Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

ไปคนเดียวเที่ยวประเทศลัตเวีย 3 วัน ยลโฉมกรุงริก้า (Riga) เมืองงามติดทะเลบอลติก มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง

แบ่งปันทริปการเดินทางแบกเป้คนเดียวไปเที่ยวประเทศลัตเวีย เยือนชมเมืองกรุงริกา เมืองหลวงแสนสวยงามติดทะเลบอลติกแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจให้ไปเช็คอินถ่ายรูปสวยๆกันบ้าง ตามไปกันเลยจ้า


สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านและเพื่อนๆที่รักการทัศนาจร เว้าวอนดวงหทัย สวยไฉไลเลิศเลอล้ำค่า ช่ะช่ะช่าหัวใจทุกๆคนอีกครั้งจ้า 

วันนี้จะมาบอกเล่าเก้าสิบแบ่งปันการเดินทางท่องเที่ยวทวีปยุโรปในครั้งที่ 3 หลังจากที่หยุดหายไปเนื่องจากช่วงโคิดเป็นแรมปี และทริปนี้น่าจะเป็นประเทศที่เท่าไหร่ เดี๊ยนจำไม่ได้แล้ว ว่าตัวเองเดินทางไปกี่ประเทศ เอาเป็นว่าล่าสุดนี้ เดี๊ยนนั่งเครื่องบินมาเที่ยวที่ประเทศอังกฤษก่อนเลย ต่อด้วยประเทศนอร์เวย์- สวีเดน-ฟินแลนด์ -เอสโตเนีย ซึ่งได้เขียนรีวิวการเดินทางก่อนหน้าแล้วที่เว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2024/10/Backpack-travel-Tallinn-Estonia-lonely.html


และก็มาถึงบทความทริปนี้ถึงคราวมาบอกเล่าเรื่องราวของประเทศลัตเวียน โดยประเทศลัตเวีย เป็นอีกหนึ่งในประเทศที่เดี๊ยนปักหมุดไว้ว่าจะต้องเดินทางแบกเป้มาเที่ยวสักครั้ง โดยการจัดโปรแกรมเดินทริปนี้ เป็นการเดินทางเที่ยวต่อจากประเทศเอสโตเนีย ซึ่งก่อนจะเดินทางมา ก็ไปค้นหาข้อมูลการเดินทางไปยังประเทศนี้ว่าปลอดภัยไหม๊ น่ากลัวหรือเปล่า แต่เมื่อได้ไปอ่านข้อมูลจากคนที่มาบอกเล่าผ่าน Pantip หรือเว็ป Trip advisor แล้ว ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การเดินทางไปประเทศลัตเวียนนั้นสะดวกและปลอดภัย หายห่วง  ทำให้เดี๊ยนรู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อยค่ะ



ซึ่งการเดินทางคนเดียวไปประเทศลัตเวียทริปนี้ เดี๊ยนเลือกนั่งรถบัสโดยสารจากกรุงทาลลินน์ประเทศเอสโตเนียมาค่ะ เพราะตอนแรกค้นหาเส้นทางรถไฟแล้ว ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สะดวก แนะนำให้นั่งรถบัสโดยสาร น่าจะง่ายที่สุด อีกทั้งราคาถูกกว่าด้วยค่ะ เนื่องจากคนที่นี่ส่วนใหญ่ก็เดินทางด้วยรถบัสโดยสารกันค่ะ 

และการจองรถบัสโดยสารที่นี่ ก็สามารถจองผ่านออนไลน์ได้เลยค่ะ เรียกว่าสะดวกทีเดียว มีรถบัสโดยสารหลายบริษัทให้เลือก สามารถจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตได้ง่ายด้วย เอาเป็นว่าใครที่จะเดินทางมาเที่ยวกรุงริก้า ซึ่งประเทศลัตเวีย สามารถนั่งรถบัสประจำทางโดยสารมาได้ค่ะ แต่ก่อนที่จะไปดูรีวิวภาพการเดินทางท่องเที่ยว เราก็มาเปิดโลกกว้าง รู้จักประเทศลัตเวียกันก่อนสักเล็กน้อย 


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงริกา ประเทศลัตเวีย  เมืองสวยงามแห่งน่านน้ำทะเลบอลติก


สาระน่ารู้เกี่ยวกับกรุงริกา ประเทศลัตเวีย  เมืองสวยงามแห่งน่านน้ำทะเลบอลติก


ประเทศลัตเวียอยู่ทางยุโรปตะวันออกเฉียงเหนือ มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศเอสโตเนียซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออกติดกับประเทศรัสเซีย ทางทิศใต้ติดกับประเทศลิทัวเนีย ทิศตะวันตกติดกับทะเลบอลติก ทางตะวันตกเฉียงเหนือติดกับอ่าวริก้า แผ่นดินด้านตะวันตกและทางตะวันตกเฉียงเหนือติดกับทะเล 


เมืองหลวงชื่อ กรุงรีกา เป็นเมืองหลวงของประเทศลัตเวีย ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลบอลติก บนปากแม่น้ำเดากาวา (Daugava)


