แบ่งปันทริปการเดินทางแบกเป้คนเดียวไปเที่ยวประเทศลัตเวีย เยือนชมเมืองกรุงริกา เมืองหลวงแสนสวยงามติดทะเลบอลติกแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจให้ไปเช็คอินถ่ายรูปสวยๆกันบ้าง ตามไปกันเลยจ้า |
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านและเพื่อนๆที่รักการทัศนาจร เว้าวอนดวงหทัย สวยไฉไลเลิศเลอล้ำค่า ช่ะช่ะช่าหัวใจทุกๆคนอีกครั้งจ้า
วันนี้จะมาบอกเล่าเก้าสิบแบ่งปันการเดินทางท่องเที่ยวทวีปยุโรปในครั้งที่ 3 หลังจากที่หยุดหายไปเนื่องจากช่วงโคิดเป็นแรมปี และทริปนี้น่าจะเป็นประเทศที่เท่าไหร่ เดี๊ยนจำไม่ได้แล้ว ว่าตัวเองเดินทางไปกี่ประเทศ เอาเป็นว่าล่าสุดนี้ เดี๊ยนนั่งเครื่องบินมาเที่ยวที่ประเทศอังกฤษก่อนเลย ต่อด้วยประเทศนอร์เวย์- สวีเดน-ฟินแลนด์ -เอสโตเนีย ซึ่งได้เขียนรีวิวการเดินทางก่อนหน้าแล้วที่เว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2024/10/Backpack-travel-Tallinn-Estonia-lonely.html
และก็มาถึงบทความทริปนี้ถึงคราวมาบอกเล่าเรื่องราวของประเทศลัตเวียน โดยประเทศลัตเวีย เป็นอีกหนึ่งในประเทศที่เดี๊ยนปักหมุดไว้ว่าจะต้องเดินทางแบกเป้มาเที่ยวสักครั้ง โดยการจัดโปรแกรมเดินทริปนี้ เป็นการเดินทางเที่ยวต่อจากประเทศเอสโตเนีย ซึ่งก่อนจะเดินทางมา ก็ไปค้นหาข้อมูลการเดินทางไปยังประเทศนี้ว่าปลอดภัยไหม๊ น่ากลัวหรือเปล่า แต่เมื่อได้ไปอ่านข้อมูลจากคนที่มาบอกเล่าผ่าน Pantip หรือเว็ป Trip advisor แล้ว ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การเดินทางไปประเทศลัตเวียนนั้นสะดวกและปลอดภัย หายห่วง ทำให้เดี๊ยนรู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อยค่ะ
ซึ่งการเดินทางคนเดียวไปประเทศลัตเวียทริปนี้ เดี๊ยนเลือกนั่งรถบัสโดยสารจากกรุงทาลลินน์ประเทศเอสโตเนียมาค่ะ เพราะตอนแรกค้นหาเส้นทางรถไฟแล้ว ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สะดวก แนะนำให้นั่งรถบัสโดยสาร น่าจะง่ายที่สุด อีกทั้งราคาถูกกว่าด้วยค่ะ เนื่องจากคนที่นี่ส่วนใหญ่ก็เดินทางด้วยรถบัสโดยสารกันค่ะ
และการจองรถบัสโดยสารที่นี่ ก็สามารถจองผ่านออนไลน์ได้เลยค่ะ เรียกว่าสะดวกทีเดียว มีรถบัสโดยสารหลายบริษัทให้เลือก สามารถจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตได้ง่ายด้วย เอาเป็นว่าใครที่จะเดินทางมาเที่ยวกรุงริก้า ซึ่งประเทศลัตเวีย สามารถนั่งรถบัสประจำทางโดยสารมาได้ค่ะ แต่ก่อนที่จะไปดูรีวิวภาพการเดินทางท่องเที่ยว เราก็มาเปิดโลกกว้าง รู้จักประเทศลัตเวียกันก่อนสักเล็กน้อย
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงริกา ประเทศลัตเวีย เมืองสวยงามแห่งน่านน้ำทะเลบอลติก |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับกรุงริกา ประเทศลัตเวีย เมืองสวยงามแห่งน่านน้ำทะเลบอลติก
ประเทศลัตเวียอยู่ทางยุโรปตะวันออกเฉียงเหนือ มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศเอสโตเนียซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออกติดกับประเทศรัสเซีย ทางทิศใต้ติดกับประเทศลิทัวเนีย ทิศตะวันตกติดกับทะเลบอลติก ทางตะวันตกเฉียงเหนือติดกับอ่าวริก้า แผ่นดินด้านตะวันตกและทางตะวันตกเฉียงเหนือติดกับทะเล
เมืองหลวงชื่อ กรุงรีกา เป็นเมืองหลวงของประเทศลัตเวีย ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลบอลติก บนปากแม่น้ำเดากาวา (Daugava) |
