Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวประเทศลิทัวเนีย ทัศนาเดินชมกรุงวิลนีอัส (Vilnius) เมืองหลวงเก่าแก่แห่งนี้ มีที่เที่ยวอะไรให้ชมบ้าง

แบ่งปันทริปแบกเป้คนเดียวไปเที่ยวประเทศลิทัวเนีย ประเทศเล็กในทวีปยุโรปแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ไปถ่ายรูปภาพและเช็คอินกันบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า




เดินทางไปเที่ยวกันต่อคะ หลังจากที่บทความบล็อกก่อนหน้าได้พาคุณผู้อ่าน แบกเป้คนเดียวไปเที่ยวเยือนชมกรุงริกา เมืองหลวงของประเทศลัตเวียไปแล้ว จากเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2024/11/Backpack-travel-Riga-Latvia-discover-experince.html


และแล้วก็ได้เวลาต้องเดินทางไปเที่ยวต่อที่ประเทศลิทัวเนีย อีกหนึ่งประเทศเล็กๆในยุโรป ที่มีมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามให้ไปเยี่่ยมชมกัน เนื่องจากมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน อีกทั้ังมีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ให้ได้ไปชมและศึกษากันด้วย โดยทริปนี้เดี๊ยนปักหมุดเดินทางไปเที่ยวเมืองวิลนีอัส ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศลิทัวเนีย เนื่องจากอยากรู้ว่าในเมืองแห่งนี้นั้น มีที่เที่ยวอะไรให้ไปเดินเช็คอินถ่ายรูปสวยๆที่ใหนบ้าง เพราะหลังจากที่เดินทางออกจากประเทศฟินแลนด์ นั่งเรือข้ามฟากมาเที่ยวประเทศเอสโตเนีย และนั่งรถทัวรมาเที่ยวประเทศลัตเวีย แต่ละประเทศก็มีมนต์เสน่ห์ของเมืองท่องเที่ยวที่แตกต่างกันออกไป


ทริปนี้เขียนต่อจากรีวิวก่อนหน้าได้พาไปเที่ยวลัตเวียแล้ว นั่งรถบัสจากริกา ลงไปเที่ยวต่อที่เมืองวิลนีอัส ประเทศลิทัวเนีย ไปดูสิว่าในเมืองมรดกโลกแห่งนี้ มีอะไรน่าสนใจให้ไปเช็คอินกันบ้าง 


ซึ่งจากการเดินทางมาหลายๆประเทศ ก็ทำให้ตัวเดี๊ยนนั้นมีความสนใจกับประวัติศาตร์ของประเทศนั้นๆมากยิ่งขึ้น เพราะว่าแต่ละประเทศจะมีภาษาและประเพณ วัฒนธรรมอาหารการกิน ประเพณีที่แตกต่างกันออกไปด้วย พอเดินทางไปประเทศใหน ก็มักจะต้องไปค้นหาข้อมูลว่าเมืองนั้น มีประวัติศาสตร์และความน่าสนใจอย่างไร เพื่อที่จะนำมาบอกเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง เฉกเช่นเดียวกับทความนี้ ก่อนจะเข้าสู่บทความรีวิวท่องเที่ยวทริปไปเที่ยวประเทศลิทัวเนียครั้งนี้ ก่อนจะเข้าสู่ภาพแหล่งท่องเที่ยว เราก็มารู้จักกับประวัติของเมืองวิลนีอัส เมืองหลวงของลิทัวเนียกันก่อนสักเล็กน้อยพอสังเขปค่ะ


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเมืองวิลนีอัส ประเทศลิทัวเนีย (About Vilnius City, Lithuania )


สาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองวิลนีอัส ประเทศลิทัวเนีย (About Vilnius City, Lithuania )


วิลนีอัสตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของลิทัวเนีย เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สองในบรรดารัฐบอลติก และเป็นที่ตั้งของรัฐบาลลิทัวเนียและเทศบาลเขตวิลนีอัส และเป็นที่รู้จักจากสถาปัตยกรรมในย่านเมืองเก่าซึ่งยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลกใน ค.ศ. 1994 ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง วิลนีอัสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางชาวยิวที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป อิทธิพลยิวที่มีต่อเมืองนี้ทำให้เกิดชื่อเล่นว่า "เยรูซาเลมแห่งลิทัวเนีย" 

นโปเลียนเรียกเมืองนี้ว่า "เยรูซาเลมทางเหนือ" ในขณะที่เดินทัพผ่านลิทัวเนียใน ค.ศ. 1812


ทั้งนี้ทางนโปเลียนเรียกเมืองนี้ว่า "เยรูซาเลมทางเหนือ" ในขณะที่เดินทัพผ่านลิทัวเนียใน ค.ศ. 1812 ใน ค.ศ. 2009 วิลนีอัสเป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปร่วมกับลินทซ์ในประเทศออสเตรีย[12] ใน ค.ศ. 2021 นิตยสาร เอฟดีไอ ได้จัดให้วิลนีอัสเป็นหนึ่งในเมืองแห่งอนาคตระดับโลก ซึ่งหมายความว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความคิดก้าวหน้ามากที่สุดและมีศักยภาพสูงที่สุดในโลก

วิลนีอุสเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปในปี พ.ศ. 2552 


วิลนีอุสเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปในปี พ.ศ. 2552 โดยมีลินซ์อยู่ในออสเตรีย ในปี 2564 เมืองนี้ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 25 เมืองแห่งอนาคตระดับโลกของ fDi วิลนีอุสถือเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก โดยอยู่ในอันดับที่ 76 ของโลกและอันดับที่ 29 ของยุโรปในดัชนีศูนย์การเงินทั่วโลก[24] เป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอด NATO ปี 2023 วิลนีอุสเป็นสมาชิกของ Eurocities และสหภาพเมืองหลวงแห่งสหภาพยุโรป (UCEU)

สถาปัตยกรรมที่เรียกว่า วิลเนียน บาโรก ตั้งชื่อตามเมืองซึ่งอยู่ทางตะวันออกไกลที่สุดในบรรดาเมืองบาโรก และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์

รูปแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า วิลเนียน บาโรก ตั้งชื่อตามเมืองซึ่งอยู่ทางตะวันออกไกลที่สุดในบรรดาเมืองบาโรก และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์