มีเมืองหลวงชื่อ กรุงรีกา เป็นเมืองหลวงของประเทศลัตเวีย ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลบอลติก บนปากแม่น้ำเดากาวา (Daugava) มีพิกัดภูมิศาสตร์อยู่ที่ละติจูด 56°58′เหนือ กับลองจิจูด 24°8′ตะวันออก กรุงรีกาเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในกลุ่มรัฐบอลติก และเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรม การศึกษา การเมืองการปกครอง ธุรกรรม พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรมในแถบนี้

มีศูนย์ประวัติศาสตร์รีกา (Historic Centre of Riga)  จนได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลกด้วย

นอกจากนี้ในเมืองยัง มีศูนย์ประวัติศาสตร์รีกา (Historic Centre of Riga)  จนได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลกด้วย


กรุงริกาก่อตั้งขึ้นในปี 1201 และเป็นอดีตสมาชิกสันนิบาตฮันเซียติก ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของริกาเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมอาร์ตนูโว/จูเกนด์สติล และสถาปัตยกรรมไม้สมัยศตวรรษที่ 19 ริกาเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปในปี 2014 ร่วมกับอูเมโอในสวีเดน ริกาเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอด NATO ปี 2549, การประกวดเพลงยูโรวิชันปี 2546, การแข่งขัน Curling Championship ของผู้หญิงโลกปี 2556 และการแข่งขันฮ็อกกี้น้ำแข็งโลกชาย IIHF ในปี 2549, 2564 และ 2566 ริกาเป็นที่ตั้งของสำนักงานหน่วยงานกำกับดูแลยุโรปเพื่อการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ของสหภาพยุโรป (เบเรค). ในปี 2017 ได้รับการขนานนามว่าเป็นภูมิภาคแห่งศาสตร์การทำอาหารแห่งยุโรป

เมืองรีกาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเงินที่สำคัญของรัฐบอลติก ประมาณครึ่งหนึ่งของงานทั้งหมดในลัตเวียอยู่ในริกา และเมืองนี้สร้าง GDP ของลัตเวียมากกว่า 50%


สำหรับ เมืองรีกาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเงินที่สำคัญของรัฐบอลติก ประมาณครึ่งหนึ่งของงานทั้งหมดในลัตเวียอยู่ในริกา และเมืองนี้สร้าง GDP ของลัตเวียมากกว่า 50% และการส่งออกของลัตเวียประมาณครึ่งหนึ่ง ผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดคือผลิตภัณฑ์ไม้ ไอที การผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ยา การขนส่ง และโลหะวิทยา[80] ท่าเรือริกาเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในทะเลบอลติค โดยบรรทุกสินค้าได้ 34 ล้านตันในปี 2554[81] และมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตด้วยการพัฒนาท่าเรือใหม่บน Krievu Sala การท่องเที่ยวยังเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในริกา และหลังจากการชะลอตัวในช่วงเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในช่วงปลายทศวรรษ 2000 ก็เติบโตขึ้น 22% ในปี 2554 เพียงปีเดียว


ภูมิอากาศของริกาเป็นแบบทวีปชื้น (Köppen Dfb)[71] เดือนที่หนาวที่สุดคือเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ซึ่งอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -2.1 °C (28 °F) แต่อุณหภูมิต่ำสุดถึง -20 ถึง −25 °C (-4 ถึง −13 °F) สามารถสังเกตได้เกือบทุกปี วันที่หนาวที่สุด ความใกล้ชิดของทะเลทำให้เกิดฝนและหมอกในฤดูใบไม้ร่วงบ่อยครั้ง หิมะปกคลุมอย่างต่อเนื่องอาจกินเวลาแปดสิบวัน ฤดูร้อนในริกาอากาศไม่หนาวจัดและมีฝนตกชุก โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 18 °C (64 °F) ในขณะที่อุณหภูมิในวันที่ร้อนที่สุดอาจเกิน 30 °C (86 °F)


อีกทั้งในเมืองริกา ซึ่งมีตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เป็นศูนย์กลางและมีจำนวนประชากรหนาแน่น เป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานของลัตเวียมาโดยตลอด ถนนระดับชาติหลายสายเริ่มต้นในริกา และเส้นทางยุโรป E22 ข้ามริกาจากตะวันออกและตะวันตก ในขณะที่ Via Baltica ข้ามริกาจากทางใต้และทางเหนือ

แม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลผ่านลัตเวียคือแม่น้ำ เวสเทิร์นดวินา (ภาษาลัตเวียเรียกว่า daugava)


โดยประเทศพื้นที่เกือบทั้งประเทศลัตเวียนั้นเป็นที่ราบที่อุดมสมบูรณ์สลับกับเนินสูง ประกอบด้วยแม่น้ำสายเล็กมากมาย แม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลผ่านลัตเวียคือแม่น้ำ เวสเทิร์นดวินา (ภาษาลัตเวียเรียกว่า daugava) เป็นที่ตั้งของเมืองใหญ่หลายแห่ง มีทะเลสาบมากกว่า 3,000 แห่ง ป่าไม้มีพื้นที่ประมาณ 2 ใน 5 ของประเทศแต่ทรัพยากรป่าไม้ได้รับการพัฒนาน้อย มียอดเขาสูงที่สุดชื่อ Gaizins มีความสูง 312 เมตรจากระดับน้ำทะเล


เมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ริกาจึงมีสะพานหลายแห่ง สะพานที่เก่าแก่ที่สุดคือสะพานรถไฟ ซึ่งเป็นสะพานขนทางรถไฟเพียงแห่งเดียวในริกา สะพานหิน (เอียง Akmens) เชื่อมต่อ Old Riga และ Pārdaugava;