มีเมืองหลวงชื่อ กรุงรีกา เป็นเมืองหลวงของประเทศลัตเวีย ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลบอลติก บนปากแม่น้ำเดากาวา (Daugava) มีพิกัดภูมิศาสตร์อยู่ที่ละติจูด 56°58′เหนือ กับลองจิจูด 24°8′ตะวันออก กรุงรีกาเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในกลุ่มรัฐบอลติก และเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรม การศึกษา การเมืองการปกครอง ธุรกรรม พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรมในแถบนี้
มีศูนย์ประวัติศาสตร์รีกา (Historic Centre of Riga) จนได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลกด้วย |
นอกจากนี้ในเมืองยัง มีศูนย์ประวัติศาสตร์รีกา (Historic Centre of Riga) จนได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลกด้วย
กรุงริกาก่อตั้งขึ้นในปี 1201 และเป็นอดีตสมาชิกสันนิบาตฮันเซียติก ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของริกาเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมอาร์ตนูโว/จูเกนด์สติล และสถาปัตยกรรมไม้สมัยศตวรรษที่ 19 ริกาเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปในปี 2014 ร่วมกับอูเมโอในสวีเดน ริกาเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอด NATO ปี 2549, การประกวดเพลงยูโรวิชันปี 2546, การแข่งขัน Curling Championship ของผู้หญิงโลกปี 2556 และการแข่งขันฮ็อกกี้น้ำแข็งโลกชาย IIHF ในปี 2549, 2564 และ 2566 ริกาเป็นที่ตั้งของสำนักงานหน่วยงานกำกับดูแลยุโรปเพื่อการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ของสหภาพยุโรป (เบเรค). ในปี 2017 ได้รับการขนานนามว่าเป็นภูมิภาคแห่งศาสตร์การทำอาหารแห่งยุโรป
เมืองรีกาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเงินที่สำคัญของรัฐบอลติก ประมาณครึ่งหนึ่งของงานทั้งหมดในลัตเวียอยู่ในริกา และเมืองนี้สร้าง GDP ของลัตเวียมากกว่า 50% |
สำหรับ เมืองรีกาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเงินที่สำคัญของรัฐบอลติก ประมาณครึ่งหนึ่งของงานทั้งหมดในลัตเวียอยู่ในริกา และเมืองนี้สร้าง GDP ของลัตเวียมากกว่า 50% และการส่งออกของลัตเวียประมาณครึ่งหนึ่ง ผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดคือผลิตภัณฑ์ไม้ ไอที การผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ยา การขนส่ง และโลหะวิทยา[80] ท่าเรือริกาเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในทะเลบอลติค โดยบรรทุกสินค้าได้ 34 ล้านตันในปี 2554[81] และมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตด้วยการพัฒนาท่าเรือใหม่บน Krievu Sala การท่องเที่ยวยังเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในริกา และหลังจากการชะลอตัวในช่วงเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในช่วงปลายทศวรรษ 2000 ก็เติบโตขึ้น 22% ในปี 2554 เพียงปีเดียว
ภูมิอากาศของริกาเป็นแบบทวีปชื้น (Köppen Dfb)[71] เดือนที่หนาวที่สุดคือเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ซึ่งอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -2.1 °C (28 °F) แต่อุณหภูมิต่ำสุดถึง -20 ถึง −25 °C (-4 ถึง −13 °F) สามารถสังเกตได้เกือบทุกปี วันที่หนาวที่สุด ความใกล้ชิดของทะเลทำให้เกิดฝนและหมอกในฤดูใบไม้ร่วงบ่อยครั้ง หิมะปกคลุมอย่างต่อเนื่องอาจกินเวลาแปดสิบวัน ฤดูร้อนในริกาอากาศไม่หนาวจัดและมีฝนตกชุก โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 18 °C (64 °F) ในขณะที่อุณหภูมิในวันที่ร้อนที่สุดอาจเกิน 30 °C (86 °F)
