 |
แบ่งปันทริปแบกเป้ไปเที่ยวประเทศโปแลนด์ แวะไปเช็คตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในกรุงวอซอร์ มีจุดเช็คอินถ่ายรูปอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลยจ้า |
ได้เวลากลับมาบอกเล่าการเดินทางแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวต่ออีกครั้งค่ะ หลังจากที่ห่างหายไปนาน เพราะมัวแต่อีรุงตุงนัง ยุ่งอยุ่กับงานประจำ จนลืมไปเลยค่ะว่า ต้องมาแบ่งปันประสบการณ์เล็กๆน้อยเกี่ยวกับการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศมา และจากบทความก่อนหน้านี้ทีได้มารีวิวแบกเป้ไปเที่ยวประเทศลิทัวเนียมา ซึ่งได้เขียนไว้ในเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2024/12/Backpack-travel-alone-Lithuania-Vilnius-.html
และในบทความนี้ ก็ถึงเวลาที่จะต้องออกเดินทางจากเมืองวีลนีอุส เมืองหลวงของประเทศลิทัวเนีย เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงวอซอร์ เมืองหลวงของประเทศโปแลนด์ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวถัดไปที่จะต้องมาบอกเล่าสู่กันฟังค่ะ แต่ก่อนจะเข้าสู่รีวิวการเดินทางจากประเทศลิทัวเนียไปยังประเทศโปแลนด์ เรามาก็รู้จักประวัติเล็กๆน้อยเกี่ยวกับกรุงวอซอร์ ประเทศโปแลนด์กันก่อนค่ะ
 |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับกรุงวอซอร์ เมืองหลวงของประเทศโปแลนด์ |
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงวอซอร์ เมืองหลวงของประเทศโปแลนด์
สำหรับเมืองวอร์ซอ หรือภาษาโปแลนด์ เรียกเมืองนี้ว่า วาร์สซาวามีชื่ออย่างเป็นทางการว่า นครหลวงวอร์ซอ เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศโปแลนด์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำวิสวาในภาคกลาง-ตะวันออกของโปแลนด์ ส่วนต้นกำเนิดของกรุงวอซอร์นั้น วอร์ซอมีต้นกำเนิดมาจากเมืองประมงเล็กๆ ในมาโซเวีย เมืองนี้มีชื่อเสียงขึ้นมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 เมื่อพระเจ้าสกิสมุนด์ที่ 3 โดยได้ตัดสินใจย้ายเมืองหลวงของโปแลนด์และราชสำนักของเขาจากคราคูฟ วอร์ซอทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงโดยพฤตินัยของเครือจักรภพโปแลนด์–ลิทัวเนียมาจนถึงปี ค.ศ. 1795
 |
ต่อมาเมืองวอซอร์ได้กลายที่ตั้งของดัชชีแห่งวอร์ซอของนโปเลียน ศตวรรษที่ 19 และเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็์นอย่างมา |
และต่อมาเมืองวอซอร์ได้กลายที่ตั้งของดัชชีแห่งวอร์ซอของนโปเลียน ศตวรรษที่ 19 และเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็์นอย่างมา ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรหนาแน่นที่สุดในยุโรป วอร์ซอเป็นที่รู้จักในด้านสถาปัตยกรรมและถนนอันงดงาม แต่อย่างไรก็ตามเมืองก็ถูกทิ้งระเบิดและปิดล้อมในช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สองในปี 1939 โดยในย่านเมืองเก่าซึ่งเป็นย่านประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ถูกทำลายไปด้วย
 |
วอร์ซอเป็นเมืองสำคัญของโลกในระดับอัลฟ เป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจที่สำคัญ |
โดยในเมืองวอซอร์นั้น มีประชากรอาศัยอยู่ในตัวเมืองอย่างเป็นทางการประมาณ 1.8 ล้านคน และภายในเขตมหานครมีประชากรประมาณ 3.1 ล้านคน ซึ่งทำให้เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 7 ของสหภาพยุโรป ตัวเมืองวอร์ซอมีพื้นที่ 517 ตารางกิโลเมตร (200 ตารางไมล์) และประกอบไปด้วย 18 โบโรฮ์ ในขณะที่เขตมหานครนั้นครอบคลุมพื้นที่ 6,100 ตารางกิโลเมตร (2,355 ตารางไมล์) วอร์ซอเป็นเมืองสำคัญของโลกในระดับอัลฟ เป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจที่สำคัญ และยังเป็นที่ตั้งของรัฐบาลของโปแลนด์ เมืองเก่าทางประวัติศาสตร์นั้นได้การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก
 |
นอากจากนี้แล้วกรุงวอร์ซอ ยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเงินชั้นนำของกลุ่ม Visegrád และโครงการ Three Seas Initiative ในปี 2021 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในเมืองใหญ่ (GDP) ของเมืองอยู่ที่ประมาณ 100 พันล้านยูโร |
นอกจากนี้แล้ว กรุงวอร์ซอเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเงินชั้นนำของกลุ่ม Visegrád และโครงการ Three Seas Initiative ในปี 2021 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในเมืองใหญ่ (GDP) ของเมืองอยู่ที่ประมาณ 100 พันล้านยูโร ซึ่งทำให้วอร์ซออยู่ในอันดับที่ 20 ในบรรดาเขตเมืองใหญ่ในสหภาพยุโรปที่มี GDP มากที่สุด โดยกรุงวอร์ซอสร้างรายได้เกือบ 1/5 ของ GDP ของโปแลนด์และรายได้ประชาชาติของประเทศ และในปี 2020 วอร์ซอได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองระดับโลก เนื่องจากวอร์ซอเป็นเมืองสำคัญระดับโลกที่เชื่อมโยงภูมิภาคทางเศรษฐกิจเข้ากับเศรษฐกิจโลกอีกด้วย
 |