ลำคลองเล็กๆในเมืองวิลนีอุสจะไหลไปบรรจบแม่น้ำขนาดใหญ่ในตัวเมือง


 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ.1990  หรือช่วงปี พ.ศ. 2533 สภาสูงสุดของ SSR ลิทัวเนียได้ประกาศแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียตและมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูลิทัวเนียที่เป็นอิสระ เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2534 สหภาพโซเวียตได้ส่งทหารเข้ามา เรื่องนี้สิ้นสุดลงด้วยการโจมตีอาคารวิทยุและโทรทัศน์ของรัฐและหอส่งสัญญาณโทรทัศน์วิลนีอุสเมื่อวันที่ 13 มกราคม ซึ่งคร่าชีวิตพลเรือนไป 14 ราย สหภาพโซเวียตยอมรับเอกราชของลิทัวเนียในเดือนกันยายน พ.ศ. 2534  ตามรัฐธรรมนูญแห่งลิทัวเนีย "เมืองหลวงของรัฐลิทัวเนียจะเป็นเมืองวิลนีอุส ซึ่งเป็นเมืองหลวงทางประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศลิทัวเนีย"


หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และได้ประกาศแยกตัวออกมา วิลนีอัส เมืองหลวงแห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองยุโรปสมัยใหม่


หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และได้ประกาศแยกตัวออกมา วิลนีอัส เมืองหลวงแห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองยุโรปสมัยใหม่ อาณาเขตของตนได้รับการขยายด้วยการกระทำสามประการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 โดยผสมผสานพื้นที่เมือง หมู่บ้าน หมู่บ้านเล็ก ๆ และเมือง Grigiškės อาคารเก่าแก่ส่วนใหญ่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และพื้นที่ธุรกิจและการค้าได้กลายมาเป็นใจกลางเมืองใหม่ ซึ่งเป็นเขตการปกครองและธุรกิจหลักทางด้านเหนือของแม่น้ำเนริส 


บริเวณพื้นที่ในเมืองวิลนีอัสนั้น ประกอบด้วยพื้นที่พักอาศัยและพื้นที่ค้าปลีกที่ทันสมัย ​​โดยมีอาคารเทศบาลและอาคาร Europa Tower สูง 148.3 เมตร


บริเวณพื้นที่ในเมืองวิลนีอัสนั้น ประกอบด้วยพื้นที่พักอาศัยและพื้นที่ค้าปลีกที่ทันสมัย ​​โดยมีอาคารเทศบาลและอาคาร Europa Tower สูง 148.3 เมตร (487 ฟุต) เป็นอาคารที่โดดเด่นที่สุด การก่อสร้างสำนักงานใหญ่ของ Swedbank บ่งบอกถึงความสำคัญของธนาคารสแกนดิเนเวียในวิลนีอุส อาคารท่าเรือธุรกิจวิลนีอุสถูกสร้างและขยาย มีแฟลตมากกว่า 75,000 ห้องที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1995 ถึง 2018 ทำให้เมืองนี้เป็นผู้นำการก่อสร้างในทะเลบอลติก

เมืองวิลนีอัส อยู่ห่างจากทะเลบอลติกและไคลเพดาซึ่งเป็นเมืองท่าหลักของลิทัวเนียประมาณ 312 กม. (194 ไมล์) เชื่อมต่อกันด้วยถนนไปยังเมืองสำคัญอื่นๆ ของลิทัวเนีย


ส่วนลักษณะภูมิศาสตร์ของเมืองวิลนีอัสนั้น เป็นเมืองที่อยู่ห่างจากทะเลบอลติกและไคลเพดาซึ่งเป็นเมืองท่าหลักของลิทัวเนียประมาณ 312 กม. (194 ไมล์) เชื่อมต่อกันด้วยถนนไปยังเมืองสำคัญอื่นๆ ของลิทัวเนีย เช่น เคานาส (ห่างออกไป 102 กม. หรือ 63 ไมล์) Šiauliai (ห่างออกไป 214 กม. หรือ 133 ไมล์) และปาเนเวชิส (ห่างออกไป 135 กม. หรือ 84 ไมล์)

เมืองวิลนีอุสมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง พิพิธภัณฑ์แห่งชาติลิทัวเนียในพระราชวังของแกรนด์ดุ๊กแห่งลิทัวเนีย หอคอย Gediminas


และในเมืองวิลนีอุสมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง พิพิธภัณฑ์แห่งชาติลิทัวเนียในพระราชวังของแกรนด์ดุ๊กแห่งลิทัวเนีย หอคอย Gediminas และคลังแสงของปราสาทวิลนีอุส มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของลิทัวเนียและวัฒนธรรมลิทัวเนีย พิพิธภัณฑ์ประยุกต์ ศิลปะและการออกแบบจัดแสดงศิลปะพื้นบ้านและศาสนาของชาวลิทัวเนีย วัตถุจากวังของแกรนด์ดุ๊กแห่งลิทัวเนีย และศตวรรษที่ 18 ถึง เสื้อผ้าในศตวรรษที่ 20 ก็ถูกจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดให้ไปชมอย่างน่าสนใจอีกแห่งด้วย


หลังจากที่ได้อ่านข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเมืองวิลนีอัส ประเทศลิทัยเนียกันไปแล้วต่อไปก็ตามดูภาพรีวิวท่องเที่ยวเดินทางจากประเทศลัตเวีย มุ่งหน้าไปยังกรุงวิลนีอัสกันต่อเลย่ะ


เริ่มต้นทริปนี้ เขียนต่อจากบทความตอนที่แล้ว มารอขึ้นรถบัสที่ สถานขนส่งกรุงริกา เพื่อเดินทางข้ามประเทศไปยังลิทัวเนีย


เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมในประเทศลัตเวีย จากนั้นเดินเท้ามาที่สถานีขนส่ง บขส.กรุงริกา เพื่อมารอขึ้นรถบัสจากลัตเวีย เดินทางต่อไปเมืองวิลนีอัส เมืองหลวงของประเทศลิทัวเนียต่อค่ะ 