เนื่องจากเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ริกาจึงมีสะพานหลายแห่ง สะพานที่เก่าแก่ที่สุดคือสะพานรถไฟ ซึ่งเป็นสะพานขนทางรถไฟเพียงแห่งเดียวในริกา สะพานหิน (เอียง Akmens) เชื่อมต่อ Old Riga และ Pārdaugava; สะพานเกาะ (Salu เอียง) เชื่อมต่อ Maskavas Forštate และPārdaugava ผ่านZķusala; และสะพานผ้าห่อศพ (Vanšu เอียง) เชื่อมต่อ Old Riga และ Pārdaugava ผ่าน Ķīpsala ในปี พ.ศ. 2551 ระยะแรกของเส้นทางสะพานใต้ใหม่ (Dienvidu เอียง) ข้าม Daugava เสร็จสมบูรณ์ และเปิดให้สัญจรได้ในวันที่ 17 พฤศจิกายน


รถรางหรือ Tram ที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวในตัวเมืองรีกา


สำหรับประเทศลัตเวียเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง มีดัชนีการพัฒนามนุษย์ในระดับสูง และประชากรมีเสรีภาพในการดำรงชีวิตสูง รวมทั้งยังเป็นประเทศที่ให้เสรีภาพทางด้านสื่อ การสื่อสาร และการแสดงออกทางการเมือง ลัตเวียเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป, ยูโรโซน, เนโท, สภายุโรป, สหประชาชาติ, สภารัฐทะเลบอลติก, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ, นอร์ดิก-บอลติกแปด, ธนาคารเพื่อการลงทุนนอร์ดิก, องค์การเพื่อเศรษฐกิจ ความร่วมมือและการพัฒนา, องค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป และองค์การการค้าโลก   (เครดิต : https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศลัตเวีย


หลังจากที่ได้อ่านข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเมืองรีกา เมืองหลวงของประเทศลัตเวียไปแล้ว ต่อไปก็ดูภาพรีวิวการเดินทางไปเที่ยวลัตเวียกันต่อเลยค่ะ 



ออกจ่ากโรงแรมในย่านเมืองเก่ากรุงทาลลินน์ เดินแบกเป้มารถขึ้นรถเมล์ไปยังสถานีขนส่ง บขส.เพื่อเดินทางไปเที่ยวต่อยังประเทศลัตเวียค่ะ


เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ เขียนต่อจากบทความต่อที่แล้ว :  https://khunnaiver.blogspot.com/2024/10/Backpack-travel-Tallinn-Estonia-lonely.html

เช็คเอาท์ออกจ่ากโรงแรมในย่านเมืองเก่ากรุงทาลลินน์ เดินแบกเป้มารถขึ้นรถเมล์ไปยังสถานีขนส่ง บขส.เพื่อเดินทางไปเที่ยวต่อยังประเทศลัตเวียค่ะ



นั่งรถเมล์สาย 54 มาจากย่านเมืองเก่า  มาลงที่สถานีขนส่ง บขส.เมืองทาลลินน์ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรค่ะ ตอนขึ้นรถมา ก็เปิด GPS มาด้วย เผื่อว่าจะได้กดกริ่งได้ทัน แต่พอมาถึงสถานีขนส่ง มีผู้โดยสารลงกันเยอะมากๆ เลยไม่ต้องกังวล ว่าจะนั่งเลยป้า่ยรถเมลไปค่ะ 



เดินเข้ามาด้านในสถานีขนส่งผู้โดยสารเมือทาลลินน์ เป็นสถานีขนส่งขนาดเล็ก ไม่ใหญ่มากนัก ดูกะทัดรัดดีค่ะ ลักษณะของสถานีขนส่งเป็นรูปตัวยู 

เข้ามาก็มาตั้งหลักเข้าไปนั่งด้านในสถานี เพื่อดูป้า่ยจอมอนิเตอร์แสดงเวลารถบัสที่จะเดินทางไปยังกรุงรีกา ประเทศลัตเวียนั้น อยู่ที่ชานชลาหมายเลขอะไร  ตอนนี้มาถึงก็ยัง งงๆ เพราะปวดฉี่มากๆค่ะ เดินวนหาห้องน้ำ ทิ้งกระเป๋าไว้ข้างนอก เพราะแบกเป้เข้าไปด้วยไม่ไหว


มายืนรอขึ้นรถบัสที่จะเดินทางไปประเทศลัตเวียทริปนี้ เดี๊ยนเลือกใช้บริการของ Ecoline ค่ะ




ราคาบัตรโดยสารที่ซื้อผ่านทางออนไลน์ อยู่ที่ 12 ยุโรค่ะ ถ้าตีเป็นเงินไทย คูณ 34 เท่ากับ 408 บาท

ถือว่าราคาไม่แพงนะคะ ตอนแรกเดี๊ยนวางแผนไว้จะเดินทางด้วยรถไฟ แต่การเดินทางด้วยรถไฟในประเทศเอสโตเนีย ไม่ได้สะดวก เลยเลือกเดินทางด้วยรถบัสโดยสาร สะดวกกว่าค่ะ 

เดินทางออกจากเมืองทาลลินเวลา 13.00 น. 
ถึงเมืองรีกา ประเทศลัตเวียเวลา 17.40 น. 