พระราชวังวิลานอฟ หนึ่งในพระราชวังที่มีความสวยงาม ตั้งอยู่ย่านชานเมืองของกรุงวอซอร์ |
 |
พระราชวังวิลานอฟ หนึ่งในพระราชวังที่มีความสวยงาม ตั้งอยู่ย่านชานเมืองของกรุงวอซอร์ |
แม้ว่าวอร์ซอร่วมสมัยจะเป็นเมืองที่ค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับเมืองหลวงอื่นๆ ของยุโรป แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวและอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมที่มีอายุเก่าแก่หลายศตวรรษ นอกเหนือจากพื้นที่เมืองเก่าวอร์ซอที่ได้รับการบูรณะใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว แต่ละเมืองก็ยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจอีกด้วย สถานที่สำคัญที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเก่า ได้แก่ Royal Castle, Sigismund's Column, Market Square และ Barbican ที่ช่วงดึงดูดนักเดินทางให้มาเยี่ยมชมกรุงวอซอร์อย่างไมขาดสาย
 |
ในเมืองวอร์ซอ ก็ยังถูกจัดให้เป็นเมืองหลวงสีเขียว โดยพื้นที่ประมาณหนึ่งในสี่ของเมืองถูกครอบครองโดยสวนสาธารณะต่างๆ |
และในเมืองวอร์ซอ ก็ยังถูกจัดให้เป็นเมืองหลวงสีเขียว โดยพื้นที่ประมาณหนึ่งในสี่ของเมืองถูกครอบครองโดยสวนสาธารณะต่างๆ ในด้านกีฬา เมืองนี้เป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอล Legia Warsaw และเป็นเจ้าภาพจัดงาน Warsaw Marathon ประจำปี
 |
เมืองหลวงแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญที่เชื่อมระหว่างยุโรปตะวันตก ยุโรปกลาง และยุโรปตะวันออก |
โดยกรุงวอร์ซอยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญที่เชื่อมระหว่างยุโรปตะวันตก ยุโรปกลาง และยุโรปตะวันออก เมืองนี้มีเครือข่ายรถประจำทางที่ดีและมีรถไฟใต้ดินตั้งฉากที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องซึ่งวิ่งจากเหนือจรดใต้และตะวันออกไปตะวันตก ระบบรถรางถือเป็นระบบรถรางที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป โดยมีความยาวรวม 133 กิโลเมตร (83 ไมล์) ผลจากการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น การเติบโตทางเศรษฐกิจ และเงินทุนของสหภาพยุโรป ทำให้เมืองนี้ดำเนินการก่อสร้างถนน สะพานลอย และสะพานใหม่ เพื่อพัฒนาเมืองรองรับประชากรและผู้คนที่เดินทางเข้ามากรุงวอซอร์อย่างต่อเนืองในอนาคตด้วย
อีกทั้งเมืองวอซอร์ก็ยังเป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมหนัก เช่น เหล็กกล้า, รถยนต์, เครื่องจักรอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา มีสถาบันการศึกษามากกว่า 66 แห่ง
เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Warsaw
หลังจากที่ได้อ่านสาระน่ารู้เล็กๆน้อยเกี่ยวกับเมืองวอซอร์ เมืองหลวงของประเทศโปแลนด์ไปแล้ว ต่อไปก็ตามไปดูรีวิวภาพการเดินทาง รีวิวห้องพักและสถานที่ท่องเที่ยวกันต่อเลยค่ะ
หลังจากเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแถวย่านเมืองเก่าวีลนีอุส ประเทศลิทัวเนีย
ก็ฺฺเดินแบกเป้มาที่สถานีรถไฟเพื่อมาเช็คเที่ยวรถไฟไปยังกรุงวอซอร์ แต่ปรากฎว่าตั๋วรถไฟเต็มทุกที่นั่ง
เลยต้องเปลี่ยนแผนไปนั่งรถบัสโดยสารแทน ซึ่งสถานีขนส่ง บขส.กรุงวีลนีอุส ก็อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเลยค่ะ
 |
แบกเป้เดินเท้าเข้ามาด้านในอาคารสถานีขนส่ง บขส.เมืองวีลนีอุส ติดต่อเพือซื้อตั๋วรถบัสโดยสารเดินทางไปกรุงวอซอร์ |
 |
ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ไปซื้อกับบริษัทเอกชนที่อยู่ภายในอาคารเดียวกันค่ะ ซึ่งเคาว์เตอร์ที่เห็นจะเป็นการซื้อตั๋วเพื่อเดินทางไประหว่างเมืองภายในประเทศลิทัวเนียเท่านั้น |
 |
เดี๊ยนเลยมาติดต่อซื้อตั๋วโดยสารกับบริษัทเอกชนที่เปิดขายตั๋วเดินทางไปกรุงวอซอร์ ได้เที่ยวรถบัสเวลา 11.00 น. ราคาตั๋วรถบัสไปกรุงวอซอร์อยู่ที่ 20 ยูโร |
 |
พอได้ตั๋วโดยสาร ซึ่งเป็นแผ่นกระดาษที่ทางเจ้าหน้าที่พิมพ์ให้แล้ว ก็มาดูหมายเลขชานชลาที่รถบัสจะมาจอดเทียบท่ารับผู้โดยสาร ซึ่งอยู่หมายเลขที่ 23 ค่ะ |
 |
พอใกล้เวลา ก็มายืนรถขึ้นรถบัสตามหมายเลขชานชลาที่ระบุไว้ในจอมอนิเตอร์และตั๋วรถ ซึ่งรถบัสที่เดินทางไปกรุงวอซอร์ทริปนี้ เดี๊ยนเลือกใช้บริการของ Like Bus ใจจริงอยากนั่ง Flix Bus และ Ecoline แต่ว่าตั๋วรถเต็มค่ะ |
 |
ตอนขึ้นรถบัสจะวุ่นวายมากๆ เพราะในตั๋วไม่ได้ระบุหมายเลขที่นั่ง ว่านั่งตรงใหน ส่วนใหญ่ก็อยากนั่งแบบส่วนตัว |
 |
เนื่องด้วยไม่มีการระบุที่นั่ง ทำให้เดี๊ยนซึ่งเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ก็เลยไม่มีตัวเลือกได้นั่งเบาะที่นั่งตรงกลางตัวสุดท้า้ย กลายเป็นท่านประธานไปจ้า |
 |
บนรถบัสสามารถนำน้องหมาขึ้นมาด้วย แต่น้องหมาดูท่าจะเชื่องมากๆ เพราะไม่เห่าเลย เจ้าของบอกให้เงียบ นางก็เงียบ และดูไม่ซุกซน |
 |
และด้วยการนั่งรถกลาง แม้ว่าจะได้ยึดแข้งขา แต่ก็ไม่ได้มองเห็นวิวระหว่างทางมากนัก |
 |
หลังที่ใช้เวลาเดินทางร่วมประมาณ 6 ชั่วโมง ก็เดินทางมาถึงสถานีขนส่ง บขส.กรุงวอซอร์ ประเทศโปแลนด์แล้วค่ะ |