ในการเดินทางครั้งนี้้ เดีียนเลือกใช้บริการ รถบัสโดยสารของ Ecoline เหมือนเดิมค่ะ  รถเจ้าเดียวกับที่นั่งรถจากประเทศเอสโตเนีย มายังลัตเวีย และทริปนี้ก็นั่งจากลัตเวีย มายังประเทศลิทัวเนีย ก็ใช้เจ้าเดิม 

เหตุผลที่เลือกใช้บริการรถคันเดิม เนืองจากเป็นรถบัสโดยสาร ที่ราคาถูกที่สุดแล้ว 

ระยะทางออกจากกรุงริกา ประเทศลัตเวีย มายังเมืองวิลนีอัส เมืองหลวงของลิทัวเนีย ระยะทางประมาณ 295 กิโลเมตร 

นั่งรถบัสโดยสารชมวิวระหว่างทางไป ดูบ้านม่านชานเรือนตามชนบทเป็นธรรมชาติมากๆ ไม่ค่อยเห็นโรงงานอุตสาหกรรมเท่าใดนัก 

หากใครที่เดินทางไกลๆ แนะนำว่าพกอาหารใส่กล่องมาทานระหว่างทางด้วยก็ดีค่ะ 

ลืมบอกไปว่า....ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง จากประเทศลัตเวีย มายังเมืองหลวงของประเทศลิทัวเนีย

ในที่สุดก็ถึงสถานีขนส่งกรุงวิลนีอัส เมืองหลวงของประเทศลิทัวเนียแล้วล่ะค่ะ สถานีขนส่งเหมือนกับต่างจังหวัดของไทยเราเลยค่ะ เป็นลักษณะตัวยยู รถจะจอดตามชานชลา แต่เสียดาย ที่นั่งตรงชานชลาน้อยไปหน่อย เพราะอากาศด้านนอก ค่อนข้างเย็น ส่วนใหญ่ไปนั่งด้านในอาคารผู้โดยสารขายตั๋ว 

เมื่อมาถึงเดี๊ยนก็เดินแบกเป้มาตั้งหลักเปิด GPS เพื่อหาวิธีการเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก ซึ่งโรงแรมที่จองไว้ ห่างจากสถานีขนส่งประมาณ 2.5 กิโลเมตรค่ะ 

เนื่องจากไม่อยากแบกเป้ให้เหนื่อย เลยตัดสินใจลองนั่งรถบัสโดยสารดูดีกว่า เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆกับสถานที่ใหม่ๆ และไม่ต้องเดินแบกเป้ให้ปวดหลังด้วย เพราะจากสถานีขนส่งรถบัสโดยสารไปโรงแรม ก็ไกลอยู่นะคะ


ราคาตั๋วรถโดยสารจากกับคนขับ ราคาอยู่ที่ 1 ยูโรค่ะ ใช้บัตรเดบิต Travel Card ที่ทำมาจากเมืองไทย จ่ายกับคนขับรถได้เลยค่ะ ไม่ต้องใช้เงินสดให้ยุ่งยาก 

บริเวณด้านในรถเมล์โดยสารที่ให้บริการวิ่งในตัวเมือง ก็เป็นรถเมล์คันยาวๆ 

ตอนยืนอยู่บนรถเมลล์โดยสาร ก็ต้องเปิดมือถือและให้ GPS นำทางไปด้วย เพื่อจะได้รู้ว่าต้องลงป้า่ยรถเมลล์ที่ใกล้โรงแรมที่สุดค่ะ จะได้ไม่ต้องนั่งเลยป้ายไปไกล 

พอลงจากป้ายรถเมลล์เสร็จ ก็ต้องเดินแบกเป้พร้อมเปิด GPS ให้นำทางไปยังโรงแรมอีกค่ะ ซึ่งโรงแรมก็ค่อนข้างอยู่ในซอยลึกพอสมควร เพราะเป็นโรงแรมเล็กๆที่ราคาถูกที่สุดแล้ว 

ในที่สุดก็เดินทางมาถึงโรงแรมที่จองไว้แล้วค่ะ ที่พักในเมืองวิลนีอุสทริปนี้ เดี๊ยนเลือกนอนพักที่โรงแรม Mikalo House

โดยโรงแรม Mikalo House เป็นที่พักเล็กๆสไตล์เกสต์เฮ้าส์ มีห้องพักไม่มากนัก ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า แม้โรงแรมก็อยูในตรอกซอกซอยและไกลจากป้ายรถเมลล์พอสมควร แต่ราคาห้องพักก็ถูก และบรรยากาศที่พักก็ถือว่าดีมาก เพราะดูไม่วุ่นวายจอแจ เหมือนที่พักอื่นๆที่พักก่อนหน้านี้ 


และที่สำคัญคือใครที่มาพักที่นี่ จะต้องทำการเช็คอินห้องพักด้วยตัวเองทั้งหมด เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ที่เคาเตอร์ 24 ชั่วโมงเหมือนโรงแรมอื่นๆแบบที่เคยพักมา  โดยต้องอ่านอีเมลล์ของท่พักก่อนมาพักจะบอกวิธีการเข้าพักให้ อารมณ์เหมือนพักแบบ ABandB หรือพักตามคอนโด ที่ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่มาต้อนรับเรา

ดังนั้น จะต้องคอยอ่านอีเมลล์ที่ทางโรงแรมส่งมาให้ ไม่ว่าจะเป็นรหัสเปิดประตูโรงแรม และกุญแจห้องพักที่จะมี Code มาให้ ดูยุ่งยากและต้องใช้สติพอสมควร เหมือนเล่นเกมส์ไขปริศนาเลยค่ะ เพราะต้องไปคลำ

หลังจากได้รหัสโค้ดเปิดประตูเข้ามาด้านในแล้ว ก็เข้ามาด้านในที่พัก ไม่มีใครเลยค่ะ บรรยากาศเงียบมากๆ 

ส่วนห้องพักที่เดี๊ยนได้พัก เป็นห้องพักแบบ ห้องนอนรวม ห้องน้ำรวม มี 4 เตียงในห้องพัก ราคาห้องพักคืนละ 1070 บาทต่อคนต่อคืน  แต่โชคดีวันที่ไป ทางโรงแรมจัดให้นอนแค่ 2 คนต่อห้อง ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมาก แขกอีกคนที่พักด้วยกัน นางมาจากอเมริกา มีความเป็นมิตรและ Friendly มาก พูดคุยเก่ง มีมนุษย์สัมพันธ์ดีทีเดียว  