อีกทั้งในเมืองริกา ซึ่งมีตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เป็นศูนย์กลางและมีจำนวนประชากรหนาแน่น เป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานของลัตเวียมาโดยตลอด ถนนระดับชาติหลายสายเริ่มต้นในริกา และเส้นทางยุโรป E22 ข้ามริกาจากตะวันออกและตะวันตก ในขณะที่ Via Baltica ข้ามริกาจากทางใต้และทางเหนือ
แม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลผ่านลัตเวียคือแม่น้ำ เวสเทิร์นดวินา (ภาษาลัตเวียเรียกว่า daugava) |
โดยประเทศพื้นที่เกือบทั้งประเทศลัตเวียนั้นเป็นที่ราบที่อุดมสมบูรณ์สลับกับเนินสูง ประกอบด้วยแม่น้ำสายเล็กมากมาย แม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลผ่านลัตเวียคือแม่น้ำ เวสเทิร์นดวินา (ภาษาลัตเวียเรียกว่า daugava) เป็นที่ตั้งของเมืองใหญ่หลายแห่ง มีทะเลสาบมากกว่า 3,000 แห่ง ป่าไม้มีพื้นที่ประมาณ 2 ใน 5 ของประเทศแต่ทรัพยากรป่าไม้ได้รับการพัฒนาน้อย มียอดเขาสูงที่สุดชื่อ Gaizins มีความสูง 312 เมตรจากระดับน้ำทะเล
เมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ริกาจึงมีสะพานหลายแห่ง สะพานที่เก่าแก่ที่สุดคือสะพานรถไฟ ซึ่งเป็นสะพานขนทางรถไฟเพียงแห่งเดียวในริกา สะพานหิน (เอียง Akmens) เชื่อมต่อ Old Riga และ Pārdaugava; |
เนื่องจากเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ริกาจึงมีสะพานหลายแห่ง สะพานที่เก่าแก่ที่สุดคือสะพานรถไฟ ซึ่งเป็นสะพานขนทางรถไฟเพียงแห่งเดียวในริกา สะพานหิน (เอียง Akmens) เชื่อมต่อ Old Riga และ Pārdaugava; สะพานเกาะ (Salu เอียง) เชื่อมต่อ Maskavas Forštate และPārdaugava ผ่านZķusala; และสะพานผ้าห่อศพ (Vanšu เอียง) เชื่อมต่อ Old Riga และ Pārdaugava ผ่าน Ķīpsala ในปี พ.ศ. 2551 ระยะแรกของเส้นทางสะพานใต้ใหม่ (Dienvidu เอียง) ข้าม Daugava เสร็จสมบูรณ์ และเปิดให้สัญจรได้ในวันที่ 17 พฤศจิกายน
รถรางหรือ Tram ที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวในตัวเมืองรีกา |
สำหรับประเทศลัตเวียเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง มีดัชนีการพัฒนามนุษย์ในระดับสูง และประชากรมีเสรีภาพในการดำรงชีวิตสูง รวมทั้งยังเป็นประเทศที่ให้เสรีภาพทางด้านสื่อ การสื่อสาร และการแสดงออกทางการเมือง ลัตเวียเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป, ยูโรโซน, เนโท, สภายุโรป, สหประชาชาติ, สภารัฐทะเลบอลติก, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ, นอร์ดิก-บอลติกแปด, ธนาคารเพื่อการลงทุนนอร์ดิก, องค์การเพื่อเศรษฐกิจ ความร่วมมือและการพัฒนา, องค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป และองค์การการค้าโลก (เครดิต : https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศลัตเวีย)
หลังจากที่ได้อ่านข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเมืองรีกา เมืองหลวงของประเทศลัตเวียไปแล้ว ต่อไปก็ดูภาพรีวิวการเดินทางไปเที่ยวลัตเวียกันต่อเลยค่ะ