 |
สถานึขนส่งที่เมืองนี้ใหญ่โตมากๆ ด้านหลังอาคารเป็นลานเปิดโล่งๆ มีชานชลาแบ่งเป็นล็อกๆค่อยรับส่งผู้โดยสาร |
 |
ยังคิดอยู่ว่า ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว น่าจะต้องยืนท้าลมหนาว คงจะสะท้านน่าดูเลย แต่ฤดูร้อนที่นี่ ก็ไม่ได้ร้อนมากนัก ทำให้เห็นบรรยากาศความคึกคักของผู้คนอยู่พอสมควร |
 |
หลังจากลงจากรถ ก็นำกระเป่าเป้ และมายืนตั้งหลักปักหมุดเปิด GPS เพื่อทำภาระกิจเดินทางไปยังโรงแรมที่พักต่อไป และต้องแบกเป้สุดต่อไปอีกค่ะ ถ้าจะนั่งแท๊กซี่ ราคาคงแพงแน่ๆ |
 |
ซึ่งโรงแรมที่เดี๊ยนจองนั้น อยู่ห่างจากสถานีขนส่ง บขส.กรุงวอซอร์ไปประมาณ 2 กิโลเมตร |
 |
โดยทางเจ้าหน้าที่โรงแรมบอกว่า สามารถนั่งรถบัสโดยสาร หรือว่าเดินแบกเป้มาเรื่อยๆก็ได้ |
 |
การเดินทางจากสถานีขนส่ง บขส.กรุงวอซอร์ไปยังโรงแรม เดี๊ยนเลือกใช้การเดินเท้าไปแทาน |
 |
แม้ว่าระยะทางจะไกลไปหน่อย แต่เดินมาเรื่อยๆ ก็ถึงหน้าโรงแรมที่พักแล้วค่ะ โดยทริปเที่ยวโปแลนด์ครั้งนี้ เดี๊ยนเลือกมาใช้บริการนอนพักที่โรงแรม AB Hostel |
 |
เปิดประตูเข้ามา ก็ต้องเดินบันไดขึ้นไปยังล็อบบี้หรือจุดเช็คอินด้านบนค่ะ ที่โรงแรมไม่มีลิฟท์นะคะ |
 |
เป็นโรงแรมเล็กๆตั้งอยู่ชั้นบนสุดเลยค่ะ เดินเหนื่อยเหมือนกัน ใครที่แข้งขาไม่ดี อาจจะเมื่อยได้ค่ะ |
 |
เข้ามาบริเวณล็อบบี้ของที่พักด้านใน ก็ตกแต่งได้สวยงาม น่ารักทีเดียวค่ะ |
 |
ส่วนห้องพักที่จองไว้ ก็เป็นห้องส่วนตัว ไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องไปใช้ห้องห้องน้ำรวม หรือ Standard Single Room with Shared Bath room ราคาห้องพักตกคืนละ 1,300 บาท ถือว่าดีทีเดียวค่ะในราคานี้ ห้องส่วนตัว ไม่ต้องไปนอนเตียงรวม |
 |
ภายในห้องพักมีโต๊ะเก้าอี้ และพัดลมให้ด้วย |
 |
ห้องขนาดเล็กๆ ขนาดน่าจะประมาณ 15 ตร.ม. เตียงนอนก็นิ่มกำลังดี ไม่ได้แข็งหรือนิ่มยวบย้วยจนเกินไป เหมาะสำหรับนักแบกเป้ นอนพักค้างคืนชั่วคราวค่ะ |
 |
ส่วนห้องน้ำก็อยู่ไม่ไกลจากห้องพักมากนัก การตกแต่งของโรงแรมก็ออกสไตล์มินิมอล ผสมวินเทจ ดูสวยงามตาดีค่ะ |
 |
มีภาพเก่าๆเล่าอดีตของกรุงงวอซอร์ในสมัยก่อนให้ดูด้วย |
 |
ห้องน้ำก็แยกชาย และแยกหญิงอย่างชัดเจนค่ะ |
 |
ห้องน้ำรวม ก็ถือว่าสะอาดสะอ้านดีทีเดียว |
 |
ห้องอาบน้ำแบบฝักบัว |
 |
มีซิงค์อ่างล่างหน้าถูกทำความสะอาดจากแม่บ้านแล้วเรียบร้อย |
 |
ในห้องพักก็ยังมีสบู่เหลวพร้อมแชมพู แบบ 2 In 1 ให้ไปใช้ด้วย |
 |
และใกล้ๆกับล็อบบี้ของโรงแรมก็มีห้องครัวและโต๊ะให้นั่งทานอาหารได้ด้วย |
 |
มีห้องครัวส่วนกลางของโรงแรม AB Hostel warsaw |
 |
ส่วนอาหารค่ำมื้อนี้ก็ทำอาหารทานในห้องครัวส่วนกลางของโรงแรมเลยค่ะ ทานแบบง่ายๆค่ะ ม่าม่าผัดแห้งทานกับไข่ต้มและผักล้วก |
 |
ซึ่งร้านค้าสะดวกซื้อก็อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม สามารถเดินข้ามทางม้าลายมาได้ไม่ไกล |
 |
ส่วนเช้าวันใหม่ก็ได้เวลาออกไปเที่ยวแล้วค่ะ
|
 |
อาหารมื้อเช้าก็ทานแซนวิชง่ายๆไปค่ะ |
 |
และการเดินทางโดยสารในเมืองวอซอร์นั้น ก็มีทั้งรถบัส รถราง และรถไฟฟ้าใต้ดินค่ะ |
 |
แนะนำเพื่อนๆที่จะวางแผนไปเที่ยวเมืองวอซอร์ ควรซื้อบัตร่จากตู้ขายบัตร Biety ก่อนเลยนะคะ |
 |
ซื้อบัตรโดยสารที่ซื้อจากตู้ Bilety จะทำให้เราเดินทางไปได้สะดวก วิธีการซื้อตั๋วก็ง่ายๆเลยค่ะ ไม่ยาก |
 |
ตั๋วโดยสารมีหลายแบบ เริ่มต้นแบบ 20 นาที ไปจนถึง 3 วัน ซึ่งสามารถใช้บัตรโดยสารเดินทางได้ทั้งรถบัส รถไฟฟ้า และรถราง |
 |
เมือทำการเลือกภาษาอังกฤษแล้ว ก็กดไปที่ Buy Paper Ticket |
 |
จากนั้นก็เลือกว่าจะเอาตั๋วแบบใหน |
 |
เดี๊ยนกดไปเลือกที่ 75-90 นาที มีให้เลือกแบบ 24 ชั่วโมง เลือกแบบ 3 วัน และมีแบบรายสัปดาห์ และราคาตั๋วสำหรับหมู่คณะด้วย |
 |
หากกดเลือกแบบ 3 วัน ก็จะให้เราเลือกโซน 1 หรือ ทั้งโซน1+2 ซึ่งแต่ละโซนราคาต่างกัน ถ้าเป็นโซน 1 ก็อยู่ในย่านใจกลางเมือง แต่ถ้าโซน 1+2 ก็ได้ทั้งโซนใจกลางเมืองและนอกชานเมือง |
 |
เมื่่อเลือกโซนไปแล้ว จากนั้นก็กดเลือกที่คำว่า Adult |
 |
แล้วตั๋วจะขึ้นให้เราทำการชำระเงิน สามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้แบบง่ายนๆเลยค่ะ |
 |
หน้าตาตู้เครื่องขายบัตรโดยสาร Bilety ที่ให้บริการในกรุงวอซอร์ |
 |
เมื่อชำระเงินมาแล้ว จะมีตั๋วออกมาให้เป็นใบเล็กๆแถบแดงๆ ราคาอยู่ที่ 57 ซวอตือโปแลนด์ หากเทียบเป็นเงินไทย ก็นำไปคูณ 8.43 หรือประมาณ 800 บาทค่ะ หากซื้อแบบ 3 วัน ก็จะต้องเก็บบัตรโดยสารใบเล็กๆไว้ให้ดีนะคะ อย่าให้หายเด็ดขาด |
 |
บัตรดังกล่าวสามารถเดินทางตามจำนวนวันที่เราซื้อ และต้องเก็บให้ดีนะคะ เผื่อว่ามี่เจ้าหน้าที่เรียกตรวจ จะได้ไม่โดนจับค่ะ
|
และหลังจากที่ได้รีวิวภาพห้องพักและรีวิววิธีการซื้อตั๋วรถบัสโดยสารในเมืองวอซอร์ไปแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆในเมืองต่อค่ะ ซึ่งในกรุงวอซอร์นั้น ถือว่าเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่และมีสถานที่ท่องเที่ยวหรือจุดเช็คอินถ่ายรูปสวยๆให้เราไปเยี่ยมชมและเช็คอินเหมือนกันค่ะ เดี๊ยนเลยสรุปมาให้ดูกัน