ที่เลือกพักโรงแรม Mikalo House Vilnius เพราะว่าที่พักมีห้องครัวให้ทำอาหารทานได้นี่้แหละค่ะ 

โดยบริเวณห้องครัว มีโต๊ะให้นั่งทานข้าว และนั่งทำงานไปในตัวได้ด้วย 

ส่วนห้องน้ำก็อยู่อีกชั้นนึงค่ะ 

ราคาห้องพักคืนละ 1070 บาทต่อคนต่อคืน ห้องนอนมีฟูกที่นอนให้พร้อม ไม่ต้องปูเตียงเอง

มีตู้ล็อกเกอร์ให้ด้วย แต่ต้องนำพกกุญแจมาด้วยตัวเองนะคะ 

มีแผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองวิลนีอุสให้ด้วย 
โดยที่เที่ยวและจุดเช็คอินแต่ละแห่งในเมืองวิลนีอุส สถานที่ท่องเที่ยวจะอยู่ใกล้ๆกัน สามารถเดินเท้าเที่ยวได้ด้วยตัวยเองแบบง่ายๆเลยค่ะ


หลังจากที่ได้รีวิวการเดินทางและภาพห้องพักบางส่วนไปแล้ว ต่อไปก็ตามดูแหล่งท่องเที่ยวของประเทศลิทัวเนีย หรือที่เที่ยวในเมืองวิลนีอัสกันต่อได้เลยจ้า 


รวมสถานที่ท่องเที่ยวเบื้องต้นในกรุงวิลนีอุส (Vilnius tourist attraction places)  เมืองหลวงของประเทศลิทัวเนียแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง สามารถเดินเที่ยวได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ตามไปดูกันเลยจ้า 



1.ย่านเมืองเก่าวิลนีอัส (Vilnius Old Town)

1.ย่านเมืองเก่าวิลนีอัส (Vilnius Old Town)

1.ย่านเมืองเก่าวิลนีอัส (Vilnius Old Town)

1.ย่านเมืองเก่าวิลนีอัส (Vilnius Old Town)

1.ย่านเมืองเก่าวิลนีอัส (Vilnius Old Town)

1.ย่านเมืองเก่าวิลนีอัส (Vilnius Old Town)


1.ย่านเมืองเก่าวิลนีอัส (Vilnius Old Town)


สำหรับย่านเมืองเก่าวิลนีอัส  หนึ่งในเมืองเก่ายุคกลางที่ใหญ่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในยุโรปเหนือ ตามที่จารึกไว้ในแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก มีพื้นที่ 3.59 ตารางกิโลเมตร (887 เอเคอร์) ครอบคลุม 74 ไตรมาส โดยมีถนน 70 ถนนและเลนจำนวน 1,487 อาคาร มีพื้นที่รวม 1,497,000 ตารางเมตร ฝ่ายบริหารของเมืองเก่า (senamiesčio seniūnija) เป็นอาณาเขตที่ใหญ่กว่าและประกอบด้วยพื้นที่มากกว่า 4.5 ตารางกิโลเมตร

 ก่อตั้งโดยแกรนด์ดุ๊กแห่งลิทัวเนียและกษัตริย์ Jogaila แห่งโปแลนด์ในปี 1387 บนมักเดบูร์กซึ่งเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองหลวงลิทัวเนียแห่งวิลนีอุส ได้รับการพัฒนามาตลอดหลายศตวรรษ และได้รับการหล่อหลอมจากประวัติศาสตร์ของเมืองรวมทั้งได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา 


โดยย่านเมืองเก่าของเมืองนั้น ถูกจัดว่าเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรปหลายแห่ง ได้แก่ กอทิก เรอเนซองส์ บาโรก และนีโอคลาสสิก ยืนเคียงข้างกันและส่งเสริมซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังมีโบสถ์คาทอลิก, ลูเธอรันและออร์โธดอกซ์, บ้านพักอาศัย, อนุสรณ์สถานทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม, พิพิธภัณฑ์หลายแห่งในย่านเมืองเก่า


ถนน Pilies เป็นถนนสายหลักของเมืองเก่าและเป็นศูนย์กลางของร้านกาแฟและตลาดริมถนน ถนนสายหลักของวิลนีอุส Gediminas Avenue ตั้งอยู่ในเมืองเก่าบางส่วน จัตุรัสกลางในย่านเมืองเก่า ได้แก่ จัตุรัส Cathedral และจัตุรัส Town Hall


2.มหาวิหารวิลนีอัส (Vilnius Cathedral )

2.มหาวิหารวิลนีอัส (Vilnius Cathedral )

2.มหาวิหารวิลนีอัส (Vilnius Cathedral )

2.มหาวิหารวิลนีอัส (Vilnius Cathedral )

2.มหาวิหารวิลนีอัส (Vilnius Cathedral )

2.มหาวิหารวิลนีอัส (Vilnius Cathedral )


2.มหาวิหารวิลนีอัส (Vilnius Cathedral )

อาสนวิหารเซนต์สตานิสลอสและเซนต์ลาดิสลอสแห่งวิลนีอัส (หรือที่รู้จักกันในชื่ออาสนวิหารวิลนีอุส; ลิทัวเนีย) เป็นอาสนวิหารคาทอลิกหลักในประเทศลิทัวเนีย ตั้งอยู่ในเมืองเก่าวิลนีอุส ไม่ไกลจาก Cathedral Square โบสถ์แห่งนี้อุทิศให้กับนักบุญคริสเตียน Stanislaus และ Ladislaus โดยเป็นหัวใจสำคัญของชีวิตจิตวิญญาณคาทอลิกในลิทัวเนีย


ก่อนหน้านี้อาสนวิหารแห่งนี้เคยใช้สำหรับพิธีเปิดของกษัตริย์ลิทัวเนียกับหมวกเกดิมินัส ในขณะที่ในปัจจุบันเป็นสถานที่สำหรับมวลชนที่อุทิศให้กับประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งของลิทัวเนียหลังจากพิธีเปิดและกล่าวคำสาบานต่อประเทศชาติในพระราชวังเซมาส