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง40 นาทีค่ะ ระยะทาง 



โดยรถบัสของบริษัท Ecolines ก็เป็นรถบัสแบบ 2 ชั้น ราคา 12 ยูโรไปเมืองรีกา ประเทศลัตเวีย ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 

ในตั๋วโดยสารจะระบุหมายเลขที่นั่งให้ชัดเจนค่ะ  เดี๊ยนมานั่งหมายเลข  70 


บริเวณด้านในรถก็เบาะที่นั่งให้สะดวกดีค่ะ แต่จอมอนิเตอร์ใช้งานไม่ได้นะคะ  



รถบัสออกจากสถานีขนส่งเมืองทาลลิน ประเทศเอสโตเนีย เวลา 13.00 เป๊ะเลยค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงสถานีขนส่ง บขส.กรุงรีกา ประเทศลัตเวียแล้วค่ะ 


เดินลงมาจากรถบัสเพื่อมารอ เจอลมทะเลบอลติกแล้ว เย็นมากๆ แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนของที่นี่ก็ตาม แต่คนเอเชียอย่างเราๆ เจอลมทะเลที่นี่ไป หน้าและปากชาไปหมดค่ะ  ตอนยืนรถคิวเพื่อรับกระเป๋า ก็ต้องไปหากระเป๋าเองค่ะ เพราะซ่อนอยู่ด้านในลึกมาก 


พอได้กระเป๋าแล้ว ก็มาตั้งนับ 1 2 3 เพื่อมาเปิด GPS นำทางแบกเป้ไปยังโรงแรมต่อไปค่ะ ซึ่งโรงแรมที่เดี๊ยนจองไว้ ก็พยายามเลือกโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีขนส่งรถบัสโดยสารหรือสถานีรถไฟที่สุดค่ะ เพื่อจะได้เดินเท้าแบกเป้ไปได้ไม่ไกล ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย  


เดินแบกเป้ออกจากสถานีขนส่งเมืองรีกา ไปยังโรงแรมประมาณ 600 เมตรได้ค่ะ ไม่ได้ไกลมาก ตอนเดินแบกเป้ไป ก็เกาะๆกลุ่มไปนักเดินทางคนอื่นๆ จะได้ไม่ว้าเหว่เปลี่ยวเอกา 

ซึ่งโรงแรมก็ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ใกล้ๆกับสถานีรถไฟเมืองรีกา ถนนหนทางดูใหญ่โต กว้างขวาง ดูสวยงามเป็นระเบียบดีทีเดียวค่ะ 


มองเห็นตึกสีเหลืองคือที่ตั้งของโรงแรม cinnamon sally backpackers hostel Riga




พอมาถึงเดี๊ยนก็พยายามองหาป้า่ยทางเข้าโรงแรม เห็นมีแต่ร้านแมคโดนัล ยังไม่เห็นทางเข้าป้ายโรงแรมเลย 




พอเดินเข้าไปใกล้ๆตรงบริเวณประตูถึงได้เห็นป้ายของโรงแรมที่ติดอยู่ ว่าต้องเดินเข้าไปด้านในตึกอีกที 



ซึ่งเมื่อเดินทะลุผ่านร้านแมคโดนัลเข้ามาถึงจะเป็นลิฟท์ทางขึ้นไปยังโรงแรมอีกครั้งค่ะ....อารมณ์ที่พักแบบ Airbnb หรือแบบหอพักคอนโดมากๆค่ะ คือต้องช่วยเหลือตัวเองทั้งหมดเลยค่ะ
 
และในตึกเหลืองแห่งนี้ ก็เป็นที่ตั้งของโรงแรม Hostel หลายแห่งเลยค่ะ ส่วนโรงแรม cinnamon sally backpackers hostel Riga ตั้่งอยู่ชั้น 3 ค่ะ 


พอมาถึงหน้าประตูของโรงแรม ก็ต้องกดกริ่งอีกครั้งค่ะ เพื่อเข้าไปด้านในล็อบบี้ของโรงแรม 

พอเข้ามาจุดเช็คอินของโรงแรม cinnamon sally backpackers hostel Riga ก็หายเหนื่อยเลยค่ะ เพราะว่ามีที่นั่งพักและมีน้ำดื่่มให้ทานฟรี อารมณ์เหมือนมานอนพักที่บ้าน ดูเป็นกันเองดีนะ 


และเจ้าหน้าที่เช็คอินน์ก็ให้การต้อนรับดีทีเดียว 

เตียงนอนแบบ Dormitory Bunk Bed ราคาตกคืนละ 970 บาทต่อคน ต่อคืน

ส่วนห้องพักที่เดี๊ยนนอนพักก็เป็นเตียงนอนแบบ Dormitory Bunk Bed ราคาตกคืนละ 970 บาทต่อคน ต่อคืน ถือว่าไม่แพงมากนะคะ ราคาพอๆกับที่ประเทศเอสโตเนียเลยค่ะ  โดยได้เตียงชั้นบน ห้องนอน ห้องน้ำรวมแยกออกจากห้องพักอีกทีค่ะ  