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงวอร์ซอ ในประเทศโปแลนด์ เมืองหลวงแห่งนี้ มีที่เที่ยวสำคัญอะไรบ้าง ตามไปดูกัน มีดังนี้ค่ะ
 |
1.ย่านเมืองเก่ากรุงวอซอร์ (Old Town, Warsaw) |
 |
1.ย่านเมืองเก่ากรุงวอซอร์ (Old Town, Warsaw) |
 |
1.ย่านเมืองเก่ากรุงวอซอร์ (Old Town, Warsaw) |
 |
1.ย่านเมืองเก่ากรุงวอซอร์ (Old Town, Warsaw) |
 |
1.ย่านเมืองเก่ากรุงวอซอร์ (Old Town, Warsaw) |
 |
1.ย่านเมืองเก่ากรุงวอซอร์ (Old Town, Warsaw) |
 |
1.ย่านเมืองเก่ากรุงวอซอร์ (Old Town, Warsaw) |
1.ย่านเมืองเก่ากรุงวอซอร์ (Old Town, Warsaw)
เมืองเก่าวอร์ซอ[a] หรือที่รู้จักกันในชื่อเมืองเก่า และเป็นที่รู้จักในอดีตในชื่อเมืองเก่าวอร์ซอ เป็นย่านเชื่อมต่อเมืองเก่ากับเมืองใหม่ ในเมืองวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ซึ่งย่านเมืองเก่านี้ ตั้งอยู่ในเขต Śródmiescie เป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง โดยมีอาคารเก่าแก่จำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่นั้นสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 และ 18 โดยมีอาคารสถาปัตยกรรมสำคัญหลายแห่งไม่ว่าจะ ปราสาทหลวง กำแพงเมือง มหาวิหารเซนต์จอห์น และบาร์บิกัน จัตุรัสตลาดเมืองเก่า
เมืองเก่าวอซอร์ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 13 เดิมล้อมรอบด้วยกำแพงดิน ก่อนปี ค.ศ.1339 ได้มีการเสริมด้วยกำแพงเมืองอิฐ เดิมทีเมืองนี้เติบโตขึ้นรอบๆ ปราสาทของดยุคแห่งมาโซเวีย ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นพระราชวังหลวงที่ตั้งอยู่ในส่วนบริเวณของ Market Square (Rynek Starego Miasta) ซึ่งบริเวณดังกล่างถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 หรือต้นศตวรรษที่ 14 ริมถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่างปราสาทกับเมืองใหม่ทางตอนเหนือ
ในย่านแห่งนี้ ประกอบไปด้วยตลาดเมืองเก่า (Rynek Starego Miasta) ซึ่งมีอายุย้อนกลับไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 เป็นย่านใจกลางเมือที่สำคัญของเมืองเก่า ไปจนถึงปลายศตวรรษที่ 18 ที่นี่ก็เป็นศูนย์กลางของกรุงวอร์ซอทั้งหมด โดยเป็นย่านของพ่อค้าพบกันในศาลากลางและมีการจัดงานแสดงสินค้าและการประหารชีวิตเป็นครั้งคราว บ้านที่อยู่รอบๆ แสดงถึงสไตล์โกธิคจนกระทั่งเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1607 หลังจากนั้นจึงถูกสร้างขึ้นใหม่ในรูปแบบสไตล์เรอเนซองส์ตอนปลาย
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองเก่าถูกทำลายเกือบทั้งหมดและได้รับการบูรณะใหม่ในเวลาต่อมา โครงการนี้เป็นความพยายามครั้งแรกของโลกที่จะฟื้นคืนชีพแก่แกนกลางเมืองประวัติศาสตร์ทั้งหมด และถูกรวมไว้ในรายชื่อมรดกโลกขององค์การยูเนสโกในปี 1980 ความพยายามในการฟื้นฟูได้รับการยอมรับอีกครั้งในปี 2011 เมื่อมีการเพิ่มเอกสารและบันทึกทั้งหมดเข้าไปในโครงการ Memory of the World ของ UNESCO
 |
2.ตลาดเมืองเก่าวอร์ซอ (Old Town Market Place, Warsaw) |
 |
2.ตลาดเมืองเก่าวอร์ซอ (Old Town Market Place, Warsaw) |
 |
2.ตลาดเมืองเก่าวอร์ซอ (Old Town Market Place, Warsaw) |
 |
2.ตลาดเมืองเก่าวอร์ซอ (Old Town Market Place, Warsaw) |
 |
2.ตลาดเมืองเก่าวอร์ซอ (Old Town Market Place, Warsaw) |
2.Old Town Market Place, Warsaw ตลาดเมืองเก่าวอร์ซอ
ตลาดเมืองเก่าของวอร์ซอ จัดเป็นหนึ่งในย่านสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งของกรุงวอซอร์ โดยเป็นศูนย์กลางและเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองเก่าวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ทันทีหลังจากการจลาจลในกรุงวอร์ซอ กองทัพเยอรมันได้ปล่อยระเบิดลงในย่านเมืองเก่า ทำให้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตลาดเมืองเก่าได้รับการบูรณะและฟื้นฟูให้ดูสวยงามดังเดิม
ตลาดเมืองเก่าเป็นหัวใจสำคัญของเมืองเก่าวอซอร์ อีกทั้งในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ที่นี่ก็เป็นศูนย์กลางของกรุงวอร์ซอทั้งหมด โดยย่านเมืองเก่านั้นมีต้นกำเนิดในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 พร้อมๆ กับการก่อตั้งเมืองนี้ โดยมีตัวแทนชพ่อค้าพบกันในศาลากลาง (ซึ่งศาลากลางสร้างขึ้นก่อนปี 1429 ถูกรื้อถอนในปี ค.ศ.1817 บ้านที่อยู่รอบๆ มีลักษณะเป็นแบบกอทิกจนกระทั่งเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1607 หลังจากนั้นจึงถูกสร้างขึ้นใหม่ในรูปแบบปลายเรอเนซองส์ และในที่สุดก็เป็นสไตล์บาโรกตอนปลายโดย Tylman Gamerski ในปี ค.ศ. 1701
