไปหาอาหารเย็นทาน หลังจากเดินทางเที่ยวมาทั้งวันค่ะ
ตั้งแต่จัดทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวยุโรปครั้งนี้ ยังไม่ได้ทานข้าวเลยค่ะ เพราะทานแต่ขนมปัง เดินทางมาถึงสต็อกโฮม มีร้านอาหารเอเชียเปิดให้เลือกทานหลายร้าน ทั้งอาหารจีน อาหารไทย อาหารเวียดนาม อาหารอินเดีย ซึ่งมีให้เลือกทานให้หายคิดถึง
|
มื้อเย็นนี้ก็สั่งผัดผักรวมใส่ไก่ราดข้าวสวยร้อนๆ ราคาจานละ 120 SEK โครนาสวีเดน หากเทียบเป็นเงินไทยก็ประมาณ 400 บาท |
ครั้งนี้เลยจัดไปทานให้อิ่มกันไปเลยค่ะ มื้อเย็นนี้ก็สั่งผัดผักรวมใส่ไก่ราดข้าวสวยร้อนๆ ราคาจานละ 120 SEK โครนาสวีเดน หากเทียบเป็นเงินไทยก็ประมาณ 400 บาท ถือว่าจานใหญ่และให้เยอะสมราคา เพราะพ่อครัวชาวจีนก็ผัดแบบชงเช้ง ชงเช้งให้ทานร้อนๆ อร่อยมากค่ะ ทานแล้วคิดถึงประเทศไทยเลย แม้จะไม่ได้เป็นอาหารไทย 100% ก็ตามค่ะ
ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆคนนะคะ ที่เข้ามาคลิ๊กเปิดสไลด์เลื่อนดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไป..จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
---------------------------------------------------------------------------
0 ความคิดเห็น