ออกจ่ากโรงแรมในย่านเมืองเก่ากรุงทาลลินน์ เดินแบกเป้มารถขึ้นรถเมล์ไปยังสถานีขนส่ง บขส.เพื่อเดินทางไปเที่ยวต่อยังประเทศลัตเวียค่ะ |
เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ เขียนต่อจากบทความต่อที่แล้ว : https://khunnaiver.blogspot.com/2024/10/Backpack-travel-Tallinn-Estonia-lonely.html
เช็คเอาท์ออกจ่ากโรงแรมในย่านเมืองเก่ากรุงทาลลินน์ เดินแบกเป้มารถขึ้นรถเมล์ไปยังสถานีขนส่ง บขส.เพื่อเดินทางไปเที่ยวต่อยังประเทศลัตเวียค่ะ
นั่งรถเมล์สาย 54 มาจากย่านเมืองเก่า มาลงที่สถานีขนส่ง บขส.เมืองทาลลินน์ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรค่ะ ตอนขึ้นรถมา ก็เปิด GPS มาด้วย เผื่อว่าจะได้กดกริ่งได้ทัน แต่พอมาถึงสถานีขนส่ง มีผู้โดยสารลงกันเยอะมากๆ เลยไม่ต้องกังวล ว่าจะนั่งเลยป้า่ยรถเมลไปค่ะ
เข้ามาก็มาตั้งหลักเข้าไปนั่งด้านในสถานี เพื่อดูป้า่ยจอมอนิเตอร์แสดงเวลารถบัสที่จะเดินทางไปยังกรุงรีกา ประเทศลัตเวียนั้น อยู่ที่ชานชลาหมายเลขอะไร ตอนนี้มาถึงก็ยัง งงๆ เพราะปวดฉี่มากๆค่ะ เดินวนหาห้องน้ำ ทิ้งกระเป๋าไว้ข้างนอก เพราะแบกเป้เข้าไปด้วยไม่ไหว
รถบัสออกจากสถานีขนส่งเมืองทาลลิน ประเทศเอสโตเนีย เวลา 13.00 เป๊ะเลยค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงสถานีขนส่ง บขส.กรุงรีกา ประเทศลัตเวียแล้วค่ะ
พอเข้ามาจุดเช็คอินของโรงแรม cinnamon sally backpackers hostel Riga ก็หายเหนื่อยเลยค่ะ เพราะว่ามีที่นั่งพักและมีน้ำดื่่มให้ทานฟรี อารมณ์เหมือนมานอนพักที่บ้าน ดูเป็นกันเองดีนะ
เตียงนอนแบบ Dormitory Bunk Bed ราคาตกคืนละ 970 บาทต่อคน ต่อคืน |
มีขนมปังบัน ขนมรังผึ้ง ทานกับไข่ต้มชีส และผักไม้เติมพลังงานไว้ให้เต็ม เพื่อจะได้มีแรงไปเดินย่อยอาหารตอนออกไปเที่ยวข้างนอกต่อค่ะ |
หลังจากรีวิวห้องพักบางส่วนของโรงแรม Cinnamon Sally Backpackers Hostel ที่พักสำหรับนักแบกเป้ไปแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาออกไปท่องเที่ยวในเมืองรีกา เมืองหลวงของประเทศลัตเวียกันต่อเลยค่ะ ซึ่งทางที่พักก็มีแผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองลัตเวียให้ด้วย
แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองงรีกา ประเทศลัตเวีย จุดที่ปากกาวงไว้ คือ แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในเมืองรีกา ที่สามารถเดินเท้าไปเที่ยวได้ด้วยตัวเอง |
แนะนำสรุปสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองกรุงรีกา ประเทศลัตเวีย ที่สามารถเดินทางด้วยเท้าเที่ยวได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ มีดังนี้
1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city) |
1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city) |
1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city) |
1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city) |
1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city) |
1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city) |
1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city) |
1.อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ (House of Blackheads Riga city)