ซึ่งบริเวณอาณาเขตโดยรอบของเมืองเก่านั้นได้รับความเสียหายจากระเบิดของกองทัพเยอรมันระหว่างการรุกรานโปแลนด์ (พ.ศ. 2482) ตลาดโบราณแห่งนี้สร้างขึ้นใหม่ในช่วงทศวรรษปี ค.ศ.1950 หลังจากถูกทำลายโดยกองทัพเยอรมันหลังจากการปราบปรามการจลาจลในกรุงวอร์ซอในปี 1944 ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดอีกแห่งของกรุงซอซอร์
 |
3.ปราสาทหลวงแห่งกรุงวอซอร์ (Royal Castle, Warsaw) |
 |
3.ปราสาทหลวงแห่งกรุงวอซอร์ (Royal Castle, Warsaw) |
 |
3.ปราสาทหลวงแห่งกรุงวอซอร์ (Royal Castle, Warsaw) |
 |
3.ปราสาทหลวงแห่งกรุงวอซอร์ (Royal Castle, Warsaw) |
 |
3.ปราสาทหลวงแห่งกรุงวอซอร์ (Royal Castle, Warsaw) |
 |
3.ปราสาทหลวงแห่งกรุงวอซอร์ (Royal Castle, Warsaw) |
 |
3.ปราสาทหลวงแห่งกรุงวอซอร์ (Royal Castle, Warsaw) |
3.ปราสาทหลวงแห่งกรุงวอซอร์ (Royal Castle, Warsaw)
ปราสาทหลวงในกรุงวอร์ซอ เป็นพิพิธภัณฑ์ของรัฐและอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งเดิมเคยเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของกษัตริย์โปแลนด์หลายพระองค์ ห้องทำงานส่วนตัวของกษัตริย์และสำนักงานบริหารของราชสำนักตั้งอยู่ในปราสาทตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 จนถึงการแบ่งแยกโปแลนด์ครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ.1795 ปราสาทหลวงตั้งอยู่ในจัตุรัสปราสาทตรงทางเข้าเมืองเก่าเพื่อที่เก็บรวมรวมชิ้นสิ่งนชันสำคัญของงานศิลปะโปแลนด์และยุโรป
ปราสาทหลวงแห่งกรุงวอซอร์นั้น อยู่ในเหตุการณ์สำคัญมากมายในประวัติศาสตร์ของโปแลนด์ รัฐธรรมนูญฉบับลงวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2334 ซึ่งถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกในยุโรปและเป็นรัฐธรรมนูญแห่งชาติที่มีประมวลกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ได้รับการร่างที่นี่โดยรัฐสภาสี่ปี อาคารหลังนี้ได้รับการออกแบบใหม่ให้เป็นสไตล์นีโอคลาสสิกตามรอยแบ่งของโปแลนด์ ภายใต้สาธารณรัฐโปแลนด์ที่สอง (พ.ศ. 2461-2482) เป็นที่ตั้งของประมุขแห่งรัฐและประธานาธิบดีโปแลนด์
และในช่วง สงครามโลกครั้งที่สองทำให้อาคารเสียหายอย่างสิ้นเชิง ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2482 เครื่องบินตกเป็นเป้าและจุดประกายไฟโดยเครื่องบินรบของกองทัพลุฟท์วัฟเฟอ และจากนั้นถูกโจมตีโดยพวกนาซีหลังจากการจลาจลวอร์ซอที่ล้มเหลวในปี พ.ศ. 2487
ในปี ค.ศ.1980 ปราสาทหลวงและเมืองเก่าโดยรอบกลายเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับสองในโปแลนด์ (รองจากปราสาท Wawel ในคราคูฟ) และเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดอันดับที่ 25 ของโลกด้วยจำนวนผู้เยี่ยมชมมากกว่า 2.02 ล้านคนในปี 2566
 |
4.พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สงครามโลกแห่งกรุงวอซอร์ (Warsaw Rising Museum) Powstania Warszawskiego |
 |
4.พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สงครามโลกแห่งกรุงวอซอร์ (Warsaw Rising Museum) Powstania Warszawskiego |
 |
4.พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สงครามโลกแห่งกรุงวอซอร์ (Warsaw Rising Museum) Powstania Warszawskiego |
 |
4.พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สงครามโลกแห่งกรุงวอซอร์ (Warsaw Rising Museum) Powstania Warszawskiego |
 |
4.พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สงครามโลกแห่งกรุงวอซอร์ (Warsaw Rising Museum) Powstania Warszawskiego |
 |
4.พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สงครามโลกแห่งกรุงวอซอร์ (Warsaw Rising Museum) Powstania Warszawskiego |
 |
4.พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สงครามโลกแห่งกรุงวอซอร์ (Warsaw Rising Museum) Powstania Warszawskiego |
4.พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สงครามโลกแห่งกรุงวอซอร์ (Warsaw Rising Museum) Powstania Warszawskiego
และอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจอย่างนักท่องเที่ยวอีกแห่งนั้นก็คือ พิพิธภัณฑ์วอร์ซอไรซิ่ง (ภาษาโปแลนด์ เรียกพิพิธภัณฑ์นี้ว่า Muzeum Powstania Warszawskiego) โดยพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวอยู่ในเขตโวลา กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเหตุการณ์กบฏวอร์ซอในปี 1944 สถาบันของพิพิธภัณฑ์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2526 พิพิธภัณฑ์สนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของการลุกฮือ ตลอดจนประวัติศาสตร์และการครอบครองของรัฐใต้ดินในโปแลนด์ รวบรวมและดูแลรักษาสิ่งประดิษฐ์หลายร้อยชิ้น ตั้งแต่อาวุธที่ผู้ก่อความไม่สงบใช้ไปจนถึงจดหมายรัก
ทั้งนี้เพื่อแสดงภาพรวมของผู้ที่เกี่ยวข้อง เป้าหมายที่ระบุไว้ของพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ การสร้างที่เก็บข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการจลาจลและการบันทึกเรื่องราวและความทรงจำของผู้เข้าร่วมที่ยังมีชีวิตอยู่ ผู้อำนวยการคือ Jan Ołdakowski โดยมี Dariusz Gawin นักประวัติศาสตร์จาก Polish Academy of Sciences เป็นรอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นองค์กรสมาชิกของ Platform of European Memory and Conscience