สิ่งที่น่าสนใจคือภายในมีผลงานศิลปะมากกว่าสี่สิบชิ้นที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ถึง 19 รวมถึงจิตรกรรมฝาผนังและภาพวาดขนาดต่างๆ ในระหว่างการบูรณะอาสนวิหาร แท่นบูชาของวิหารนอกรีตที่สันนิษฐานไว้และพื้นเดิมซึ่งวางในสมัยกษัตริย์มินโดกาสก็ถูกค้นพบ นอกจากนี้ยังพบซากของอาสนวิหารที่สร้างขึ้นในปี 1387 อีกด้วย ภาพปูนเปียกที่มีอายุตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นภาพปูนเปียกที่เก่าแก่ที่สุดในลิทัวเนีย ถูกพบอยู่บนผนังของโบสถ์ใต้ดินแห่งหนึ่งของอาสนวิหาร


3.หอคอยปราสาทเกดิมินาส (Gediminas Castle Tower)

3.หอคอยปราสาทเกดิมินาส (Gediminas Castle Tower)

3.หอคอยปราสาทเกดิมินาส (Gediminas Castle Tower)
บันไดทางขึ้นไปชมยังตัวหอคอยด้านบน 
3.หอคอยปราสาทเกดิมินาส (Gediminas Castle Tower)
จุดชมวิวบริเวณหอคอยปราสาทเกดิมินาส (Gediminas Castle Tower)
3.หอคอยปราสาทเกดิมินาส (Gediminas Castle Tower)
3.หอคอยปราสาทเกดิมินาส (Gediminas Castle Tower)


3.หอคอยปราสาทเกดิมินาส (Gediminas Castle Tower)

เป็นส่วนที่เหลือของปราสาทตอนบนบนยอดเขา Gediminas ในเมืองวิลนีอุส ประเทศลิทัวเนีย มีจุดชมวิวที่ให้ทัศนียภาพอันงดงามของเมืองเก่าวิลนีอุสและย่านศูนย์กลางธุรกิจวิลนีอัส

จัดเป็นเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ว ซึ่งมีผู้เยี่ยมชมบ่อยที่สุดของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติลิทัวเนีย นิทรรศการเชิญชวนให้ผู้มาเยี่ยมชมเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของวิลนีอุสซึ่งเป็นศูนย์กลางของราชรัฐลิทัวเนียและยังได้ชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองอีกด้วย


หอคอยปราสาท Gediminas เป็นป้อมปราการที่เหลืออยู่ของปราสาทตอนบน ตำนานเล่าว่า Grand Duke Gediminas ฝันถึงหมาป่าเหล็กหอนบนยอดเขาแห่งนี้ ซึ่งเขาถือเป็นคำทำนายเกี่ยวกับเมืองอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ ซึ่งสักวันหนึ่งจะต้องมายืนอยู่บนสถานที่แห่งนี้ เนินเขาเป็นที่ที่เขาสร้างปราสาทไม้ในที่สุด


โดย Grand Duke Vytautas ได้สร้างปราสาทอิฐแห่งแรกของเมืองเสร็จในปี 1409 หอคอย Gediminas ได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์นับแต่นั้นมา รวมถึงการใช้เป็นอาคารโทรเลขแห่งแรกของเมืองในปี 1838 ธงลิทัวเนียถูกชักครั้งแรกบนยอดหอคอยเมื่อหนึ่งศตวรรษก่อน พิพิธภัณฑ์ปราสาทวิลนีอุสเปิดในปี 1960 และในปี 1968 ได้กลายเป็นแผนกย่อยของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติลิทัวเนีย

4.อนุสาวรีย์ไม้กางเขาสามอันบนยอดเขาแห่งประเทศลิทัวเนีย ในเมืองวิลนีอัส (Three Crosses Monument, Lihuania) 

4.อนุสาวรีย์ไม้กางเขาสามอันบนยอดเขาแห่งประเทศลิทัวเนีย ในเมืองวิลนีอัส (Three Crosses Monument, Lihuania) 

4.อนุสาวรีย์ไม้กางเขาสามอันบนยอดเขาแห่งประเทศลิทัวเนีย ในเมืองวิลนีอัส (Three Crosses Monument, Lihuania) 

4.อนุสาวรีย์ไม้กางเขาสามอันบนยอดเขาแห่งประเทศลิทัวเนีย ในเมืองวิลนีอัส (Three Crosses Monument, Lihuania) 

4.อนุสาวรีย์ไม้กางเขาสามอันบนยอดเขาแห่งประเทศลิทัวเนีย ในเมืองวิลนีอุส (Three Crosses Monument, Lihuania) 

4.อนุสาวรีย์ไม้กางเขาสามอันบนยอดเขาแห่งประเทศลิทัวเนีย ในเมืองวิลนีอุส (Three Crosses Monument, Lihuania) 



4.อนุสาวรีย์ไม้กางเขาสามอันบนยอดเขาแห่งประเทศลิทัวเนีย ในเมืองวิลนีอุส (Three Crosses Monument, Lihuania) 

เป็นอนุสาวรีย์ที่โดดเด่นในเมืองวิลนีอุส ประเทศลิทัวเนีย บนเนินเขาสามไม้กางเขน (lt: Kreivasis Kalnas) แต่เดิมรู้จักกันในชื่อเนินเขาหัวล้าน (ลิทัวเนีย: Plikasis kalnas)  โดยอนุสาวรีย์ตั้งอยู่ในอุทยาน Kalnai ใกล้กับหอคอย Gediminas ตามตำนานซึ่งพบแหล่งที่มาในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์บางเรื่อง พบว่านักบวชฟรานซิสกันเจ็ดคนถูกตัดศีรษะบนเนินเขานี้ ไม้กางเขนไม้ตั้งอยู่ในสถานที่ดังกล่าวตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 17 และกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นส่วนสำคัญของเส้นขอบฟ้าของเมือง