เป็นอาคารที่ตั้งอยู่ในเมืองเก่าของเมืองริกา ประเทศลัตเวียอาคารเดิมสร้างขึ้นในปี 1334 ถือเป็นหนึ่งในจุดเช็คและอาคารสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นและสวยงามทีสุดอีกแห่ง โดยมีลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบโกธิค สร้างด้วยอิฐแดงอมชมพู อาคารเก่าแก่ร่วม 800 ปี เพื่อเป็นโกดัง สถานที่พบปะ และเฉลิมฉลองสำหรับพ่อค้า เป็นอาคารสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในริกา ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 15 มันยังถูกใช้โดยกลุ่มภราดรภาพแห่งแบล็คเฮดส์ ซึ่งเป็นสมาคมสำหรับพ่อค้าที่ยังไม่ได้แต่งงาน เจ้าของเรือ และชาวต่างชาติในริกา งานชิ้นสำคัญเสร็จสิ้นในต้นศตวรรษที่ 17 โดยเพิ่มการตกแต่งแบบแมนเนอริสม์เป็นส่วนใหญ่ ในศตวรรษที่ 19 ประติมากรรมบางชิ้นถูกสร้างขึ้นโดยการประชุมเชิงปฏิบัติการของ August Volz นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของต้นคริสต์มาสที่ได้รับการตกแต่งเป็นครั้งแรกซึ่งสร้างขึ้นในปี 1510
อาคารและเมืองเก่าส่วนใหญ่ถูกทิ้งระเบิดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2484 จากการสู้รบโดยกองทัพนาซีเยอรมันและโซเวียต แม้จะมีการประท้วงของคนในท้องถิ่นและผู้เชี่ยวชาญด้านการปกป้องอนุสาวรีย์ แต่ศพก็ถูกทำลายโดยรัฐบาลโซเวียตเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2491
ปัจจุบัน อาคารเฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ เป็นศูนย์จัดงานและพิพิธภัณฑ์ ในระดับบนเป็นที่ตั้งของห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ซึ่งมีการจัดงานอันทรงเกียรติมากมายในอดีต รวมถึงพิธีต้อนรับกษัตริย์ ราชินี และประธานาธิบดี ตลอดจนกิจกรรมทางวัฒนธรรม ที่ชั้น 1 คุณสามารถเยี่ยมชมตู้โบราณที่จัดแสดงคอลเลกชั่นนิทรรศการต่างๆให้ผู้สนใจได้เข้าชมอย่างน่าสนใจ
2.โบสถ์เซนต์ปีเตอร์แห่งเมืองริกา (St. Peter's Church, Riga) |
2.โบสถ์เซนต์ปีเตอร์แห่งเมืองริกา (St. Peter's Church, Riga) |
2.โบสถ์เซนต์ปีเตอร์แห่งเมืองริกา (St. Peter's Church, Riga) |
2.โบสถ์เซนต์ปีเตอร์แห่งเมืองริกา (St. Peter's Church, Riga) |
2.โบสถ์เซนต์ปีเตอร์แห่งเมืองริกา (St. Peter's Church, Riga) |
2.โบสถ์เซนต์ปีเตอร์แห่งเมืองริกา (St. Peter's Church, Riga)
เป็นโบสถ์นิกายลูเธอรันในเมืองริกา เมืองหลวงของลัตเวีย อุทิศให้กับนักบุญเปโตร เป็นโบสถ์ประจำตำบลของโบสถ์ Evangelical Lutheran แห่งลัตเวีย
การกล่าวถึงโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ครั้งแรกมีอยู่ในบันทึกตั้งแต่ปี 1209 โบสถ์แห่งนี้ก่อสร้างด้วยอิฐ จึงไม่เสียหายจากเหตุเพลิงไหม้เมืองในริกาในปีนั้น ประวัติความเป็นมาของคริสตจักรสามารถแบ่งออกเป็นสามยุคที่แตกต่างกัน: สองยุคเกี่ยวข้องกับรูปแบบอาคารแบบโกธิกและโรมาเนสก์ และยุคที่สามเกี่ยวข้องกับยุคบาโรกตอนต้น ส่วนตรงกลางของโบสถ์สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 ซึ่งรวมถึงช่วงแรก สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในช่วงเวลานี้อยู่ที่ผนังทางเดินด้านนอกและด้านในของเสาสองสามต้นในทางเดินกลางโบสถ์ ซึ่งรอบๆ มีการสร้างเสาขนาดใหญ่ขึ้นในภายหลัง