บริเวณล็อบบีมีเครื่องดื่มให้บริการฟรีด้วย ดีงามมากๆ 



และที่สำคัญเลยคือมีห้องครัวและอุปกรณ์ต่างๆให้ทำอาหารทานเองได้ สะดวกมากๆอีกทั้งสะอาดสะอ้านอีกด้วย ถือว่าเป็นที่พักแนวโฮสเทลสำหรับนักแบกเป้ที่ดีอีกแห่งนึ่งค่ะ 

มีโซนโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งทำงานได้ด้วย 

มีอาหารเช้าแบบง่ายๆให้เลือกรับประทานด้วย 

มีขนมปังบัน ขนมรังผึ้ง ทานกับไข่ต้มชีส และผักไม้เติมพลังงานไว้ให้เต็ม เพื่อจะได้มีแรงไปเดินย่อยอาหารตอนออกไปเที่ยวข้างนอกต่อค่ะ 


มื้อเช้าก็เป็นอาหารแบบง่ายๆ มีขนมปังบัน ขนมรังผึ้ง ทานกับไข่ต้มชีส และผักไม้เติมพลังงานไว้ให้เต็ม เพื่อจะได้มีแรงไปเดินย่อยอาหารตอนออกไปเที่ยวข้างนอกต่อค่ะ 



หลังจากรีวิวห้องพักบางส่วนของโรงแรม Cinnamon Sally Backpackers Hostel ที่พักสำหรับนักแบกเป้ไปแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาออกไปท่องเที่ยวในเมืองรีกา เมืองหลวงของประเทศลัตเวียกันต่อเลยค่ะ ซึ่งทางที่พักก็มีแผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองลัตเวียให้ด้วย 


แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองงรีกา ประเทศลัตเวีย จุดที่ปากกาวงไว้ คือ แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในเมืองรีกา ที่สามารถเดินเท้าไปเที่ยวได้ด้วยตัวเอง


โดยเจ้าหน้าที่ต้อนรับของโรงแรม จะใช้ปากกาวงกลม แหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆในตัวเมืองรีกา ที่เราสามารถเดินเท้าไปเที่ยวได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ไม่ต้องเดินทางไปไกลมากมาให้แนบติดตัว เพื่อใช้เปิดดูระหว่างเดินเที่ยวด้วย เดี๊ยนเลยขอมาสรุปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมือง 


แนะนำสรุปสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองกรุงรีกา ประเทศลัตเวีย ที่สามารถเดินทางด้วยเท้าเที่ยวได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ มีดังนี้ 


1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city)  

1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city)  

1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city)  

1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city)  

1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city)  

1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city)  

1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city)  



1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city)  


เป็นอาคารที่ตั้งอยู่ในเมืองเก่าของเมืองริกา ประเทศลัตเวียอาคารเดิมสร้างขึ้นในปี 1334 ถือเป็นหนึ่งในจุดเช็คและอาคารสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นและสวยงามทีสุดอีกแห่ง โดยมีลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบโกธิค สร้างด้วยอิฐแดงอมชมพู อาคารเก่าแก่ร่วม 800 ปี เพื่อเป็นโกดัง สถานที่พบปะ และเฉลิมฉลองสำหรับพ่อค้า เป็นอาคารสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในริกา ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 15 มันยังถูกใช้โดยกลุ่มภราดรภาพแห่งแบล็คเฮดส์ ซึ่งเป็นสมาคมสำหรับพ่อค้าที่ยังไม่ได้แต่งงาน เจ้าของเรือ และชาวต่างชาติในริกา งานชิ้นสำคัญเสร็จสิ้นในต้นศตวรรษที่ 17 โดยเพิ่มการตกแต่งแบบแมนเนอริสม์เป็นส่วนใหญ่ ในศตวรรษที่ 19 ประติมากรรมบางชิ้นถูกสร้างขึ้นโดยการประชุมเชิงปฏิบัติการของ August Volz นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของต้นคริสต์มาสที่ได้รับการตกแต่งเป็นครั้งแรกซึ่งสร้างขึ้นในปี 1510  

อาคารและเมืองเก่าส่วนใหญ่ถูกทิ้งระเบิดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2484 จากการสู้รบโดยกองทัพนาซีเยอรมันและโซเวียต แม้จะมีการประท้วงของคนในท้องถิ่นและผู้เชี่ยวชาญด้านการปกป้องอนุสาวรีย์ แต่ศพก็ถูกทำลายโดยรัฐบาลโซเวียตเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2491


ปัจจุบัน อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ เป็นศูนย์จัดงานและพิพิธภัณฑ์ ในระดับบนเป็นที่ตั้งของห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ซึ่งมีการจัดงานอันทรงเกียรติมากมายในอดีต รวมถึงพิธีต้อนรับกษัตริย์ ราชินี และประธานาธิบดี ตลอดจนกิจกรรมทางวัฒนธรรม ที่ชั้น 1 คุณสามารถเยี่ยมชมตู้โบราณที่จัดแสดงคอลเลกชั่นนิทรรศการต่างๆให้ผู้สนใจได้เข้าชมอย่างน่าสนใจ


2.โบสถ์เซนต์ปีเตอร์แห่งเมืองริกา (St. Peter's Church, Riga)

2.โบสถ์เซนต์ปีเตอร์แห่งเมืองริกา (St. Peter's Church, Riga)

2.โบสถ์เซนต์ปีเตอร์แห่งเมืองริกา (St. Peter's Church, Riga)