จนกระทั้งเมื่อไม้กางเกงที่ทำขึ้นจากไม้นั้นเกิดการผุผัง จำเป็นต้องเปลี่ยนไม้กางเขนเป็นระยะ และแล้วในปี 1916 อนุสาวรีย์คอนกรีตได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกและประติมากรชาวโปแลนด์-ลิทัวเนีย Antoni Wiwulski หรือ Antanas Vivulskis ในภาษาลิทัวเนีย มันถูกรื้อลงในปี 1950 ตามคำสั่งของทางการโซเวียต อนุสาวรีย์ใหม่ที่สร้างขึ้นโดย Stanislovas Kuzma หลังจากการออกแบบโดย Henrikas Šilgalis ได้ถูกสร้างขึ้นแทนที่ในปี 1989 อนุสาวรีย์นี้ปรากฎบนธนบัตร 50 ลีตัส คุณสามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองเก่าวิลนีอุสได้จากจุดชมวิวเล็กๆ ที่ฐานของไม้กางเขน


5.พระราชวังแกรนด์ดุ๊กแห่งลิทัวเนีย (Palace of the Grand Dukes of Lithuania)

5.พระราชวังแกรนด์ดุ๊กแห่งลิทัวเนีย (Palace of the Grand Dukes of Lithuania)

5.พระราชวังแกรนด์ดุ๊กแห่งลิทัวเนีย (Palace of the Grand Dukes of Lithuania)

5.พระราชวังแกรนด์ดุ๊กแห่งลิทัวเนีย (Palace of the Grand Dukes of Lithuania)

5.พระราชวังแกรนด์ดุ๊กแห่งลิทัวเนีย (Palace of the Grand Dukes of Lithuania)

5.พระราชวังแกรนด์ดุ๊กแห่งลิทัวเนีย (Palace of the Grand Dukes of Lithuania)

5.พระราชวังแกรนด์ดุ๊กแห่งลิทัวเนีย (Palace of the Grand Dukes of Lithuania)


5.พระราชวังแกรนด์ดุ๊กแห่งลิทัวเนีย (Palace of the Grand Dukes of Lithuania)

เป็นพระราชวังในเมืองวิลนีอุส ประเทศลิทัวเนีย เดิมสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 สำหรับผู้ปกครองราชรัฐลิทัวเนียและกษัตริย์แห่งโปแลนด์ในอนาคต พระราชวังซึ่งตั้งอยู่ในปราสาทตอนล่างของวิลนีอุส ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีและเจริญรุ่งเรืองในช่วงศตวรรษที่ 16 และกลางศตวรรษที่ 17 เป็นเวลาสี่ศตวรรษที่พระราชวังเป็นศูนย์กลางทางการเมือง การบริหาร และวัฒนธรรมของเครือจักรภพโปแลนด์-ลิทัวเนีย มันถูกรื้อถอนในปี 1801


การก่อสร้างและปรับปรุงพระราชวังหลังใหม่นี้ เริ่มต้นในปี  2002 (พ.ศ.2545) บนที่ตั้งของอาคารเดิม และใช้เวลา 16 ปีจึงจะแล้วเสร็จในปี 2018 (พ.ศ.2561) พระราชวังได้รับการสร้างขึ้นใหม่สไตล์เรอเนซองส์ ตามคำให้การของหนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งของ Bona Sforza การบูรณะครั้งแรกระหว่างปี 1520 ถึง 1530 ต้องใช้ทองคำ 100,000 ducats และได้รับคำสั่งจาก Sigismund I the Old เชื่อกันว่าการบูรณะสร้างขึ้นใหม่สำหรับพิธีประกาศของพระเจ้าสซิกสมุนด์ที่ 2 ออกัสตัส พระราชโอรสองค์เดียวของพระเจ้าสมันด์ที่ 1 ในฐานะแกรนด์ดยุกแห่งลิทัวเนีย


หลังจากที่ลิทัวเนียได้รับเอกราชหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1918 บ้านของชลอสแบร์กก็กลายเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของกองทัพ ในไม่ช้ามันก็ถูกกองทหารโปแลนด์ยึดได้หลังจากการผนวกวิลนีอุสของโปแลนด์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นี่เคยเป็นที่ทำการของกองทัพแวร์มัคท์ของเยอรมัน และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ถูกใช้โดยโครงสร้างความมั่นคงของโซเวียต และต่อมาได้เปลี่ยนเป็นพระราชวังผู้บุกเบิก Respublican องค์กรผู้บุกเบิกย้ายอาคารหลังนี้ออกในปี พ.ศ. 2530 การขุดค้นทางโบราณคดีเริ่มต้นที่บริเวณดังกล่าว เนื่องจากบ้านของชลอสแบร์กได้รับการเสนอให้เป็นพิพิธภัณฑ์มิตรภาพของประชาชน และจำเป็นต้องมีการสอบสวนทางสถาปัตยกรรมในการเปลี่ยนแปลงนี้


6.ประตูแห่งรุ่งอรุณ (Gate of Dawn,Vilnius) 

6.ประตูแห่งรุ่งอรุณ (Gate of Dawn,Vilnius) 

6.ประตูแห่งรุ่งอรุณ (Gate of Dawn,Vilnius) 

6.ประตูแห่งรุ่งอรุณ (Gate of Dawn,Vilnius) 

6.ประตูแห่งรุ่งอรุณ (Gate of Dawn,Vilnius) 

6.ประตูแห่งรุ่งอรุณ (Gate of Dawn,Vilnius) 


6.ประตูแห่งรุ่งอรุณ (Gate of Dawn,Vilnius) 

จัดเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินและถ่ายรูปที่มีชื่อเสียงของเมืองวิลนีอุส เนื่องจากเป็นประตูเมืองในวิลนีอุส เมืองหลวงของลิทัวเนีย และเป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานทางศาสนา ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุด เป็นสถานที่แสวงบุญของชาวคาทอลิกในลิทัวเนีย

ประตูแห่งรุ่งอรุณ หรือ Gate of  Dawn แห่งนี้สร้างขึ้นระหว่างปี 1503 ถึง 1522 โดยเป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการป้องกันสำหรับเมืองวิลนีอุส เมืองหลวงของราชรัฐลิทัวเนีย ฟังก์ชั่นการป้องกันจะระบุได้จากช่องเปิดการยิงที่ยังมองเห็นได้ที่ด้านนอกประตู

นอกจากนี้ ยังเป็นที่รู้จักในชื่อประตู Medininkai เนื่องจากประตูนี้นำไปสู่หมู่บ้าน Medininkai ทางตอนใต้ของวิลนีอุส และ Aštra broma ในบรรดาประตูเมืองเหล่านั้น มีเพียงประตูแห่งรุ่งอรุณเท่านั้นที่ยังคงอยู่ ในขณะที่ประตูอื่นๆ ถูกทำลายตามคำสั่งของรัฐบาลเมื่อปลายศตวรรษที่ 18