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โบสถ์แห่งนี้ได้สูญเสียวัตถุสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมไป นั่นคือสำริดเชิงเทียนสำริดซึ่งสร้างขึ้นในปี 1596 ซึ่งชาวเยอรมันจากริกานำไปที่เมือง Włocławek และตั้งถิ่นฐานใหม่ในช่วงปฏิบัติการ "Heim ins Reich" เพื่อผนวกดินแดนของโปแลนด์ เชิงเทียนที่มีความสูง 310 ซม. และกว้าง 378 ซม. ซึ่งก่อนหน้านี้เรียกว่าโคมไฟตั้งพื้น ได้รับคำสั่งจากสภาเมืองริกาจากโรงหล่อโลหะของ Hans Meyer's Riga หลังสงครามสิ้นสุดลง มันถูกจัดแสดงในมหาวิหารเซนต์แมรีแห่งอัสสัมชัญของWłocławek
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 ผลงานศิลปะยุคเรอเนซองส์ตอนปลายชิ้นนี้กลับคืนสู่บ้านโบราณอันเป็นผลจากข้อตกลงในการส่งทรัพย์สินทางวัฒนธรรมกลับประเทศ รูปปั้นไก่ตัวหนึ่งบนยอดโบสถ์มีน้ำหนัก 158 กิโลกรัม และทองคำ 140 กรัม ถูกนำมาใช้ในการปิดทองรูปปั้นส่วนหนึ่งของตัวโบสถ์
3.พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมอาคารสามพี่น้องแห่งลัตเวีย (Three Brothers, Latvian Museum of Architecture) |
3.พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมอาคารสามพี่น้องแห่งลัตเวีย (Three Brothers, Latvian Museum of Architecture) |
3.พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมอาคารสามพี่น้องแห่งลัตเวีย (Three Brothers, Latvian Museum of Architecture) |
3.พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมอาคารสามพี่น้องแห่งลัตเวีย (Three Brothers, Latvian Museum of Architecture)
อีกหนึ่งจุดเช็คอินที่เที่ยวสำคัญอีกแห่งในกรุงรีกา ประเทศลัตเวีย กับสถาปัตยกรรมอาคารสามพี่น้อง เป็นอาคารที่ซับซ้อนประกอบด้วยบ้านสามหลัง ตั้งอยู่ในริกา ประเทศลัตเวีย บ้านเหล่านี้รวมกันเป็นอาคารพักอาศัยที่เก่าแก่ที่สุดในริกา บ้านแต่ละหลังแสดงถึงช่วงเวลาต่างๆ ของการพัฒนาการก่อสร้างบ้านพักอาศัย
อาคารที่อยู่เลขที่ 17 ถนน Maza Pils เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุด มีอายุตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 15 ภายนอกอาคารมีลักษณะเป็นหน้าจั่วขั้นบันไดอีกา การตกแต่งแบบโกธิก และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในยุคเรอเนซองส์ตอนต้น เดิมทีตัวอาคารประกอบด้วยห้องขนาดใหญ่หนึ่งห้องและห้องใต้หลังคาที่ใช้เป็นที่เก็บของ บ้านหลังนี้ได้รับการบูรณะในปี พ.ศ. 2498–57 โดยสถาปนิก Pēteris Saulītis
บ้านใกล้เคียงเลขที่ 19 ถนน Maza Pils มีภายนอกอาคารตั้งแต่ปี 1646 โดยมีประตูหินเพิ่มเข้ามาในปี 1746 รูปแบบของอาคารแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลจากลัทธิดัตช์
ส่วนบ้านหลังสุดท้ายของทั้งสามหลังตั้งอยู่ที่ 21 ถนน Maza Pils เป็นอาคารสไตล์บาโรกแคบๆ ซึ่งได้รับรูปลักษณ์ในปัจจุบันในช่วงปลายศตวรรษที่ 17
ปัจจุบัน อาคารสามพี่น้องเป็นที่ตั้งของการตรวจสอบของรัฐเพื่อการคุ้มครองมรดกและพิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมที่สำคัญของประเทศลัตเวีย
4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย) |
4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย) |
4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย) |
4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย) |
4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย) |
4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย) |
4.National Library of Latvia (หอสมุดแห่งชาติลัตเวีย)