2.โบสถ์เซนต์ปีเตอร์แห่งเมืองริกา (St. Peter's Church, Riga)

2.โบสถ์เซนต์ปีเตอร์แห่งเมืองริกา (St. Peter's Church, Riga)


2.โบสถ์เซนต์ปีเตอร์แห่งเมืองริกา (St. Peter's Church, Riga)


เป็นโบสถ์นิกายลูเธอรันในเมืองริกา เมืองหลวงของลัตเวีย อุทิศให้กับนักบุญเปโตร เป็นโบสถ์ประจำตำบลของโบสถ์ Evangelical Lutheran แห่งลัตเวีย

การกล่าวถึงโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ครั้งแรกมีอยู่ในบันทึกตั้งแต่ปี 1209 โบสถ์แห่งนี้ก่อสร้างด้วยอิฐ จึงไม่เสียหายจากเหตุเพลิงไหม้เมืองในริกาในปีนั้น ประวัติความเป็นมาของคริสตจักรสามารถแบ่งออกเป็นสามยุคที่แตกต่างกัน: สองยุคเกี่ยวข้องกับรูปแบบอาคารแบบโกธิกและโรมาเนสก์ และยุคที่สามเกี่ยวข้องกับยุคบาโรกตอนต้น ส่วนตรงกลางของโบสถ์สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 ซึ่งรวมถึงช่วงแรก สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในช่วงเวลานี้อยู่ที่ผนังทางเดินด้านนอกและด้านในของเสาสองสามต้นในทางเดินกลางโบสถ์ ซึ่งรอบๆ มีการสร้างเสาขนาดใหญ่ขึ้นในภายหลัง


ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โบสถ์แห่งนี้ได้สูญเสียวัตถุสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมไป นั่นคือสำริดเชิงเทียนสำริดซึ่งสร้างขึ้นในปี 1596 ซึ่งชาวเยอรมันจากริกานำไปที่เมือง Włocławek และตั้งถิ่นฐานใหม่ในช่วงปฏิบัติการ "Heim ins Reich" เพื่อผนวกดินแดนของโปแลนด์ เชิงเทียนที่มีความสูง 310 ซม. และกว้าง 378 ซม. ซึ่งก่อนหน้านี้เรียกว่าโคมไฟตั้งพื้น ได้รับคำสั่งจากสภาเมืองริกาจากโรงหล่อโลหะของ Hans Meyer's Riga หลังสงครามสิ้นสุดลง มันถูกจัดแสดงในมหาวิหารเซนต์แมรีแห่งอัสสัมชัญของWłocławek 

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 ผลงานศิลปะยุคเรอเนซองส์ตอนปลายชิ้นนี้กลับคืนสู่บ้านโบราณอันเป็นผลจากข้อตกลงในการส่งทรัพย์สินทางวัฒนธรรมกลับประเทศ รูปปั้นไก่ตัวหนึ่งบนยอดโบสถ์มีน้ำหนัก 158 กิโลกรัม และทองคำ 140 กรัม ถูกนำมาใช้ในการปิดทองรูปปั้นส่วนหนึ่งของตัวโบสถ์ 


3.พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมอาคารสามพี่น้องแห่งลัตเวีย (Three Brothers, Latvian Museum of Architecture) 

3.พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมอาคารสามพี่น้องแห่งลัตเวีย (Three Brothers, Latvian Museum of Architecture) 

3.พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมอาคารสามพี่น้องแห่งลัตเวีย (Three Brothers, Latvian Museum of Architecture) 


3.พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมอาคารสามพี่น้องแห่งลัตเวีย (Three Brothers, Latvian Museum of Architecture) 

อีกหนึ่งจุดเช็คอินที่เที่ยวสำคัญอีกแห่งในกรุงรีกา ประเทศลัตเวีย กับสถาปัตยกรรมอาคารสามพี่น้อง เป็นอาคารที่ซับซ้อนประกอบด้วยบ้านสามหลัง ตั้งอยู่ในริกา ประเทศลัตเวีย บ้านเหล่านี้รวมกันเป็นอาคารพักอาศัยที่เก่าแก่ที่สุดในริกา บ้านแต่ละหลังแสดงถึงช่วงเวลาต่างๆ ของการพัฒนาการก่อสร้างบ้านพักอาศัย

อาคารที่อยู่เลขที่ 17 ถนน Maza Pils เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุด มีอายุตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 15 ภายนอกอาคารมีลักษณะเป็นหน้าจั่วขั้นบันไดอีกา การตกแต่งแบบโกธิก และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในยุคเรอเนซองส์ตอนต้น เดิมทีตัวอาคารประกอบด้วยห้องขนาดใหญ่หนึ่งห้องและห้องใต้หลังคาที่ใช้เป็นที่เก็บของ บ้านหลังนี้ได้รับการบูรณะในปี พ.ศ. 2498–57 โดยสถาปนิก Pēteris Saulītis


บ้านใกล้เคียงเลขที่ 19 ถนน Maza Pils มีภายนอกอาคารตั้งแต่ปี 1646 โดยมีประตูหินเพิ่มเข้ามาในปี 1746 รูปแบบของอาคารแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลจากลัทธิดัตช์

ส่วนบ้านหลังสุดท้ายของทั้งสามหลังตั้งอยู่ที่ 21 ถนน Maza Pils เป็นอาคารสไตล์บาโรกแคบๆ ซึ่งได้รับรูปลักษณ์ในปัจจุบันในช่วงปลายศตวรรษที่ 17