7. โบสถ์เซนต์ แอนน์, วิลนีอุส  (Church of St. Anne, Vilnius)

7. โบสถ์เซนต์ แอนน์, วิลนีอุส  (Church of St. Anne, Vilnius)

7. โบสถ์เซนต์ แอนน์, วิลนีอุส  (Church of St. Anne, Vilnius)

7. โบสถ์เซนต์ แอนน์, วิลนีอุส  (Church of St. Anne, Vilnius)

7. โบสถ์เซนต์ แอนน์, วิลนีอุส  (Church of St. Anne, Vilnius)


7. โบสถ์เซนต์ แอนน์, วิลนีอุส  (Church of St. Anne, Vilnius)

เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิกในย่านเมืองเก่าของวิลนีอุส ทางฝั่งขวาของแม่น้ำวิลเนีย ก่อตั้งประมาณปี ค.ศ. 1495–1500 เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสไตล์กอธิคทั้งแบบหรูหราและแบบอิฐ เซนต์. แอนน์สเป็นสถานที่สำคัญที่โดดเด่นในเมืองเก่าวิลนีอุส ซึ่งทำให้ย่านนี้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และเป็นหนึ่งในตัวอย่างสถาปัตยกรรมกอทิกที่น่าสนใจที่สุดในลิทัวเนีย

การออกแบบอาคารโบสถ์นี้เกิดจาก Michael Enkinger สถาปนิกของโบสถ์ชื่อเดียวกันในกรุงวอร์ซอ หรือของ Benedikt Rejt อย่างไรก็ตาม แหล่งที่มาที่เป็นลายลักษณ์อักษรไม่ได้ให้การรับรองแหล่งที่มาใดเลย เซนต์. โบสถ์เซนต์แอนน์เป็นส่วนหนึ่งของวงดนตรีที่ประกอบด้วยโบสถ์กอทิกแห่งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่มีขนาดใหญ่กว่ามาก ฟรานซิสและเบอร์นาดีนตลอดจนอาราม



8.ย่านถนนพิลีส์ (Pilies Street)

8.ย่านถนนพิลีส์ (Pilies Street)

8.ย่านถนนพิลีส์ (Pilies Street)

8.ย่านถนนพิลีส์ (Pilies Street)

8.ย่านถนนพิลีส์ (Pilies Street)

8.ย่านถนนพิลีส์ (Pilies Street)

8.ย่านถนนพิลีส์ (Pilies Street)


8.ย่านถนนพิลีส์ (Pilies Street)

เป็นหนึ่งในถนนสายหลักในย่านเมืองเก่าวิลนีอุส เมืองหลวงของลิทัวเนีย เป็นถนนที่ค่อนข้างสั้น วิ่งจากจัตุรัส Cathedral Square ไปยังจัตุรัส Town Hall Square 

โดยถนน Pilies เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับพ่อค้าในตลาดในการขายสินค้าของศิลปินพื้นบ้าน มีข้อได้เปรียบเหนือจัตุรัสศาลากลางโดยธรรมชาติ เนื่องจากถนนโดยทั่วไปมีผู้คนพลุกพล่านและมีโอกาสน้อยที่จะถูกรบกวนจากกิจกรรมทางการเมืองหรือวัฒนธรรมที่มักจัดขึ้นที่ศาลาว่าการ ร้านขายของที่ระลึกจำหน่ายเครื่องอำพันและเครื่องประดับอำพัน รวมถึงชุดผ้าลินิน ถนนสายนี้ยังเป็นที่รู้จักจากงาน Kaziukas Fair ซึ่งศิลปินพื้นบ้านจากทั่วลิทัวเนียมารวมตัวกันที่นี่เพื่อแสดงและขายสินค้าใหม่ล่าสุด


เทศกาลในวิลนีอุสมักจัดขึ้นที่ถนน Pilies ขบวนแห่ส่วนใหญ่จะเดินผ่านที่นี่ในบางจุด ไม่ว่าเทศกาลจะเป็นเช่นไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นวันคริสต์มาส อีสเตอร์ วันแห่งการฟื้นฟูอิสรภาพ หรือเพียงการเฉลิมฉลองที่เกิดขึ้นเองหลังจากชัยชนะครั้งใหญ่ของทีมบาสเกตบอลลิทัวเนีย

อีกทั้งบริเวณย่านถนนดังกล่าว ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของมหาวิทยาลัยวิลนีอุสตั้งอยู่ระหว่างถนน Pilies และถนน University Street (ลิทัวเนีย: Universiteto gatvė) สภาผู้ลงนามซึ่งลงนามในคำประกาศอิสรภาพเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2461 ตั้งอยู่บนถนนสายนี้เช่นกัน


9.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติลิทัวเนีย  (National Museum of Lithuania)

9.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติลิทัวเนีย  (National Museum of Lithuania)

9.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติลิทัวเนีย  (National Museum of Lithuania)

9.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติลิทัวเนีย  (National Museum of Lithuania)

9.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติลิทัวเนีย  (National Museum of Lithuania)

9.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติลิทัวเนีย  (National Museum of Lithuania)


9.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติลิทัวเนีย  (National Museum of Lithuania)

ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2495 เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ซึ่งครอบคลุมโครงสร้างที่สำคัญหลายแห่ง ตลอดจนเอกสารและสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรมากมาย นอกจากนี้ยังจัดให้มีการขุดค้นทางโบราณคดีในลิทัวเนีย พิพิธภัณฑ์มีแผนกหลัก 5 แผนก ได้แก่ ประวัติศาสตร์และประวัติศาสตร์ล่าสุด โบราณคดี ชาติพันธุ์วิทยา วิชาว่าด้วยเหรียญ และการยึดถือ ซึ่งมีสิ่งของทั้งหมด 800,000 ชิ้น

พิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุในวิลนีอุส ก่อตั้งโดย Eustachy Tyszkiewicz ในปี 1855 เป็นผู้บุกเบิกของพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน ในช่วงก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์มุ่งเน้นไปที่วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของราชรัฐลิทัวเนีย สร้างขึ้นจากคอลเลกชันส่วนตัวของโปแลนด์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งค่อนข้างได้รับความนิยมและมีผู้เข้าชมจำนวนมาก หลังจากการจลาจลในเดือนมกราคม พ.ศ. 2406 จักรวรรดิรัสเซียได้ย้ายทรัพย์สินส่วนใหญ่ไปที่มอสโก คอลเลกชันที่เหลือได้รับการจัดระเบียบใหม่และรวมเข้ากับห้องสมุดสาธารณะวิลนีอุส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2409 ถึง พ.ศ. 2457 พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดได้ดำเนินการร่วมกัน ในปี 1915 เมื่อแนวรบด้านตะวันออกของสงครามโลกครั้งที่ 1 เข้าใกล้วิลนีอุส สิ่งของจัดแสดงส่วนใหญ่ถูกนำไปยังรัสเซีย

โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เคยเป็นเจ้าภาพจัดนิทรรศการสำคัญในปี ค.ศ.1968 จนถึงในช่วงทศวรรษที่ 1970 และ 1980 มีการรวบรวมวัสดุประวัติศาสตร์จากทั่วประเทศ ในปี 1992 หลังจากที่ลิทัวเนียสถาปนาเอกราชอีกครั้ง ก็เปลี่ยนชื่อเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติลิทัวเนีย ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงวัฒนธรรม


10.หอระฆังอาสนวิหารวิลนีอุส (Vilnius Cathedral Bell Tower)

10.หอระฆังอาสนวิหารวิลนีอุส (Vilnius Cathedral Bell Tower)

10.หอระฆังอาสนวิหารวิลนีอุส (Vilnius Cathedral Bell Tower)

10.หอระฆังอาสนวิหารวิลนีอุส (Vilnius Cathedral Bell Tower)

10.หอระฆังอาสนวิหารวิลนีอุส (Vilnius Cathedral Bell Tower)


10.หอระฆังอาสนวิหารวิลนีอุส (Vilnius Cathedral Bell Tower)

เมื่อหกร้อยปีก่อน อาคารที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในวิลนีอุสทำหน้าที่เป็นป้อมปราการ และเมื่อเมืองขยายตัว ก็มีการสร้างกหอระฆัง (องค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งของมหาวิหารวิลนีอุส ปราสาทตอนล่างและตอนบน กลายเป็นสัญลักษณ์ของ เมือง).

ในศตวรรษที่ 17 เป็นหอคอยระฆังที่มีนาฬิกาอยู่ โดยมี 2 ใบถูกวางไว้บนหอคอยที่เก่าแก่และอยู่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในย่านเมืองเก่าแหง่งนี้ โดยระฆังที่ใหญ่กว่าจะส่งสัญญาณบอกชั่วโมง ในขณะที่ระฆังที่เล็กกว่าจะดังทุก ๆ สี่ชั่วโมงจนถึงทุกวันนี้

เนื่องจากหอระฆังถูกน้ำท่วมซ้ำแล้วซ้ำเล่าในยุคโซเวียต อาสนวิหารจึงไม่ได้ทำหน้าที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หอระฆังจึงเป็นเหมือนแกลเลอรี่รูปภาพ และเกี่ยวข้องกับนาฬิกาเท่านั้น

หอระฆังมหาวิหารแห่งวิลนีอุสนั้นมีรูปลักษณ์แบบดั้งเดิมมาจนถึงปัจจุบัน  หอระฆังมีความสูง 52 เมตร (57 เมตรรวมไม้กางเขน) และเป็นสัญลักษณ์ทางมรดกของวิลนีอุส ทัศนียภาพอันงดงามตระการตาจากด้านบนของหอคอยประกอบด้วยประติมากรรมสามชิ้นที่ตกแต่งหลังคาของอาสนวิหาร โดยหนึ่งในนั้นเป็นรูปนักบุญคาซิเมียร์

จากหอระฆัง นักท่องเที่ยวสามารถชมนิทรรศการระฆัง นาฬิกาเมืองเก่า และสำรวจหอระฆังและมหาวิหารที่ได้รับการบูรณะใหม่ทางประวัติศาสตร์

ปัจจุบันนี้ไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมจากทัศนียภาพอันงดงามแบบพาโนรามาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนิทรรศการระฆังและโอกาสในการทำความรู้จักกับนาฬิกาเมืองเก่าอีกด้วย เกมการศึกษา ทัศนศึกษาต่างๆ และการประชุมเที่ยวชมสถานที่จัดขึ้นในหอระฆังวิหารวิลนีอุส


หลังจากเดินท่องเที่ยวเสร็จ ก็แวะร้านซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆที่พัก เพื่อซื่ออาหารกลับมาทำกินที่โรงแรม

โดยอาหารทีทำทานก็เน้นไปทานผักและผลไม้ ทานคู่กับขนมปัง 

ภาพศิลปะฝาผนังในเมืองวิลนีอัส 

ส่วนตอนเช้าก็มีชา กาแฟแบบต่างๆ เครื่องดื่มแบบต่างๆให้ชงกินเองได้ฟรีด้วยนะคะ 

มื้อเช้าก็ทำอาหารง่ายๆทาน เป็นขนมปังทานคู่กับสลัดผักและไข่ต้ม 

โดยขนมปังสามารถทำใส่กระปุก และนำไปทานระหว่างเดินไปท่องเที่ยวได้ด้วย  จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะทีเดียวค่ะ

บรรยากาศในเมืองวิลนีอุส เมืองท่องเที่ยวที่ไม่ได้วุ่นวายเหมือนเมืองอื่นๆ ถือว่าเป็นเมืองน่าเที่ยวทีเดียวค่ะ 

และสำหรับบทความบล็อกรีวิวท่องเที่ยวประเทศลิทัวเนีย แวะมาเดินคลอเคลีย เที่ยวในกรุงวิลนีอุส หรือเมืองวิลนีอัส ที่ได้นำเสนอในบทความนี้ น่าจะมีแหล่งท่องเที่ยวให้กับเพื่อนๆที่กำลังวางแผนไปเที่ยวกันอยู่ไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอบพระคุณที่เข้ามาคลิ๊กและสไลด์เปิดอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไป....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน 

----------------------------------------------------------------------

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น