หอสมุดแห่งชาติลัตเวียช เป็นสถาบันวัฒนธรรมแห่งชาติภายใต้การดูแลของกระทรวงวัฒนธรรมลัตเวีย อาคารหลักในปัจจุบันเรียกว่าปราสาทแห่งแสง ด้วยสถาปัตยกรรมอาคารที่มีความสวยงามโดดเด่น หอสมุดแห่งชาติลัตเวียก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2462 หลังจากประกาศสาธารณรัฐลัตเวียอิสระในปี พ.ศ. 2461 ผู้ดูแลห้องสมุดคนแรกคือ เจนิส Misiņš บรรณารักษ์และเป็นผู้ก่อตั้งบรรณานุกรมวิทยาศาสตร์ลัตเวีย (พ.ศ. 2405-2488) อาคารปัจจุบันได้รับการออกแบบในปี 1989 โดยสถาปนิกชาวลัตเวีย - อเมริกันชื่อดัง Gunnar Birkerts (1925–2017) ซึ่งอพยพมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและประกอบอาชีพที่นั่น สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 และเปิดในปี 2014 ปัจจุบัน ห้องสมุดมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสังคมสารสนเทศของลัตเวีย โดยให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแก่ผู้อยู่อาศัย และสนับสนุนการวิจัยและการศึกษาเรียนรู้ให้กับนักเรียน นักศึกษา และประชาชนได้เข้าไปเรียนรู้ได้ทุกวัน
5.อนุสาวรีย์อิสรภาพ (Freedom Monument) |
5.อนุสาวรีย์อิสรภาพ (Freedom Monument) |
5.อนุสาวรีย์อิสรภาพ (Freedom Monument) |
5.อนุสาวรีย์อิสรภาพ (Freedom Monument)
อนุสาวรีย์เสรีภาพ เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ในเมืองริกา ประเทศลัตเวีย สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารที่เสียชีวิตระหว่างสงครามประกาศเอกราชลัตเวีย (พ.ศ. 2461-2463) ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเสรีภาพ เอกราช และอธิปไตยของลัตเวีย อนุสาวรีย์หินแกรนิต ทราเวอร์ทีน และทองแดงสูง 42 เมตร (138 ฟุต) เปิดตัวในปี 1935 มักทำหน้าที่เป็นจุดรวมตัวของการชุมนุมสาธารณะและพิธีกรรมอย่างเป็นทางการในริกา
6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market) |
6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market) |
6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market) |
6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market) |
6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market) |
6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market) |
6.ตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองรีกา (Riga Central Market)
ตลาดกลางริกา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปในเมืองริกา ประเทศลัตเวีย] เป็นหนึ่งในโครงสร้างที่โดดเด่นที่สุดจากศตวรรษที่ 20 ในลัตเวีย และได้รับการรวมอยู่ในรายชื่อมรดกโลกขององค์การยูเนสโกร่วมกับโอลด์ริกาในปี พ.ศ. 2541 มีการวางแผนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2465 และสร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2467 ถึง พ.ศ. 2473 โครงสร้างหลักของตลาดคือศาลา 5 หลังที่สร้างขึ้นโดยการนำโรงเก็บเครื่องบิน Zeppelin ของเยอรมันเก่ากลับมาใช้ใหม่ และผสมผสานสไตล์นีโอคลาสซิซิสซึ่มและอาร์ตเดโคเข้าไว้ด้วยกัน ตลาดแห่งนี้มีพื้นที่กว้าง 72,300 ตารางเมตร (778,000 ตารางฟุต) และมีแผงค้าขายมากกว่า 3,000 แผง
สถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลจากความต้องการในทางปฏิบัติเช่นเดียวกับนีโอคลาสสิก โรงเก็บเครื่องบิน Zeppelin ทำให้ศาลามีรูปลักษณ์และมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่สามารถเน้นสไตล์อาร์ตเดโคได้
7.สวนเวอร์มาน กรุงริกา (Vermane Garden Riga) |
7.สวนเวอร์มาน กรุงริกา (Vermane Garden Riga) |
7.สวนเวอร์มาน กรุงริกา (Vermane Garden Riga) |
7.สวนเวอร์มาน กรุงริกา (Vermane Garden Riga) |
7.สวนเวอร์มาน กรุงริกา (Vermane Garden Riga) |
7.สวนเวอร์มาน กรุงริกา (Vermane Garden Riga)
เป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองริกา ประเทศลัตเวีย และปัจจุบันมีพื้นที่ประมาณ 5 เฮกตาร์ (12 เอเคอร์) ชื่อปัจจุบันเป็นการทับศัพท์ภาษาลัตเวียจากชื่อดั้งเดิมของสวนในภาษาเยอรมัน
สวน Vērmane เดิมสร้างขึ้นเป็นสวนสาธารณะ Wöhrmann ในปี 1814 ในนามของผู้ว่าการรัฐลิโวเนีย ฟิลิป เพาลุชชี เพียงไม่กี่ปีหลังจากที่ชานเมืองริกาถูกเผาทำลายในช่วงที่มีการรุกรานรัสเซียของฝรั่งเศสก่อนการล้อมเมือง ริกา.การจัดหาเงินทุนและที่ดินสำหรับอุทยานได้รับการสนับสนุนจากกงสุลใหญ่ปรัสเซียนของริกา โยฮันน์ คริสตอฟ เวอร์มันน์ (พ.ศ. 2327-2386) และมารดาของเขา แอนนา เกอร์ทรูด เวอร์มานน์ (née Abels, 1750-1827)
ในปี ค.ศ.1881(ปี พ.ศ.2424) ผู้อำนวยการสวนและสวนสาธารณะเมืองริกา เกออร์ก คูฟัลดต์ได้ขยายอาณาเขตอุทยานอย่างมากโดยการโอนพื้นที่จัตุรัสในเมืองและส่วนหน้าของอาณาเขตติดกับวิทยาลัยนิกายกรีกออร์โธดอกซ์
8.มหาวิหารริกา (Riga Cathedral) |
8.มหาวิหารริกา (Riga Cathedral) |
8.มหาวิหารริกา (Riga Cathedral) |
8.มหาวิหารริกา (Riga Cathedral)
โบสถ์อาสนวิหารเซนต์แมรี, คืออาสนวิหาร Evangelical Lutheran ในเมืองริกา ประเทศลัตเวีย เป็นที่ประทับของอัครสังฆราชแห่งริกา
อาสนวิหารแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในลัตเวีย และปรากฏในหรือเป็นหัวข้อเกี่ยวกับภาพวาด ภาพถ่าย และสารคดีการเดินทางทางโทรทัศน์ เช่นเดียวกับโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองนี้ ขึ้นชื่อเรื่องกังหันสภาพอากาศ
โดยทั่วไปโบสถ์แห่งนี้จะเรียกว่าอาสนวิหารโดม ซึ่งเป็นคำที่ฟังดูไพเราะเพราะคำว่า 'โดม' มาจากภาษาเยอรมันว่า Dom แปลว่า 'อาสนวิหาร' ในปี พ.ศ. 2554 ได้มีการเปลี่ยนหลังคาทองแดงเหนือทางเดินกลางโบสถ์ ในปี 2015 ภายนอกหอคอยก็ได้รับการชุบใหม่และโครงสร้างรองรับไม้ได้รับการปรับปรุงใหม่
เดินเข้ามาในย่านเมืองเก่า นอกจากโบสถ์วิหารเก่าแก่ และอาคารสถาปัตยกรรมสวยงามแล้ว ยังมีร้านอาหารและร้านขาของที่ระลึกหลายร้าน |
ระหว่างเดินผ่านเข้ามาก็เห็นร้านขายตุ๊กตาตัวเล็กๆน่ารักมากๆค่ะ |
ร้านขายของที่ระลึกในเมืองรีกา ของฝากของประเทศลัตเวีย ที่นิยมซื้อไปสะสมเก็้บไว้ในตู้โชว์กัน |
อีกทั้งในย่านถนนคนเดินดังกล่าว ยังมีร้านคาเฟ่เล็กๆให้เข้าไปนั่งดื่ม ถ่ายรูปสวยๆกันอีกด้วย
เดินทะลุออกจากย่านเมืองเก่า ข้ามถนนมาอีกไม่ไกลก็จะเป็นทางเดินติดริมแม่น้ำเดากาว่า (daugava river)Daugava river in Riga city, Latvia |
เดินข้ามสะพานชมวิวแม่น้ำเดากาวา (Daugava river in Riga city, Latvia) |
ในช่วงยามเย็นๆจะมีล่องเรือให้บริการแก่นักท่องเที่ยวด้วยค่ะ ใครที่แวะมาเมืองรีกา ก็ไม่พลาดมาใช้บริการขึ้นเรือชมวิวทิวทัศน์ของเมืองนี้กันนะคะ
กลับมาอาบน้ำ นอนพักผ่อนที่โรงแรม เป็นอันจบทริปเที่ยวเมืองริกา |
0 ความคิดเห็น