ปัจจุบัน อาคารสามพี่น้องเป็นที่ตั้งของการตรวจสอบของรัฐเพื่อการคุ้มครองมรดกและพิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมที่สำคัญของประเทศลัตเวีย


4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย)

4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย)

4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย)

4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย)

4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย)

4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย)


4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย) 

หอสมุดแห่งชาติลัตเวียช เป็นสถาบันวัฒนธรรมแห่งชาติภายใต้การดูแลของกระทรวงวัฒนธรรมลัตเวีย อาคารหลักในปัจจุบันเรียกว่าปราสาทแห่งแสง ด้วยสถาปัตยกรรมอาคารที่มีความสวยงามโดดเด่น หอสมุดแห่งชาติลัตเวียก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2462 หลังจากประกาศสาธารณรัฐลัตเวียอิสระในปี พ.ศ. 2461 ผู้ดูแลห้องสมุดคนแรกคือ เจนิส Misiņš บรรณารักษ์และเป็นผู้ก่อตั้งบรรณานุกรมวิทยาศาสตร์ลัตเวีย (พ.ศ. 2405-2488) อาคารปัจจุบันได้รับการออกแบบในปี 1989 โดยสถาปนิกชาวลัตเวีย - อเมริกันชื่อดัง Gunnar Birkerts (1925–2017) ซึ่งอพยพมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและประกอบอาชีพที่นั่น สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 และเปิดในปี 2014 ปัจจุบัน ห้องสมุดมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสังคมสารสนเทศของลัตเวีย โดยให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแก่ผู้อยู่อาศัย และสนับสนุนการวิจัยและการศึกษาเรียนรู้ให้กับนักเรียน นักศึกษา และประชาชนได้เข้าไปเรียนรู้ได้ทุกวัน 


5.อนุสาวรีย์อิสรภาพ (Freedom Monument) 

5.อนุสาวรีย์อิสรภาพ (Freedom Monument) 

5.อนุสาวรีย์อิสรภาพ (Freedom Monument) 


5.อนุสาวรีย์อิสรภาพ (Freedom Monument) 

อนุสาวรีย์เสรีภาพ เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ในเมืองริกา ประเทศลัตเวีย สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารที่เสียชีวิตระหว่างสงครามประกาศเอกราชลัตเวีย (พ.ศ. 2461-2463) ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเสรีภาพ เอกราช และอธิปไตยของลัตเวีย อนุสาวรีย์หินแกรนิต ทราเวอร์ทีน และทองแดงสูง 42 เมตร (138 ฟุต) เปิดตัวในปี 1935 มักทำหน้าที่เป็นจุดรวมตัวของการชุมนุมสาธารณะและพิธีกรรมอย่างเป็นทางการในริกา




6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market) 

6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market) 

6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market) 

6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market) 

6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market) 

6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market) 


6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market) 

ตลาดกลางริกา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปในเมืองริกา ประเทศลัตเวีย] เป็นหนึ่งในโครงสร้างที่โดดเด่นที่สุดจากศตวรรษที่ 20 ในลัตเวีย และได้รับการรวมอยู่ในรายชื่อมรดกโลกขององค์การยูเนสโกร่วมกับโอลด์ริกาในปี พ.ศ. 2541 มีการวางแผนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2465 และสร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2467 ถึง พ.ศ. 2473 โครงสร้างหลักของตลาดคือศาลา 5 หลังที่สร้างขึ้นโดยการนำโรงเก็บเครื่องบิน Zeppelin ของเยอรมันเก่ากลับมาใช้ใหม่ และผสมผสานสไตล์นีโอคลาสซิซิสซึ่มและอาร์ตเดโคเข้าไว้ด้วยกัน ตลาดแห่งนี้มีพื้นที่กว้าง 72,300 ตารางเมตร (778,000 ตารางฟุต) และมีแผงค้าขายมากกว่า 3,000 แผง

สถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลจากความต้องการในทางปฏิบัติเช่นเดียวกับนีโอคลาสสิก โรงเก็บเครื่องบิน Zeppelin ทำให้ศาลามีรูปลักษณ์และมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่สามารถเน้นสไตล์อาร์ตเดโคได้


7.สวนเวอร์มาน กรุงริกา (Vermane Garden Riga)

7.สวนเวอร์มาน กรุงริกา (Vermane Garden Riga)

7.สวนเวอร์มาน กรุงริกา (Vermane Garden Riga)

7.สวนเวอร์มาน กรุงริกา (Vermane Garden Riga)

7.สวนเวอร์มาน กรุงริกา (Vermane Garden Riga)


7.สวนเวอร์มาน กรุงริกา (Vermane Garden Riga)

เป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองริกา ประเทศลัตเวีย  และปัจจุบันมีพื้นที่ประมาณ 5 เฮกตาร์ (12 เอเคอร์) ชื่อปัจจุบันเป็นการทับศัพท์ภาษาลัตเวียจากชื่อดั้งเดิมของสวนในภาษาเยอรมัน