 |
5.พระราชวังวิลานอฟ (Wilanow Palace) |
 |
5.พระราชวังวิลานอฟ (Wilanow Palace) |
 |
5.พระราชวังวิลานอฟ (Wilanow Palace) |
 |
5.พระราชวังวิลานอฟ (Wilanow Palace) |
 |
5.พระราชวังวิลานอฟ (Wilanow Palace) |
 |
5.พระราชวังวิลานอฟ (Wilanow Palace) |
 |
5.พระราชวังวิลานอฟ (Wilanow Palace) |
 |
5.พระราชวังวิลานอฟ (Wilanow Palace) |
 |
5.พระราชวังวิลานอฟ (Wilanow Palace) |
 |
5.พระราชวังวิลานอฟ (Wilanow Palace) |
5.พระราชวังวิลานอฟ (Wilanow Palace)
พิพิธภัณฑ์พระราชวังกษัตริย์จอห์นที่ 3 ที่วิลานอฟ (Wilanów) ถือว่าเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ และเป็นแหล่งรวบรวมมรดกทางศิลปะและราชวงศ์ของประเทศ . ของสะสมประกอบด้วยของมีค่าที่รวบรวมโดยเจ้าของพระราชวัง Wilanów กษัตริย์แห่งโปแลนด์ — John III Sobieski และ Augustus II รวมถึงตัวแทนของตระกูลขุนนาง Potocki และ Lubomirski และคอลเล็กชั่นงานศิลปะ Sarmatian
พระราชวังวิลานอฟ เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1805 เมื่อเจ้าของพระราชวัง Stanisław Kostka Potocki และภรรยาของเขา Aleksandra Lubomirska ได้สร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สาธารณะแห่งแรกๆ ในโปแลนด์ ในปี พ.ศ. 2420 พิพิธภัณฑ์ได้รับความนิยมจากสิ่งพิมพ์ชื่อ Wilanów อัลบั้ม widoków i pamiętek... เรียบเรียงโดย Hipolit Skimborowicz และ Wojciech Gerson[2] ตามมาในปี พ.ศ. 2436 โดยมีไกด์นำเที่ยวพระราชวังและของสะสมต่างๆ
ภายในพิพิธภัณฑ์ของพระราชวังนั้น มีห้องจัดนิทรรศการชั่วคราว การประชุมและการสัมมนา ดำเนินการวิจัย ตีพิมพ์หนังสือ และจัดกิจกรรมการศึกษาเพื่ออุทิศให้กับเจ้าของพระราชวังที่อยู่อาศัย Wilanów พิพิธภัณฑ์ได้เปลี่ยนชื่อเป็นพิพิธภัณฑ์พระราชวังของพระเจ้าจอห์นที่ 3 ที่วิลานอฟ
 |
6.ป้อมปราการเก่าแก่ย่านเมืองเก่าวอร์ซอ(Warsaw Barbican) |
 |
6.ป้อมปราการเก่าแก่ย่านเมืองเก่าวอร์ซอ(Warsaw Barbican) |
 |
6.ป้อมปราการเก่าแก่ย่านเมืองเก่าวอร์ซอ(Warsaw Barbican) |
 |
6.ป้อมปราการเก่าแก่ย่านเมืองเก่าวอร์ซอ(Warsaw Barbican) |
 |
6.ป้อมปราการเก่าแก่ย่านเมืองเก่าวอร์ซอ(Warsaw Barbican) |
6.ป้อมปราการเก่าแก่ย่านเมืองเก่าวอร์ซอ(Warsaw Barbican)
เป็นหนึ่งในป้อมปราการสวยงามโดดเด่นตั้งอยู่ระหว่างเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่ ป้อมปราการแห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงเมือง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ป้อมวอร์ซอของเดิมได้ถูกทำลายลงไป และได้มีการบูรณะขึ้นมาใหม่
Warsaw Barbican ( หรือที่ภาษาโปแลนด์: barbakan warszawski) เป็น barbican (ด่านที่มีป้อมปราการเป็นรูปครึ่งวงกลม) ในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ และเป็นหนึ่งในโบราณวัตถุไม่กี่แห่งที่หลงเหลืออยู่ของเครือข่ายป้อมปราการทางประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนซึ่งครั้งหนึ่งเคยล้อมรอบกรุงวอร์ซอ ตั้งอยู่ระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ
สำหรับป้อมปราการบาร์บิกันถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1540 แทนที่ประตูเก่าเพื่อปกป้องถนน Nowomiejska ได้รับการออกแบบโดย Jan Baptist the Venetian สถาปนิกชาวอิตาลียุคเรอเนซองส์ที่อาศัยและทำงานในภูมิภาค Mazowsze ของโปแลนด์ในศตวรรษที่ 16 และมีบทบาทสำคัญในการออกแบบกำแพงเมืองในศตวรรษที่ 14 ใหม่ ซึ่งในเวลานั้นได้ทรุดโทรมลง ชาวบาร์บิกันมีรูปแบบในการก่อสร้างป้อมปราการครึ่งวงกลมสามระดับที่บรรจุโดยนักหลอม มีความกว้าง 14 เมตร สูง 15 เมตรจากก้นคูน้ำซึ่งล้อมรอบกำแพงเมือง และยื่นออกมาจากกำแพงด้านนอก 30 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นป้อมการที่แข็งแกร่ง มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์โดดเด่นยิ่งนัก
 |
7.พระราชวังลาเซียนกี้ (The Royal Łazienki Palace) |
 |
7.พระราชวังลาเซียนกี้ (The Royal Łazienki Palace) |
 |
7.พระราชวังลาเซียนกี้ (The Royal Łazienki Palace) |
 |
7.พระราชวังลาเซียนกี้ (The Royal Łazienki Palace) |
 |
7.พระราชวังลาเซียนกี้ (The Royal Łazienki Palace) |
 |
7.พระราชวังลาเซียนกี้ (The Royal Łazienki Palace) |
 |
7.พระราชวังลาเซียนกี้ (The Royal Łazienki Palace) |
 |
7.พระราชวังลาเซียนกี้ (The Royal Łazienki Palace) |
 |
7.พระราชวังลาเซียนกี้ (The Royal Łazienki Palace) |
7.พระราชวังลาเซียนกี้ (The Royal Łazienki Palace)
หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Palace on the Isleล เป็นหนึ่งในพระราชวังบนเกาะ (โปแลนด์: Pałac Na Wyspie) หรือที่รู้จักกันในชื่อพระราชวังบาธ (โปแลนด์: Pałac Łazienkowski) เป็นพระราชวังแบบคลาสสิกใน Royal Baths Park ในกรุงวอร์ซอ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของเมืองวอซอร์ โดยมีครอบคลุมพื้นที่กว่า 76 เฮกตาร์จากใจกลางเมือง
ตั้งแต่ปี 1674 พระราชวังลาเซียนกี้ และปราสาท Ujazdów ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันเป็นของเจ้าชาย Stanisław Herakliusz Lubomirski ผู้สร้างโรงอาบน้ำสไตล์บาโรกหรือที่เรียกว่า ลาเซียนกา "Łazienka" ซึ่งมีการตั้งชื่อคล้ายกับสถานที่ทางประวัติศาสตร์อื่นๆ ของยุโรป รวมทั้งเมืองบาธของอังกฤษ อาคารหลังนี้สร้างขึ้นบนผังสี่เหลี่ยม ได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยปูนปั้น รูปปั้น และภาพวาด การตกแต่งดั้งเดิมและรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมบางส่วนยังคงอยู่
 |
8.จุดชมวิวพาโนราม่าที่อาคารตึกพระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ (Palace of culture and Science) |
 |
8.จุดชมวิวพาโนราม่าที่อาคารตึกพระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ (Palace of culture and Science) |
 |
8.จุดชมวิวพาโนราม่าที่อาคารตึกพระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ (Palace of culture and Science) |
 |
8.จุดชมวิวพาโนราม่าที่อาคารตึกพระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ (Palace of culture and Science) |
 |
8.จุดชมวิวพาโนราม่าที่อาคารตึกพระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ (Palace of culture and Science) |
 |
8.จุดชมวิวพาโนราม่าที่อาคารตึกพระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ (Palace of culture and Science) |
 |
8.จุดชมวิวพาโนราม่าที่อาคารตึกพระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ (Palace of culture and Science) |
 |
8.จุดชมวิวพาโนราม่าที่อาคารตึกพระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ (Palace of culture and Science) |
 |
8.จุดชมวิวพาโนราม่าที่อาคารตึกพระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ (Palace of culture and Science) |
 |
8.จุดชมวิวพาโนราม่าที่อาคารตึกพระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ (Palace of culture and Science) |
 |
8.จุดชมวิวพาโนราม่าที่อาคารตึกพระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ (Palace of culture and Science) |
8.จุดชมวิวพาโนราม่าที่อาคารตึกพระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ (Palace of culture and Science)
หากต้องการชมวิวกรุงวอซอร์ได้แบบ 360 องศา แนะนำให้ไปที่อาคารตึกพระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ เป็นอาคารสไตล์โกธิคที่สูงที่สุดในประเทศโปแลนด์ ด้วยความสูงถึง 237 เมตร ตัวอาคารสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1952 – 1955 และอาคารให้นี้ไม่ได้เป็นพระราชวัง แต่อย่างได้ แต่ด้วยความหรูหราของตึกและอาคารที่ความโดดเด่นและสวยงามสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เป็นอาคารที่ดูเหมือนพระราชวัง จึงตั้งชื่อว่า Palace และด้านในอาคารประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ห้องสมุด และที่น่าสนใจที่สุดคือเทอเรซสำหรับชมวิวเมืองวอร์ซอ ซึ่งจุดชมวิวที่พระราชวังแห่งวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์แห่งนี้นับว่าเป็นจุดชมวิวมุมสูงแบบพาโนรามาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองวอร์ซอ
ซึ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุดเป็นอันดับหกในสหภาพยุโรปและเป็นหนึ่งในอาคารที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป เมื่อสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1955 และยังเป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก โดยคงตำแหน่งไว้จนถึงปี พ.ศ. 2504 นอกจากนี้ยังเป็นหอนาฬิกาที่สูงที่สุดในโลกในช่วงสั้นๆ อีกด้วย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 จนถึงปี พ.ศ. 2545 การติดตั้งกลไกนาฬิกาบนอาคาร NTT Docomo Yoyogi ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
โดยตัวอาคารได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมประวัติศาสตร์โปแลนด์และอาคารสูงระฟ้าสไตล์อาร์ตเดโคของอเมริกา ออกแบบโดย Lev Rudnev สถาปนิกชาวโซเวียตรัสเซียในสไตล์ "Seven Sisters ซึ่งความสวยงามโอ่อ่าและโดดเด่นเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกรุงวอซอร์
 |
9.ถนนนิวเวิร์ดสตรีท ถนนคนเดินสายช็อปปิ้งแสนสวยในวอซอร์ (Nowy Swiat (New World) Street in Warsaw, Poland) |
 |
9.ถนนนิวเวิร์ดสตรีท ถนนคนเดินสายช็อปปิ้งแสนสวยในวอซอร์ (Nowy Swiat (New World) Street in Warsaw, Poland) |
 |
9.ถนนนิวเวิร์ดสตรีท ถนนคนเดินสายช็อปปิ้งแสนสวยในวอซอร์ (Nowy Swiat (New World) Street in Warsaw, Poland) |
 |
9.ถนนนิวเวิร์ดสตรีท ถนนคนเดินสายช็อปปิ้งแสนสวยในวอซอร์ (Nowy Swiat (New World) Street in Warsaw, Poland) |
 |
9.ถนนนิวเวิร์ดสตรีท ถนนคนเดินสายช็อปปิ้งแสนสวยในวอซอร์ (Nowy Swiat (New World) Street in Warsaw, Poland) |
 |
9.ถนนนิวเวิร์ดสตรีท ถนนคนเดินสายช็อปปิ้งแสนสวยในวอซอร์ (Nowy Swiat (New World) Street in Warsaw, Poland) |
 |
9.ถนนนิวเวิร์ดสตรีท ถนนคนเดินสายช็อปปิ้งแสนสวยในวอซอร์ (Nowy Swiat (New World) Street in Warsaw, Poland) |
 |
9.ถนนนิวเวิร์ดสตรีท ถนนคนเดินสายช็อปปิ้งแสนสวยในวอซอร์ (Nowy Swiat (New World) Street in Warsaw, Poland) |
 |
9.ถนนนิวเวิร์ดสตรีท ถนนคนเดินสายช็อปปิ้งแสนสวยในวอซอร์ (Nowy Swiat (New World) Street in Warsaw, Poland) |
9.ถนนนิวเวิร์ดสตรีท ถนนคนเดินสายช็อปปิ้งแสนสวยในวอซอร์ (Nowy Swiat (New World) Street in Warsaw, Poland)
สำหรับถนนคนเดินนิวเวิรด์สตรีท หรือโนวี่ สเวียต Nowy Świat (การออกเสียงภาษาโปแลนด์: รู้จักในภาษาอังกฤษในชื่อ New World Street เป็นหนึ่งในเส้นทางถนนสัญจรสายประวัติศาสตร์สายหลักของวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ประกอบด้วยส่วนหนึ่งของเส้นทางหลวง (Trakt królewski) ที่ทอดยาวจาก Royal Castle ของวอร์ซอและเมืองเก่า ทางใต้สู่ King ที่ประทับของราชวงศ์ John III Sobieski ในศตวรรษที่ 17 ที่ Wilanów
โดยถนนNowy Świat เป็นถนนที่ตัดผ่านจากจัตุรัส Three Crosses Square ไปทางเหนือ ตัดกับถนน Jerusalem Avenue และถนน Świętokrzyska (ถนน Holy Cross) ใกล้กับวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยวอร์ซอและอนุสาวรีย์ Nicolaus Copernicus เปลี่ยนเป็น Krakowskie Przedmieście (ถนนชานเมือง Cracow) ซึ่งทอดยาวไปจนถึง Royal Castle ที่ Castle Square ที่ทางใต้สุดที่จัตุรัส Three Crosses Nowy Świat เปลี่ยนเป็นถนน Ujazdów ซึ่งเปลี่ยนเป็นถนน Belweder ซึ่งกลายเป็นถนน Sobieski ขณะที่ยังคงแล่นไปทางใต้ และในที่สุดก็มาถึง Wilanów
ในช่วงการจลาจลในกรุงวอร์ซอ (สิงหาคม-ตุลาคม พ.ศ. 2487) ถนนคนเดิน New World street ได้ถูกทำลายเกือบทั้งหมด ชาวเยอรมันลดจำนวนอาคารที่สวยงามส่วนใหญ่ลงเนื่องจากเป็นถนนสายสำคัญที่สุดสายหนึ่งในใจกลางกรุงวอร์ซอ และเมื่อสงครามสิ้นสุดลง มีการตัดสินใจที่จะสร้าง Nowy Świat ขึ้นใหม่ เนื่องจากการฟื้นฟูสภาพอาร์ตนูโวก่อนสงครามอาจเป็นสิ่งต้องห้าม จึงถูกเปลี่ยนกลับไปสู่รูปลักษณ์ภายนอกของต้นศตวรรษที่ 19 การฟื้นฟูถนนหลังสงครามนี้กำกับโดยสถาปนิก Zygmunt Stępiński ปัจจุบัน Nowy Świat มีร้านค้า ร้านอาหาร และร้านกาแฟมากมาย ถือเป็นทำเลทองสำหรับร้านค้าปลีกระดับหรูมากมาย หลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและย่านช็อปปิ้งที่มีชื่อเสียงของกรุงวอซอร์ ที่ต้องแวะมาเช็คอินและเดินหาซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไป
 |
10.สวนสาธารณะแซกซอน (Saxon Garden) |
 |
10.สวนสาธารณะแซกซอน (Saxon Garden) |
 |
10.สวนสาธารณะแซกซอน (Saxon Garden) |
 |
10.สวนสาธารณะแซกซอน (Saxon Garden) |
 |
10.สวนสาธารณะแซกซอน (Saxon Garden) |
 |
10.สวนสาธารณะแซกซอน (Saxon Garden) |
10.สวนสาธารณะแซกซอน (Saxon Garden)
เป็นสวนสาธารณะขนาด 15.5 เฮกตาร์ ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ หันหน้าไปทางจัตุรัส Piłsudski เป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง โดยสวนสาธารณะแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมในปี ค.ศ.1727 โดยเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของโลกที่มีรถโดยสารสาธาณะผ่านและให้บริการแก่นักเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมสวน
เดิมทีเป็นสวนสาธารณะสไตล์บาโรกฝรั่งเศส ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 19 ได้กลายเป็นสวนภูมิทัศน์สไตล์อังกฤษโรแมนติก และหลังจากนั้นก็ถูกทำลายลงในช่วงระหว่างสงครามโลกและหลังการจลาจลในกรุงวอร์ซอ จนกระทั้งได้รับการสร้างขึ้นใหม่บางส่วนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
และสำหรับบทความแบ่งปันรีวิวการเดินทางแบกเป้คนเดียวไปเที่ยวประเทศโปแลนด์ แวะเยี่ยมชมกรุงวอซอร์ เมืองสวยงามและยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์สงครามโลกสุดแสนน่าสนใจในบล็อกนี้ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆทุกคน ที่กำลังจะวางแผนแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวประเทศโปแลนด์ในช่วงลาพักร้อนนี้อยู่ไม่มากก็น้อย หากข้อมูลดังกล่าวที่ได้นำเสนอไป มีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันต้องขออภัยด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
0 ความคิดเห็น