สวน Vērmane เดิมสร้างขึ้นเป็นสวนสาธารณะ Wöhrmann ในปี 1814 ในนามของผู้ว่าการรัฐลิโวเนีย ฟิลิป เพาลุชชี เพียงไม่กี่ปีหลังจากที่ชานเมืองริกาถูกเผาทำลายในช่วงที่มีการรุกรานรัสเซียของฝรั่งเศสก่อนการล้อมเมือง ริกา.การจัดหาเงินทุนและที่ดินสำหรับอุทยานได้รับการสนับสนุนจากกงสุลใหญ่ปรัสเซียนของริกา โยฮันน์ คริสตอฟ เวอร์มันน์ (พ.ศ. 2327-2386)  และมารดาของเขา แอนนา เกอร์ทรูด เวอร์มานน์ (née Abels, 1750-1827) 

ในปี ค.ศ.1881(ปี พ.ศ.2424) ผู้อำนวยการสวนและสวนสาธารณะเมืองริกา เกออร์ก คูฟัลดต์ได้ขยายอาณาเขตอุทยานอย่างมากโดยการโอนพื้นที่จัตุรัสในเมืองและส่วนหน้าของอาณาเขตติดกับวิทยาลัยนิกายกรีกออร์โธดอกซ์


8.มหาวิหารริกา (Riga Cathedral)

8.มหาวิหารริกา (Riga Cathedral)

8.มหาวิหารริกา (Riga Cathedral)


8.มหาวิหารริกา (Riga Cathedral)

โบสถ์อาสนวิหารเซนต์แมรี, คืออาสนวิหาร Evangelical Lutheran ในเมืองริกา ประเทศลัตเวีย เป็นที่ประทับของอัครสังฆราชแห่งริกา

อาสนวิหารแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในลัตเวีย และปรากฏในหรือเป็นหัวข้อเกี่ยวกับภาพวาด ภาพถ่าย และสารคดีการเดินทางทางโทรทัศน์ เช่นเดียวกับโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองนี้ ขึ้นชื่อเรื่องกังหันสภาพอากาศ

โดยทั่วไปโบสถ์แห่งนี้จะเรียกว่าอาสนวิหารโดม ซึ่งเป็นคำที่ฟังดูไพเราะเพราะคำว่า 'โดม' มาจากภาษาเยอรมันว่า Dom แปลว่า 'อาสนวิหาร' ในปี พ.ศ. 2554 ได้มีการเปลี่ยนหลังคาทองแดงเหนือทางเดินกลางโบสถ์ ในปี 2015 ภายนอกหอคอยก็ได้รับการชุบใหม่และโครงสร้างรองรับไม้ได้รับการปรับปรุงใหม่


เดินเข้ามาในย่านเมืองเก่า นอกจากโบสถ์วิหารเก่าแก่ และอาคารสถาปัตยกรรมสวยงามแล้ว ยังมีร้านอาหารและร้านขาของที่ระลึกหลายร้าน

ระหว่างเดินผ่านเข้ามาก็เห็นร้านขายตุ๊กตาตัวเล็กๆน่ารักมากๆค่ะ 

ร้านขายของที่ระลึกในเมืองรีกา ของฝากของประเทศลัตเวีย ที่นิยมซื้อไปสะสมเก็้บไว้ในตู้โชว์กัน 


อีกทั้งในย่านถนนคนเดินดังกล่าว ยังมีร้านคาเฟ่เล็กๆให้เข้าไปนั่งดื่ม ถ่ายรูปสวยๆกันอีกด้วย 

เดินทะลุออกจากย่านเมืองเก่า ข้ามถนนมาอีกไม่ไกลก็จะเป็นทางเดินติดริมแม่น้ำเดากาว่า (daugava river)
Daugava river in Riga city, Latvia
ซึ่งแม่น้ำ Daugava river ถือว่าเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ทีไหลผ่านเมืองรีกา 

เดินข้ามสะพานชมวิวแม่น้ำเดากาวา (Daugava river in Riga city, Latvia)


ในช่วงยามเย็นๆจะมีล่องเรือให้บริการแก่นักท่องเที่ยวด้วยค่ะ  ใครที่แวะมาเมืองรีกา ก็ไม่พลาดมาใช้บริการขึ้นเรือชมวิวทิวทัศน์ของเมืองนี้กันนะคะ 

เดินเที่ยวในเมืองจนเพลิน อย่าลืมพกร่มด้วยนะคะ เพราะฝนตกลงมาอย่างหนักเลยค่ะ 

กลับมาอาบน้ำ นอนพักผ่อนที่โรงแรม เป็นอันจบทริปเที่ยวเมืองริกา


กางร่มเดินเท้า กลับมาอาบน้ำ นอนพักผ่อนที่โรงแรม เป็นอันจบทริปเที่ยวเมืองริกา เมืองหลวงของประเทศลัตเวีย ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองสวยงามที่ต้องปักหมุดมาเที่ยวกันให้ได้ค่ะ และในเมืองรีกา ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจให้ไปเช็คอินถ่ายรูปภาพอีกหลายแห่งค่ะ 


และสำหรับบทความแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองรีกา ประเทศลัตเวีย ที่ได้นำเสนอไว้ในบทความบล็อกนี้ น่าจะมี ประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านทุกๆคนอยู่ไม่มากก็น้อย หากข้อมูลดังกล่าวที่ได้นำเสนอไปนั้น มีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอบพระคุณที่คลิ๊กเข้ามาอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในบทความถัดๆไปค่ะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน 


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น